ห้วงเสน่หา ปรารถนาแห่งหัวใจ
ความรักได้ถูกลิขิตไว้แล้วว่าและความปรารถนาของหัวใจย่อมมาก่อน เสน่หา
และนั่นอาจจะเป้นการพลาดเมื่อเขา และเธอรู้จักรักที่แท้จริง
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 15 ความรักของเรา


ที่บ้านป่านแก้ว
ป่านแก้ววางกระเป๋าถือลงบนโต๊ะในห้องนอน ทิ้งตัวลงนอนขวางเตียง เหม่อมองบนเพดานนิ่ง
“คุณป่านไม่สบายหรือเปล่าคะ”
“นิดหน่อย ขอพักก่อนนะพี่บัว”
“เช็ดตัวสักนิดนะคะบัวทำให้”
“ไม่ต้องหรอกชักครู่ป่านจะไปอาบน้ำ”
บัวศรีแม่ไม่เคยมีรักในหัวใจ แต่บัวศรีติดละครโทรทัศน์ ดังนั้นท่าที เจ้านายดูอ่อนระโหย บัวศรีจึงนึกเดาว่าคงไม่ใช่เรื่องงานเพราะดวงตาที่เคยสดใสดูหม่นหมอง สาวใช้คนดีเดาได้ไม่ผิดว่า ต้องมาจากความรัก และรักนั้นต้องเป็น...คุณขิม
ส่วนป่านแก้วรอทั้งวันให้เขาจะโทรมาหา มาบอกว่าถูกผู้หญิงคนนั้นแกล้ง ซึ่งป่านแก้วจะเชื่อทุกอย่างที่เขาพูด แม้ว่าจะโกหกก็ตาม แต่ขิมไม่โทรมา เธอจึงรู้สึกอ่อนล้าอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่าจะผนึกแรงใจให้เข้มแข็งหลายครั้งสุดท้ายก็อ่อนยวบ กลับมาพัก และตั้งใจว่า หากได้หลับอย่างเพียงพอเธอจะมีความสดชื่นกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง เธอหวังว่า ขิมจะไม่มีอิทธฺพลสำหรับเธอมากไปกว่านี้ มากขนาดที่ทำให้เธอล้มทั้งยืนได้...ลูกทหาร หลานปู่ หลานย่า ต้องเก่ง ป่านคนดีต้องเข้มแข็ง ป่านแก้วบอกตัวเอง!
รถจี๊บเรือนล้านสีเลือดหมู ขับลัดเลาะไปตามเส้นทางที่ประพันธ์บอกจากการพูดคุยกัน ประพันธ์ยังรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายเก่าๆของขิมคนเดิม แม้ลักษณะท่าทางจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแล้วก็ตาม ขิมคนนี้โก้หรูทันสมัย รสนิยมเป็นเลิศ หากแต่นิสัยของเขากับเพื่อนคนนี้ยังเหมือนเดิม
“จ๊ะคงลำบากมาก”
“มันก็เล่าให้ฟัง ภาพที่มันเขียนเป็นเพื่อน มีแต่ภาพยัยป่านทั้งนั้น เกือบเต็มบ้าน ตั้งแต่ภาพเด็ก จนโตเป็นสาว”
ขิมแตะเบรกลืมตัว จนคู่สนทนาหัวคะมำไปข้างหน้า ประพันธ์รีบหันไปถามคนขับ
“เฮ้ยเป็นอะไรหรือเปล่าขิม”
“ปละ เปล่า” เขาปฏิเสธ แต่ในใจหวั่นไหวประหลาด ประพันธ์พูดต่ออย่างคนไม่รู้เรื่องอะไร
“ชีวิตของจ๊ะ กว่าจะมายืนตรงนี้คงลำบากน่าดู”
“มันเล่าให้ฟังหรือ”
“ถึงไม่เล่าก็ดูออก ทั้งเหล้าทั้งบุหรี่ไม่แตะต้อง แสดงว่าเงินมีความหมายกับมันมาก นายรู้หรือเปล่าว่ามันรักยัยป่านมาตลอด” ประพันธ์บอกด้วยความเชื่อมั่นและจากคำสารภาพของสัจจะ เขาไม่ทันเห็นความปกติของเพื่อน ซึ่งต้องปรับเปลี่ยนท่า ทีให้ดูปกติมากที่สุดเท่าที่ความสามารถของตัวเองจะทำได้
“เจอ ป่านแล้วหรือ” ขิมบังคับน้ำเสียงให้เป็นปกติอย่างยากลำบาก
“ยังเลย ถ้าเจอก็ดีจ๊ะมันจะได้มีความสุขอย่างเต็มที่สักที เราว่าจ๊ะมันอาภัพกว่าใคร จริงมั้ยขิม”
ใช่ขิมรู้ดี เรื่องในครอบครัวของสัจจะ รู้มากกว่าเพื่อนคนอื่น เพราะสัจจะจะปรับทุกข์กับเขาเสมอ บางครั้งถึงกับร้องไห้ไปด้วยกันเมื่อฟังความทุกข์ของเพื่อน และความเลือดร้อนของวัยรุ่นทำให้ขิมคิดไปทำร้ายพ่อเลี้ยงสัจจะให้ตายคามือ
“ฟันหัวแม่งเลยจ๊ะ เราจะไปฟันมันเอง” ความโมโหสุดขีด ทำให้ขิมสิ้นคิดในทางดี เขาวิ่งขึ้นเรือนหลังใหญ่คว้ามีดพร้าลงมาหาเพื่อน สัจจะผงะถอยเมื่อขิมทำท่าขึงขังจะไปเอาเรื่องพ่อเลี้ยงของสัจจะ
“เฮ่ย อย่า” สัจจะห้ามเสียงหลง เพราะขิมเอาจริงแน่
“มันทำแกขนาดนี้อย่าปล่อยมันไว้เลย”
“ช่างมัน เราจะไม่ทำอะไรพวกเขา” น้ำเสียงของเพื่อนเศร้านัก แต่ขิมไม่รู้ว่านั่นเป็นการพบหน้ากันเป็นครั้งสุดท้าย
คืนนั้นสัจจะหนีออกจากบ้าน และขิมเจ็บใจมาก เพราะแม้แต่เขา สัจจะก็ไม่บอกสักคำ บัดนี้ความจริงออกจากปากประพันธ์ว่า สัจจะมีป่านแกวเป็นเพื่อนในความฝันยามผจญชีวิตตามลำพัง ในขณะที่เขาระเริงสุขไปกับหญิงมากหน้าหลายตา วันนี้เขา ก็ยังได้ป่านแก้วไว้ใกล้ชิด…เขาช่างโชคดี ขณธที่สัจจะโชคร้ายไม่สิ้นสุด แม้คิดได้ แต่หัวใจจะทำอย่างไร มันเฉือนทิ้งได้ง่ายเสียเมื่อไหร่กัน!!
ร่างผอมสูงผมยาวนั่งจัดเก็บอุปกรณ์ใหม่ที่พึ่งซื้อหามา ในวันนี้มีข้าวกล่องวางอยู่บนโต๊ะไม้ที่เขานั่งทำงานอยู่ ผมยาวถูกรอบไว้ด้วยหนังยางธรรมดา
รถจิ๊บเรือนล้านแล่นเข้ามาจอดจนถึงใต้ถุนบ้าน สัจจะเงยหน้าขึ้นมามอง หนึ่งในสองคือประพันธ์แล้วอีกคน ให้เขาเดาก็ได้อย่างแม่นยำ เขาพาร่างสูงเผ่นลงจากโต๊ะพลุ่งปราดเข้าหา
“จ๊ะ” ขิมตะโกนเรียก
“ขิม” สัจจะตะโกนตอบ ถลันเข้ากอดกันโดยแน่น
“วันนี้มาถึงแล้วเพื่อน วันที่เรารอมาสิบปี” สัจจะบอกอย่างสมหวังอย่างที่สุด ประพันธ์ลากแขนขิมให้วิ่งตามไปบนบ้าน
สัจจะนึกขึ้นได้วิ่งตามไปเหมือนสมัยเป็นเด็ก ผู้ชายสามคนวิ่งไล่กันโครมๆ ขึ้นบ้านไม้เก่า สัจจะฉุกใจคิดจึงร้องห้าม
“เฮ้ยพันอย่า” ไม่ทันเสียแล้วประพันธ์เปิดผ้าขาวคลุมภาพป่านแก้วออกโชว์
“นายดูยายป่านในฝันของจ๊ะซะก่อนเลิศขนาดไหน”
ดังถูกคมมีดกรีดลึกเขาใจหัวใจของขิม ให้ขาดวิ่นขาดแหว่ง เพราะแม้แต่ความฝันสัจจะนึกภาพป่านแก้วได้แม่นยำ เขาเม้มริมฝีปากปิดแน่นไม่เอ่ยถึงป่านแก้วให้เพื่อนทั้งสองได้รับรู้
“ไอ้พันบ้า” สัจจะด่าเพื่อน ประพันธ์ยืนหัวเราะชอบใจ ร้องเป็นเพลงปลอบเพื่อน
“ปลูกรัก อุตส่าห์พิทักษ์รักษาเอาไว้ ชื่นช่อชูใบ ปลูกเอาไว้หมายดอมดม”เสียงของประพันธ์หวานจับใจ ประพันธ์ทุกวันนี้มีความสุขเข้าบ้านอย่างที่ป้าผันลุงพรยิ้มออก
“นายคงปากพล่อยพูดอะไรไม่เข้าท่าให้ขิมฟังแล้วล่ะสิ”สัจจะเอ่ยพลางโลงศีรษะไปมาอย่างไม่อยากให้เป็น แต่ประพันธ์กลับมีความคิดอีกอย่างหนึ่ง
“ถ้าวันหนึ่งเจอยายป่านแล้วนายมีโอกาสจีบขิมจะได้เป็นพยานได้ว่านายรักมั่นนิรันดรต่อป่านแก้วไง” ประพันธ์ยังล้อสนุก ไม่เฉลียวใจกับขิมที่เงียบผิดปกติ สัจจะเอ่ยกับขิมเมื่อสังเกตเห็น
“เป็นอะไรหรือเปล่าขิม”
“เปล่า ฟังพันเพลิน วันนี้ฉลองกันให้เมาสักวัน”
“เอาสิ กินไม่เป็น แต่อยากกินว่ะ”ประพันธ์เอ่ยอย่างอารมณ์ดี สัจะเออออไปอีกคน
ดังนั้นในเวลาต่อมา วงเหล้าของสามหนุ่มนั่งคนละมุมจึงเกิดขึ้น คนรินเหล้าเปลืองคือขิม ส่วนเพื่อนสองคนไม่ใช่นักดื่ม จึงเมามายหลับใหลโดยง่าย
ขิมมองภาพวาดของป่านภายใต้แสงตะเกียงสลัวๆ ’เพื่อนเราเป็นของเรา ‘แล้วสัจจะเล่าเขามีชีวิตอยู่ได้ด้วยป่านแก้ว หากเขารู้ความจริงเขาจะเป็นเช่นไร…เขาจะทนได้หรือเปล่า ที่เกิดเรื่องเช่นนี้ ส่วนขิมนั้น แม้จะรู้สึกมือยาวสาวป่านแก้วมาได้ แต่วันที่พบสัจจะ เขากลับคิดว่าเขาเหมือนนักกีฬาที่ไม่รอคู่แข่ง แต่เขาทำผิดกติกา ด้วยการคว้ากรรมการมาเป็นของตน
สัจจะ...เพื่อนที่ทำตัวมาดีเพื่อป่านแก้ว จะเป้นอย่างไร ถ้ารู้...ถ้ารู้เรื่องที่ไม่อาจปิดได้นาน แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะเปิดในวันนี้ได้ ขิมยังไม่พร้อมกับการสูญเสียคนรักและเพื่อนแสนดีไปอีก...ป่านแก้ว ป่านแก้วคนดีของเขา และของสัจจะ
ใจชายหนุ่มที่มีแอลกอฮอล์อยู่ในร่างอย่างที่โดนเรียกไม่ต้องถึงขนาดเป่าหรอก แค่หายใจขิมก็ถูกจับได้ แต่ขิมยังขับรถส่ายไปมา หลบรอดสายตาตำรวจไปอย่างปาฏิหาริย์!!
บัวศรีเลื่อนประตูให้รถของขิมมาในบ้าน ร่างใหญ่ก้าวลงมาจากรถ ท่าทางเมาแประของขิม ทำให้บัวศรีเอ่ยเป็นเชิงตำหนิอีกด้วย
“คุณขิม ตายจริงดึกดื่นแล้วนะคะ”
“ป่านหลับแล้วหรือครับ” เขาถามเสียงอ่อน
“คุณป่านไม่สบายค่ะ”
“ขอพบหน่อย” ไม่พูดเปล่าแต่ชายร่างใหญ่เดินเข้าไปในบ้าน ก้าวอาจอาจ แต่ต้องเกาะยึดตัวให้มั่นคงไปตลอดทาง
จนถึงห้องนอนของป่านแก้ว ยกมือเคาะประตูเรียกอยู่สองคำ ป่านแก้วสะดุ้งตื่นจำเสียงอีกฝ่ายได้จึงลุกจากเตียง
“ขิม” เธอแง้มประตู หากร่างใหญ่แทรกผ่านเข้าไปทันที
บัวศรีตาเหลือกค้าง เข้าใจในความสัมพันธ์เกินขั้นเพื่อนของสองหนุ่มสาวได้ทันที
ภายในห้อง ขิมตวัดวงแขนแข็งแรงรัดร่างป่านแก้วกอดล้มลงไปบนเตียงด้วยกัน ป่านแก้วทุบตีผลักไสร่างใหญ่หากเขาไปสะดุ้งสะเทือนใดๆ
“ขิมทำอะไรอย่าเห็นว่าป่านเป็นผู้หญิงง่าย นักนะ” ปากหนาจุมพิตผ่าวร้อนลงปากอิ่มละมุน ครู่ใหญ่จึงพูดใกล้ริมฝีปากป่านแก้ว
“ไม่คิด ไม่เคยคิด ว่าป่านง่าย ผมรักป่าน รักป่านคนเดียวเท่านั้น”
ป่านแก้วไม่ดิ้นรนอีกแล้วนอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของเขา ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น เธอปล่อยตัวปล่อยใจจนเลยเถิดกับชายหนุ่ม
และป่านแก้ว ไม่ถามว่าผู้หญิงโทรแทรกมาหานั้นคือใคร และไม่มีคำอธิบายใดๆ ออกจากปากของขิม เขาโอบกอดป่านแก้วไว้อย่างแหนหวง
ป่านแก้วนอนนิ่งในอ้อมแขน ขิมจับผมยาวเป็นลอนสวยขึ้นมาจูบรักใคร่ ส่วนลึกในใจอยากบอกว่าเจอคนที่ป่านแก้วอยากพบ หากว่าความผูกพันของสัจจะที่มีต่อป่านแก้วทำให้เขากลืนคำพูดไว้ในอกไม่ให้เล็ดออกมา
ป่านแก้วผุดลุกจากอ้อมกอดขิมรีบไขว่คว้าไว้ เธอนึกแปลกต่อท่าทีของเขา เลิกคิ้วสูงไม่แน่ใจ ขิมปล่อยอีกฝ่ายแต่โดยดี หากแต่ตวงตาคมดูละห้อยห่วงหา ป่านแก้วจึงหันกลังไปจุ๊บแก้มของเขาครั้งหนึ่งอีกฝ่ายยิ้มนิดๆ ยอมนอนนิ่งสะสายตาจากอีกฝ่ายแต่โดยดีป่านแก้วสวมเสื้อคลุมเดินออกจากห้อง พี่เลี้ยงยังนั่งหลับในท่ากอดเข่าเจ้าทุกข์หญิงสาว เขย่าแขนปลุกบัวศรีเบาๆบัวศรีสะดุ้งตื่น
“คุณป่าน”
“ป่านมีเรื่องจะบอกค่ะ”
สาวใหญ่ตามร่างเจ้านายไปคุยกันเบาๆที่ห้องรับแขก ขิมลุกขึ้นจากที่นอนสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วจึงย่องออกมาแอบฟังสองสาวคุยกัน ชายผู้สร่างเมาอยากรู้ว่าป่านแก้วคุยว่าอะไร
เสียงใสไของป่านแก้วบอกเล่าให้พี่เลี้ยงฟังว่า
“ป่านรู้ว่าพลาด แต่ไม่เสียใจหรอกเพราะเป็นขิม เขาเป็นเพื่อนที่ดีของป่าน”
สัจจะก็ใช่ ขิมคิด ที่ผ่านมาสัจจะจะยึดมั่นต่อป่านแก้ว แต่เขาสิไม่ใช่เลย แค่นึกว่าเป็นเพื่อนวัยเยาว์ หากแต่มาพบกันอีกครั้งในรูปโฉมของเพื่อนเก่า คิดเดี๋ยวนั้นว่าต้องเป็นของเขาให้คนอื่นไม่ได้
“คุณป่านเป็นผู้หญิงนะคะแต่งงานเถอะค่ะ”
คำนี้ทำให้คิ้วเข้มของคนร่างใหญ่ขมวดมุ่น ตะแคงหูฟังว่าป่านแก้วจะพูดว่าอะไร แต่ไม่มีคำตอบจากผู้ที่นั่งหันหลังให้ ป่านแก้ววางหน้าเรียบๆ พี่เลี้ยงอ่านแววตาของหญิงสาวไม่ออกว่า หมายความว่าอะไรเจ้าตัวเท่านั้นรู้ว่าในใจคิดอะไรถึงวันข้างหน้าของตัวเอง
ขิมเจ้าชู้มีผู้หญิงมากหน้าหลายตา และเธอไม่คิดว่าจะเป็นหนึ่งในนั้น แต่เมื่อมันเกินขึ้นด้วยความเต็มใจของตัวเองเขาจะรับผิดชอบหรือไม่เธอตัดสินเองไม่ได้มัน ไม่ใช่ความผิดของเขาสักนิด รู้ตัวเองดีว่าเพราะรักทำให้ป่านแก้วเดินเข้าหาชายผู้นี้
“คุณท่านล่ะคะถ้าทราบเข้าล่ะก็คงแย่”
“ก็ไม่ต้องให้คุณพ่อทราบสิ”
“ไม่ได้ค่ะคุณป่าน อย่างนี้คุณขิมก็เอาเปรียบคุณป่านน่ะสิ เป็นผู้ชายได้ผู้หญิงดีๆไปฟรีๆ” บัวศรีเอ่ยเพราะความหวังดี
“พี่บัว ฟรีๆน่ะฟังแล้วขนลุกจังเลย” ป่านแก้วปรามเสียงเบา ขิมเดินกลับเข้าห้องนอนปิดประตูเพียงเบาๆ ไม่ให้ทั้งสองได้รู้สึกว่ามีคนแอบฟัง
ป่านแก้วใจกว้างเป็นแม่น้ำอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร เรื่องจะมาโทษเพื่อนไม่มีเสียล่ะ
ผิดวันนี้ของขิม ป่านแก้วไม่เอ่ยโทษถามคงเก็บเงียบไว้เหมือนลือ ควรหรือที่ขิมฉกฉวยความใจกว้างนี้เป็นประโยชน์ของตัว
เสียงอาบน้ำในห้องน้ำส่วนตัว ขิมคงลุกไปอาบน้ำเตรียมกลับ ป่านแก้วคิด เอนกายลงนอนบนเตียงหันหลังให้กับคนที่กำลังออกจากห้องน้ำ จมูกเย็นๆ หอมแก้มนวลแรงๆ ก่อนล้มตัวลงนอนเคียงข้าง ป่านแก้วขยับหนีเอ็ดอึง
“กลับไปไป๊ขิม” เธอไล่ด้วยน้ำเสียงรำคาญ แต่ใจจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น มีความสุขต่อรสสัมผัสที่ได้จากชายร่างใหญ่ทุกครั้งที่เขามอบให้
“อยู่ที่นี่แหละโทรบอกพ่อมาแพ่นกบาลได้เลย”
“เออ อยากเจอคนจริง” ป่านแก้วคว้าโทรศัพท์หัวเตียงมากดเบอร์โทร ขิมกอดร่างบางนิ่งดูท่าที ป่านแก้วต่อสายไปจริงๆ ขิมรีบปิดเครื่องโดยเร็ว
“ดึกแล้วอย่ากวนท่านเลย พรุ่งนี้ขิมไปแล้วค่อยโทรฟ้องว่าขิมมาทำร้ายร่างกายด้วยความรักท่วมท้น” วาจาช่างเลี้ยวของเขาทำให้ป่านแก้วค้อนคม ขิมกอดจูบซุกซน ป่านแก้วดึงผ้าห่มพันรอบกาย
“จะกลายร่างเป็นดักแด้หรือป่าน”
“ดักแด้อยู่ในรังตัวเดียวฉะนั้นห้ามรุกรายเเราใจมั้ย”
“ดักแด้ฝาแฝดมีรู้มั้ย”
“จริงเหรอ”ยามเผลอชัยชนะจึงเป็นของเขา พร้อมบอกความจริง
“ไม่จริงหรอก”
“แหมอีตาขิม”สิ้นคำตัดพ้อ ขิมแต้มริมฝีปากนุ่มถูกแนบประกบทับริมฝีปากเต็มสวยของอีกฝ่ายซึ่งเผยอรับรอยจุมพิตแน่นสนิท ลิ้นอบอุ่นควานใส่ดังลิ้มชิมรสกลิ่นเกสรภายใน ป่านแก้วพริ้มเนตรหลับเมื่อได้รับการสัมผัสลื่นไหลทั่วกายอย่างอ่อนโยน
ร่างเปลือยเปล่ากำลังสวมกอดหญิงสาวอยู่ หญิงสาวร้อนผ่าวไปทั้งกาย ก่อนยกมือผลักอกกว้า แต่กำลังของหญิงสาวช่างน้อยเหลือเกิน
ใบหน้าคมคายก้มลงมาที่ความอ่อนหวานละมุน ป่านแก้วเบือนหลบเลี่ยง ออกห่าง แต่ไม่ว่าหลบไปทางใด ล้วนไม่พ้นปาก หรือจมูกของเขาไปได้ กระทั่งริมฝีปากรุ่มร้อนของเขาคลอเคลียอยู่ที่ริมฝีปากนุ่มนวลของหญิงสาว ท่านขยับขึ้นบนยั่วยวน
ร่างใหญ่ทอดกายลงกอดแนบชิด ลูบไล้สัมผัสผิวเนื้อเรียบลื่น ดุจแพรชั้นดี ความอบอุ่นจากมือเรียวยาวถ่ายทอดเข้าผิวกาย สร้างความรุมร้อน มากขึ้นเรื่อย มากขึ้นทุกที ราวกับร่างกายของป่านแก้วบวมพองผิดธรรมชาติ ความหวาดกลัว เริ่มเยี่ยมกรายเข้ามาเยือน
หญิงสาว จึงพลิกกายหลบหนี อย่างยั่วยวนในที
ขิมตามไปประกบร่างตามแนบชิด ริมฝีปากอุ่นชื้นทำหน้าที่ตามใจเจ้าของด้วยความชำนาญและแสนฉลาดด้วยความเเราใจ ป่านแก้วหนีไม่พ้นความลึกลับของธรรมชาติอีกแล้ว หญิงสาวรับรอยจูบอ่อนหวาน นุ่มนวล
ร่างใหญ่ขยับกายเลื่อนลง หญิงสาวสะท้านร่างแอ่นรับเมื่อเคราสากๆเกลี่ยเบาบนท้องเป็นลอนสวย มือใหญ่บีบเคล้นบัวตูมซึ่งเบ่งบานรับเต็มที่
หน้าท้องของป่านแก้วเกร็งรับอย่างไม่ปิดบังความต้องการของตัวเอง ป่านแก้ว เคลิบเคลิ้มตามอารมณ์สนองมาเสนอไป
ปลายคางมีเคราเกลี่ยเบาระเรื่อยที่เนินอูม สวยงาม สร้างความกระสันปั่นป่วนจนร้องครางวิงวอน
“ขิม...อย่าให้ป่านมากกว่านี้เลย”
เสียงห้ามเบาพลิ้วอย่างที่เจ้าตัวจำไม่ได้
“ขิมอยากให้”
ลิ้นอบอุ่นอ่อนนุ่ม ทำให้ป่านแก้วเร่าร้อนมากขึ้น จนบิดร่างร้องครวญ
ป่านแก้วสาวสั่นสะท้านเฮือก เมื่อขิมสัมผัสสิ่งเล็กๆ หยอกล้อกับมัน สิ่งเล็ก หากมีประสาทสัมผัสของความปรารถนาที่เร้นลับแอบแฝง สิ่งนั้นสร้างความเสียวซ่านจนร่างกายแทบแหลกสลายด้วยความสุขอย่างร้ายกาจ
มือเรียวเลื่อนลงจากสองตูมตั้งงดงาม ลงวกวนรุกรานส่วนล่าง และคุมคามขึ้นมาส่วนบนอีกครั้ง อกงามเต่งตึงด้วยวัยสาวกำลังถูกลิ้มรสความอมหวานอย่างไม่รู้เบื่อหน่าย
ร่างใหญ่แยกปลีขาแสนสวยและได้รูปของหญิงสาวออกจากกันชายหนุ่มอดเหลืบสายตามองความงดงามอย่างเป็นเจ้าของเสียไม่ได้
เขาสอดมือลงช้อนสะโพกป่านแก้วเข้าไปแนบกระชับ ร่างใหญ่เคลื่อนร่างส่วนกลางกายเข้าไปหาได้แนบแน่น นิ่งลึกล้ำ ด้วยการเอาใจใส่อย่างดี ฉุดพาให้ ป่านแก้วกายสั่นระริก ก่อนจะเกร็งสุดโอบกอดร่างใหญ่ซุกหน้ากับซอกคออย่างลืมตัว ลืมหมดทุกสิ่งทุกอย่าง สมองของหญิงสาวตื่นโพลงด้วยกระแสเลือดพุ่งฉีดขึ้นไปหล่อเลี้ยงรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกแห่งความฝันที่มิอาจควบคุมตัวเอง ความรู้สึกเบา สบาย สุขล้ำ



นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ส.ค. 2554, 08:55:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ส.ค. 2554, 08:55:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 2399





<< ตอนที่14 ไม่มีที่ว่างสำหรับคนอื่น   ตามทันทั้งกรรมและบุญ >>
Auuuu 28 ส.ค. 2554, 10:20:29 น.
อยากให้ขิม คู่กับป่านแก้วจังเลย จะคู่กันไม๊น้อออ???


nutcha 28 ส.ค. 2554, 12:08:38 น.
อย่าบอกนะว่าขิมจะเสียสละยกป่านให้สัจจะ


Zephyr 28 ส.ค. 2554, 22:33:02 น.
เฮ้อ อ่านมาแล้วเหมือนขิมเล่นนอกกติกาเหมือนกันนะ แต่ใจร้ายนิดนึงแอบไม่บอกทั้งสองฝ่ายว่าเจอกันแล้ว เล่นแฟร์ๆแมนๆหน่อยนะขิม ตอนนี้นายได้เปรียบทุกทางเลย สงสารจ๊ะอ่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account