หลอนซ่อนรัก

'เมื่อความรักเริ่มต้นจากความหลอน

เพราะความจำเป็นบังคับให้ต้องมาชิดใกล้

นานวันเข้า...กลับก่อเกิดสายใยผูกพันในหัวใจโดยไม่รู้ตัว'
----------------------------------------------------------------------------
“รีบตื่นมาทะเลาะกับฉันนะตาบ้า ถ้านายเอาแต่นอนแบบนี้ฉันก็เหงาปากดิ และอีกอย่าง...” เด็กสาวพูดประโยคต่อมางึมงำในลำคอ “...ฉันยังไม่ได้ขอโทษนายเลย”
แล้วจู่ ๆ เด็กสาวก็สัมผัสถึงลมประหลาดพัดผ่านหลังเธอไป มันเย็นยะเยือกจนเธอขนลุกเกรียว
“เฮ้ย มันขนลุกแปลก ๆ อ่ะ นี่พวกเธอ...” แต่เมื่ออิงฟ้าหันไป ด้านหลังเธอกลับไม่มีใครยืนอยู่เลย บรรยากาศดูวังเวงชอบกล
“เฮ้ย ทุกคนหายไปไหนหมดเนี่ย” เด็กสาวเหลียวซ้ายแลขวาก็ไม่เห็นใคร ยกเว้นคน ๆ หนึ่งที่มายืนอยู่ข้างๆเธอ เป็นผู้ชายใส่ชุดนักเรียน มือจับกระจกข้างหนึ่ง หน้ามองห้องนั้นนิ่ง
“เธอก็มาเยี่ยมต้นเขาหรอ” หมอนี่ดูท่าทางแปลก ๆ ชอบกลแฮะ นี่ต้นมีเพื่อนลักษณะแปลก ๆ แบบนี้ด้วยหรือเนี่ย
แล้วทันใดนั้นเอง ผู้ชายคนดังกล่าวก็เงยหน้าขึ้นก่อนจะหันขวับมามองเธอ
“เธอเห็นฉัน” เสียงที่เอ่ยขึ้นนั้นดังแว่วมาเบา ๆ
“อ้าวก็ยืนหัวโด่ซะแบบนี้ ใครเขาก็ต้องเห็นสิ” แต่แล้วเด็กสาวก็ชะงัก ฉุดคิดอะไรได้บางอย่าง และสิ่งที่ทำให้เธอช็อคก็คือผู้ชายคนนี้ก็คือต้นนั่นเอง “ต้น นี่นาย เดี๋ยวนะ ในนั้นก็นายนอนอยู่นี่นา”
“ใช่” เขาตอบมาหน้าตาเฉย
“แล้วที่ยืนพูดกับฉันอยู่ก็นายใช่ไหม”
“ใช่”
เด็กสาวเริ่มขาสั่น ตัวสั่นไปหมด
“แล้วๆ...แสดงว่าที่ยืนอยู่ตรงนี้ก็คือ ผีงั้นหรือ” เด็กสาวถามปากคอสั่น ๆ
“อืม” เด็กหนุ่มพยักหน้าตอบเฉย ก่อนจะหายวับไปจากตรงนั้นต่อหน้าต่อตา
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“อุ๊ย”
“ตกใจหรือครับ”
อริสาก้มหน้าเขิน ก่อนจะแอบมองใบหน้ามีเค้าจีนที่มองลงมา
‘อยากซบอกจัง’
ราวกับคนตรงหน้าอ่านใจเธอได้ มือของเขาจับศีรษะทุยของเธอให้ซบลงบนอกแกร่ง
“พี่ธนู คือว่า...”
“ครับ” เขายิ้มมาให้เธออีกครั้ง ทำเอาอริสาถึงกับก้มหน้างุดลง
คราวนี้ ชายหนุ่มค่อย ๆ ดันร่างของหญิงสาวออกเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ หมุนตัวเธอรอบนึง แล้วเข้าไปโอบเอวเธอจากด้านหลัง
“เหมือนฝันเลยนะ” เสียงทุ้มนุ่มนั้นว่าขึ้นใกล้หูของเธอ
อริสาเองทั้งรู้สึกประหม่าและรู้สึกดีเหลือเกิน มีความสุขล้นอกอย่างบอกไม่ถูก
“ถ้าเป็นฝัน หนูเองก็ไม่อยากตื่นเจอความจริงเลยค่ะ”
“แต่ว่ายังไงซะ...” ชายหนุ่มกระซิบใกล้ใบหู “คนเราก็ต้องตื่นครับ อริสา”
หญิงสาวรู้สึกตกใจ นิ่งไปเพราะคุ้นหูกับเสียงที่พูดประโยคหลังนี้เหลือเกิน เสียงอันคุ้นหูที่เธอไม่พึงปรารถนาที่จะได้ยิน
“พี่เชน” เธอกล่าวเสียงแผ่วเมื่อหันมาเจอคู่กรณีที่ตนไม่อยากเจอเป็นที่สุด ฝันอันแสนหวานเปลี่ยนเป็นฝันร้ายในบัดดล ก่อนที่จะกล่าวด้วยน้ำเสียงตกใจอย่างมาก พยายามดิ้นจากอ้อมกอดที่รัดเธอแน่นขึ้น “พี่มาได้ยังไง แล้วพี่ธนูล่ะคะ”
“อืม ไปไหนกันน้า กอดเธออยู่” แล้วร่างของนเรนทรก็เปลี่ยนเป็นธนูที่อยู่ในชุดสูทเมื่อครู่ “หรือว่า ไม่อยู่แล้ว” แล้วร่างก็กลับมาเป็นชายหนุ่มผมรวบยาวหางม้าตามเดิม

Tags: #นิยายรัก #วิญญาณ #เย็นชา #โคแก่ #หญ้าอ่อน

ตอน: บทนำ

บทนำ
‘ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกจะโทษว่าเป็นเพราะกรรมอย่างเดียวคงไม่ใช่นัก เพราะกรรมนั้นเกิดจากการกระทำ มิใช่ใครหรือสิ่งใดกำหนด แต่เป็นตัวเราเองด้วย ที่กำหนดชะตาของกรรม’
เด็กสาวร่างอวบในชุดสีฟ้าสดใส กางเกงยีนสีเข้มทอดสายตามองก้อนเมฆสีขาวที่ลอยไปมาอย่างไร้ระเบียบบน
ท้องฟ้าด้วยอาการเหม่อลอย ในมือถือกระดาษวาดรูปและดินสอ นั่งพิงต้นไม้ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง
‘เมฆก้อนนั้นน่าจะเป็นรูปกระต่าย วาดกระต่ายละกัน’
เมื่อวาดจนเสร็จแล้ว เธอก็ลุกขึ้นยืน มองภาพที่ตัวเองวาดด้วยความภูมิใจ
“วันนี้จะต้องเป็นวันที่ดีแน่ๆ” เด็กสาวกล่าวกับตัวเอง ยิ้มน้อยๆ รอบตัวของเธออะไรๆ ก็ดูสดใสไปหมด
โดยเฉพาะในเวลาได้ทำในสิ่งที่ตนรัก
จนกระทั่งเด็กสาวกลับมาถึง คุณตาของเธอก็มาอยู่ที่บ้านก่อนแล้ว
“สวัสดีค่ะ” อาการร่าเริงดูซึมลงทันที
“นั่งสิ”
เธอเดินไปนั่งโซฟาข้างๆ ตามคำสั่ง
ชายชรามองไปที่กระดาษวาดรูปในมือของหลานสาวก่อนจะถามขึ้น “อะไรน่ะ”
“หนูไปวาดรูปมาค่ะ” เมื่อเห็นคุณตาถาม แม้ท่าทางจะไม่ได้ดูสนใจก็ตาม แต่เธอก็อยากให้ดูมันคือความภาคภูมิใจ มืออวบน้อยนั้นกำลังจะเปิด แต่เสียงแหบๆ นั่นห้ามไว้เสียก่อน
“ไม่ต้องเปิดๆ ฉันไม่สนใจ”
เด็กสาวจึงหยุดทันที
“เอาเวลาเรียนไปวาดรูปไร้สาระนี่เองน่ะหรือ แล้วแบบนี้ผลการเรียนล่ะ เป็นยังไง ไม่น่าดีใช่ไหม”
เด็กสาวนั่งเกร็งเมื่อเจอคำถามกดดันแบบนั้น
“ไม่ได้ไร้สาระนะคะ คุณตา”
“ให้ตายสิ ไม่ได้ความเหมือนพ่อเลย แบบนี้ต่อไปจะทำอะไรกิน คิดเลขเป็นเปล่า ค้าขายได้ไหม”
“พ่อคะ” เสียงๆ หนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะ “พ่อคงไม่ได้กดดันฟ้าเขาอยู่ใช่ไหม”
ร่างของบุตรสาวหรือแม่ของคนตรงหน้าปรากฏขึ้นพร้อมจานใส่ขนมและเครื่องดื่ม
“กดดันอะไร ฉันแค่เป็นห่วง กลัวหลานสาวคนนี้จะไม่มีอนาคตแค่นั้น ดูสิ ปล่อยตัวให้อ้วน แล้วยังจะไม่เก่งอีก ต่อไปจะเอาตัวรอดได้อย่างไร คนเก่งบางคนถึงเขาหน้าตาจะไม่ดี แต่ก็มีความเก่งช่วย แต่หลานฉันไม่มีอะไรสักอย่างเลย”
“พ่อ ทำไมพูดแบบนั้นคะ” ผู้เป็นแม่มองไปที่บุตรีที่นั่งนิ่ง แต่สักพักเธอก็ยิ้มออกมาก่อนจะกล่าวว่า
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณตาก็มีเหตุผล เดี๋ยวหนูไปเก็บของก่อนนะคะ” ว่าจบ เธอก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นข้างบน ทันทีที่เข้าห้องมาได้ เธอก็วางข้าวของบนโต๊ะเขียนหนังสือ รอยยิ้มจางไป น้ำตาไหลออกมาเมื่อนึกถึงคำพูดของคุณตา
เธอแค่อยากจะให้คุณตามองว่าเธอก็มีความสามารถเหมือนกันแค่นั้นเอง ทำไมต้องพูดจาร้ายๆ มองโลกแคบๆแบบนั้นด้วยนะ
เด็กสาวมองไปที่รูปวาดที่วางไว้ พยายามเรียกกำลังใจตัวเองกลับมา เมื่อเปิดดูรูปวาดที่เธอวาดทุกรูป ความเศร้าก็ค่อยๆ ได้รับการบรรเทาอย่างช้าๆ
แล้วยังไงล่ะ ถ้าเธอต้องการจะทำอะไรซักอย่างให้ดี ก็ไม่จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับคำพูดหรือความคิดใคร ชีวิตของเรา เราต้องเป็นผู้กำหนดเองสิ ไม่งั้นสวรรค์จะประทานอวัยวะและสมองมาให้เราทำไมถ้าท่านไม่คิดให้เราทำอะไรด้วยตัวเอง
เมื่อคิดให้กำลังใจตนเองเช่นนั้น เธอจึงยิ้มออกมาได้ในที่สุด เธอไม่ใช่คนที่จะยอมให้ความเศร้ามาเกาะกุมจิตใจนานๆ
“สู้ๆนะ ฟ้า” คนโลกแคบและมองโลกในแง่ร้ายแบบนี้คงมีไม่กี่คนหรอกบนโลกใบนี้
แต่ในบางครั้งโลกอาจแคบกว่าที่เราคิด
“ตั้งใจแล้วจะหล่นไปอยู่ห้องนั้นน่ะหรือ” เด็กหนุ่มคนหนึ่งว่าขึ้นด้วยน้ำเสียงตำหนิเมื่อนึกถึงห้องที่เธออยู่ซึ่งเป็นห้องบ๊วยที่สุดของสายวิทย์ เป็นที่รวมกลุ่มของเด็กเกเรทั้งหลาย
“ก็ตอนนี้กำลังจะตั้งใจแล้วไงเล่า นายนี่พูดไม่รู้เรื่องหรือไง”
“ไม่ใช่ไม่รู้เรื่อง แต่ฉันคิดว่าการที่ฉันมาสอนเธอมันเสียเวลา สู้ไปสอนคนอื่นที่ตั้งใจดีกว่า”
“เดี๋ยวนะ นี่นายรู้จักฉันดีแค่ไหนถึงกล้ามาพูดอะไรแบบนี้” เด็กสาวกล่าวอย่างโมโห
“ฉันไม่อยากสอนคนไม่ตั้งใจเรียนเพราะเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ เหมือนกับที่ต้องเสียเวลามาเถียงกับเธอในตอนนี้ เปล่าประโยชน์” พูดจบเขาก็เดินออกไป
“เดี๋ยวก่อน นายน่ะ” เด็กสาวตะโกน ยังไม่อยากทิ้งความหวัง “นายยังไม่เคยลองสอนฉันเลย นายจะรู้ได้ไงว่าฉันไม่ตั้งใจจริงๆ อีกอย่าง ฉันก็ไม่อยากติด 0 ด้วย ฉันจะตั้งใจแล้วจริงๆ ช่วยหน่อยเถอะนะ”
เด็กหนุ่มตรงหน้าหันมามอง รำคาญเต็มทน
“ฉันต้องลงไปกินข้าว อย่าทำฉันเสียเวลาไปมากกว่านี้”
“นิสัยแย่มาก แย่ที่สุด” เธออุตส่าห์ลืมอายเพื่อมาขอความช่วยเหลือจากเขา แล้วดูคำพูดเขาสิ ช่างดูถูกคนอื่นมากเหลือเกิน
เธอเกลียดคนประเภทนี้และไม่อยากเจอเป็นอันดับต้นๆ แต่ในเมื่อทุกอย่างมันไร้ทางออก เหลือเพียงเขาซึ่งเป็นความหวังเดียว เธอก็คงต้องทำ
“นี่นาย...”
--------------------------------------------------------




วานิลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ส.ค. 2563, 20:13:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ส.ค. 2563, 20:14:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 193





   ตอนที่ 1 : จุดเริ่มต้น >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account