เกี่ยวหัวใจ...ใส่ห้องรัก ~*My sweetest roommate*~
ดันต้องอยู่ใกล้แบบกำแพงห้องกั้นกับหนุ่มหล่อ ปากจัด กัดหนัก หน้าตายแบบ"ทฤษฎี"...สาวน้อยหน้ามน"สุนทรีย์" ที่หนีรักจากเมืองไทย จะตกหลุมมรักครั้งใหม่อีกครั้งหรือไม่...
Tags: รูมเมท,ปากจัด

ตอน: บทนำ + บทที่ 1 : อกหักเพียงครั้งยังไม่ตาย

บทนำ



เมื่อ "สุนทรีย์" ตัดสินใจหนีรักไปเรียนภาษาอังกฤษตั้ง

ไกลถึง New york แต่ดันเกิดเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เมื่อ

หอพักที่หล่อนเพียรหาเช่าในราคาที่ถูกแสนถูกกลับโดน

เชิดเงินไปต่อหน้าต่อตา เดือดร้อนถึงเพื่อนชายคนสนิท

ที่ตัดสินใจบังคับขู่เข็ญพี่ชายร่วมสายเลือด"ทฤษฎี" ให้

แบ่งห้องของตัวเองแก่เพื่อนเขา..





===================================




แม้ไม่อยากจะสุงสิงกับเพื่อนน้องชาย เพราะเข้าใจว่าอาจ

จะเป็นคนรักของน้อง แต่เจ้าเพื่อนตัวดีของน้องเขาสิก็

หมั่นสร้างเรื่องให้เวียนหัวอยู่ตลอด...เฮ้ออออออออ




พี่ชายของไอ้อ้นนี่ก็กวนประสาทขั้นเทพ ถามเรื่องตอบอีก

เรื่องประจำ แถมไม่รู้จะพูดน้อยไปไหน...กลัวดอกพิกุลจะ

ร่วงรึไงกันเนี่ย นี่ต้องอาศัยอยู่ห้องเดียวกันนะ ไม่งั้น

ล่ะ....คนอย่างสุนทรีย์ไม่ยอมหรอกจะบอกให้



//////////////////////////////////////////////////////////////////////

บทที่ 1 : อกหักเพียงครั้งยังไม่ตาย



"เพลง หนุ่มว่าเราเลิกกันเถอะนะ...หนุ่มเพิ่งมาคิดได้ว่า เพลงไม่ใช่อนาคตของเรา"


โอ้โหหหหหหห...ประโยคแบบนี้ที่สุนทรีย์ไม่เคยคิดที่จะมีวันได้ยินจากณวัตแฟนหนุ่มที่คบหาดูใจกันมามากกว่า 4 ปี แต่ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง เมื่อแฟนหนุ่มที่มีท่าที่เบื่อหน่ายในทุกทุกอย่างที่หล่อนเคยทำ แถมยังไม่มาหาอย่างเคย เพื่อนๆหล่อนหลายคนเอ่ยเตือนว่า นี่มันคือสัญญาณของการถูกทิ้ง แต่สุนทรีย์ก็รักณวัตเกินกว่าที่จะยอมรับว่า อีกฝ่ายกำลังจะหมดรัก หล่อนพยายามยื้อยุดฉุดกระชากความรักกลวงๆของหล่อน จนกระทั่งแฟนหนุ่มทนไม่ไหว ตัดสินใจบอกเลิกในวันที่ครบรอบ 4 ปีพอดี


"ฮือออออออออออออ....ไอ้อ้นนนนนนนน กูถูกทิ้งงงงงงงง" เสียงสุนทรีย์กรีดร้องใส่โทรศัพท์ทันทีที่ถึงห้องพัก หล่อนก็ต่อสายถึงเพื่อนชายคนสนิท


"เฮ้ย...อะไรของมึง โทรมาคร่ำครวญอะไรตอนนี้" อ้น หรือ ทัศนัย เพื่อนชายที่สนิทที่สุดที่สุนทรีย์มี หลายคนมักจะเข้าใจผิดตลอดว่าหล่อนเป็นแฟนกับทัศนัย หรือไม่ก็ ทัศนัยแอบหลงรักเพื่อนสนิทอย่างหล่อน แต่ทั้งสองคนก็กล้าพูดได้เต็มปากเลยก็ได้ว่า คบหากันแบบมิตรภาพของเพื่อนที่แท้จริง


สุนทรีย์และทัศนัยเรียนจบด้านมัณฑนศิลป์มหาลัยรัฐบาลชื่อดังด้วยกัน ความเป็นเพื่อนเริ่มจากวันที่รับน้องใหม่ที่คณะที่ทั้งสองคนได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ตลอดจนเป็นบัดดี้กันตลอดทั้งปี ความเป็นคนตรงไปตรงมาของสุนทรีย์แถมบ้าบ้าบอบอไปไหนไปกันของหล่อนทำให้ทัศนัยคิดมากกว่าเพื่อนไม่ลง คิดดุว่าวันดีคืนดีตอนทำโปรเจคสุนทรีย์ก็เกิดแสดงวิธีแก้ง่วงด้วยการเต้นแร้งเต้นกา ต่อหน้าธารกำนัลเพื่อนในสตูดิโอ...เรียกว่าธาตุแท้ของไอ้เพลง ทัศนัยเห็นจนหมดเปลือก มันรักผู้หญิงสติแตกแบบนี้ไม่ได้จริงจริง ทัศนัยรู้ว่าสุนทรีย์คบหากับณวัตจากแม่สื่อของเพื่อนสนิทเพลงสมัยมัธยม วันดีคืนดีสุนทรีย์ก็ยังมานั่งพร่ำเพ้อถึงความหล่อและแสนดีของแฟนหนุ่มจนทัศนัยแอบหมั่นไส้ ในบางครั้งทัศนัยก็งงเหลือเกินว่า...ผู้หญิงบ้าบ้าบอบอแบบนี้เหมาะกับผู้ชายที่เรียบหรูหัวจรดปลายเท้าอย่างณวัตได้อย่างไร


"ฮือออออออออออ....ไอ้หนุ่มมันทิ้งกู..ฮึก ฮึก มันบอกว่ากูไม่ใช่...ฮึก ฮึก อนาคตของมัน ฮือออออออออออออ สะ..สี่ ปี นะมึงงงงงงง...ฮึก ฮึก ........ฮืออออออออ" เสียงคร่ำครวญโหยหวนของสุนทรีย์ทำให้ทัศนัยเกิดความสงสาร ก็เขาพอจะรู้อยู่ว่า ชายหนุ่มคนนี้ก็ไม่ได้ดีอะไรมากมาย เตือนเพลงไปเท่าไรมันก็บอกว่ามันรักของมัน


"เออ...เอาน่ามึง..ผู้ชายไม่สิ้นไร้เท่าใบพุทรา วันนึงมึงก็จะเจอคนที่รักมึงจริง" เอาจริงทัศนัยพูดไปเพื่อปลอบใจเท่านั้น ไอ้การที่จะมานั่งนึกถึงหน้าเจ้าบ่าวในอนาคตของไอ้เพลงเพื่อนรัก มันช่างยากเย็นราวกับงมเข็มในมหาสมุทรก็ไม่ปาน


"ฮืออออออ....ตะ แต่ ตอนนี้ ฮึก ฮึก กูเสียใจจจจจจจจจไอ้!#$(*&^$%%#@$^%^%#"


ตอนนี้สุนทรีย์ได้แต่ด่ากราดสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ ทัศนัยได้แต่ถอนหายใจ ต้องยอมมันไป เพราะไม่งั้นถ้าไปขัดมันอีก คราวนี้ล่ะ ระเบิดลงชัว........


"เออ..เออ กูเข้าใจ" ตอบไปอย่างไม่รู้จะพูดยังไงดี


"ไม่!!!!...มึงไม่ ฮึก ฮึก เข้าใจกูหรอก กูต้องทำงานที่เดียวกับมัน ต้องเจอหน้ากัน ฮืออออออออ...กูทำใจไม่ได้ กูยังรักมัน" เสียงแข็งจากสุนทรีย์ทำให้ทัศนัยได้แต่ทนฟังแบบเงียบๆ อย่างที่เพลงพูดมันก็ถูก เพราะทั้งณวัตและสุนทรีย์ ต่างก็ทำงานอยู่ที่เดียวกัน แต่ต่างกันที่คนละแผนก ณวัตทำงานในฝ่ายจัดการดูแลสินทรัพย์อาคาร ส่วนสุนทรีย์รับผิดชอบในตำแหน่ง มัณฑนากร


"อ่ะ อ่ะ...งั้นมึงก็ย้ายที่ทำงานหนีไหม" เหมือนว่าประโยคที่เขาพูดออกไปจะเป้นใส่เชื้อเพลิงชั้นดีให้สุนทรีย์ เพราะพอจบประโยคเพื่อนสาวก็แผดเสียงดังลั่น


"มึงจะให้กูหลบหน้ามันเร๊อะ!!!!!!!.....ไม่ไม่ไม่ ไม่มีวันนนนนนนนน" โอ้ววววว..ไม่น่าพูดเลยทัศนัย


"เปล๊า.....ก็กูเห็นมึงครวญคราง ถ้ามึงไม่อยากเห็นหน้าเค้า มึงก็ต้องลาออก"


"ไม่!!!! กูจะไม่ลาออกเด็ดขาด แต่...กูจะสู้ตาต่อตาฟันต่อฟัน" เสียงสะอึกสะอื้นหายไปแล้ว กลับกลายเป็นสุนทรีย์ผู้มุ่งมั่นจริงจังอีกครั้ง


"เออ เออ แค่มึงเห็นหน้าเค้า บ่อน้ำตามึงก็แตกแล้ว" เหมือนพูดแทงใจเพื่อนสาวที่อยู่ในระยะโคม่าจากอาการบาดเจ็บทางหัวใจ สุนทรีย์ก็ร้องไห้อีกครั้ง สงสัยคืนนี้จะต้องฟังเพื่อนตัวดีเล่าประสบการณ์อกหักครั้งอีกยาว.........


วันนี้มันวันอะไรว่ะ...เมื่อคืนก็นอนดึกเพราะมัวแต่คร่ำครวญกับเพื่อนหนุ่มจนถึงตีสี่..แถมตอนเช้านาฬิกาปลุกก็ดันถ่านหมด ตื่นมาอีกทีก็แปดโมง ยัง!!!!ยังไม่พอ ฝนดันตกตอนที่สุนทรีย์เดินออกมาจากหอพักอีก...เริ่ดอะไรอย่างนี้...หล่อนมีลางสังหรณ์ว่าความซวยของหล่อนมันยังไม่สิ้นสุดเป็นแน่


สุนทรีย์หอบร่างกันเปียกซกมะล่อกมะแล่กเหมือนลูกหมาตกน้ำมาถึงหน้าตึกบริษัทในเวลาสิบโมงเช้า....ยอดเยี่ยม!!!!! สายไปหนึ่งชั่วโมง เหลือบมองดูนาฬิกาเรือนงามก็ได้แต่ถอนใจ เอาว่ะ....ยังไงก็สายแล้ว ขอแวะหาอะไรรองท้องใต้ตึกสำนักงานก่อนล่ะกัน



ขณะที่สุนทรีย์กำลังสอดส่ายหาขนมปังรองท้อง สายตาก็เหลือบเห็นร่างสูงที่คุ้นเคย... ณวัต แต่นั่นมันคงจะไม่ทำให้หล่อนเกิดอาการสติหลุดได้มากเท่ากับ ณวัต โอบกอดหญิงสาวคนนึงด้วยท่าทีสนิทสนมพร้อมทั้งหัวร่อต่อกระซิกแบบไม่เกรงใจสายตาเพื่อนร่วมงานที่เดินเพ่นพ่านในตึก ทั้งที่ทุกคนพอจะรู้ว่า ณวัตและหล่อน เคยคบหาดูใจกัน และที่สำคัญยังไม่มีใครรู้ว่าหล่อนกับณวัตเลิกรากันแล้ว...มันจะหยามกันเกินไปแล้ว



“หนุ่ม!!!!!!!!!!!!!” สุนทรีย์แผดเสียงดังลั่น พร้อมทั้งจ้องหน้าทมึงถึงมาที่คู่ชายหญิง


“เอ่อ....เพลง” สุนทรีย์เห็นสีหน้าตกใจของฝ่ายชาย แต่ทว่าหล่อนกลับต้องตกใจมากกว่าเมื่อคนที่อยู่ข้างกายคือเพื่อนสาวสมัยมัธยมที่เป็นคนแนะนำให้หล่อนรู้จักกับณวัต...นี่มันอะไรกันว่ะ



“นี่เธอสองคน.....” สุนทรีย์เดินสาวเท้าเข้ามาใกล้คนทั้งคู่ ฝ่ายหญิงที่ยืนอยู่ข้างอดีตแฟนหนุ่มเธอถอยไปหลบอยู่ด้านหลังทันที


“เออ..เพลง...ระ เราอธิบายได้” ณวัตพยายามพูดเสียงให้เบาและฟังดูหนุ่มนวลที่สุด เพราะตอนนี้หน้าตาของอดีตแฟนสาวมันทั้งแดงก่ำ และ ดูดุร้ายมากกว่าอะไรทั้งปวง



“หุบปาก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!.....นี่พวกเธอสองคนหักหลังฉันใช่ไหม เลว!!!!! เลวมันกันทั้งสองคน ฉันไม่หน้าเสียน้ำตาให้คนเฮงซวยแบบแกเลย”
ตอนนี้เหมือนสติของหล่อนขาดลงทันที สุนทรีย์อาละวาดแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน นี่มันหยามกันชัดชัด..เพิ่งเลิกกันเมื่อวาน วันนี้มาเดินหัวร่อต่อกระซิกกัน แถมยังที่ทำงานที่นี่อีก...มันเกินไปแล้ววววววว



“ไม่ต้องมาทำหน้าตอแหลน้ำตาคลอเลยนังเพื่อนทรยศ!!!!!!!” สุนทรีย์ชี้หน้าด่าเพื่อนสาวที่หลบอยู่ทางด้านหลัง ด้วยสายตาอาฆาตแค้น




“หยุดเลยนะเพลง!!!!!” ณวัตตะคอกกลับทันทีที่หญิงสาวเอ่ยกระทบถึงบุคคลที่หลบทางด้านหลัง



“นี่แกขึ้นเสียงกะฉันเหรอห๊า!!!!!!!!” สายตาแดงก่ำที่มีหยาดน้ำตาคลอเบ้าในดวงตาคู่สวยทำท่าจะไหลลง แต่หญิงสาวกลับปาดมันแบบไม่ยอมให้คนคู่นี้เห็นน้ำตาอย่างเด็ดขาด...ไม่เด็ดขาด ไม่มีวัน



“เออ!!!!! พอสักที เพลงไม่เคยรู้ตัวเองเลยว่าตัวเองนะน่าเบื่อแค่ไหน..รู้ไหมว่ามันไม่มีวันเหมือนเดิมอีกแล้ว มันเป็นสิทธิ์ของเราที่เราจะคบกับใครก็ได้ในเมื่อเราเลิกกะเพลงแล้ว”


เหมือนคำพูดทุกคำย้อนไปมาในโสตประสาทของสุนทรีย์....สิทธิ์ของเราน่ะเหรอ เลิกกันน่ะเหรอ...ใช่เราสองคนเลิกกันแล้ว แต่ทำไม...ทำไมถึงใจร้ายกับหล่อนแบบนี้ ทำไมต้องเป็นผู้หญิง นี่มันเพื่อนสนิทหล่อนนะ แล้วเพื่อนหล่อนทำกับหล่อนได้อย่างไร สุนทรีย์ได้แต่ยืนอึ้งในขณะที่ ณวัตประคองหญิงสาวที่ทำท่าเสียขวัญสั่นประสาทประหนึ่งเดินออกจากบ้านผีสิง...ตอแหล แต่ที่เสียใจคือคำพูดของคนที่เคยบอกว่ารัก...คนที่หล่อนรักอย่างหมดหัวใจ..ไม่ใช่แค่เคย ตอนนี้หล่อนก็ยังรัก...เกลียดตัวเองเหลือเกิน สุนทรีย์ยังคงยืนนิ่งน้ำตาไหลลงมา หล่อนพยายามเม้มปากให้สนิทที่สุด ไม่สนใจสายตาของคนที่ผ่านไปมา......


สุนทรีย์ตัดสินใจลางานหนึ่งวัน โดยที่คนในบริษัทก็หาได้คัดค้านไม่..ทุกคนต่างเห็นใจสุนทรีย์ อันที่จริงกลัวหล่อนจะเกิดอาการองค์ลงมากกว่า หล่อนกดโทรศัพท์หาเพื่อนหนุ่มอีกครั้ง


“ไอ้อ้น..มึงว่างป้ะ” ทักทายกันด้วยคำยุคสมัยก่อนอย่างแท้จริง


“เฮ้ย ว่างว่าง..วันนี้ก็วันอังคาร กูไม่มีงานท๊ำ” ทัศนัยตอบกลับอย่างกวนอารมณ์


“มึงอย่า..กูกำลังมีอารมณ์” หญิงสาวตอบด้วยเสียงเข้ม



“กูไม่มีอารมณ์..เพราะได้ยินเสียงมึง” ทัศนัยก็ยังคงเป็นผู้ชายวันยังค่ำ เค้าไม่รู้หรอกว่าเวลานี้เค้าควรจะต้องปลอบใจเพื่อนสาว


“ฮืออออออออออออออออออออออออออออออออออออ” ฉิบ...กลายเป็นหญิงสาวกรีดร้องไห้ออกมาทันที ทำเอาทัศนัยต้องรีบเดินออกมาจากโต๊ะทำงานของตัวเอง


“เฮ้ย เฮ้ย มึง กูขอโทษ มึงเป็นอะไร อย่าร้องนะ อย่าร้อง” ทัศนัยปลอบโยนด้วยเสียงละล่ำละลัก กว่าจะปลอบโยนให้อีกฝ่ายสงบลงก็ต้องฟังเสียงโหยหวนเกิบสิบนาที ทัศนัยได้แต่ยืนถอนหายใจ ดูดบุหรี่หมดไปแล้ว สองมวนเพื่อนสาวก็ไม่มีท่าที่สงบ จนสุดท้ายต่อมน้ำตามันคงหยุดทำงานเอง เสียงของหญิงสาวปลายสายจึงกลับมาทำงานอีกครั้ง


“กูไม่ไหวแล้ว” สุนทรีย์เอ่ยกับเพื่อนสนิท


“ไม่ไหวก็ไม่ต้องทน”


“มึงคิดดู...ไอ้หนุ่มมันควงกับไอ้แตมมาที่บริษัทกู ไอ้แตมที่มันแนะนำให้กูรู้จักกับไอ้หนุ่มอ่ะ...แม่งเอ้ย!!!!!!” หญิงสาวสบถออกมาแบบไม่เกรงกลัวสายตาคนที่นั่งอยู่ในร้านอาหารที่หล่อนมานั่งพักพิง..ตอนนี้หงุดหงิดเว้ย



“กูก็ว่า..เห็นแปลกๆมาสักพัก”



“แล้วทำไมมึงไม่เตือนกู” สุนทรีย์ตอบกลับเสียงแข็ง



“โถ.....มึงคงฟังกูหรอก” ทัศนัยตอบด้วยเสียงกึ่งล้อเลียน “กูพูดอะไรมึงก็ไม่ฟัง มึงเถียงแทนตลอด”



“มึงอย่าซ้ำเติมกูดิ” เสียงของสุนทรีย์อ่อนลงทันที



“เอาน่ามึง..หลบไปพักใจสักพัก มึงไม่ได้แพ้..แต่ถ้ามึงฝืนต่อไป มึงเองแหละจะแย่กว่านี้”


สุนทรีย์ได้แต่อือออ ใจนึงก็เห็นด้วยกับเพื่อนหนุ่มไม่น้อย หรือว่าจริงจริงแล้วหล่อนต้องการเวลารักษาใจกันแน่ ทัศนัยบอกกล่าวขอโทษที่ไม่สามารถอยู่ปลอบโยนได้ เพราะนายจ้างมันเร่งงานชิ้นนี้มานานแล้ว จำเป็นต้องจัดการให้เสร็จ สุนทรีย์เลยตัดสินใจไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าใกล้กับที่ทำงานเพื่อนคนสนิทแทน เผื่อว่ากลางวันจะได้เจอหน้ามันสักหน่อย



“น้องค่ะ...สนใจไปเรียนภาษาอังกฤษที่อเมริกาไหมค่ะ”
สุนทรีย์กำลังเดินเตร็ดเตร่มองเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้าผู้หญิงยี่ห้อหนึ่ง อยู่ดีดีก็มีหญิงสาวอายุไม่น่าจะต่างจากหล่อนมาก มาทักทายพร้อมทั้งพยายามจะยัดใบโฆษณาอะไรสักอย่าง แต่ฟังจากที่หล่อนแนะนำแล้ว คงเป็นเรื่องการศึกษาแหละใส่มือหล่อน สุนทรีย์ได้แต่ยิ้มแห้งๆพร้อมทั้งรับไปอ่าน



“ช่วงนี้ค่าเงินบาทมันลงนะคะน้อง..ราคานี้ถูกมากเลย เหมาะสำหรับไปเรียนภาษา ได้ท่องเที่ยวด้วยนะค่ะ มีหลายเมืองเลย สนใจไหม เดี๋ยวพี่ลดค่าคอมมิชชั่นให้เพิ่มอีก”
สุนทรีย์ที่กำลังอ่านใบปลิวในมือไม่ทันได้คิดอะไร ร่างกายหล่อนก็ถูกยื้อยุดฉุดกระชากมานั่งลงตรงโต๊ะของหญิงสาวคนนั้น



“นี่ค่ะน้อง..เรามีแบบทดสอบวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษด้วยนะ แล้วนี่ก็เป็นรายละเอียดของแต่ล่ะโปรแกรมค่ะ มีตั้งแต่ สามเดือน หกเดือน ถึง ปีนึงเลยนะค่ะ”

สุนทรีย์ฟังทันบ้างไม่ทันบ้าง ผู้หญิงคนนี้หายใจทางผิวหนังรึไง พูดขายสินค้าได้อย่างไม่หยุดหย่อน


แต่จะว่าไปรายละเอียดมันก็น่าสนใจนะเนี่ย สุนทรีย์นึกย้อนไปถึงความสามารถทางภาษาอังกฤษต่ำต้อยเหมือนถูกสาป ....เออแหะ...อเมริกางั้นเหรอ ดีเหมือนกันไปเรียนภาษา เอาเงินเก็บที่เคยเก็บมารวมรวมกับขอตังพ่อกับแม่ไปอีกนิดหน่อย ไปเพิ่มพูนทักษะทางภาษาพ่อกับแม่คงเห็นด้วยเป็นแน่ แถมยังได้เที่ยวอีก ที่สำคัญได้ไม่ต้องเจอหน้าคู่รักนรกส่งมาเกิดแบบไอ้หนุ่มและไอ้แตมอีก...เอาว่ะ!!!!!!!!!!!!



“เอ่อ...แล้วราคานี้นี่รวมพวกที่พัก ค่าตั๋วอะไรนั่นรึยังอ่ะค่ะ” ถามด้วยท่าทีสนใจ...ไม่ใช่แค่ท่าทีตอนนี้มันคือหนึ่งตัวเลือกหลักเลยล่ะ



“อ่อยังค่ะ..ราคานี้ค่าเรียน แต่ตั๋วเนี่ยเราสามารถแนะนำเอเจนซี่ให้ได้นะ ส่วนเรื่องห้องพักเราจะติดต่อให้ด้วนเหมือนกัน ส่วนเรื่องราคาเราจะแจ้งไป แต่ไม่แพงหรอกน้อง..เอางี้เดี๋ยวพี่พิมสรุปค่าใช้จ่ายให้เลย เผื่อน้องจะได้จองเลยดีไหม”


สุนทรีย์ได้แต่พยักหน้าโดยไม่ได้มองหน้าฝ่ายตรงข้ามเลย หล่อนมองใบโฆษณาการเรียนอย่างใจจดใจจ่อ...ตัดสินใจเลือกรัฐนึงที่น่าจะมีคนไทยอยู่มากพอสมควร และอีกอย่างเพื่อนๆสมัยมัธยมและมหาลัยพวกมีอันจะกินทั้งหลายก็เลือกไปเรียนต่อกัน...นิวยอร์คจ๋า รักษาแผลใจให้สุนทรีย์หน่อยนะ...............




/////////////////////////////////////////////////////////////////////////



มาแล้วจ้า..ร้อยเปอร์เซนต์

เรื่องนี้เรื่องใหม่ฝากผลงานเรื่องที่สองด้วยนะค้าบบบบ

ให้กำลังใจคู่ของเพลงด้วยเด้ออออออออ

ขอบคุณทุกการติดตามนะขอรับบบบบ

เลิฟ เลิฟคนอ่าน ระดับสิบ



คุณิณพัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ส.ค. 2554, 21:33:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ส.ค. 2554, 21:33:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 1981





   บทที่ 2 : ระดมทุน >>
ลูกขนไก่ 27 ส.ค. 2554, 21:53:49 น.
ฮาอะชอบนางเอกมากเลย เราว่าจะเศร้าตามนะแต่ไม่ไหวๆ (เป็นคนแปลกมั๊ยอะ555)


violette 27 ส.ค. 2554, 22:02:03 น.
นางเอกฮาสนิทแบบนี้มันน่าเบื่อยังไงหว่า
ไอ้หนุ่มกับแตมนี่มันก็นะ ชริ


ใจใส 28 ส.ค. 2554, 01:27:17 น.
เรื่องใหม่มาแล้วดีใจๆๆๆ


anOO 28 ส.ค. 2554, 13:50:01 น.
ชอบๆ...นางเอกเปิดเผยแบบนี้
ใส่เต็มที่ไม่ต้องก้๊กเลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account