ดุจจันทร์ดั้นเมฆ: หอมดึก (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
‘ตรีเมฆ’ ไม่ได้เกิดมามีชีวิตเลวร้าย เขาไม่ได้มีปมด้อยจนต้องสร้างจุดเด่น ตรงกันข้ามเขามีพร้อมทุกอย่าง แต่ความ ‘พร้อม’ นั้นทำให้ชายหนุ่มใช้ชีวิตอย่างประมาทจนสุดท้ายต้องถูกตราหน้าว่าเป็น ‘ไอ้ขี้คุก’ เขาผลาญทำลายชีวิตทุกคนที่รักเขา และในวันที่เขาได้รับอิสรภาพทางกาย จิตใจเขากลับถูกความรู้สึกผิดพันธนาการแน่นหนา
‘จันทน์กะพ้อ’ หล่อนมองโลกใบนี้สวยงามไปเสียหมด มองทุกอย่างเป็นบวกจนบางครั้งพลาดพลั้งกลายเป็นเหยื่อได้ง่ายๆ แต่หล่อนกลับไม่สิ้นหวังที่จะมองแต่แง่งามของชีวิต เมื่อก้าวเข้ามาในครอบครัวที่เว้าแหว่งของตรีเมฆ หล่อนกล้าๆ กลัวๆ ชายหนุ่มห่าม ดิบ เถื่อนที่พ่วงมากับป้าชราและเด็กน้อยผู้น่าสงสาร
เขามันต้องตำราผู้ชายที่พ่อสอนนักหนาว่าให้อยู่ห่างๆ เข้าไว้
ใจหนึ่งหล่อนก็อยากทำอย่างนั้น แต่อีกใจก็อยากเอาชนะความหยาบกระด้างของเขา อยากให้คนที่เอาแต่มองโลกตาขวาง หันมาเห็นแง่งามของชีวิตเสียบ้าง
แต่โดยที่หล่อนไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ ดวงตาคมดุคู่นั้นกลับเอาแต่จับจ้องหล่อนไม่วาง ในเมื่อหล่อนกล้ามาส่องแสงวับๆ แวมๆ ในหัวใจที่มืดดำของเขา เมฆร้ายก้อนนี้ก็จะโอบล้อม ตีประชิด กักกั้นไว้ไม่ให้หล่อนเคลื่อนคล้อยหนีหายไปทางไหนได้อีกเลย
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นแนวโรแมนติกดราม่า พาฟิน และอบอวลในหัวใจมากๆ ค่ะ นอกจากนี้ยังมีความน่ารักของครอบครัวที่มาพร้อมกับปัญหาสังคมในแง่มุมต่างๆ ด้วย หอมดึกบอกเล่าชีวิตคนรากหญ้าผ่านตัวละครได้มีมิติมากๆ #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
‘จันทน์กะพ้อ’ หล่อนมองโลกใบนี้สวยงามไปเสียหมด มองทุกอย่างเป็นบวกจนบางครั้งพลาดพลั้งกลายเป็นเหยื่อได้ง่ายๆ แต่หล่อนกลับไม่สิ้นหวังที่จะมองแต่แง่งามของชีวิต เมื่อก้าวเข้ามาในครอบครัวที่เว้าแหว่งของตรีเมฆ หล่อนกล้าๆ กลัวๆ ชายหนุ่มห่าม ดิบ เถื่อนที่พ่วงมากับป้าชราและเด็กน้อยผู้น่าสงสาร
เขามันต้องตำราผู้ชายที่พ่อสอนนักหนาว่าให้อยู่ห่างๆ เข้าไว้
ใจหนึ่งหล่อนก็อยากทำอย่างนั้น แต่อีกใจก็อยากเอาชนะความหยาบกระด้างของเขา อยากให้คนที่เอาแต่มองโลกตาขวาง หันมาเห็นแง่งามของชีวิตเสียบ้าง
แต่โดยที่หล่อนไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ ดวงตาคมดุคู่นั้นกลับเอาแต่จับจ้องหล่อนไม่วาง ในเมื่อหล่อนกล้ามาส่องแสงวับๆ แวมๆ ในหัวใจที่มืดดำของเขา เมฆร้ายก้อนนี้ก็จะโอบล้อม ตีประชิด กักกั้นไว้ไม่ให้หล่อนเคลื่อนคล้อยหนีหายไปทางไหนได้อีกเลย
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นแนวโรแมนติกดราม่า พาฟิน และอบอวลในหัวใจมากๆ ค่ะ นอกจากนี้ยังมีความน่ารักของครอบครัวที่มาพร้อมกับปัญหาสังคมในแง่มุมต่างๆ ด้วย หอมดึกบอกเล่าชีวิตคนรากหญ้าผ่านตัวละครได้มีมิติมากๆ #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 544 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 369฿ จากราคาปก 402฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 414฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 439฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket***
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 12 -50%
“คุณเมฆคะ”
เสียงเย็น อ่อนโยนดังมาจากด้านหลัง
ตรีเมฆลูบหน้าไล่ภาพหลอนในอดีตที่เริ่มผุดพรายขึ้นมาในความทรงจำแล้วค่อยๆ หันหน้ามาทางต้นเสียง
“น้ำเย็นค่ะ”
“ขอบใจนะลำดวน” เขารับขันเงินเล็กบรรจุน้ำเย็นจัดขึ้นดื่มจนหมด แล้วยื่นขันคืนให้ พลางถามว่า “ลูกสาวเป็นยังไงบ้าง”
“กินเก่งค่ะ แล้วก็โตไวด้วย ขอบคุณคุณเมฆที่ถามถึง”
“อืม ไอ้จอมมันทำตัวดีขึ้นบ้างไหม”
“ก็ดีจ้ะ” ลำดวนหลุบตาลงต่ำ “แต่ถ้าไม่เมาก็คงจะดีกว่านี้”
“เงินลงขวดหมดสินะ เดี๋ยวฉันจะคุยกับมันให้ เธอกับลูกจะได้ไม่ลำบาก”
“ขอบคุณค่ะคุณเมฆ” ลำดวนประนมมือไหว้ ตรีเมฆพยักหน้ารับแล้วก็ลุกเดินกลับไปทำงานต่อ ลำดวนมองตามไปจนเห็นเขาขึ้นไปยืนอยู่บนคานสูง ร่างแกร่งยืนตระหง่านอยู่กลางแสงแดดจ้า เคลื่อนไหวคล่องแคล่วมั่นคง เสียงสั่งงานของเขาดังชัดเจนแม้ในขณะที่มีเครื่องจักรทำงานอยู่รอบข้าง
ลำดวนก้มลงมองขันเงินในมือตนพลางยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินกลับไปทำงานของตนต่อไป
*****************
วันนี้ป้ามาลีมีอาการวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย นางจึงยังไม่ได้ลงมาที่แผงขายผลไม้ จันทน์กะพ้อชงชาใส่กาใหญ่ไว้ให้ พร้อมกับอาหารมื้อเที่ยงสำหรับเจ้าของบ้านทั้งแม่ลูก พ่อของตนเอง และเผื่อแผ่ไปถึงลุงเกิดและลำดวนด้วย เสร็จเรียบร้อยจึงออกไปสอนหนังสือที่วิทยาลัย วันนี้คนงานได้หยุดงานเพราะอุปกรณ์ก่อสร้างขาดไปหลายอย่าง ตรีเมฆไปสั่งเจ้าใหม่แล้ว แต่ก็ยังต้องรอคิวส่งของราวสองสามวัน เขาหงุดหงิดใจจนต้องชวนลุงเกิดไปขลุกอยู่ที่สวนทั้งวัน ตรีเพชรซึ่งได้หยุดเรียนหนึ่งวันเพราะครูที่โรงเรียนติดภารกิจอะไรสักอย่างจึงขอไปด้วย ปล่อยหน้าที่ดูแลป้ามาลีให้เป็นของคุณหมอจำเป็นอย่างพ่อคำจันทร์ซึ่งเจ้าตัวก็ยินดี
“เป็นยังไงคะพ่อคำจันทร์ มาอยู่ที่นี่ สะดวกสบายดีไหม” ป้ามาลีเอ่ยถาม เพื่อนรุ่นอาวุโสที่ร่วมนั่งจิบชาอยู่บนระเบียงกว้าง สายลมเย็นสบาย ไม่มีเสียงเครื่องจักรก่อสร้างดังรบกวนอย่างทุกวัน
“สบายดีคุณมาลี ขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆ ลูกผมก็สบายใจเสมอละ”
“ไม่คิดถึงลูกๆ หลานๆ ที่บ้านเหรอคะ” ป้ามาลีเอ่ยถามแล้วก็อดเศร้าใจไม่ได้เมื่อเห็นร่องรอยหม่นหมองบนใบหน้าผู้อาวุโส
“คิดถึงสิครับ แต่ลูกๆ หลานๆ ที่บ้านเขาก็มีชีวิตของเขา ลูกของเราเมื่อออกเรือนไปแล้วก็เท่ากับเป็นคนอื่นน่ะครับ ผมก็เหมือนเหลือแต่ลูกจันทน์คนเดียวเท่านั้น”
“ค่ะ เลี้ยงลูกเราเลี้ยงได้แต่ตัวจริงๆ”
“ครับ บางทีบอกให้ตายยังไงว่าไฟมันร้อน อย่าเล่นกับไฟ ลูกมันก็ไม่ยอมฟังหรอก เราก็ต้องจำใจปล่อยให้มันเล่นกับไฟ ให้รู้เองว่าความร้อน ความทุกข์มันเป็นยังไง มันจะได้จำ”
“คงเป็นอย่างนั้นจริงๆ ละค่ะ” นางมาลีพยักหน้าเห็นด้วยช้าๆ ทั้งคู่ปล่อยให้ความเงียบและความทรงจำเกี่ยวกับครอบครัวอันสมบูรณ์แบบของตนในอดีตเข้ามาเติมเต็มบรรยากาศเอื่อยๆ ยามบ่าย ไม่นานก็แยกย้ายกันไปเอนหลังตามวัย
*****************
ที่สวนผลไม้ครูตรีเนตร
ลูกชายเจ้าของสวนในชุดเสื้อเชิ้ตลายสก็อตตัวใหญ่ สวมทับเสื้อกล้ามสีเทากับกางเกงยีนรองเท้าลุยสวน เดินนำเด็กชายตรีเพชรที่แต่งตัวรัดกุมพอกันไปตามทางเดินเล็กๆ รอบสวนที่เคยรกร้างแต่ถูกถางเสียจนน่าเดินในตอนนี้ ลุงเกิดกระหืดกระหอบตามมาด้านหลัง
“รอด้วยครับ รอด้วย”
“ทำไมมาช้านักล่ะลุงวันนี้”
“นังลำดวนน่ะสิ มันเกิดโกรธกับไอ้จอม วันนี้ไม่ยอมทำกับข้าวกับปลา หลานข้าก็ร้องไห้จ้า พ่อแม่ทะเลาะกัน ข้าต้องหุงหาอาหารไว้ให้ไอ้จอมมัน”
“นานๆ จะมีวันหยุดที เสือกทำตัวแบบนี้อีกแล้วเรอะ”
ตรีเมฆหมายถึงนายจอมลูกชายลุงเกิด
“เออ อีเมียก็พลอยเป็นไปด้วย นี่หอบลูกกะเตงๆ ขับมอเตอร์ไซค์ไปร้านขายผลไม้ทั้งๆ ยังไม่ได้กินข้าวกินปลาเลยด้วยซ้ำ ปวดหัวกับผัวเมียสมัยนี้จริงๆ”
“มาเถอะลุง ผมจะไปดูรั้วด้านหลังที่ติดกับวิทยาลัยหน่อย ครั้งก่อนมีคนโยนขยะข้ามมาเลอะเทอะ”
“ครับๆ” ลุงเกิดรีบสาวเท้าตามขายาวๆ ของตรีเมฆไป ในขณะที่เด็กชายตรีเพชรต้องออกแรงเดินแกมวิ่งจึงทัน แต่กระนั้นก็ไม่ได้บ่นเลยสักนิด
“แหม มันสร้างอะไรกันเข้ามาใกล้รั้วอย่างนี้ หน้าผลไม้ไอ้เด็กทโมนฝั่งโน้นคงปีนหลังคาข้ามมาเก็บมะม่วงได้สบายใจเฉิบ แล้วนี่เขาไม่กลัวเด็กหนีเรียนออกมาทางนี้บ้างเรอะ” ลุงเกิดบ่นเมื่อเห็นโครงหลังคาเหล็กของโรงอาหารในวิทยาลัย ถูกต่อเติมเสียสูงขึ้นมาเหนือกำแพงอิฐสูงฝั่งสวน เสียงช่างก่อสร้างและเครื่องไม้เครื่องมือดังข้ามรั้วมาได้ยินอย่างชัดเจน
“เอ๊ะ นั่นช่างของบริษัทนายช่างใหญ่ศมานี่”
“ใช่” ตรีเมฆพยักหน้า ศมาแจ้งแก่เขาแล้วว่า ผู้อำนวยการสั่งให้ก่อสร้างอาคารโรงอาหารชิดกับรั้วฝั่งนี้ของสวนเขา แต่ตรีเมฆไม่คิดว่ามันจะชิดขนาดนี้ วิศวกรหนุ่มเพื่อนสนิทยังบอกเขาอีกว่าผู้อำนวยการหญิงคนนั้นสนใจซื้อที่ดินของเขา
‘ท่าน ผอ. สนใจซื้อไว้สร้างหอพักนักศึกษาว่ะ ท่านว่ามันใกล้โรงอาหาร เปิดรั้วด้านนี้อีกด้าน นักศึกษาเข้าออกวิทยาลัยได้สะดวกดี ท่านสนใจจะขอแบ่งซื้อสักสิบห้าไร่ นายว่ายังไง’
‘ไม่ขาย’ ตรีเมฆตัดสินใจได้อย่างง่ายดาย ทรัพย์สมบัติที่พ่อของเขาทิ้งไว้ ก็เท่ากับเป็นตัวแทนของพ่อที่คอยดูแลแม่อยู่แม้ตัวตาย เขาเองไม่เคยมั่นใจในอนาคตของตนเองแล้วจะมาขายสมบัติกินได้ยังไงกัน
‘ไม่ขายก็ทำเองสิวะ เอาไหมข้าจะช่วย รับรองว่าได้นักศึกษาเต็มทุกห้องแน่นอนสะดวกแบบนี้ ไม่มีทำเลไหนเหมาะไปกว่านี้แล้วนะเว้ย’
‘ไม่เป็นไร ทำแค่ที่บ้านก็คงพอแล้ว’
ตรีเมฆเอ่ยเรียบๆ ศมาไม่เซ้าซี้ต่อ เพราะรู้นิสัยใจคอของอีกฝ่ายดี แต่เขาก็รู้อีกเช่นกันว่าคนอย่างผู้อำนวยการสุปราณีลองได้มีแผนการใดแล้วก็ยากที่จะล้มเลิกง่ายๆ
ไม่แน่ ตรีเมฆไม่ขาย แต่ป้ามาลีผู้เป็นแม่อาจจะอยากขายก็ได้
“ตัดแต่งกิ่งมะม่วงพวกนี้สักหน่อยนะลุง ผมศึกษามาเขาว่าต้องแต่งกิ่ง ต้นจะได้ไม่โทรม ลูกดกด้วย”
“ใช่ อุวะช่างเมฆก็สนใจงานสวนเหมือนกันเรอะ”
“ทำยังไงได้ล่ะครับ ได้มาแล้วก็ต้องดูแล” เขาพูดพลางปีนป่ายขึ้นไปบนต้นมะม่วง พร้อมมีดพร้า และกรรไกรแต่งกิ่งอันใหญ่คมวับ
กิ่งมะม่วงร่วงหล่นลงมาที่โคนต้น เจ้าหนูตรีเพชรก็ช่วยลากออกไปกองไว้ด้านหนึ่งตามที่ลุงเกิดบอก พร้อมทั้งระวังกิ่งมะม่วงหล่นใส่หัวไปด้วย
“อ้าว หัวหน้าเมฆ วันหยุดไหงมาปีนต้นไม้เป็นลิงเป็นค่างอยู่นี่ล่ะครับ” เสียงร้องถามของคนงานคนหนึ่งดังข้ามรั้วมาจากทางฝั่งวิทยาลัย
“เอกเรอะ มาแต่งกิ่งมะม่วงน่ะ”
“อ้าว นี่สวนของช่างเองหรอกเหรอ โอ้โห กว้างขวางน่าดู” ช่างเอกไต่คานหลังคาชะโงกดู
“นายช่างๆ หัวหน้าเมฆอยู่ทางนี้ครับ” ช่างเอกร้องบอกศมา
“เหรอ งั้นชวนข้ามมากินกาแฟฝั่งนี้สิ” ศมาร้องบอก
ตรีเมฆไต่กิ่งมะม่วงมายืนบนกำแพงสูงอย่างน่าหวาดเสียว เขามองลงไปที่พื้นด้านล่างก็เห็นศมายืนถือแบบแปลนก่อสร้างแหงนหน้ามองขึ้นมา ไม่ห่างกันนักคือเจ้าของร่างบางในเดรสสีน้ำเงินกระโปรงบานๆ เลยหัวเข่ามีลายดอกไม้กระจุ๋มกระจิ๋มหอบหนังสือเต็มอ้อมแขนยืนอยู่ วันนี้หล่อนสวมรองเท้าส้นสูง ทำให้เห็นขาและปลีน่องเรียวงาม
“กาแฟหน่อยไหมเพื่อน”
“ไม่ว่างว่ะ” เขาบอก พลางหรี่ตามองสบดวงตาโตหวานซึ้งของคนที่แหงนมองเขาคอตั้งบ่า จันทน์กะพ้อเองก็มองตอบสายตาขวางๆ ของเขาเช่นกัน รู้ทันหรอกว่า เขาคงคิดว่าหล่อนจงใจมาอยู่กับศมาสินะ ทั้งที่ความจริงแล้วหล่อนเพิ่งเดินลงมาจากตึกข้างๆ ที่เพิ่งสอนเสร็จและแวะเวียนมาทักทายตามประสาคนรู้จักกันก็เท่านั้น
แต่เอ๊ะ! ทำไมหล่อนต้องอธิบายเหตุผลอะไรกับเขาด้วยล่ะ
“อ้าว เจ้าเพชรมาด้วยเหรอหัวหน้า แหม...ทำงานใหญ่เลย ขยันจริงวุ้ย” ช่างเอกร้องทักทาย เสียงเล็กๆ ของเด็กชายร้องตอบมา จันทน์กะพ้อขมวดคิ้วเรียวพลางทอดถอนใจแบบที่หล่อนชอบทำเวลาไม่ค่อยพอใจ
“เพชรมาด้วยเหรอคะ ปีนต้นไม้หรือเปล่า ระวังจะตกเอานะคะ”
หล่อนไม่ได้ร้องตะโกนบอกเขา หากหันไปบอกศมาเบาๆ ชายหนุ่มคลี่ยิ้มพยักหน้ารับแล้วแหงนหน้าร้องบอกตรีเมฆ
“เฮ้ยเมฆ คุณครูเขาบอกว่าอย่าให้เจ้าเพชรปีนต้นไม้ มันจะตกเอา”
“ไอ้เสือมันไม่ใช่ผู้หญิงที่จะได้ตกต้นไม้ง่ายๆ”
ตรีเมฆพูดช้าๆ ชัดๆ จันทน์กะพ้อหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
ผู้หญิงที่ปีนนิดปีนหน่อยก็ตกต้นไม้ ก็เห็นจะเป็นหล่อนสินะ ตาบ้าเอ๊ย!
“ไอ้เสือลงไปเร็วๆ ขืนเอ็งตกลงไปข้าจะถูกดุ” ตรีเมฆร้องบอกเด็ก ชายที่ปีนต้นมะม่วงขึ้นมาได้ครึ่งทาง ทำให้ใบหน้าอวบของมันบึ้งตึง จมูกย่น
“ใครจะดุเหรอลุงยักษ์ ยายกับคุณครูไม่อยู่นี่เสียหน่อย”
“ใครว่าไม่อยู่ล่ะ โน่น ครูของเอ็งยืนถือไม้เรียวอยู่ฟากโน้น ไป เราลงกันดีกว่าข้าไม่อยากโดนไปด้วย เออนายช่างใหญ่ ฝากถามท่าน ผอ. ด้วยนะว่าทำไมต้องสร้างไอ้อาคารบ้าๆ นี่ชิดรั้วสวนกูนักวะ วันดีคืนดีต้นไม้ใหญ่ที่สวนโค่นลงไปทับพังเสียหาย ก็อย่ามาว่ากันก็แล้วกันนะ”
ตรีเมฆพูดจบแล้วก็เหวี่ยงกายปีนลงไปจากต้นมะม่วงอย่างคล่องแคล่ว จันทน์กะพ้อระบายลมหายใจออกมาเบาๆ ด้วยความโล่งอก ศมาได้แต่มองแนวหลังคาอาคารที่ยื่นเข้าไปจนแทบจะคลุมกำแพงด้วยความจนใจ
เสียงเย็น อ่อนโยนดังมาจากด้านหลัง
ตรีเมฆลูบหน้าไล่ภาพหลอนในอดีตที่เริ่มผุดพรายขึ้นมาในความทรงจำแล้วค่อยๆ หันหน้ามาทางต้นเสียง
“น้ำเย็นค่ะ”
“ขอบใจนะลำดวน” เขารับขันเงินเล็กบรรจุน้ำเย็นจัดขึ้นดื่มจนหมด แล้วยื่นขันคืนให้ พลางถามว่า “ลูกสาวเป็นยังไงบ้าง”
“กินเก่งค่ะ แล้วก็โตไวด้วย ขอบคุณคุณเมฆที่ถามถึง”
“อืม ไอ้จอมมันทำตัวดีขึ้นบ้างไหม”
“ก็ดีจ้ะ” ลำดวนหลุบตาลงต่ำ “แต่ถ้าไม่เมาก็คงจะดีกว่านี้”
“เงินลงขวดหมดสินะ เดี๋ยวฉันจะคุยกับมันให้ เธอกับลูกจะได้ไม่ลำบาก”
“ขอบคุณค่ะคุณเมฆ” ลำดวนประนมมือไหว้ ตรีเมฆพยักหน้ารับแล้วก็ลุกเดินกลับไปทำงานต่อ ลำดวนมองตามไปจนเห็นเขาขึ้นไปยืนอยู่บนคานสูง ร่างแกร่งยืนตระหง่านอยู่กลางแสงแดดจ้า เคลื่อนไหวคล่องแคล่วมั่นคง เสียงสั่งงานของเขาดังชัดเจนแม้ในขณะที่มีเครื่องจักรทำงานอยู่รอบข้าง
ลำดวนก้มลงมองขันเงินในมือตนพลางยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินกลับไปทำงานของตนต่อไป
*****************
วันนี้ป้ามาลีมีอาการวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย นางจึงยังไม่ได้ลงมาที่แผงขายผลไม้ จันทน์กะพ้อชงชาใส่กาใหญ่ไว้ให้ พร้อมกับอาหารมื้อเที่ยงสำหรับเจ้าของบ้านทั้งแม่ลูก พ่อของตนเอง และเผื่อแผ่ไปถึงลุงเกิดและลำดวนด้วย เสร็จเรียบร้อยจึงออกไปสอนหนังสือที่วิทยาลัย วันนี้คนงานได้หยุดงานเพราะอุปกรณ์ก่อสร้างขาดไปหลายอย่าง ตรีเมฆไปสั่งเจ้าใหม่แล้ว แต่ก็ยังต้องรอคิวส่งของราวสองสามวัน เขาหงุดหงิดใจจนต้องชวนลุงเกิดไปขลุกอยู่ที่สวนทั้งวัน ตรีเพชรซึ่งได้หยุดเรียนหนึ่งวันเพราะครูที่โรงเรียนติดภารกิจอะไรสักอย่างจึงขอไปด้วย ปล่อยหน้าที่ดูแลป้ามาลีให้เป็นของคุณหมอจำเป็นอย่างพ่อคำจันทร์ซึ่งเจ้าตัวก็ยินดี
“เป็นยังไงคะพ่อคำจันทร์ มาอยู่ที่นี่ สะดวกสบายดีไหม” ป้ามาลีเอ่ยถาม เพื่อนรุ่นอาวุโสที่ร่วมนั่งจิบชาอยู่บนระเบียงกว้าง สายลมเย็นสบาย ไม่มีเสียงเครื่องจักรก่อสร้างดังรบกวนอย่างทุกวัน
“สบายดีคุณมาลี ขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆ ลูกผมก็สบายใจเสมอละ”
“ไม่คิดถึงลูกๆ หลานๆ ที่บ้านเหรอคะ” ป้ามาลีเอ่ยถามแล้วก็อดเศร้าใจไม่ได้เมื่อเห็นร่องรอยหม่นหมองบนใบหน้าผู้อาวุโส
“คิดถึงสิครับ แต่ลูกๆ หลานๆ ที่บ้านเขาก็มีชีวิตของเขา ลูกของเราเมื่อออกเรือนไปแล้วก็เท่ากับเป็นคนอื่นน่ะครับ ผมก็เหมือนเหลือแต่ลูกจันทน์คนเดียวเท่านั้น”
“ค่ะ เลี้ยงลูกเราเลี้ยงได้แต่ตัวจริงๆ”
“ครับ บางทีบอกให้ตายยังไงว่าไฟมันร้อน อย่าเล่นกับไฟ ลูกมันก็ไม่ยอมฟังหรอก เราก็ต้องจำใจปล่อยให้มันเล่นกับไฟ ให้รู้เองว่าความร้อน ความทุกข์มันเป็นยังไง มันจะได้จำ”
“คงเป็นอย่างนั้นจริงๆ ละค่ะ” นางมาลีพยักหน้าเห็นด้วยช้าๆ ทั้งคู่ปล่อยให้ความเงียบและความทรงจำเกี่ยวกับครอบครัวอันสมบูรณ์แบบของตนในอดีตเข้ามาเติมเต็มบรรยากาศเอื่อยๆ ยามบ่าย ไม่นานก็แยกย้ายกันไปเอนหลังตามวัย
*****************
ที่สวนผลไม้ครูตรีเนตร
ลูกชายเจ้าของสวนในชุดเสื้อเชิ้ตลายสก็อตตัวใหญ่ สวมทับเสื้อกล้ามสีเทากับกางเกงยีนรองเท้าลุยสวน เดินนำเด็กชายตรีเพชรที่แต่งตัวรัดกุมพอกันไปตามทางเดินเล็กๆ รอบสวนที่เคยรกร้างแต่ถูกถางเสียจนน่าเดินในตอนนี้ ลุงเกิดกระหืดกระหอบตามมาด้านหลัง
“รอด้วยครับ รอด้วย”
“ทำไมมาช้านักล่ะลุงวันนี้”
“นังลำดวนน่ะสิ มันเกิดโกรธกับไอ้จอม วันนี้ไม่ยอมทำกับข้าวกับปลา หลานข้าก็ร้องไห้จ้า พ่อแม่ทะเลาะกัน ข้าต้องหุงหาอาหารไว้ให้ไอ้จอมมัน”
“นานๆ จะมีวันหยุดที เสือกทำตัวแบบนี้อีกแล้วเรอะ”
ตรีเมฆหมายถึงนายจอมลูกชายลุงเกิด
“เออ อีเมียก็พลอยเป็นไปด้วย นี่หอบลูกกะเตงๆ ขับมอเตอร์ไซค์ไปร้านขายผลไม้ทั้งๆ ยังไม่ได้กินข้าวกินปลาเลยด้วยซ้ำ ปวดหัวกับผัวเมียสมัยนี้จริงๆ”
“มาเถอะลุง ผมจะไปดูรั้วด้านหลังที่ติดกับวิทยาลัยหน่อย ครั้งก่อนมีคนโยนขยะข้ามมาเลอะเทอะ”
“ครับๆ” ลุงเกิดรีบสาวเท้าตามขายาวๆ ของตรีเมฆไป ในขณะที่เด็กชายตรีเพชรต้องออกแรงเดินแกมวิ่งจึงทัน แต่กระนั้นก็ไม่ได้บ่นเลยสักนิด
“แหม มันสร้างอะไรกันเข้ามาใกล้รั้วอย่างนี้ หน้าผลไม้ไอ้เด็กทโมนฝั่งโน้นคงปีนหลังคาข้ามมาเก็บมะม่วงได้สบายใจเฉิบ แล้วนี่เขาไม่กลัวเด็กหนีเรียนออกมาทางนี้บ้างเรอะ” ลุงเกิดบ่นเมื่อเห็นโครงหลังคาเหล็กของโรงอาหารในวิทยาลัย ถูกต่อเติมเสียสูงขึ้นมาเหนือกำแพงอิฐสูงฝั่งสวน เสียงช่างก่อสร้างและเครื่องไม้เครื่องมือดังข้ามรั้วมาได้ยินอย่างชัดเจน
“เอ๊ะ นั่นช่างของบริษัทนายช่างใหญ่ศมานี่”
“ใช่” ตรีเมฆพยักหน้า ศมาแจ้งแก่เขาแล้วว่า ผู้อำนวยการสั่งให้ก่อสร้างอาคารโรงอาหารชิดกับรั้วฝั่งนี้ของสวนเขา แต่ตรีเมฆไม่คิดว่ามันจะชิดขนาดนี้ วิศวกรหนุ่มเพื่อนสนิทยังบอกเขาอีกว่าผู้อำนวยการหญิงคนนั้นสนใจซื้อที่ดินของเขา
‘ท่าน ผอ. สนใจซื้อไว้สร้างหอพักนักศึกษาว่ะ ท่านว่ามันใกล้โรงอาหาร เปิดรั้วด้านนี้อีกด้าน นักศึกษาเข้าออกวิทยาลัยได้สะดวกดี ท่านสนใจจะขอแบ่งซื้อสักสิบห้าไร่ นายว่ายังไง’
‘ไม่ขาย’ ตรีเมฆตัดสินใจได้อย่างง่ายดาย ทรัพย์สมบัติที่พ่อของเขาทิ้งไว้ ก็เท่ากับเป็นตัวแทนของพ่อที่คอยดูแลแม่อยู่แม้ตัวตาย เขาเองไม่เคยมั่นใจในอนาคตของตนเองแล้วจะมาขายสมบัติกินได้ยังไงกัน
‘ไม่ขายก็ทำเองสิวะ เอาไหมข้าจะช่วย รับรองว่าได้นักศึกษาเต็มทุกห้องแน่นอนสะดวกแบบนี้ ไม่มีทำเลไหนเหมาะไปกว่านี้แล้วนะเว้ย’
‘ไม่เป็นไร ทำแค่ที่บ้านก็คงพอแล้ว’
ตรีเมฆเอ่ยเรียบๆ ศมาไม่เซ้าซี้ต่อ เพราะรู้นิสัยใจคอของอีกฝ่ายดี แต่เขาก็รู้อีกเช่นกันว่าคนอย่างผู้อำนวยการสุปราณีลองได้มีแผนการใดแล้วก็ยากที่จะล้มเลิกง่ายๆ
ไม่แน่ ตรีเมฆไม่ขาย แต่ป้ามาลีผู้เป็นแม่อาจจะอยากขายก็ได้
“ตัดแต่งกิ่งมะม่วงพวกนี้สักหน่อยนะลุง ผมศึกษามาเขาว่าต้องแต่งกิ่ง ต้นจะได้ไม่โทรม ลูกดกด้วย”
“ใช่ อุวะช่างเมฆก็สนใจงานสวนเหมือนกันเรอะ”
“ทำยังไงได้ล่ะครับ ได้มาแล้วก็ต้องดูแล” เขาพูดพลางปีนป่ายขึ้นไปบนต้นมะม่วง พร้อมมีดพร้า และกรรไกรแต่งกิ่งอันใหญ่คมวับ
กิ่งมะม่วงร่วงหล่นลงมาที่โคนต้น เจ้าหนูตรีเพชรก็ช่วยลากออกไปกองไว้ด้านหนึ่งตามที่ลุงเกิดบอก พร้อมทั้งระวังกิ่งมะม่วงหล่นใส่หัวไปด้วย
“อ้าว หัวหน้าเมฆ วันหยุดไหงมาปีนต้นไม้เป็นลิงเป็นค่างอยู่นี่ล่ะครับ” เสียงร้องถามของคนงานคนหนึ่งดังข้ามรั้วมาจากทางฝั่งวิทยาลัย
“เอกเรอะ มาแต่งกิ่งมะม่วงน่ะ”
“อ้าว นี่สวนของช่างเองหรอกเหรอ โอ้โห กว้างขวางน่าดู” ช่างเอกไต่คานหลังคาชะโงกดู
“นายช่างๆ หัวหน้าเมฆอยู่ทางนี้ครับ” ช่างเอกร้องบอกศมา
“เหรอ งั้นชวนข้ามมากินกาแฟฝั่งนี้สิ” ศมาร้องบอก
ตรีเมฆไต่กิ่งมะม่วงมายืนบนกำแพงสูงอย่างน่าหวาดเสียว เขามองลงไปที่พื้นด้านล่างก็เห็นศมายืนถือแบบแปลนก่อสร้างแหงนหน้ามองขึ้นมา ไม่ห่างกันนักคือเจ้าของร่างบางในเดรสสีน้ำเงินกระโปรงบานๆ เลยหัวเข่ามีลายดอกไม้กระจุ๋มกระจิ๋มหอบหนังสือเต็มอ้อมแขนยืนอยู่ วันนี้หล่อนสวมรองเท้าส้นสูง ทำให้เห็นขาและปลีน่องเรียวงาม
“กาแฟหน่อยไหมเพื่อน”
“ไม่ว่างว่ะ” เขาบอก พลางหรี่ตามองสบดวงตาโตหวานซึ้งของคนที่แหงนมองเขาคอตั้งบ่า จันทน์กะพ้อเองก็มองตอบสายตาขวางๆ ของเขาเช่นกัน รู้ทันหรอกว่า เขาคงคิดว่าหล่อนจงใจมาอยู่กับศมาสินะ ทั้งที่ความจริงแล้วหล่อนเพิ่งเดินลงมาจากตึกข้างๆ ที่เพิ่งสอนเสร็จและแวะเวียนมาทักทายตามประสาคนรู้จักกันก็เท่านั้น
แต่เอ๊ะ! ทำไมหล่อนต้องอธิบายเหตุผลอะไรกับเขาด้วยล่ะ
“อ้าว เจ้าเพชรมาด้วยเหรอหัวหน้า แหม...ทำงานใหญ่เลย ขยันจริงวุ้ย” ช่างเอกร้องทักทาย เสียงเล็กๆ ของเด็กชายร้องตอบมา จันทน์กะพ้อขมวดคิ้วเรียวพลางทอดถอนใจแบบที่หล่อนชอบทำเวลาไม่ค่อยพอใจ
“เพชรมาด้วยเหรอคะ ปีนต้นไม้หรือเปล่า ระวังจะตกเอานะคะ”
หล่อนไม่ได้ร้องตะโกนบอกเขา หากหันไปบอกศมาเบาๆ ชายหนุ่มคลี่ยิ้มพยักหน้ารับแล้วแหงนหน้าร้องบอกตรีเมฆ
“เฮ้ยเมฆ คุณครูเขาบอกว่าอย่าให้เจ้าเพชรปีนต้นไม้ มันจะตกเอา”
“ไอ้เสือมันไม่ใช่ผู้หญิงที่จะได้ตกต้นไม้ง่ายๆ”
ตรีเมฆพูดช้าๆ ชัดๆ จันทน์กะพ้อหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
ผู้หญิงที่ปีนนิดปีนหน่อยก็ตกต้นไม้ ก็เห็นจะเป็นหล่อนสินะ ตาบ้าเอ๊ย!
“ไอ้เสือลงไปเร็วๆ ขืนเอ็งตกลงไปข้าจะถูกดุ” ตรีเมฆร้องบอกเด็ก ชายที่ปีนต้นมะม่วงขึ้นมาได้ครึ่งทาง ทำให้ใบหน้าอวบของมันบึ้งตึง จมูกย่น
“ใครจะดุเหรอลุงยักษ์ ยายกับคุณครูไม่อยู่นี่เสียหน่อย”
“ใครว่าไม่อยู่ล่ะ โน่น ครูของเอ็งยืนถือไม้เรียวอยู่ฟากโน้น ไป เราลงกันดีกว่าข้าไม่อยากโดนไปด้วย เออนายช่างใหญ่ ฝากถามท่าน ผอ. ด้วยนะว่าทำไมต้องสร้างไอ้อาคารบ้าๆ นี่ชิดรั้วสวนกูนักวะ วันดีคืนดีต้นไม้ใหญ่ที่สวนโค่นลงไปทับพังเสียหาย ก็อย่ามาว่ากันก็แล้วกันนะ”
ตรีเมฆพูดจบแล้วก็เหวี่ยงกายปีนลงไปจากต้นมะม่วงอย่างคล่องแคล่ว จันทน์กะพ้อระบายลมหายใจออกมาเบาๆ ด้วยความโล่งอก ศมาได้แต่มองแนวหลังคาอาคารที่ยื่นเข้าไปจนแทบจะคลุมกำแพงด้วยความจนใจ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.ค. 2563, 09:53:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.ค. 2563, 09:53:19 น.
จำนวนการเข้าชม : 421
<< บทที่ 12 -25% | บทที่ 12 -75% >> |