รักร้ายอันตรายข้างรั้ว
ฐิติรัตน์กับคิมหันต์เป็นแฟนกัน มีกำหนดแต่งงานอีกไม่กี่เดือน ก่อนวันแต่งไม่กี่สัปดาห์คิมหันต์ได้รับอุบัติเหตุจนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล งานแต่งจึงถูกเลื่อนออกไปอย่างช่วยไม่ได้ บิดาและมารดาของคิมหันต์จึงหาบ้านพักเพื่อให้คิมหันต์พักรักษาตัว ฐิติรัตน์จึงย้ายตามไปอยู่ด้วย แต่อยู่อีกหลังหนึ่งที่ใกล้กัน
หมู่บ้านจัดสรรที่ฐิติรัตน์กับคิมหันต์ไปพักอาศัยนั้น พวกเขาอยู่เพียงไม่กี่อาทิตย์ก็เริ่มมีเรื่องแปลกเกิดขึ้น รอบตัวของฐิติรัตน์ และสิ่งที่แปลกไปกว่านั้นคือ เธอเห็นชายหนุ่มที่อาศัยอยู่ข้างบ้าน แต่ผู้คนในหมู่บ้านกลับบอกว่าบ้านหลังนี้ไม่มีใครอาศัยอยู่
ความสงสัยก่อเกิดขึ้นกับเธอ รวมถึงเรื่องแปลกที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวในหมู่บ้านที่หายตัวไปอย่างลึกลับ และเธอคิดว่าชายข้างบ้านต้องแอบซ่อนอะไรบางอย่างไว้ เรื่องวุ่นวายจึงเกิดขึ้นเมื่อเธอถูกเขาจับตัวไป
หมู่บ้านจัดสรรที่ฐิติรัตน์กับคิมหันต์ไปพักอาศัยนั้น พวกเขาอยู่เพียงไม่กี่อาทิตย์ก็เริ่มมีเรื่องแปลกเกิดขึ้น รอบตัวของฐิติรัตน์ และสิ่งที่แปลกไปกว่านั้นคือ เธอเห็นชายหนุ่มที่อาศัยอยู่ข้างบ้าน แต่ผู้คนในหมู่บ้านกลับบอกว่าบ้านหลังนี้ไม่มีใครอาศัยอยู่
ความสงสัยก่อเกิดขึ้นกับเธอ รวมถึงเรื่องแปลกที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวในหมู่บ้านที่หายตัวไปอย่างลึกลับ และเธอคิดว่าชายข้างบ้านต้องแอบซ่อนอะไรบางอย่างไว้ เรื่องวุ่นวายจึงเกิดขึ้นเมื่อเธอถูกเขาจับตัวไป
Tags: นิยายรัก ลึกลับ วิญญาณ ความรัก
ตอน: จับฉันมาทำไม
เพราะรู้สึกแปลกๆ กับแฟนหนุ่มจึงทำให้เธอทำตัวไม่ถูก
"วันนี้พี่ดูแปลกไปนะคะ"
ปกติคิมหันต์ก็แปลกอยู่แล้ว ยิ่งอยู่ด้วยกันยิ่งอารมณ์ไม่ปกติ หรือเขาจะมีปัญหาทางอารมณ์ไปด้วย
"ไปหาหมอไหมคะ พี่คิม" ฐิติรัตน์เดินเข้าไปใกล้ๆ เพื่อมองใบหน้าที่เจ็บปวดของแฟนหนุ่ม ทำไมวันนี้เขาดูทรมาน
"ออกไป"
"ว่ายังไงนะคะ" เธอคิดว่าฟังไม่ผิดแน่ แค่อยากแน่ใจว่าเขาไม่ได้ไล่เธอ
"อย่ามาใกล้ ออกไป" เริ่มมีน้ำเสียง และปัดมือของฐิติรัตน์อย่างลืมตัว
"ค่ะ รัตจะไปเดี๋ยวนี้เลย"
รู้สึกเจ็บแปลบข้างใน ทำไมคนที่เธอบอกทุกคนว่าเป็นคนรักถึงไล่เธออย่างกับไม่ใช่คนรู้จักกัน
พอฐิติรัตน์ออกจากบ้านไป คิมหันต์ก็จับหัวตัวเองและขยี้ผมไปมา
ภาพทุกภาพของหญิงสาวที่เขาไม่รู้จักมันรบกวนเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งเมื่อคืน เขายอมอดหลับอดนอนเพื่อห้ามตัวเองไม่ให้ทำเรื่องที่คิดไว้ ยิ่งมีข่าวของผู้หญิงที่หายไป ยิ่งทำให้เขาแทบคลั่งและไม่ไว้ใจตัวเอง หลักฐานที่ปรากฏบนตัวมันแน่ยิ่งกว่าแน่ ว่าเขานั้นได้ออกไปข้างนอกยามดึก ต้องทำยังไง เขาไม่ใช่ฆาตกร
"ไม่ใช่ ต้องไม่ใช่" คิมหันต์ฟุบลงบนโซฟาด้วยความเครียด เขารักษาตัวเองจนหาย เดินได้และกำลังจะกลับไปใช้ชีวิตกับคนที่เขารัก แล้วทำไมทุกอย่างถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้
"เพราะแกมันเลวยังไงล่ะ" เสียงบางเบาแต่คิมหันต์ได้ยินชัดเจน
"ใครวะ" คิมหันต์หันซ้ายหันขวาเพื่อให้แน่ใจว่าตนเองไม่ได้หูแว่วไป
เสียงหัวเราะดังไม่มีหยุด ยิ่งทำให้คิมหันต์หวาดระแวงและกลัวในเวลาเดียวกัน
"ใครวะ ออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ" เขาลุกขึ้นแล้วหันไปรอบตัวเพื่อหาต้นเสียง
และต้นเสียงนั้นไม่ใช่สิ่งใดแต่เป็นวิญญาณของฝาแฝดที่ตายด้วยน้ำมือของคิมหันต์
ผีที่อาฆาตและรอเวลาแก้แค้นกำลังสะใจกับอาการที่ร้อนรนของชายหนุ่ม
"แกมันฆาตกร ถ้าไม่ใช่เพราะแกฉันก็คงไม่เป็นผีและมาอยู่ตรงนี้หรอก"
กลับไปทางฝั่งของฐิติรัตน์
เธอทั้งสับสนและไม่เข้าใจแฟนหนุ่มว่าเขาเป็นอะไร เมื่อวานแปลกแล้ววันนี้ยิ่งแปลกกว่าและน่ากลัวขึ้นทุกวัน เธอควรทำอย่างไรดี
"หรือจะปรึกษาคุณป้ากับคุณลุงดีนะ" บ่นพึมพำ จนรู้ตัวอีกทีเธอก็มายืนอยู่หน้าบ้านของหนุ่มนักเปียโนยามเที่ยงคืน
ทันใดนั้นเธอแปลกใจกับเงาดำที่เสาไฟฟ้า แล้วรีบเอามือไปปิดปากไม่ให้เสียงร้องมันเล็ดลอดออกไปจนผิดสังเกต
ฐิติรัตน์จึงตัดสินใจรีบหันหลังกลับแล้วก้าวเดินเข้าบ้านของตนเอง ก่อนที่จะเกิดอันตรายขึ้น ไม่รู้ว่าเงาดำที่เห็นเป็นใครหรือจะเป็นฆาตกรที่กำลังหวั่นกลัวกันอยู่
เพียงก้าวขาข้ามเข้าในอาณาเขตของบ้านก็มีแรงฉุดดึงจากทางด้านข้าง พร้อมกับเสียงประตูที่ถูกปิดลง
"อื้อ" ดิ้นไปมากับแรงกอดจากทางด้านหลัง พยายามดิ้นและส่งเสียงให้ดังที่สุดแต่ทำได้ กลิ่นแปลกๆ ใต้ผ้าเช็ดหน้าที่ถูกมือใหญ่กดลงมาที่จมูกยิ่งทำให้เธอเวียนหัวจนมองอะไรไม่เห็น ทุกอย่างดำมืดไร้เรี่ยวแรงไปเสียหมด นี่เธอกำลังจะตายใช่ไหม
ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ตัวเองจมดิ่งอยู่ในความมืด มีเสียงคนสองคนกำลังยืนเถียงกันแม้จะมองไม่เห็นแต่สัมผัสได้ว่าอยู่ใกล้มากเสียจนต้องลืมตาตื่น
"บอกแล้วไงว่าไม่ใช่ เลิกพูดสักที"
เธอมองเขาท่ามกลางความมืดสลัว แม้จะมองไม่ค่อยชัดเพราะตายังมัวอยู่ก็ตาม แต่เธอมั่นใจว่ามีสองคน
"อื้อ..." พยายามขยี้ตาให้ภาพที่มัวมันจางหาย และภาพที่เห็นคือชายสองคนหน้าตาเหมือนกัน กำลังจ้องมองเพราะเสียงที่ออกมาจากริมฝีปากอิ่ม
"ไอ้น้องชาย ทำไมถึงพามาที่นี่ล่ะ"
เขาอีกคนไม่ตอบแต่ขยับเข้ามาใกล้คนที่นอนอยู่
"เป็นยังไงบ้าง" เขาถาม
"คือ..." ฐิติรัตน์ไม่รู้จะตอบยังไง มันทั้งมึนและงงในเวลาเดียวกัน สองแขนค่อยๆ ดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง
"ไม่เจ็บตรงไหนใช่หรือเปล่า"
"ไม่ ว่าแต่ฉันอยู่ที่ไหน" บรรยากาศมันมืดมัวไปหมด หน้าต่างไม่มีสักบาน มีเพียงแสงสว่างภายนอกเล็ดลอดเข้ามาจากช่องประตู
"บ้านของผมเอง"
"ช่วยเปิดไฟให้ทีได้ไหม" ก่อนจะคุยกันต่อ เธอควรมองเห็นใบหน้าของคนที่คุยด้วยเสียก่อน
"โทษที พอดีชินกับห้องมืด" เขาบอกและเดินไปกดสวิตช์ไฟให้มองเห็นกันชัดยิ่งขึ้น
แสงไฟสว่างจนเห็นภายในห้องชัดเจน ห้องที่เธออยู่เป็นห้องนอนของใครบางคน ถูกจัดเรียบร้อยเสียจนคิดว่าเป็นห้องนอนตัวอย่างที่ถูกตกแต่งก่อนวางขาย แต่สิ่งอื่นใด เขาคนที่เธอกำลังคุยด้วยนั้น หน้าตาขาวหล่อ แต่งตัวสะอาดมากกว่าจะเป็นคนไม่น่าไว้ใจ
"คุณเป็นใครคะ"
"ผม...เป็นเพื่อนบ้านของคุณครับ"
อย่าบอกนะว่าเป็นเขาคนนั้น นักเปียโนยามใดที่ยงคืน ทำไมเขาถึงดูเหมือนคนปกติ แล้วคุยกันรู้เรื่องมากกว่าทุกครั้งที่ได้เจอ
"ตอนนั้นที่เจอกัน คุณยังผมยาว มีหนวดเครา" ใช่คนเดียวกันแน่หรือ
"อืม ก็แค่อยากทำตัวให้สะอาด"
"แบบนี้ก็หล่อดีนะคะ" นี่เผลอพูดอะไรออกไป ปากเจ้ากรรม กำลังจะทำให้ลำบากเสียแล้ว แต่ก่อนจะคุยเรื่องนั้น คำถามที่ควรจะถามคือการมาอยู่ตรงนี้เสียมากกว่า
"เดี๋ยวก่อน ไม่ใช่ว่าคุณจับฉันมาหรอกนะ" ยิ่งมีข่าวหญิงสาวหายตัวไป การที่ตัวเธอมาอยู่ที่แห่งนี้เท่ากับว่า ตัวของเธอกำลังเข้าใกล้อันตรายมากขึ้น
"คุณอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ผมน่ะ แค่ช่วยคุณ" เขาอธิบายด้วยท่าทางเลิ่กลั่ก ไม่กี่นาทีก่อนยังชมว่าเขาหล่อแต่ตอนนี้กำลังคิดว่าเขาเป็นคนโรคจิต เพราะท่าทางและสายตาที่จ้องมองมานั้นแอบแฝงความกลัวอยู่เล็กน้อย
"ช่วยเหรอคะ ยังไง งงไปหมดแล้ว" หัวสมองยังคงหนักอึ้งแล้วยังต้องมาคิดและเรียบเรียงว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้อีก
"ผะ...ผม"
"อธิบายไปสิว่าจับเธอมาทำไม" เสียงอีกเสียงหนึ่งที่ได้ยิน แล้วควรเป็นเสียงพูดที่ควรได้ยินเพียงแค่ทินกร กลับกลายเป็นว่า ฐิติรัตน์ได้ยินเช่นกัน
"เสียงใคร" เธอจำได้แม่น ว่าเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงที่ชอบพูดข้างๆ ตัวเธอ จนหลอนและขนลุกในเวลาเดียวกัน
"ได้ยินเหรอ"
"ได้ยินสิ"
ฐิติรัตน์มองหน้าเกลี้ยงเกลาของชายหนุ่มเพื่อต้องการคำตอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น
"คือ...คืออย่างนี้นะ เสียงที่คุณได้ยิน เป็นเสียงของพี่ชายผมเอง"
"เขาตายแล้วเหรอ" เธอเริ่มมองรอบห้อง
"อืม คุณกลัวไหม"
"ไม่นะ แค่เสียวสันหลังนิดหน่อย แล้วที่จับตัวฉันมาล่ะ" ฐิติรัตน์เปลี่ยนสีหน้าทันที เรื่องหลักยังไม่ตอบ ยังเอาเรื่องอื่นมากลบเกลื่อนอีก
"มีคนจะจับคุณ" เขาบอกเธอ
"ใครคะ"
"ผมก็ไม่รู้นะ พอดีผมเห็นเขาโป๊ะยาสลบคุณเข้าพอดี เลยช่วยคุณแล้วพามาที่นี่ไง" ถึงจะต่อสู้แย่งชิงกันนิดหน่อยแต่ก็คุ้มค่ากับบาดแผลที่ได้รับมา
อาจจะเป็นตามที่ชายหนุ่มคนนี้บอกก็เป็นไปได้ เขาคงไม่มีเหตุผลที่จะวางยาสลบแล้วพามาอยู่อย่างสบายที่นี่หรอก
"งั้น ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยไว้" เธอบอกเขาแล้วยิ้มอ่อน
"ยังไงผมต้องช่วยคุณอยู่แล้ว"
"วันนี้พี่ดูแปลกไปนะคะ"
ปกติคิมหันต์ก็แปลกอยู่แล้ว ยิ่งอยู่ด้วยกันยิ่งอารมณ์ไม่ปกติ หรือเขาจะมีปัญหาทางอารมณ์ไปด้วย
"ไปหาหมอไหมคะ พี่คิม" ฐิติรัตน์เดินเข้าไปใกล้ๆ เพื่อมองใบหน้าที่เจ็บปวดของแฟนหนุ่ม ทำไมวันนี้เขาดูทรมาน
"ออกไป"
"ว่ายังไงนะคะ" เธอคิดว่าฟังไม่ผิดแน่ แค่อยากแน่ใจว่าเขาไม่ได้ไล่เธอ
"อย่ามาใกล้ ออกไป" เริ่มมีน้ำเสียง และปัดมือของฐิติรัตน์อย่างลืมตัว
"ค่ะ รัตจะไปเดี๋ยวนี้เลย"
รู้สึกเจ็บแปลบข้างใน ทำไมคนที่เธอบอกทุกคนว่าเป็นคนรักถึงไล่เธออย่างกับไม่ใช่คนรู้จักกัน
พอฐิติรัตน์ออกจากบ้านไป คิมหันต์ก็จับหัวตัวเองและขยี้ผมไปมา
ภาพทุกภาพของหญิงสาวที่เขาไม่รู้จักมันรบกวนเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งเมื่อคืน เขายอมอดหลับอดนอนเพื่อห้ามตัวเองไม่ให้ทำเรื่องที่คิดไว้ ยิ่งมีข่าวของผู้หญิงที่หายไป ยิ่งทำให้เขาแทบคลั่งและไม่ไว้ใจตัวเอง หลักฐานที่ปรากฏบนตัวมันแน่ยิ่งกว่าแน่ ว่าเขานั้นได้ออกไปข้างนอกยามดึก ต้องทำยังไง เขาไม่ใช่ฆาตกร
"ไม่ใช่ ต้องไม่ใช่" คิมหันต์ฟุบลงบนโซฟาด้วยความเครียด เขารักษาตัวเองจนหาย เดินได้และกำลังจะกลับไปใช้ชีวิตกับคนที่เขารัก แล้วทำไมทุกอย่างถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้
"เพราะแกมันเลวยังไงล่ะ" เสียงบางเบาแต่คิมหันต์ได้ยินชัดเจน
"ใครวะ" คิมหันต์หันซ้ายหันขวาเพื่อให้แน่ใจว่าตนเองไม่ได้หูแว่วไป
เสียงหัวเราะดังไม่มีหยุด ยิ่งทำให้คิมหันต์หวาดระแวงและกลัวในเวลาเดียวกัน
"ใครวะ ออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ" เขาลุกขึ้นแล้วหันไปรอบตัวเพื่อหาต้นเสียง
และต้นเสียงนั้นไม่ใช่สิ่งใดแต่เป็นวิญญาณของฝาแฝดที่ตายด้วยน้ำมือของคิมหันต์
ผีที่อาฆาตและรอเวลาแก้แค้นกำลังสะใจกับอาการที่ร้อนรนของชายหนุ่ม
"แกมันฆาตกร ถ้าไม่ใช่เพราะแกฉันก็คงไม่เป็นผีและมาอยู่ตรงนี้หรอก"
กลับไปทางฝั่งของฐิติรัตน์
เธอทั้งสับสนและไม่เข้าใจแฟนหนุ่มว่าเขาเป็นอะไร เมื่อวานแปลกแล้ววันนี้ยิ่งแปลกกว่าและน่ากลัวขึ้นทุกวัน เธอควรทำอย่างไรดี
"หรือจะปรึกษาคุณป้ากับคุณลุงดีนะ" บ่นพึมพำ จนรู้ตัวอีกทีเธอก็มายืนอยู่หน้าบ้านของหนุ่มนักเปียโนยามเที่ยงคืน
ทันใดนั้นเธอแปลกใจกับเงาดำที่เสาไฟฟ้า แล้วรีบเอามือไปปิดปากไม่ให้เสียงร้องมันเล็ดลอดออกไปจนผิดสังเกต
ฐิติรัตน์จึงตัดสินใจรีบหันหลังกลับแล้วก้าวเดินเข้าบ้านของตนเอง ก่อนที่จะเกิดอันตรายขึ้น ไม่รู้ว่าเงาดำที่เห็นเป็นใครหรือจะเป็นฆาตกรที่กำลังหวั่นกลัวกันอยู่
เพียงก้าวขาข้ามเข้าในอาณาเขตของบ้านก็มีแรงฉุดดึงจากทางด้านข้าง พร้อมกับเสียงประตูที่ถูกปิดลง
"อื้อ" ดิ้นไปมากับแรงกอดจากทางด้านหลัง พยายามดิ้นและส่งเสียงให้ดังที่สุดแต่ทำได้ กลิ่นแปลกๆ ใต้ผ้าเช็ดหน้าที่ถูกมือใหญ่กดลงมาที่จมูกยิ่งทำให้เธอเวียนหัวจนมองอะไรไม่เห็น ทุกอย่างดำมืดไร้เรี่ยวแรงไปเสียหมด นี่เธอกำลังจะตายใช่ไหม
ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ตัวเองจมดิ่งอยู่ในความมืด มีเสียงคนสองคนกำลังยืนเถียงกันแม้จะมองไม่เห็นแต่สัมผัสได้ว่าอยู่ใกล้มากเสียจนต้องลืมตาตื่น
"บอกแล้วไงว่าไม่ใช่ เลิกพูดสักที"
เธอมองเขาท่ามกลางความมืดสลัว แม้จะมองไม่ค่อยชัดเพราะตายังมัวอยู่ก็ตาม แต่เธอมั่นใจว่ามีสองคน
"อื้อ..." พยายามขยี้ตาให้ภาพที่มัวมันจางหาย และภาพที่เห็นคือชายสองคนหน้าตาเหมือนกัน กำลังจ้องมองเพราะเสียงที่ออกมาจากริมฝีปากอิ่ม
"ไอ้น้องชาย ทำไมถึงพามาที่นี่ล่ะ"
เขาอีกคนไม่ตอบแต่ขยับเข้ามาใกล้คนที่นอนอยู่
"เป็นยังไงบ้าง" เขาถาม
"คือ..." ฐิติรัตน์ไม่รู้จะตอบยังไง มันทั้งมึนและงงในเวลาเดียวกัน สองแขนค่อยๆ ดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง
"ไม่เจ็บตรงไหนใช่หรือเปล่า"
"ไม่ ว่าแต่ฉันอยู่ที่ไหน" บรรยากาศมันมืดมัวไปหมด หน้าต่างไม่มีสักบาน มีเพียงแสงสว่างภายนอกเล็ดลอดเข้ามาจากช่องประตู
"บ้านของผมเอง"
"ช่วยเปิดไฟให้ทีได้ไหม" ก่อนจะคุยกันต่อ เธอควรมองเห็นใบหน้าของคนที่คุยด้วยเสียก่อน
"โทษที พอดีชินกับห้องมืด" เขาบอกและเดินไปกดสวิตช์ไฟให้มองเห็นกันชัดยิ่งขึ้น
แสงไฟสว่างจนเห็นภายในห้องชัดเจน ห้องที่เธออยู่เป็นห้องนอนของใครบางคน ถูกจัดเรียบร้อยเสียจนคิดว่าเป็นห้องนอนตัวอย่างที่ถูกตกแต่งก่อนวางขาย แต่สิ่งอื่นใด เขาคนที่เธอกำลังคุยด้วยนั้น หน้าตาขาวหล่อ แต่งตัวสะอาดมากกว่าจะเป็นคนไม่น่าไว้ใจ
"คุณเป็นใครคะ"
"ผม...เป็นเพื่อนบ้านของคุณครับ"
อย่าบอกนะว่าเป็นเขาคนนั้น นักเปียโนยามใดที่ยงคืน ทำไมเขาถึงดูเหมือนคนปกติ แล้วคุยกันรู้เรื่องมากกว่าทุกครั้งที่ได้เจอ
"ตอนนั้นที่เจอกัน คุณยังผมยาว มีหนวดเครา" ใช่คนเดียวกันแน่หรือ
"อืม ก็แค่อยากทำตัวให้สะอาด"
"แบบนี้ก็หล่อดีนะคะ" นี่เผลอพูดอะไรออกไป ปากเจ้ากรรม กำลังจะทำให้ลำบากเสียแล้ว แต่ก่อนจะคุยเรื่องนั้น คำถามที่ควรจะถามคือการมาอยู่ตรงนี้เสียมากกว่า
"เดี๋ยวก่อน ไม่ใช่ว่าคุณจับฉันมาหรอกนะ" ยิ่งมีข่าวหญิงสาวหายตัวไป การที่ตัวเธอมาอยู่ที่แห่งนี้เท่ากับว่า ตัวของเธอกำลังเข้าใกล้อันตรายมากขึ้น
"คุณอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ผมน่ะ แค่ช่วยคุณ" เขาอธิบายด้วยท่าทางเลิ่กลั่ก ไม่กี่นาทีก่อนยังชมว่าเขาหล่อแต่ตอนนี้กำลังคิดว่าเขาเป็นคนโรคจิต เพราะท่าทางและสายตาที่จ้องมองมานั้นแอบแฝงความกลัวอยู่เล็กน้อย
"ช่วยเหรอคะ ยังไง งงไปหมดแล้ว" หัวสมองยังคงหนักอึ้งแล้วยังต้องมาคิดและเรียบเรียงว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้อีก
"ผะ...ผม"
"อธิบายไปสิว่าจับเธอมาทำไม" เสียงอีกเสียงหนึ่งที่ได้ยิน แล้วควรเป็นเสียงพูดที่ควรได้ยินเพียงแค่ทินกร กลับกลายเป็นว่า ฐิติรัตน์ได้ยินเช่นกัน
"เสียงใคร" เธอจำได้แม่น ว่าเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงที่ชอบพูดข้างๆ ตัวเธอ จนหลอนและขนลุกในเวลาเดียวกัน
"ได้ยินเหรอ"
"ได้ยินสิ"
ฐิติรัตน์มองหน้าเกลี้ยงเกลาของชายหนุ่มเพื่อต้องการคำตอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น
"คือ...คืออย่างนี้นะ เสียงที่คุณได้ยิน เป็นเสียงของพี่ชายผมเอง"
"เขาตายแล้วเหรอ" เธอเริ่มมองรอบห้อง
"อืม คุณกลัวไหม"
"ไม่นะ แค่เสียวสันหลังนิดหน่อย แล้วที่จับตัวฉันมาล่ะ" ฐิติรัตน์เปลี่ยนสีหน้าทันที เรื่องหลักยังไม่ตอบ ยังเอาเรื่องอื่นมากลบเกลื่อนอีก
"มีคนจะจับคุณ" เขาบอกเธอ
"ใครคะ"
"ผมก็ไม่รู้นะ พอดีผมเห็นเขาโป๊ะยาสลบคุณเข้าพอดี เลยช่วยคุณแล้วพามาที่นี่ไง" ถึงจะต่อสู้แย่งชิงกันนิดหน่อยแต่ก็คุ้มค่ากับบาดแผลที่ได้รับมา
อาจจะเป็นตามที่ชายหนุ่มคนนี้บอกก็เป็นไปได้ เขาคงไม่มีเหตุผลที่จะวางยาสลบแล้วพามาอยู่อย่างสบายที่นี่หรอก
"งั้น ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยไว้" เธอบอกเขาแล้วยิ้มอ่อน
"ยังไงผมต้องช่วยคุณอยู่แล้ว"
HM06
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 มิ.ย. 2567, 15:16:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 มิ.ย. 2567, 15:16:55 น.
จำนวนการเข้าชม : 69
<< มีคนหายในหมู่บ้าน |