ทัณฑ์ทวงรัก: หอมดึก (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เรื่องย่อ
'ศมา' เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ผู้หญิงทุกคนปรารถนา เขาเป็นวิศวกรหนุ่มที่ทั้งเก่ง ฉลาด จริงใจ และจริงจังไปเสียทุกเรื่อง แต่ว่าชีวิตกลับเล่นตลกกับผู้ชายสายบุญอย่างเขาที่ไม่ว่าจะรักจะชอบใคร ศมาก็เป็นได้แค่พี่ชายที่แสนดีคนหนึ่งเท่านั้น แถมสวรรค์ยังใจร้ายส่งผู้หญิงที่เป็นทุกอย่างที่เขาไม่ชอบ มาเป็นลูกหนี้เขา!
'ตวงทอง' หล่อนสวย หรู เพียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตา การศึกษา และฐานะหน้าที่การงาน หญิงสาวใช้ชีวิตแบบวัตถุนิยมสุดเหวี่ยง จนวันหนึ่งชีวิตได้ให้บทเรียนกับหล่อน จากคุณหนูไฮโซ ตวงทองกลายเป็นลูกหนี้ที่ต้องหนีหนี้ หาเงินมาใช้หนี้ไปวันๆ สุดท้ายเมื่อเริ่มจนตรอกหล่อนกัดฟันสู้ หันหน้ามาขอเกาะเจ้าหนี้กินเสียดื้อๆ
“ด้านได้ อายอด และฉันจะไม่ยอมอดตาย แค่งานกรรมกรก่อสร้างทำไมฉันจะทำไม่ได้!”
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง ดุจจันทร์ดั้นเมฆ พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า พ่อแง่แม่งอน อบอุ่น ละมุนในหัวใจแน่นอน ใครที่เคยฟิน ตรีเมฆ และจันทน์กะพ้อ ใน "ดุจจันทร์ดั้นเมฆ" มาแล้ว ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้าน booksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช ร้านBestbookSmile และร้าน Julee July
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.ผ่าน www.plaipakkabooks.com หรือ inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 476 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 319฿ จากราคาปก 355฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 364฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 389฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann**
'ศมา' เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ผู้หญิงทุกคนปรารถนา เขาเป็นวิศวกรหนุ่มที่ทั้งเก่ง ฉลาด จริงใจ และจริงจังไปเสียทุกเรื่อง แต่ว่าชีวิตกลับเล่นตลกกับผู้ชายสายบุญอย่างเขาที่ไม่ว่าจะรักจะชอบใคร ศมาก็เป็นได้แค่พี่ชายที่แสนดีคนหนึ่งเท่านั้น แถมสวรรค์ยังใจร้ายส่งผู้หญิงที่เป็นทุกอย่างที่เขาไม่ชอบ มาเป็นลูกหนี้เขา!
'ตวงทอง' หล่อนสวย หรู เพียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตา การศึกษา และฐานะหน้าที่การงาน หญิงสาวใช้ชีวิตแบบวัตถุนิยมสุดเหวี่ยง จนวันหนึ่งชีวิตได้ให้บทเรียนกับหล่อน จากคุณหนูไฮโซ ตวงทองกลายเป็นลูกหนี้ที่ต้องหนีหนี้ หาเงินมาใช้หนี้ไปวันๆ สุดท้ายเมื่อเริ่มจนตรอกหล่อนกัดฟันสู้ หันหน้ามาขอเกาะเจ้าหนี้กินเสียดื้อๆ
“ด้านได้ อายอด และฉันจะไม่ยอมอดตาย แค่งานกรรมกรก่อสร้างทำไมฉันจะทำไม่ได้!”
*********************
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "หอมดึก" (ผู้แต่ง ดุจจันทร์ดั้นเมฆ พนาพร่ำรัก และฝนเมษา ดอกไม้พฤษภา) และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60-70% ของเรื่องนะคะ เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า พ่อแง่แม่งอน อบอุ่น ละมุนในหัวใจแน่นอน ใครที่เคยฟิน ตรีเมฆ และจันทน์กะพ้อ ใน "ดุจจันทร์ดั้นเมฆ" มาแล้ว ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง #รับประกันความสนุกเช่นเคย!
*******************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่มนะคะ
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์ เช่น ร้านนิยายรัก ร้าน booksforfun ร้านบาร์บี้บิวตี้บุ๊ค(ฉัตรธิดา สำเฮี้ยง) ร้าน Banniyayindy(Budsara Thongrussamee) ร้านหนังสือต้นสน วังหลัง ศิริราช ร้านBestbookSmile และร้าน Julee July
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.ผ่าน www.plaipakkabooks.com หรือ inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 476 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 319฿ จากราคาปก 355฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 364฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 389฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann**
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 8 -62%
ราวสิบนาทีต่อมา ตวงทองก็หอบหิ้วถุงใส่ข้าวกล่องเต็มสองมือเดินนำเด็กเสิร์ฟคนเดิมตรงมาหาเขา ศมาเปิดกระบะท้ายรถให้วางของแล้วก็ออกรถพาหล่อนกลับไปยังตลาดที่ส่งแม่ครัวใหญ่และตูซาไว้ ทันทีที่เขาเลี้ยวเข้าไปตรงบริเวณที่ส่งทั้งสองคน แม่ครัวพรก็หิ้วของสองสามอย่างเดินหน้างอตรงมาที่รถ ปล่อยให้เด็กสาวตูซาพะวักพะวนอยู่กับข้าวของที่เหลือที่ยังวางอยู่รายรอบ จะหิ้วไปก็หิ้วไม่หมด ตวงทองเห็นดังนั้นก็เปิดประตูรถเดินตรงไปจะช่วยหิ้ว พรได้ทีหยุดยืนเท้าสะเอวรอหน้าตาบึ้งตึง
“ไปไหนมายะ แหม...ทำชูคอนั่งรถนาย ทิ้งให้ฉันกับนังตูซาเป็นขี้ข้าเรอะ” พรเบียดเข้ามากระซิบด้วยน้ำเสียงเข้มข้น ตวงทองสูดลมหายใจเข้าลึกล้ำ หล่อนถอยออกห่างด้วยกิริยาที่จงใจให้รู้ว่ารังเกียจ ไม่ใช่กลัว
“แก!”
“นั่นไม่เห็นหรือไง ไปซื้อข้าวมาให้ วันนี้คนงานคงสรรเสริญฉันน่าดู เพราะไม่ต้องทนกินกับข้าวฝีมือเธอ”
“นัง...แก...อี”
“ป้าพร นายช่างใหญ่มา” ตูซาบอกเสียงแผ่วแกมร้อนรนเมื่อเห็นประตูฝั่งคนขับเปิดออก
“พร้อมกันหรือยัง” เสียงห้าวร้องถาม
ตวงทองเชิดหน้าสวย หมุนตัวเดินกลับไปเปิดประตูด้านหน้ารถกลับขึ้นไปนั่งที่เดิม ตูซาเองก็ไม่รีรอให้นายเรียกซ้ำ มีเพียงพรที่ยืนกระฟัดกระเฟียด เสียงติดเครื่องยนต์ดังเร่งเร้าขึ้น หล่อนต้องกล้ำกลืนความอัดอั้น ได้แต่ฝากแค้นไว้กับฟ้ากับฝนก่อนจะรีบเร่งไปขึ้นรถก่อนที่จะถูกทิ้งอยู่ข้างตลาดสด
*******************
หลังจากพายุฝนในวันนั้น พระพิรุณก็ดูจะไร้ความปรานีกับพิริยะคอนสตรักชั่นเสียเหลือเกิน ฝนตกถี่ขึ้น ตกแทบจะทุกวัน บางครั้งวันละสองสามหนจนงานก่อสร้างล่าช้าไปไม่น้อย ศมาผู้เป็นหัวเรือใหญ่จึงต้องอยู่ที่ไซต์จนมืดค่ำทุกวัน หากฝนไม่ตกเขาจะเป็นคนลงมือคุมงานก่อสร้างกะกลางคืนเอง ยอมเสียค่าแรงโอทีให้คนงานดีกว่างานเสร็จล่าช้าจนโดนปรับ บางครั้งเขาทำงานจนเกือบเที่ยงคืนจนต้องค้างที่ไซต์ และสำนักงานของบริษัทนั่นเองที่วิศวกรหนุ่มผู้เป็นเจ้าของใช้เป็นที่ซุกหัวนอน
ในขณะที่เจ้าของบริษัทกำลังกุมศีรษะกับความไม่เป็นใจของดินฟ้าอากาศ ลูกหนี้ผู้ควบตำแหน่งเสมียน แม่บ้าน และกรรมกรไปด้วยก็กำลังเบื่อสุดขีดและหิวโหยจนแสบไส้ ฝนตกแบบนี้หล่อนจะออกไปตลาดตรงปากทางถนนใหญ่ได้ยังไงกัน เห็นคนงานผู้หญิงหลายคนจับกลุ่มกันเดินกางร่มไป ขากลับก็เปียกม่อล่อกม่อแล่ก ไอจามกันให้ลั่นแคมป์คนงาน
หล่อนไม่พร้อมที่จะป่วยหรอกนะ เป็นพนักงานบริษัทนี้ห้ามป่วย ห้ามลา ขนาดเจ้านายยังงกขนาดที่กลัวเสียค่าปรับจนต้องอยู่คุมคนงานทำงานจนดึกจนดื่นไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องมาหลายคืนแล้ว
ตวงทองมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นแสงแดดยามบ่ายแก่ๆ อยู่รำไรๆ ก็ให้อุ่นใจขึ้น ไม่แน่วันนี้ฝนอาจจะไม่ตกแล้วหล่อนก็จะได้เดินออกไปตลาดปากทางได้ ตวงทองรีบลุกขึ้นแต่งตัว หล่อนอดอยากปากแห้งกินปลากระป๋องในน้ำมะเขือเทศคาวๆ หวานเลี่ยนมาหลายมื้อแล้ว อยากกินผัก ผลไม้ เนื้อสดๆ และอาหารเมนูอื่นบ้าง หล่อนเห็นกลุ่มแม่บ้านคนงานเดินนำหน้าอยู่ไกลๆ ก็รีบสาวเท้าตามไปห่างๆ คนไม่มีเพื่อนยังอุ่นใจที่ไม่ได้เดินคนเดียวบนถนนสายเปลี่ยวที่มีกอหญ้าขึ้นสูงท่วมหัวสองข้างทาง แถมแทบไม่มีรถเข้าออกนอกจากรถที่วิ่งเข้ามาส่งของให้บริษัทเท่านั้น
ตูซาและคนงานสาวชาวพม่าสองคนเดินคุยกันไปเงียบๆ ท่าทางเจียมเนื้อเจียมตัวของตูซาช่างดูน่าสงสารมากขึ้นไปอีก ดูก็รู้ว่าเด็กสาวอีกสองคนข่มตูซาอยู่กรายๆ แถมยังคอยปรายตามามองตวงทองเป็นระยะราวกับจะเยาะ ตวงทองกดปีกกว้างของหมวกลงเล็กน้อย จะได้ไม่ต้องมองเห็นสายตาของคนเหล่านั้น
พวกผู้หญิงนี่ช่างน่าเบื่อหน่าย หล่อนนึก
พวกผู้ชายในแคมป์ยังดีเสียกว่า กินเหล้าอยู่ด้วยกันดีๆ พอโกรธกันก็ลุกขึ้นมาฟาดปากกันเสียอย่างนั้น แล้วก็หายกันไป วันรุ่งขึ้นก็มานั่งล้อมวงกินเหล้าด้วยกันใหม่ ไม่เอาแต่ทำท่าหมางเมิน เชิดใส่ให้อึดอัดใจกันแบบนี้ ถ้าเป็นสมัยก่อนหล่อนจะไม่ง้อเด็ดขาด ไม่แม้แต่จะเก็บเอามาคิดเสียด้วยซ้ำ
ใครบ้างไม่อยากเป็นเพื่อนกับลูกสาวผู้อำนวยการวิทยาลัยชื่อดังดาวสังคมจบเมืองนอก มือเติบ จ่ายไม่อั้น
คิดแล้วตวงทองก็ระบายลมหายใจร้อนผ่าวออกมาเบาๆ เจ้าตัวความทุกข์ที่หล่อนข่มเอาไว้มันตีตื้นขึ้นมาทุกทีที่หล่อนมีเวลาได้คิดอะไรเงียบๆ ตวงทองเปิดหมวกขึ้นก็พบว่าร้านขายของชำอยู่ไม่ไกลนั่นแล้ว
“เร็วๆ เข้าสินังตูซา เดินช้าอยู่นั่นละ เดี๋ยวฝนตกก็เปียกกันทั้งคนทั้งของ หรือว่าเดินเอื่อยๆ รอใคร”
“เปล่า ไปสิ” ตูซาพูดแล้วเดินนำลิ่วไปที่ร้าน ตอนนี้ป้าของหล่อนใจเย็นขึ้นมากแล้ว และยอมให้หล่อนไปพักด้วยในมุมหนึ่งของห้องเพราะเด็กสาวเอาเงินค่าจ้างมาให้ตั้งครึ่งหนึ่ง แถมยังช่วยเลี้ยงดูเด็กๆ เวลาที่ป้าออกไปดื่มกับพรรคพวก หล่อนจึงต้องทำตัวให้ดีและอยู่ห่างๆ ‘ตัวซวย’ อย่างตวงทองให้มากที่สุด
“เอาอะไรบ้างคะน้อง” แม่ค้ารุ่นน้าเอ่ยถามเสียงหวาน นางชมชอบตวงทองเพราะหล่อนเป็นคนไทยและเป็นถึงเลขาของนายช่างใหญ่รูปหล่อ บางครั้งนางยังฝากของกินอร่อยๆ ไปให้พวกนายช่างผ่านตวงทองอีกด้วย ครั้งนี้ก็เช่นกัน พร้อมกำชับว่า
“นี่ฝากให้เฉพาะพวกหัวหน้าช่างกับนายช่างใหญ่นะจ๊ะน้องสาวคนสวย”
“ค่ะ พี่สาวใจดีจัง” ตวงทองเข้าใจพูดหล่อนจึงได้ไข่และขนมหวานแถมมาอีกหน่อย
ครืน!
“แน่ะ ไอ้ฝนบ้า ตกอยู่นั่นแหละ ตกทั้งวันข้าวของไม่ค่อยได้ขายกันเลย” แม่ค้าแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มมืดครึ้มอีกครั้งด้วยความโมโห ขณะนั้นคนงานหญิงต่างทยอยเดินกลับออกไปจากร้านอย่างเร่งรีบ ตวงทองเข้าไปเลือกของใช้อีกสองสามอย่างก็เร่งฝีเท้าตามออกไป
ดูเหมือนคนกลุ่มนั้นจะจงใจเดินเร็วขึ้นกว่าเก่า ตวงทองสาวเท้าจนแทบวิ่งก็ยังไม่เห็นพวกหล่อน หญิงสาวมองกอหญ้าสูงท่วมหัวสองข้างทางที่ไหวไปมาในแรงลมพายุด้วยความหวาดหวั่น ท้องฟ้ามืดครึ้มมากขึ้นทุกที หล่อนเม้มปากแน่น กัดฟันรีบเร่งฝีเท้าจนข้าวของในมือเด้งกระเด็นกระดอน
ครืน!
คำขู่ของฟ้ามาพร้อมกับหยาดฝนเม็ดเล็กเปาะแปะๆ ตวงทองเห็นชายเสื้อของคนกลุ่มที่วิ่งอยู่ด้านหน้า แต่แล้วฝนก็เทลงมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน หล่อนมองไม่เห็นแม้แต่พื้นถนน ฝีเท้าหล่อนช้าลงตามธรรมชาติ หมวกปีกกว้างที่สวมใส่ปลิดปลิวไปกับสายลมไปตกหลังกอหญ้าสูง
หมวกราคาร่วมร้อยบาทของหล่อน
ตวงทองมองตามด้วยความเสียดาย แต่น้ำที่เริ่มไหลเจิ่งพื้นถนนเละๆ ทำให้หล่อนต้องตัดใจวิ่งตรงไปด้านหน้าอย่างไม่คิดชีวิต อีกครึ่งทางก็จะถึงรั้วรอบบริเวณไซต์ก่อสร้างแล้วแต่สายฝนที่ซัดลงมาตรงๆ ราวกับเข็มเล็กๆ นับพันนับหมื่นเล่มที่ซัดเข้าใส่ใบหน้าหล่อนทำให้ฝีเท้าของตวงทองช้าลงไปเรื่อยๆ แล้วเท้าทั้งคู่ก็หยุดชะงักตรึงอยู่กับที่
ไม่ใช่เพราะพายุร้ายหรือสายฝนที่พัดกระหน่ำหรือแม้แต่ดินโคลนแฉะใต้เท้า แต่เป็นเสียงกรีดร้องที่ดังปะปนมากับเสียงอื้ออึงของพายุ เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและหวาดกลัวสุดชีวิตที่ดังมาจากพงหญ้าสูงท่วมหัวข้างทาง ตวงทองชะงักงัน ขนอ่อนที่หลังลำคอลุกเกรียว ดวงตาทั้งคู่ตวัดมองไปยังที่มาของเสียงร้องนั่น
ในพงหญ้าที่ไหววูบเพราะแรงลากลู่ ร่างเล็กคุ้นตาตะเกียกตะกายไขว้คว้าจิกทึ้งกอหญ้าคมให้หลุดพ้นจากการกระชากลากถูอย่างรุนแรง
“อย่า กลัวแล้ว ปล่อย!”
“อีนี่ ดื้อด้านนัก” เสียงแหบห้าวนั่นดังกึกก้อง ตวงทองถอยหลังกรูด ถอยจนเท้าจมลงไปในดินเลนของถนนอีกฟากหนึ่ง เมื่อมันเงยหน้าขึ้นจากร่างที่เกลือกกลิ้งกับดินและพงหญ้ารกเรื้อขึ้นมองหล่อน มันแสยะยิ้มอย่างไม่ยี่หระ ริมฝีปากคล้ำของมันขยับขมุบขมิบยามจับจ้องราวกับจะพูดอะไรสักอย่างกับหล่อนก่อนที่มันจะแสยะยิ้มอีกครั้ง
ตวงทองเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นก่อนจะตะเกียกตะกายหนี แต่มันไม่สนใจหล่อนอีก สองแขนลากร่างเล็กที่บัดนี้เงยหน้าขึ้นมองมาทางหล่อน สองมือเล็กแตกยับแดงฉานด้วยเลือดไขว่คว้า ปากร่ำร้อง
“ช่วยด้วย พี่ตวง ช่วยด้วย กรี๊ด!”
“ตูซา!”
ครืน!
“ไปไหนมายะ แหม...ทำชูคอนั่งรถนาย ทิ้งให้ฉันกับนังตูซาเป็นขี้ข้าเรอะ” พรเบียดเข้ามากระซิบด้วยน้ำเสียงเข้มข้น ตวงทองสูดลมหายใจเข้าลึกล้ำ หล่อนถอยออกห่างด้วยกิริยาที่จงใจให้รู้ว่ารังเกียจ ไม่ใช่กลัว
“แก!”
“นั่นไม่เห็นหรือไง ไปซื้อข้าวมาให้ วันนี้คนงานคงสรรเสริญฉันน่าดู เพราะไม่ต้องทนกินกับข้าวฝีมือเธอ”
“นัง...แก...อี”
“ป้าพร นายช่างใหญ่มา” ตูซาบอกเสียงแผ่วแกมร้อนรนเมื่อเห็นประตูฝั่งคนขับเปิดออก
“พร้อมกันหรือยัง” เสียงห้าวร้องถาม
ตวงทองเชิดหน้าสวย หมุนตัวเดินกลับไปเปิดประตูด้านหน้ารถกลับขึ้นไปนั่งที่เดิม ตูซาเองก็ไม่รีรอให้นายเรียกซ้ำ มีเพียงพรที่ยืนกระฟัดกระเฟียด เสียงติดเครื่องยนต์ดังเร่งเร้าขึ้น หล่อนต้องกล้ำกลืนความอัดอั้น ได้แต่ฝากแค้นไว้กับฟ้ากับฝนก่อนจะรีบเร่งไปขึ้นรถก่อนที่จะถูกทิ้งอยู่ข้างตลาดสด
*******************
หลังจากพายุฝนในวันนั้น พระพิรุณก็ดูจะไร้ความปรานีกับพิริยะคอนสตรักชั่นเสียเหลือเกิน ฝนตกถี่ขึ้น ตกแทบจะทุกวัน บางครั้งวันละสองสามหนจนงานก่อสร้างล่าช้าไปไม่น้อย ศมาผู้เป็นหัวเรือใหญ่จึงต้องอยู่ที่ไซต์จนมืดค่ำทุกวัน หากฝนไม่ตกเขาจะเป็นคนลงมือคุมงานก่อสร้างกะกลางคืนเอง ยอมเสียค่าแรงโอทีให้คนงานดีกว่างานเสร็จล่าช้าจนโดนปรับ บางครั้งเขาทำงานจนเกือบเที่ยงคืนจนต้องค้างที่ไซต์ และสำนักงานของบริษัทนั่นเองที่วิศวกรหนุ่มผู้เป็นเจ้าของใช้เป็นที่ซุกหัวนอน
ในขณะที่เจ้าของบริษัทกำลังกุมศีรษะกับความไม่เป็นใจของดินฟ้าอากาศ ลูกหนี้ผู้ควบตำแหน่งเสมียน แม่บ้าน และกรรมกรไปด้วยก็กำลังเบื่อสุดขีดและหิวโหยจนแสบไส้ ฝนตกแบบนี้หล่อนจะออกไปตลาดตรงปากทางถนนใหญ่ได้ยังไงกัน เห็นคนงานผู้หญิงหลายคนจับกลุ่มกันเดินกางร่มไป ขากลับก็เปียกม่อล่อกม่อแล่ก ไอจามกันให้ลั่นแคมป์คนงาน
หล่อนไม่พร้อมที่จะป่วยหรอกนะ เป็นพนักงานบริษัทนี้ห้ามป่วย ห้ามลา ขนาดเจ้านายยังงกขนาดที่กลัวเสียค่าปรับจนต้องอยู่คุมคนงานทำงานจนดึกจนดื่นไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องมาหลายคืนแล้ว
ตวงทองมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นแสงแดดยามบ่ายแก่ๆ อยู่รำไรๆ ก็ให้อุ่นใจขึ้น ไม่แน่วันนี้ฝนอาจจะไม่ตกแล้วหล่อนก็จะได้เดินออกไปตลาดปากทางได้ ตวงทองรีบลุกขึ้นแต่งตัว หล่อนอดอยากปากแห้งกินปลากระป๋องในน้ำมะเขือเทศคาวๆ หวานเลี่ยนมาหลายมื้อแล้ว อยากกินผัก ผลไม้ เนื้อสดๆ และอาหารเมนูอื่นบ้าง หล่อนเห็นกลุ่มแม่บ้านคนงานเดินนำหน้าอยู่ไกลๆ ก็รีบสาวเท้าตามไปห่างๆ คนไม่มีเพื่อนยังอุ่นใจที่ไม่ได้เดินคนเดียวบนถนนสายเปลี่ยวที่มีกอหญ้าขึ้นสูงท่วมหัวสองข้างทาง แถมแทบไม่มีรถเข้าออกนอกจากรถที่วิ่งเข้ามาส่งของให้บริษัทเท่านั้น
ตูซาและคนงานสาวชาวพม่าสองคนเดินคุยกันไปเงียบๆ ท่าทางเจียมเนื้อเจียมตัวของตูซาช่างดูน่าสงสารมากขึ้นไปอีก ดูก็รู้ว่าเด็กสาวอีกสองคนข่มตูซาอยู่กรายๆ แถมยังคอยปรายตามามองตวงทองเป็นระยะราวกับจะเยาะ ตวงทองกดปีกกว้างของหมวกลงเล็กน้อย จะได้ไม่ต้องมองเห็นสายตาของคนเหล่านั้น
พวกผู้หญิงนี่ช่างน่าเบื่อหน่าย หล่อนนึก
พวกผู้ชายในแคมป์ยังดีเสียกว่า กินเหล้าอยู่ด้วยกันดีๆ พอโกรธกันก็ลุกขึ้นมาฟาดปากกันเสียอย่างนั้น แล้วก็หายกันไป วันรุ่งขึ้นก็มานั่งล้อมวงกินเหล้าด้วยกันใหม่ ไม่เอาแต่ทำท่าหมางเมิน เชิดใส่ให้อึดอัดใจกันแบบนี้ ถ้าเป็นสมัยก่อนหล่อนจะไม่ง้อเด็ดขาด ไม่แม้แต่จะเก็บเอามาคิดเสียด้วยซ้ำ
ใครบ้างไม่อยากเป็นเพื่อนกับลูกสาวผู้อำนวยการวิทยาลัยชื่อดังดาวสังคมจบเมืองนอก มือเติบ จ่ายไม่อั้น
คิดแล้วตวงทองก็ระบายลมหายใจร้อนผ่าวออกมาเบาๆ เจ้าตัวความทุกข์ที่หล่อนข่มเอาไว้มันตีตื้นขึ้นมาทุกทีที่หล่อนมีเวลาได้คิดอะไรเงียบๆ ตวงทองเปิดหมวกขึ้นก็พบว่าร้านขายของชำอยู่ไม่ไกลนั่นแล้ว
“เร็วๆ เข้าสินังตูซา เดินช้าอยู่นั่นละ เดี๋ยวฝนตกก็เปียกกันทั้งคนทั้งของ หรือว่าเดินเอื่อยๆ รอใคร”
“เปล่า ไปสิ” ตูซาพูดแล้วเดินนำลิ่วไปที่ร้าน ตอนนี้ป้าของหล่อนใจเย็นขึ้นมากแล้ว และยอมให้หล่อนไปพักด้วยในมุมหนึ่งของห้องเพราะเด็กสาวเอาเงินค่าจ้างมาให้ตั้งครึ่งหนึ่ง แถมยังช่วยเลี้ยงดูเด็กๆ เวลาที่ป้าออกไปดื่มกับพรรคพวก หล่อนจึงต้องทำตัวให้ดีและอยู่ห่างๆ ‘ตัวซวย’ อย่างตวงทองให้มากที่สุด
“เอาอะไรบ้างคะน้อง” แม่ค้ารุ่นน้าเอ่ยถามเสียงหวาน นางชมชอบตวงทองเพราะหล่อนเป็นคนไทยและเป็นถึงเลขาของนายช่างใหญ่รูปหล่อ บางครั้งนางยังฝากของกินอร่อยๆ ไปให้พวกนายช่างผ่านตวงทองอีกด้วย ครั้งนี้ก็เช่นกัน พร้อมกำชับว่า
“นี่ฝากให้เฉพาะพวกหัวหน้าช่างกับนายช่างใหญ่นะจ๊ะน้องสาวคนสวย”
“ค่ะ พี่สาวใจดีจัง” ตวงทองเข้าใจพูดหล่อนจึงได้ไข่และขนมหวานแถมมาอีกหน่อย
ครืน!
“แน่ะ ไอ้ฝนบ้า ตกอยู่นั่นแหละ ตกทั้งวันข้าวของไม่ค่อยได้ขายกันเลย” แม่ค้าแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มมืดครึ้มอีกครั้งด้วยความโมโห ขณะนั้นคนงานหญิงต่างทยอยเดินกลับออกไปจากร้านอย่างเร่งรีบ ตวงทองเข้าไปเลือกของใช้อีกสองสามอย่างก็เร่งฝีเท้าตามออกไป
ดูเหมือนคนกลุ่มนั้นจะจงใจเดินเร็วขึ้นกว่าเก่า ตวงทองสาวเท้าจนแทบวิ่งก็ยังไม่เห็นพวกหล่อน หญิงสาวมองกอหญ้าสูงท่วมหัวสองข้างทางที่ไหวไปมาในแรงลมพายุด้วยความหวาดหวั่น ท้องฟ้ามืดครึ้มมากขึ้นทุกที หล่อนเม้มปากแน่น กัดฟันรีบเร่งฝีเท้าจนข้าวของในมือเด้งกระเด็นกระดอน
ครืน!
คำขู่ของฟ้ามาพร้อมกับหยาดฝนเม็ดเล็กเปาะแปะๆ ตวงทองเห็นชายเสื้อของคนกลุ่มที่วิ่งอยู่ด้านหน้า แต่แล้วฝนก็เทลงมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน หล่อนมองไม่เห็นแม้แต่พื้นถนน ฝีเท้าหล่อนช้าลงตามธรรมชาติ หมวกปีกกว้างที่สวมใส่ปลิดปลิวไปกับสายลมไปตกหลังกอหญ้าสูง
หมวกราคาร่วมร้อยบาทของหล่อน
ตวงทองมองตามด้วยความเสียดาย แต่น้ำที่เริ่มไหลเจิ่งพื้นถนนเละๆ ทำให้หล่อนต้องตัดใจวิ่งตรงไปด้านหน้าอย่างไม่คิดชีวิต อีกครึ่งทางก็จะถึงรั้วรอบบริเวณไซต์ก่อสร้างแล้วแต่สายฝนที่ซัดลงมาตรงๆ ราวกับเข็มเล็กๆ นับพันนับหมื่นเล่มที่ซัดเข้าใส่ใบหน้าหล่อนทำให้ฝีเท้าของตวงทองช้าลงไปเรื่อยๆ แล้วเท้าทั้งคู่ก็หยุดชะงักตรึงอยู่กับที่
ไม่ใช่เพราะพายุร้ายหรือสายฝนที่พัดกระหน่ำหรือแม้แต่ดินโคลนแฉะใต้เท้า แต่เป็นเสียงกรีดร้องที่ดังปะปนมากับเสียงอื้ออึงของพายุ เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและหวาดกลัวสุดชีวิตที่ดังมาจากพงหญ้าสูงท่วมหัวข้างทาง ตวงทองชะงักงัน ขนอ่อนที่หลังลำคอลุกเกรียว ดวงตาทั้งคู่ตวัดมองไปยังที่มาของเสียงร้องนั่น
ในพงหญ้าที่ไหววูบเพราะแรงลากลู่ ร่างเล็กคุ้นตาตะเกียกตะกายไขว้คว้าจิกทึ้งกอหญ้าคมให้หลุดพ้นจากการกระชากลากถูอย่างรุนแรง
“อย่า กลัวแล้ว ปล่อย!”
“อีนี่ ดื้อด้านนัก” เสียงแหบห้าวนั่นดังกึกก้อง ตวงทองถอยหลังกรูด ถอยจนเท้าจมลงไปในดินเลนของถนนอีกฟากหนึ่ง เมื่อมันเงยหน้าขึ้นจากร่างที่เกลือกกลิ้งกับดินและพงหญ้ารกเรื้อขึ้นมองหล่อน มันแสยะยิ้มอย่างไม่ยี่หระ ริมฝีปากคล้ำของมันขยับขมุบขมิบยามจับจ้องราวกับจะพูดอะไรสักอย่างกับหล่อนก่อนที่มันจะแสยะยิ้มอีกครั้ง
ตวงทองเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นก่อนจะตะเกียกตะกายหนี แต่มันไม่สนใจหล่อนอีก สองแขนลากร่างเล็กที่บัดนี้เงยหน้าขึ้นมองมาทางหล่อน สองมือเล็กแตกยับแดงฉานด้วยเลือดไขว่คว้า ปากร่ำร้อง
“ช่วยด้วย พี่ตวง ช่วยด้วย กรี๊ด!”
“ตูซา!”
ครืน!
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 มิ.ย. 2564, 19:53:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 มิ.ย. 2564, 19:53:53 น.
จำนวนการเข้าชม : 398
<< บทที่ 8 -41% | บทที่ 8 -77% >> |