ทัณฑ์ทวงรัก: หอมดึก (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เรื่องย่อ

'ศมา' เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ผู้หญิงทุกคนปรารถนา เขาเป็นวิศวกรหนุ่มที่ทั้งเก่ง ฉลาด จริงใจ และจริงจังไปเสียทุกเรื่อง แต่ว่าชีวิตกลับเล่นตลกกับผู้ชายสายบุญอย่างเขาที่ไม่ว่าจะรักจะชอบใคร ศมาก็เป็นได้แค่พี่ชายที่แสนดีคนหนึ่งเท่านั้น แถมสวรรค์ยังใจร้ายส่งผู้หญิงที่เป็นทุกอย่างที่เขาไม่ชอบ มาเป็นลูกหนี้เขา!        

'ตวงทอง' หล่อนสวย หรู เพียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตา การศึกษา และฐานะหน้าที่การงาน หญิงสาวใช้ชีวิตแบบวัตถุนิยมสุดเหวี่ยง จนวันหนึ่งชีวิตได้ให้บทเรียนกับหล่อน จากคุณหนูไฮโซ ตวงทองกลายเป็นลูกหนี้ที่ต้องหนีหนี้ หาเงินมาใช้หนี้ไปวันๆ สุดท้ายเมื่อเริ่มจนตรอกหล่อนกัดฟันสู้ หันหน้ามาขอเกาะเจ้าหนี้กินเสียดื้อๆ

“ด้านได้ อายอด และฉันจะไม่ยอมอดตาย แค่งานกรรมกรก่อสร้างทำไมฉันจะทำไม่ได้!”

*********************

นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง ดุจจันทร์ดั้นเมฆ พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า พ่อแง่แม่งอน อบอุ่น ละมุนในหัวใจแน่นอน ใครที่เคยฟิน ตรีเมฆ และจันทน์กะพ้อ ใน "ดุจจันทร์ดั้นเมฆ" มาแล้ว ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง #รับประกันความสนุกเช่นเคย!


*******************

นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ

***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***

1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ

2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้าน booksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช ร้านBestbookSmile และร้าน Julee July

3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.ผ่าน www.plaipakkabooks.com หรือ inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks

4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee

หนังสือพร้อมส่ง

คุ้มสุดด้วยจำนวน 476 หน้า

สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 319฿ จากราคาปก 355฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 364฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 389฿)

หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"

***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann**
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 7 -100% + eBook

ฤทธิ์เหล้าขาวแรงกว่าที่คิดไว้มาก วิศวกรหนุ่มตื่นขึ้นมาในตอนสายตะวันโด่ง เมื่อเช้าตรู่ศศิมาส่องดูพี่ชายในห้องนอนแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าแล้วก็รีบเร่งออกไปวิทยาลัย อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมาศมาก็ตื่น เขาสะบัดหัวแรงๆ เมื่อออกจากห้องน้ำ น้ำเย็นจัดไล่ความมึนและหนักอึ้งออกไปได้บางส่วน แต่ความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าในยามเช้าที่เขาเคยมีแทบหายไปหมดสิ้น ช่างเอกซึ่งอยู่ค้างคืนด้วยเมื่อคืนมองท่าทางมึนๆ ของนายแล้วก็ส่ายหน้า เทข้าวต้มร้อนๆ หอมฉุยใส่ชามให้

“ศศิไปเรียนแล้วเรอะ”

“ครับผม”

“ไปรถแท็กซี่หรือวันนี้ แย่จริง ตื่นไม่ทันไปส่งน้อง”

“เปล่าครับ ไปกับคุณคนสวยข้างบ้าน คนที่น้องศศิเรียกว่าพี่รดา”

“อ้อ” ศมาทำเสียงรับรู้ในลำคอ คำบอกเล่านั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก

ตั้งแต่ศศิย้ายมาอยู่กับเขาที่นี่ อรดาเป็นที่พึ่งยามยากของเขาหลายรอบแล้ว หลายครั้งที่น้องสาวเขาต้องไปฝากท้องบ้านโน้นเวลาเขากลับบ้านไม่ทันบ้าง หรือไม่ก็ติดรถอรดาออกไปเรียนบ้าง เพราะวิทยาลัยอยู่ใกล้ฟิตเนสที่อรดาสอนโยคะพอดี อันที่จริงศมาก็มักซื้อหาอาหารและของฝากติดไม้ติดมือไปฝากบ้านหญิงสาวบ่อยๆ จนรู้จักมักคุ้นกับสามีภรรยาน่ารักผู้เป็นบิดามารดาของหล่อน แต่เขาก็อดรู้สึกผิดไม่ได้

“วันนี้ไม่ไปชลบุรีเหรอนาย”

“ไม่ไหวว่ะ ขอเกสักวัน อยากรอกินข้าวเย็นกับศศิด้วย ทิ้งน้องบ่อยไปแล้วกู”

“เหล้าขาวกับนายท่าทางจะต้องลาขาดกันแล้วนะครับ”

“เหล้าขาวอย่างเดียวไม่ว่า นี่ยาดองอะไรสักอย่าง”

“ยาดอง! แล้วนายยังกล้าดื่มอีกเรอะ”

“ไม่รู้สิ คุยไปกระดกไปมันก็เพลินๆ มารู้ตัวอีกทีก็มืดแล้ว”

“สงสัยผู้การคงคารมดี” ช่างเอกเอ่ยยิ้มๆ ศมาโยกหัวไปมา สีหน้าเรียบเฉย เมื่อเห็นหัวหน้าชักจะเบื่อคุยเรื่องชายชราเจ้าปัญหาเขาจึงเปลี่ยนเรื่องเสีย “แผลที่ขาเป็นยังไงบ้างครับ”

ศมาดึงขากางเกงลำลองเนื้อนิ่มขึ้นดูแผลที่ถูกพันไว้ค่อนข้างเรียบร้อย เขารู้สึกถึงอาการปวดตึงเล็กน้อย

“คงไม่เป็นไรมั้ง ตึงๆ”

“ไปหาหมอไหม เผื่ออักเสบ”

“เมื่อวานล้างแผลไปแล้วไม่ใช่เรอะ” เขานึกถึงมือนิ่มเย็นที่ล้างแผลและพันแผลให้เมื่อเย็นวาน ในความเมาเขายังอุตส่าห์จำความเจ็บแสบยามที่หล่อนราดยาล้างแผลลงไปบนแผลสดๆ ทีเผลอนั้นได้ดี

“ล้างหนเดียว จะให้หายเลยหรือไงนาย คุณตวงไม่ใช่พยาบาลเสียด้วย แถมยังทำแบบรีบๆ อีก”

“คนแบบนั้นทำอะไรเรียบร้อยเป็นที่ไหนกัน”

“หูย นายว่าแรง” ช่างเอกค้อนขวับ รวบช้อน รอนายกินคำสุดท้าย

“กับคนร้ายๆ บางทีก็จำเป็น” ศมาดันชามเปล่ากลับไปให้คนสนิทพลางเอ่ยถาม “เด็กคนนั้นเป็นยังไงบ้าง”

“ตูซาเหรอครับ ตอนนี้ก็พักที่โรงอาหาร ดูเหมือนพรจะใจดี เปิดประตูครัวไว้ให้ เลยไม่ต้องนอนข้างนอก ผมไม่ได้เข้าไปยุ่งตามที่นายสั่ง”

“ดีแล้ว ถึงคนต่างด้าวพวกนี้จะทำงานให้เรา แต่พวกเขาก็มีระบบระเบียบภายในของเขาเอง เราเข้าไปก้าวก่ายมากไม่ได้ เด็กคนนั้นออกจากกลุ่มมาเอง ก็ต้องหาทางกลับเข้าไปให้ได้เอง ขืนเราไปบังคับก็จะยิ่งถูกเขม่นมากขึ้น”

“ครับ แต่จะว่าไปก็น่าสงสาร ยายป้านั่นก็ใจแข็งน่าดู แม้แต่หลานแท้ๆ ยังไม่สงสาร คุณตวงก็ทำเมินไม่ยอมง้อ ทั้งๆ ที่คงอยากให้เด็กตูซากลับมาอยู่ด้วยเหมือนกัน บ้านพักมันค่อนข้างเปลี่ยว”

“อยากได้คนคอยรับใช้ละไม่ว่า” นายเสยผมที่เริ่มยาว เอนหลังบนเก้าอี้ ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ

“ก็น่าจะใช่ครับ แต่ผมว่ามันก็ยากสำหรับคนที่สบายจนเคยตัวที่จะมาใช้ชีวิตกรรมกรแบบนั้น”

“แน่ละ แต่เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น คนเราก็ต้องรู้จักปรับตัวเพื่อความอยู่รอด”

“ครับ ถ้าหากนายไม่รับมาซุกไว้ที่ไซต์ ป่านนี้ไอ้พวกเจ้าหนี้นอกระบบคงรุมทึ้งไม่มีชิ้นดีไปแล้วนะครับ”

“ซุกอะไรกัน กูอยากได้เงินคืนต่างหาก”

“คร้าบ...” เอกลากเสียงยาว “แต่พูดแล้วผมละกลัวไอ้พวกคนงานกลัดมันมันจะลากเด็กตูซาเข้าห้องเข้าสักวัน”

“จับตาดูให้ดี”

“ครับนาย” เอกรับคำ

หลังจากนั้นไม่นานรถบริษัทก็วิ่งเข้าหมู่บ้านมารับช่างเอกกลับไปที่ไซต์ก่อสร้างที่ชลบุรี ศมาได้มีเวลาพักผ่อนเต็มที่หนึ่งวัน เพราะเหล้าขาวยาดองของดีของผู้การเติมศักดิ์โดยแท้



******************



นาฬิกาที่หน้าจอคอมพิวเตอร์บอกเวลาใกล้เที่ยงเต็มทีแล้ว นิ้วเรียวที่พิมพ์รัวลงบนแป้นพิมพ์เริ่มแข็งปวดเกร็ง ตวงทองกำแล้วคลายมือสองสามรอบไล่ความเมื่อย ไล้นิ้วหัวแม่มือไปมาระหว่างนิ้วที่เหลืออยู่ เจ็บปวดใจกับความหยาบกร้านที่เริ่มสัมผัสได้

นี่ขนาดวันนี้หล่อนอู้งานกรรมกรกลางแดดมาได้เพราะเจ้านายใหญ่ไม่มาทำงาน หล่อนก็ยังต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งพิมพ์เอกสารกองพะเนินอยู่ในห้องทำงานแห่งนี้เพียงลำพัง ตวงทองงดไปรับประทานอาหารเที่ยงที่โรงอาหารตั้งแต่วันที่ตูซาไม่ยอมกลับไปอยู่บ้านพักด้วย หล่อนไม่อยากมีเรื่องให้เดือดร้อน ถึงงานนี้จะหนักหนาและเจ้านายจะหน้าเลือดเพียงใด หล่อนก็ยังมีที่อยู่ที่ปลอดภัย และมีหนทางหาเงินใช้หนี้โดยไม่ต้องคอยหลบหน้าหลบตาผู้คนตลอดเวลา

แต่เที่ยงนี้หล่อนหิวไส้แทบขาด ตั้งแต่ไม่มีเด็กสาวคนนั้นมาอยู่ด้วยตวงทองก็ไม่กล้าเดินไปตลาดสดปากทางที่ห่างออกไปเกือบกิโลเมตรตามลำพัง แม้จะไม่ไกลแต่สองข้างทางมีแต่ป่ารกร้าง พงหญ้าสูง น่ากลัวจะตายไป ครั้นจะไปกับคนงานหญิงคนอื่นๆ ทุกคนก็ทำราวกับว่าหล่อนไม่มีตัวตนอย่างไรก็อย่างนั้น ตวงทองคร้านที่จะใส่ใจ

แค่ทำงานหาเงินใช้หนี้และใช้ชีวิตให้รอดไปวันๆ มันก็ยากพออยู่แล้ว เรื่องอะไรหล่อนจะต้องไปฟังคนพวกนั้นด้วย

แต่การไม่มีเพื่อนทำให้หล่อนท้องแห้ง แล้วเที่ยงนั้นความหิวก็เอาชนะความยโสของหล่อนจนได้

เที่ยงตรง ตวงทองก็เซฟงานไว้ ปิดคอมฯ แล้วก็หยิบกระเป๋าใบเล็กเปิดประตูเดินออกมาจากสำนักงาน แล้วมุ่งหน้าเดินตากแดดร้อนจนแสบผิวตามหลังคนงานที่อยู่ห่างๆ ออกไปที่โรงอาหารที่เริ่มคับคั่งด้วยคนหิว

ทันทีที่ร่างผอมบางอรชรที่ดูผุดผาดแม้อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีแดงช้ำกับกางเกงยีนขายาวทรงกระบอกสีดำตัวเก่า เดินเข้าไปในบริเวณโรงอาหาร ทุกสายตาก็จับจ้องมายังหล่อน เสียงซุบซิบเป็นภาษาไทยฟังไม่ค่อยได้ศัพท์ดังขึ้น แต่ไม่นานก็ถูกกลบด้วยบทสนทนาข้ามโต๊ะในภาษาที่หล่อนไม่เข้าใจที่เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าท่าทางอันโจ่งแจ้งของแรงงานต่างด้าวเหล่านั้นทำให้ตวงทองรู้ดีว่า ตนกำลังตกเป็นหัวข้อนินทาในระยะเผาขนที่ไม่ต่างอะไรกับการยืนชี้หน้าด่ากันซึ่งๆ หน้า!

หญิงสาวชะงักปลายเท้าก่อนที่จะเดินพ้นแดดเข้าไปด้านใน ใจหนึ่งอยากจะหันหลังเดินกลับไปเสีย หากหูได้ยินเสียงเรียกคุ้นๆ เข้าเสียก่อน

“คุณตวง เชิญทางนี้ครับ นั่งกับผมกับช่างชัยก็ได้”

ช่างเอกนั่นเอง เขานั่งอยู่กับนายช่างผู้อาวุโสกว่าที่หล่อนเคยพบหน้าบ่อยครั้ง แต่ไม่เคยจำได้หรือใส่ใจว่าเขาเป็นใคร มาวันนี้หล่อนมองทั้งสองด้วยความขอบคุณ

“พร ขอข้าวเปล่าอีกจานนะ” ช่างเอกหันไปโบกมือร้องบอกแม่ครัวใหญ่ประจำโรงอาหาร “เออ เอาผัดผักมาอีกหนึ่งด้วย”

“ฮุ้ย ช่างเอกบริการเต็มที่เชียวนะ ไม่เห็นหรือไงว่าฉันไม่ว่าง คนอื่นๆ เขาก็มาเข้าแถวรอกันอยู่นี่ มาทีหลังจะกินก่อน เป็นผู้ลากมากดีมาจากไหนจ๊ะ” ว่าแล้วแม่ครัวใหญ่ก็กระแทกทัพพีกับขอบหม้อจนคนที่ถือจานข้าวรออยู่สะดุ้งโหยง

“เดี๋ยวฉันไปต่อคิวก็ได้ค่ะ”

“อย่าไปเลยคุณ” ช่างเอกเอ่ยเสียงเบา ถลึงตาใส่พวกกรรมกรหนุ่มต่างด้าวที่จ้องมองหล่อนตาเป็นมัน 

“ตักๆ มาเถอะน่า...พร พูดมากจริงนะเอ็ง” ช่างชัยผู้อาวุโสกว่าร้องบอก

“อาชัยน่ะ!” พรสะบัดค้อน กระแทกทัพพีอีกครั้ง แต่ก็ยอมตักข้าวและอาหารให้ตามที่นายสั่ง “ตูซา นังตูซา! หยุดล้างจานก่อนแล้วมาเอาอาหารไปเสิร์ฟคุณหนูโต๊ะนั้นที ท่านไม่มีมือมีตีน เดินมาเอาเองไม่ได้”

พรหันไปสั่งร่างผอมที่นั่งบนตั่งเตี้ยตากแดดล้างจานกองโต ตูซาอึ้งงัน เม้มปากนิ่ง มือซีดขาวยังแช่อยู่ในกะละมังล้างจาน

ตวงทองมองตามเสียงสั่งไปเห็นแล้วให้รู้สึกหน่วงหนักกลางใจ

เด็กสาวผอมซูบเซียว เนื้อตัวสกปรกแทบไม่เหลือเค้าความสดใสของวัยแรกรุ่น

“เร็วๆ เข้าสิ อ้อยอิ่งดีนักนะ ประเดี๋ยวก็ไม่ได้กินข้าวเที่ยงหรอกเอ็ง หรืออยากจะนอนนอกครัว หา! คืนนี้ เอาไหม ไอ้พวกนั้นมันคงชอบหรอก เห็นมองเอ็งตาเป็นมัน น้าน้อย เอายังไงหลานสาวน้านี่ สำออยนัก”

“ช่างมันสิวะ กูไม่นับญาติกับมันแล้ว” น้ำเสียงเดียดฉันท์พุ่งออกมาจากปากที่กำลังเคี้ยวอาหารหยับๆ ไม่แยแส ตูซาก้มหน้านิ่ง

“ตูซา ไม่ต้องๆ เดี๋ยวพี่...เอ่อ...ฉันไปเอาเอง” ตวงทองผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินฝ่าดงกรรมกรหนุ่มหน้าตากระเหี้ยนกระหือรือตรงไปหาแม่ครัวใหญ่ ตูซาทรุดลงนั่งหันหลังให้ ก้มหน้าก้มตาล้างจานต่อไปอย่างไม่สนใจอะไรอีก ตวงทองถือจานข้าวและผัดผักกลับมาที่โต๊ะ หล่อนนั่งลงรับประทานอาหารมื้อนั้นไป หางตาก็คอยเหลือบมองร่างเล็กที่นั่งทำงานตากแดดแลกที่หลับที่นอนงกๆ อย่างน่าเวทนา

อาหารเที่ยงมื้อนั้นทั้งฝืดเฝื่อนและสากระคายคอจนตวงทองแทบกลืนไม่ลง หล่อนฝืนกินไปได้สองสามคำก็ยกน้ำขึ้นดื่มแล้วขอตัวกลับไปที่สำนักงานทันที



******************


เสียงหัวเราะคิกคักที่ดังประสานกันเข้ามาในห้องรับแขก ทำให้คนที่เอนหลังอ่านเอกสารอยู่หน้าจอโทรทัศน์ที่ถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาโลกเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง

ศศิน้องสาวเดินผมเปียยาวปลิวเข้ามาก่อน แต่หล่อนไม่ได้สวมชุดนักศึกษาที่ใส่ออกไปในตอนเช้า ศศิสวมชุดออกกำลังกายรัดรูปสีชมพูอ่อนมีแถบสีเทา ชุดใหม่ที่เขาไม่เคยเห็น เด็กสาวสวมรองเท้ากีฬาสีขาวที่เขาเห็นว่าใส่ไปเรียนบ่อยๆ ส่วนคนที่ตามหลังมาคือหญิงสาวรูปร่างปราดเปรียวสมส่วนในชุดออกกำลังกายรัดทรวดทรงแบบคล้ายกัน หากมีลูกเล่นเป็นตาข่ายสีดำโปร่งเว้าตามส่วนโค้งของร่างกาย ในยามที่หล่อนบิดกายเคลื่อนไหวจึงเห็นกล้ามเนื้อหนั่นแน่นขยับเขยื้อนอย่างชัดเจน

ศมาเลื่อนสายตาจากรูปร่างชวนให้ใจสั่นนั้นมามองนิ่งที่ใบหน้าเปื้อนเหงื่อและรอยยิ้มหวานของน้องสาว

“ว้าว พี่ศมาอยู่บ้านเหรอวันนี้ เป็นไปได้ยังไง พี่รดาคะ ฝนถล่มกรุงเทพฯ แน่ๆ พี่ชายศิไม่ไปทำงาน”

“สวัสดีครับคุณอรดา ไปไหนกันมาครับ”

“สวัสดีค่ะ พาน้องศศิไปฟิตเนสมาค่ะ เห็นบ่นว่าอ้วน”

อรดายิ้มหวานให้เขา ศมามองน้องสาวอย่างคาดโทษเล็กน้อย เด็กสาวย่นจมูกใส่น้อยๆ

“ไม่รู้นี่คะว่าพี่ชายสุดหล่อจะอยู่บ้าน”

“พี่โทร.ไปตอนเลิกเรียน”

“เหรอคะ อุ๊ย! จริงด้วย ขอโทษค่ะ” น้องสาวประนมมือไหว้ ศมาพยักหน้ายิ้มๆ

“ทานอะไรกันมาหรือยังครับ ผมกะว่าจะพาศศิไปทานอะไรข้างนอกสักมื้อ ไปด้วยกันไหมครับ”

“รดายังไงก็ได้ค่ะ ถามคนกลัวอ้วนดูสิคะ”

“อ้วนอะไรกัน เหลวไหลจริงเรานี่” ศมาโยกศีรษะทุยของน้องสาวไปมา ใจคนเป็นพี่หายวับเมื่อเห็นว่าน้องสาวเริ่มใส่ใจรูปร่างหน้าตาของตนเองเพราะวัยที่เปลี่ยนไป เขาจะดูแลเด็กสาวแรกรุ่นไหวหรือ ชายหนุ่มกลัวจะเป็นอย่างที่มารดาปรามาสไว้เหลือเกิน

“ไม่ได้สิพี่ศมา เป็นผู้หญิงก็ต้องรู้จักดูแลตัวเอง ดูเทรนเนอร์ส่วนตัวของศิสิคะ สวยเป๊ะไปทั้งตัวแบบนี้”

ศมารักษามารยาทด้วยการไม่หันไปมองหญิงสาวตรงๆ แต่ถึงไม่มองคนหนุ่มอย่างเขาก็รู้ดีแก่ใจว่าหล่อน ‘เป๊ะ’ ขนาดไหน

อรดาอมยิ้มขันท่าทางหลบเลี่ยงอย่างสุภาพของชายหนุ่มตรงหน้า หล่อนเคยคิดว่าผู้ชายขี้อายน่ารำคาญ แต่กับศมา หล่อนกลับคิดว่าเขาน่ารักน่าแกล้งไม่น้อย

“ถ้าคุณศมาจะเลี้ยง วันนี้เทรนเนอร์รดาจะยอมอ้วนสักวันค่ะ”

“โอ้ เยี่ยมเลยค่ะ ศิไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บนึงนะคะ ดีใจสุดๆ ไปเลย”


************************

วันนี้มาต่อให้พร้อมแจ้งข่าวด้วยจ้า

eBook ทัณฑ์ทวงรัก วางขายที่ Mebmarket แล้วนะคะ ใครขี้เกียจรอ อยากอ่านรวดเดียวจบตามไปโหลดได้เลยน้าาาา

ส่วนแบบเล่มหนังสือ สัปดาห์หน้า สนพ. จะส่งเข้าโรงพิมพ์แล้วค่ะ น่าจะได้กันเร็วสุดปลายเดือนนี้ ยังสั่งจองได้จนถึงสิ้นเดือนมิถุนายนนะคะ รายละเอียดตามในปุ่ม “อ่านเรื่องย่อ” ด้านบนสุด



ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 มิ.ย. 2564, 15:53:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 มิ.ย. 2564, 15:53:53 น.

จำนวนการเข้าชม : 298





<< บทที่ 7 -70%   บทที่ 8 -12% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account