Valensole ลาเวนเดอร์...ที่รัก
ความรักระหว่าง 'วาลองโซล' หนุ่มฝรั่งเศสผู้ไม่เคยแพ้
กับ 'ลาเวนเดอร์' หรือ 'น้องลา' สาวญี่ปุ่น ผู้หญิงขี้แพ้

วาลองโซล คือ ดินแดนแห่งการเดินทางของลาเวนเดอร์
ที่ที่ลาเวนเดอร์บานสะพรั่งสวยงามแต่งแต้มผืนดิน
เป็นสีม่วงคราม...งดงามจับใจ
Tags: แต่งก่อนจีบ ไสยศาสตร์ มนต์ดำ รักแท้

ตอน: บทที่ 20 คนของความทรงจำ

เสียงนั้นเรียกสติของวาลองโซลให้กลับมา

จนต้องรีบผละจากร่างอันเย้ายวนใจราวกับเมื่อครู่ได้แตะต้องเตาไฟร้อนจนลวกเอา

ก่อนจะถอยห่างออกมา เบือนสายตาไปทางอื่น



"ซันนี ซันนี" ทันทีที่เรียกชื่อ ร่างของลูกน้องคนสนิทก็รีบเดินเข้ามา เมื่อเห็นคนบนเตียงจึงเข้าใจสถานการณ์



"ช่วยจัดการเธอด้วย"



"ได้ค่ะ" หญิงสาวรับคำพร้อมกับเดินไปยังห้องน้ำนำกะละมังกับผ้าชุบน้ำออกมา



"คุณหมอออกไปก่อนเถิดค่ะ ซันนีจะเช็ดตัวลดความร้อนให้องค์หญิง" วาลองโซลพยักหน้า

แล้วเดินออกจากห้องไป ไม่วายได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างทรมานของลาเวนเดอร์

เขาจึงกลับเข้าไปอีกครั้งแล้วใช้ผ้ามัดปิดปากเธอเอาไว้ เพียงเพราะไม่ต้องการให้ใครได้ยินเสียงนี้ของเธอ

ซึ่งเป็นจังหวะที่ซันนีกำลังปลดชุดให้ลาเวนเดอร์พอดี สายตาเจ้ากรรมรีบเบือนหน้าหนี

แล้วรีบก้าวออกจากห้องหอไป



ทั้งที่ควรจะเป็นค่ำคืนอันแสนสุขของบ่าวสาว แต่เขากับเธอกลับต้องเผชิญกับสิ่งนี้

และด้วยความเหน็ดเหนื่อยกับสิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามารุมเร้าทั้งวัน วาลองโซลก็หลับลงสนิทยังห้องข้าง ๆ

เมื่อซันนีมารายงานว่า เจ้าสาวของเขาสงบลงและหลับไปแล้ว เหมือนล็อคที่ถูกปลด

วาลองโซลจึงเข้าสู่นิทรา เพราะรู้ว่า เมื่อตื่นขึ้นมา มีเรื่องใหญ่ที่เขาจะต้องเผชิญหน้ากับมัน

รอเขาและเธออยู่ เพราะเส้นทางอำนาจนั้น มีเพียงหินไฟรายล้อม หาใช่โรยด้วยกลีบดอกไม้ไม่



กษัตริย์อุบัยดะห์ได้ทิ้งกองไฟลูกมหึมาไว้ในมือของเขาก่อนจะจากไปเสียแล้ว

ซึ่งเป็นการจากไปที่เต็มไปด้วยปริศนาอันมืดดำและมีเงื่อนงำมากมายที่ยากจะไขได้ภายในเวลาอันสั้น



ส่วนซันนี หลังจากทำหน้าที่เรียบร้อยก็ได้นอนเฝ้าลาเวนเดอร์ในห้องนอนของหญิงสาว

เพราะในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่สามารถไว้วางใจใครได้เลยแม้สักคน เธอได้รับคำสั่งมาให้ดูแล

หญิงสาวผู้นี้มาก่อนที่จะได้รับคำสั่งจากหมอวาลองโซลเสียด้วยซ้ำ และแน่นอนว่า

เบื้องหลังของผู้ว่าจ้างนั้น ย่อมไม่ธรรมดา เพราะแม้แต่เธอเองก็ยังไม่รู้เลยว่า ใครกันแน่ที่ว่าจ้างเธอ

มาทำงานสำคัญขนาดนี้ ด้วยราคาสูงมากที่ยากจะมีใครให้ค่าตอบแทนได้เท่านายจ้างคนนี้



ก่อนจะทิ้งตัวลงนอน ซันนีก็ไม่วายเดินไปยังคนบนเตียงที่ยังถูกล่ามโซ่ตรวน

ด้วยแววตาเห็นใจในโชคชะตาของสตรีผู้นี้จนมิอาจบรรยายออกมาได้ มีญาติพี่น้องก็เหมือนไม่มี

แต่ละคนรอบกายเธอล้วนเอาแต่ได้ ช่างน่าอดสู แม้แต่บิดาบังเกิดเกล้าที่ไม่เคยพบเจอ

พอได้พบเจอเพียงชั่วครู่ชั่วยามก็ต้องมาพลัดพรากจากกันไปอยู่กันคนละโลกเสียแล้ว

มารดาก็ไม่แยแส ไม่แม้แต่จะยอมรับ และไม่แม้แต่จะมาร่วมแสดงความยินดีกับบุตรสาวของตน

ในวันสำคัญ แม้แต่ในพิธีฝังกษัตริย์อุบัยดะห์ เธอก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของมารดาขององค์หญิงท่านนี้



"คุณโตมาแบบไหนนะองค์หญิง แล้วโตมาอย่างงดงามและสง่างามเช่นนี้ได้ยังไงกันนะ"



อดไม่ได้ที่จะทอดมองใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติดนั่น ไหนจะรูปร่างที่ยากจะหาจุดตำหนินั่นอีกเล่า



"ใครกันนะที่ทำให้คุณอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างจากสัตว์ร้ายเช่นนี้ เขาต้องการอะไรกันแน่?"





เช้าวันใหม่ กับ แสงใหม่ในดินแดนที่ไม่คุ้นเคย ลาเวนเดอร์ลุกขึ้นมาก็พบว่า โซ่ตรวนที่พันธนาการ

ตัวเธอไว้ได้หายไปแล้ว ก่อนจะได้กลิ่นหอม ๆ ของอาหารโชยเข้าจมูก ไวเท่าความคิด

ร่างงามที่เพิ่งตื่นก็ดีดตัวลุกขึ้น บิดขี้เกียจไปมา แล้วหันไปมองที่มาของกลิ่นหอม ๆ นั่น

ก็พบกับใบหน้าคม หล่อเหลา ไร้ที่ติ กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ หันมาทางเธอแน่วนิ่ง เหมือนว่ามองเธอเช่นนี้

มานานแล้ว ข้าง ๆ เขา บนโต๊ะ มีอาหารที่กำลังส่งกลิ่นหอม ยั่วยวนวางอยู่



"ผมทำอาหารอาหรับน่ะ อยากลองชิมมั้ย?" ลาเวนเดอร์พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มกว้าง

ก่อนจะรีบลุกขึ้นไปจัดการล้างหน้า แปรงฟัน แล้วก็อาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ที่มีคนจัดวางไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

แล้วเดินมายังที่นั่งตรงข้ามกับอีกคนที่นั่งรออยู่ที่เดิม อดไม่ได้ที่จะสูดดมกลิ่นหอม ๆ ที่ทำให้

กระเพาะของเธอร้องประจานเจ้าของ



"แหะ ๆ หิวค่ะ" หญิงสาวยิ้มเขินแล้วสารภาพออกไปตรง ๆ



"นี่คือ ทาบูเล่ เป็นสลัดผักสไตล์ตะวันออกกลาง สำหรับเรียกน้ำย่อย ประกอบด้วยข้าวสาลี ผักชีฝรั่ง

ใบมิ้นต์ มะเขือเทศ หอมใหญ่" เขาพูดพลางขยับจานอาหารเมนูทาบูเล่ให้ลาเวนเดอร์

แล้วหยิบขวดน้ำมันมะกอก ปรุงรสทาบูเล่ด้วยน้ำมันมะกอก จากนั้นจึงบีบน้ำเลม่อนลงไป

ลาเวนเดอร์มองท่าทางนั้นของเขาอย่างเพลิดเพลิน อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองดวงหน้าของเจ้าของ

มือเรียวนั่น ที่คอยจัดแจงเรื่องอาหารการกินของเธอนับตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอจนบัดนี้



ตอนนี้ เธอเหมือนคนกำลังหลงทาง ที่อยู่ ๆ ก็โผล่มาเจอโลกใบใหม่

จากคนที่ไม่มีใคร อยู่ในโลกที่มีแค่การหนีเอาตัวรอดเพียงลำพัง กลับมีตัวละครงอกเข้ามาเรื่อย ๆ

โลกทั้งใบของเธอในตอนนี้ มันเปลี่ยนไปไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีก ราวกับเธอได้จากโลกใบเดิม

โดยทิ้งมันไว้ข้างหลัง แล้วใช้ชีวิตที่เหลือตต่อไปโดยไม่รู้ว่าต้องจัดการอย่างไรกับชีวิตที่เป็นอยู่



แต่เพราะการตื่นมาเจอเขา มีเขาอยู่ข้าง ๆ คอยเป็นทุกอย่างให้เธอ มันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นใจ



"ขอบคุณนะคะ" หญิงสาวยิ้มกว้างส่งให้เขาที่คอยบริการเธออย่างใส่ใจ ลึกไปกว่านั้น

เธอรู้สึกขอบคุณเขาสำหรับทุก ๆ เรื่องที่คอยจัดการให้เธอ เมื่อวานถ้าไม่ได้เขาช่วยเหลือ

เธอก็คงทำอะไรไม่ถูก



"กินเถอะ มันช่วยเรียกความสดชื่นให้ได้" ลาเวนเดอร์จึงตักมาชิมก่อน ก่อนจะยิ้มเมื่อรสชาติถูกใจ

แล้วก็ตักกินคำต่อไปเรื่อย ๆ อย่างมีความสุข



"อันนี้ฮัมมูส กินพร้อมแป้งพิต้า" ลาเวนเดอร์มองเมนูที่เขาพูดถึง แล้วเลิกคิ้วนิดนึง แลดูน่ารักน่ามอง

ทำให้คนที่แอบมองอยู่ถึงกับหัวใจแกว่ง



"เหมือนถั่วบดเลยค่ะ"



"ใช่ เป็นถั่วลูกไก่ที่นำมาบดจนกลายเป็นเนื้อครีม ปรุงรสด้วยมะนาว กระเทียม และ เกลือ"

ไม่พูดเปล่า เขาหยิบแป้งพิต้าขึ้นมาจิ้มฮัมมูส แล้วป้อนให้หญิงสาว ทำเอาลาเวนเดอร์ถึงกับทำอะไรไม่ถูกขึ้นมา



"กินสิ ไม่ชอบหรือ?" ลาเวนเดอร์จึงอ้าปาก เขาก็ป้อนมันเข้าปากของเธอ แล้วยิ้มตรงมุมปาก

เมื่อเห็นแก้มนั่นแดงระเรื่อขึ้นมา



"อร่อยมั้ย?" ลาเวนเดอร์พยักหน้า ก่อนจะยกหัวแม่มือให้เขาด้วยท่าทางขวยเขินนิด ๆ



"ทำไมคุณหมอถึงใจดีกับฉันแบบนี้ด้วยละคะ? เพราะอะไรหรือคะ?" ลาเวนเดอร์ที่ยกผ้าเช็ดปาก

ขึ้นซับรอยเปื้อนตรงมุมปากแล้วถามออกไปด้วยแววตาใคร่รู้ เขากลับเลิกคิ้วนิด ๆ แล้วก็พูดน้อย ๆ

ตามเคยว่า



"คุณอยากให้ผมใจร้ายกับคุณหรือ?" ลาเวนเดอร์ส่ายหน้า



"ไม่เลยค่ะ อยากให้ใจดีแบบนี้ตลอดไป"



"งั้นก็กินให้หมดเกลี้ยงได้มั้ย?" เขามองไปที่อาหารที่เขาเตรียมทั้งหมดมาให้เธอ ซึ่งยังเหลืออยู่ไม่มาก



"ได้สิคะ อร่อยขนาดนี้ ฉันกินหมดเกลี้ยงอยู่แล้ว" ว่าพลางตักอาหารเข้าปากไปแล้วเคี้ยวตุ้ย ๆ

ไม่มีห่วงสวยอย่างที่สาว ๆ หลายคนหวงกัน



"คุณหมอเก่งจังเลยค่ะ ทำอะไรมาให้ฉันกินไม่เคยซ้ำกัน แถมอร่อยลงตัวทุกอย่างเลยด้วย"



"คุณไม่เบื่อที่ต้องชมผมบ้างเลยรึไง เห็นชมทุกครั้งที่ได้กิน"



"ก็ถ้าคุณหมอไม่เบื่อทำของอร่อย ๆ ให้ฉันกิน ฉันก็ไม่เบื่อที่จะชมคุณหมอหรอกค่ะ

ฉันน่ะ ไม่ค่อยได้กินของอร่อย ๆ แบบนี้หรอกค่ะ แค่กินเพื่อความอยู่รอดเท่านั้น มีอะไรที่ทำให้หายหิวได้

ฉันก็กินได้ แถมยังทำกินไม่เก่งเลย และไม่คิดเลยว่า ชีวิตนี้จะได้มาอยู่กับคนที่ทำอะไรก็อร่อยมาก ๆ

แบบคุณหมอ ไม่คิดว่าจะได้กินของอร่อย ๆ ไม่ซ้ำกันสักมื้ออย่างนี้

แบบนี้น่ะ เรียกว่า โชคดีได้มั้ยอะคะ?" ไม่พูดเปล่า หญิงสาวยื่นแป้งพิด้าที่จิ้มฮัมมูสป้อนให้คนทำ

แต่ชายหนุ่มกลับส่ายหน้าเบา ๆ



"ผมกินมาแล้วละ หิวจนรอคุณตื่นไม่ไหว เลยกินไปก่อนหน้าแล้ว"



"อีกสักนิดนะคะ เร็ว ๆ สิ" หญิงสาวทำเสียงสองออดอ้อนให้อีกฝ่ายอ้าปาก ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปาก

แล้วยอมอ้าปากให้เธอป้อนอย่างว่าง่าย แล้วยังสบตาคู่นั้นแน่วนิ่ง จนเจ้าของตาหวานต้องรีบเบี่ยงหลบ



"กินคนเดียว กับ มีคนป้อนให้กิน อย่างไหนอร่อยกว่ากันคะ" หญิงสาวถามไปก็หน้าแดงไป

ทำให้คนที่ปกติไม่ค่อยยิ้ม กลับยิ้มเบา ๆ ออกมา



"ป้อนอีกคำสิ ผมจะได้ยืนยันคำตอบ" ลาเวนเดอร์แทบอยากจะบิดผ้าเช็ดปากในมือด้วยความเขิน

มือเรียวสวยยื่นไปหยิบแป้งพิต้า แล้วจุ่มลงในฮัมมูส ก่อนจะป้อนมันให้เขา แล้วรีบก้มหน้างุด

ซ่อนอาการเก้อเขินที่ชวนให้ร้อนหน้าเหลือเกิน



"ต่อไป คงต้องผลัดกันป้อนให้กินแล้วละ" เขาบอกพร้อมรอยยิ้มกว้างที่ลาเวนเดอร์ไม่เคยเห็นมาก่อน

ทำเอาหญิงสาวถึงกับมองภาพนั้นจนตาค้าง มารู้ตัวได้สติอีกทีก็ตอนที่เขาป้อนขนมให้เธอกิน



"คาบีส" เขาบอกชื่อขนมหวานให้เธอฟัง แต่คนฟังที่กำลังเคี้ยวขนมกับมองหน้าเขาไปพลาง ๆ

เหมือนสติจะยังกลับมาไม่ครบ จนเมื่อเขาดีดนิ้วตรงหน้าเธอเท่านั้นแหละ ลาเวนเดอร์ก็ถึงกับยิ้มขันออกมา



"ฉันนี่โก๊ะจริง ๆ เลย"



"น่ารักดีนะผมว่า"



"คุณหมอว่าไงนะคะ"



"น่ารักครับ" อะไรกันเนี่ย นี่มันวันอะไร ทำไมมันหวาน ๆ ร้อน ๆ แปลก ๆ



"ก็คุณหมอยิ้มแบบนั้น ทำเอาฉันใจบินไปไหนก็ไม่รู้ขึ้นมา" พูดแล้วก็ยิ่งหน้าแดงเป็นมะเขือเทศ

จนต้องยกมือโบกพัดใบหน้าตัวเองให้หายร้อน



"ตอนนี้ยังบินอยู่รึเปล่าครับ"



"มันกลับมาแล้วค่ะ แต่ว่าร้อนจัง" คราวนี้ถึงกับยกสองมือโบกไปมาพัดหน้าตัวเอง

ทำให้คนที่มองอากัปกิริยานั้นอยู่ตลอดถึงกับยิ้มกว้างอีกครั้ง



"ยิ้มแบบนี้อีกแล้ว คุณหมออ่ะ ขี้แกล้ง" ลาเวนเดอร์รีบหันหน้าหนีทันทีเป็นการแก้เก้อ

ทว่า อีกฝ่ายกลับจับคางของเธอให้หันกลับไปทางเขา แล้วสบตานิ่ง จ้องเข้าไปในดวงตา



"กระจกวิเศษเอ๋ย ใครงามเลิศในปฐพี" เขาพูดเบา ๆ ทว่าหนักแน่น



"ฉันน่ะสิ ฉันน่ะสิ" ลาเวนเดอร์ยิ้มกลบแล้วก็รับมุกของเขาอย่างขำขัน ส่งผลให้เขายิ้มกว้าง ๆ

จนเห็นฟันเรียงตัวสวยงาม พาให้ใจละลายซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกแล้ว



"วันนี้ คุณต้องเล่นบทองค์หญิงลัยลาลิณ ชายาขององค์รัชทายาทที่กำลังจะถูกสถาปนา

เป็นกษัตริย์องค์ใหม่ของดินแดนนี้ ซึ่งนั่นหมายความว่า องค์หญิงลัยลาลิณก็จะกลายเป็น

องค์ราชินีลัยลาลิณ ซึ่งคุณสามารถเป็นตัวเองได้เต็มที่อย่างที่เคยเป็น ไม่ต้องฝืนเป็นคนอื่น

ให้ต้องอึดอัด เข้าใจมั้ย?" ลาเวนเดอร์มองใบหน้าคมหล่อตรงหน้าที่อยู่ ๆ ก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าท่าทาง

ขึงขังขึ้นมา นี่สินะ เป้าหมายที่เขาหลอกล่อเธอจนเคลิบเคลิ้มไปกับเขาเมื่อครู่



จบลงแล้วสินะ ซีนหวาน ๆ



"ฉันต้องเจอใครที่รับมือยากบ้างคะ"



"อาจต้องเจอกับมาดามมารีอานน์และอดีตคู่หมั้นของผม"



"งั้นก็รับมือไม่ยากหรอกค่ะ เพราะพ่อแม่ที่แท้จริงของคุณหมอไม่อยู่แล้วทั้งคู่

มาดามมารีอานน์ก็ไม่ใช่แม่สามีของฉันสักหน่อย และอดีตคู่หมั้นของคุณหมอก็เป็นอดีตไปแล้ว

ตอนนี้ฉันคือ ชายานี่คะ หรือคุณหมอจะแต่งตั้งชายาอีกคนเพิ่มเติม?"

แววตาคมกริบสบประสานดวงตาของลาเวนเดอร์นิ่งเมื่อเธอเอ่ยประโยคนั้นออกมา



"คุณอยากให้ผมเพิ่มชายาอีกคนรึเปล่าละ?"



"แล้วแต่คุณหมอสิคะ"



"แน่ใจหรือที่พูดแบบนั้น?"



"ก็คุณหมอมีสิทธิ์ในเรื่องนี้ จะใช้สิทธิ์หรือไม่ใช้สิทธิ์ก็แล้วแต่คุณหมอนี่คะ

และฉันที่เป็นชายาก็ไม่ควรห้ามหรือคัดค้านการหาความสุขของสามี ไม่ใช่หรือคะ?"



"หาความสุขหรือ?" เสียงของเขานิ่งไปจากเดิมจนคนฟังเริ่มไม่ชอบน้ำเสียงโทนนี้ขึ้นมา



"ใช่ค่ะ" ลาเวนเดอร์หันสายตาไปทางอื่น แม้ว่าปลายคางยังถูกเขาจับตรึงเอาไว้



"ใจกว้างจัง" เขาว่า แววตาที่สบตาเธอตอนนี้ได้ขยับเลื่อนลงต่ำมาหยุดที่ริมฝีปากเธอ

จนทำเอาลาเวนเดอร์ใจสั่น เริ่มทำอะไรไม่ถูกขึ้นมา



"ถ้าไม่ยินยอมก็หาว่าใจแคบ พอยินดีก็บอกว่าใจกว้าง สรุปว่า แบบไหนถึงจะพอใจหรือคะ?"



"ก็แบบนี้ไง?" พูดจบเขาก็ฉกริมฝีปากเธอแล้วบดจูบอย่างหนักหน่วง เอาเป็นเอาตาย

จูบที่ไม่ได้หวานเหมือนเมื่อคืน เหมือนเขาจะลงโทษเธอผ่านทางจูบนี้เลย

ลาเวนเดอร์รวบรวมกำลังแล้วผลักเขาออก ยกมือขึ้นแตะริมฝีปากที่รู้สึกชา



"หมายความว่าไงคะ ฉันไม่เข้าใจ?"



"ก็หมายความว่า ผมไม่พอใจที่เมียตัวเองไม่รู้สึกหึงหวงสามีตัวเองแบบที่คุณทำเมื่อกี้

และผมจะพอใจก็ต่อเมื่อผมได้ลงโทษคุณแบบเมื่อกี้นี้ไง"



"คุณมันบ้าไปแล้ว ผู้หญิงขี้หึงน่ารำคาญจะตาย คุณหมออยากให้ฉันเป็นผู้หญิงที่น่ารำคาญรึไง?"



"ผมเคยบอกหรือว่าผมรำคาญคุณ เคยบอกหรือว่าผมรำคาญเมียขี้หึง"



"ก็ไม่เคยค่ะ ก็ ก็เราเพิ่งแต่งงานกัน ฉันไม่ทันได้หึงคุณหมอเลยนะคะ"



"งั้นคุณก็ควรจะหึงได้แล้ว" วาลองโซลหัวเสียไม่น้อยกับท่าทีและคำพูดพวกนั้นของคนตรงหน้า

ที่ได้ขึ้นชื่อว่า 'เมีย' แม้จะยังไม่ได้เข้าหอกันก็ตาม แต่เธอจะเที่ยวยกเขาให้หญิงอื่นหน้าตาเฉย

แบบนี้ไม่ได้ ถ้าเขาอยากแต่งงานกับอดีตคู่หมั้น เขาจะอยู่โสดมาจนตกลงแต่งงานกับเธอหรือ



"โอเค หึงก็หึง หึงก็ได้ค่ะ" พูดจบ ลาเวนเดอร์ก็ลุกขึ้นเข้าห้องน้ำไปอย่าง งง ๆ

พอออกมาจากห้องน้ำ ก็เจอเขายืนจังก้าทำหน้าไม่พอใจตรงหน้าห้องน้ำอีก



"จะเอายังไงกันแน่ก็ว่ามาเลยค่ะ" น้ำเสียงกึ่งงอนกึ่งอ้อนนั่นชวนให้คนฟังหัวใจกวัดแกว่งไม่น้อย

เจ้าตัวคงหารู้ไม่ว่า น้ำเสียงตัวเองนั้นไม่ต่างจากกับดักหลุมพราง ไหนจะริมฝีปากยามที่มันขยับขึ้นลง

ไปมาตอนพูดนั่นอีก เขาต้องอดทนอดกลั้นกับมันมากขนาดไหน เธอคงไม่เคยรู้



"ต่อไปห้ามพูดหรือทำอะไรที่เป็นการยกผมให้คนนั้นคนนี้อีก ผมไม่ชอบ"



"ได้ค่ะ ฉันจะจำไว้ว่า คุณหมอต้องการมีฉันเป็นชายาเพียงคนเดียว ถูกต้องมั้ยคะ?"



บางทีเขาก็มีความเป็นเด็กชายตัวน้อยซ่อนเอาไว้นะเนี่ย



"ผมไม่ใช่คนที่จะรักและอยากแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนก็ได้ง่าย ๆ ขนาดนั้น"



"คุณหมอกำลังจะบอกว่า คุณหมอรักฉันคนเดียวและตลอดไป ไม่ได้อยากแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นอีก

ถูกต้องมั้ยคะ?" คราวนี้คนถูกถามชะงัก ส่วนคนถามก็ถึงกับกะพริบตาปริบ ๆ

ชะงักไปเหมือนกันเมื่อได้ทวนคำพูดตัวเองซ้ำอีกครั้ง



"อืม" เขาพูดแค่นั้นก็เดินหนีไปซะอย่างนั้น ทำเอาคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังถึงกับกวักมือเขาให้กลับมา

เคลียร์กันก่อน แต่ไม่ทันแล้ว ก็เล่นเดินไวออกปานนั้น แต่ก็อดยกสองมือขึ้นโบกพัดหน้าตัวเอง

ที่เริ่มรู้สึกเห่อร้อนขึ้นมาอีกไม่ได้ หัวใจก็เต้นรัวจนจะหลุดออกมาข้างนอกอยู่แล้ว



แต่พอมาคิดว่า วังแห่งนี้จะไม่มีบิดาอีกแล้ว ก็ให้รู้สึกเคว้งคว้างอย่างบอกไม่ถูกขึ้นมา

แม้ทั้งชีวิตจะไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับบิดาเลย ทว่า การต้องอยู่ที่นี่โดยไม่มีบิดาคอยคุ้มภัยให้แบบนี้

มันก็ให้รู้สึกโหวงเหวงเหลือเกิน



"พ่อคะ ลาอยากให้พ่อตื่นมาอยู่กับลา อย่างน้อย เราก็ควรได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอีกสักหน่อย"



ซันนีก้าวเข้ามา แล้วจัดการแต่งองค์ทรงเครื่องให้กับว่าที่องค์ราชินีคนใหม่

ลาเวนเดอร์มองตัวเองในกระจกแล้วยิ้มออกมา ทว่า แววตากลับหม่นหมองจนคนที่คอยจัดแจงให้

ถึงกับบีบบ่านั่นเบา ๆ เป็นการปลอบประโลม ก่อนจะเดินไปยังลิ้นชัก หยิบบางอย่างออกมา

แล้วเดินมายืนตรงเบื้องหน้าหญิงสาวยื่นมันให้กับเธอ



"มีคนฝากสิ่งนี้มาให้คุณค่ะ" ลาเวนเดอร์มองกรอบรูปและรูปถ่ายในนั้น ก่อนจะขมวดคิ้ว

เงยหน้าขึ้นมองซันนี



"ใครฝากมาหรือคะ? แล้วนี่คือภาพถ่ายของใครหรือคะ?"



"ลองดูดี ๆ สิคะว่าสามคนในรูปนี้เป็นใคร?" ลาเวนเดอร์เพ่งพิศบุคคลในรูปถ่ายอย่างพินิจพิจารณา

มันเป็นภาพของชายหญิงสองคน โดยผู้ชายในภาพกำลังอุ้มเด็กผู้หญิงในวัยแบเบาะ เด็กผู้หญิง

ที่มีดวงตาสีประหลาดแบบเดียวกับชายหนุ่มที่กำลังอุ้มเธออยู่ ส่วนผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ชายหนุ่ม

บนเก้าอี้นั้นกำลังยิ้มกว้างอย่างงดงาม เอนศีรษะอิงแอบแนบไหล่ชายหนุ่ม มือข้างนึงโอบกอด

เด็กหญิงตัวน้อยนั้นไว้ อีกข้างโน้มไปโอบชายหนุ่ม สองหนุ่มสาวในภาพดูสวยหล่อ ไร้ที่ติ

และเหมาะสมกันเหลือเกิน เป็นภาพที่มองดูแล้วดูอบอุ่น น่ารัก สดใส มีความสุขโอบล้อมพวกเขา

ทั้งสามคนเอาไว้จนลาเวนเดอร์ที่มองภาพนั้นถึงกับน้ำตาคลอเบ้า ก่อนจะปล่อยน้ำตาให้ไหลหลั่งลงมา



"นี่คงเป็นภาพความทรงจำเดียวที่พวกเขาทั้งสามคนมีร่วมกันใช่มั้ยคะ?" ลาเวนเดอร์ปาดน้ำตา

ก่อนจะกอดภาพนั้นเอาไว้แนบอก



"เมื่อกี้ฉันยังคิดว่า ถ้าฉันกับพ่อมีความทรงจำด้วยกันอีกสักหน่อย ก็คงจะดีกว่านี้

ดีกว่าการที่พ่อหายไปจากการมองเห็น แล้วฉันก็ยังหาพ่อไม่เจอในความทรงจำ

แต่พอคุณยื่นภาพนี้ให้ฉัน ฉันก็ได้รู้ว่า จริง ๆ แล้ว พวกเราก็เคยมีความสุขร่วมกันมาก่อน

เคยมีช่วงเวลาที่มีความสุขด้วยกัน และก็เคยมีความทรงจำที่งดงามด้วยกัน"



ลาเวนเดอร์ร้องไห้ตัวโยนขณะกอดรูปภาพนั้น ซันนีที่เห็นอย่างนั้นจึงสวมกอดเธอเอาไว้

แล้วลูบหลังเบา ๆ วาลองโซลที่เพิ่งเดินเข้ามาถึงกับชะงักเมื่อได้ยินประโยคนั้นจากเธอ

ขาของเขาก็เหมือนถูกตรึงเอาไว้กับที่



"ท่านไม่เคยหายไปไหน แค่ย้ายจากดดวงตา ไปอยู่ในดวงใจและความทรงจำเท่านั้นค่ะ"

ซันนีเอ่ยปลอบขวัญ เพราะรู้ดีว่า ภายใต้รอยยิ้มของสตรีผู้นี้นั้น มีเรื่องราวมากมายซ่อนอยู่



"อย่าเสียใจที่มันได้จบลงไปแล้ว แต่จงขอบคุณที่มันเคยเกิดขึ้น จงขอบคุณที่ครั้งหนึ่ง

เคยรักกันมากขนาดไหน" ประโยคนี้ของซันนีทำให้ลาเวนเดอร์ถึงกับร้องสะอื้นตัวโยน

แล้วกอดร่างซันนีเอาไว้แน่น



"ใครฝากภาพนี้มาให้ฉันหรือคะ?"



"กษัตริย์อุบัยดะห์ค่ะ ท่านให้ฉันไว้ก่อนวันแต่งงานของคุณ กำชับให้ฉันมอบมันให้คุณ

หลังจากวันแต่งงานค่ะและยังฝากคำพูดนึงมาให้คุณด้วย ฝากบอกคุณเมื่อคุณได้ดูรูปถ่ายนี้แล้วว่า"



ซันนีดันร่างที่กอดเธอเอาไว้ให้ห่างออกมา สบตาคู่นั้นที่ยังเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา

แล้วบอกคำพูดสั่งลาที่กษัตริย์อุบัยดะห์ฝากมันไว้กับตนว่า



"ภาพความทรงจำที่มีค่า คือ ภาพเวลาที่มีความสุขและความทุกข์ร่วมกัน

บางคนอยู่ในใจนานกว่าเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันซะอีก ท่านบอกว่า ท่านและคุณมีเวลาอยู่ด้วยกันน้อยก็จริง

แต่ไม่เคยมีสักวันที่ลืมคุณเลย นี่คือ รูปถ่ายใบเดียวที่ได้ถ่ายด้วยกันกับคุณและแม่ของคุณ

เป็นภาพที่ท่านนอนกอดทุกคืน และขอให้ฉันส่งต่อมันให้คุณให้ได้"



ลาเวนเดอร์มองภาพนั้นอีกครั้ง แล้วกอดมันแนบอกอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มออกมาในที่สุด

ยิ้มทั้งน้ำตาอาบแก้ม เป็นภาพที่วาลองโซลที่ยืนมองแล้วรู้สึกเจ็บจี๊ด ๆ ตรงหัวใจ



"มันคือ ช่วงเวลาที่แสนดีที่ไม่มีทางคืนมาอีกแล้วค่ะคุณซันนี เพราะพ่อไม่อยู่แล้ว

และแม่ก็ไม่ได้ต้องการให้ฉันอยู่ในชีวิตของเขา"



"ทุกคนล้วนมีเหตุผลเป็นของตัวเองค่ะ" ซันนีวางมือบนบ่าหญิงสาวตรงหน้าแล้วบีบเบา ๆ



"ค่ะ ตอนนี้ชีวิตฉันมีคุณหมออยู่ข้าง ๆ มีคุณซันนีที่คอยจัดแจงสิ่งต่าง ๆ ให้

แค่นี้ฉันก็รู้สึกดีมาก ๆ แล้วค่ะ" ลาเวนเดอร์ปาดน้ำตาตัวเองแล้วยิ้มกว้าง ๆ หมายจะขับไล่

ความขุ่นมัวในหัวใจออกไป เพราะถ้าเธอไม่ทำแบบนี้ ก็จะไม่สามารถรักษาหัวใจของตัวเองได้



"พ่อน่ะ อยู่ตรงนี้ค่ะ และจะไม่ย้ายไปอยู่ที่ไหนอีก" หญิงสาวยกมือขึ้นวางลงตรงตำแหน่งหัวใจ



"นี่จึงเป็นเหตุผลที่ฉันอยากจะรักษาหัวใจไว้ให้ดี เพราะตรงนี้มีผู้ที่ฉันรักอยู่เสมอไม่ไปไหน"



พูดจบก็หันไปยังกระจกบานใหญ่ มองตัวเองในชุดราตรีสีดำสนิทไม่มีลูกไม้ใด ๆ

ทั้งยังปกปิดมิดชิดทุกสัดส่วน ก่อนจะวางกรอบรูปลง ซับใบหน้าตัวเองด้วยแป้งเบา ๆ

จากนั้นก็ใช้ผ้าไหมสีดำปิดใบหน้าของตน แล้วหยิบรูปถ่ายนั้นขึ้นมากอดอีกครั้ง



"ไปกันเถอะค่ะ ฉันพร้อมแล้ว" ลาเวนเดอร์หันไปยังประตูห้อง ก็พบวาลองโซลที่ยืนอยู่ตรงนั้น

ซึ่งไม่รู้ว่ายืนอยู่นานแค่ไหนแล้ว หญิงสาวยิ้มให้เขาแล้วเดินไปหาเขา จับมือเขาแล้วแนบศีรษะ

กับลำแขนของเขาอย่างออดอ้อน



"สอนฉันเดินด้วยนะคะ ฉันยังเดินไปบนเส้นทางนี้ไม่เป็น และไม่รู้ว่าจะต้องเดินยังไง แบบไหน"

วาลองโซลกระชับมือนั้นไว้ บีบเบา ๆ พร้อมกับพูดว่า



"คุณก็แค่เดินข้าง ๆ ผม และเชื่อใจผมเท่านั้น" ลาเวนเดอร์ช้อนตาขึ้นมองเขา แล้วพยักหน้าหนักแน่น

แล้วก็เดินข้างเคียงข้างเขาโดยปราศจากความกังวลใด ๆ



เพราะได้มอบหมายกับเขาแล้ว และเธอก็เชื่อว่าเขาจะไม่ทำร้ายทำลายชีวิตเธอ



เธอก็แค่ต้องการใครสักคนที่รักจริง



และหวังว่า รักครั้งนี้จะเป็นความจริง





.....................โปรดติดตามตอนต่อไป.................................





yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ธ.ค. 2567, 20:15:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ธ.ค. 2567, 20:15:39 น.

จำนวนการเข้าชม : 71





<< บทที่ 19 กาขาว   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account