เกี่ยวหัวใจ...ใส่ห้องรัก ~*My sweetest roommate*~
ดันต้องอยู่ใกล้แบบกำแพงห้องกั้นกับหนุ่มหล่อ ปากจัด กัดหนัก หน้าตายแบบ"ทฤษฎี"...สาวน้อยหน้ามน"สุนทรีย์" ที่หนีรักจากเมืองไทย จะตกหลุมมรักครั้งใหม่อีกครั้งหรือไม่...
Tags: รูมเมท,ปากจัด

ตอน: บทที่ 2 : ระดมทุน

บทที่ 2 : ระดมทุน


เสียงโทรศัพท์ดังกรอกหูทัศนัยเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ ด้านปลายสายก็หมั่นขยันกดโทรหาจน ทัศนัยจำเป็นต้องขว้าโทรศัพท์มารับเพื่อปิดเสียงอันดังสนั่นข้างหู


“เฮ้ย...นี่มันกี่โมงแล้ว ยังไม่ตื่นอีกรึไง” เสียงปลายสายทำให้ทัศนัยชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้ามาดูเบอร์ที่โทรเข้าอีกครั้ง



“อ้าวเฮีย...โทรมาทำไมเนี่ยแต่เช้า”



“เช้าบ้าไรของนาย...นี่มันจะเที่ยงแล้ว ป๊ากับม๊า ล่ะ”



“ไม่รู้ดิ...อ้นก็เพิ่งตื่นเนี่ย”


“อะไรว่ะ...พ่อแม่หายยังไม่รู้เรื่อง แล้วนี่ทำไมยังไม่ตื่นอีก”
ปลายสายเสียงเข้มดุน้องชายที่เขาคาดเดาว่า เวลานี้ในเมืองไทยคงตะวันตั้งฉากพอดี



“เมื่อคืนไปกินเหล้ากะเพื่อนมา มันอกหัก เลยต้องไปนั่งเฝ้ามัน”
ทัศนัยตอบด้วยเสียงงัวเงีย



“หึหึ...เพื่อนเหรอ...เพื่อนผู้หญิงอีกชัว” ปลายสายย้อนถามด้วยน้ำเสียงกึ่งล้อเลียน



“โอ๊ย..เฮีย เพื่อนจริงจริง ไอ้เพลงไง ที่เคยเล่าให้ฟัง ตอนนี้มันอกหัก เมาอย่างกะ....เออ เออ ช่างมันเหอะ นี่เพิ่งลากมันไปส่งห้องเมื่อตอนตีสี่ หวิดจะโดนแท็กซี่เผ่นกบาลอ่ะเฮีย”

ชายหนุ่มปลายสายได้แต่ทำหน้าตาเหมือนจะเชื่อถือ พร้อมทั้งคิดในใจว่า ผู้หญิงคนนี้นี่ท่าจะแรงใช่ย่อย เมาหัวราน้ำแบบนี้ แถมยังลากน้องชายเค้าไปเสียผู้เสียคนอีก...เฮ้อ ผู้หญิงสมัยนี้ มิน่าละถึงโดนทิ้ง



“คบไปได้ไงเพื่อนแบบนี้” เมื่อรู้ว่าหญิงสาวอาจจะชักจูงน้องชายไปในทางที่เสียผู้เสียคน พี่ชายอย่างเขาจึงจำเป็นต้องเอ่ยตักเตือนบ้าง



“ไม่นะเฮีย...ไอ้เพลงมันเป็นคนดี มันไม่ได้แย่เลย นี่มันอกหัก สติมันเลยหลุด ปกติมันแค่บ้าเท่านั้นเอง...อ้นจะไปกินเหล้ามันยังไปลากจากวงเหล้าเลย”
หึหึ...ปกป้องกันเข้าไป ตกลงนี่มันเพื่อนกันจริงจริงเหรอว่ะเนี่ย



“เออ เออ เพื่อนนาย เฮียไม่เกี่ยว ระวังตัวเองดีดีนะ มีอะไรก็หัดป้องกันบ้าง อย่าให้พลาดแล้วกัน” ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาพูดออกไปแบบนั้น เขาก็เป็นผู้ชายคนนึงที่ยังคงไม่เห็นด้วยว่า เพื่อนผู้หญิงจะสามารถคบกับเพื่อนผู้ชายได้อย่างสนิทใจ นอกซะจากเป็นทำนองที่ฝรั่งชอบพูดกัน คือ Friend for benefit……



“เฮ้ย..เฮีย อ้นบอกว่าเพื่อนก็เพื่อนดิเฮีย อ้นไม่มีวันคิดกับไอ้เพลงเกินนี้แน่แน่ เฮียเถอะ...สาวสาวเต็มมือแบบนั้น ระวังรถไฟจะชนกันขึ้นมาล่ะ อ้นจะขำให้” ในเมื่อทัศนัยบอกทุกอย่างที่เขารู้สึกไปแล้ว แต่ก็ไม่วายแว้งใส่พี่ชายตัวเอง ว่าแต่ตัวเขา ตัวเองยังสลับรางไม่ทันล่ะมั้ง



“เฮ้ย...นั่นมันเรื่องของผู้ใหญ่ เด็กไม่เกี่ยว อ่ะอ่ะ นายก็ตื่นมาได้ล่ะ บอกป๊ากะม๊าด้วยว่า เฮียจะไปเที่ยวญี่ปุ่น สามอาทิตย์ ถ้าป๊ากะม๊า อยากมา เฮียจะได้อยู่รอเที่ยวด้วยกัน” ทัศนัยได้แต่เออออ ก่อนจะตัดสายไป แต่ทิ้งช่วงระยะเวลาไม่นาน เพื่อนสาวตัวป่วนก็โทรเข้าอีกครั้ง..เฮ่ยวันนี้วันไรว่ะ


“อ้ายยยยย.....อ้นนนนนนนน ตื่นได้แล้วมึง” เสียงสดใสเหลือเกิน

แต่ต่างขากเขาโดยสิ้นเชิง



“ไร......”สั้นสั้น จะได้รู้ว่า ข้านอนไม่พอเว่ย เพราะเมื่อวานเอ็งเล่นโงนเงนหน้าผับ แถมไปยังไปแผลงอิทธิฤทธิ์บนรถแท็กซี่อีก



“โอ่เอ๊....โอ่เอ๊ เอาน่ามึง วันเดียวเอง ต่อไปกูจะไม่เมาแล้ว เมื่อวานกูอินไปหน่อย”



“อินของมึงนี่ อ้วกแตกบานเลยนะ...ไอ้เมรีเอ้ย” สุนทรีย์ได้แต่ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ เถียงไม่ได้นี่หว่า...แหะแหะ



“กูขอโทษ....เดี๋ยวเลี้ยงขนม เคไหม”



“ไม่!!!!!”



“งั้น....เดี๋ยวขอเบอร์น้องมิลค์ให้” สุนทรีย์ทำเสียงหลอกล่อเพื่อนหนุ่มสุดฤทธิ์ รู้น่าว่าแอบชอบน้องมิลค์ฝ่ายการตลาดที่บริษัทของหล่อนมานานสองนาน ไอ้นี่แปลก...ชอบผู้หญิงเรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้เชียว



“เออ...ค่อยยังชั่ว แน่นะมึง ถ้าไปเอาเบอร์ใครมาให้กูอีกแบบคราวที่แล้ว คราวนี้กูเลิกคบมึงจริงจริง”
ทัศนัยบ่งบอกด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด คราวที่แล้วไอ้เพลงทำไว้แสบนักมันดันไปขอเบอร์ใครก็ไม่รู้ เล่นเอาตัวเขาโดนด่าจนตัดสายโทรศัพท์ไม่ทัน



ในที่สุดสุนทรีย์ก็ลากทัศนัยให้นั่งรถมาหาพ่อกับแม่หล่อนสำเร็จ ในเมื่อหล่อนตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่า จะพัฒนาศักยภาพด้านภาษา หล่อนจึงต้องมองหาแหล่งเงินทุนสำคัญ คงหนีไม่พ้นพ่อกับแม่ของตัวเอง...ยืมก่อนล่ะกัน เพราะมันขาดอยู่นิดหน่อยเอง



“แสนนึง.................เพลงจะเอาไปทำไรล่ะลูก” เสียงแม่อุทานอย่างตกอกตกใจ



“นั่นสิพี่เพลง...ตั้งแสนนึง จะหนีพ่อกับแม่ไปแต่งงานรึเปล่าเนี่ย” เสียงหนุ่มน้อยคนนี้คือน้องชายหล่อนเอง...น้องพล



“พี่จะเอาไปเรียนภาษา คิดดูนะ ภาษาพี่น่ะมันต่ำต้อยมาก จริงจริงนะแม่ หนูก็อยากไปเพิ่มพูนทักษะบ้างอ่ะ”
สุนทรีย์หันไปพูดกับน้องชายแล้วจึงหันหน้าไปโอบเอวคุณแม่ของตัวเอง ออเซาะเต็มที่



“แล้วนี่ณวัต เค้ารู้รึเปล่าลูก”
เหมือนชื่อต้องห้ามเพราะทันใดนั้น สุนทรีย์ก็เปลี่ยนสีหน้าจากลูกแมวเป้นอ้อนเป็นแม่เสือดาวพร้อมออกล่าเหยื่อ เดือดร้อนจนถึงทัศนัยที่ต้องช่วยแก้กันพัลวัน


“เอ่อ...หนุ่มรู้แล้วครับแม่ มัน...เอ้ย เค้าก็สนับสนุนให้เพลงมันไปนะครับ”
ทัศนัยตัดสินใจพูดชิงหน้าสุนทรีย์ก่อนที่เจ๊แกจะเกิดอาการองค์ลง เอาว่ะ...โกหกผู้ใหญ่เพื่อความสบายใจของท่านคงไม่เป็นไรหรอก...อย่างน้อยก็ให้ท่านรู้ภายหลัง ตอนที่สภาพจิตใจของไอ้เพลงมันเบาบางลงกว่านี้


“อ่อ...ที่แท้พี่เพลงก็จะโกอินเตอร์นี่เอง” น้องชายแอบหยอดมาให้พี่สาวตัวดี


“ถ้าดังแล้วพี่จะมารับนะ” สุนทรีย์เปลี่ยนสีหน้าหันมายิ้มให้น้องชาย วันนี้พ่อของหล่อนไปอยู่ สงสัยคงไปสวนอีกอำเภอแน่แน่ บ้านของสุนทรีย์ทำสวนผลไม้ ส่งออก ฐานะทางบ้านจัดว่าพอใช้ได้ แต่ไม่ถึงกับร่ำรวยเท่าทัศนัย



“งั้นเดี๋ยววันนี้เพลงจะโชว์ฝีมืออวดไอ้อ้นมัน” หญิงหันมายักคิ้วหลิ่วตาให้เพื่อนหนุ่ม



“ถ้าผมตาย อย่าบอกพ่อกับแม่ผมว่าตายเพราะอะไรนะครับแม่” เสียงหัวเราะเฮฮาของคนที่สามทำให้ สุนทรีย์คลายเศร้าลงไปได้บ้าง แค่ณวัตคนเดียวหล่อนไม่จำเป็นต้องแคร์ คนแบบนี้ไม่มีค่าควรที่จะจดจำจริงจริง


สุนทรีย์ใช้เวลาออดอ้อนขอเงินจากพ่อแม่จนถึงเวลาห้าโมงเย็น เลยต้องรีบขอตัวกลับเพราะเกรงว่าจะดึกไปถ้าออกเดินทางดึก ทั้งสุนทรีย์และทัศนัยเลยขอตัวกลับกรุงเทพ


“เออ..ตกลงมึงจะเลือกไปนิวยอร์คใช่ป้ะ” ทัศนัยเอ่ยถามขณะขึ้นรถคันน้อยของหญิงสาว


“อือ...กูจะไปร้องเพลงข้างเทพีเสรีภาพ” สุนทรีย์หันมามองเพื่อนหนุ่มพร้อมทั้งทำท่าทางถือไมค์ร้องเพลง



“อย่าบอกใครนะว่ารู้จักกะกู”



“ฮ่า....ไม่ กูจะบอกว่าเป็นแฟนมึงด้วย ให้มึงอับอาย” ทัศนัยได้แต่ผวากับคำพูดของมัน ไอ้เพลงมันเป็นโรคอย่างนึงคือ ห้ามท้า เพราะมันบ้าพอที่จะทำทุกอย่างที่คนบนโลกไม่พึงจะทำ



“กูกลัวแล้ว...อย่าทำกูเลย” ทัศนัยจำต้องเสียอ่อนลง พร้อมด้วยท่าทีที่นบน้อม เล่นกับมันไม่ได้จริงจริง


“ตกลงมึงไปเมื่อไหร่ว่ะ”



“ก็คงไม่เกินครึ่งปีหรอก เพราะเห็นพี่เค้าบอกว่าจะรีบทำเรื่องให้”



“มึงหาเช่าห้องพักเองดิ..ประหยัดจะตาย มึงก็ไปหาที่ใกล้ๆที่พักเลย นี่ไงมึง...พวกไอ้นุช กับ ไอ้ปิ่นก็อยู่ลองถามมันดิ”

สุนทรีย์หูผึ่งหันมาทางตัวต้นคิดทันที เออเนอะ..ถ้าได้ห้องเช่าราคาถูกลง หล่อนก็จะติดหนี้พ่อกับแม่น้อยลง เพิ่มเงินเที่ยวมากขึ้น...เริ่ด ว่าแล้วก็หันไปขอบคุณเพื่อนหนุ่มด้วยการหยิกแก้มหนึ่งทีจนทัศนัยต้องร้องออกมา



“ไอ้บ้า!!!!!!!!!!......กูเจ็บนะมึง” ชายหนุ่มได้แต่ลูบแก้มของตัวเอง ผู้หญิงอะไรมือหนักยังกับ......


“ขอบคุณน้า...น่ารักจริงจริง คราวนี้กูสัญญาว่าจะช่วยมึงจีบน้องมิลค์ให้สำเร็จ” สุนทรีย์ทำท่าชูนิ้วก้อยยื่นให้เพื่อนหนุ่ม แต่หล่อนก็ได้แค่ความว่างเปล่า เพราะตอนนี้ทัศนัยเจ็บซีกแก้มจนเกินกว่าจะให้อภัย



สุนทรีย์ตั้งหน้าตั้งตาเปิดหาห้องพักในราคาถูกตามที่เพื่อนเพื่อนเธอแนะนำ มีทั้งที่ใกล้ในระยะเดินได้ หรือแม้กระทั่งต้องต่อรถ...วู้ว ต่อรถเหรอ จะเปลืองเงินไปเช่าทำไม เอาที่ใกล้ใกล้โรงเรียนสิเนอะ มือบางเลื่อนเมาส์ลงไปเรื่อยๆ ก็พบห้องพักราคาพอรับได้ พร้อมกับใกล้โรงเรียนอีกด้วย เหมาะเจาะจริงจริง...บุญมีเหลือเกินสุนทรีย์เอ๋ยยยย



“มึงมึงมึง...กูได้ที่พักล่ะนะ” สุนทรีย์รีบต่อสายหาเพื่อนหนุ่มที่เพิ่งแยกจากกันไม่เกินสองชั่วโมง



“โว๊ยยย..มึงจะรายงานกุตลอดเลยรึไง” ทัศนัยรู้สึกหลอกหลอนกับการเกาะติดของสุนทรีย์ ทั้งสยองทั้งขนลุก นี่อยากจะไปลากตัวไอ้หนุ่มให้กลับมาคบกับมัน....กูไม่ไหวกะมันแล้ว



“ง่า....มึงอ้ะ..กูกำลังหัวใจบอบบางนะ กูอยากอยู่กะมึงทั้งวันเลย” สุนทรีย์ส่งเสียงออดอ้อนมาให้เพื่อนหนุ่มปลายสายจนทำให้ทัศนัยถึงกับผงะเอาหูโทรศัพท์ออกมาทำหน้าตากลัวสุดขีด



“กูอยากต่อยแฟนเก่ามึงแล้วว่ะ”



“ดีดี..มันทำร้ายเพื่อนของมึงมึงควรจะต้องปกป้องกูซะ” หญิงสาวส่งเสียงเรียกความเชื่อมั่น พร้อมทั้งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่



“เปล่า..กูอยากต่อย เพราะแม่งโยนมึงมาหลอนกู”



“กรี๊ดดดดด....ไอ้เพื่อนบ้า กูจะไม่ช่วยมึงจีบแล้ว แค่นี้นะ!!!!!!!!!!!!”



“เฮ้ยๆๆๆๆๆ กูพูดผิด กูขอโทษ กูผิดไปแล้ว เดี๋ยวตบปากตัวเอง อย่าทำร้ายความรักของกูกะน้องมิลค์เลยนะ” ทัศนัยห้ามทัพแทบไม่ทัน ไอ้นี่...เอาเรื่องความรักมาขู่



“.................................” หญิงสาวได้แต่นั่งฟังคำพูดของเพื่อน นี่มันรักเราหรือรักผลประโชยน์จากเราว่ะเนี่ย



“ไหนไหน..มึงบอกว่ามึงมีที่พัก ที่ไหนๆ เดี๋ยวกูให้เฮียช่วยดูให้”



“เฮียไหนว่ะ...นี่มึงแอบมีเสี่ยเลี้ยงเลยเหรอว่ะ” สุนทรีย์แค่ต้องการจะแซวเพื่อนหนุ่ม เพราะหญิงสาวก็พอรู้และได้ยินมาว่า ทัศนัยมีพี่ชายคนนึง แต่หล่อนไม่เคยพบหน้าเพราะเขาไปเรียนต่อปริญญาโทที่เมืองนอก แล้วตอนนี้ก็ดันหลงรักแสงสีต่างบ้านต่างเมืองเลยหางานทำลงหลักปักฐานที่นั่น



“ไอ้นี่...วอน”


“เออๆ เฮียมึงอยู่รัฐอะไรว่ะ” สุนทรีย์เอ่ยถามถึงพี่ชายของทัศนัย



“นิวเจอร์ซีย์ ว่ะ เฮียเพิ่งย้ายมาอยู่ได้สักปีนึง เฮียบอกว่า ขับรถใกล้ๆ แปบๆก็ถึงนิวยอร์ค เฮียบอกเบื่อชุมชนเมือง”



“โว๊ะ...เฮียมึงไม่อินเทรนด์เลย ทำไมไม่อยู่ในเมือง เป็นพวกคนแก่เกษียณไปได้” สุนทรีย์เอ่ยบ่น จนทัศนัยถึงกับหัวเราะก๊าก คิดสภาพพี่ชายตัวเองเป็นคนแก่วัยชราหาที่พักตามชานเมือง



“กูจะฟ้องเฮีย”



“แต่เฮียมึงทำงานที่นิวยอร์คใช่ม่ะ...ดีดี กูจะได้พึ่งพา” สุนทรีย์ส่งเสียงหัวเราะคิกคัก



“ฮ่า....เฮียกูบอกให้กูเลิกคบมึงอยู่เนี่ย”



“อ้าวเฮ่ย!!!!...เฮียมึงลำเอียงอ้ะ”



“เปล่าเฮียกูหาว่ามึงทำกูเสียคน” ทัศนัยส่งเสียงล้อเลียน



“โหยยย เฮียมึงตัดสินกูผิวเผินมาก ไม่รู้นิสัยน้องตัวเองเล้ยยยยยย มึงเสียแต่ยังไม่เจอกูแล้ว”



“มึงก็พอกันกะกู เพราะคบกะกูได้..มึงออนไลน์เร็ว กูขี้เกียจคุยโทรศัพท์เมื่อยมือ



“เอออออออออ...เดี๋ยวเจอกัน”



สุดท้ายแล้วทั้งสองคนก็เข้าโลกออกไลน์ พูดคุยกันเรื่องที่พัก อากาศ ตั๋วเครื่องบิน ต่างต่างนานาตามที่ทั้งสองคนจะสรรหามาพูดจากันได้ สุนทรีย์ตื่นเต้นที่จะได้รู้ว่าในอีกไม่นานหล่อนจะได้หลบไปรักษาแผลใจไกลถึงคนละซีกโลกซักที ช่วงเวลาหกเดือนก่อนหน้าที่กำหนดการเดินทางไปต่างแดนของสุนทรีย์จะมาถึง เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ทั้งเอกสาร ทั้งวีซ่า ทั้งหาตั๋วเครื่องบิน ที่พัก จิปาถะ ทำเอาเวลาหมุนไปอย่างรวดเร็ว สุนทรีย์นำแผนที่อเมริกาออกมากาง ทำสัญลักษณ์ สถานที่ที่สุนทรีย์ต้องไปเยือน ด้วยความสุขใจ อย่างน้อยๆตอนนี้หล่อนก็ไม่ค่อยได้คิดเรื่องของณวัตอีกแล้ว อาจจะมีบ้างเวลาที่ว่างเว้นจากการวิ่งเรื่องเอกสาร


แล้ววันเดินทางก็มาถึง สุนทรีย์ออกเดินจากจากรุงเทพในเดือนพฤศจิกายน จากการศึกษาของหล่อนทำให้การแต่งกายของหล่อนต้องกันไว้ก่อนเพราะช่วงนี้ที่นู่นกำลังก้าวเข้าสู่สภาพอากาศหนาว ถุงมือ หมวกไหมพรม เสื้อโค้ช สุนทรีย์จัดเต็มจนน้องชายกับเพื่อนหนุ่มถึงกับทัก


“มึงอินไปป้ะ..รอไปใส่ที่นู่นดีไหม” เมื่อทัศนัยพบหน้าหล่อน เขาก็เอ่ยทักด้วยความตกตะลึงกับความสติไม่ดีของเพื่อนตัวเอง



“โห...พี่เพลง พี่แต่งก่อนอากาศไปไหมอ่ะ...” ตามด้วยน้องชายสุดที่รัก...ไอ้สองคนนี้ ขัดจริงจริง



“เปล่า...ไม่ได้อยากใส่หรอก แต่กระเป๋ามันใส่ไม่พอ น้ำหนักมันเกิน” เพื่อนหนุ่มได้แต่หัวเราะก๊ากออกมาเต็มที่ ไอ้บ้าสมบัติเอ้ย...


“มึงไปซื้อที่นู่นก็ได้ เสื้อผ้าบ้านเราไม่ทนความหนาวที่นู่นหรอก อีกอย่างมึงใส่เครื่องอบผ้านะ รับรอง หดเป็นปลาหมึกย่างแน่” สุนทรีย์ได้แต่ทำท่าสยองขวัญ เสื้อผ้าหด แล้วนี่หล่อนเพิ่งไปถอยเสื้อผ้ามาจากแหล่งรวมแฟชั่นตลาดขายส่งมาหมาดๆ แล้วถ้ามันหด....โว้ววววววว แก้ผ้าเดินล่ะมั้งคราวนี้



“เพลง...เบอร์โทรที่พักมียังลูก” พ่อของสุนทรีย์เอ่ยถามลูกสาวที่มัวแต่ต่อปากต่อคำกับเพื่อนหนุ่ม



“อ่อ...นี่จ๊ะพ่อ อยู่ในกระเป๋าถือ”



“แล้วเบอร์ไอ้ปิ่น มึงมียัง” ทัศนัยเอ่ยทักช่วยอีกแรง



“แล้วแล้ว...มีแผนที่ห้องเช่าด้วย ครบ” สุนทรีย์โชว์กระดาษเอสี่ ที่ถูกพับเป็นสี่ส่วน คลี่ออกมาให้ผู้มาส่งเธอได้ดู



“อย่าเดินหลงนะมึง..ยิ่งเก่งๆภาษาอังกฤษอยู่” สิ้นเสียงของทัศนัย สุนทรีย์ก็พึงระลึกได้ว่าตัวเองควรจะที่จะนัดแนะกับปิ่นให้ตรงกันมากที่สุด...เวลานี้หล่อนยังกลัวฝรั่งอยู่ บรือออออออออ



พ่อแม่ของสุนทรีย์ต่างน้ำตาซึมที่ลูกสาวของตัวเองจะต้องไปอยู่ไกล สี่คนต่างกอดล่ำลากัน ทำให้ทัศนัยจำเป็นต้องเดินออกมา แต่สุนทรีย์กลับวิ่งมาจับมือกลัวเพื่อนจะรู้สึกเป็นส่วนเกิน


“ไปเยี่ยมกูบ้างนะ” สุนทรีย์เอ่ยกับเพื่อนหนุ่มอย่างจริงใจ พร้อมทั้งโบกมือลาทุกคนที่มาส่งหล่อน บ๊ายบายประเทศไทย...และลาก่อนความทรงจำของสุนทรีย์






///////////////////////////////////////////////////////////////////




ครบแล้วร้อยเปอร์เซนต์ เดี๋ยวตอนหน้านางเอกจะได้เจอกับพระเอกล่ะน้าาา
แต่จะเจอกันด้วยสภาพไหนต้องติดตามมมมมม
ปล.รีบลงให้ทุกคนอ่าน เดี๋ยวออกไปข้างนอกก่อนนะจ๊ะ

รักคนอ่านมากกกกกกกกกกกกกกกกกก







คุณิณพัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ส.ค. 2554, 18:01:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ส.ค. 2554, 19:18:23 น.

จำนวนการเข้าชม : 1746





<< บทนำ + บทที่ 1 : อกหักเพียงครั้งยังไม่ตาย   บทที่ 3 : เที่ยวบินมิตรภาพ (เหรอ?) >>
anOO 28 ส.ค. 2554, 18:34:32 น.
555...ยัยเพลงจะไปแผลงฤทธิ์ที่เมืองนอกเมืองนาแล้ว
ตามๆๆๆๆๆ จ้า


violette 29 ส.ค. 2554, 02:16:07 น.
กร๊ากกกกกก จะไปรักกันอีท่าไหนเนี่ย โอ่ยยย อยากอ่านต่อแล้วค่ะ


นางสาวปลาดาว 29 ส.ค. 2554, 21:07:19 น.
นางเอกสุดยอด ชอบๆๆๆๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account