กรงตะวัน: ดาริยา (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เรื่องย่อ:

ความรักแสนงดงามก่อเกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศชวนฝัน ในดินแดนแห่งทิวลิป ณ ประเทศเนเธอร์แลนด์

ใครจะคาดคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่าง 'เอกตะวัน' อาจารย์หนุ่มลูกครึ่งไทย-ดัตช์ และ 'จันทร์กันยา' ลูกศิษย์สาวชาวไทยอันน่าประทับใจจะกลับกลายจากหวานเป็นขม เพราะปมแค้น ซึ่งทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตตามมามากมาย

‘กรง’ ที่ชายหนุ่มพยายามกักขังเธอไว้ในแดนทิวลิปนั้น แม้เขาจะมุ่งมั่นให้เธอทุกข์ทรมาน แต่ทำไมเขากลับทุกข์ทรมานมากกว่า

หรือ ‘กรงแค้น’ ที่เขาสร้างขึ้นแท้จริงแล้วมันคือ ‘กรงรัก’ กักขังผูกมัดหัวใจสองดวงเข้าด้วยกันจนดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด

. . . . . . . . . . . . . .

นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "ดาริยา" นักเขียนเจ้าของผลงานเรื่อง "ทะเลลวง" ที่เคยเป็นละครทางช่อง 7 มาแล้ว กลับมาครั้งนี้ ดาริยานำนิยายโรแมนติก ดราม่ามาให้อ่านกันค่ะ และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 60% ของเรื่องนะคะ
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 7 (70%)

“ธวันคะ ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณ เย็นนี้คุณว่างไหมคะ”

เอลลีนโทรศัพท์มาหาเอกตะวันในบ่ายวันหนึ่ง เสียงพนักงานธุรการสาวเต็มไปด้วยความกังวลจนน่าแปลกใจ ชายหนุ่มที่กำลังคร่ำเคร่งอยู่กับงานบนโต๊ะถึงกับนิ่วหน้าเล็กน้อย “คุณมีอะไรหรือเปล่า น้ำเสียงไม่ดีเลย”

“ก็...สาหัสพอตัวค่ะ ฉันถึงได้อยากพบคุณไง เรา...ยังเป็นเพื่อนกันใช่ไหมคะ” เสียงหล่อนอ่อนระโหย

“แน่นอนสิ คุณนัดร้านมาได้เลย แต่ขอเป็นค่ำนิดหนึ่งนะ เพราะเย็นนี้ผมนัดพ่อไว้ว่าจะกินข้าวด้วยกัน กว่าจะเสร็จก็คงค่ำ”

“โอเคค่ะ ถ้างั้นเจอกันที่ร้านเหล้าร้านโปรดของเราสมัยเป็นนักศึกษาดีไหม”

“ได้ครับ เจอกันสักสามทุ่มนะ”

“ค่ะ ฉันจะรอ”

เอกตะวันวางสายพร้อมความรู้สึกกังวล ปกติเอลลีนไม่ค่อยโทร.มาหาเขา ไม่เคยรบกวนใดๆ แต่คราวนี้ฟังจากน้ำเสียงดูหล่อนมีความทุกข์ใจมากพอสมควร...เขาไม่อาจปล่อยผ่าน อย่างน้อยหล่อนก็เป็นแฟนเก่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัย แม้ต่อมาจะต่างฝ่ายต่างแยกย้ายไปมีคนใหม่ แต่ความเป็นเพื่อนก็ไม่เคยเสื่อมคลาย

หลังรับประทานอาหารเย็นกับเซบาสเตียนผู้เป็นบิดาแล้ว ชายหนุ่มขอตัวออกจากบ้าน ตั้งใจว่าจะไปนั่งรอเอลลีนที่ร้าน เขาไม่อยากให้หล่อนไปถึงก่อนแล้วนั่งแกร่วอยู่คนเดียว ยอมรับว่าถึงแม้จะเลิกรากันไปนานแล้ว แต่ความรักในวัยหนุ่มอันสดใสทำให้เขาไม่อาจใจดำกับหล่อน มีอะไรช่วยเหลือได้ก็อยากจะช่วย

นั่งรอจนถึงเวลานัด เอลลีนก็ผลักบานประตูร้านเข้ามา สาวร่างสันทัด ผมบ๊อบ หุ่นค่อนข้างอวบอัดเดินตรงมาหา รอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าไม่อาจข่มความเศร้าในแววตาหล่อนได้

“รอนานไหมคะธวัน”

“ผมตั้งใจมานั่งเล่นรออยู่แล้ว คุณสั่งอะไรดี”

หญิงสาวนั่งลงข้างกันบนโซฟานุ่มซึ่งเป็นมุมส่วนตัว เอกตะวันหวังว่าการเลือกที่นั่งอย่างนี้จะทำให้หล่อนกล้าเล่า กล้าบอกความทุกข์ในใจให้เขาฟัง

เมื่อสั่งเครื่องดื่มเสร็จตามด้วยการคุยเรื่องทั่วไปสักพัก เอกตะวันจึงขอตัวไปเข้าห้องน้ำ หลังกลับมา ทั้งคู่นั่งดื่มกันเงียบๆ จนกระทั่งแอลกอฮอล์เริ่มออกฤทธิ์นั่นแหละ เอลลีนจึงยอมเล่าเรื่องที่ทำให้หล่อนต้องขอพบเขา

“พ่อกับแม่ฉันทะเลาะกันหนักขึ้นทุกที คุณยังจำได้ใช่ไหม พวกเขาทำท่าจะแยกกันอยู่ตั้งแต่ฉันอยู่มหาวิทยาลัยแล้ว มาตอนนี้ทุกอย่างดูจะแย่กว่าเก่า ฉันอยากทำใจว่าเป็นเรื่องของพวกเขานะ แต่มันก็ติดที่ยังอยู่บ้านเดียวกัน ทุกครั้งที่ทะเลาะกันฉันก็อดเห็นหรือได้ยินไม่ได้ หนักสุดเมื่อวาน แม่ถึงขั้นคว้าปืนมาจะยิงพ่อ โทษฐานที่พ่อไปควงสาวๆ ฉันเครียดมากจนคิดว่าต้องระบายให้ใครสักคนฟัง และขอโทษที่ต้องเป็นคุณนะธวัน ฉันไม่มีใครจริงๆ ฉันสุดจะทนแล้ว บอกตามตรงว่าพอเจอบ่อยเข้า ฉันแทบประสาทกิน เกลียดความรักความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวไปเลย นี่แหละที่ทำให้ฉันเลิกกับแฟนทุกคนที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป”

เอลลีนเป็นลูกคนเดียวที่พ่อแม่บังคับให้อยู่ด้วย ไม่ยอมให้หล่อนแยกออกไปใช้ชีวิตตามลำพัง ซึ่งออกจะเป็นเรื่องแปลกสำหรับชาวตะวันตก ยิ่งหล่อนยังไม่มีคู่ชีวิตด้วยแล้วก็ยิ่งไม่อาจหลุดพ้นอ้อมอกบุพการีไปได้ จึงต้องกลายเป็นลูกแหง่ที่อยู่ใต้อาณัติของพ่อแม่มาตลอด

“คุณอย่าคิดอย่างนั้นเลยนะ ความรักมีแง่งามของมันเสมอ” เอก-ตะวันลูบหลังมือหญิงสาวปลอบ

“อันนั้นฉันก็ไม่เถียงหรอก โดยเฉพาะ...ความรักที่เคยมีกับคุณ ธวันคะ คุณคือผู้ชายคนเดียวที่ฉันยังรักและปักใจมาจนถึงทุกวันนี้ ฉันสารภาพแบบไม่อายเลย” คราวนี้เอลลีนหงายมือขึ้นแล้วสอดนิ้วของหล่อนประสานกับนิ้วเขาแนบแน่น

เอกตะวันเชื่อว่าถ้าไม่มีฤทธิ์ของแอลกอฮอล์มากระตุ้น เอลลีนซึ่งปกติเป็นคนเก็บความรู้สึกย่อมไม่มีวันเอ่ยประโยคเหล่านั้น จู่ๆ เขาก็เกิดสงสารหล่อนขึ้นมาจับใจ ดวงตาฉ่ำน้ำตาของหล่อนนั่นเป็นสาเหตุหนึ่ง ยังมีอีกสาเหตุคือความผูกพันเก่าๆ สมัยเป็นนักศึกษา และอาจรวมกับน้ำสีอำพันที่เขาตัดสินใจดื่มเข้าไปด้วย ในเมื่อหล่อนดื่มแล้ว จะให้เขานั่งเฉยๆ ก็กระไรอยู่ ชายหนุ่มเลยว่าจะจอดรถทิ้งไว้แล้วนั่งแท็กซี่กลับบ้านแทนถ้าจำเป็น ในยามนี้ทั้งคู่จึงอยู่ในอาการมึนเมา อารมณ์ผ่อนคลายราวกับเคลิ้มฝัน

“ฉันยังจำทุกค่ำคืนของเราได้ วัยนั้นนี่เนอะ ทำอะไรก็สุดโต่งไปหมด ไม่เว้นแม้การร่วมรักของเรา” ฝ่ายหญิงโพล่งออกมา ดวงตาคมไม่ปิดบังความปรารถนาอันคุกรุ่นรุนแรงขึ้นทุกขณะ

สองหนุ่มสาวประสานสายตากัน เอลลีนโผเข้ากอดชายหนุ่ม อกอวบเบียดเข้ากับแผงอกกว้าง พลันนั้นราวกับเปลวเพลิงพิศวาสถูกจุดขึ้นมา ตามด้วยการแผดเผาลุกลามจนน่าตกใจ อารมณ์โหยกระหายบางอย่างพุ่งพล่าน ในที่สุดเอลลีนซึ่งดื่มไปมากกว่าจึงเป็นฝ่ายบอก

“เราไปต่อกันที่โมเต็ลเดิมนะคะธวัน อยู่ไม่ไกลนี่เอง ฉันว่าคุณคงพอขับรถไหว เราค้างกันที่นั่นดีกว่า ฉันไม่อยากให้คุณขับรถกลับบ้านเลยค่ะ มันอันตราย”

เอกตะวันพยักหน้ารับ มีอะไรบางอย่างผลักดันให้เขาไม่ปฏิเสธ และแน่นอนว่าทุกการกระทำต่อจากนั้นเป็นเรื่องของสัญชาตญาณชายชาตรีล้วนๆ

เมื่อเห็นว่าโมเต็ลจุดหมายอยู่ไม่ไกลจากร้านเหล้า ชายหนุ่มจึงเสี่ยงขับรถไป แน่ใจว่าไม่เกินสิบนาทีก็ถึง

ทันทีที่เข้ามาในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ของโมเต็ลซึ่งเขากับเอลลีนเคยมาที่นี่ไม่ต่ำกว่าสามครั้ง เอกตะวันก็ประโคมจูบหล่อนอย่างหนักหน่วง เริ่มจากเรียวปากไปจนทั่วใบหน้า แล้วลามลงไปบนเนินอกอิ่มเย้ายวนใจ กลิ่นน้ำหอมแสนคุ้นเคยกระตุ้นให้ภาพความรักในอดีตระหว่างเขากับเอลลีนผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง พอผสมกับฤทธิ์แอลกอฮอล์จึงทำเอาชายหนุ่มถึงกับเตลิด ลืมทุกสิ่งไปชั่วขณะ

“ฉันรักคุณค่ะธวัน ฉันยังรักคุณ และคิดถึงภาพสองเราร่วมรักกันบนเตียงบ่อยๆ ฉันไม่เคยลืมคุณ ไม่เคยเลย ฉันขอโทษที่เคยนอกใจคุณ ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าคุณคือผู้ชายที่สุดยอด ไม่มีใครเทียบได้ ฉันไม่เคยมีความสุขกับใครเท่าคุณ”

คำชมนั้นยิ่งปลุกให้ชายหนุ่มอยากแสดงศักยภาพแห่งความเป็นชาย เอกตะวันปลดเปลื้องเสื้อผ้าทั้งของตนและของหญิงสาว เร่งรีบจนมือไม้สั่น เมื่อร่างของทั้งคู่เปลือยเปล่าแล้ว เขาจึงกระโจนลงทาบทับร่างอวบอัด ริมฝีปากร้อนผ่าวดูดดื่มกับเรียวปากเอลลีน ในขณะที่มือใหญ่ลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ต้องยอมรับว่าความนุ่มหยุ่นไปทั้งตัวทำให้เขาเกิดอารมณ์พลุ่งพล่าน แก่นกายตอบสนองต่อสิ่งเร้าอย่างรวดเร็ว เอกตะวันเพิ่งเข้าใจคำว่าถ่านไฟเก่า มันลุกโชนง่ายดายกว่าที่คิด และมันรุนแรงเปี่ยมความปรารถนาจนยั้งไม่อยู่

“รักฉันนะคะ ฉันคิดถึงคุณเหลือเกิน ธวันคะ รักฉันให้เต็มที่เลยค่ะ”

ใครจะอดใจไหว ในเมื่อเรือนร่างยวนยั่วทอดกายอยู่ตรงหน้า แถมด้วยคำพูดที่บ่งบอกความต้องการในใจ เอกตะวันจึงคำรามเบาๆ ก่อนขึ้นคร่อมร่างหญิงสาว แรงจากสัญชาตญาณดิบเถื่อนทำให้เขาบอกหล่อนเสียงเข้ม

“คุณจะได้สิ่งนั้น เอลลีน ผมพร้อมแล้วสำหรับคุณ”

ไม่รอช้า ชายหนุ่มเร่งสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกับหญิงสาวที่ใบหน้าแสดงออกถึงความทรมานและต้องการอย่างล้นเหลือ เขาต้องช่วยเติมเต็มหล่อนและพากันมุ่งสู่จุดหมายอันแสนท้าทาย การตอบสนองของ   เอลลีนทั้งเร่าร้อนยวนยั่ว กระตุ้นอารมณ์ของเขาจนเตลิดเปิดเปิง เอกตะวันได้แสดงแสนยานุภาพอย่างเต็มเปี่ยมด้วยหัวใจคะนองของหนุ่มผู้ช่ำชอง เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดปนความสุขล้นของหญิงสาวยิ่งทำให้เขาเร่งจังหวะให้รวดเร็วลึกล้ำขึ้น ในที่สุดจึงพากันควงคู่สู่แดนสวรรค์อันสูงสุดฟ้า ทว่าสามารถไปถึงได้ไม่ยากเย็น





ลงให้อ่านทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์นะคะ



หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ



ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ก.ค. 2565, 21:16:56 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ก.ค. 2565, 21:16:56 น.

จำนวนการเข้าชม : 266





<< บทที่ 7 (35%)   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account