ทัณฑ์ทวงรัก: หอมดึก (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เรื่องย่อ
'ศมา' เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ผู้หญิงทุกคนปรารถนา เขาเป็นวิศวกรหนุ่มที่ทั้งเก่ง ฉลาด จริงใจ และจริงจังไปเสียทุกเรื่อง แต่ว่าชีวิตกลับเล่นตลกกับผู้ชายสายบุญอย่างเขาที่ไม่ว่าจะรักจะชอบใคร ศมาก็เป็นได้แค่พี่ชายที่แสนดีคนหนึ่งเท่านั้น แถมสวรรค์ยังใจร้ายส่งผู้หญิงที่เป็นทุกอย่างที่เขาไม่ชอบ มาเป็นลูกหนี้เขา!
'ตวงทอง' หล่อนสวย หรู เพียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตา การศึกษา และฐานะหน้าที่การงาน หญิงสาวใช้ชีวิตแบบวัตถุนิยมสุดเหวี่ยง จนวันหนึ่งชีวิตได้ให้บทเรียนกับหล่อน จากคุณหนูไฮโซ ตวงทองกลายเป็นลูกหนี้ที่ต้องหนีหนี้ หาเงินมาใช้หนี้ไปวันๆ สุดท้ายเมื่อเริ่มจนตรอกหล่อนกัดฟันสู้ หันหน้ามาขอเกาะเจ้าหนี้กินเสียดื้อๆ
“ด้านได้ อายอด และฉันจะไม่ยอมอดตาย แค่งานกรรมกรก่อสร้างทำไมฉันจะทำไม่ได้!”
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง ดุจจันทร์ดั้นเมฆ พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า พ่อแง่แม่งอน อบอุ่น ละมุนในหัวใจแน่นอน ใครที่เคยฟิน ตรีเมฆ และจันทน์กะพ้อ ใน "ดุจจันทร์ดั้นเมฆ" มาแล้ว ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้าน booksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช ร้านBestbookSmile และร้าน Julee July
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.ผ่าน www.plaipakkabooks.com หรือ inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 476 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 319฿ จากราคาปก 355฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 364฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 389฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann**
'ศมา' เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ผู้หญิงทุกคนปรารถนา เขาเป็นวิศวกรหนุ่มที่ทั้งเก่ง ฉลาด จริงใจ และจริงจังไปเสียทุกเรื่อง แต่ว่าชีวิตกลับเล่นตลกกับผู้ชายสายบุญอย่างเขาที่ไม่ว่าจะรักจะชอบใคร ศมาก็เป็นได้แค่พี่ชายที่แสนดีคนหนึ่งเท่านั้น แถมสวรรค์ยังใจร้ายส่งผู้หญิงที่เป็นทุกอย่างที่เขาไม่ชอบ มาเป็นลูกหนี้เขา!
'ตวงทอง' หล่อนสวย หรู เพียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตา การศึกษา และฐานะหน้าที่การงาน หญิงสาวใช้ชีวิตแบบวัตถุนิยมสุดเหวี่ยง จนวันหนึ่งชีวิตได้ให้บทเรียนกับหล่อน จากคุณหนูไฮโซ ตวงทองกลายเป็นลูกหนี้ที่ต้องหนีหนี้ หาเงินมาใช้หนี้ไปวันๆ สุดท้ายเมื่อเริ่มจนตรอกหล่อนกัดฟันสู้ หันหน้ามาขอเกาะเจ้าหนี้กินเสียดื้อๆ
“ด้านได้ อายอด และฉันจะไม่ยอมอดตาย แค่งานกรรมกรก่อสร้างทำไมฉันจะทำไม่ได้!”
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง ดุจจันทร์ดั้นเมฆ พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า พ่อแง่แม่งอน อบอุ่น ละมุนในหัวใจแน่นอน ใครที่เคยฟิน ตรีเมฆ และจันทน์กะพ้อ ใน "ดุจจันทร์ดั้นเมฆ" มาแล้ว ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้าน booksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช ร้านBestbookSmile และร้าน Julee July
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.ผ่าน www.plaipakkabooks.com หรือ inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 476 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 319฿ จากราคาปก 355฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 364฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 389฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann**
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 7 -50%
หลายวันต่อมา...
ฉับ! ฉับ! ฉับ!
พร้าคมฟันฉับลงบนเนื้ออ่อนๆ ของเปลือกมะพร้าวสีเขียวอ่อน น้ำฉ่ำหวานพุ่งปรี๊ดขึ้นมารดบนมือแห้งเหี่ยวที่กุมลูกมะพร้าวไว้ ก่อนจะยกมะพร้าวทั้งลูกขึ้นซดอั้กๆ จนแห้งเหือด
“ชื่นใจชะมัด”
“โฮ่งๆ โฮ่งๆ”
“ใครมาวะ หาเจ้าถุงเงิน ใครมา” เสียงห้าวร้องถามสุนัขพันธุ์ไทยสีน้ำตาลแดงตัวเตี้ยติดดินที่เห่ากระโชกอยู่ที่ประตูรั้วหน้าบ้าน
“ผมเองครับลุง” เสียงห้าวดังกังวานมาจากด้านหน้าบ้าน
“ผมน่ะใครกัน” ถามพลางเดินดุ่มมาด้านหน้าพร้อมมีดพร้าคมวับในมือ “อ้อ นายช่างใหญ่นี่เอง”
“ครับผมเอง”
“มีอะไรเรอะ มาถึงบ้านข้าได้”
“ผมมีธุระจะคุยกับคุณลุงสักครู่ครับ เรื่องคนงานของผม”
“เรียกข้าว่าผู้การ ผู้การเติมศักดิ์”
“ครับผู้การ ผมอยากมาสอบถามว่าหลังจากที่เกิดเรื่องวันก่อน คนงานของผมยังมาก่อปัญหาอะไรให้อีกไหมครับ ผมมีคนงานใหม่มาเรื่อยๆ ถ้ามีอะไรขอให้ลุงแจ้งผมโดยตรงได้เลย นี่นามบัตรผมครับ”
“ข้าไม่มีโทรศัพท์หรอก” คนเป็นเจ้าของที่ดินเป็นร้อยๆ ไร่ที่แบ่งขายแล้วก็ยังเหลืออีกไม่น้อยแถมยังติดทะเลอีกต่างหากพูดหน้าตาเฉย หากศมาไม่ไปตรวจสอบดูจริงๆ ก็คงไม่รู้ว่าลุงชราที่ใส่กางเกงเลตัวเดียว ยืนถือพร้าคุยกับเขาอยู่นี้เป็นผ้าขี้ริ้วห่อก้อนทองมหึมาโดยแท้
รู้อย่างนี้แล้วเขาก็ชักจะเชื่อว่าแกอาจจะเคยเป็นถึงผู้การจริงๆ ก็ได้
“ถ้ามีอะไรจะไปบอก ข้าไม่กลัวพวกมันหรอก ถ้าข้ามมาลักเล็กขโมยน้อยจะจับส่งไปให้จัดการ”
“ครับ ผมต้องขอโทษด้วย คนงานต่างด้าวบางคนมาใหม่ก็ยังห่ามๆ อยู่ ต่อไปผมจะให้คนดูแลควบคุมให้ดีกว่านี้ครับ”
“ก็ดี” แกบอกแล้วก็เดินนำเขาเข้าไปนั่งที่ม้านั่งใต้ร่มมะม่วงต้นใหญ่ ศมากวาดสายตามองไปรอบๆ ที่ดินอันแสนกว้างขวางของแก ในระยะไม่เกินหนึ่งกิโลเมตรจากที่ที่เขานั่งอยู่นี้เป็นชายทะเลที่สงบสวยงาม ที่ดินเลียบหาดสวยนั่น ศมาไปดูมาแล้วว่าเป็นของชายชราที่นั่งกระดิกนิ้วเรียกสุนัขมากินข้าวในกะลาอยู่ตรงหน้าเขานี่เอง
“ที่ดินของลุงกว้างมากนะครับ”
“อืม เดิมเคยกว้างกว่านี้มาก ก็ที่ขายให้นายทุนที่จ้างบริษัทของนายช่างมาก่อสร้างนั่นละ อยากรู้ใช่ไหมล่ะว่าข้าขายทำไม แล้วขายแล้วทำไมยังมาอยู่แบบนี้อีก” ผู้การดูเหมือนจะใจร้อนเกินกว่าจะรอให้อีกฝ่ายถาม ความเหงาทำให้แกกระหายการพูดคุย ยิ่งมาเจอคนที่นิยมฟังมากกว่าพูด ยิ่งเป็นเหยื่ออันโอชะยิ่งสำหรับแก
“ขายหาเงินมาใช้หนี้ให้ลูกน่ะ”
น้ำเสียงของแกลดความห้าวหาญลงเล็กน้อย ศมาอดสะท้อนใจไม่ได้
นี่ก็คงเป็นอีกหนึ่งในบรรดาพ่อแม่ที่มีลูกเกเรล้างผลาญสินะ ที่ดินสวยๆ ผืนนี้จะอยู่กับผู้การเติมศักดิ์ได้อีกนานเท่าไรกัน
“ใช้หนี้หมดแล้วก็สบายแล้วสิครับ”
“ยังไม่ทันได้ใช้เลยว่ะ”
“อ้าว” ศมาทำเสียงในลำคออย่างหนึ่ง
ผู้การลุกขึ้นยืน ปัดฝุ่นออกจากก้นแล้วก็เอ่ยปากไล่แขกหน้าตาเฉย “หมดธุระแล้วใช่ไหม นั่นสับปะรดเข่งนั้น เอาไปกินที่ทำงานสิ ฝากให้แม่หนูสองคนนั่นด้วย ค่าที่ช่วยจับผู้ร้าย”
ศมาลุกขึ้นทันทีแม้ไม่ทันตั้งตัว เขามองไปทางสับปะรดเข่งใหญ่ส่งกลิ่นหอมน่ารับประทานแล้วก็นึกถึงคนสองคนที่ชายชราเพิ่งไหว้วานให้เขาเอาผลไม้ไปฝาก คนหนึ่งโง่งม เย่อหยิ่งอยู่ในกะลาของอัตตาท่วมท้น ส่วนอีกคนเป็นเพียงเด็กน้อยที่ยังอ่อนต่อโลกจนน่าเห็นใจ
ผู้การเห็นศมายืนมองสับปะรดอยู่นิ่งๆ ก็นึกรำคาญตามประสาคนทำอะไรว่องไว หันไปคว้าตะกร้าเก่าๆ มาใบหนึ่งแล้วเลือกหยิบสับปะรดใส่ลงไปจนเต็ม
“พอ...พอแล้วครับลุง เยอะเกินไปแล้ว ของซื้อของขาย”
“เอาไปเถอะน่า...ข้าปลูกไปงั้นๆ แหละ ไม่ได้ทำจริงจังหรอก นายช่างก็เอาไปฝากลูกฝากเมียบ้างสิ”
“ผมยังไม่ได้แต่งงานครับ”
“ยังไม่แต่งแล้วยังไง มีเมียไม่ได้เรอะ อย่ามาหัวโบราณน่า...” ผู้มีวัยแก่กว่าเขามากโขมองมาหมิ่นๆ ทำน้ำเสียงอย่างไม่เชื่อหน้า แกยัดเยียดตะกร้าใส่มือเขาแล้วก็สำทับว่า “เป็นผู้ชายต้องไว้ลายสินายช่างใหญ่ ยังไม่ปักอกปักใจก็ฝึกประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ไม่เสียหลายหรอก คนงานในไซต์ก็สวยๆ หลายคนไม่ใช่เรอะ”
คำพูดของแกทำให้สีหน้าศมาเคร่งขึ้นตามประสาคนให้เกียรติเพศแม่มาแต่ไหนแต่ไร
“ผมมีน้องสาวครับ ไม่อยากทำลายชีวิตใคร”
“อาไร้ สาวๆ สมัยนี้คิดเรื่องนี้กันด้วยเรอะ บางทีข้ายังต้องเอาหมาไปไล่เวลามันมาแอบฟัดกันที่ชายหาดโน่น”
“ใครจะยังไงไม่ทราบครับ แต่ผมมีน้องมีแม่ที่ผมรักและไม่อยากให้ใครมาทำให้เสียใจ ผมเลยไม่คิดจะทำร้ายผู้หญิงคนไหนเหมือนกัน”
“บ๊ะ หมอนี่ ผู้ชายแบบนี้ยังมีอยู่อีกเรอะ”
แกตบเข่าฉาด
“หน้าตาก็หล่อเหล่าเอาการ ระดับเป็นพระเอกหนังได้สบายๆ ว่าแต่...คงไม่ได้เป็นอย่างที่เขาชอบๆ เป็นกันหรอกนะ ไอ้พวก เอ่อ ตุ๊ดแต๋วน่ะ” แกทำท่าสะอิดสะเอียนได้น่าขัน แต่ศมาไม่นึกสนุกไปด้วย เขากำหูตะกร้าแน่นพลางว่า
“ลุงไม่มีลูกสาวหรอกหรือครับ”
“ทำไม” เสียงถามกลับห้วนจัด ดวงตารีใหญ่ขวางดุ ศมาไม่เข้าใจอาการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของคู่สนทนา “มีไม่มีแล้วเอ็งจะทำไม หา!”
“ก็ไม่ทำไมหรอกครับ” ศมาไม่ยี่หระกับท่าทางคุกคามของอีกฝ่าย เขาเอ่ยต่อเสียงเรียบว่า “เพียงแค่ผมว่าคนที่มีลูกสาว หรือน้องสาวอย่างผมคงไม่พูดแบบนี้เกี่ยวกับผู้หญิง”
“กูจะพูด!” แกตะคอก
ศมาไม่หวาดหวั่นแต่อย่างใด แต่ก็ยังประหลาดใจ เห็นท่าเขาคงไปกรีดแผลเก่าเน่าหนองของตาลุงคนนี้เข้าให้แล้วสิ
“ลูกสาว เหอะ” แกลากเสียงยาว เหยียดหยัน “ลูกเมียมีก็เหมือนไม่มี นี่รู้เอาไว้นะนายช่าง อย่าไปเอาอะไรกับมันมากพวกผู้หญิงนี่ ปากบอกรัก พอหันหลังให้อาจจะแทงเอาข้างหลังก็ได้ อย่างนางโมราฆ่าผัวนั่นไง เหอะ แม่งยื่นดาบให้โจรมาฟันคอผัวตัวเองตาย ใจชั่ว”
พูดจบแกก็คว้าขวดเหล้าที่เปิดทิ้งไว้ครึ่งค่อนวันมารินใส่แก้วบิ่นๆ กรอกลงคอ หรี่ตามองคนที่ยังไม่จากไปแล้วก็ตบพื้นแคร่ตุบๆ
“นายช่างใหญ่” แกร้องเรียก น้ำเสียงสดใสขึ้นเป็นคนละคน “นั่งลงๆ กินเหล้ากับลุงก่อน”
ศมาขมวดคิ้วเข้ม พินิจสีหน้าที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่าย
“นั่งลงน่า...ลุงไม่ฆ่าไม่แกงหรอก นานๆ จะพบคนถูกใจ คุยถูกคอ นั่งลงเลย นี่เหล้าไทยแท้ กินเป็นไหม กระดกเลย เออ นั่น อย่างนั้นละ” แกคะยั้นคะยอจนแทบจะช่วยกระดกก้นแก้ว ศมาไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงยอมนั่งลงก๊งเหล้ากับชายชราที่คุ้มดีคุ้มร้ายผู้นี้ได้ อาจเพราะแกดูเป็นคนรุ่นเดียวกันกับบิดาที่ล่วงลับไปกระมัง
เมื่อเหล้าเข้าปาก ผู้การสวนสับปะรดกลับกลายเป็นคนหัวคิดเข้มข้นคนหนึ่งที่พูดคุยได้น้ำได้เนื้ออย่างน่าประหลาดใจ ยิ่งเป็นเรื่องการเมืองการปกครอง เสียงแกยิ่งดังห้าวหาญ ครั้นศมาเปลี่ยนไปเรื่องเศรษฐกิจ เงินๆ ทองๆ แกก็ไม่ติดขัด ยิ่งเรื่องปัญหาสังคมประเภทวัยรุ่นติดยาติดวัตถุจนใจแตกด้วยแล้วแกยิ่งถกได้อย่างถึงพริกถึงขิง ยิ่งคุยศมาก็ยิ่งรู้สึกราวกับว่ากำลังนั่งคุยอยู่กับเพื่อนของบิดาคนหนึ่งอย่างใกล้ชิด
มันทำให้เขาคิดถึงบิดามากขึ้น แต่กลับโหยหาและเดียวดายน้อยลง
ฉับ! ฉับ! ฉับ!
พร้าคมฟันฉับลงบนเนื้ออ่อนๆ ของเปลือกมะพร้าวสีเขียวอ่อน น้ำฉ่ำหวานพุ่งปรี๊ดขึ้นมารดบนมือแห้งเหี่ยวที่กุมลูกมะพร้าวไว้ ก่อนจะยกมะพร้าวทั้งลูกขึ้นซดอั้กๆ จนแห้งเหือด
“ชื่นใจชะมัด”
“โฮ่งๆ โฮ่งๆ”
“ใครมาวะ หาเจ้าถุงเงิน ใครมา” เสียงห้าวร้องถามสุนัขพันธุ์ไทยสีน้ำตาลแดงตัวเตี้ยติดดินที่เห่ากระโชกอยู่ที่ประตูรั้วหน้าบ้าน
“ผมเองครับลุง” เสียงห้าวดังกังวานมาจากด้านหน้าบ้าน
“ผมน่ะใครกัน” ถามพลางเดินดุ่มมาด้านหน้าพร้อมมีดพร้าคมวับในมือ “อ้อ นายช่างใหญ่นี่เอง”
“ครับผมเอง”
“มีอะไรเรอะ มาถึงบ้านข้าได้”
“ผมมีธุระจะคุยกับคุณลุงสักครู่ครับ เรื่องคนงานของผม”
“เรียกข้าว่าผู้การ ผู้การเติมศักดิ์”
“ครับผู้การ ผมอยากมาสอบถามว่าหลังจากที่เกิดเรื่องวันก่อน คนงานของผมยังมาก่อปัญหาอะไรให้อีกไหมครับ ผมมีคนงานใหม่มาเรื่อยๆ ถ้ามีอะไรขอให้ลุงแจ้งผมโดยตรงได้เลย นี่นามบัตรผมครับ”
“ข้าไม่มีโทรศัพท์หรอก” คนเป็นเจ้าของที่ดินเป็นร้อยๆ ไร่ที่แบ่งขายแล้วก็ยังเหลืออีกไม่น้อยแถมยังติดทะเลอีกต่างหากพูดหน้าตาเฉย หากศมาไม่ไปตรวจสอบดูจริงๆ ก็คงไม่รู้ว่าลุงชราที่ใส่กางเกงเลตัวเดียว ยืนถือพร้าคุยกับเขาอยู่นี้เป็นผ้าขี้ริ้วห่อก้อนทองมหึมาโดยแท้
รู้อย่างนี้แล้วเขาก็ชักจะเชื่อว่าแกอาจจะเคยเป็นถึงผู้การจริงๆ ก็ได้
“ถ้ามีอะไรจะไปบอก ข้าไม่กลัวพวกมันหรอก ถ้าข้ามมาลักเล็กขโมยน้อยจะจับส่งไปให้จัดการ”
“ครับ ผมต้องขอโทษด้วย คนงานต่างด้าวบางคนมาใหม่ก็ยังห่ามๆ อยู่ ต่อไปผมจะให้คนดูแลควบคุมให้ดีกว่านี้ครับ”
“ก็ดี” แกบอกแล้วก็เดินนำเขาเข้าไปนั่งที่ม้านั่งใต้ร่มมะม่วงต้นใหญ่ ศมากวาดสายตามองไปรอบๆ ที่ดินอันแสนกว้างขวางของแก ในระยะไม่เกินหนึ่งกิโลเมตรจากที่ที่เขานั่งอยู่นี้เป็นชายทะเลที่สงบสวยงาม ที่ดินเลียบหาดสวยนั่น ศมาไปดูมาแล้วว่าเป็นของชายชราที่นั่งกระดิกนิ้วเรียกสุนัขมากินข้าวในกะลาอยู่ตรงหน้าเขานี่เอง
“ที่ดินของลุงกว้างมากนะครับ”
“อืม เดิมเคยกว้างกว่านี้มาก ก็ที่ขายให้นายทุนที่จ้างบริษัทของนายช่างมาก่อสร้างนั่นละ อยากรู้ใช่ไหมล่ะว่าข้าขายทำไม แล้วขายแล้วทำไมยังมาอยู่แบบนี้อีก” ผู้การดูเหมือนจะใจร้อนเกินกว่าจะรอให้อีกฝ่ายถาม ความเหงาทำให้แกกระหายการพูดคุย ยิ่งมาเจอคนที่นิยมฟังมากกว่าพูด ยิ่งเป็นเหยื่ออันโอชะยิ่งสำหรับแก
“ขายหาเงินมาใช้หนี้ให้ลูกน่ะ”
น้ำเสียงของแกลดความห้าวหาญลงเล็กน้อย ศมาอดสะท้อนใจไม่ได้
นี่ก็คงเป็นอีกหนึ่งในบรรดาพ่อแม่ที่มีลูกเกเรล้างผลาญสินะ ที่ดินสวยๆ ผืนนี้จะอยู่กับผู้การเติมศักดิ์ได้อีกนานเท่าไรกัน
“ใช้หนี้หมดแล้วก็สบายแล้วสิครับ”
“ยังไม่ทันได้ใช้เลยว่ะ”
“อ้าว” ศมาทำเสียงในลำคออย่างหนึ่ง
ผู้การลุกขึ้นยืน ปัดฝุ่นออกจากก้นแล้วก็เอ่ยปากไล่แขกหน้าตาเฉย “หมดธุระแล้วใช่ไหม นั่นสับปะรดเข่งนั้น เอาไปกินที่ทำงานสิ ฝากให้แม่หนูสองคนนั่นด้วย ค่าที่ช่วยจับผู้ร้าย”
ศมาลุกขึ้นทันทีแม้ไม่ทันตั้งตัว เขามองไปทางสับปะรดเข่งใหญ่ส่งกลิ่นหอมน่ารับประทานแล้วก็นึกถึงคนสองคนที่ชายชราเพิ่งไหว้วานให้เขาเอาผลไม้ไปฝาก คนหนึ่งโง่งม เย่อหยิ่งอยู่ในกะลาของอัตตาท่วมท้น ส่วนอีกคนเป็นเพียงเด็กน้อยที่ยังอ่อนต่อโลกจนน่าเห็นใจ
ผู้การเห็นศมายืนมองสับปะรดอยู่นิ่งๆ ก็นึกรำคาญตามประสาคนทำอะไรว่องไว หันไปคว้าตะกร้าเก่าๆ มาใบหนึ่งแล้วเลือกหยิบสับปะรดใส่ลงไปจนเต็ม
“พอ...พอแล้วครับลุง เยอะเกินไปแล้ว ของซื้อของขาย”
“เอาไปเถอะน่า...ข้าปลูกไปงั้นๆ แหละ ไม่ได้ทำจริงจังหรอก นายช่างก็เอาไปฝากลูกฝากเมียบ้างสิ”
“ผมยังไม่ได้แต่งงานครับ”
“ยังไม่แต่งแล้วยังไง มีเมียไม่ได้เรอะ อย่ามาหัวโบราณน่า...” ผู้มีวัยแก่กว่าเขามากโขมองมาหมิ่นๆ ทำน้ำเสียงอย่างไม่เชื่อหน้า แกยัดเยียดตะกร้าใส่มือเขาแล้วก็สำทับว่า “เป็นผู้ชายต้องไว้ลายสินายช่างใหญ่ ยังไม่ปักอกปักใจก็ฝึกประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ไม่เสียหลายหรอก คนงานในไซต์ก็สวยๆ หลายคนไม่ใช่เรอะ”
คำพูดของแกทำให้สีหน้าศมาเคร่งขึ้นตามประสาคนให้เกียรติเพศแม่มาแต่ไหนแต่ไร
“ผมมีน้องสาวครับ ไม่อยากทำลายชีวิตใคร”
“อาไร้ สาวๆ สมัยนี้คิดเรื่องนี้กันด้วยเรอะ บางทีข้ายังต้องเอาหมาไปไล่เวลามันมาแอบฟัดกันที่ชายหาดโน่น”
“ใครจะยังไงไม่ทราบครับ แต่ผมมีน้องมีแม่ที่ผมรักและไม่อยากให้ใครมาทำให้เสียใจ ผมเลยไม่คิดจะทำร้ายผู้หญิงคนไหนเหมือนกัน”
“บ๊ะ หมอนี่ ผู้ชายแบบนี้ยังมีอยู่อีกเรอะ”
แกตบเข่าฉาด
“หน้าตาก็หล่อเหล่าเอาการ ระดับเป็นพระเอกหนังได้สบายๆ ว่าแต่...คงไม่ได้เป็นอย่างที่เขาชอบๆ เป็นกันหรอกนะ ไอ้พวก เอ่อ ตุ๊ดแต๋วน่ะ” แกทำท่าสะอิดสะเอียนได้น่าขัน แต่ศมาไม่นึกสนุกไปด้วย เขากำหูตะกร้าแน่นพลางว่า
“ลุงไม่มีลูกสาวหรอกหรือครับ”
“ทำไม” เสียงถามกลับห้วนจัด ดวงตารีใหญ่ขวางดุ ศมาไม่เข้าใจอาการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของคู่สนทนา “มีไม่มีแล้วเอ็งจะทำไม หา!”
“ก็ไม่ทำไมหรอกครับ” ศมาไม่ยี่หระกับท่าทางคุกคามของอีกฝ่าย เขาเอ่ยต่อเสียงเรียบว่า “เพียงแค่ผมว่าคนที่มีลูกสาว หรือน้องสาวอย่างผมคงไม่พูดแบบนี้เกี่ยวกับผู้หญิง”
“กูจะพูด!” แกตะคอก
ศมาไม่หวาดหวั่นแต่อย่างใด แต่ก็ยังประหลาดใจ เห็นท่าเขาคงไปกรีดแผลเก่าเน่าหนองของตาลุงคนนี้เข้าให้แล้วสิ
“ลูกสาว เหอะ” แกลากเสียงยาว เหยียดหยัน “ลูกเมียมีก็เหมือนไม่มี นี่รู้เอาไว้นะนายช่าง อย่าไปเอาอะไรกับมันมากพวกผู้หญิงนี่ ปากบอกรัก พอหันหลังให้อาจจะแทงเอาข้างหลังก็ได้ อย่างนางโมราฆ่าผัวนั่นไง เหอะ แม่งยื่นดาบให้โจรมาฟันคอผัวตัวเองตาย ใจชั่ว”
พูดจบแกก็คว้าขวดเหล้าที่เปิดทิ้งไว้ครึ่งค่อนวันมารินใส่แก้วบิ่นๆ กรอกลงคอ หรี่ตามองคนที่ยังไม่จากไปแล้วก็ตบพื้นแคร่ตุบๆ
“นายช่างใหญ่” แกร้องเรียก น้ำเสียงสดใสขึ้นเป็นคนละคน “นั่งลงๆ กินเหล้ากับลุงก่อน”
ศมาขมวดคิ้วเข้ม พินิจสีหน้าที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่าย
“นั่งลงน่า...ลุงไม่ฆ่าไม่แกงหรอก นานๆ จะพบคนถูกใจ คุยถูกคอ นั่งลงเลย นี่เหล้าไทยแท้ กินเป็นไหม กระดกเลย เออ นั่น อย่างนั้นละ” แกคะยั้นคะยอจนแทบจะช่วยกระดกก้นแก้ว ศมาไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงยอมนั่งลงก๊งเหล้ากับชายชราที่คุ้มดีคุ้มร้ายผู้นี้ได้ อาจเพราะแกดูเป็นคนรุ่นเดียวกันกับบิดาที่ล่วงลับไปกระมัง
เมื่อเหล้าเข้าปาก ผู้การสวนสับปะรดกลับกลายเป็นคนหัวคิดเข้มข้นคนหนึ่งที่พูดคุยได้น้ำได้เนื้ออย่างน่าประหลาดใจ ยิ่งเป็นเรื่องการเมืองการปกครอง เสียงแกยิ่งดังห้าวหาญ ครั้นศมาเปลี่ยนไปเรื่องเศรษฐกิจ เงินๆ ทองๆ แกก็ไม่ติดขัด ยิ่งเรื่องปัญหาสังคมประเภทวัยรุ่นติดยาติดวัตถุจนใจแตกด้วยแล้วแกยิ่งถกได้อย่างถึงพริกถึงขิง ยิ่งคุยศมาก็ยิ่งรู้สึกราวกับว่ากำลังนั่งคุยอยู่กับเพื่อนของบิดาคนหนึ่งอย่างใกล้ชิด
มันทำให้เขาคิดถึงบิดามากขึ้น แต่กลับโหยหาและเดียวดายน้อยลง
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 มิ.ย. 2564, 17:16:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 มิ.ย. 2564, 17:17:01 น.
จำนวนการเข้าชม : 380
<< บทที่ 7 -30% | บทที่ 7 -70% >> |