วานวาสนา: ร่มเกศ (ปลายปากกาสำนักพิมพ์)
เรื่องย่อ:
เมื่อทุกอย่างสูญสิ้น ‘น้อย’ ชายหนุ่มชีวิตอาภัพ จำต้องออกเดินทางจากบ้านสู่พระนครที่ห่างไกล เพื่อตามหาหญิงสาวอันเป็นที่รัก แต่ก็ต้องพบเจอกับอุปสรรคและความผิดหวังซ้ำๆ ‘เพชราวสี’ คือนิยามของคำว่าสมบูรณ์แบบ เป็นแก้วมณีที่ผู้ชายทุกคนใฝ่ฝัน แต่ก็ต้องฝันสลาย เพราะแก้วมณีดวงนี้ได้ถูกจองให้แก่ ‘หม่อมเจ้าภาณุมาศ’ เพียงผู้เดียวเท่านั้น
ทุกอย่างคงจะเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น หากโลกไม่หมุนคนที่แตกต่างทั้งสองคนให้มาพบเจอกัน
หนึ่งรอยยิ้มพิมพ์ใจ กับแววตาอ่อนหวานละไมของเธอ เป็นดั่งแสงสว่างนำพาชายหนุ่มที่สิ้นหวังก้าวไปสู่โลกอีกใบที่ไม่เคยค้นพบ จากความประทับใจ ก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นความรัก
ใครจะไปคิดว่าชายหนุ่มอ่อนแอ จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับโชคชะตาเพื่อเอาชนะคำดูถูกของทุกคน การหาคำตอบว่าตัวเองเป็นใครจึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางปริศนา ปมความรักต่างชนชั้น เรื่องราวเลวร้ายมากมายที่เขาจะต้องเผชิญและจับมือฝ่าฝันอุปสรรคไปพร้อมกันกับเธอ
. . . . . . . . . . . . . .
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "ร่มเกศ" เป็นหนึ่งในนิยายจากโครงการ "ช่องวันอ่านเอา" ที่ได้รับการสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทางช่อง One31 และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 50% ของเรื่องนะคะ
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่ม
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.ผ่าน www.plaipakkabooks.com หรือ inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 600 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 409฿ จากราคาปก 454฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 454฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 479฿)
ค่าจัดส่ง Kerry 65฿ (รวมเป็น 474฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann***
เมื่อทุกอย่างสูญสิ้น ‘น้อย’ ชายหนุ่มชีวิตอาภัพ จำต้องออกเดินทางจากบ้านสู่พระนครที่ห่างไกล เพื่อตามหาหญิงสาวอันเป็นที่รัก แต่ก็ต้องพบเจอกับอุปสรรคและความผิดหวังซ้ำๆ ‘เพชราวสี’ คือนิยามของคำว่าสมบูรณ์แบบ เป็นแก้วมณีที่ผู้ชายทุกคนใฝ่ฝัน แต่ก็ต้องฝันสลาย เพราะแก้วมณีดวงนี้ได้ถูกจองให้แก่ ‘หม่อมเจ้าภาณุมาศ’ เพียงผู้เดียวเท่านั้น
ทุกอย่างคงจะเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น หากโลกไม่หมุนคนที่แตกต่างทั้งสองคนให้มาพบเจอกัน
หนึ่งรอยยิ้มพิมพ์ใจ กับแววตาอ่อนหวานละไมของเธอ เป็นดั่งแสงสว่างนำพาชายหนุ่มที่สิ้นหวังก้าวไปสู่โลกอีกใบที่ไม่เคยค้นพบ จากความประทับใจ ก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นความรัก
ใครจะไปคิดว่าชายหนุ่มอ่อนแอ จะลุกขึ้นมาต่อสู้กับโชคชะตาเพื่อเอาชนะคำดูถูกของทุกคน การหาคำตอบว่าตัวเองเป็นใครจึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางปริศนา ปมความรักต่างชนชั้น เรื่องราวเลวร้ายมากมายที่เขาจะต้องเผชิญและจับมือฝ่าฝันอุปสรรคไปพร้อมกันกับเธอ
. . . . . . . . . . . . . .
นิยายเรื่องนี้เขียนโดย "ร่มเกศ" เป็นหนึ่งในนิยายจากโครงการ "ช่องวันอ่านเอา" ที่ได้รับการสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทางช่อง One31 และได้ตีพิมพ์กับ "ปลายปากกาสำนักพิมพ์ (Plaipakka Publishing)" ทีมงานปลายปากกาจึงนำมาลงให้ได้อ่านกัน ประมาณ 50% ของเรื่องนะคะ
***************************
นักอ่านท่านใดสนใจมีทั้งแบบ eBook และแบบรูปเล่ม
***สำหรับแบบรูปเล่มวางจำหน่าย 4 ช่องทาง***
1.ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
2.ร้านออนไลน์
3.สั่งซื้อโดยตรงกับสนพ.ผ่าน www.plaipakkabooks.com หรือ inbox หาแอดมินเพจปลายปากกาสำนักพิมพ์ หรือผ่าน Line: plaipakkabooks
4.ซื้อผ่าน plaipakkabooks_officialshop ใน shopee
หนังสือพร้อมส่ง
คุ้มสุดด้วยจำนวน 600 หน้า
สั่งซื้อออนไลน์ราคาเพียง 409฿ จากราคาปก 454฿
ค่าจัดส่งลงทะเบียน 45฿ (รวมเป็น 454฿)
ค่าจัดส่ง EMS 70฿ (รวมเป็น 479฿)
ค่าจัดส่ง Kerry 65฿ (รวมเป็น 474฿)
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ "ปลายปากกา สำนักพิมพ์"
***แบบ eBook วางจำหน่ายที่เว็บ Mebmarket และ NaiinPann***
Tags: พีเรียด โรแมนติก ดราม่า ละคร ช่องวัน อ่านเอา
ตอน: บทที่ 24 หนี (ตอนสุดท้าย)
ตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา น้อยแทบไม่ละสายตาไปจากวังราชสาสน์เลย กลางคืนอากาศเย็นลง แสงไฟในวังก็ดับลงไปแล้วสักพัก น้อยเฝ้าดูจนแน่ใจว่าทุกคนในวังหลับหมดแล้ว เขาก็รีบย่องเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ระหว่างที่เดินไปน้อยคอยสอดส่ายสายตาดูอย่างรอบคอบ พอแน่ใจแล้วก็รีบตรงไปยังประตูหลังของตึกใหญ่ที่ได้นัดกับธันเอาไว้ น้อยเจอธันยืนรออยู่ท่าทางร้อนรน กวักมือเรียกให้เข้ามาไวๆ พอน้อยก้าวเท้าขึ้นไปบนตำหนัก ธันก็รีบปิดประตู แล้วเดินนำไปยังห้องบรรทมของเพชราวสี
ร่างระหงที่กำลังนอนอยู่บนเตียง ได้ยินเสียงเหมือนมีคนกำลังไขประตูเข้ามาภายในห้องของเธอ เพชราวสีสะดุ้งตื่น ลุกขึ้นนั่งหันไปมองที่บานประตูทั้งยังสะลึมสะลือ พอประตูเปิดออกคนที่ใจเธอพร่ำหา ก็พุ่งเข้ามาสวมกอดเธอไว้อย่างลืมตัว
“น้อย” มือบางโอบกอดแผ่นหลังเขาไว้แน่นด้วยความดีใจ น้ำตาร่วงลงมาสุดจะกลั้น
เมื่อได้ยินเสียงสะอื้นไห้ น้อยรีบผละร่างบอบบางออกจากอ้อมแขน ใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำตาออกให้อย่างอ่อนโยน... เห็นใบหน้าของเธอแดงก่ำนองน้ำตาก็รู้สึกสะเทือนใจ ไม่รู้ว่าเธอต้องทนทุกข์ทรมานมากมายแค่ไหนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับเครื่องพันธนาการบ้าๆ นี่
“เจ็บมากไหมกระหม่อม”
เพชราวสีเม้มริมฝีปากสั่นระริก เธอไม่สนใจรอยแดงพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย เธอสนใจเพียงอย่างเดียวคือผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอในเวลานี้
“นายเข้ามาได้ยังไง แล้วเด็จพ่อ...” เพชราวสีถามเสียงสั่น สีหน้าตื่นตระหนก หันมองอย่างระแวดระวังเพราะกลัวเขาจะเป็นอันตราย
“ทุกคนในวังหลับหมดแล้ว มีไอ้ธันที่คอยดูต้นทางให้ ท่านหญิงไม่ต้องกังวลนะกระหม่อม” มือหนาเข้าไปกุมมือบางนุ่มบอกให้เธอตั้งสติ แต่มือบางก็พลิกขึ้นมากุมมือเขาไว้แน่นกว่าเดิม
“จะไม่ให้กังวลได้ยังไง ถ้าเด็จพ่อเจอนายตอนนี้ต้องกริ้วมากแน่ๆ ทางที่ดีนายรีบออกไปจากที่นี่เถอะนะ ถือว่าฉันขอร้อง”
“ไม่ กระหม่อมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น” น้อยส่ายหน้า ยืนยันหนักแน่น “ถ้าเสด็จจะฆ่ากระหม่อมให้ตายเสียตอนนี้ กระหม่อมก็จะไม่เสียใจ เทียบกันแล้วมันก็คุ้มค่า ที่ได้เห็นหน้าผู้หญิงที่รักก่อนตาย”
“ชีวิตนายมีค่ากว่านั้น อย่ามาทิ้งไว้ที่นี่เลย”
น้อยนิ่งได้มากกว่าที่ตัวเองคิดไว้ มือหนาเลื่อนขึ้นไปจับสองไหล่บอบบาง
“ท่านหญิงเป็นคนเดียวที่ทำให้กระหม่อมรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกันจนถึงวันนี้ ท่านหญิงก็ไม่เคยเปลี่ยนไป ในวันที่มองไปไม่เหลือใคร ก็มีรอยยิ้มเล็กๆ ทำให้กระหม่อมรู้สึกดีได้เสมอ ถ้าไม่มีท่านหญิง ชีวิตกระหม่อมก็ไม่มีค่าอีกต่อไปแล้ว”
คำพูดของเขาทำเธอตื้นตันจนพูดอะไรไม่ออก กระนั้นอาการหวั่นวิตกก็ยังไม่หายไป...
“แต่เราจะรักกันได้ยังไง ในเมื่อมองไปทางไหนมันก็มีแต่ความมืดมิด”
“ท่านหญิงเชื่อใจกระหม่อมไหม” เขาสบตาเธอนิ่ง
เธอพยักหน้าเบาๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาทำให้เธอเห็นแล้วว่า เขาเป็นคนดี... น้อยเอาแจกันที่แตกไปซ่อมให้เธอทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ขอให้เขาทำ นั่นแสดงว่าเขาก็ใส่ใจความรู้สึกของเธอมากพอสมควร และตอนที่ทั้งเธอและเขาต้องเผชิญหน้ากับผู้ร้ายในป่า เขาก็พาเธอออกมาได้อย่างปลอดภัย และมีอีกหลายเรื่องที่เธอไม่ได้เอ่ยออกไป แต่เธอก็รับรู้ได้ในสิ่งที่เขาพยายามทำให้เธอมาโดยตลอด
“ทางเดียวที่เราจะหลุดพ้นจากอุปสรรคทั้งหมด คือเราต้องหนีไปด้วยกัน”
“หนีเหรอ!” ดวงตาของเพชราวสีเบิกกว้าง
น้อยพยักหน้า เขาใช้เวลาทบทวนเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนแล้ว
“ใช่ หนีไปใช้ชีวิตอย่างที่เราสองคนต้องการไงกระหม่อม เราจะสร้างครอบครัวด้วยกัน อาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ เป็นครอบครัวที่อบอุ่น ถึงกระหม่อมจะไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่กระหม่อมสัญญาว่าจะทำชีวิตของตัวเองให้ก้าวหน้า สัญญาจะดูแลท่านหญิงให้ดีที่สุด เท่าที่ลูกผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้...ท่านหญิงจะยอมให้โอกาสผู้ชายคนนี้ได้ดูแลท่านหญิงไปตลอดชีวิต จะได้ไหมกระหม่อม” เขาเอ่ยเสียงละห้อย รักผู้หญิงคนนี้ไปแล้วหมดทั้งหัวใจ และไม่คิดจะรักใครได้มากเท่าเธออีกแล้ว
เพชราวสีอึ้ง สิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมด มันเหมือนความฝันที่เธอเคยวาดหวังไว้ว่าอยากจะใช้ชีวิตกับใครสักคนแบบนั้นไปจนวันตาย เธอลองชั่งใจดูแล้ว คิดว่าการอยู่ที่นี่ แล้วต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักมันก็เหมือนตายทั้งเป็น ในเมื่อพระบิดาพระมารดาไม่มีใครสักคนที่ฟังเสียงของเธอ ไม่มีใครสนใจความรู้สึกของเธอ เธอเป็นหญิงสูงศักดิ์แล้วอย่างไร ต้องถูกกักขังไว้เหมือนนกน้อยในกรงทองอย่างนั้นหรือ ในเมื่อไม่มีใครเลยที่ยืนอยู่ข้างเธอ เธอก็จะไม่ยืนข้างใครเช่นกัน ต่อจากนี้เธอจะฟังเสียงหัวใจตัวเอง เธอมีสมอง มีสองมือสองเท้า ถ้าขยันเสียอย่าง ไปอยู่ที่ไหนก็คงไม่มีวันอดตาย ไม่ว่าเส้นทางต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร เธอเชื่อว่าเธอจะผ่านมันไปได้ถ้ามีน้อยอยู่กับเธอ
นกตัวนี้พร้อมแล้วที่จะโบยบินออกไปใช้ชีวิตร่วมกับคู่แท้ของมัน...
“นายแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะทำแบบนี้จริงๆ” เธอเอ่ยถามเป็นครั้งสุดท้าย
ชายหนุ่มซ่อนรอยยิ้มไว้ที่มุมปาก เอื้อมมือไปจับมือนุ่มทั้งสองข้างเข้ามากอบกุมไว้หนักแน่น
“กระหม่อมไม่เคยแน่ใจอะไรเท่านี้มาก่อน ถ้าท่านหญิงตกลง ท่านหญิงก็คืออีกครึ่งชีวิตของกระหม่อม นับจากวินาทีนี้ไม่ว่าเราจะเผชิญเรื่องราวเลวร้ายหนักหนาแค่ไหน ผู้ชายคนนี้สัญญาว่าจะไม่มีทางปล่อยมือท่านหญิงไปเด็ดขาด” ทุกคำที่พูดล้วนออกมาจากใจ สายตาเว้าวอนลุ้นรอฟังคำตอบด้วยหัวใจเต้นระทึก
“ได้ ฉันจะไปกับนาย” เพชราวสีพยักหน้ายิ้มทั้งน้ำตา
น้อยยิ้มปลื้มดึงตัวเพชราวสีเข้ามากอดแนบอกกว้าง
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราจะไม่มีวันพรากจากกัน กระหม่อมสัญญา”
มือบางกระชับกอดร่างนั้นให้แน่นขึ้นกว่าเดิม เธอหลับตาพริ้มในอ้อมแขนอบอุ่น เลือกแล้วว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่ดีที่สุดสำหรับเธอ เธอไม่สนยศศักดิ์ ชาติตระกูลอะไรทั้งนั้น เธอคิดว่าของพวกนั้นเป็นของนอกกาย ไม่ตายก็หาเอาใหม่ได้... ความสุขต่างหากคือสิ่งที่จริงแท้แน่จริง หากเธอบอกว่ารัก ก็คือรัก รักโดยไม่สนว่าจะต้องลำบาก
และไม่ว่าอย่างไรเธอก็เชื่อว่าเขาจะไม่มีวันทอดทิ้งเธอไป ทำให้เธอต้องช้ำใจอีก
—————————————
ตอนสุดท้ายที่สามารถลงให้อ่านได้แล้ว ที่เหลือตามต่อกันได้ในเล่มเลยนะคะ น้อยกับเพชราวสีจะไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่ไหน จะเป็นอย่างไรบ้าง หม่อมเจ้าภาณุมาศจะยอมหยุดแค่นี้หรือตามทวงน้องวสีกลับคืน ติดตามได้ในเล่ม “วานวาสนา”
วางจำหน่ายทั้งแบบเล่มหนังสือและอีบุ๊ก ตามช่องทางที่แจ้งไว้ในปุ่มกด “อ่านเรื่องย่อ”
หนังสือวางขายที่ร้าน “ศูนย์หนังสือจุฬาฯ”
สั่งตรงได้ที่เว็บไซต์ www.plaipakkabooks.com
ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ เร็วๆ นี้จะมีเรื่องใหม่ลงให้อ่านด้วย ทั้งเว็บเลิฟและเว็บ สนพ. จุ๊บๆ
ระหว่างที่เดินไปน้อยคอยสอดส่ายสายตาดูอย่างรอบคอบ พอแน่ใจแล้วก็รีบตรงไปยังประตูหลังของตึกใหญ่ที่ได้นัดกับธันเอาไว้ น้อยเจอธันยืนรออยู่ท่าทางร้อนรน กวักมือเรียกให้เข้ามาไวๆ พอน้อยก้าวเท้าขึ้นไปบนตำหนัก ธันก็รีบปิดประตู แล้วเดินนำไปยังห้องบรรทมของเพชราวสี
ร่างระหงที่กำลังนอนอยู่บนเตียง ได้ยินเสียงเหมือนมีคนกำลังไขประตูเข้ามาภายในห้องของเธอ เพชราวสีสะดุ้งตื่น ลุกขึ้นนั่งหันไปมองที่บานประตูทั้งยังสะลึมสะลือ พอประตูเปิดออกคนที่ใจเธอพร่ำหา ก็พุ่งเข้ามาสวมกอดเธอไว้อย่างลืมตัว
“น้อย” มือบางโอบกอดแผ่นหลังเขาไว้แน่นด้วยความดีใจ น้ำตาร่วงลงมาสุดจะกลั้น
เมื่อได้ยินเสียงสะอื้นไห้ น้อยรีบผละร่างบอบบางออกจากอ้อมแขน ใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำตาออกให้อย่างอ่อนโยน... เห็นใบหน้าของเธอแดงก่ำนองน้ำตาก็รู้สึกสะเทือนใจ ไม่รู้ว่าเธอต้องทนทุกข์ทรมานมากมายแค่ไหนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับเครื่องพันธนาการบ้าๆ นี่
“เจ็บมากไหมกระหม่อม”
เพชราวสีเม้มริมฝีปากสั่นระริก เธอไม่สนใจรอยแดงพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย เธอสนใจเพียงอย่างเดียวคือผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอในเวลานี้
“นายเข้ามาได้ยังไง แล้วเด็จพ่อ...” เพชราวสีถามเสียงสั่น สีหน้าตื่นตระหนก หันมองอย่างระแวดระวังเพราะกลัวเขาจะเป็นอันตราย
“ทุกคนในวังหลับหมดแล้ว มีไอ้ธันที่คอยดูต้นทางให้ ท่านหญิงไม่ต้องกังวลนะกระหม่อม” มือหนาเข้าไปกุมมือบางนุ่มบอกให้เธอตั้งสติ แต่มือบางก็พลิกขึ้นมากุมมือเขาไว้แน่นกว่าเดิม
“จะไม่ให้กังวลได้ยังไง ถ้าเด็จพ่อเจอนายตอนนี้ต้องกริ้วมากแน่ๆ ทางที่ดีนายรีบออกไปจากที่นี่เถอะนะ ถือว่าฉันขอร้อง”
“ไม่ กระหม่อมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น” น้อยส่ายหน้า ยืนยันหนักแน่น “ถ้าเสด็จจะฆ่ากระหม่อมให้ตายเสียตอนนี้ กระหม่อมก็จะไม่เสียใจ เทียบกันแล้วมันก็คุ้มค่า ที่ได้เห็นหน้าผู้หญิงที่รักก่อนตาย”
“ชีวิตนายมีค่ากว่านั้น อย่ามาทิ้งไว้ที่นี่เลย”
น้อยนิ่งได้มากกว่าที่ตัวเองคิดไว้ มือหนาเลื่อนขึ้นไปจับสองไหล่บอบบาง
“ท่านหญิงเป็นคนเดียวที่ทำให้กระหม่อมรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกันจนถึงวันนี้ ท่านหญิงก็ไม่เคยเปลี่ยนไป ในวันที่มองไปไม่เหลือใคร ก็มีรอยยิ้มเล็กๆ ทำให้กระหม่อมรู้สึกดีได้เสมอ ถ้าไม่มีท่านหญิง ชีวิตกระหม่อมก็ไม่มีค่าอีกต่อไปแล้ว”
คำพูดของเขาทำเธอตื้นตันจนพูดอะไรไม่ออก กระนั้นอาการหวั่นวิตกก็ยังไม่หายไป...
“แต่เราจะรักกันได้ยังไง ในเมื่อมองไปทางไหนมันก็มีแต่ความมืดมิด”
“ท่านหญิงเชื่อใจกระหม่อมไหม” เขาสบตาเธอนิ่ง
เธอพยักหน้าเบาๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาทำให้เธอเห็นแล้วว่า เขาเป็นคนดี... น้อยเอาแจกันที่แตกไปซ่อมให้เธอทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ขอให้เขาทำ นั่นแสดงว่าเขาก็ใส่ใจความรู้สึกของเธอมากพอสมควร และตอนที่ทั้งเธอและเขาต้องเผชิญหน้ากับผู้ร้ายในป่า เขาก็พาเธอออกมาได้อย่างปลอดภัย และมีอีกหลายเรื่องที่เธอไม่ได้เอ่ยออกไป แต่เธอก็รับรู้ได้ในสิ่งที่เขาพยายามทำให้เธอมาโดยตลอด
“ทางเดียวที่เราจะหลุดพ้นจากอุปสรรคทั้งหมด คือเราต้องหนีไปด้วยกัน”
“หนีเหรอ!” ดวงตาของเพชราวสีเบิกกว้าง
น้อยพยักหน้า เขาใช้เวลาทบทวนเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนแล้ว
“ใช่ หนีไปใช้ชีวิตอย่างที่เราสองคนต้องการไงกระหม่อม เราจะสร้างครอบครัวด้วยกัน อาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ เป็นครอบครัวที่อบอุ่น ถึงกระหม่อมจะไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่กระหม่อมสัญญาว่าจะทำชีวิตของตัวเองให้ก้าวหน้า สัญญาจะดูแลท่านหญิงให้ดีที่สุด เท่าที่ลูกผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้...ท่านหญิงจะยอมให้โอกาสผู้ชายคนนี้ได้ดูแลท่านหญิงไปตลอดชีวิต จะได้ไหมกระหม่อม” เขาเอ่ยเสียงละห้อย รักผู้หญิงคนนี้ไปแล้วหมดทั้งหัวใจ และไม่คิดจะรักใครได้มากเท่าเธออีกแล้ว
เพชราวสีอึ้ง สิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมด มันเหมือนความฝันที่เธอเคยวาดหวังไว้ว่าอยากจะใช้ชีวิตกับใครสักคนแบบนั้นไปจนวันตาย เธอลองชั่งใจดูแล้ว คิดว่าการอยู่ที่นี่ แล้วต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักมันก็เหมือนตายทั้งเป็น ในเมื่อพระบิดาพระมารดาไม่มีใครสักคนที่ฟังเสียงของเธอ ไม่มีใครสนใจความรู้สึกของเธอ เธอเป็นหญิงสูงศักดิ์แล้วอย่างไร ต้องถูกกักขังไว้เหมือนนกน้อยในกรงทองอย่างนั้นหรือ ในเมื่อไม่มีใครเลยที่ยืนอยู่ข้างเธอ เธอก็จะไม่ยืนข้างใครเช่นกัน ต่อจากนี้เธอจะฟังเสียงหัวใจตัวเอง เธอมีสมอง มีสองมือสองเท้า ถ้าขยันเสียอย่าง ไปอยู่ที่ไหนก็คงไม่มีวันอดตาย ไม่ว่าเส้นทางต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร เธอเชื่อว่าเธอจะผ่านมันไปได้ถ้ามีน้อยอยู่กับเธอ
นกตัวนี้พร้อมแล้วที่จะโบยบินออกไปใช้ชีวิตร่วมกับคู่แท้ของมัน...
“นายแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะทำแบบนี้จริงๆ” เธอเอ่ยถามเป็นครั้งสุดท้าย
ชายหนุ่มซ่อนรอยยิ้มไว้ที่มุมปาก เอื้อมมือไปจับมือนุ่มทั้งสองข้างเข้ามากอบกุมไว้หนักแน่น
“กระหม่อมไม่เคยแน่ใจอะไรเท่านี้มาก่อน ถ้าท่านหญิงตกลง ท่านหญิงก็คืออีกครึ่งชีวิตของกระหม่อม นับจากวินาทีนี้ไม่ว่าเราจะเผชิญเรื่องราวเลวร้ายหนักหนาแค่ไหน ผู้ชายคนนี้สัญญาว่าจะไม่มีทางปล่อยมือท่านหญิงไปเด็ดขาด” ทุกคำที่พูดล้วนออกมาจากใจ สายตาเว้าวอนลุ้นรอฟังคำตอบด้วยหัวใจเต้นระทึก
“ได้ ฉันจะไปกับนาย” เพชราวสีพยักหน้ายิ้มทั้งน้ำตา
น้อยยิ้มปลื้มดึงตัวเพชราวสีเข้ามากอดแนบอกกว้าง
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราจะไม่มีวันพรากจากกัน กระหม่อมสัญญา”
มือบางกระชับกอดร่างนั้นให้แน่นขึ้นกว่าเดิม เธอหลับตาพริ้มในอ้อมแขนอบอุ่น เลือกแล้วว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่ดีที่สุดสำหรับเธอ เธอไม่สนยศศักดิ์ ชาติตระกูลอะไรทั้งนั้น เธอคิดว่าของพวกนั้นเป็นของนอกกาย ไม่ตายก็หาเอาใหม่ได้... ความสุขต่างหากคือสิ่งที่จริงแท้แน่จริง หากเธอบอกว่ารัก ก็คือรัก รักโดยไม่สนว่าจะต้องลำบาก
และไม่ว่าอย่างไรเธอก็เชื่อว่าเขาจะไม่มีวันทอดทิ้งเธอไป ทำให้เธอต้องช้ำใจอีก
—————————————
ตอนสุดท้ายที่สามารถลงให้อ่านได้แล้ว ที่เหลือตามต่อกันได้ในเล่มเลยนะคะ น้อยกับเพชราวสีจะไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่ไหน จะเป็นอย่างไรบ้าง หม่อมเจ้าภาณุมาศจะยอมหยุดแค่นี้หรือตามทวงน้องวสีกลับคืน ติดตามได้ในเล่ม “วานวาสนา”
วางจำหน่ายทั้งแบบเล่มหนังสือและอีบุ๊ก ตามช่องทางที่แจ้งไว้ในปุ่มกด “อ่านเรื่องย่อ”
หนังสือวางขายที่ร้าน “ศูนย์หนังสือจุฬาฯ”
สั่งตรงได้ที่เว็บไซต์ www.plaipakkabooks.com
ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ เร็วๆ นี้จะมีเรื่องใหม่ลงให้อ่านด้วย ทั้งเว็บเลิฟและเว็บ สนพ. จุ๊บๆ
ปลายปากกาสำนักพิมพ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.ย. 2565, 14:40:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ก.ย. 2565, 14:40:24 น.
จำนวนการเข้าชม : 351
<< บทที่ 24 หนี (65%) |