ดุจจันทร์ดั้นเมฆ: หอมดึก (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
‘ตรีเมฆ’ ไม่ได้เกิดมามีชีวิตเลวร้าย เขาไม่ได้มีปมด้อยจนต้องสร้างจุดเด่น ตรงกันข้ามเขามีพร้อมทุกอย่าง แต่ความ ‘พร้อม’ นั้นทำให้ชายหนุ่มใช้ชีวิตอย่างประมาทจนสุดท้ายต้องถูกตราหน้าว่าเป็น ‘ไอ้ขี้คุก’ เขาผลาญทำลายชีวิตทุกคนที่รักเขา และในวันที่เขาได้รับอิสรภาพทางกาย จิตใจเขากลับถูกความรู้สึกผิดพันธนาการแน่นหนา
‘จันทน์กะพ้อ’ หล่อนมองโลกใบนี้สวยงามไปเสียหมด มองทุกอย่างเป็นบวกจนบางครั้งพลาดพลั้งกลายเป็นเหยื่อได้ง่ายๆ แต่หล่อนกลับไม่สิ้นหวังที่จะมองแต่แง่งามของชีวิต เมื่อก้าวเข้ามาในครอบครัวที่เว้าแหว่งของตรีเมฆ หล่อนกล้าๆ กลัวๆ ชายหนุ่มห่าม ดิบ เถื่อนที่พ่วงมากับป้าชราและเด็กน้อยผู้น่าสงสาร
เขามันต้องตำราผู้ชายที่พ่อสอนนักหนาว่าให้อยู่ห่างๆ เข้าไว้
ใจหนึ่งหล่อนก็อยากทำอย่างนั้น แต่อีกใจก็อยากเอาชนะความหยาบกระด้างของเขา อยากให้คนที่เอาแต่มองโลกตาขวาง หันมาเห็นแง่งามของชีวิตเสียบ้าง
แต่โดยที่หล่อนไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ ดวงตาคมดุคู่นั้นกลับเอาแต่จับจ้องหล่อนไม่วาง ในเมื่อหล่อนกล้ามาส่องแสงวับๆ แวมๆ ในหัวใจที่มืดดำของเขา เมฆร้ายก้อนนี้ก็จะโอบล้อม ตีประชิด กักกั้นไว้ไม่ให้หล่อนเคลื่อนคล้อยหนีหายไปทางไหนได้อีกเลย
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นแนวโรแมนติกดราม่า พาฟิน และอบอวลในหัวใจมากๆ ค่ะ นอกจากนี้ยังมีความน่ารักของครอบครัวที่มาพร้อมกับปัญหาสังคมในแง่มุมต่างๆ ด้วย หอมดึกบอกเล่าชีวิตคนรากหญ้าผ่านตัวละครได้มีมิติมากๆ #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
‘จันทน์กะพ้อ’ หล่อนมองโลกใบนี้สวยงามไปเสียหมด มองทุกอย่างเป็นบวกจนบางครั้งพลาดพลั้งกลายเป็นเหยื่อได้ง่ายๆ แต่หล่อนกลับไม่สิ้นหวังที่จะมองแต่แง่งามของชีวิต เมื่อก้าวเข้ามาในครอบครัวที่เว้าแหว่งของตรีเมฆ หล่อนกล้าๆ กลัวๆ ชายหนุ่มห่าม ดิบ เถื่อนที่พ่วงมากับป้าชราและเด็กน้อยผู้น่าสงสาร
เขามันต้องตำราผู้ชายที่พ่อสอนนักหนาว่าให้อยู่ห่างๆ เข้าไว้
ใจหนึ่งหล่อนก็อยากทำอย่างนั้น แต่อีกใจก็อยากเอาชนะความหยาบกระด้างของเขา อยากให้คนที่เอาแต่มองโลกตาขวาง หันมาเห็นแง่งามของชีวิตเสียบ้าง
แต่โดยที่หล่อนไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ ดวงตาคมดุคู่นั้นกลับเอาแต่จับจ้องหล่อนไม่วาง ในเมื่อหล่อนกล้ามาส่องแสงวับๆ แวมๆ ในหัวใจที่มืดดำของเขา เมฆร้ายก้อนนี้ก็จะโอบล้อม ตีประชิด กักกั้นไว้ไม่ให้หล่อนเคลื่อนคล้อยหนีหายไปทางไหนได้อีกเลย
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นแนวโรแมนติกดราม่า พาฟิน และอบอวลในหัวใจมากๆ ค่ะ นอกจากนี้ยังมีความน่ารักของครอบครัวที่มาพร้อมกับปัญหาสังคมในแง่มุมต่างๆ ด้วย หอมดึกบอกเล่าชีวิตคนรากหญ้าผ่านตัวละครได้มีมิติมากๆ #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 4 -35%
จันทน์กะพ้อมาถึงวิทยาลัยแต่เช้าเช่นเคย หล่อนมีสอนตอนเก้าโมงตรง แต่วันนี้ที่สาขาวิชาเทคโนโลยีการสื่อสารมวลชนซึ่งเป็นสาขาที่จันทน์กะพ้อสอนอยู่ จะมีอาจารย์คนใหม่เข้ามาทำงานเป็นวันแรกด้วย และหล่อนผู้นั้นเป็นถึงลูกสาวคนเดียวของผู้อำนวยการวิทยาลัย อาจารย์ทุกคนจึงต่างมาทำงานแต่เช้าเพื่อรอรับ มีเพียงอาจารย์ผู้ใหญ่สามสี่ท่านที่ไม่ได้กระตือรือร้นจนออกนอกหน้า
“อาจารย์ตวงทองจบตรีจุฬาฯ จบโทจากอังกฤษเชียวนา...ที่สำคัญเธอสวยมากๆ พี่เคยเห็นตอนจบตรีใหม่ๆ ก่อนที่จะไปเรียนที่อังกฤษ ตอนนั้นพี่ไปช่วยงานท่าน ผอ. ไง น่ารักมากๆ”
อาจารย์ราณี สาวใหญ่วัยสี่สิบห้าเอ่ยเสียงดังราวกับจะให้ได้ยินกันไปทั้งตึก จันทน์กะพ้อยิ้มบางๆ จัดมะม่วงสุกที่เอามาด้วยใส่ถาดใส่ผลไม้ในพื้นที่รับประทานอาหารส่วนรวมของสาขา
“อาจารย์ใหม่สมัยนี้จบนอกกันทั้งนั้นเลยนะ เรียนในเมืองไทยมันก็งั้นๆ ว่าไหม พี่เองยังต้องขวนขวายไปหาความรู้ถึงสิงคโปร์ คนเป็นครูบาอาจารย์จะหยุดอยู่กับที่ไม่ได้หรอกนะคะ ต้องพัฒนากันไปเรื่อยๆ” หล่อนคงอยากให้จันทน์กะพ้อจดจำไว้กระมัง ถึงได้เข้ามาพูดใกล้ๆ
“จบนอกจบใน ถ้าใจมันไม่เป็นครูก็เท่านั้นละ ไหนหนูจันทน์มะม่วงอะไรจ๊ะวันนี้” อาจารย์รวิวรรณผู้อาวุโสเอ่ยถามน้ำเสียงเมตตา มือจับมะม่วงลูกยาวรีหัวมนขึ้นมาพิศมอง
“แก้วลืมรังค่ะ” จันทน์กะพ้อทวนชื่อมะม่วงที่ป้ามาลีบอกเมื่อเช้า ทำเอาอาจารย์ราณีสะดุ้ง หันมามองหล่อนตาเขียว จันทน์กะพ้อไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วย ได้แต่ยิ้มแหยๆ
“ชื่อเพราะ นกแก้วมันคงกินอร่อยจนลืมรังไปเลยสินะ คนโบราณนี่ดีมาก จะเรียกขานอะไรก็ให้มีที่มาที่ไปจะได้ไม่หลงลืมกำพืดกัน” พูดไปมือของอาจารย์รวิวรรณก็จิ้มแก้วลืมรังที่จันทน์กะพ้อปอกใส่จานเข้าปากพลางชมเปาะว่าหอมหวานอร่อย อาจารย์ราณีผู้กลายเป็นคนนอกในบทสนทนาเรื่องมะม่วงที่แสนจะน่าเบื่อเดินหน้าบึ้งออกไป
“มะม่วงพวกนี้มาจากสวนมะม่วงที่ติดกับวิทยาลัยของเราด้านหลังใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ สวนของป้ามาลีที่จันทน์เคยเล่าให้อาจารย์ฟังนั่นละค่ะ”
“ที่กว้างน่าดู”
“ราวๆ สามสิบสี่สิบไร่ค่ะ”
“บางทีเวลาไปสอนยังมองเห็นนะ เขียวๆ เย็นตาดี แถวนี้จะกลาย เป็นตึกหอพักไปหมดแล้ว”
“ค่ะ ป้ามาลีแก่แล้ว ทำอะไรมากไม่ได้ สวนเลยค่อนข้างรกค่ะ”
“ลูกหลานแกไม่มีหรอกรึ”
“มีค่ะ มีลูกชายคนนึง เพิ่งกลับมาอยู่บ้าน”
“ดีแล้วนะ จะได้มีคนช่วยดูแล แล้วนี่อาจารย์อยู่กับป้ามาลีใช่ไหม ยังไงก็ระวังเนื้อระวังตัวด้วยนะ ชายหนุ่ม หญิงสาว เห็นท่าไม่ดีก็หาทางขยับขยายนะคะ”
“ขอบคุณค่ะอาจารย์” หล่อนประนมมือไหว้ ไม่นานจันทน์กะพ้อกับอาจารย์รวิวรรณก็ได้ยินเสียงแหลมสูงของอาจารย์ราณีดังมาจากห้องกลาง
“อุ๊ย ท่าน ผอ. มาส่งน้องตวงเองเลยหรือคะ”
“สวัสดีค่ะน้องตวง จำพี่ณีได้ไหมคะ พี่เคยทำงานอยู่ฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ที่ตึกบริหาร”
“จำได้สิคะ ตวงจะลืมได้ยังไง จริงไหมคะคุณแม่” น้ำเสียงหวานราวระฆังแก้วนั้น ทำให้คนฟังอยากเห็นหน้า จันทน์กะพ้อเดินตามอาจารย์รวิวรรณออกมาที่ห้องกลางเพื่อพบเพื่อนร่วมงานคนใหม่ที่ไม่ธรรมดา
ข้างๆ หญิงสูงวัยร่างอวบกำลังงามที่อยู่ในชุดผ้าไหมไทยสวยประณีตตั้งแต่ตัวจรดปลายเท้านั้น คือสาวน้อยรูปร่างอรชรผู้มีใบหน้าเหมาะเจาะ เครื่องหน้าวิจิตรจิ้มลิ้มชวนมอง ใบหน้าเล็กๆ สว่างไสวไปด้วยรอยยิ้มหวาน รูปร่างไม่สูงจนเก้งก้าง แต่ก็ไม่เตี้ยเกินไป ผิวหล่อนนวลเนียนเปล่งปลั่งแม้ไม่ขาวจัดแต่กลับชวนมอง ผิวแบบนี้ใส่อะไรก็ขึ้น...จันทน์กะพ้อนึก
“ฝากลูกตวงด้วยนะคะ เพิ่งเริ่มงานที่นี่ที่แรกเลย เกเรยังไงก็ขอให้ช่วยตักเตือนได้เลยค่ะ ไม่ต้องเกรงใจ”
ท่านผู้อำนวยการเอ่ยทีเล่นทีจริง เมื่อเดินตามหัวหน้าสาขาซึ่งก็คืออาจารย์วิวัฒน์ไปยังโต๊ะทำงานใหม่ของลูกสาว เป็นที่นั่งริมหน้าต่าง มีความเป็นส่วนตัวกว่าใครๆ เพราะมีที่กั้นไว้กรายๆ จากโต๊ะนั้นมองออกไปเห็นวิวกว้างไกลของวิทยาลัย และตึกบริหารที่มารดาของหล่อนทำงานอยู่ในสายตา
‘ขนาดฉันเป็นหัวหน้าสาขา ยังไม่ได้นั่งดีแบบนี้เลย’ อาจารย์วิวัฒน์แอบแขวะในใจ แต่ปากกลับยิ้มเชื้อเชิญ
“วางไว้ตรงนั้นละ แล้วย้ายเครื่องเก่าออกไปเลยนะ” เสียงท่าน ผอ.สั่งงานเจ้าหน้าที่เทคนิคที่พามาด้วย
“ตวงเอาโน้ตบุ๊กมาเองน่ะค่ะ มีงานเตรียมสอนอยู่ในนี้เยอะมาก ถ้าย้ายก็จะเสียเวลามาก ขออนุญาตนะคะ”
“ได้ ได้เลยครับอาจารย์ตวงทอง” หัวหน้าสาขาเอ่ยอย่างคนอยู่เป็น
“ก็ดีสิคะ เพราะอาจารย์จันทน์กะพ้อยังไม่มีคอมฯ ใช้เลย” อาจารย์รวิวรรณเอ่ยดักคอหลายๆ คนที่มองคอมพิวเตอร์กลางเก่ากลางใหม่เครื่องนั้นตาเป็นมัน
“ไม่ถือกันนะคะอาจารย์” ท่านผู้อำนวยการหันมาทางหล่อน จันทน์กะพ้อแย้มยิ้ม ส่ายหน้า
“ไม่ค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ”
“เป็นยังไงคะ สอนหนังสือที่นี่”
“ดีค่ะ ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เยอะเลย มีอาจารย์ผู้ใหญ่ช่วยแนะนำ”
“ดีแล้วค่ะ อาจารย์แม่รวิวรรณสินะคะที่เป็นอาจารย์พี่เลี้ยง แบบนี้อาจารย์จันทน์กะพ้อคงไม่สืบสายเป็นอาจารย์แม่อีกคนหรอกนะคะ”
“ไม่หรอกค่ะท่าน ผอ. อาจารย์จันทน์ใจดีเกินไป” อาจารย์รวิวรรณเอ่ย พลางยิ้มบางๆ ผู้ที่เป็นผู้อำนวยการที่ยืนอยู่ต่อหน้านี้ บรรจุรับราชการมาพร้อมๆ กัน แต่อีกฝ่ายมีความทะเยอทะยานมากกว่าอาจารย์รวิวรรณมากมายนัก จึงได้เบนเข็มไปทำงานบริหาร ฝ่าฟันจนได้รับตำแหน่งสูงสุดในวิทยาลัย
ทำไมอาจารย์รวิวรรณจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายแลกตำแหน่งอันสูงเกียรตินี้กับอะไรมาบ้าง
“อาจารย์ตวงทองจบตรีจุฬาฯ จบโทจากอังกฤษเชียวนา...ที่สำคัญเธอสวยมากๆ พี่เคยเห็นตอนจบตรีใหม่ๆ ก่อนที่จะไปเรียนที่อังกฤษ ตอนนั้นพี่ไปช่วยงานท่าน ผอ. ไง น่ารักมากๆ”
อาจารย์ราณี สาวใหญ่วัยสี่สิบห้าเอ่ยเสียงดังราวกับจะให้ได้ยินกันไปทั้งตึก จันทน์กะพ้อยิ้มบางๆ จัดมะม่วงสุกที่เอามาด้วยใส่ถาดใส่ผลไม้ในพื้นที่รับประทานอาหารส่วนรวมของสาขา
“อาจารย์ใหม่สมัยนี้จบนอกกันทั้งนั้นเลยนะ เรียนในเมืองไทยมันก็งั้นๆ ว่าไหม พี่เองยังต้องขวนขวายไปหาความรู้ถึงสิงคโปร์ คนเป็นครูบาอาจารย์จะหยุดอยู่กับที่ไม่ได้หรอกนะคะ ต้องพัฒนากันไปเรื่อยๆ” หล่อนคงอยากให้จันทน์กะพ้อจดจำไว้กระมัง ถึงได้เข้ามาพูดใกล้ๆ
“จบนอกจบใน ถ้าใจมันไม่เป็นครูก็เท่านั้นละ ไหนหนูจันทน์มะม่วงอะไรจ๊ะวันนี้” อาจารย์รวิวรรณผู้อาวุโสเอ่ยถามน้ำเสียงเมตตา มือจับมะม่วงลูกยาวรีหัวมนขึ้นมาพิศมอง
“แก้วลืมรังค่ะ” จันทน์กะพ้อทวนชื่อมะม่วงที่ป้ามาลีบอกเมื่อเช้า ทำเอาอาจารย์ราณีสะดุ้ง หันมามองหล่อนตาเขียว จันทน์กะพ้อไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วย ได้แต่ยิ้มแหยๆ
“ชื่อเพราะ นกแก้วมันคงกินอร่อยจนลืมรังไปเลยสินะ คนโบราณนี่ดีมาก จะเรียกขานอะไรก็ให้มีที่มาที่ไปจะได้ไม่หลงลืมกำพืดกัน” พูดไปมือของอาจารย์รวิวรรณก็จิ้มแก้วลืมรังที่จันทน์กะพ้อปอกใส่จานเข้าปากพลางชมเปาะว่าหอมหวานอร่อย อาจารย์ราณีผู้กลายเป็นคนนอกในบทสนทนาเรื่องมะม่วงที่แสนจะน่าเบื่อเดินหน้าบึ้งออกไป
“มะม่วงพวกนี้มาจากสวนมะม่วงที่ติดกับวิทยาลัยของเราด้านหลังใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ สวนของป้ามาลีที่จันทน์เคยเล่าให้อาจารย์ฟังนั่นละค่ะ”
“ที่กว้างน่าดู”
“ราวๆ สามสิบสี่สิบไร่ค่ะ”
“บางทีเวลาไปสอนยังมองเห็นนะ เขียวๆ เย็นตาดี แถวนี้จะกลาย เป็นตึกหอพักไปหมดแล้ว”
“ค่ะ ป้ามาลีแก่แล้ว ทำอะไรมากไม่ได้ สวนเลยค่อนข้างรกค่ะ”
“ลูกหลานแกไม่มีหรอกรึ”
“มีค่ะ มีลูกชายคนนึง เพิ่งกลับมาอยู่บ้าน”
“ดีแล้วนะ จะได้มีคนช่วยดูแล แล้วนี่อาจารย์อยู่กับป้ามาลีใช่ไหม ยังไงก็ระวังเนื้อระวังตัวด้วยนะ ชายหนุ่ม หญิงสาว เห็นท่าไม่ดีก็หาทางขยับขยายนะคะ”
“ขอบคุณค่ะอาจารย์” หล่อนประนมมือไหว้ ไม่นานจันทน์กะพ้อกับอาจารย์รวิวรรณก็ได้ยินเสียงแหลมสูงของอาจารย์ราณีดังมาจากห้องกลาง
“อุ๊ย ท่าน ผอ. มาส่งน้องตวงเองเลยหรือคะ”
“สวัสดีค่ะน้องตวง จำพี่ณีได้ไหมคะ พี่เคยทำงานอยู่ฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ที่ตึกบริหาร”
“จำได้สิคะ ตวงจะลืมได้ยังไง จริงไหมคะคุณแม่” น้ำเสียงหวานราวระฆังแก้วนั้น ทำให้คนฟังอยากเห็นหน้า จันทน์กะพ้อเดินตามอาจารย์รวิวรรณออกมาที่ห้องกลางเพื่อพบเพื่อนร่วมงานคนใหม่ที่ไม่ธรรมดา
ข้างๆ หญิงสูงวัยร่างอวบกำลังงามที่อยู่ในชุดผ้าไหมไทยสวยประณีตตั้งแต่ตัวจรดปลายเท้านั้น คือสาวน้อยรูปร่างอรชรผู้มีใบหน้าเหมาะเจาะ เครื่องหน้าวิจิตรจิ้มลิ้มชวนมอง ใบหน้าเล็กๆ สว่างไสวไปด้วยรอยยิ้มหวาน รูปร่างไม่สูงจนเก้งก้าง แต่ก็ไม่เตี้ยเกินไป ผิวหล่อนนวลเนียนเปล่งปลั่งแม้ไม่ขาวจัดแต่กลับชวนมอง ผิวแบบนี้ใส่อะไรก็ขึ้น...จันทน์กะพ้อนึก
“ฝากลูกตวงด้วยนะคะ เพิ่งเริ่มงานที่นี่ที่แรกเลย เกเรยังไงก็ขอให้ช่วยตักเตือนได้เลยค่ะ ไม่ต้องเกรงใจ”
ท่านผู้อำนวยการเอ่ยทีเล่นทีจริง เมื่อเดินตามหัวหน้าสาขาซึ่งก็คืออาจารย์วิวัฒน์ไปยังโต๊ะทำงานใหม่ของลูกสาว เป็นที่นั่งริมหน้าต่าง มีความเป็นส่วนตัวกว่าใครๆ เพราะมีที่กั้นไว้กรายๆ จากโต๊ะนั้นมองออกไปเห็นวิวกว้างไกลของวิทยาลัย และตึกบริหารที่มารดาของหล่อนทำงานอยู่ในสายตา
‘ขนาดฉันเป็นหัวหน้าสาขา ยังไม่ได้นั่งดีแบบนี้เลย’ อาจารย์วิวัฒน์แอบแขวะในใจ แต่ปากกลับยิ้มเชื้อเชิญ
“วางไว้ตรงนั้นละ แล้วย้ายเครื่องเก่าออกไปเลยนะ” เสียงท่าน ผอ.สั่งงานเจ้าหน้าที่เทคนิคที่พามาด้วย
“ตวงเอาโน้ตบุ๊กมาเองน่ะค่ะ มีงานเตรียมสอนอยู่ในนี้เยอะมาก ถ้าย้ายก็จะเสียเวลามาก ขออนุญาตนะคะ”
“ได้ ได้เลยครับอาจารย์ตวงทอง” หัวหน้าสาขาเอ่ยอย่างคนอยู่เป็น
“ก็ดีสิคะ เพราะอาจารย์จันทน์กะพ้อยังไม่มีคอมฯ ใช้เลย” อาจารย์รวิวรรณเอ่ยดักคอหลายๆ คนที่มองคอมพิวเตอร์กลางเก่ากลางใหม่เครื่องนั้นตาเป็นมัน
“ไม่ถือกันนะคะอาจารย์” ท่านผู้อำนวยการหันมาทางหล่อน จันทน์กะพ้อแย้มยิ้ม ส่ายหน้า
“ไม่ค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ”
“เป็นยังไงคะ สอนหนังสือที่นี่”
“ดีค่ะ ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เยอะเลย มีอาจารย์ผู้ใหญ่ช่วยแนะนำ”
“ดีแล้วค่ะ อาจารย์แม่รวิวรรณสินะคะที่เป็นอาจารย์พี่เลี้ยง แบบนี้อาจารย์จันทน์กะพ้อคงไม่สืบสายเป็นอาจารย์แม่อีกคนหรอกนะคะ”
“ไม่หรอกค่ะท่าน ผอ. อาจารย์จันทน์ใจดีเกินไป” อาจารย์รวิวรรณเอ่ย พลางยิ้มบางๆ ผู้ที่เป็นผู้อำนวยการที่ยืนอยู่ต่อหน้านี้ บรรจุรับราชการมาพร้อมๆ กัน แต่อีกฝ่ายมีความทะเยอทะยานมากกว่าอาจารย์รวิวรรณมากมายนัก จึงได้เบนเข็มไปทำงานบริหาร ฝ่าฟันจนได้รับตำแหน่งสูงสุดในวิทยาลัย
ทำไมอาจารย์รวิวรรณจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายแลกตำแหน่งอันสูงเกียรตินี้กับอะไรมาบ้าง
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 เม.ย. 2563, 20:24:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 เม.ย. 2563, 20:24:08 น.
จำนวนการเข้าชม : 447
<< บทที่ 3 -100% | บทที่ 4 -70% >> |