ดุจจันทร์ดั้นเมฆ: หอมดึก (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
‘ตรีเมฆ’ ไม่ได้เกิดมามีชีวิตเลวร้าย เขาไม่ได้มีปมด้อยจนต้องสร้างจุดเด่น ตรงกันข้ามเขามีพร้อมทุกอย่าง แต่ความ ‘พร้อม’ นั้นทำให้ชายหนุ่มใช้ชีวิตอย่างประมาทจนสุดท้ายต้องถูกตราหน้าว่าเป็น ‘ไอ้ขี้คุก’ เขาผลาญทำลายชีวิตทุกคนที่รักเขา และในวันที่เขาได้รับอิสรภาพทางกาย จิตใจเขากลับถูกความรู้สึกผิดพันธนาการแน่นหนา

‘จันทน์กะพ้อ’ หล่อนมองโลกใบนี้สวยงามไปเสียหมด มองทุกอย่างเป็นบวกจนบางครั้งพลาดพลั้งกลายเป็นเหยื่อได้ง่ายๆ แต่หล่อนกลับไม่สิ้นหวังที่จะมองแต่แง่งามของชีวิต เมื่อก้าวเข้ามาในครอบครัวที่เว้าแหว่งของตรีเมฆ หล่อนกล้าๆ กลัวๆ ชายหนุ่มห่าม ดิบ เถื่อนที่พ่วงมากับป้าชราและเด็กน้อยผู้น่าสงสาร

เขามันต้องตำราผู้ชายที่พ่อสอนนักหนาว่าให้อยู่ห่างๆ เข้าไว้

ใจหนึ่งหล่อนก็อยากทำอย่างนั้น แต่อีกใจก็อยากเอาชนะความหยาบกระด้างของเขา อยากให้คนที่เอาแต่มองโลกตาขวาง หันมาเห็นแง่งามของชีวิตเสียบ้าง

แต่โดยที่หล่อนไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ ดวงตาคมดุคู่นั้นกลับเอาแต่จับจ้องหล่อนไม่วาง ในเมื่อหล่อนกล้ามาส่องแสงวับๆ แวมๆ ในหัวใจที่มืดดำของเขา เมฆร้ายก้อนนี้ก็จะโอบล้อม ตีประชิด กักกั้นไว้ไม่ให้หล่อนเคลื่อนคล้อยหนีหายไปทางไหนได้อีกเลย


*********************

นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นแนวโรแมนติกดราม่า พาฟิน และอบอวลในหัวใจมากๆ ค่ะ นอกจากนี้ยังมีความน่ารักของครอบครัวที่มาพร้อมกับปัญหาสังคมในแง่มุมต่างๆ ด้วย หอมดึกบอกเล่าชีวิตคนรากหญ้าผ่านตัวละครได้มีมิติมากๆ #รับประกันความสนุกเช่นเคย!


***************************

นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ

***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***

1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ

2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile

3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks

4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee

หนังสือพร้อมส่ง

คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)

สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)

หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"

***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 1 -100%

“ยินดีต้อนรับอาจารย์ใหม่ค่ะ มาเริ่มงานได้เลยวันจันทร์หน้านะคะ เพราะนี่ก็ใกล้จะเปิดเทอมเต็มทีแล้ว”

น้ำเสียงนุ่มนวลสมความอาวุโสของผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคแห่งนั้นทำให้ใบหน้ารูปไข่เรียวเล็กเบิกบานขึ้น ดวงตากลมโตเปล่งประกาย ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มกว้าง สองมือประนมกันไหว้อาจารย์อาวุโสผู้นั้นก่อนจะกล่าวลาแล้วเดินออกมานอกห้อง ความดีใจจนเกือบไม่เชื่อหูตัวเองทำให้หล่อนงวยงงขึ้นลงบันไดตึกสามชั้นอยู่สองสามรอบก่อนจะตั้งสติได้

การตกงานมาหลายต่อหลายเดือนในเมืองใหญ่ใกล้กรุงเทพฯ แบบนี้ ทำให้หล่อนได้ลิ้มรสความลำบากของการออกมาเผชิญโลกกว้างเพียงลำพัง จันทน์กะพ้อไม่อยากโทร.ไปขอเงินจากทางบ้านอีกแล้ว หล่อนไม่อยากฟังพี่ๆ บ่นให้รีบกลับบ้าน ไม่อยากได้ยินเสียงอ่อนนุ่มแต่แฝงไว้ด้วยความห่วงใยและเป็นกังวลของพ่อ

งานใหม่ที่ได้นี้แม้จะเป็นเพียงตำแหน่งอาจารย์อัตราจ้างแต่หล่อนก็ยังดีใจ ต่อไปจันทน์กะพ้อจะสอบข้าราชการให้ได้จะได้มีชีวิตที่มั่นคงและยืนด้วยขาของตัวเองได้จริงๆ เสียที แต่วันนี้สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกคือการหาที่พักใกล้ๆ แถวนี้ และรีบย้ายออกจากห้องพักของเพื่อนสาวที่มักจะพาแฟนหนุ่มมาค้างด้วยบ่อยๆ นั่นเสียที หล่อนอดทนกับความกระอักกระอ่วนนี้มาเป็นเดือนแล้ว

หญิงสาวสาวเท้าออกมาจากรั้ววิทยาลัยที่มีนักศึกษาเดินกันอยู่ขวักไขว่ ย่านริมคลองนั้นช่างคึกคักยิ่งนัก แถวนั้นมีหอพักตั้งอยู่มากมาย ทั้งราคาแพงแบบห้องหรูอยู่สบายกับที่ปลูกเป็นห้องแถวแบกะดินพออยู่ได้ ซึ่งประเภทหลังคือหอพักแบบที่หล่อนมองหาอยู่ตอนนี้ เงินที่เหลืออยู่ในบัญชีของหล่อนคงพอจะจ่ายได้ไม่เกินเดือนละสองพันบาทเท่านั้น

หญิงสาวเดินตามคูคลองขนาดใหญ่ลึกเข้าไปอีกหน่อยหากยังพอมองเห็นแนวรั้วของวิทยาลัย หล่อนไม่อยากเสียค่าเดินทางนี่นา หล่อนพบตึกแถวสภาพค่อนข้างเก่าแห่งหนึ่ง สร้างเป็นรูปตัวแอลง่ายๆ ด้านหน้าจอดมอเตอร์ไซค์ของผู้เช่าเรียงรายค่อนข้างเป็นระเบียบ ปลูกต้นมะยมและขนุนใหญ่ออกลูกดกน่าสอยไว้ด้านหน้า เมื่อเดินเข้าไปจึงเห็นว่ามีทางเดินต่อลึกเข้าไปอีกด้านในซึ่งมีบ้านไม้เรือนไทยเก่าขนาดใหญ่ซ่อนตัวอยู่ในเงาร่มรื่นของไม้ผลนานาชนิด

มันให้ความรู้สึกร่มรื่นเหมือนบ้าน...หญิงสาวนึกชอบหอพักนี้ขึ้นมาทันที

“ป้าคะ ขอโทษนะคะ หนูอยากติดต่อขอเช่าห้องที่นี่น่ะค่ะ พอมีห้องว่างไหมคะ” หล่อนถามหญิงสูงวัยร่างผอมที่กำลังกวาดใบไม้อยู่ที่ลานกว้างระหว่างหอพักกับเรือนไม้ด้านหลัง

“พอมีหนู จะเช่ากี่เดือนล่ะ”

“น่าจะอยู่เป็นปีค่ะ หนูเพิ่งได้งานเป็นอาจารย์ที่วิทยาลัยนี้ค่ะ”

“เอ...ห้องแถวนี่คับแคบนะหนู มีแต่ห้องโล่งๆ เตียงไม้กับห้องน้ำในตัวเท่านั้นเอง หนูเป็นอาจารย์อาจไม่เหมาะมั้ง”

“ราคาเท่าไรคะ”

“เดือนละพันแปดร้อยบาทรวมน้ำไฟจ้ะ”

“หนูตกลงเช่าค่ะ หนูไม่มีเงินมากนักเพราะตกงานมาหลายเดือนแล้ว”

“ไม่เป็นไรๆ ไปดูห้องก่อนไหม ป้าเลือกให้ เอาห้องที่ดีหน่อย แต่ก็อย่างว่าละนะห้องแถวธรรมดามันก็เหมือนๆ กัน มันไม่สบายสักเท่าไรหรอก ป้าแก่แล้วไร้เรี่ยวแรงจะดูแล”

“ห้องแถวนี้ของคุณป้าเองหรือคะ”

“ใช่จ้ะ ป้ามันตัวคนเดียว มีแรงทำได้เท่านี้ละ เข้ามาดูก่อน ห้องเก่าหน่อยนะ พวกนักศึกษาเช่าบางทีทำเลอะเทอะ ย้ายออกทีป้าแทบเป็นลม แต่ก็นั่นละ สมัยนี้บ่นไปเขาก็ย้ายออกไปอยู่ที่อื่น ห้องเช่ามีมากมาย เด็กๆ เขาไม่ง้อเรา บางที่มีอินเทอร์เน็ตให้ฟรี มีร้านเล่นเกมอยู่ใกล้ๆ เขาก็ชอบกัน เช่าแพงไม่เกี่ยงเพราะพ่อแม่จ่ายนี่นะ”

“หนูอยู่ได้ค่ะ ทำความสะอาดสักหน่อยก็ใช้ได้แล้ว” จันทน์กะพ้อกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องที่ไม่นับว่าแคบแต่ก็ไม่ได้กว้างขวางนัก ห้องนั้นมีหน้าต่างสองด้าน มีห้องน้ำเล็กๆ พอได้อาบ ซักล้างได้ เตียงวางไว้ชิดมุมเหลือที่ให้ตั้งโต๊ะ ปูเสื่อไว้นอนเล่นได้อีกผืน ราคาและทำเลที่ตั้งของมันทำให้หล่อนตัดสินใจได้ทันที

“หนูตกลงเช่าค่ะ ต้องจ่ายงวดแรกเท่าไรคะ”

“จ่ายค่าเช่าเดือนแรกก็พอแล้วหนู” ป้าที่หล่อนมาทราบชื่อทีหลังว่าป้ามาลีเอ่ยยิ้มๆ

“ป้าว่าหนูอัธยาศัยดี เป็นครูบาอาจารย์ด้วย พอดีเลย ป้ามีหลานชายตัวเล็กๆ จะได้อาศัยสอนการบ้านให้ ตอนนี้ไปโรงเรียนยังไม่กลับ”

“ได้เลยค่ะ ถ้าอย่างนั้นหนูย้ายมาอยู่พรุ่งนี้เลยนะคะ”

“ได้จ้ะ”

เกือบเที่ยงของวันรุ่งขึ้น จันทน์กะพ้อก็กลับมาที่ห้องแถวป้ามาลีที่มีชื่อว่า ‘ห้องแถวตรีเนตร’ ตามชื่อสามีที่เสียไปแล้วของนาง พร้อมข้าวของทั้งหมดที่สะสมมาตลอดเวลาเกือบหนึ่งปีที่คิดมาหางานทำในกรุงเทพฯ หลังจากเรียนจบและเงินในกระเป๋าที่พร่องลงไปอีกสองพันบาท

‘จันทน์ เธอจะไม่ช่วยเราจ่ายค่าหอเดือนนี้เหรอ นี่มันวันที่สิบแล้วนะ ถ้าเธอไม่ช่วยเราก็ลำบากเลย’

เพื่อนที่เธอมาขออาศัยอยู่ด้วยชั่วคราวบอกอย่างนั้น จันทน์กะพ้อจำต้องควักเงินให้เพื่อนไปสองพันบาท ก่อนจะหอบหิ้วของใส่ท้ายรถแท็กซี่และเบาะหลังก่อนจะจากมาอย่างรวดเร็ว

หล่อนขนของเข้าไปในห้องจนเรียบร้อย ป้ามาลีเจ้าของห้องแถวตรีเนตรก็มาช่วยดูนั่นนี่แล้วก็หายขึ้นบ้านไปเตรียมมื้อเที่ยง ไม่นานก็หิ้วหม้อแกงไก่มาฝากหล่อนถึงห้อง น้ำใจนั้นทำให้คนที่กำลังเหนื่อยแทบขาดใจน้ำตาคลอ หล่อนคิดถึงแม่ที่ไม่มีโอกาสได้เจอกัน แม่...ที่เสียไปตั้งแต่วินาทีที่คลอดหล่อนออกมา

ป้ามาลีพยักพเยิดให้หล่อนพักผ่อนตามสบายแล้วเดินหนีออกจากห้องไปราวกับไม่อาจทนเห็นน้ำตาของอีกฝ่าย วันนี้วันเสาร์ หลานชายตัวน้อยกำลังดูรายการโทรทัศน์อยู่บนบ้านและกำลังซนน่าดู นางไม่อยากห่างหูห่างตานานนัก นางตั้งใจไว้แล้วด้วยว่าต้องหาเวลาว่างสักวันพาหลานชายลงมาทำความรู้จักกับสมาชิกใหม่เสียหน่อย เด็กสาวหน้าตาซื่อๆ ท่าทางเรียบร้อยหาได้ยากนักสมัยนี้ นางมาลีรู้สึกถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็น

คืนแรกในห้องแถวปลูกกับดินที่พักใหม่ของจันทน์กะพ้อ ผ่านไปอย่างไม่ค่อยราบรื่นนัก...แสงไฟจากมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งเข้ามาจอดกับเงาของเพื่อนร่วมห้องแถวที่เดินผ่านไปมาดึกๆ ดื่นๆ แถมยังไม่เกรงใจใครพูดคุยกันเสียงดัง ไม่นานก็มีเสียงด่าทอดังมาจากห้องข้างๆ ห้องหล่อน ก่อนจะมีเสียงด่ากลับไปอีกสามสี่หน จันทน์กะพ้อเงี่ยหูฟังแต่ไม่ได้ยินเสียงป้าเจ้าของห้องแถว หล่อนไม่คิดว่าป้าแก่ๆ ตัวคนเดียวจะกล้าลุกมาสู้รบตบมือกับผู้เช่ายามค่ำคืนอย่างนี้หรอก ไม่แปลกใจเลยที่ตึกแถวของนางทรุดโทรมลงไปค่อนข้างเร็วขนาดนี้

“เฮ้อ...” จันทน์กะพ้อระบายลมหายใจ ก่อนจะลุกขึ้นเช็กทั้งประตูและหน้าต่างล็อกอย่างแน่นหนาอีกรอบ แล้วรื้อตู้เสื้อผ้าหาผ้าคลุมไหล่มาสองผืน ใช้ที่หนีบผ้าหนีบมุมทั้งสี่ติดกับกรอบหน้าต่าง ภายในห้องค่อยมืดลงพอให้เอนตัวลงนอนได้ เสียงพัดลมตัวเล็กของหล่อนหมุนหึ่งๆ กล่อมให้หญิงสาวหลับไปในตอนเกือบค่อนรุ่งอย่างอ่อนล้า



****************



วันรุ่งขึ้นอาจารย์สาวคนใหม่ก็ได้พบกับหลานชายตัวน้อยของป้ามาลีเจ้าของห้องแถว เขาเดินมาเคาะประตูหน้าห้องหล่อนตอนสาย หล่อนกำลังจะแกะน้ำเต้าหู้ร้อนๆ ที่เพิ่งเดินข้ามคลองไปซื้อมาจากตลาดหน้าวิทยาลัยเพื่อดื่มเป็นมื้อเช้าอยู่พอดี จันทน์กะพ้อเดินมาเปิดประตูห้อง แล้วหล่อนก็ต้องยิ้มกว้างกับเด็กชายร่างเล็กอ้วนกลม ผมเกรียน แก้มเป็นพวงแดงเต่งน่าหยิกคนนั้น

“มีอะไรจ๊ะหนู”

“ยายให้มาชวนคุณครูไปทานข้าวเช้าด้วยกันครับผม”

เด็กชายพูดชัดถ้อยชัดคำไม่ตกหล่นแม้แต่น้อย จันทน์กะพ้ออมยิ้มกับคำเรียกขานว่า ‘คุณครู’ มันฟังดูรื่นหูดีนักแล

“ขอครูจันทน์แต่งตัวใหม่สักแป๊บนะจ๊ะ รอเดี๋ยว” หล่อนร้องบอกก่อนผลุบหายเข้าไปในห้องได้ไม่นานก็ออกมาในชุดกางเกงผ้ายืดรัดรูปร่างบอบบางกับเสื้อแขนสามส่วนคลุมสะโพกลำลองพอใช้ หล่อนมัดผมยาวรวบเป็นหางม้าไว้ด้านหลังเปิดเผยใบหน้าอ่อนใส เครื่องหน้ากระจุ๋มกระจิ๋มน่าดู

เด็กชายยังยืนรอหล่อนอยู่หน้าห้องโดยไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย

“ชื่ออะไรจ๊ะหนู”

“ตรีเพชรครับ” เขาตอบชัดถ้อยชัดคำ จันทน์กะพ้อเบิกตาโตพลางชม “ชื่อเพราะจริง” เด็กชายอมยิ้มแก้มตุ่ย

“ครูชื่ออะไรครับ”

“จันทน์กะพ้อจ้ะ เป็นชื่อดอกไม้ชนิดหนึ่ง หอมๆ ดอกสีขาวนวลๆ บ้าง ชมพูบ้าง” หล่อนบอกง่ายๆ

“ยายก็ชื่อแปลว่าดอกไม้”

“ใช่จ้ะ เพชรเก่งจัง”

“ขอบคุณครับ ชื่อผมเป็นชื่ออาวุธนะ ใหญ่ด้วย”

“โอ้โห จริงเหรอครับ”

“ครับผม ชื่อผมเป็นอาวุธที่ฆ่ายักษ์อะครับ” เด็กชายคุยโตยิ้มกว้าง ตามองถุงน้ำเต้าหู้ในมือหญิงสาวอย่างสนใจแต่ไม่พูดอะไร เขาเดินนำหล่อนผ่านลานหน้าบ้านที่อยู่ห่างจากห้องแถวตรีเนตรออกมาอย่างเป็นสัดส่วน มีพุ่มมะลิต่ำๆ ปลูกเป็นแนวส่งกลิ่นหอมกรุ่น มะม่วงสุกหล่นอยู่ที่พื้นสามสี่ลูก ตรีเพชรอดใจไม่ไหวเก็บมันติดมือมาด้วย เขาพาคุณครูสาวเดินตรงไปยังใต้ถุนบ้านไม้หลังใหญ่หลังนั้น ตรงเข้าไปที่ครัวหลังบ้าน จันทน์กะพ้อเห็นมีรถยนต์จอดอยู่สองคัน คลุมด้วยผ้าคลุมเก่าซีด และรถจักรยานยนต์คันใหญ่อีกคันจอดไว้ข้างเสา บ้านเงียบสงบให้ความรู้สึกเหมือนบ้านชาวสวนในชนบททั่วไป มีเพียงเสียงตำน้ำพริกโป๊กๆ ดังมาจากในครัว

“แกงส้มปลาช่อนนะหนูเช้านี้ ป้าไปตลาดเช้าได้ปลาช่อนมาตัวเบ้อเริ่ม แกงเต็มหม้อกินสองคนคงไม่ไหว เลยให้เจ้าเพชรไปตามหนูมากินด้วยกัน”

“ขอบคุณค่ะป้า ให้จันทน์ช่วยนะ”

“จะเสร็จแล้วละลูก ช่วยปอกมะม่วงสุกกับจัดสำรับก็แล้วกันนะ เป็นยังไงเจ้าเพชร นี่ละคุณครูคนใหม่ของเจ้า ฝากเนื้อฝากตัวเอาไว้สิ”

“ครับ” ตรีเพชรอมยิ้ม จะเป็นยังไง เขาก็ชอบเอาเลยน่ะสิ คุณครูพูดเพราะแถมชมเขาตั้งหลายคำ ทั้งยังสวยอีกต่างหาก

เช้าวันนั้นมิตรใหม่ทั้งสามนั่งรับประทานอาหารเช้ากันในบ้านสวนด้านหลังโดยที่ความวุ่นวายจากชีวิตชาวห้องแถวในวันสุดสัปดาห์เข้าไปไม่ถึง จันทน์กะพ้ออยู่ช่วยล้างจาน เก็บครัว และสอนอ่านเขียนเล็กๆ น้อยๆ ให้เด็กชายตรีเพชรจนสายก็ขอตัวกลับห้องเพื่อไปเตรียมตัวสำหรับการเริ่มงานวันแรกในเช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่หล่อนเดินพ้นแนวต้นไม้ใหญ่ของบ้านเจ้าของห้องแถว ชายฉกรรจ์สามสี่คนที่กำลังดวดเหล้ากันอยู่ที่ม้าหินอ่อนใต้ต้นมะยมก็ส่งเสียงทักทายอันน่าคลื่นไส้ขึ้น

“อ๊ะๆ นี่นะหรือ น้องสาวห้องสิบสี่คนใหม่ พี่เทพห้องเจ็ดหัวใจยังว่างนะจ๊ะ”

“หืม ไอ้เทพ น้องเขาสวยยังกับนางฟ้า ดูหน้ามึงยังกับคางคก ที่สำคัญโสดกะผีสิมึง เมียมึงล้างขี้อยู่ส้วมที่ปั๊มน้ำมันโน่นไม่ใช่เรอะ ฮ่าๆๆๆ”

“ต้องพี่ศักดิ์สิจ๊ะ คนห้องติดกัน เหงาเมื่อไหร่ เกาข้างฝาบอกพี่ได้นะ ฮ่าๆๆๆ” เสียงหัวเราะโห่ฮาป่าเถื่อนนั้นทำให้จันทน์กะพ้อก้มหน้าสาวเท้าไวขึ้นอีกจนแทบหอบเมื่อไปถึงหน้าห้องตนเอง หล่อนไขกุญแจห้อง เปิดประตูเข้าไปแล้วล็อกไว้อย่างแน่นหนา ไม่เปิดรับลมอย่างที่หลายๆ ห้องทำกันในสายวันอาทิตย์เช่นนี้

‘ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย ถ้าไม่ใช่พ่อ ไม่ใช่พี่ หนูอย่าได้ไว้ใจ หลบได้เป็นหลบ หลีกได้เป็นหลีกให้ไกล โดยเฉพาะพวกที่ชอบกินเหล้า เหล้ามันเปลี่ยนนิสัยคนได้ ทำให้คนที่เลวอยู่แล้วเลวยิ่งขึ้นไปอีก จำคำพ่อไว้นะลูก’ 

จันทน์กะพ้อไม่เคยลืมคำสอนของพ่อ พอเข้าห้องได้หล่อนก็คว้าโทรศัพท์กดโทร.หาพ่อคำจันทร์ผู้ชราทันที พูดคุยกันได้ราวชั่วโมงกว่าจิตใจหล่อนก็สงบลง แม้หล่อนจะไม่ได้บอกผู้เป็นพ่อเรื่องสภาพความเป็นอยู่ของที่พัก แต่ความรักความเมตตาของท่านก็ทำให้หล่อนอุ่นใจได้มากโข จันทน์กะพ้อรู้ว่าพ่อรักและห่วงหล่อนมากจึงเล่าแต่เรื่องที่หล่อนได้งานเป็นอาจารย์วิทยาลัยเทคนิคซึ่งทำให้ท่านปลาบปลื้มยิ่งนัก หล่อนเป็นลูกติดพ่อ และดูเหมือนบางครั้งพ่อก็ติดหล่อนไม่น้อยไปกว่ากัน พ่อมักบอกกับพี่ๆ ว่าสงสารจันทน์กะพ้อที่เกิดมาไม่ได้เห็นหน้าแม่ ไม่ได้รับความรักความอบอุ่นจากอกแม่ พ่อจึงทั้งรักทั้งห่วงหล่อนเสียยิ่งกว่าไข่ในหิน หลังจากแม่ตายพ่อผู้เป็นหนุ่มใหญ่มีฐานะไม่เลวนักก็ไม่ได้เหลียวแลหญิงใดอีกเลย

‘กลัวเขาไม่รักลูกเราเท่าที่เรารัก’

พ่อบอกอย่างนั้นและปฏิบัติตัวเป็นทั้งพ่อและแม่ที่ดีให้หล่อนเสมอมา ดังนั้นแม้จันทน์กะพ้อจะขาดแม่แต่หล่อนไม่เคยขาดความรักเลย ก่อนวางสายพ่ออวยพรให้หล่อนประสบความสำเร็จในการทำงานวันแรกและย้ำว่าอย่าลืมสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอนเสมอ

ในเวลาเดียวกันบนบ้านสวนตรีเนตรเอง

หลังจากจันทน์กะพ้อกลับห้องแถวไปแล้ว ป้ามาลีเอาแต่นั่งเท้าแขนมองเด็กชายตรีเพชรขีดเขียนระบายสีเล่นบนหนังสือหัดอ่านหัดเขียนที่ทางโรงเรียนมีมาให้ ระหว่างนั้นโทรทัศน์ออกข่าวสารพัดเรื่องราวส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องร้ายที่ทำให้หัวอกหัวใจหญิงวัยใกล้หกสิบสั่นคลอน หลายครั้งนางต้องจ้องมองหัวทุยๆ ของเจ้าตรีเพชรนิ่งจนเจ้าตัวรู้ตัว เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ นางยิ้มตอบอ่อนๆ ดวงตาดูเศร้าลึกๆ

ไอ้เพชรเอ๋ย เอ็งจะน่ารักกับยายไปถึงวันไหนกัน เชื้อสายเกี่ยวดองกันก็ไม่มี วันหนึ่งเอ็งก็คงจะจากยายไป หรือไม่ก็ทำให้ยายเสียใจจนตายไม่ต่างกับที่ลูกของยายทำกับพ่อของมัน เฮ้อ...เจ้าเมฆ ห้าปีแล้วหนอ อีกไม่กี่เดือนไอ้ลูกทรพีฆ่าพ่อก็จะพ้นโทษออกมาแล้ว เราจะอยู่ยังไงกันตรีเพชรเอ๋ย



****************



การเริ่มงานวันแรกของจันทน์กะพ้อในฐานะอาจารย์สาวคนใหม่ที่มีอายุน้อยที่สุดในสาขาวิชาทำให้อาจารย์หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่กระชุ่มกระชวยกันเป็นแถวๆ เดือนแรกหล่อนยังไม่ต้องสอนแต่ต้องไปสังเกตการณ์สอนในห้องเรียนต่างๆ ที่อาจารย์ท่านอื่นสอนเพื่อให้เคยชินและไม่เคอะเขิน แต่หล่อนรักการเป็นครูมาก มันเป็นอาชีพในฝันของหล่อนมานานนักหนาแล้วหล่อนจึงไม่คิดว่าตนเองจะเขินอายแต่อย่างใด แต่เมื่อเดินเข้าไปในห้องบรรยายที่มีสายตาเกือบร้อยคู่ของนักศึกษาที่ส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มวัยคึกคะนองก็ทำให้หล่อนเหงื่อตกได้เหมือนกัน โชคยังดีที่อาจารย์รวิวรรณอาจารย์อาวุโสเป็นคนเข้มงวด ไม่นานเสียงเป่าปากเกี๊ยวก๊าวก็เงียบลงตลอดเวลาเกือบสองชั่วโมงครึ่งที่หล่อนทำการบรรยาย จันทน์กะพ้อรู้สึกทึ่งในตัวอาจารย์ท่านนี้มาก

“เด็กพวกนี้เพิ่งเป็นหนุ่มคึกคะนอง อาจารย์จะเล่นหัวด้วยไม่ได้เด็ดขาด นักศึกษาจะเคารพหรือไม่เคารพก็อยู่ที่กิริยาวาจา การแต่งกาย การวางตัวของอาจารย์เอง” อาจารย์รวิวรรณเอ่ยเมื่อเดินนำจันทน์กะพ้อออกมาจากห้องสอนไปตามทางเดินที่มีร่มเงาไม้หนากลับไปที่ตึกคณะ ดูเหมือนนางจะยังไม่เชื่อนักหรอกว่าอาจารย์สาวหน้าหวานท่าทางเรียบร้อยผู้นี้จะอยู่ได้นาน

หากไม่ร้องไห้มาขอลาออก เพราะทนเด็กช่างเหลือขอไม่ได้ ก็อาจเตลิดไปกับเด็กรูปหล่อพ่อรวยบางคน อย่างที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนน่าเบื่อหน่าย

“ขอบพระคุณค่ะอาจารย์” จันทน์กะพ้อประนมมือไหว้เมื่อเดินหอบงานของนักศึกษากลุ่มของอาจารย์รวิวรรณเดินกลับมาส่งที่โต๊ะทำงานให้เรียบร้อย อาจารย์อาวุโสพยักหน้าเพียงนิดก็ก้มหน้าก้มตาตรวจงานนักศึกษาต่อไป



****************



จันทน์กะพ้อใช้ชีวิตที่ห้องแถวตรีเนตรของป้ามาลีได้ครบหนึ่งสัปดาห์พอดี ในเช้าวันอาทิตย์ป้ามาลีมาชวนหล่อนไปชมสวนผลไม้ที่อยู่ปลายคลองนอกเขตชุมชนพร้อมเด็กชายตรีเพชร เมื่อนางรู้ว่าจันทน์กะพ้อขับรถเป็นก็รีบไปค้นกุญแจรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่ที่จอดฝุ่นจับอยู่ใต้ถุนบ้านมาให้ ไม่นานรถคันนั้นก็เคลื่อนออกประตูหลัง วนไปบนถนนภายในที่ของป้ามาลีเองจนออกปากซอย มุ่งไปยังสวนผลไม้ที่ป้าบ่นไปตลอดทางว่ามันคงรกเพราะไม่มีคนดูแลจริงจัง

“จ้างคนเฝ้าสวนไว้ แต่ไปทีไรมันก็รกจัง คนเฝ้าก็แก่มากแล้ว แถมที่บ้านก็ยังมีเรื่องมีราวบ่อยๆ อีก”

ที่ดินสวนผลไม้ของหญิงหม้ายสูงวัย กว้างขวางและร่มรื่นน่าอยู่จนจันทน์กะพ้อตะลึง ด้านหน้าติดถนนใหญ่เป็นพื้นที่หลายสิบไร่ ด้านหลังลึกเข้าไปอีกไม่น้อย มีบึงขนาดกลางอยู่กลางสวน พร้อมกระท่อมไม้สร้างไว้อย่างสวยงามแม้จะทรุดโทรมไปบ้างก็ตาม

“ทั้งหมดนี่เป็นฝีมือครูตรีเนตร สามีของป้าทั้งนั้น เขาเป็นครูนักพัฒนา อยู่นิ่งไม่ได้ หากเขายังอยู่สวนคงไม่รกเรื้ออย่างนี้”

“ป้าไม่มีญาติที่ไหนอีกหรือคะ”

“มีลูกชายคนนึง ติดคุกคดียาเสพติดมาห้าปีแล้ว ญาติที่เหลือเขาก็ไม่เอาป้า ญาติทางป้าโกรธที่ป้าหนีมากับลุง ญาติทางลุงก็คิดว่าเมียสาวอย่างป้าหวังปอกลอกลุง เฮ้อ...”

“จันทน์ขอโทษที่ละลาบละล้วงค่ะ”

“ไม่เป็นไรลูก มันเป็นความจริงนี่นา ถึงมันจะเลวร้ายมันก็คือความจริง ลูกชายป้าเป็นไอ้ขี้ยาคนนึงที่เรียนไม่จบมหา’ลัย ไอ้คนเสเพลที่ทำให้พ่อเสียใจจนตาย และอีกไม่นานมันก็จะออกจากคุกมา ป้ายังไม่รู้เลยว่าชีวิตป้ากับเจ้าเพชรจะเป็นยังไงต่อไป”

“เขาติดคุกนานขนาดนั้น อาจจะสำนึกผิดแล้วก็ได้นะคะ”

“มันไม่เป็นอย่างนั้นหรอก ความจริงโทษมันเพียงสองปี แค่เสพและขายเล็กน้อย แต่มันดันทำชั่วซ้ำซ้อนในคุกอีก ถึงได้ติดเพิ่มอีกสามปีกว่าหนังสือหนังหาไม่เป็นอันเรียนกัน หมดสิ้นอนาคตทั้งๆ ที่จะจบมหา’ลัยอยู่แล้ว พ่อเนตรถึงได้ตรอมใจป่วยจนตาย”

“โธ่...” จันทน์กะพ้ออุทานได้เพียงเท่านั้นก็พูดอะไรไม่ออกอีก

ทั้งสองนั่งนิ่งมองปลาในสระฮุบเหยื่อและเด็กชายตรีเพชรที่วิ่งเก็บมะม่วงสุกอยู่ใต้ต้นจนเต็มตะกร้า ป้ามาลีลุกขึ้นเดินไปหาหลานชาย ขณะที่จันทน์กะพ้อรื้ออาหารเที่ยงที่เตรียมมากินกันออกจัดวางบนเสื่อที่ปูลาดไว้ ลมสวนเย็นสบายช่วยผ่อนคลายความหม่นเศร้าได้เป็นอย่างดี หล่อนมองร่างผอมและแผ่นหลังงองุ้มราวกับแบกโลกไว้ทั้งใบของป้ามาลีด้วยความกังวล

ลูกชายป้าเป็นคนแบบไหนกันนะ ถึงได้ทำให้แม่ที่แสนดีเสียใจได้ขนาดนี้ หากหล่อนมีโอกาสมีแม่กับเขาบ้าง หล่อนจะไม่ทำให้แม่เสียใจเลยสักนิด ไม่แน่นอนทีเดียว... 

“เพชรจ๊ะ สนใจข้าวเหนียวหมูปิ้งไหม” จันทน์กะพ้อร้องถามเด็ก ชายที่วิ่งเก็บมะม่วงจนเหนื่อย เขาหิ้วตะกร้ามะม่วงจนหลังแอ่นเดินกลับมาที่กระท่อมโดยไม่ยอมให้ยายช่วย

“เพชรไหวยาย เพชรแข็งแรง มะม่วงเยอะมาก เดี๋ยวเพชรจะไปเก็บอีก” เด็กชายยื่นมือมาล้างน้ำที่จันทน์กะพ้อเทให้ เช็ดมือด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กสะอาดสะอ้านที่หล่อนเตรียมมาด้วย แล้วก็กินข้าวเหนียวหมูปิ้งที่หล่อนเตรียมมาอย่างเอร็ดอร่อย

“กวนมะม่วงกันไหมคะป้า” หญิงสาวเอ่ยชวนเมื่อกินข้าวกันอิ่ม ป้ามาลีคลี่ยิ้ม

“ไม่นึกว่าสาวๆ สมัยนี้จะยังทำเรื่องเชยๆ พวกนี้เป็นอยู่”

“เป็นสิคะ พ่อคำจันทร์...พ่อของจันทน์น่ะค่ะ ชอบพวกผลไม้กวน ขนมไทยๆ ทุกชนิด จันทน์เลยทำเป็น ชอบกินมากด้วยค่ะถึงจะอ้วนมากก็เถอะ”

“อย่างนั้นหรือ เอาสิลูก ขนใส่หลังรถไปมากๆ เดี๋ยวหลังมื้อเที่ยงป้าจะไปดูคนสวนที่ฟากโน้นก่อนนะ นัดเขามาดายหญ้าฟากโน้น ไม่รู้มาหรือยังคนสมัยนี้พูดกันยาก เห็นเราเป็นผู้หญิงแก่ๆ เขาก็ไม่เกรงใจ”

“ฟากโน้นเป็นที่โล่งหรือคะ”

“ใช่แล้วลูก ติดกับรั้ววิทยาลัย พวกฟากโน้นชอบโยนขยะข้ามมา ที่มันสูง ปลูกอะไรก็ไม่งาม หญ้าขึ้นรกไปหมด”

“แหม...น่าสร้างหอพักหรืออพาร์ตเมนต์นะคะ ติดวิทยาลัยเสียด้วย วิวสวนป้าก็สวยดี กว้างขวางไม่แออัดเลยค่ะ” ดวงตากลมโตของจันทน์กะ พ้อเป็นประกายเจิดจ้า นางมาลีมองสบตา รู้สึกคล้อยตามแต่เรี่ยวแรงทั้งกายใจของนางแทบไม่มีเหลือ แบบนี้จะทำอะไรได้ นางได้แต่ทอดถอนใจ

“ป้าคงทำไม่ไหวหรอกหนู แค่ห้องแถวก็แทบคุมไม่อยู่ พวกขี้เหล้ามาเช่าหลายห้อง ส่งเสียงเอะอะ ป้าจะห้ามปรามก็ไม่ไหว จ้างยามมาเฝ้ามันก็เป็นไปกับเขาด้วย เฮ้อ...”

“ค่ะ ค่อยๆ คิดไปนะคะ อยู่อย่างนี้ป้าก็สบายดีแล้ว กินข้าวกันเถอะค่ะ” เห็นสีหน้ากังวลของป้าแล้วหญิงสาวก็ชวนคุยเรื่องอื่น อาหารมื้อเที่ยงในสวนผลไม้ของผ้าขี้ริ้วห่อทองอย่างป้ามาลีผ่านไปอย่างเอร็ดอร่อยในที่สุด ทั้งสามเตร็ดเตร่อยู่ในสวนจนบ่ายแก่ๆ จึงกลับบ้าน

เช้าวันรุ่งขึ้น จันทน์กะพ้อก็มีมะม่วงหลากหลายชนิดทั้งสุกทั้งดิบแก่จัดไปฝากอาจารย์ที่สาขากันถ้วนหน้า

หล่อนเริ่มรู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่ทำงานใหม่มากขึ้นในสัปดาห์ที่สอง เมื่อเลิกจากงานหล่อนก็หลบพวกชายฉกรรจ์ปากไวไปขลุกอยู่กับป้ามาลีและเด็กชายตรีเพชรที่บ้านสวนด้านหลัง ทำมะม่วงกวนบ้าง มีกล้วยแก่ๆ ก็ทำกล้วยฉาบแจกชาวห้องแถวบ้างจนเพลิดเพลินไป หญิงสาวเริ่มเห็นว่าชีวิตในชานเมืองกรุงนั้นรื่นรมย์ไม่น้อยทีเดียวเมื่อมีเด็กชายตรีเพชรและป้ามาลีผู้แสนดีอยู่ด้วย

สิ่งเดียวที่ยังก่อกวนความสุขสงบของหล่อนไม่หายเห็นจะเป็นเพื่อนร่วมห้องแถวที่เป็นชายฉกรรจ์เหล่านั้น หล่อนเห็นมียามรักษาความปลอดภัยที่ป้ามาลีจ้างไว้นั่งร่วมวงด้วย ผู้ชายกลุ่มนี้กินเหล้ากันจนดึกดื่นร้องเกี้ยวพาราสีสาวๆ จนมีคนขอย้ายออกไปสองสามรายแล้ว ป้ามาลีได้แต่ตักเตือนด้วยวาจาตามประสาคนแก่แต่ก็ไม่อาจบังคับคนเหล่านี้ได้ เมื่อจันทน์กะพ้อพูดถึงเรื่องนี้นางก็ได้แต่ถอนใจแล้วบอกให้หล่อนหลบเลี่ยงไปเสีย หล่อนจึงไม่เอาเรื่องนี้มาพูดรบกวนจิตใจนางอีก แม้จะถูกคุกคามมากขึ้นก็ตามที

สองสามคืนมานี้เมื่อจันทน์กะพ้อเปิดไฟในห้องเพื่อเตรียมการสอน นายศักดิ์หนุ่มใหญ่ข้างห้อง รูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำกร้านน่ากลัวได้เขียนจดหมายใส่เศษกระดาษสอดเข้ามาใต้ประตูห้องหล่อนหลายฉบับ

‘น้องจ๋า อย่ามัวเขินน่า เปิดประตูหน่อย พี่ศักดิ์อยากทำความรู้จัก’

‘หยิ่งเหรอจ๊ะ หรือถือว่าสวย ลองกับพี่ศักดิ์สักยกแล้วจะติดใจ’

‘เหงาไหมจ๊ะ เคาะฝาห้องเรียกได้นะถ้าเธอต้องการ’

ข้อความทั้งหลายล้วนทำให้หล่อนหวาดหวั่นระคนรังเกียจอย่างบอกไม่ถูก สัญชาตญาณบอกให้หล่อนระวังตัวให้มากขึ้น จันทน์กะพ้อไม่เปิดไฟทำงานดึกๆ ดื่นๆ อีกแล้ว หล่อนอาศัยแวะไปเตรียมสอนที่ห้องสมุดก่อนกลับห้องแถวตอนเย็นแทน แม้เด็กชายตรีเพชรจะบ่นว่าได้เจอคุณครูน้อยลงก็ตามที

คืนนี้หล่อนนอนลืมตาโพลงอยู่ในความมืด ฟังเสียงกุกกักข้างฝาจากห้องของนายศักดิ์ เสียงร้องครวญครางหอบกระเส่าที่ทำให้หล่อนสะอิดสะเอียนจนต้องเอามืออุดหูนอนร้องไห้ทั้งกลัวทั้งเจ็บใจไปจนรุ่งเช้าแทบทุกคืน แต่นายศักดิ์ก็หาได้รามือไม่ คืนหนึ่งมันถึงกับมาเคาะประตูห้องหล่อนปังๆ กลางดึก ทั้งส่งเสียงกระซิบแหบแห้งราวกับเสียงผีตายซาก ดังสลับกับเสียงบิดลูกบิดประตูแรงๆ อย่างหัวเสีย เสียงเท้าถีบประตูโครมๆ จันทน์กะพ้อตัวสั่นระริก คว้าโทรศัพท์มากำไว้แน่น หล่อนกดโทร.หาป้ามาลีทันที!

“ป้าค่ะ ช่วยจันทน์ด้วยค่ะ นายศักดิ์ห้องข้างๆ จะงัดห้องจันทน์ค่ะ”

“หนูจันทน์!” ป้ามาลีถลาไปเปิดไฟ แล้ววิ่งลงมาที่ใต้ถุนบ้านพร้อมโทรศัพท์มือถือ เมื่อเดินมาถึงห้องแถวก็เห็นนายศักดิ์ยืนโงนเงนพิงประตูห้องของจันทน์กะพ้ออยู่

“วางสายก่อน ป้าจะโทร.หาตำรวจ หนูใจเย็นๆ” นางกระซิบบอก พลางหดกายเข้าไปในมุมมืด เดินกลับไปที่ใต้ถุนบ้าน หากยังมองไปทางห้องแถว นายศักดิ์ยังป้วนเปี้ยนงุ่นง่าน เมื่อนางโทร.แจ้งความเรียบร้อยก็ได้แต่รอเวลาให้ตำรวจมาไวๆ สายตาสอดส่ายมองหายามที่ตนจ้างไว้แต่ไม่เห็นแม้เงา นางกัดฟันกรอดทั้งโกรธทั้งเจ็บใจ

ผู้หญิง คนแก่ เด็กจะทำอะไรก็ไม่มีมือมีตีนไปสู้กับใครเขาสินะ แม้ในบ้านของตัวเองแท้ๆ ยังต้องกลัว น่าสมเพชดีไหม

ราวๆ สิบนาทีต่อมา ตำรวจสองนายก็มาถึงห้องแถวตรีเนตร แล้วลากตัวนายศักดิ์ที่กำลังเมามายยัดเข้าไปในรถสายตรวจก่อนจะซักถาม ป้ามาลีไปเคาะประตูห้องของจันทน์กะพ้อ หญิงสาวเปิดออกช้าๆ แล้วโผเข้าสวมกอดเจ้าของห้องแถวร้องไห้โฮ ป้ามาลีล็อกห้องไว้แล้วพาจันทน์กะพ้อเดินกลับไปที่เรือนไม้ด้านหลังทันที นางตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่า นับจากนี้นางจะไม่ปล่อยให้หญิงสาวที่นับวันนางก็ยิ่งรักเหมือนลูกแท้ๆ ต้องอยู่อย่างหวาดกลัวในห้องแถวโกโรโกโสของนางอีกต่อไป

รุ่งขึ้นนายศักดิ์ย้ายออกจากห้องแถวไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ป้ามาลีสาปส่งไม่เอาแม้กระทั่งค่าเช่าที่ค้างไว้ นางเปลี่ยนยามรักษาความปลอดภัยใหม่ และช่วยจันทน์กะพ้อย้ายของไปอยู่บนเรือนด้านหลังเสียด้วยกัน

“หนูจันทน์...ป้าเองก็ไม่มีใคร มีแต่หนูกับเจ้าเพชร มาอยู่ด้วยกันเสียเถอะ ห้องหับมากมาย บ้านเรือนใหญ่โต อย่าได้เกรงใจ ถือเสียว่ามาช่วยป้าดูแลบ้านกับกิจการห้องแถว เป็นลูกเป็นหลานป้าคนนึงนะ อย่าให้ป้าต้องนอนไม่หลับเพราะเป็นห่วงหนูอีกเลย”



*********************

คริคริ มาเปิดเรื่องใหม่อีกแล้ว >///< เครียดๆ แบบนี้อ่านฟินๆ ดีกว่า ขอฝากเรื่องใหม่ของ ‘หอมดึก’ (ผู้แต่ง พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) ด้วยนะคะ

เรื่องนี้มาแนวโรแมนติกดราม่า พาฟิน และอบอวลในหัวใจมากๆ ค่ะ นอกจากนี้ยังมีความน่ารักของครอบครัวที่มาพร้อมกับปัญหาสังคมในแง่มุมต่างๆ ด้วย หอมดึกบอกเล่าชีวิตคนรากหญ้าผ่านตัวละครได้มีมิติมากๆ #รับประกันความสนุกเช่นเคย!


คำโปรยอยู่ในปุ่มอ่านเรื่องย่อด้านบนนะคะ

จะมาต่อให้เรื่อยๆ จ้า


ปล.เรื่องนี้เพิ่งเปิดจองที่เพจสนพ.นะคะ ใครสนใจจะสั่งจอง เข้าไปดูรายละเอียดได้เลยนะคะ^^



ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 มี.ค. 2563, 07:59:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 มี.ค. 2563, 07:59:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 502





   บทที่ 2 -100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account