แรกรักพันใจ: มาสฬฎา (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
มีมารดาเลี้ยงใจร้าย บวกกับพี่สาวใจยักษ์ ชีวิตดูน่ารันทดนัก
แต่ ‘วรีวาฏิกา’ สาวชื่อยาวยิ่งกว่าแม่น้ำไนล์ก็หาได้แคร์ไม่
แต่พอคนที่เธอคิดว่าเป็นพี่ชาย...จากที่เคยอบอุ่นน่ารักเอาใจ กลายเป็นเย็นชาหมางเมินใส่ เธอก็เลยต้องเริ่มจะแคร์
เจอกันตอนเด็กๆ เธอคิดว่า ‘ภควัตน์’ ช่างเป็นพี่ชายที่แสนอ่อนโยนมีเมตตา
เจอกันช่วงวัยรุ่น วรีวาฏิกาก็ยังคิดว่าเขาเป็นพี่ชายที่หล่อเหลาและแสนดี
เจอกันอีกครั้งในวัยทำงาน...
ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปชั่วร้ายได้ขนาดนี้เล่า!
นี่ถ้าเมื่อก่อนเธอไม่ได้เข้าใจผิดไปเอง ภควัตน์ก็เสแสร้งตลบตะแลงเก่งเกินไปแล้ว!
“ชื่อเล่นผม มีไว้ให้คนสนิทกันเรียก และนั่นไม่ใช่คุณ!”
ประโยคเดียวเบิกเนตรจนวรีวาฏิกาต้องหันกลับมามองท่านรองประธานเสียใหม่
ในเมื่อเขาไม่เห็นแก่มิตรภาพเก่าก่อนก็ไม่เป็นไร
เจอกันคราวต่อไป ก็อย่าหวังให้เธอเห็นใจก็แล้วกัน!
*******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "มาสฬฎา" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ค่ะ ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นนิยายรักโรแมนติก คอมเมดี้ ที่รับประกันเลยว่าทั้งสนุก ตลก น่ารัก และฟินมากกกกกก ได้ปาความเครียดทิ้งไปแน่นอน! เพราะพี่พาร์ค พระเอกของเรื่องแม้จะเป็นบอสสายเย็นชา แต่(แอบ)รักนางเอกสุดหัวใจ ส่วนนางเอกก็เป็นน้องมึนที่เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ 5555 #รับประกันความสนุก!
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 458 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนรวด)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 319฿ จากราคาปก 350฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 364฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 389฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann**
แต่ ‘วรีวาฏิกา’ สาวชื่อยาวยิ่งกว่าแม่น้ำไนล์ก็หาได้แคร์ไม่
แต่พอคนที่เธอคิดว่าเป็นพี่ชาย...จากที่เคยอบอุ่นน่ารักเอาใจ กลายเป็นเย็นชาหมางเมินใส่ เธอก็เลยต้องเริ่มจะแคร์
เจอกันตอนเด็กๆ เธอคิดว่า ‘ภควัตน์’ ช่างเป็นพี่ชายที่แสนอ่อนโยนมีเมตตา
เจอกันช่วงวัยรุ่น วรีวาฏิกาก็ยังคิดว่าเขาเป็นพี่ชายที่หล่อเหลาและแสนดี
เจอกันอีกครั้งในวัยทำงาน...
ทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปชั่วร้ายได้ขนาดนี้เล่า!
นี่ถ้าเมื่อก่อนเธอไม่ได้เข้าใจผิดไปเอง ภควัตน์ก็เสแสร้งตลบตะแลงเก่งเกินไปแล้ว!
“ชื่อเล่นผม มีไว้ให้คนสนิทกันเรียก และนั่นไม่ใช่คุณ!”
ประโยคเดียวเบิกเนตรจนวรีวาฏิกาต้องหันกลับมามองท่านรองประธานเสียใหม่
ในเมื่อเขาไม่เห็นแก่มิตรภาพเก่าก่อนก็ไม่เป็นไร
เจอกันคราวต่อไป ก็อย่าหวังให้เธอเห็นใจก็แล้วกัน!
*******************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "มาสฬฎา" และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ค่ะ ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นนิยายรักโรแมนติก คอมเมดี้ ที่รับประกันเลยว่าทั้งสนุก ตลก น่ารัก และฟินมากกกกกก ได้ปาความเครียดทิ้งไปแน่นอน! เพราะพี่พาร์ค พระเอกของเรื่องแม้จะเป็นบอสสายเย็นชา แต่(แอบ)รักนางเอกสุดหัวใจ ส่วนนางเอกก็เป็นน้องมึนที่เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ 5555 #รับประกันความสนุก!
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้านbooksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช และร้านBestbookSmile
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.โดย inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 458 หน้า (พร้อมตอนพิเศษ 4 ตอนรวด)
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 319฿ จากราคาปก 350฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 364฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 389฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann**
Tags: เลขา บอส พระเอกเย็นชา แม่เลี้ยง ลูกเลี้ยง ตลก
ตอน: บทที่ 19 -75%
พอเห็นว่ามารดาจะตามไปส่ง วรีวาฏิกาก็รีบรั้งไว้เพื่อถามคำถามที่ยังค้างคาใจทันที
“แม่คะ เมื่อสองเดือนก่อนตอนหนูเป็นไข้ คุณภควัตน์เขามาเยี่ยมหนูเหรอคะ”
แต่แทนที่จะตอบคำถาม มารดากลับหรี่ตามองมาอย่างจับผิด
“นี่อย่าบอกนะว่าเราไม่รู้ตัวเลยว่าคุณพาร์คเขามาเยี่ยมน่ะ”
“ก็ไม่รู้น่ะสิคะ”
“นั่นไง แม่ว่าแล้วเชียว! ถึงว่า ถึงได้กล้าด่าเขาเสียๆ หายๆ ขนาดนั้น ถ้าไม่เห็นว่าเป็นไข้นะ แม่เกือบจะเรียกเรามาสั่งสอนซะหลายๆ ชั่วโมง โชคดีที่พี่เขาไม่ถือสาหาความ เห็นแม่ทำหน้าเจื่อนตอนเราด่าเขา เขายังอุตส่าห์เลี่ยงสถานการณ์ให้แม่ด้วยการบอกให้แม่กลับไปดูแลร้านอีกต่างหาก ก่อนไปก็ยังมากำชับไม่ให้แม่ไปบ่นเรา แต่เรานี่สิ มีอย่างที่ไหน คุณพาร์คเขาช่วยเราไว้แท้ๆ กลับไปด่าเขาซะสาดเสียเทเสีย”
เอ๋...ช่วยเธอเหรอ
เดี๋ยวนะ! ? นี่มันชักจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ ด้วย
คนขี้สงสัยเลยรีบถามต่อ “เขาช่วยอะไรวาคะ”
ช่วยให้เธอไม่ต้องโดนแม่เทศนาเหรอ
“อ้าว นี่อย่าบอกนะว่าเรื่องนี้ก็ไม่รู้ แม่ก็คิดว่าเรารู้อยู่แล้วเลยไม่อยากถามอะไรให้มากความ เดี๋ยวจะยิ่งเสียขวัญเข้าไปใหญ่”
เสียขวัญ? ก็แล้วมันเรื่องอะไรล่ะที่จะทำให้เธอเสียขวัญ?
ทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหววรีวาฏิกาก็เร่งให้มารดาเล่าให้ฟังทันที
“ก็วันนั้นที่เราไปงานปาร์ตี้ปีใหม่ที่บริษัทน่ะ ขากลับคุณพาร์คเขาเห็นว่ามีรถบรรทุกไล่ตาม เขากลัวเราไม่ปลอดภัยเลยแอบจอดส่งก่อน แล้วยอมเสี่ยงอันตรายขับล่อรถบรรทุกคันนั้นให้ไปอีกทาง โชคดีที่คุณพาร์คเขาพอจะมีฝีมือขับรถอยู่บ้าง แล้วรถบรรทุกขับยังไงก็ไม่ทันรถเก๋ง อาศัยว่าไวกว่า ถึงจะโดนขับเบียดอยู่หลายหนคุณพาร์คเขาก็รอดมาได้ นี่เราไม่ได้สังเกตเลยหรือไงว่าอรรถหายไปไหน”
“เดี๋ยวนะคะแม่ เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมวาไม่รู้อะไรเลย แล้ว...แล้วคุณอรรถเขาหายไปไหนคะ”
“คุณพาร์คสงสัยว่า อรรถอาจเป็นสายให้ฝั่งนั้น เลยให้พักงานน่ะจ้ะ เจ้าของบริษัทที่เป็นเพื่อนคุณพาร์คเลยรีบส่งฝาแฝดที่ฝีมือดีที่สุดของบริษัทมาให้แทน”
อ้อ แบบนี้นี่เอง นี่เขา...เขาถึงขนาดเสี่ยงชีวิตช่วยเธอ ทั้งๆ ที่พูดกันตามตรง เทียบความสำคัญระหว่างเธอและภควัตน์นั้น ในฐานะทายาทคนเดียวที่ต้องกุมบังเหียนบริษัทที่มีพนักงานนับพันคน เขาควรจะห่วงตัวเองมากกว่าเธอด้วยซ้ำ
คนที่ถูกช่วยโดยไม่รู้ตัวยังไม่วายถามต่อ
“สรุปว่าวันนั้นที่วาโดนถีบหัวส่งลงจากรถ เป็นเพราะคุณภควัตน์เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของวาเหรอคะ แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่อยู่ในรถเล่า! เห็นทิ้งวาคนเดียว แต่เมทิยายังนั่งในรถต่อ วาก็ต้องเข้าใจผิดสิ”
“ที่พี่เขาไม่บอกก็เพราะกลัวเราตกใจจนลนไม่ใช่หรือไง ส่วนผู้หญิงอีกคน เมทิยาลูกคุณกาญจนาน่ะ คุณพาร์คเขาก็เหี้ยมเหมือนกันนะ สนใจแต่ความปลอดภัยของวา แต่กับอีกคน เอาไปเสี่ยงภัยให้คนร้ายคิดว่าวายังนั่งอยู่ในรถ ไม่ห่วงลูกสาวบ้านอื่นเอาซะเลย นี่ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาทางบ้านคุณพาร์คจะไปอธิบายกับคุณกาญจนาว่ายังไง โชคดีที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง...”
และมารดาก็ร่ายยาวต่อไปแต่หูเธออื้ออึงไม่ได้ยินอะไรอีกต่อไปแล้ว พอมารดาพูดจบ วรีวาฏิกาก็นั่งนิ่งงันอยู่ตรงนั้น ที่ผ่านมาเขาเสี่ยงอันตรายปกป้องเธอโดยไม่รู้ตัวมากี่ครั้งแล้ว แถมภควัตน์ไม่เคยทวงบุญคุณหรือเอ่ยเรื่องนี้กับเธอเลยสักนิด
บางที...เธออาจอคติกับเขามากเกินไป
บางที...ภควัตน์อาจจะไม่ได้ใจร้ายอย่างที่เธอคิดไว้ก็ได้
แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่...บางที
***************
นับว่าเป็นความโชคดีที่ภควัตน์ให้เธอหยุดงานสามวัน เพราะหลังจากที่เขาอุ้มเธอกลางบริษัทวันนั้น ข่าวลือได้แพร่สะพัดไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด แถมมะลิยังชอบอกชอบใจส่งรูปที่ตัวเองแอบถ่ายด้านหลังตอนภควัตน์อุ้มเธอไปที่รถมาให้ทางไลน์ แล้วชมตัวเองหน้าตาเฉย
“ฉันถ่ายสวยเนอะแก องค์ประกอบศิลป์เยี่ยมมาก แกดูแผ่นหลังของคุณพาร์คสิ หล่อยันหลังอะแกคิดดู! โอ๊ย แล้วท่าอุ้มก็หล๊อหล่อ”
“หุบปากได้แล้ว”
คนฟังเบรกเพื่อนตัวเองก่อนที่จะพูดพล่ามความหล่อของภควัตน์ให้รำคาญใจไปมากกว่านี้ แต่เพื่อนอย่างมะลิก็ยังเมาท์ต่อแบบนอนสต็อป!
“นี่ถ้าเป็นข่าวก๊อสสิปดารานะจะต้องลงข่าวว่า ตัวจริงของทายาทหนุ่มไฮโซ เป็นสาวน้อยที่อายุห่างกันถึงแปดปี”
“ถ้าแกว่างมากถึงขนาดมานั่งคิดพาดหัวข่าวได้ แกลาออกไปสมัครเป็นนักข่าวสายบันเทิงเลยไหม”
วรีวาฏิกาประชดด้วยความหงุดหงิด แต่ก็แทบจะกรีดร้องออกมาอีกรอบเมื่อเพื่อนตัวดีตอบกลับมาว่า
“ได้เหรอ งั้นฉันลาออกเลยดีไหมแก ฉันไปสมัครเป็นนักข่าวบันเทิงภาคสนามน่าจะเลิศอยู่นะ แกว่าไหม”
มะลิหัวเราะคิกคัก ไม่ได้สนใจน้ำเสียงหงุดหงิดของคนปลายสายแม้แต่นิดเดียว หัวเราะจนพอใจแล้วถึงถามต่อ
“สรุปคุณพาร์คเขายังไงกับแกกันแน่ ไม่พูดไม่จาด้วยตั้งนาน พอจะมีคนอื่นมาอุ้มแกดันหวง มันยังไงกัน ทำไมต้องท่ามาก กลับไปกลับมา บอกมาเดี๋ยวนี้”
“ไม่รู้! ฉันชื่อพาร์คหรือไงถึงจะได้รู้ แล้วเขาก็ไม่ได้หวงฉันด้วย! แกห้ามไปปล่อยข่าวลือเรื่องนี้เสียๆ หายๆ นะ”
“สายไปแล้วย่ะ นี่เขาลือกันไปทั้งบริษัทละว่าคุณพาร์คทิ้งยายเมย์กลับมาเอาแก อ๊ะ! แล้วไม่ต้องมาด่าฉันนะ ฉันไม่ได้ปล่อยข่าว คนเขาเห็นกันทั้งออฟฟิศตอนที่คุณพาร์คตะคอกใส่ไมค์ไม่ให้มาโดนตัวแก แถมยังอุ้มแกออกไปขึ้นรถอีก”
จบกัน ชีวิตที่คิดว่ากลับมาเงียบสงบของเธอ เป็นเพราะความไม่แคร์สื่อของภควัตน์แต่เพียงผู้เดียว!
“แม่คะ เมื่อสองเดือนก่อนตอนหนูเป็นไข้ คุณภควัตน์เขามาเยี่ยมหนูเหรอคะ”
แต่แทนที่จะตอบคำถาม มารดากลับหรี่ตามองมาอย่างจับผิด
“นี่อย่าบอกนะว่าเราไม่รู้ตัวเลยว่าคุณพาร์คเขามาเยี่ยมน่ะ”
“ก็ไม่รู้น่ะสิคะ”
“นั่นไง แม่ว่าแล้วเชียว! ถึงว่า ถึงได้กล้าด่าเขาเสียๆ หายๆ ขนาดนั้น ถ้าไม่เห็นว่าเป็นไข้นะ แม่เกือบจะเรียกเรามาสั่งสอนซะหลายๆ ชั่วโมง โชคดีที่พี่เขาไม่ถือสาหาความ เห็นแม่ทำหน้าเจื่อนตอนเราด่าเขา เขายังอุตส่าห์เลี่ยงสถานการณ์ให้แม่ด้วยการบอกให้แม่กลับไปดูแลร้านอีกต่างหาก ก่อนไปก็ยังมากำชับไม่ให้แม่ไปบ่นเรา แต่เรานี่สิ มีอย่างที่ไหน คุณพาร์คเขาช่วยเราไว้แท้ๆ กลับไปด่าเขาซะสาดเสียเทเสีย”
เอ๋...ช่วยเธอเหรอ
เดี๋ยวนะ! ? นี่มันชักจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ ด้วย
คนขี้สงสัยเลยรีบถามต่อ “เขาช่วยอะไรวาคะ”
ช่วยให้เธอไม่ต้องโดนแม่เทศนาเหรอ
“อ้าว นี่อย่าบอกนะว่าเรื่องนี้ก็ไม่รู้ แม่ก็คิดว่าเรารู้อยู่แล้วเลยไม่อยากถามอะไรให้มากความ เดี๋ยวจะยิ่งเสียขวัญเข้าไปใหญ่”
เสียขวัญ? ก็แล้วมันเรื่องอะไรล่ะที่จะทำให้เธอเสียขวัญ?
ทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหววรีวาฏิกาก็เร่งให้มารดาเล่าให้ฟังทันที
“ก็วันนั้นที่เราไปงานปาร์ตี้ปีใหม่ที่บริษัทน่ะ ขากลับคุณพาร์คเขาเห็นว่ามีรถบรรทุกไล่ตาม เขากลัวเราไม่ปลอดภัยเลยแอบจอดส่งก่อน แล้วยอมเสี่ยงอันตรายขับล่อรถบรรทุกคันนั้นให้ไปอีกทาง โชคดีที่คุณพาร์คเขาพอจะมีฝีมือขับรถอยู่บ้าง แล้วรถบรรทุกขับยังไงก็ไม่ทันรถเก๋ง อาศัยว่าไวกว่า ถึงจะโดนขับเบียดอยู่หลายหนคุณพาร์คเขาก็รอดมาได้ นี่เราไม่ได้สังเกตเลยหรือไงว่าอรรถหายไปไหน”
“เดี๋ยวนะคะแม่ เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมวาไม่รู้อะไรเลย แล้ว...แล้วคุณอรรถเขาหายไปไหนคะ”
“คุณพาร์คสงสัยว่า อรรถอาจเป็นสายให้ฝั่งนั้น เลยให้พักงานน่ะจ้ะ เจ้าของบริษัทที่เป็นเพื่อนคุณพาร์คเลยรีบส่งฝาแฝดที่ฝีมือดีที่สุดของบริษัทมาให้แทน”
อ้อ แบบนี้นี่เอง นี่เขา...เขาถึงขนาดเสี่ยงชีวิตช่วยเธอ ทั้งๆ ที่พูดกันตามตรง เทียบความสำคัญระหว่างเธอและภควัตน์นั้น ในฐานะทายาทคนเดียวที่ต้องกุมบังเหียนบริษัทที่มีพนักงานนับพันคน เขาควรจะห่วงตัวเองมากกว่าเธอด้วยซ้ำ
คนที่ถูกช่วยโดยไม่รู้ตัวยังไม่วายถามต่อ
“สรุปว่าวันนั้นที่วาโดนถีบหัวส่งลงจากรถ เป็นเพราะคุณภควัตน์เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของวาเหรอคะ แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่อยู่ในรถเล่า! เห็นทิ้งวาคนเดียว แต่เมทิยายังนั่งในรถต่อ วาก็ต้องเข้าใจผิดสิ”
“ที่พี่เขาไม่บอกก็เพราะกลัวเราตกใจจนลนไม่ใช่หรือไง ส่วนผู้หญิงอีกคน เมทิยาลูกคุณกาญจนาน่ะ คุณพาร์คเขาก็เหี้ยมเหมือนกันนะ สนใจแต่ความปลอดภัยของวา แต่กับอีกคน เอาไปเสี่ยงภัยให้คนร้ายคิดว่าวายังนั่งอยู่ในรถ ไม่ห่วงลูกสาวบ้านอื่นเอาซะเลย นี่ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาทางบ้านคุณพาร์คจะไปอธิบายกับคุณกาญจนาว่ายังไง โชคดีที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง...”
และมารดาก็ร่ายยาวต่อไปแต่หูเธออื้ออึงไม่ได้ยินอะไรอีกต่อไปแล้ว พอมารดาพูดจบ วรีวาฏิกาก็นั่งนิ่งงันอยู่ตรงนั้น ที่ผ่านมาเขาเสี่ยงอันตรายปกป้องเธอโดยไม่รู้ตัวมากี่ครั้งแล้ว แถมภควัตน์ไม่เคยทวงบุญคุณหรือเอ่ยเรื่องนี้กับเธอเลยสักนิด
บางที...เธออาจอคติกับเขามากเกินไป
บางที...ภควัตน์อาจจะไม่ได้ใจร้ายอย่างที่เธอคิดไว้ก็ได้
แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่...บางที
***************
นับว่าเป็นความโชคดีที่ภควัตน์ให้เธอหยุดงานสามวัน เพราะหลังจากที่เขาอุ้มเธอกลางบริษัทวันนั้น ข่าวลือได้แพร่สะพัดไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด แถมมะลิยังชอบอกชอบใจส่งรูปที่ตัวเองแอบถ่ายด้านหลังตอนภควัตน์อุ้มเธอไปที่รถมาให้ทางไลน์ แล้วชมตัวเองหน้าตาเฉย
“ฉันถ่ายสวยเนอะแก องค์ประกอบศิลป์เยี่ยมมาก แกดูแผ่นหลังของคุณพาร์คสิ หล่อยันหลังอะแกคิดดู! โอ๊ย แล้วท่าอุ้มก็หล๊อหล่อ”
“หุบปากได้แล้ว”
คนฟังเบรกเพื่อนตัวเองก่อนที่จะพูดพล่ามความหล่อของภควัตน์ให้รำคาญใจไปมากกว่านี้ แต่เพื่อนอย่างมะลิก็ยังเมาท์ต่อแบบนอนสต็อป!
“นี่ถ้าเป็นข่าวก๊อสสิปดารานะจะต้องลงข่าวว่า ตัวจริงของทายาทหนุ่มไฮโซ เป็นสาวน้อยที่อายุห่างกันถึงแปดปี”
“ถ้าแกว่างมากถึงขนาดมานั่งคิดพาดหัวข่าวได้ แกลาออกไปสมัครเป็นนักข่าวสายบันเทิงเลยไหม”
วรีวาฏิกาประชดด้วยความหงุดหงิด แต่ก็แทบจะกรีดร้องออกมาอีกรอบเมื่อเพื่อนตัวดีตอบกลับมาว่า
“ได้เหรอ งั้นฉันลาออกเลยดีไหมแก ฉันไปสมัครเป็นนักข่าวบันเทิงภาคสนามน่าจะเลิศอยู่นะ แกว่าไหม”
มะลิหัวเราะคิกคัก ไม่ได้สนใจน้ำเสียงหงุดหงิดของคนปลายสายแม้แต่นิดเดียว หัวเราะจนพอใจแล้วถึงถามต่อ
“สรุปคุณพาร์คเขายังไงกับแกกันแน่ ไม่พูดไม่จาด้วยตั้งนาน พอจะมีคนอื่นมาอุ้มแกดันหวง มันยังไงกัน ทำไมต้องท่ามาก กลับไปกลับมา บอกมาเดี๋ยวนี้”
“ไม่รู้! ฉันชื่อพาร์คหรือไงถึงจะได้รู้ แล้วเขาก็ไม่ได้หวงฉันด้วย! แกห้ามไปปล่อยข่าวลือเรื่องนี้เสียๆ หายๆ นะ”
“สายไปแล้วย่ะ นี่เขาลือกันไปทั้งบริษัทละว่าคุณพาร์คทิ้งยายเมย์กลับมาเอาแก อ๊ะ! แล้วไม่ต้องมาด่าฉันนะ ฉันไม่ได้ปล่อยข่าว คนเขาเห็นกันทั้งออฟฟิศตอนที่คุณพาร์คตะคอกใส่ไมค์ไม่ให้มาโดนตัวแก แถมยังอุ้มแกออกไปขึ้นรถอีก”
จบกัน ชีวิตที่คิดว่ากลับมาเงียบสงบของเธอ เป็นเพราะความไม่แคร์สื่อของภควัตน์แต่เพียงผู้เดียว!
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.พ. 2564, 13:35:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.พ. 2564, 13:35:37 น.
จำนวนการเข้าชม : 537
<< บทที่ 19 -50% | บทที่ 19 -100% >> |