แรกรักพันใจ: มาสฬฎา (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
มีมารดาเลี้ยงใจร้าย บวกกับพี่สาวใจยักษ์ ชีวิตดูน่ารันทดนัก
แต่ ‘วรีวาฏิกา’ สาวชื่อยาวยิ่งกว่าแม่น้ำไนล์ก็หาได้แคร์ไม่
แต่พอคนที่เธอคิดว่าเป็นพี่ชาย...จากที่เคยอบอุ่นน่ารักเอาใจ กลายเป็นเย็นชาหมางเมินใส่ เธอก็เลยต้องเริ่มจะแคร์

เจอกันตอนเด็กๆ เธอคิดว่า ‘ภควัตน์’ ช่างเป็นพี่ชายที่แสนอ่อนโยนมีเมตตา
เจอกันช่วงวัยรุ่น วรีวาฏิกาก็ยังคิดว่าเขาเป็นพี่ชายที่หล่อเหลาและแสนดี
เจอกันอีกครั้งในวัยทำงาน...

ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปชั่วร้ายได้ขนาดนี้เล่า!

นี่ถ้าเมื่อก่อนเธอไม่ได้เข้าใจผิดไปเอง ภควัตน์ก็เสแสร้งตลบตะแลงเก่งเกินไปแล้ว!

“ชื่อเล่นผม มีไว้ให้คนสนิทกันเรียก และนั่นไม่ใช่คุณ!”

ประโยคเดียวเบิกเนตรจนวรีวาฏิกาต้องหันกลับมามองท่านรองประธานเสียใหม่

ในเมื่อเขาไม่เห็นแก่มิตรภาพเก่าก่อนก็ไม่เป็นไร
เจอกันคราวต่อไป ก็อย่าหวังให้เธอเห็นใจก็แล้วกัน!



*******************

นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "มาสฬฎา" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ค่ะ ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นนิยายรักโรแมนติก คอมเมดี้ ที่รับประกันเลยว่าทั้งสนุก ตลก น่ารัก และฟินมากกกกกก ได้ปาความเครียดทิ้งไปแน่นอน! เพราะพี่พาร์ค พระเอกของเรื่องแม้จะเป็นบอสสายเย็นชา แต่(แอบ)รักนางเอกสุดหัวใจ ส่วนนางเอกก็เป็นน้องมึนที่เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ 5555 #รับประกันความสนุก!


*******************

นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ

***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***

1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ

2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile

3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks

4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee

หนังสือพร้อมส่ง

คุ้มสุดด้วยจำนวน 458 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนรวด)

สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 319฿ จากราคาปก 350฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 364฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 389฿)

หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"

***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann**
Tags: เลขา บอส พระเอกเย็นชา แม่เลี้ยง ลูกเลี้ยง ตลก

ตอน: บทนำ

ภายในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ณ กรุงลอนดอน สามปีก่อน...

“พวกเธอทำอะไรกันบนเตียงฉัน!”

สิ้นเสียงของสาวผมดำขลับแต่นัยน์ตาสีน้ำเงินมีเสน่ห์อย่างประหลาดคนที่กำลังนอนกอดกันเปลือยกายบนเตียงตกใจรีบลุกขึ้นมาพร้อมหยิบผ้าห่มมาคลุมกายชุลมุน ก่อนชายคนเดียวในห้องจะรีบถามด้วยความลนลานว่า

“วามาได้ยังไง วันนี้มีไปทัศนศึกษาที่คาร์ดิฟฟ์ไม่ใช่เหรอ!”

“อ๋อ เลยคิดว่าทางสะดวก มาทำอะไรกันในห้องฉันก็ได้สบายอย่างนั้นเหรอ!”

คนโดนด่ายังไม่ทันจะตอบ คนเห็นความอัปยศตรงหน้าก็เหลือบตาไปเห็นพี่สาวต่างมารดายิ้มหยันมาให้อย่างสะใจ

“งั้นอย่างน้อยอย่าเอาเชื้อหนองในหรือเอดส์มาปล่อยทิ้งไว้บนเตียงฉัน! เชิญไปต่อกันที่ห้องพี่สาวฉันโน่น เชิญ!”

สิ้นประโยคนั้น แพททริคเบิกตาโตรีบหันไปมองสาวที่เพิ่งนอนด้วยก่อนจะละล่ำละลักถาม

“วิเป็นเอดส์เหรอครับ!”

คนถูกกล่าวหาว่าเป็นเอดส์ถึงกับกรีดร้องทันที ก่อนที่คนเป็นน้องจะรีบสำทับ

“ก็มั่วซะขนาดนี้ ผู้ชายที่เพิ่งเจอกัน เอ๊ะ! สองวันก่อนเองนี่ แถมรู้ทั้งรู้ว่าเป็นแฟนน้องสาวยังกล้านอนกับเขาได้ นายก็คิดดูเอาเองแล้วกันว่าผู้หญิงที่มั่วขนาดนี้จะไม่มีติดโรคอะไรเลยหรือไง ใช้สมองบ้างนะ อย่าใช้แต่ท่อนล่าง!”

จบประโยค คนถูกกล่าวหาว่าติดโรคก็กรีดร้องหนักกว่าเดิมพร้อมปาข้าวของร้องตะโกนปาวๆ

“อีวา อีบ้า! ฉันไม่ได้เป็นเอดส์ อีน้องบ้า อีนังสารเลว!”

“สารเลวน่ะพี่วิเก็บไว้ด่าตัวเองเถอะค่ะ! แล้วมั่นใจได้ยังไงคะว่าไม่ได้ติดโรค ไปตรวจสุขภาพมาแล้วเหรอคะ”

“บ้า บ้า บ้า! ยายวา แกมันบ้า! ออกไปนะ ออกไป๊!!!!”

“ขอโทษด้วยนะคะพี่วิ แต่นี่ห้องวา ห้องพี่วิอยู่โน่น!”

ไม่พูดเปล่า วรีวาฏิกายังชี้นิ้วไปยังประตูฝั่งตรงข้ามอีกด้วย ก่อนจะรีบสำทับ

“คนที่ควรออกไปคือพวกเธอ ไม่ใช่ฉัน! ออกไปเดี๋ยวนี้ หรืออยากจะให้ถ่ายรูปพวกเธอในสภาพนี้แล้วเอาประจานลงอินเทอร์เน็ต!”

‘พี่วิ’ กับหนุ่มเปลือยกายรีบวิ่งออกจากห้องไปแทบไม่ทัน ทิ้งไว้แต่หญิงสาวที่เพิ่งจับได้ว่าแฟนตัวเองมีอะไรกับพี่สาวแบบคาหนังคาเขาทรุดหมดแรงอยู่ข้างประตูห้อง

วรีวาฏิกาปล่อยให้ตัวเองจมจ่อมอยู่กับความทุกข์ได้ไม่นาน ก่อนที่ความแค้นจะพุ่งแรงแซงหน้า คว้าโทรศัพท์ออกมากดเบอร์ที่มีอยู่ในเครื่องเป็นเบอร์ที่เธอไม่เคยคิดจะโทร.หาเลยสักครั้ง...เบอร์ของบิดา

ถือสายรออยู่ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงปลายสายกดรับ

“มีอะไรเจ้าวา”

คนปลายสายเอ่ยทักด้วยชื่อเล่นของลูกสาวคนที่ตนไม่ค่อยไยดีนัก

“คุณพ่อดื่มน้ำชาอยู่กับคุณย่าในห้องรับแขกอยู่หรือเปล่าคะ” คนโทร.มาถามให้แน่ใจ

“ใช่ มีอะไรกับคุณย่าหรือ”

“วามีเรื่องจะคุยกับทั้งคุณย่าและคุณพ่อค่ะ รบกวนคุณพ่อช่วยเปิดสปีกเกอร์โฟนให้คุณย่าได้ยินด้วยได้ไหมคะ จะได้ฟังไปด้วยกันเลย”

เงียบไปสักครู่ วรีวาฏิกาก็ได้ยินเสียงคุณย่าทักขึ้น

“ว่าไงยายวา ไม่โทร.หาย่าตั้งสองวัน เป็นยังไงบ้างลูก”

“วาสบายดีจนถึงเมื่อสามนาทีก่อนค่ะคุณย่า ที่วามีเรื่องจะคุยกับคุณย่าและคุณพ่อก็เรื่องนี้แหละค่ะ วาจะโทร.มาขอบคุณคุณพ่อค่ะ ที่อุตส่าห์ให้พี่วิมาอยู่กับวาที่ลอนดอนช่วงที่วามาแลกเปลี่ยนหกเดือนที่นี่ พี่วิดูชอบลอนดอนมากเลยนะคะ เพราะวาไม่เคยเห็นพี่วิไปเรียนโรงเรียนสอนภาษาที่คุณพ่อสมัครให้สักครั้ง เห็นแต่ไปเที่ยวทั่วลอนดอนโดยเฉพาะผับตอนกลางคืน”

เมื่อเห็นว่าปลายสายยังเงียบ หญิงสาวจึงพูดต่อแบบไม่หยุดพัก

“อีกอย่างพี่วิน่ารักมากเลยค่ะ พี่วิอุตส่าห์ช่วยทำให้วาตาสว่างว่าผู้ชายที่วาคบอยู่มันเฮงซวยแค่ไหน ด้วยการช่วยนอนกับแฟนวาบนเตียงของวาให้เห็นจะจะคาตา วาตาสว่างวันนี้เลยค่ะคุณพ่อ วาเลยอยากจะโทร.มาขอบคุณคุณพ่อที่อุตส่าห์ส่งพี่วิมาเพื่อช่วยวา ถ้าไม่รบกวนเกินไปวาขอเบิกค่าผ้าปูที่นอนใหม่ได้ไหมคะ วาไม่อยากนอนบนผ้าปูที่นอนที่พี่วิเพิ่งร่วมกิจกรรมบนเตียงกับแฟนวาวันนี้ วาไม่สะดวกใจเท่าไร!”

“วรีวาฏิกา!”

ฟังดูก็รู้ว่าบิดาโมโหเธอจนอดไม่อยู่ ไม่ได้โกรธพี่วิหรือเชื่อคำพูดเธอแม้แต่น้อย ถ้าไม่ได้ยินเสียงพี่วิดังแทรกเข้ามาในโทรศัพท์ตอนตะโกนด่าเธออย่างบ้าคลั่งเสียสติ

“อีวา อีบ้า แกไปฟ้องคุณพ่อเหรอ! อีบ้า! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ แกอย่ามาโทษฉันนะอีบ้า ออกมาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันพังประตูเข้าไปแน่! คุณพ่ออย่าเชื่อนังวามันนะคะ หนูไม่ได้ทำแบบนั้นนะคะ นังวามันใส่ร้ายหนู ออกมานะ นังวา ออกมา!”

บิดาคงเชื่อพี่วิหมดใจแน่ถ้าไม่มีเสียงผู้ชายดังแว่วเข้ามาเป็นภาษาอังกฤษต่อว่า

“วิ! พอเหอะน่า...ทุบไปประตูก็ไม่พังหรอก อายเพื่อนบ้านเขา นี่เสียงเธอดังจนเขามาเคาะประตูด่าแล้วไม่ได้ยินหรือไง อยากให้เข้ามาเห็นเราในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยแบบนี้เหรอ!”

เท่านั้น เธอก็ได้ยินเสียงคุณย่าแว่วๆ ว่า

“โอย...ย่าจะเป็นลม เพ็ญ เอายาดมมา เอายาดมมาให้ฉันหน่อย”

ก่อนบิดาของเธอจะรีบตัดสายไปอย่างรวดเร็ว

เสียงทุบประตูห้องยังดังไม่หยุดจนวรีวาฏิกาตัดสินใจว่าเธอคงอยู่ร่วมห้องกับพี่สาวต่างมารดาคนนี้ต่อไปอีกไม่ได้แน่ และถ้ามีใครสักคนที่จะต้องเป็นฝ่ายไป บิดาก็คงเลือกให้เธอไปอย่างทุกครั้งที่เลือกเข้าข้างพี่สาวเธอเสมอมาอย่างแน่นอน

วรีวาฏิกาเก็บข้าวของทั้งหมดใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่สองใบอย่างรวดเร็ว รอจนเสียงเคาะประตูหยุดไปสักพักและได้ยินเสียงประตูหน้าเปิด เธอก็ออกจากห้องแล้วเดินไปตามถนนหน้าอพาร์ตเมนต์แถบเอิร์ลส์คอร์ทที่บิดาของเธอซื้อทิ้งไว้อย่างเคว้งคว้าง...

ใช่ เธอไม่มีที่ไป

ออกมาทั้งๆ ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะไปซุกหัวนอนที่ไหน

ทำไมเธอถึงโง่อย่างนี้นะ!

มาถึงตรงนี้วรีวาฏิกาคิดว่าควรมีแบ็กกราวนด์มิวสิก ดั่งนรกชังหรือสวรรค์แกล้ง เป็นเพลงประกอบชีวิตบัดซบของเธอได้แล้ว!



*******************



สายลมหนาวที่พัดมาพร้อมหิมะโปรยปรายในเดือนธันวาคม ยิ่งตอกย้ำให้วรีวาฏิการู้ตัวว่าตัดสินใจผิดมากแค่ไหน แต่ครั้นจะให้เธอกลับไปยังห้องนั่นเธอก็ทำใจไม่ได้เหมือนกัน ในที่สุดเมื่อทนความหนาวเย็นไม่ไหวและคิดว่าตัวเองควรจะต้องหาที่ตั้งหลักก่อนไปต่อ หญิงสาวก็เลือกที่จะก้าวเข้าไปในคาเฟ่แห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากอพาร์ตเมนต์ขนาดสองห้องนอนของเธอ

วรีวาฏิกาเข้าไปต่อคิวเพื่อซื้อเครื่องดื่มร้อนๆ มาทำให้ร่างกายเธออุ่นขึ้น แต่แล้วสักพักคนที่กะมาหลบพักเพื่อตั้งหลักอย่างเธอก็ต้องเจอเรื่องที่ทำให้หงุดหงิดใจอีกรอบ เมื่อผู้ชายซึ่งน่าจะเป็นพนักงานออฟฟิศมาทีหลังเธอแต่กลับเข้ามาแซงคิวหน้าตาเฉย พยายามจะลัดคิวสั่งเครื่องดื่มก่อนเธอ!

บาริสต้าที่ประจำอยู่ที่แคชเชียร์เห็นชัดๆ ว่าเธอโดนแซงคิวจึงบอกอย่างสุภาพให้ชายหนุ่มผู้นั้นไปต่อคิว แต่เขากลับหน้าด้านหน้าทน นอกจากไม่ยอมไปต่อคิวแล้ว ยังโวยวายใส่พนักงานอย่างไม่พอใจ

“จะขายหรือไม่ขาย วันนี้คนยิ่งซวยๆ อารมณ์ไม่ดีอยู่ เธอไม่ต้องมาทำเป็นสาวผู้ผดุงความยุติธรรมถ้าไม่มีใครขอ จำไว้!”

บาริสต้าสาวอ้าปากค้างกับความก้าวร้าวของลูกค้าตรงหน้า ขอบตาเริ่มมีน้ำตาคลอ ร้อนถึงวรีวาฏิกาที่เพิ่งโดนกระทำมาอย่างหนักถึงกับทนไม่ไหว ต้องหันไปจัดการกับไอ้บ้าที่มาแซงคิวเธอเสียเอง!

“จะซวยแค่ไหนก็ไม่มีสิทธิ์แซงคิวใครทั้งนั้นค่ะ ที่บ้านไม่ได้สอนมารยาทมาหรือไง! กะอีแค่ดวงซวยมันไม่ใช่เหตุผลที่จะมาอ้างเพื่อแซงคิวคนอื่น ขนาดฉันเพิ่งเห็นพี่สาวเอากับแฟนตัวเองเต็มตาบนเตียงฉัน ฉันยังไปต่อแถวอย่างสงบเลย! เพราะฉะนั้นนายมีสิทธิ์อะไรมาแซงคิวคนอื่นไม่ทราบ ไป ถ้าอยากกินก็ไปต่อคิวปลายแถวโน่น หรืออยากจะมีปัญหากับคนทั้งแถวที่ต่อคิวกันอยู่นี่ หา!”

คนโดนประจานต่อหน้าคนอีกเกือบสามสิบชีวิตในร้านโกรธจนหน้าแดง กำหมัดแน่นทำท่าจะกระชากคอเสื้อเธอ หากทว่าถูกผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ก่อนแล้วเข้ามาผลักอก

“ถ้ามีปัญญารังแกผู้หญิง ก็มาต่อกับผมดีกว่าไหม”

ผู้ชายคนนั้นถามพร้อมออร่าของคนที่ชั่วโมงบินสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด จนคนโดนท้าสบถแล้วรีบเดินออกจากร้านไปพร้อมเสียงโห่ไล่จากคนในแถวตามไปติดๆ

หลังจากประตูร้านปิด คนที่เพิ่งทำตัวเป็นฮีโร่ก็หันมาถามเธอเป็นภาษาไทยชัดเจนว่า

“วรีวาฏิกาใช่ไหม”

คนโดนทักพยักหน้ารับอย่างงงๆ ที่ผู้ชายสูงหล่อตรงหน้ารู้จักเธอด้วย ในใจตวัดไปถึงประโยคที่เธอประจานความซวยของตัวเองเมื่อครู่อย่างอดไม่อยู่ ขอให้เขาไม่ได้ยินเถอะนะ เพี้ยง!

“คุณย่าส่งพี่มารับ พี่กำลังจะไปหาที่อพาร์ตเมนต์วาพอดี คิดว่าต้องคุยกันยาวเลยจะซื้อช็อกโกเลตอุ่นๆ ไปฝาก ไม่คิดว่าจะบังเอิญมาเจอวาที่นี่”

พอโดนตอกย้ำว่ารู้จักกับคุณย่า คนโดนทักยิ่งช็อกค้าง...เมื่อครู่นี้เธอทำอะไรงามหน้าลงไปบ้างเนี่ย!

“เราออกจากแถวกันดีกว่า คนอื่นต่อคิวรอนานแล้ว พี่ซื้อช็อกโกเลตร้อนให้วาแล้วอยู่ในถุง ชอบกินช็อกโกเลตร้อนหรือเปล่า”

“วากินได้ค่ะ”

“โอเค ดีเลย งั้นเราไปนั่งตรงเก้าอี้มุมนั้นกัน แล้วคราวนี้วาก็ค่อยๆ เล่าให้พี่ฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

ชายหนุ่มหน้าตาดีอย่างร้ายกาจที่จู่ๆ ก็มาปรากฏตัวตรงหน้า เดินกึ่งจูงพาเธอไปนั่งที่โซฟามุมหนึ่งของร้านซึ่งค่อนข้างเป็นส่วนตัว หลังจากคะยั้นคะยอให้เธอจิบช็อกโกเลตร้อนไปได้สักพัก แต่เธอไม่ยอมกินแถมยังทำหน้าไม่เชื่อใจอย่างเห็นได้ชัด คนอุตส่าห์ซื้อมาให้เลยถอนใจก่อนบอกว่า

“ถ้าวาไม่เชื่อว่าคุณย่าฝากให้พี่มาดู วาก็ลองโทร.ถามคุณย่าสิ”

ไม่แค่บอก เขายังใจป้ำยื่นมือถือตัวเองให้โทร.ข้ามทวีปฟรีอีกด้วย

วรีวาฏิการับโทรศัพท์ชายหนุ่มมาอย่างงงๆ มือก็กดเบอร์คุณย่าไปโดยอัตโนมัติแบบไม่รู้ตัว รอสักพักก็ได้ยินเสียงคุณย่าลอดออกมา

“ว่าไงตาพาร์ค เจอยายวาหรือยัง”

เสียงคุณย่าเป็นห่วงอย่างชัดเจน จนคนโดนทักผิดต้องรีบบอก

“นี่วาเองค่ะคุณย่า”

พอได้ยินเสียงหลานสาว หม่อมราชวงศ์วรีวรินดาก็ถึงกับโล่งอก รีบเอ่ยถาม “วา เป็นยังไงบ้างลูก ย่าเป็นห่วง ร้องไห้อยู่หรือเปล่า ไม่เป็นไรนะ ย่าอยู่ตรงนี้ ย่าเชื่อวานะลูก”

“วาดีใจค่ะที่อย่างน้อยคุณย่าก็เชื่อวา ถึงแม้คุณพ่อจะไม่เชื่อวาเลยก็ตาม ทั้งๆ ที่ได้ยินเสียงพี่วิกับแพททริคเต็มๆ แบบนั้น”

“อย่าคิดมากนะลูก ต่อให้ใครไม่เชื่อวาแต่ย่าเชื่อ ย่าเลี้ยงวามากับมือ ถึงจะซนไปหน่อยแต่ตลอดมาวาไม่เคยโกหกย่าเลยสักครั้ง ย่าจะคุยกับพ่อเราเอง”

“ขอบคุณค่ะคุณย่า คุณย่าคะวามีเรื่องจะถาม คุณย่าให้คุณ...เอ่อ”

“พี่ชื่อภควัตน์ เรียกพี่พาร์คก็ได้” เขารีบบอก

“คุณย่าให้พี่พาร์คมาดูวาเหรอคะ”

“ใช่ ก็ย่าเป็นห่วง นึกได้ว่าพ่อพาร์คเขาอยู่ที่ลอนดอนพอดีเลยขอให้ช่วยมาดูวาให้ย่าหน่อย เจอกันแล้วใช่ไหมลูก”

“ค่ะ ตอนนี้วาอยู่กับพี่พาร์คแล้ว คุณย่าคะ วาคิดถึงคุณย่า” พูดจบน้ำตาที่ไม่ไหลสักหยดก่อนหน้านี้ก็ไหลลงมาไม่หยุดเสียอย่างนั้น ทำเอาคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามต้องย้ายมานั่งข้างๆ พร้อมกับลูบหัวปลอบเธอ

“ไม่เอา ไม่ร้องลูก ไม่ร้อง เดี๋ยวมันจะผ่านไป เชื่อย่านะลูก”

“คุณย่าเชื่อไหมคะ ตอนเห็นแพททริคนอนกับพี่วิต่อหน้าต่อตา วายังเจ็บไม่เท่าครึ่งของที่วาเจ็บตอนที่คุณพ่อไม่เชื่อวาเลย วานึกว่าวาทำใจได้แล้วมาตลอดยี่สิบปีว่าวาเป็นลูกที่พ่อไม่รัก พ่อไม่รักแม่ เลยไม่รักวา แต่ตอนนี้วารู้แล้วว่าถึงวาจะพยายามทำใจแค่ไหน แต่วาไม่เคยทำใจได้เลย การเกิดมาเป็นลูกที่พ่อไม่รักมันเจ็บจริงๆ นะคะคุณย่า มันเจ็บมากๆ วาเจ็บจนใจจะขาดอยู่แล้ว”

“ไม่วา วาอย่าคิดอย่างนั้นลูก ย่ารักวานะลูก อย่าลืมว่าวาเป็นหลานรักของย่าเสมอ”

“แต่ไม่ว่าวาจะพยายามเป็นเด็กดีแค่ไหน คุณพ่อก็ไม่เคยรักวาเลยใช่ไหมคะคุณย่า ทำไมล่ะคะ”

พูดได้เท่านั้นภควัตน์ก็แย่งโทรศัพท์มือถือจากเธอไปดื้อๆ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างกับคุณย่าแล้ววางสายไป

วรีวาฏิกามองเจ้าของโทรศัพท์อย่างงงๆ ขณะที่เขาหันมาจ้องหน้าเธอแทนพร้อมทั้งใช้มือเช็ดน้ำตาออกจากแก้มเธออย่างอ่อนโยน แล้วค่อยๆ โน้มศีรษะเธอไปซบที่ไหล่เขาแล้วบอก

“แสดงละครจบหรือยัง ยายตัวแสบ”

คนกำลังซบอกอุ่นๆ เล่นละครไปตามน้ำแทบผงะ นี่คนตรงหน้าจับ ผิดเธอได้ไงเนี่ย

เป็นคำถามที่เธอไม่ต้องเสียเวลาถาม เพราะคนจับผิดบอกต่อทันที

“เมื่อกี้เราเล่นใหญ่อ้อนคุณย่าไปหน่อย ถ้าเล่นเบากว่านี้อีกสักนิด บวกกับถ้าพี่ไม่ได้เห็นว่าวาดูไม่เสียอกเสียใจอะไรเท่าไรตอนที่มีเรื่องกับฝรั่งเมื่อกี้ พี่ก็คงเชื่อสนิทใจไปแล้ว ว่าเราเสียใจจริงๆ”

อะ...อะไรกัน! เพิ่งเจอกันได้ไม่ถึงสิบนาที คนตรงหน้าก็จับโกหกเธอได้เป็นฉากๆ ขนาดคุณย่าที่เธอชอบเล่นใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์ใส่เพื่อเพิ่มความน่าสงสารยังไม่เคยจับเธอได้เลยสักครั้ง นายภควัตน์อะไรนี่จะเก่งเกินไปแล้ว!

“ไหนๆ พี่พาร์คก็รู้แล้วว่าวาแสดงละคร งั้นก็เอามือออกไปได้แล้วค่ะ ไม่ต้องแกล้งปลอบละ วาเลิกเล่นใหญ่แล้ว”

คนแกล้งปลอบเธอหัวเราะขำ ยังไม่ยอมปล่อยมือ “พี่รู้ว่าวาแกล้งดราม่า เพราะเคยเจอวาตอนเด็กๆ แต่พี่ก็รู้ว่าที่วาเล่นใหญ่เมื่อกี้ วาน้อยใจคุณอาจริงๆ ถึงแม้จะไม่มากเท่าที่แสดงออกก็เถอะ” เขาพูดพลางเอามือลูบผมเธอเบาๆ

“เป็นนักจิตวิทยาเหรอคะ ถึงมาวิเคราะห์วาเป็นฉากๆ โอเคค่ะ วายอมรับว่าเมื่อกี้วาแกล้งเสียใจเว่อร์วังเพราะอยากอ้อนคุณย่าจริง และที่วาน้อยใจคุณพ่อมันก็จริงเหมือนกัน แต่คุณพ่อก็เป็นแบบนี้จนวาชินแล้ว จากที่เคยเจ็บจนจุก ตอนนี้มันเลยเหลือแค่ชาๆ อีกไม่นานวาคงไม่รู้สึกอะไรได้แล้วละค่ะ โชคดีที่วาเป็นคนชิลๆ ไม่งั้นคงเป็นไบโพลาร์ เข้าโรงพยาบาลประสาทตั้งแต่เด็ก คุณย่าสอนวาว่าอะไรปล่อยไปได้ก็ปล่อยไป อย่าเก็บมาใส่ใจมาก ไม่งั้นเครียดตายกันพอดี”

“เหรอ แต่เมื่อกี้ วาดูไม่ค่อยปล่อยวางเท่าไรนะ” เขาถาม แถมด้วยเลิกคิ้วมองมาอย่างรู้ทัน

“ก็นานๆ ทีพี่สาววาจะโป๊ะแตกให้จับได้คาหนังคาเขาขนาดนี้ วาก็ต้องใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์นี้บ้างสิ วาอยากย้ายออกตั้งนานแล้ว ตั้งแต่พี่วิมาอยู่ด้วยก็ทำห้องวาเลอะเทอะ สกปรก ชวนเพื่อนมาปาร์ตี้ที่ห้องทุกวัน วาทำรายงานไม่ได้เลยต้องหนีไปทำห้องสมุด นี่จบงานนี้วาต้องไปขอบคุณแพททริคสักหน่อย ที่นอกใจวาได้ถูกที่ ถูกเวลาพอดี ช่วยวาได้เยอะเลย”

วรีวาฏิกาบอกแบบไม่แคร์คนที่ตัวเองเรียกว่า ‘แฟน’ เลยสักนิด

“เดี๋ยวนะ นี่เราไม่เสียใจที่แฟนนอกใจเลยเหรอ” ภควัตน์อดสงสัยไม่ได้

“วาเพิ่งคบกับแพททริคได้สามวันเองนะคะ จะเสียใจทำไม ถ้าฝ่ายนั้นไม่มาตามตื๊อ ทำหน้าทำตาน่าสงสาร ขอวาว่าลองคบกันดูก่อนสักเดือนก็ได้ วาก็ไม่คบหรอก คบได้สามวันนี่วารู้สึกยังกับสามปี นึกว่าต้องทนไปทั้งเดือนเสียแล้ว ดีนะที่เกิดเหตุการณ์นี้พอดี ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว โชคดีสุดๆ ไปเลย”

คงจะมีแต่ผู้หญิงตรงหน้าเขานี่ล่ะ ที่บอกว่าการถูกแฟนนอกใจนอนกับพี่สาวตัวเองเป็นเรื่องโชคดี! นี่ถ้าเธอไม่มองโลกในแง่ดีสุดๆ ก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว และในตอนที่เขายังมองเธอด้วยความทึ่ง คนที่เช็ดคราบน้ำตาเรียบร้อยพร้อมจิบช็อกโกเลตร้อนอย่างมีความสุขเพราะแน่ใจแล้วว่าเขาคงไม่ใส่ยาอะไรไว้ ก็หันมาถามเขาแทน

“ที่พี่พาร์คบอกว่าเคยเจอวาตอนเด็กๆ ตอนไหนเหรอคะ หน้าตาดีระดับนี้ วาว่ายังไงวาก็น่าจะจำได้บ้าง”

คนถูกทักว่าหน้าตาดียิ้มขำ เพราะสาวน้อยเล่นเอ่ยออกมาอย่างปกติ เหมือนคุยเรื่องทั่วๆ ไป ประหนึ่งทักว่าวันนี้ลอนดอนอากาศดีก็ไม่ปาน ไม่มีเขิน เอียงอาย หรือหน้าแดงเลยสักนิด เด็กสาวตรงหน้ามีภูมิคุ้มกันฟีโรโมนดีเกินไป หรือฟีโรโมนหนุ่มหล่อของเขาหยุดทำงานกับเด็กสาวตรงหน้าภควัตน์ก็สุดจะรู้ เขาเอ่ยตอบขณะที่เธอจ้องมองมาตาเขม็ง

“วาเคยเจอพี่แล้ว ตอนวันเกิดวาครบสิบขวบ ตอนนั้นพี่แวะไปไหว้หม่อมวรีวรินดาช่วงกลับมาจากอังกฤษ”



*******************



สิบกว่าปีก่อน...ใช่ วันเกิดเธอ แต่ก็เป็นวันเกิดของวิกานดาด้วย วันเกิดที่เหมือนสวรรค์เล่นตลก เพราะวรีวาฏิกากับพี่สาวต่างมารดาเกิดวันเดียวกัน ต่างกันก็แค่วิกานดาเกิดตอนเที่ยงวันในขณะที่เธอเกิดเกือบเที่ยงคืน วันที่มารดาคลอดเธอ ท่านรอคอยสามีที่แต่งงานกันอย่างถูกต้องตามกฎหมายอย่างมีความหวัง แต่บิดาไม่แม้แต่จะมาหา เพราะมัวแต่ขลุกอยู่กับแม่ม่ายสาวพราวเสน่ห์ คนรักเก่าของบิดา ทั้งคู่แอบมีความสัมพันธ์กันหลังแต่งงานกับมารดาของเธอได้เพียงเดือนเดียว แม่ม่ายคนนั้นคือมารดาของวิกานดาและก็ได้คลอดวิกานดาก่อนเธอไม่ถึงสิบสองชั่วโมง หลังจากวันนั้นบิดาไม่เคยมาดูดำดูดีเด็กแรกคลอดอย่างเธอเลย ท่านเฝ้าแต่ลูกสาวคนแรกของท่านซึ่งเกิดก่อนกำหนดถึงสองเดือน หลังจากคลอดได้ไม่นานมารดาของเธอจึงตัดสินใจแยกทางกับบิดาและย้ายออกจากวังคุณย่า พร้อมกับที่บิดาพาวิภาวรรณมารดาของวิกานดาเข้าบ้าน ถึงแม้ว่าคุณย่าไม่อนุญาตให้แต่งงานกันก็ตาม

สรุปแล้วฐานะเธอตอนนี้คือลูกของภรรยาเก่าที่บิดาไม่เคยสนใจไยดีในขณะที่วิกานดาคือลูกรัก ซึ่งบิดาแสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจน

“วันนั้น พี่รู้มาว่าเป็นวันเกิดของทั้งวิและวา แต่พี่กลับเห็นกล่องของขวัญของวิกองเป็นภูเขา แต่ของวากลับมีแค่สองสามกล่อง หนึ่งในนั้นคือของขวัญจากคุณหญิงย่าท่าน”

ใช่ อีกกล่องคือของขวัญจากบิดา และกล่องสุดท้ายคือของขวัญที่คนในบ้านรวมเงินกันซื้อให้เธอ

“พี่เห็นว่าวิพยายามแย่งกล่องของขวัญของคุณพ่อจากวา วายอมให้กล่องนั้นกับวิตามคำสั่งของคุณพ่อ วิเลยจะเอาของขวัญอีกกล่องจากคุณย่าด้วย แต่วากอดไว้ไม่ยอมปล่อย”

วรีวาฏิกายังจำภาพวันนั้นได้ดี วันเกิดที่บิดาจัดให้พี่วิ ท่านซื้อของขวัญให้พี่วิมากมาย บรรดาคู่ค้าก็ส่งของขวัญมาอวยพรวันเกิดพี่วิเท่านั้น เพราะไม่เคยมีใครรู้ว่าเธอมีตัวตนนอกจากคนสนิทของครอบครัว บิดาไม่เคยพูดถึงเธอ ไม่เคยพาเธอไปไหน เธอโตมากับมารดาเพียงสองคนโดยมีคุณย่าและคนในบ้านมาเยี่ยมเป็นครั้งคราว และในงานวันเกิดที่จัดขึ้นที่วังของคุณย่าในปีนั้น มารดาก็ไม่ได้มาด้วย เพราะตั้งแต่แยกทางกับบิดา ท่านไม่เคยกลับมาเหยียบที่วังอีกเลย...

สำหรับภควัตน์ ในวันนั้นเขาจำได้ว่าเด็กสิบขวบตัวเล็กๆ กอดกล่องของขวัญที่คุณย่าให้ไว้แน่นแนบอก ตอนที่บิดาพยายามบอกให้นำกล่องของขวัญอีกกล่องมาให้ลูกสาวอีกคน เด็กหญิงคนนั้นพยายามพูดลอดเสียงสะอื้นว่า

‘ของขวัญที่คุณพ่อให้ วาก็ให้ไปแล้ว ความรักของคุณพ่อ วาก็ให้ไปแล้ว เว้นคุณย่าให้วาไว้สักคนนะคะ วาให้ไม่ได้จริงๆ เหลือคนที่รักวาให้วาสักคนเถอะนะคะคุณพ่อ’

เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกสงสารเด็กตัวเล็กๆ ตรงหน้าจับใจ และโมโหพ่อของเด็กนั่นที่เขาเรียกว่า คุณอา อย่างไม่อยากจะเชื่อ

ในวันนั้นเขาก้าวเข้าไปกั้นกลางระหว่างสองพ่อลูกพร้อมบอก

‘ถือว่าผมขออีกคนนะครับคุณอา วิมีของขวัญเยอะแล้ว เหลือไว้ให้วาสักชิ้นเถอะครับ’

เขาสังเกตเห็นแววรู้สึกผิดในตาของผู้เป็นบิดาของเด็กหญิงทั้งสองถึงแม้มันจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว ก่อนคุณหญิงย่าจะเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์และสั่งให้วิกานดาคืนของขวัญที่ยึดเอาไปก่อนหน้านี้ให้เด็กหญิงอีกคน

วิกานดามีท่าทีฮึดฮัดแสนงอน โดยมีบิดาและมารดาวิ่งเข้ามาปลอบ และคุณหญิงย่าถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายอยู่ข้างๆ ในขณะที่เด็กน้อยอีกคนซึ่งก็คือวรีวาฏิกา มีเขาเพียงคนเดียว เด็กหญิงจับมือเขาไว้แน่นก่อนจะเอ่ยขึ้นมาเหมือนตัดใจว่า

‘ไม่เป็นไรค่ะคุณย่า พี่วิอยากได้ของขวัญของคุณพ่อก็เอาไปเถอะค่ะ วาได้ของขวัญของคุณย่า กับของพี่ๆ ในบ้านที่เป็นคนที่รักวาจริงๆ ก็พอแล้วค่ะ ของขวัญชิ้นอื่น ใครอยากได้ก็เอาไป’

แสบและประชดประชันเกินกว่าจะเป็นเด็กสิบขวบ! คำพูดที่ทำเอาผู้ใหญ่แถวนั้นสะอึกกันเป็นแถบๆ ทำให้เขาเอ็นดูและประทับใจในความแสบของเด็กหญิงตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก

และเพราะเหตุนี้ภควัตน์เกือบจะสงสารเด็กตรงหน้ามากกว่าที่ควรจะเป็นแล้ว ถ้าในวันเดียวกันนั้นเขาไม่บังเอิญไปเห็นอะไรดีๆ เข้า

หลังจากจัดการเหตุแย่งของขวัญเรียบร้อย คุณย่าก็เชิญเขาไปที่ห้องรับแขก โดยเด็กหญิงวรีวาฏิกาเดินหลบฉากออกไปหลังจากคุณย่าบอกเธอว่าจะซื้อของขวัญเพิ่มให้อีกสามชิ้น ระหว่างที่เขาขอตัวไปเข้าห้องน้ำก็สังเกตเห็นเด็กหญิงตัวน้อยกำลังเล่นอยู่กับสุนัขโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ของเธอที่สนามหญ้าหลังบ้านดูหน้าตามีความสุข พอเขาเดินเข้าไปใกล้ๆ เพื่อจะไปพูดคุยด้วย เลยทำให้ได้ยินสิ่งที่เด็กน้อยคุยปรับทุกข์กับสุนัขของเธอ

‘มันเยี่ยมมากเลยนมข้น! เมื่อกี้ตอนพี่วิจะแย่งของขวัญจากวา วาเห็นคุณย่าเดินมาไกลๆ วาเลยแกล้งร้องไห้ให้ดังๆ ว่าแล้วว่าคุณย่าต้องได้ยิน ของขวัญพ่อวาไม่อยากได้หรอก ยังไงเมื่อเทียบกับของที่พ่อให้พี่วิแล้ว ของขวัญวาก็กระจอกทุกปี เหมือนซื้อให้เสร็จไปงั้นๆ พี่วิอยากแย่งไปทุกปีก็เรื่องของพี่วิ แต่รอบนี้โชคดีที่คุณย่าเดินมาเห็นพอดีวาเลยได้ของขวัญเพิ่มจากคุณย่าตั้งสามอย่างแน่ะ ดีนะที่พี่วิโง่ ไม่สังเกตเห็นคุณย่าเหมือนวา วาเจ๋งเนอะนมข้น! อยากให้นมข้นเห็นหน้าพี่วิตอนคุณย่าจะให้ของขวัญวาเพิ่ม ตลกสุดๆ ไปเลย ชิ! แกล้งใครไม่แกล้ง มาแกล้งวา’

ยายเด็กแสบเอ๊ย! จากที่คิดว่าจะมาปลอบสักหน่อย พอเห็นความแสบของเด็กสาวตรงหน้าเขาก็เปลี่ยนความคิดที่มีต่อเด็กบ้านี่อย่างสิ้นเชิง แสบขนาดนี้ เขาคงไม่ต้องช่วยเหลืออะไรแล้วล่ะมั้ง

ทว่าก่อนที่จะหันหลังกลับ เขาก็ได้ยินเด็กสาวพูดต่อ

‘แต่ถึงวาจะดีใจที่ได้ของขวัญเพิ่ม แต่วาก็เสียใจสุดๆ เลยนมข้น วาไม่เข้าใจว่าทำไมคุณพ่อไม่รักวาเลย วาเป็นเด็กดีก็แล้ว สอบได้ที่หนึ่งก็แล้ว คุณพ่อก็ยังไม่สนใจวาอยู่ดี วาต้องทำยังไง คุณพ่อถึงจะรักวา เหมือนที่คุณย่ากับนมข้นรักวา นมข้นรู้วิธีไหม’

พูดจบเด็กสาวก็กอดเจ้านมข้นที่ตัวใหญ่กว่าเธอเกือบเท่าตัวแน่นก่อนที่น้ำตาจะไหลลงมาช้าๆ

เด็กแสบต่อให้แสบยังไง ก็ยังมีความรู้สึกอยู่ดี เขาสงสารเด็กตรงหน้าจับใจ รู้ตัวอีกทีก็เดินไปหาเด็กหญิงตัวน้อยผูกเปียน่ารัก ผู้มีดวงตาสีแปลกตาเสียแล้ว

‘มาเล่นอยู่นี่เอง พี่มีของขวัญมาให้’

พอได้ยินเสียงเขา เด็กสาวตรงหน้าก็รีบคลายมือที่กอดเจ้าสุนัขตัวโตออก หันมายกมือไหว้ บอกเขาว่า

‘เมื่อกี้ วาขอบคุณนะคะคุณอา’

คุณอาเลยเรอะ! โอเค เขาอาจจะหน้าแก่เกินวัยไปบ้างเพราะเป็นลูกเสี้ยวที่ได้สีตาและโครงหน้าจากคุณย่าที่เป็นคนสเปนมาเต็มๆ แต่ก็ไม่น่าแก่ถึงขนาดจะโดนเรียกว่า อา! คนไม่ยอมเป็นอาเลยรีบแก้ความเข้าใจผิด

‘แค่พี่ ไม่ใช่อา เรียกพี่ว่าพี่พาร์ค พี่อายุสิบแปด แก่กว่าวาแค่แปดปีเอง เรียกอาได้ยังไง’

เด็กหญิงวรีวาฏิกายังคงมองมาอย่างกังขา จนคนบอกให้เรียกว่าพี่ เริ่มหงุดหงิด

‘ถ้าไม่เรียก พี่พาร์ค วาก็อดได้ของขวัญจากพี่’

‘เอาสิคะ เอา พี่พาร์ค วาเรียกพี่พาร์คแล้ว ไหนล่ะคะของขวัญ’

เด็กงกเอ๊ย! คนโดนทวงของขวัญเลยถอดนาฬิกาเรือนหรูที่ตัวเองใส่อยู่ให้เด็กสาว พร้อมบอก

‘ไว้พี่จะส่งสายใหม่มาให้ โตขึ้นวาจะได้ใส่ได้ สายนี่น่าจะใหญ่เกินข้อมือวา รักษาให้ดีนะ นาฬิกาเรือนนี้เป็นเรือนที่พี่ชอบมาก’

เด็กสาวพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น ก่อนจะรับนาฬิกาจากเขาไปถือไว้อย่างทะนุถนอม

หลังจากวันนั้น ภควัตน์ก็กลับไปเรียนที่อังกฤษจนจบปริญญาโทด้านการบริหาร และทำงานอยู่ที่อังกฤษจนทุกวันนี้ แม้จะมีกลับไทยบ้าง แต่นี่นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขาได้กลับมาเจอเด็กคนนั้นและได้พูดคุยกันเหมือนอย่างวันนั้นอีกครั้ง...เด็กหญิงตัวน้อยๆ ที่ตอนนี้โตเป็นสาวสวยจนเขาเกือบจำแทบไม่ได้เสียแล้ว ถ้าไม่สังเกตเห็นตาสีฟ้าเหลือบเทาผิดแปลกจากคนเอเชียนั่น

หลังจากที่เขาเล่าว่าเคยเจอเธอตอนสิบขวบ วรีวาฏิกาก็มีประกายตาว่าจำเขาได้ทันที แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อ ภควัตน์ก็ชิงบอกก่อนว่า

“โรงแรมช่วงธันวาแบบนี้ห้องคงเต็มหมดแล้ว คืนนี้วาไปนอนบ้านพี่แล้วกัน”


******************

มีเรื่องใหม่มาฝากอีกแล้วค่ะ55555 นิยายเรื่องนี้แนว “คอมเมดี้” นะคะ^O^ เขียนโดย "มาสฬฎา" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" จึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ

เป็นนิยายรักโรแมนติก คอมเมดี้ ที่รับประกันเลยว่าทั้งสนุก ตลก น่ารัก และฟินมากกกกกก ได้ปาความเครียดทิ้งไปแน่นอน! เพราะพี่พาร์ค พระเอกของเรื่องแม้จะเป็นบอสสายเย็นชา แต่(แอบ)รักนางเอกสุดหัวใจ ส่วนนางเอกก็เป็นน้องมึนที่เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ 5555 #รับประกันความสนุก!

ปล.อ่านโปรยได้ในปุ่มอ่านเรื่องย่อด้านบนจ้า



ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 พ.ย. 2563, 10:38:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 พ.ย. 2563, 10:38:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 344





   บทที่ 1 -50% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account