วานวาสนา: ร่มเกศ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เรื่องย่อ:
เมื่อทุกอย่างสูญสิ้น ‘น้อย’ ชายหนุ่มชีวิตอาภัพ จำต้องออกเดินทางจากบ้านสู่พระนครที่ห่างไกล เพื่อตามหาหญิงสาวอันเป็นที่รัก แต่ก็ต้องพบเจอกับอุปสรรคและความผิดหวังซ้ำๆ ‘เพชราวสี’ คือนิยามของคำว่าสมบูรณ์แบบ เป็นแก้วมณีที่ผู้ชายทุกคนใฝ่ฝัน แต่ก็ต้องฝันสลาย เพราะแก้วมณีดวงนี้ได้ถูกจองให้แก่ ‘หม่อมเจ้าภาณุมาศ’ เพียงผู้เดียวเท่านั้น
ทุกอย่างคงจะเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น หากโลกไม่หมุนคนที่แตกต่างทั้งสองคนให้มาพบเจอกัน
หนึ่งรอยยิ้มพิมพ์ใจ กับแววตาอ่อนหวานละไมของเธอ เป็นดั่งแสงสว่างนำพาชายหนุ่มที่สิ้นหวังก้าวไปสู่โลกอีกใบที่ไม่เคยค้นพบ จากความประทับใจ ก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นความรัก
ใครจะไปคิดว่าชายหนุ่มอ่อนแอ จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับโชคชะตาเพื่อเอาชนะคำดูถูกของทุกคน การหาคำตอบว่าตัวเองเป็นใครจึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางปริศนา ปมความรักต่างชนชั้น เรื่องราวเลวร้ายมากมายที่เขาจะต้องเผชิญและจับมือฝ่าฝันอุปสรรคไปพร้อมกันกับเธอ
. . . . . . . . . . . . . .
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "ร่มเกศ" เป็นหนึ่งในนิยายจากโครงการ "ช่องวันอ่านเอา" ที่ได้รับการสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทางช่อง One31 และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 50% ของเรื่องนะคะ
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่ม
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.ผ่าน www.plaipakkabooks.com หรือ inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 600 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 409฿ จากราคาปก 454฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 454฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 479฿)
ค่าจัดส่ง Kerry 65฿ (รวมเป็น 474฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann***
เมื่อทุกอย่างสูญสิ้น ‘น้อย’ ชายหนุ่มชีวิตอาภัพ จำต้องออกเดินทางจากบ้านสู่พระนครที่ห่างไกล เพื่อตามหาหญิงสาวอันเป็นที่รัก แต่ก็ต้องพบเจอกับอุปสรรคและความผิดหวังซ้ำๆ ‘เพชราวสี’ คือนิยามของคำว่าสมบูรณ์แบบ เป็นแก้วมณีที่ผู้ชายทุกคนใฝ่ฝัน แต่ก็ต้องฝันสลาย เพราะแก้วมณีดวงนี้ได้ถูกจองให้แก่ ‘หม่อมเจ้าภาณุมาศ’ เพียงผู้เดียวเท่านั้น
ทุกอย่างคงจะเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น หากโลกไม่หมุนคนที่แตกต่างทั้งสองคนให้มาพบเจอกัน
หนึ่งรอยยิ้มพิมพ์ใจ กับแววตาอ่อนหวานละไมของเธอ เป็นดั่งแสงสว่างนำพาชายหนุ่มที่สิ้นหวังก้าวไปสู่โลกอีกใบที่ไม่เคยค้นพบ จากความประทับใจ ก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นความรัก
ใครจะไปคิดว่าชายหนุ่มอ่อนแอ จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับโชคชะตาเพื่อเอาชนะคำดูถูกของทุกคน การหาคำตอบว่าตัวเองเป็นใครจึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางปริศนา ปมความรักต่างชนชั้น เรื่องราวเลวร้ายมากมายที่เขาจะต้องเผชิญและจับมือฝ่าฝันอุปสรรคไปพร้อมกันกับเธอ
. . . . . . . . . . . . . .
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "ร่มเกศ" เป็นหนึ่งในนิยายจากโครงการ "ช่องวันอ่านเอา" ที่ได้รับการสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทางช่อง One31 และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 50% ของเรื่องนะคะ
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่ม
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.ผ่าน www.plaipakkabooks.com หรือ inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 600 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 409฿ จากราคาปก 454฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 454฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 479฿)
ค่าจัดส่ง Kerry 65฿ (รวมเป็น 474฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann***
Tags: พีเรียด โรแมนติก ดราม่า ละคร ช่องวัน อ่านเอา
ตอน: บทที่ 13 แม่ผู้ครองโลก (100%)
หญิงสูงศักดิ์เดินเข้ามาในร้านขายยา ล้วงเศษกระดาษจากในกระเป๋าสะพายข้างคู่ใจ ส่งให้เง็กจงที่ยืนอยู่ข้างหลังตู้กระจกยาวยกสูงถึงเอว
“แปะ วานเอายาตามนี้ให้ฉันทีเถอะ”
เง็กจงอ่านรายการยาที่เขียนให้เป็นภาษาจีนก็พยักหน้า “ล่ายๆ”
ด้วยความที่มีของพร้อมอยู่แล้ว เง็กจงใช้เวลาจัดยาไม่นานก็ยื่นถุงกระดาษส่งให้สาวใช้ที่ติดสอยห้อยตามเจ้านายมา คุณหญิงกุหลาบจ่ายเงินให้เง็กจงเรียบร้อยก็เดินออกไปพร้อมสาวใช้ของหล่อน
ในขณะที่คุณหญิงกุหลาบกำลังเดินออกมาจากร้านขายยา เธอไม่รู้เลยว่า มีใครบางคนแอบเฝ้ามองเธออยู่จากมุมหนึ่ง
พงษ์...นักเลงหัวไม้พ่วงตำแหน่งโจรนินจาประจำถิ่น ไม่ว่าจะมีเจ้าทุกข์กี่รายไปแจ้งความ ตำรวจก็จับไอ้พงษ์ไม่ได้สักที เพราะไม่มีใครจำหน้าได้ และมันก็วิ่งเร็วหายวับไปเหมือนนินจา ซ้ำยังเป็นเพื่อนสนิทมิตรสหายกับไอ้เจิด ลูกกำนันเทิ้ม เมื่อมีคดีทำผิดเล็กๆ น้อยๆ เจิดก็มักจะใช้บารมีของบิดาทำให้พงษ์หลุดรอดมาได้ทุกครั้ง
หลังจากที่เจิดไปส่งพิมที่วังราชสาสน์ เจิดก็กลับไปหาบิดาที่ท่าเตา แต่พอกลับไปได้ไม่ถึงสองวัน พวกเจ้าหนี้พนันก็บุกมาทวงหนี้ถึงบ้าน เจิดไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้ขโมยสร้อยทองของบิดาไปขาย แล้วนำเงินที่ได้ไปจ่ายดอกเบี้ยให้พวกเจ้าหนี้ก่อน พอกำนันเทิ้มรู้เรื่องก็โกรธมาก ไล่เจิดออกจากบ้าน เจิดเลยต้องหนีมาปล้นจี้กับพงษ์ที่พระนคร
“ไอ้พงษ์ วันนี้เป้าหมายของมึงเป็นใครวะ” เจิดหันมาถาม
“นั่นไง ผู้หญิงแต่งตัวโก้ที่กำลังเดินออกมาจากร้านขายยาของแปะจง” พงษ์พยักพเยิดไปทางคุณหญิงกุหลาบ
“ดี! มีสาวใช้ติดตาม ท่าทางมีเงิน” เจิดกระตุกยิ้มที่มุมปาก กระเป๋าที่หล่อนกำลังถืออยู่นั้นเงาวับ ถ้าได้มันมาน่าจะเสี่ยงพนันได้อยู่หลายวันเลยทีเดียว
เจิดกับพงษ์แฝงตัวอยู่กับผู้คนที่เดินพลุกพล่านในตลาด พงษ์เดินตามคุณหญิงกุหลาบอยู่ในระยะประชิด สบโอกาสตอนที่คุณหญิงกำลังเลือกซื้อผักสด ไม่ทันได้ระวังซ้ายขวา มือฉกนินจาแสนคล่องแคล่วกระชากกระเป๋าใบงามที่คุณหญิงกุหลาบหนีบไว้หลวมๆ หายวับไปต่อหน้าต่อตา
หม่อมคนงามใจหล่นไปที่ตาตุ่ม รู้ตัวอีกทีก็เห็นกระเป๋าของเธอไปอยู่ในมือไอ้โจรโฉดเสียแล้ว
“ช่วยด้วย! โจรกระชากกระเป๋าฉัน ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยฉันที!” คุณหญิงสาวเท้าวิ่งตามกระเป๋า พร้อมตะโกนขอความช่วยเหลือไปตลอดทางจนเหงื่อตก แต่ผู้ร่วมขบวนการอีกคนก็ช่างใจจืดใจดำ เจิดแสร้งทำเป็นเดินยกลังไม้ใบใหญ่ผ่านหน้าคุณหญิงกุหลาบไปอย่างติดๆ ขัดๆ
วินาทีนั้นช่างชุลมุนวุ่นวาย คุณหญิงกุหลาบที่วิ่งมาไม่ระวังเกือบจะเสียหลักล้ม แต่สดข้าหลวงคนสนิทก็ตามมาประคองตัวเอาไว้ได้ทัน
“คุณหญิงเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไม่ต้องมาช่วยฉัน! ไปตามกระเป๋าฉันคืนมา” คุณหญิงปาดเหงื่อทั้งเหนื่อยทั้งโมโห ตวาดใส่สาวรับใช้เสียงดังหงุดหงิด
ส่วนเจิดที่ได้ยินสดเรียกผู้หญิงที่แต่งตัวดูดีคนนั้นว่า ‘คุณหญิง’ ไอ้เจิดผู้มีแววทะเยอทะยานไม่ต่างจากใคร ตาโตวิบวับ คิดถึงสิ่งที่จะได้เมื่อเข้าไปอยู่ในบ้านของผู้หญิงคนนี้ หากเทียบกันแล้วกระเป๋าเล็กๆ มีเงินไม่กี่ร้อยคงเทียบไม่ได้กับทรัพย์สมบัติมหาศาลในบ้านผู้ดีกระมัง
เจิดรีบสวมบทเป็นพระเอกขี่ม้าขาว วิ่งเข้าไปกระชากคอของเพื่อนรักให้หันกลับมา แล้วแสร้งต่อยเข้าไปที่สันกรามอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเข้าไปกระชากคอเสื้อของพงษ์ขึ้นมาประจันหน้ากัน
“ไอ้เจิด! มึงต่อยกูทำไม” พงษ์ทั้งอึ้งทั้งงง แต่เห็นเพื่อนรักขยิบตาให้
“มึงทำเป็นต่อยกู แล้วมึงก็ชักมีดขู่ รีบวิ่งหนีไปซะ” เจิดกระซิบบอกที่ข้างหูอย่างรีบร้อน พงษ์พยักหน้าแสร้งทำเป็นต่อยเจิดล้มลงไปกองกับพื้น เสมือนว่าหมัดที่คู่ต่อสู้เหวี่ยงมานั้นสมจริงจนคุณหญิงและสดที่เดินตามมาเชื่ออย่างสนิทใจ
“อย่าตามมานะเว้ย” พงษ์โยนกระเป๋าทิ้ง ชักมีดขึ้นมาแกว่งขู่ไปมาให้สมบทบาท ก่อนจะรีบวิ่งหนีไปตัวปลิว คุณหญิงกุหลาบทำท่าจะวิ่งตามไปเอาเรื่องต่อ แต่สดรั้งมือห้ามไว้กลัวจะเป็นอันตราย
“นี่ครับกระเป๋า” เจิดคว้ากระเป๋ายื่นให้คุณหญิงกุหลาบ มืออีกข้างกุมท้องทำอย่างกับบอบช้ำมาก ทั้งที่จริงแล้วไม่ได้เป็นอะไรเลย
“ฉันต้องขอบคุณเธอมากนะที่ช่วย” คุณหญิงรับกระเป๋ามาอย่างซาบซึ้งใจ
“ไม่เป็นไรหรอกครับคนไทยด้วยกัน ต้องช่วยกันอยู่แล้ว”
คำว่า ‘คนไทยด้วยกัน’ ทำให้คุณหญิงกุหลาบเบือนหน้าหน่าย คิดแล้วยังแค้นใจไม่หาย
“เฮ้อ! คนดีๆ แบบนี้ดันมีน้อย แต่พวกคนชั่ว ไม่เอาการเอางานดีแต่ฉกชิงวิ่งราวชาวบ้านกลับผุดขึ้นมาทุกวี่ทุกวัน ไอ้พวกเดนสังคม เมื่อไหร่จะตายๆ ไปจากสังคมนี้สักที”
เจิดกัดกราม รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แต่ต้องทำเป็นนิ่งเฉย เพราะกลัวจะเสียแผน
“หากมีคนดีๆ แบบเธออีกสักสิบคน สังคมของเราคงจะเจริญกว่านี้มากเลยทีเดียวละ นี่จ้ะ สินน้ำใจตอบแทน”
คุณหญิงกุหลาบยื่นธนบัตรสีน้ำตาลใบละสิบบาทให้ไปห้าใบ เจิดมองเงินจำนวนนั้นกลืนน้ำลายเอื๊อกตาโต แต่จำต้องฝืนปฏิเสธไปอย่างน่าเสียดาย
“ที่ผมช่วยก็ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนอะไรหรอกครับ แต่ผมไม่มีที่ไป และเห็นว่าคุณหญิงก็ดูมีสง่าราศี เป็นผู้ดีตั้งแต่หัวจรดเท้า คงจะเมตตาไอ้คนตาดำๆ คนนี้ไว้อุปการะสักคน ถ้าคุณหญิงให้ผมไปอยู่ด้วย ผมสัญญาจะตามดูแลรับใช้คุณหญิงเป็นอย่างดี คุณหญิงใช้ให้ทำอะไร ผมก็จะทำให้ไม่มีเกี่ยงคร้านเลยแม้แต่น้อย”
คุณหญิงกุหลาบฟังแล้วคิดหนัก ริมฝีปากแดงสดเม้มเป็นเส้นตรง แต่เพราะเห็นว่าชายผู้นี้อุตส่าห์ช่วยเหลือเธอไว้ก็หลงคิดว่าเป็นคนดี
“คนดีไร้ที่พึ่งฉันก็เห็นใจอยู่หรอก ปกติฉันไม่ได้ใจดีรับใครเข้ามาอยู่สุ่มสี่สุ่มห้า แต่เพราะเห็นว่าเธอเป็นคนดีฉันจึงไว้ใจ อย่าทำให้ฉันผิดหวังก็แล้วกัน”
“ขอบพระคุณครับ ผมจะไม่ทำให้คุณหญิงต้องผิดหวัง” เจิดคลี่ยิ้ม ตาเป็นประกาย
******************************
วังอาภาภิรมย์ คฤหาสน์สีนวลอร่ามหลังใหญ่อันรุ่งโรจน์ ตกทอดมาหลายชั่วอายุคน สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ห้า เพื่อเป็นที่ประทับแก่พระราชเทวีและโอรสธิดา มีประวัติความเป็นมายาวนาน แต่ถึงอย่างนั้นวังแห่งนี้ก็ยังสวยสมบูรณ์เพราะได้รับการบูรณะซ่อมแซมอยู่สม่ำเสมอ ภายในวังมีห้องหลายห้อง มีตำหนักใหญ่ ตำหนักเล็ก และเรือนรับรองอีกสองหลังตั้งอยู่ท้ายวัง มีอาณาเขตกว้างใหญ่ติดริมน้ำเจ้าพระยา และท่าน้ำที่มองเห็นฝั่งธนบุรีที่สวยงาม
เจิดตามคุณหญิงกุหลาบเข้ามาในวังอาภาภิรมย์ เมื่อลงจากรถเจิดมองสำรวจไปรอบๆ แล้วตื่นตาตื่นใจ แต่ต้องเก็บอาการ เดินก้มหน้าตามคุณหญิงเข้ามาภายในโถงวังสุดจะอลังการ พร้อมกับการปรากฏตัวของโสมรภี หลานสาวของ ‘เอื้อง’ หม่อมอีกคนของพระองค์เจ้าผ่องภาณุรังสี แม้ไม่ใช่ลูกในอก แต่โสมรภีก็เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของเอื้องและคุณหญิง เพราะทั้งสองต่างก็ช่วยกันเลี้ยงดูโสมรภีมาพร้อมกันกับภาณุมาศตั้งแต่อ้อนแต่ออก
ความงามของโสมรภีทำให้เจิดตกตะลึง คิดไม่ผิดจริงๆ ที่ตามคุณหญิงกุหลาบเข้ามาอยู่ในวัง
“คุณป้าหญิงกลับมาแล้วหรือคะ” ทันทีที่เห็นหน้า โสมรภีก็เข้ามากอดคุณหญิงกุหลาบทันที
“วันนี้ป้าไปเยาวราชมา ซื้อกำไลหยกขาวมาฝากโสมด้วยนะ”
โสมรภีเหลือบมองสิ่งที่คุณหญิงกุหลาบซื้อมาฝากด้วยความตื่นเต้น
“สวยมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ” โสมรภียิ้มพอใจ “แล้วคุณป้าหญิงไปวังราชสาสน์มาเป็นยังไงบ้างคะ พบข้อพิรุธอะไรหรือเปล่า” โสมรภีมักจะรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับภาณุมาศ นั่นเป็นเพราะเธอแอบมีใจให้เขามาโดยตลอด แต่เขาไม่เคยมองเห็นและคิดว่าเธอเป็นน้องสาวเสมอมา เพราะคุณหญิงมองเธอเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง และก็มักจะเล่าทุกเรื่องกลุ้มใจให้เธอฟัง แต่ใครจะรู้ว่าโสมรภีใช้ความไว้ใจของคุณหญิงกุหลาบกำจัดผู้หญิงทุกคนที่เข้าหาภาณุมาศด้วยวิธีการร้ายกาจมานักต่อนัก
“ท่านหญิง ก็คือท่านหญิง ท่านไม่มีวันเอาตัวเองลงไปเกลือกกลั้วกับสิ่งสกปรกหรอกนะโสมรภี จะมีก็แต่ไอ้ใบ้นั่นที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง วันนี้ป้าแค่ไปขู่มันมา แต่ถ้ามันยังอาจหาญอยู่อีกละก็ ป้าคงต้องจัดการให้เด็ดขาดกว่านี้” คุณหญิงกุหลาบพูดเสียงเหี้ยม
“แต่ถ้าท่านหญิงเกิดหลงรักนายใบ้ผู้นั้นขึ้นมา...”
“ตบปากตัวเองเดี๋ยวนี้นะโสมรภี” คุณหญิงตวัดหางตามามอง
โสมรภีหน้าเจื่อนไม่กล้าพูดต่อ แม้คุณหญิงกุหลาบจะรักเธอดุจลูกสาว แต่คงไม่อาจเทียบเท่าเพชราวสี
“ท่านหญิงวสี คือผู้หญิงคนเดียวที่ป้าหมายไว้ให้ชายภาส ท่านเป็นถึงพระธิดาของเสด็จในกรมฯ ฐานะสูงส่งเทียบเท่าหลานหลวง ยังไงก็คู่ควรกับชายภาส อย่าพูดแบบนี้ให้ป้าได้ยินอีกเข้าใจไหม!”
คุณหญิงกุหลาบมองหน้าโสมรภีอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเดินปึงปังออกไปจากห้องโถง
โสมรภีเหยียดปากตามหลัง จะว่าเธอไม่เคยรู้จักท่านหญิงเพชราวสีเลยก็ไม่ใช่ เพราะตอนเด็กๆ เธอเคยไปเป็นเพื่อนเล่นให้กับเพชราวสีที่วังอยู่สองสามครั้ง ที่นั่นมีลูกหลานราชนิกุลและพวกลูกเศรษฐีในละแวกใกล้เคียงมาร่วมเล่นด้วยอีกมากมาย
ตั้งแต่เด็กโสมรภีเป็นคนชอบออกคำสั่ง เวลาเพื่อนในกลุ่มทำอะไรไม่ได้ดั่งใจก็จะร้องกรี๊ดๆ จนเพื่อนพวกนั้นรำคาญ ไม่มีใครอยากเล่นด้วย ส่วนเพชราวสีนิสัยดีมาตั้งแต่เด็ก เข้าอกเข้าใจทุกคน มีความเป็นผู้นำ ไม่เคยใช้อารมณ์กับเพื่อนคนไหน ทำให้เพื่อนๆ ชอบเล่นกับเพชราวสีมากกว่า และพยายามต่อต้านเธอออกไปจากกลุ่ม ทำให้โสมรภีกลายเป็นหมาหัวเน่า ไม่มีใครอยากเล่นด้วย มีแต่คนห้อมล้อมเพชราวสี อะไรๆ ก็เพชราวสี เธอจึงปักใจเกลียดชังอีกฝ่ายมานับตั้งแต่นั้น และน่าขันที่เพชราวสีก็ถูกหมายตัวไว้ให้ชายที่เธอรักมาตั้งแต่เด็ก เธอไม่มีสิทธิ์อาจเอื้อมแม้แต่น้อย มันน่าเจ็บใจที่ได้แต่แสร้งชื่นชมและมองดูอยู่ห่างๆ แต่ไม่อาจแสดงความรู้สึกภายในออกมาได้เลย
**************
สุขสันต์วันสงกรานต์นะคะนักอ่านทุกท่าน ^_^ ดูแลตัวเองกันด้วยน้าาา ถ้าใครไม่ได้ไปไหน อ่านนิยายไปกับปลายปากกาสำนักพิมพ์นะคะ วันพฤหัสและศุกร์นี้ที่เพจมีนิยายให้ “อ่านฟรี” ด้วยค่ะ แนวโรมานซ์ และแนวโรแมนติก คอมเมดี้ ตามอ่านได้ที่เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์" เวลาทุ่มตรงนะคะ
สำหรับ "วานวาสนา" โหลด eBook ได้ที่ mebmarket และ Naiinpann หรือซื้อหนังสือได้ตามช่องทางต่างๆ ที่แจ้งไว้ในปุ่มอ่านเรื่องย่อด้านบน
มาต่ออีกทีวันเสาร์นี้เช่นเคย
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บเลิฟ
“แปะ วานเอายาตามนี้ให้ฉันทีเถอะ”
เง็กจงอ่านรายการยาที่เขียนให้เป็นภาษาจีนก็พยักหน้า “ล่ายๆ”
ด้วยความที่มีของพร้อมอยู่แล้ว เง็กจงใช้เวลาจัดยาไม่นานก็ยื่นถุงกระดาษส่งให้สาวใช้ที่ติดสอยห้อยตามเจ้านายมา คุณหญิงกุหลาบจ่ายเงินให้เง็กจงเรียบร้อยก็เดินออกไปพร้อมสาวใช้ของหล่อน
ในขณะที่คุณหญิงกุหลาบกำลังเดินออกมาจากร้านขายยา เธอไม่รู้เลยว่า มีใครบางคนแอบเฝ้ามองเธออยู่จากมุมหนึ่ง
พงษ์...นักเลงหัวไม้พ่วงตำแหน่งโจรนินจาประจำถิ่น ไม่ว่าจะมีเจ้าทุกข์กี่รายไปแจ้งความ ตำรวจก็จับไอ้พงษ์ไม่ได้สักที เพราะไม่มีใครจำหน้าได้ และมันก็วิ่งเร็วหายวับไปเหมือนนินจา ซ้ำยังเป็นเพื่อนสนิทมิตรสหายกับไอ้เจิด ลูกกำนันเทิ้ม เมื่อมีคดีทำผิดเล็กๆ น้อยๆ เจิดก็มักจะใช้บารมีของบิดาทำให้พงษ์หลุดรอดมาได้ทุกครั้ง
หลังจากที่เจิดไปส่งพิมที่วังราชสาสน์ เจิดก็กลับไปหาบิดาที่ท่าเตา แต่พอกลับไปได้ไม่ถึงสองวัน พวกเจ้าหนี้พนันก็บุกมาทวงหนี้ถึงบ้าน เจิดไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้ขโมยสร้อยทองของบิดาไปขาย แล้วนำเงินที่ได้ไปจ่ายดอกเบี้ยให้พวกเจ้าหนี้ก่อน พอกำนันเทิ้มรู้เรื่องก็โกรธมาก ไล่เจิดออกจากบ้าน เจิดเลยต้องหนีมาปล้นจี้กับพงษ์ที่พระนคร
“ไอ้พงษ์ วันนี้เป้าหมายของมึงเป็นใครวะ” เจิดหันมาถาม
“นั่นไง ผู้หญิงแต่งตัวโก้ที่กำลังเดินออกมาจากร้านขายยาของแปะจง” พงษ์พยักพเยิดไปทางคุณหญิงกุหลาบ
“ดี! มีสาวใช้ติดตาม ท่าทางมีเงิน” เจิดกระตุกยิ้มที่มุมปาก กระเป๋าที่หล่อนกำลังถืออยู่นั้นเงาวับ ถ้าได้มันมาน่าจะเสี่ยงพนันได้อยู่หลายวันเลยทีเดียว
เจิดกับพงษ์แฝงตัวอยู่กับผู้คนที่เดินพลุกพล่านในตลาด พงษ์เดินตามคุณหญิงกุหลาบอยู่ในระยะประชิด สบโอกาสตอนที่คุณหญิงกำลังเลือกซื้อผักสด ไม่ทันได้ระวังซ้ายขวา มือฉกนินจาแสนคล่องแคล่วกระชากกระเป๋าใบงามที่คุณหญิงกุหลาบหนีบไว้หลวมๆ หายวับไปต่อหน้าต่อตา
หม่อมคนงามใจหล่นไปที่ตาตุ่ม รู้ตัวอีกทีก็เห็นกระเป๋าของเธอไปอยู่ในมือไอ้โจรโฉดเสียแล้ว
“ช่วยด้วย! โจรกระชากกระเป๋าฉัน ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยฉันที!” คุณหญิงสาวเท้าวิ่งตามกระเป๋า พร้อมตะโกนขอความช่วยเหลือไปตลอดทางจนเหงื่อตก แต่ผู้ร่วมขบวนการอีกคนก็ช่างใจจืดใจดำ เจิดแสร้งทำเป็นเดินยกลังไม้ใบใหญ่ผ่านหน้าคุณหญิงกุหลาบไปอย่างติดๆ ขัดๆ
วินาทีนั้นช่างชุลมุนวุ่นวาย คุณหญิงกุหลาบที่วิ่งมาไม่ระวังเกือบจะเสียหลักล้ม แต่สดข้าหลวงคนสนิทก็ตามมาประคองตัวเอาไว้ได้ทัน
“คุณหญิงเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไม่ต้องมาช่วยฉัน! ไปตามกระเป๋าฉันคืนมา” คุณหญิงปาดเหงื่อทั้งเหนื่อยทั้งโมโห ตวาดใส่สาวรับใช้เสียงดังหงุดหงิด
ส่วนเจิดที่ได้ยินสดเรียกผู้หญิงที่แต่งตัวดูดีคนนั้นว่า ‘คุณหญิง’ ไอ้เจิดผู้มีแววทะเยอทะยานไม่ต่างจากใคร ตาโตวิบวับ คิดถึงสิ่งที่จะได้เมื่อเข้าไปอยู่ในบ้านของผู้หญิงคนนี้ หากเทียบกันแล้วกระเป๋าเล็กๆ มีเงินไม่กี่ร้อยคงเทียบไม่ได้กับทรัพย์สมบัติมหาศาลในบ้านผู้ดีกระมัง
เจิดรีบสวมบทเป็นพระเอกขี่ม้าขาว วิ่งเข้าไปกระชากคอของเพื่อนรักให้หันกลับมา แล้วแสร้งต่อยเข้าไปที่สันกรามอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเข้าไปกระชากคอเสื้อของพงษ์ขึ้นมาประจันหน้ากัน
“ไอ้เจิด! มึงต่อยกูทำไม” พงษ์ทั้งอึ้งทั้งงง แต่เห็นเพื่อนรักขยิบตาให้
“มึงทำเป็นต่อยกู แล้วมึงก็ชักมีดขู่ รีบวิ่งหนีไปซะ” เจิดกระซิบบอกที่ข้างหูอย่างรีบร้อน พงษ์พยักหน้าแสร้งทำเป็นต่อยเจิดล้มลงไปกองกับพื้น เสมือนว่าหมัดที่คู่ต่อสู้เหวี่ยงมานั้นสมจริงจนคุณหญิงและสดที่เดินตามมาเชื่ออย่างสนิทใจ
“อย่าตามมานะเว้ย” พงษ์โยนกระเป๋าทิ้ง ชักมีดขึ้นมาแกว่งขู่ไปมาให้สมบทบาท ก่อนจะรีบวิ่งหนีไปตัวปลิว คุณหญิงกุหลาบทำท่าจะวิ่งตามไปเอาเรื่องต่อ แต่สดรั้งมือห้ามไว้กลัวจะเป็นอันตราย
“นี่ครับกระเป๋า” เจิดคว้ากระเป๋ายื่นให้คุณหญิงกุหลาบ มืออีกข้างกุมท้องทำอย่างกับบอบช้ำมาก ทั้งที่จริงแล้วไม่ได้เป็นอะไรเลย
“ฉันต้องขอบคุณเธอมากนะที่ช่วย” คุณหญิงรับกระเป๋ามาอย่างซาบซึ้งใจ
“ไม่เป็นไรหรอกครับคนไทยด้วยกัน ต้องช่วยกันอยู่แล้ว”
คำว่า ‘คนไทยด้วยกัน’ ทำให้คุณหญิงกุหลาบเบือนหน้าหน่าย คิดแล้วยังแค้นใจไม่หาย
“เฮ้อ! คนดีๆ แบบนี้ดันมีน้อย แต่พวกคนชั่ว ไม่เอาการเอางานดีแต่ฉกชิงวิ่งราวชาวบ้านกลับผุดขึ้นมาทุกวี่ทุกวัน ไอ้พวกเดนสังคม เมื่อไหร่จะตายๆ ไปจากสังคมนี้สักที”
เจิดกัดกราม รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แต่ต้องทำเป็นนิ่งเฉย เพราะกลัวจะเสียแผน
“หากมีคนดีๆ แบบเธออีกสักสิบคน สังคมของเราคงจะเจริญกว่านี้มากเลยทีเดียวละ นี่จ้ะ สินน้ำใจตอบแทน”
คุณหญิงกุหลาบยื่นธนบัตรสีน้ำตาลใบละสิบบาทให้ไปห้าใบ เจิดมองเงินจำนวนนั้นกลืนน้ำลายเอื๊อกตาโต แต่จำต้องฝืนปฏิเสธไปอย่างน่าเสียดาย
“ที่ผมช่วยก็ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนอะไรหรอกครับ แต่ผมไม่มีที่ไป และเห็นว่าคุณหญิงก็ดูมีสง่าราศี เป็นผู้ดีตั้งแต่หัวจรดเท้า คงจะเมตตาไอ้คนตาดำๆ คนนี้ไว้อุปการะสักคน ถ้าคุณหญิงให้ผมไปอยู่ด้วย ผมสัญญาจะตามดูแลรับใช้คุณหญิงเป็นอย่างดี คุณหญิงใช้ให้ทำอะไร ผมก็จะทำให้ไม่มีเกี่ยงคร้านเลยแม้แต่น้อย”
คุณหญิงกุหลาบฟังแล้วคิดหนัก ริมฝีปากแดงสดเม้มเป็นเส้นตรง แต่เพราะเห็นว่าชายผู้นี้อุตส่าห์ช่วยเหลือเธอไว้ก็หลงคิดว่าเป็นคนดี
“คนดีไร้ที่พึ่งฉันก็เห็นใจอยู่หรอก ปกติฉันไม่ได้ใจดีรับใครเข้ามาอยู่สุ่มสี่สุ่มห้า แต่เพราะเห็นว่าเธอเป็นคนดีฉันจึงไว้ใจ อย่าทำให้ฉันผิดหวังก็แล้วกัน”
“ขอบพระคุณครับ ผมจะไม่ทำให้คุณหญิงต้องผิดหวัง” เจิดคลี่ยิ้ม ตาเป็นประกาย
******************************
วังอาภาภิรมย์ คฤหาสน์สีนวลอร่ามหลังใหญ่อันรุ่งโรจน์ ตกทอดมาหลายชั่วอายุคน สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ห้า เพื่อเป็นที่ประทับแก่พระราชเทวีและโอรสธิดา มีประวัติความเป็นมายาวนาน แต่ถึงอย่างนั้นวังแห่งนี้ก็ยังสวยสมบูรณ์เพราะได้รับการบูรณะซ่อมแซมอยู่สม่ำเสมอ ภายในวังมีห้องหลายห้อง มีตำหนักใหญ่ ตำหนักเล็ก และเรือนรับรองอีกสองหลังตั้งอยู่ท้ายวัง มีอาณาเขตกว้างใหญ่ติดริมน้ำเจ้าพระยา และท่าน้ำที่มองเห็นฝั่งธนบุรีที่สวยงาม
เจิดตามคุณหญิงกุหลาบเข้ามาในวังอาภาภิรมย์ เมื่อลงจากรถเจิดมองสำรวจไปรอบๆ แล้วตื่นตาตื่นใจ แต่ต้องเก็บอาการ เดินก้มหน้าตามคุณหญิงเข้ามาภายในโถงวังสุดจะอลังการ พร้อมกับการปรากฏตัวของโสมรภี หลานสาวของ ‘เอื้อง’ หม่อมอีกคนของพระองค์เจ้าผ่องภาณุรังสี แม้ไม่ใช่ลูกในอก แต่โสมรภีก็เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของเอื้องและคุณหญิง เพราะทั้งสองต่างก็ช่วยกันเลี้ยงดูโสมรภีมาพร้อมกันกับภาณุมาศตั้งแต่อ้อนแต่ออก
ความงามของโสมรภีทำให้เจิดตกตะลึง คิดไม่ผิดจริงๆ ที่ตามคุณหญิงกุหลาบเข้ามาอยู่ในวัง
“คุณป้าหญิงกลับมาแล้วหรือคะ” ทันทีที่เห็นหน้า โสมรภีก็เข้ามากอดคุณหญิงกุหลาบทันที
“วันนี้ป้าไปเยาวราชมา ซื้อกำไลหยกขาวมาฝากโสมด้วยนะ”
โสมรภีเหลือบมองสิ่งที่คุณหญิงกุหลาบซื้อมาฝากด้วยความตื่นเต้น
“สวยมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ” โสมรภียิ้มพอใจ “แล้วคุณป้าหญิงไปวังราชสาสน์มาเป็นยังไงบ้างคะ พบข้อพิรุธอะไรหรือเปล่า” โสมรภีมักจะรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับภาณุมาศ นั่นเป็นเพราะเธอแอบมีใจให้เขามาโดยตลอด แต่เขาไม่เคยมองเห็นและคิดว่าเธอเป็นน้องสาวเสมอมา เพราะคุณหญิงมองเธอเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง และก็มักจะเล่าทุกเรื่องกลุ้มใจให้เธอฟัง แต่ใครจะรู้ว่าโสมรภีใช้ความไว้ใจของคุณหญิงกุหลาบกำจัดผู้หญิงทุกคนที่เข้าหาภาณุมาศด้วยวิธีการร้ายกาจมานักต่อนัก
“ท่านหญิง ก็คือท่านหญิง ท่านไม่มีวันเอาตัวเองลงไปเกลือกกลั้วกับสิ่งสกปรกหรอกนะโสมรภี จะมีก็แต่ไอ้ใบ้นั่นที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง วันนี้ป้าแค่ไปขู่มันมา แต่ถ้ามันยังอาจหาญอยู่อีกละก็ ป้าคงต้องจัดการให้เด็ดขาดกว่านี้” คุณหญิงกุหลาบพูดเสียงเหี้ยม
“แต่ถ้าท่านหญิงเกิดหลงรักนายใบ้ผู้นั้นขึ้นมา...”
“ตบปากตัวเองเดี๋ยวนี้นะโสมรภี” คุณหญิงตวัดหางตามามอง
โสมรภีหน้าเจื่อนไม่กล้าพูดต่อ แม้คุณหญิงกุหลาบจะรักเธอดุจลูกสาว แต่คงไม่อาจเทียบเท่าเพชราวสี
“ท่านหญิงวสี คือผู้หญิงคนเดียวที่ป้าหมายไว้ให้ชายภาส ท่านเป็นถึงพระธิดาของเสด็จในกรมฯ ฐานะสูงส่งเทียบเท่าหลานหลวง ยังไงก็คู่ควรกับชายภาส อย่าพูดแบบนี้ให้ป้าได้ยินอีกเข้าใจไหม!”
คุณหญิงกุหลาบมองหน้าโสมรภีอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเดินปึงปังออกไปจากห้องโถง
โสมรภีเหยียดปากตามหลัง จะว่าเธอไม่เคยรู้จักท่านหญิงเพชราวสีเลยก็ไม่ใช่ เพราะตอนเด็กๆ เธอเคยไปเป็นเพื่อนเล่นให้กับเพชราวสีที่วังอยู่สองสามครั้ง ที่นั่นมีลูกหลานราชนิกุลและพวกลูกเศรษฐีในละแวกใกล้เคียงมาร่วมเล่นด้วยอีกมากมาย
ตั้งแต่เด็กโสมรภีเป็นคนชอบออกคำสั่ง เวลาเพื่อนในกลุ่มทำอะไรไม่ได้ดั่งใจก็จะร้องกรี๊ดๆ จนเพื่อนพวกนั้นรำคาญ ไม่มีใครอยากเล่นด้วย ส่วนเพชราวสีนิสัยดีมาตั้งแต่เด็ก เข้าอกเข้าใจทุกคน มีความเป็นผู้นำ ไม่เคยใช้อารมณ์กับเพื่อนคนไหน ทำให้เพื่อนๆ ชอบเล่นกับเพชราวสีมากกว่า และพยายามต่อต้านเธอออกไปจากกลุ่ม ทำให้โสมรภีกลายเป็นหมาหัวเน่า ไม่มีใครอยากเล่นด้วย มีแต่คนห้อมล้อมเพชราวสี อะไรๆ ก็เพชราวสี เธอจึงปักใจเกลียดชังอีกฝ่ายมานับตั้งแต่นั้น และน่าขันที่เพชราวสีก็ถูกหมายตัวไว้ให้ชายที่เธอรักมาตั้งแต่เด็ก เธอไม่มีสิทธิ์อาจเอื้อมแม้แต่น้อย มันน่าเจ็บใจที่ได้แต่แสร้งชื่นชมและมองดูอยู่ห่างๆ แต่ไม่อาจแสดงความรู้สึกภายในออกมาได้เลย
**************
สุขสันต์วันสงกรานต์นะคะนักอ่านทุกท่าน ^_^ ดูแลตัวเองกันด้วยน้าาา ถ้าใครไม่ได้ไปไหน อ่านนิยายไปกับปลายปากกาสำนักพิมพ์นะคะ วันพฤหัสและศุกร์นี้ที่เพจมีนิยายให้ “อ่านฟรี” ด้วยค่ะ แนวโรมานซ์ และแนวโรแมนติก คอมเมดี้ ตามอ่านได้ที่เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์" เวลาทุ่มตรงนะคะ
สำหรับ "วานวาสนา" โหลด eBook ได้ที่ mebmarket และ Naiinpann หรือซื้อหนังสือได้ตามช่องทางต่างๆ ที่แจ้งไว้ในปุ่มอ่านเรื่องย่อด้านบน
มาต่ออีกทีวันเสาร์นี้เช่นเคย
หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บเลิฟ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 เม.ย. 2565, 18:28:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 พ.ค. 2565, 17:47:28 น.
จำนวนการเข้าชม : 290
<< บทที่ 13 แม่ผู้ครองโลก (50%) | บทที่ 14 มะลิพวกนั้น (50%) >> |