เมื่อคุณชายมารักฉัน
จู่ๆ ชีวิตเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ ของฉันก็มีอันผันแปร เมื่อมีหนุ่มสมบูรณ์แบบ รูปหล่อ ร่ำรวย ชาติตระกูลดี มีอิทธิพล มาบอกให้ฉันรับผิดชอบชีวิตเขาด้วยการเป็นภรรยา ความจริงแล้วมันก็ความฝันสำหรับหญิงสาวหลายๆคนที่อยากจะเกิดมาเป็นซินเดอเรล่า...ทว่าอาโปมีความฝันของตัวเอง ความฝันที่ ...ยังไงเธอก็ไม่ยอมให้มันพังทลายด้วยการแต่งงานที่มีความสัมพันธ์แบบคลุมเคลือเด็ดขาด
Tags: อาโป

ตอน: จุดเริ่มต้นเรื่องราว

เมื่อคุณชายมารักฉัน(ชื่อชั่วคราว) โดยทองหลาง
1 จุดเริ่มต้นเรื่องราว...

ความแออัดยัดเยียดของเหล่ามนุษย์เงินเดือน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไปภายในตู้โดยสารรถไฟฟ้า ยังคงเส้นคงวาในช่วงเวลารีบเร่งยามเช้า แม้จำนวนตู้โดยสารเกือบสิบจะมีความยาวรวมกันหลายร้อยเมตรก็ตาม แต่ ณ เวลานี้ไม่ว่าที่ไหน ๆ ของกรุงเทพฯ บนเส้นทางจราจรก็คงมีสภาพไม่ต่างกัน

อาโปเองก็เป็นหนึ่งบุคคลในจำนวนนั้น เธอพยายามมองหาช่องว่างที่พอจะซุกตัวเข้าไปหยัดยืนอยู่ได้อย่างสบายกว่าที่เป็นอยู่ สำหรับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เรื่องเกาะห่วงเพื่อการทรงตัวที่ดีนั้นไม่ต้องพูดถึงทุกห่วงล้วนมีคนจับจองยึดครองไปหมดแล้ว

หญิงสาวถอนหายใจเฮือกก้มมองหนังสือเล่มหนาในมือ มันคือหนังสือคู่มือการใช้ชีวิตในต่างแดน...เธอเป็นพนักงานบริษัทท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่มีสาขามากมายทั่วโลก ความฝันของเธอคือ การได้รับเลือกให้ไปทำงานฝ่ายประสานงานคณะท่องเที่ยวชาวไทยประจำยังสาขาในประเทศใดก็ได้ที่มีความเป็นระเบียบวินัย ชีวิตความเป็นอยู่ของเธออาจจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้...นั่นแหละคือความฝัน...ไม่ใช่สิ...มันไม่ใช่ความฝันแต่มันคือความหวังที่เธอจะต้องไขว่คว้ามาให้ได้ ด้วยความสามารถที่มีอยู่ทั้งหมด ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเธอจะไม่ยอมพลาดโอกาสสำคัญในการเข้าร่วมสมัครสอบเลื่อนตำแหน่งที่จะมีขึ้นในทุกสี่ปีนี้เป็นอันขาด

“อุ้ย!...”

จากแรงผลักดันทางด้านหลัง ทำให้ร่างที่ไร้หลักยึดเซไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว มันคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร นี่ถือได้ว่ามันเป็นเรื่องปกติหากเธอไม่ถูกเบียดจนหน้าเข้าไปซุกอกของผู้โดยสารคนหนึ่งที่ยืนพิงผนังอยู่ไม่ไกล แถมเธอยังถูกเบียดซะจนใบหน้าของเธอแนบชิดติดแน่นไปกับอกเสื้อเชิ้ตสีอ่อนของผู้ชายคนนั้นโดยเฉพาะริมฝีปากที่ทาบลงไปหนักๆ จนเกิดรอยชัดเจนด้วยลิปสติกสีหวานที่เธอเพิ่งจะได้มาใหม่

“ขะ...ขะ...ขอโทษค่ะ...”

อาโปลนลานจะผละออกจากอกกว้างนั้นดวงตากลมโตแหงนเงยขึ้นมองคนตรงหน้า ขณะที่อีกฝ่ายก้มลงมาสบตากับเธอพอดี แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวทำอะไร ร่างของเธอก็ถูกเบียดอีกครั้ง คราวนี้หนักกว่าเดิม ที่ว่าหนักนั้นไม่ใช่แรงผลักจากด้านหลังแต่เป็นเหตุที่ริมฝีปากของเธอพุ่งไปทาบทับซอกคออุ่นๆ ของอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง

“อุ้ย!...” อาโออุทานออกมาอย่างตกตะลึง...เอ๊ะ!...ต้องตกใจสิ จะมาตกตะลึงอะไรตอนนี้...เธอกำลังประสบอุบัติเหตุครั้งใหญ่อยู่นี่นะ!

ทว่าตอนนี้อาโอกำลังตกตะลึงจริงๆ เธอรับรู้ได้ว่าความรู้สึกนี้มันมากกว่าตกใจอยู่มาก เมื่อได้เห็นหน้าใบคมคายเจ้าของเสื้อที่เธอเพิ่งจะฝากรอยลิปสติกตรงตำแหน่งหัวใจ รวมไปถึงอาการชาหนึบที่ริมฝีปาก ยังรู้สึกถึงผิวสัมผัสเนื้ออุ่นๆบริเวณซอกคอนั่นจางๆ ใบหน้าเธอตอนนี้ร้อนแทบไหม้ หูก็เริ่มอื้อ อื้อจนไม่ได้ยินเสียงกร่นด่าของผู้โดยสารรายอื่นที่ถูกลูกหลงจากการแกล้งผลักหยอกล้อกันของกลุ่มวัยรุ่นคึกคะนอง

ในแววตาของอาโปมองเห็นเพียงใบหน้าเรียบเฉย ริมฝีปากเหยียดตรงไร้รอยยิ้ม จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วเข้มเชิดขึ้นได้ตำแหน่งเหมาะเจาะ ระหว่างคิ้วขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างที่ใครก็ไม่อาจรู้นอกจากตัวเขาเอง ดวงตาคมกล้าคู่นั้นจับจ้อง มองเธอเขม็ง และเธอเองก็ดันลืมที่จะหลบตาคู่นั้นซะอีก แต่...ไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่ สำหรับความคิดเห็นโดยรวมจากสายตาที่ลากผ่านแค่ไม่กี่วินาทีของเธอ ณ เวลานี้พอสรุปได้ทันทีว่า... ผู้ชายคนนี้หล่อมาก...

“ว้าย!” เพราะมัวแต่มองเพลิน ไม่ทันระวังแรงดันจากด้านหลังที่เบียดเข้ามาอีกรอบ คราวนี้เธอระวังริมฝีปากของตัวเองแล้ว พยายามหลบไม่ให้มันไปสัมผัสส่วนไหนๆของร่างกายเขาอีก นั่นเลยทำให้แก้มนุ่มๆเธอเบียดชิดติดอยู่กับอกกว้าง นั่นอีกรอบ...กลิ่นหอมจางๆ โชยเข้าจมูกทำให้เธอเผลอสูดเข้าไปเต็มปอด ได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นทั้งแรงและเร็ว แต่ไม่อาจแยกออกไว้ว่า เสียงหัวใจเต้นอันนี้เป็นของใครกัน สรุปแล้ว...นี่เธอกำลังใช้บริการรถไฟฟ้า หรือรถโดยสารประจำทางกันแน่นะ...

ดวงตาคมกล้าเหลือบลงมามองยิ่งทำให้รู้สึกอายจนอยากมุดพื้นรถไฟฟ้าหนีหายไปให้ไกลๆ เขาคงนึกรำคาญความซุ่มซ่ามจึงพลิกตัวจับให้เธอไปยืนพิงพนังแทนตรงที่เขายืนอยู่ก่อนแถมยังใช้ร่างสูงๆ หนาๆ นั้นกั้นเป็นกำแพงปกป้องแรงดันที่มีมาเป็นระยะๆ จนกระทั่งถึงสถานีปลายทางที่เธอจะได้หลุดพ้นจากสถานการณ์กระอักกระอ่วนใจนี้ซะที

“ขอบคุณค่ะ...คะ...คือ...ฉันต้องลงแล้ว”คำขอบคุณหลุดออกมาแค่เพียงแผ่วเบา ทั้งยังก้มหน้าจนคางแทบชิดอก ไม่รู้หรอกว่าเขาจะได้ยินหรือเปล่า...ก็คงจะได้ยินอยู่หรอกเพราะทันทีที่เธอพูดจบเขาก็เบี่ยงตัวเปิดทางให้เธอเดินออกมาจากมุมนั้น โดยไม่ได้กล่าวคำพูดใด ๆตอบโต้เธอเลยสักคำ

รถไฟฟ้าขบวนนั้นแล่นจากไปแล้ว แต่อาโปยังคงยืนนิ่งราวกับกำลังไว้อาลัยให้กับรอยจุมพิตที่อกเสื้อเชิ้ตขาว และซอกคอหอมติดจมูกนั่น เธอต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ติดๆ กันหลายรอบ ที่ทั้งยกมือขึ้นลูบอกไปมา เพื่อปรับความรู้สึกและปรับระดับการเต้นของหัวใจให้กลับเข้าสู่ปกติ กว่าที่จะมีแรงเดินต่อไป

อดคิดถึงชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้ เธออยากจะเรียกเขาว่าเทพบุตรซะจริงๆ ไม่ใช่เรื่องยากที่จะมีโอกาสเจอผู้ชายหน้าตาดีในยุคสมัยแห่งความเป็นเลิศด้านการศัลยกรรม เธอไม่รู้หรอกว่าผู้ชายคนนั้นได้ผ่านการศัลยกรรมมาหรือไม่ หากเป็นอย่างที่สงสัยก็ถือว่าแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดแปลงโฉมให้เขานั้นเป็นแพทย์ที่มีฝีมือขั้นเทพจริงๆ

“มัวคิดบ้าอะไรอยู่เนี่ยยัยอาโป...จะได้เวลาทำงานแล้ว ถ้าเธอไม่รีบเธอตายแน่”เธอเตือนตัวเอง ทั้งตัดความสนใจเรื่องผู้ชายทิ้งไป เธอขอโทษเขาแล้วและกล่าวขอบคุณไปแล้วด้วย ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก นี่จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ได้เจอเขา ประชากรในกรุงเทพมีอยู่หลายสิบล้าน อาณาเขตกว้างใหญ่ จากนี้ต่อไปคงไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกอย่างแน่นอน...

 
บนรถไฟฟ้าขบวนนั้น...

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับคุณเดี่ยว...ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้คุณต้องมาเผชิญความแออัดแบบนี้ ต่อไปผมจะระวังตรวจเช็คสภาพรถให้ดี ไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก”ชายวัยสี่สิบปลาย ๆ กล่าวขอโทษขอโพยอย่างสำนึกผิด

“ไม่เป็นไร...อย่าคิดมาก แบบนี้ก็ดีนะ ได้เปลี่ยนบรรยากาศซะบ้าง”

ชายหนุ่มที่หมุนตัวกลับไปพิงผนังตู้เอ่ย สายตาของเขาเป็นประกายวาววับ มือลูบที่ต้นคอไปมาเบาๆ ตรงบริเวณที่เพิ่งถูกริมฝีปากนุ่มๆ สัมผัส ความรู้สึกยังเหมือนมีริมฝีปากนั้นแนบติดอยู่ไม่จาง ก้มลงมองรอยเปื้อนที่อกเสื้อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ก็ทำให้รู้สึกได้ถึงจังหวะหัวใจกระตุกวูบเหมือนคนที่เกือบจะตกลงจากที่สูง

“เสื้อคุณชายเลอะดูท่าจะเช็ดออกยากด้วยสิ...เดี๋ยวพอไปถึงโรงแรมที่นัดหมายผมจะให้คนไปซื้อเสื้อตัวใหม่มาเปลี่ยนให้นะครับ” ผู้ติดตามทักท้วงทั้งเสนอทางแก้ไขด้วยความใส่ใจ

“ไม่เป็นไร...แค่นี้เอง” ใบหน้าที่มองไปยังผู้ติดตามนั้นนิ่ง เรียบเฉย ใครก็ไม่อาจเดาความคิดเขาได้ แม้มุมปากกระตุกขึ้นคล้ายจะยิ้มเมื่อมองรอยเปื้อนนั้นอีกครั้ง

“ผมไม่ลำบากหรอกครับ แต่...มันจะดูไม่ดีนะครับ รอยปากชัดออกอย่างนั้น...คนอื่นเห็นจะเข้าใจผิดเอาได้”

“เข้าใจผิดได้ก็ดี...”ชายหนุ่มเอ่ย แล้วก็เมินมองไปที่อื่นที่ไม่ใช่คู่สนทนา เป็นการตัดบทอย่างถาวร

ถวิลผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ เขามีหน้าที่ดูแลเจ้านายน้อยตระกูลนรานุรักษ์มาตั้งแต่เริ่มเข้าทำงาน ย่อมรู้นิสัยใจคอเป็นอย่างดี บทนายน้อยจะดื้อแพ่ง ท่านก็ไม่ต่างจากรูปปั้นหินที่ไม่อาละวาด โวยวาย หรือโต้เถียง นั่นเป็นเรื่องยากที่ใครจะทัดทาน ถวิลนึกกังวลใจกับงานที่รออยู่ข้างหน้า งานเลี้ยงเล็กๆ ที่มีความสำคัญระดับช้าง งานที่คุณหญิงกัลยานัดรับประทานอาหารว่างกับลูกหลานเพื่อนสนิท เพื่อให้หลานชายคนเดียวของตระกูลนรานุรักษ์ได้รู้จักมักคุ้นกัน แต่เสื้อที่เลอะรอยลิปสติกเด่นชัดแบบนี้ ใครเห็นเข้าคงคิดไปในแง่ลบ มากกว่าจะคิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุ

ถวิลเผลอถอนหายใจออกมาอีกรอบ เขาอยู่กับตระกูลนรานุรักษ์อันเป็นตระกูลคหบดีเก่าแก่จนมาถึงบัดนี้ที่นายน้อยชลธิศของเขาอายุอานามจะเฉียดสามสิบสองในอีกไม่กี่เดือนที่ข้างหน้า ทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเจ้านายภายใต้การดูแลของเขาต้องไม่มีข้อบกพร่อง แม้เพียงเล็กน้อยเขาก็จะไม่มีวันให้เกิดขึ้น ยกเว้นเหตุสุดวิสัยเมื่อครู่...เขาเห็นสายตาเจ้านายที่สั่งห้ามเขาเข้ายุ่งเกี่ยวได้อย่างชัดเจน
..............................................

ลองเอามาแปะดู ไม่รู้ว่าจะยังมีใครอาศัยอยู่ในนี้บ้างหรือป่าว...หวังว่าจะยังมีอยู่นะคะ...ด้วยความคิดถึง



ทองหลาง
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ม.ค. 2564, 11:14:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ม.ค. 2564, 14:01:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 331





   ตอนแรก >>
phakarat 26 ม.ค. 2564, 23:51:39 น.
มาต่อนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account