ห้วงเสน่หา ปรารถนาแห่งหัวใจ
ความรักได้ถูกลิขิตไว้แล้วว่าและความปรารถนาของหัวใจย่อมมาก่อน เสน่หา
และนั่นอาจจะเป้นการพลาดเมื่อเขา และเธอรู้จักรักที่แท้จริง
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 20 วันเวลาที่ผ่านมาของสัจจะ



หมอกหนาวปล่อยในยามเช้า เรือนไม้แฝดสูงจากพื้นสักสามศอกดูสวยงามเหมือนภาพวาดผู้ชายใส่กางเกงแพรเสื้อผ้าร่มคอกลมยืนพิงราวระเบียงทอดสายตามองละอองไอน้ำที่ปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณโดยรอบ ปีนี้ลมหนาวมาเร็ว
คนโสดดวงตาสีสนิมดูแดงอย่างคนที่ไม่เคยนอนเลยทั้งคืนขิมกลับไปแล้ว สัจจะนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมจนเช้ารู้สึกตัวว่าได้นอนก็เมื่อถึงเวลาตื่นแล้ว
น้ำตาลเก็บทำความสะอาดตั้งแต่เมื่อคืนโดยที่นายนั่งหมอนอิงแข็งราวรูปปั้น แสงแดดทออ่อนแม้จะสายแล้วมีสายรุ้งเป็นสายจากไอแดดกระทบ เห็นชัดหญิงในชุดขาวผมหยักลอนสวยยืนส่งยิ้มโบกมือไหวๆให้รู้ว่านี่ไม่ใช่ฝัน
“ป่าน” เขากระโดดผ่านราวระเบียงวิ่งตรงไปหาร่างบางที่วิ่งเข้าไปกระโดดกอดร่างสูง
เขาอุ้มร่างบางหมุนไปโดยรอบ
“จ๊ะคิดถึงจังเลยจ๊ะ จ๊ะของป่าน โอ๊ยเวียนหัว”
เขาปล่อยร่างเธอลงอย่างเพิ่งรู้สึกตัวว่าไม่ควรแตะต้องเมียเพื่อน แม้จะเคยเป็นเพื่อนรักกันมากก็ตาม สัจจะจึงเหลียวหาเพื่อนตัวโต เขาไม่อยู่ในบริเวณนั้น
“มายังไงป่าน”
“ขิมพามาส่งแล้วก็กลับไป เขาบอกว่ามีธุระเย็นๆถึงจะมา โอ้โหบ้านจ๊ะหรือนี่ สวย สวยกว่าบ้านป่านอีกนะดูเป็นธรรมชาติดีจังเลย"
สัจจะทอดสายตามองคนร่างเล็ก ในความรู้สึกของความเหงาหายไป ความฝันที่เป็นจริงอยู่ตรงหน้า ผู้หญิงที่เขารักที่สุด เป็นอย่างที่เขาคิด ป่านแก้ว แสนสวย สดใส ร่าเริง และเป็นกันเองอย่างไม่มีกับว่าเพศมากีดกั้นให้ห่างเหิน
“ไปข้างในกันเถอะจ๊ะ คิดว่าเป็นบ้านของจ๊ะก็แล้วกัน”
สัจจะหัวเราะออกมาคำหนึ่ง ป่านแก้วหัวไปยิ้มเหมือนแยกเขี้ยว ท่าทางมีความสุขยิ่งนัก สองหนุ่มสาวเข้าไปในบ้าน และนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร
น้ำตาลจัดอาหารมาวางที่โต๊ะ ป่านแก้วชะงักงัน ก่อนหน้านี้เธอลืมถามขิมว่า เพื่อนแต่งงานแล้วหรือยัง ดังนั้นเมื่อเห็นสาวสวยใส จึงแอบถามสัจจะเบาๆว่า
“แต่งงานแล้วหรือ” เธอมองน้ำตาลนุ่งผ้าซิ่น เสื้อยืดสีพื้นมีดาว หน้าใสๆ ถองสีข้างคนเดินเคียง เขางอตัว กุมท้องด้วยความจุก“อุ้บ”
“แฟนเด็กเสียด้วยสิเพื่อนเรา”
“ไม่ใช่ไม่มีแฟน นั่นเด็กช่วยงานบ้าน ทานข้าวกันเถอะป่าน”
“ดีกำลังหิว โอ้โห ข้าวต้มขาวเสียด้วย แน่ะยำกุ้งแห้งของชอบ”
ป่านแก้วร่าเริงสดใสราวเด็กหญิงตัวน้อยคนเดิม แม้จะเจ็บปวดกับความผิดหวัง หากสัจจะก็มีความสุขที่ได้พบป่านแก้วอีกครั้ง เธอทานข้าวร่วมกับสัจจะได้ไม่เคอะเขิน หยิบโน่นตักนี่วุ่นวายไม่ต่างเมื่อครั้งวัยเยาว์
เวลาไม่ได้พรากความใกล้ชิดสนิทสนมของคนทั้งสองไป หากว่า ความรัก ที่ไม่ได้รักเหมือนยามไร้เดียงสานั้นทำให้สัจจะรู้สึกเศร้าใจขึ้นมาเป็นระรอก แล้วจางหาย ไม่นานมันกลับเกิดความรู้สึกผิดหวังขึ้นมาอีก แต่เขายังคงใช้ความสุขในความเป็นมิตรกลบเกลื่อนความเสร้าไว้อย่างมิดเม้นที่สุด ขิมรู้ได้ แต่ป่านแก้วนั้น เขาไม่อาจให้หญิงสาวรู้ความในใจอย่างเด็ดขาด ให้ตายก็บอกเธอไม่ได้
“ขิมบอกว่ามีของขวัญวันเกิดจะมอบให้”
“จริงสิวันนี้วันเกิดป่านนี่นา” สัจจะ จำได้ทุกอย่างสำหรับคนตรงหน้าเขาคนนี้
“ใช่ๆแล้วเขาก็ไม่บอกอะไร พามาทิ้งไว้ที่นี่ก่อนจะกลับถึงบอกว่าจ๊ะอยู่นี่ ป่านจะเป็นลมตายแน่ะ ดีใจจังเลย จ๊ธคือของขวัญที่ดีที่สุดในปีนี้ หรือทุกปีเลยนะ”
“เราก็ดีใจอยากเจอป่านมาก”
“พบขิมนานแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมไม่ไปหาล่ะ”
“งานเยอะน่ะป่าน”สัจจะตอบคำที่สุภาพที่สุด
“แหมงานอะไรกันนะ สำคัญกว่าป่านอีกแฮะหญิงสาวแสร้ง ทำงอนๆแล้วก็หัวเราะคิก “ช่างเถอะช่างเถอะจะช้าก็ไม่เป็นไรได้เจอกันแล้วนี่นา เอ้าหนูชื่ออะไรจ๊ะมาทานข้าวด้วยกันมั้ย” ปานแก้วชวนน้ำตาลเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนรอในครัว
น้ำตาลส่ายหน้าปฏิเสธที่จะมาร่วมด้วย ยังขัดใจที่ป่านแก้วมาเรียกเธอว่าหนูๆ ราวกับตนเองเป็นพี่ใหญ่ทั้งที่ตัวเล็กกว่าหน้าก็เด็ก ยังพูดคุยหัวเราะต่อกระซิกกับผู้ชายได้ไม่เคอะเขิน ยิ่งสัจจะทำท่าอาทรนักหนา น้ำตาลยิ่งไม่ชอบใจ
แต่หน้าที่ของเธอคือแม่บ้าน ดังนั้น เมื่อทั้งสองทานเสรู้จน้ำตาลจึงเก็บโต๊ะอาหาร
“สงสัยหวงสมภาร” ป่านแก้วรู้เท่าทันจึงหลุดปากว่าสัจจะเบาๆไม่ให้น้ำตาลได้ยิน
“เฮ้ยพูดเป็นเล่นไปได้ ป่านเป็นอย่างไรบ้างคุณนายเรเขาดีมั้ย”
“โอ๊ยชีวิตแม่เลี้ยงลูกเลี้ยงในนิยายเป็นไงป่านแก้วเป็นอย่างนั้นเลยล่ะ ป่านปฏิวัติตอนอายุสิบแปด เรียนจบพ่อก็ซื้อบ้านให้ แล้วจ๊ะล่ะขิมบอกหนีออกจากบ้าน” เธอถอนเสียงยาวตาละห้อยเห็นใจในความอาภัพของอีกฝ่ายยิ่งนัก “แต่จ๊ะเรียนจบปริญญาด้วยใช่มั้ย จ๊ะคงลำบากแย่เลยนะกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ถ้าใจไม่แข็ง ไม่แน่จริง...”
“รู้ได้ไงว่าจบปริญญา”
“ป่านเดาเอาไม่รู้เรื่องของจ๊ะเลย บอกบ้างสิแล้วป่านจะเล่าเรื่องตัวเองให้ฟังบ้าง”
“ก็อาศัยวัดจนจบมอปลาย ต้องรับจ้างทำงานตอนกลางคืน ก็ลำบากเหมือนกันเวลาหาค่าหน่วยกิตไม่ทัน เพื่อนบางคนก็ชวนไปหางานสบาย”
ขณะจะเอ่ยต่อก็เหลือบมองป่านแก้ว เธอนั่งฟังตาแป๋ว เข้าใจเรื่องของเพื่อนชายเป็นอันดี ‘ขายตัว’คืองานสบาย แต่นั่นไม่ใช่ทางเลือกสำหรับสัจจะคนนี้ ป่านแก้วเข้าใจอีกฝ่ายได้ดี จึงเหม่อมองไปในสวน เอ่ยเสียงเศร้า
“ถ้าจ๊ะทำก็ไม่ลำบาก แต่จ๊ะเลือกที่จะไม่ทำใช่มั้ย”เขาตบท้ายทอยสลัดศีรษะจนผมยาวแผ่กระจายเคลียหลังเคลียไหล่
“รู้สึกมักง่ายยังไงก็ไม่รู้สิป่าน แต่ยังดีนะเพื่อนมีงานพิเศษพวกเพนท์เสื้อเพนท์กางเกง บางทีก็เรียกไปช่วยก็ได้เงิน มีเพื่อนเรียนศิลป์กลุ่มเดียวกันไปด้วยกันได้ อีกคนก็รวยมากพ่อเขาไม่ชอบชื่อแป๊ะยิ้ม หนีออกมาเรียนด้วยกัน กอดคอร้องไห้กันบ่อยๆไป แต่เวลานี้เขาไปอยู่เมืองนอกแล้ว พ่อเขายอมรับได้ บ้านนี้แป๊ะยิ้มก็หาเช่าให้จนมีโอกาสได้ซื้อเป็นเจ้าของจริงๆ”สัจจะรู้สึกยุกยิกที่ศีรษะ เขาเอี้ยวคอไปข้างหนึ่ง ป่านแก้วดึงผมยาวอีกฝ่ายยึดไว้
“มีหน้าที่เล่าก็เล่าต่อ ป่านจะถักผมไปฟังไปด้วย ผมจ๊ะมีน้ำหนักดีนะดำขลับเชียว”
“เฮ่ย...ป่านไม่เอา อดีตคืออดีต มันผ่านไปแล้ว ไม่อยากรื้อฟื้น”
“อย่าขัดใจเดี๋ยวหายตัวไปอีกนะ”
“จ้ะๆ” สัจจะรับคำ “เล่าจ้ะ” เขาแพ้ป่านแก้วเสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่!!
ช่วงชีวิตที่หายไปคล้ายเทปบันทึกกรอกลับให้ได้รับรู้อีกครั้ง
น้ำประปาคืออาหารในบางมื้อ เพื่อนร่วมห้องเช่าโยนห่อก๋วยเตี๋ยวแห้งมาให้ตรงหน้าเขาเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้ากลมแป้นเพื่อนซึ่งเรียกชื่อเล่นว่าแป๊ะยิ้ม
“งานพิเศษเว้ยจ๊ะแต่เลี้ยงได้แค่ก๋วยเตี๋ยวเท่านั้น” สัจจะรับไปแก้ห่อขยายออก ยังไม่ทันกินเพื่อนผิวดำผมหยิกกระหืดกระหอบเข้ามาหา รีบบอกข่าวสำคัญ กับเพื่อนผู้หิวโยและกระหายเรียนให้จบตามกำหนด
“เฮ้ยไปบ้านรุ่นพี่กันเหอะ เขามีงานเพ้นท์ผ้า แม่งแย่งกันยังกับแมงวันตอมเม็ดทุเรียน ดีที่เรากันไว้ให้พวกเองไปเร็วงานเขาเขาไม่รับมาก”
สัจจะรีบโซ้ยหน้าตั้งงานคือเงินที่จะทำให้เขาได้มาซึ่งความสำเร็จในการเรียน งานอะไรก็ทำได้ทุกอย่าง แม้แต่งานเขียนลายถุงน่องให้พวกนางแบบ
“ฝีมือดีนี่จ๊ะ” รุ่นพี่เอ่ยปากชมฝีมืออันโดดเด่นของสัจจะเขียนลายผ้าด้วยความตั้งใจแม้เงินจะไม่มากนัก เมื่อเห็นความตั้งใจจริงเมื่อมีงานอะไรเข้ามาเขามักจะเรียกสัจจะมาช่วย
“ค่าหน่วยกิจพอมั้ยจ๊ะ” เพื่อนถามทั้งที่ตัวเองก็แย่งานพิเศษไม่มีหรือมีก็ไม่พอ แป๊ะยิ้มนั่งถอนใจยาว ไม่ได้รู้สึกดีไปกว่าเพื่อนทั้งที่แป๊ะยิ้มมีฐานะดีกว่าทั้งสองคน แต่พ่อแม่ไม่สนับสนุน แป๊ะยิ้มจึงออกมาดิ้นรนส่งเสียตัวเองในการเรียนที่ตนรักหัวหยิกนับเงินที่มีอยู่ทั้งหมด ก่อนประชดออกมาว่า
“นับสามรอบถึงจะพอ กูจะหาที่ไหนได้วะ มึงล่ะพอมั้ยจ๊ะ”
“ขาดอีกห้าร้อย ไม่รวมค่าเช่าบ้านนะ”
“แม่งอดข้าวสิบวันกูยังเก็บเงินไม่ได้เลยห้าร้อยเนี่ย แป๊ะยิ้มหัวอกเดียวกันกับสัจจะ แต่ก็ดี ออกจากบ้านน้ำหนักกูเก้าสิบห้า ตอนนี้เหลือหกสิบห้า เรียนจบคงเป็นก้างเดินได้แล้วกู”
หัวหยิกลุกขึ้นไปส่องกระจกรวบผมหยิกให้หายยุ่งเหยิง จึงเห็นหน้าตาตัวเองเข้าที สัจจะถามเล่นๆเพราะถึงจะเข้าทีแต่ยังไม่เข้าเค้า
“จะไปสมัครเป็นโคโยตี้ชายหรือไง”
“ไปทำงานสบายแต่เงินดีกว่านั้น”
“เฮ้ย งานอะไร”
“ไอ้เปา เด็กปีสาม มันทำมาสามปีแล้ว ยินโบกรถ ได้หลายขาก็ฟันคืนเป็นพัน ไม่แน่นะไอ้จ๊ะรูปหล่ออย่างนาย อาจจะมีคนเลี้ยงให้เรียนจนจบเลยก็ได้ ไม่ต้องอยู่ห้องสัปปะลังเค ที่แม่งล่อกันข้างห้องได้ยินกันทั้งแถวอย่างนี้ด้วย”
“ตามสบายเถอะเพื่อน” สัจจะไม่เอาด้วย เขาลุกขึ้นไปหยิบอุปกรณ์ใส่ย่ามขนาดใหญ่ จากนั้นทรุดนั่งสวมรองเท้าผ้าใบเก่าๆหากเนื้อตัวและผิวพรรณสะอาดสะอ้าน แป๊ะยิ้มตามสัจจะออกไปหารายได้พิเศษที่หามาได้ด้วยแรงงานและสติปัญญา
มุมหนึ่งของถนนที่ไม่กีดขวางทางเท้าวัยรุ่นหญิงชายพากันมาอุดหนุนนักศึกษาทั้งสองแล้วแต่จะให้เขียนอะไร กระเป๋า เสื้อตัวโปรด เข้มขัดที่ไม่อยากให้ลายเหมือนใคร แม้แต่จะเป็นการเขียนที่รองเท้าผ้าใบ
สัจจะนั่งสเกตช์ภาพนักศึกษาสาวครู่ใหญ่ลงแสงเงาได้สวยจนเจ้าตัวมองจิตรกรรูปหล่อมองแล้วมองอีก ฝีมือเขาช่างดีเหลือเกิน เธอให้เงินแถมเบอร์โทรศัพท์ หากเจ้าตัวรับไว้เท่านั้นเรื่องอื่นไม่สนใจ
“เกิดมาหล่อก็ดีอย่างนี้วะจ๊ะ” แป๊ะยิ้มบ่นเป็นเชิงน้อยใจลูกค้าเพื่อนหนาตามากกว่าโดยเฉพาะสาวๆ
“จ๊ะ” รุ่นพี่นั่งยองๆมองสัจจะเขียนภาพลายไทยลงบนกระเป๋าหนัง
“อ้าวพี่เติมหวัดดีครับ” เขาก้มศีรษะแทนการไหว้เพราะมือไม่ว่าง
“มีงานให้ช่วย ชอบฝีมือว่ะ” เติมบอก ชอบนิสัยการรักงานของอีกฝ่าย เหล้าบุหรี่ไม่เอาสักอย่าง
“ครับงานอะไรครับ”
“เพนท์ตัวนางแบบ” เติมเลือกสัจจะเพราะเขาเป็นคนนิ่ง “เบียร์หน่อยมั้ย”
“ขอบคุณครับ แต่ผมไม่”
“เอาน่าย้อมใจนิด”
สัจจะยิ้มรับ แต่ไม่เอาเบียร์
เติมหัวเราะหึในคอ ต่อมาจึงได้ให้สัจจะไปหา และพากันไปทำงานตามที่บอกไว้
นางแบบเปลือยกายไม่มีผ้าสักชิ้น มองจิตรกรผู้ช่วยซึ่งนั่งผสมสีไม่สนใจความสวยงามของเธอสักนิดเดียว แต่เธอสิสนใจคนรูปหล่ออย่างสัจจะมาก จึงเอ่ยเสียงดังเป็นเชิงยั่วว่า
“จะไหวหรือพี่เติมเรียนคงยังไม่จบด้วยมั้ง หน้าอ่อนยังกับไม่เคยหญิง อย่างนี้เห็นขาวเห็นแดงเข้า ไม่พุ่งปิ๊ดหรือพี่”” นางแบบว่าแล้วทำไม่รู้ไม่ชี้แต่คนถูกเยาะหยันก็วางเฉย เติมเดินไปเขียนให้นางแบบอีกคนปล่อยสัจจะไว้กับคนสวย
“เอามาจากไหนค่ะพี่เงียบยังกะเป็นไม้” นางแบบที่คุ้นเคยกับเติมชวนคุยขณะทำงานเหลือบสายตามองสัจจะป้ายสีสันลงบนเรือนร่างของเพื่อนราวกับเขียนรูปบนกระดาษ
“เพราะคุณสมบัตินี้แหละจะได้ถ่ายแบบทันเวลา เธอชอบถูกขย่มก่อนนักหรือไง” เติมย้อนเจ็บแสบ
“ถ้าเป็นพี่ละก็ไม่เอา แต่คนนั้นมันหน้าหยอกเสียเมื่อไหร่ รูปหล่อสูงยาวเข่าดีอีกต่างหากแหมจินตนาการไม่ถูกเลยว่าหน้าเย็นๆนั้น พอถึงเวลาจะร้องเพลงอะไร” นางแบบสาวพูดแล้วหัวเราะคิก
“ทำไมเลือกเขียนลายญี่ปุ่นล่ะ” เจ้าของหนังสือมองนางแบบสาวแล้วถามสัจจะ
“หน้าเขาเหมือนคนญี่ปุ่นผมว่าเข้ากันดี” คนจ้างพยักหน้างึกๆชอบใจรูปดอกไม้สีสวยบนเรือนร่าง มองดูเหมือนดอกไม้มาพันรอบกายได้อย่างแนบเนียน ทั้งที่ร่างกายเปลือยเปล่าและมีเพียงสีห่อหุ้มเท่านั้น เติมส่งนางแบบออกมาประชันโฉม
“ทำไมไม่เขียนลายไทยล่ะคุณเติมหรือนางแบบหน้า...ต่างชาติอีกคน”
“อย่าเล่นของสูงเลยครับผมไม่อยากถูกด่าถึงอาชีพ เอาแค่ประยุกต์ก็สวยพอแล้วว่ามั้ย”
ช่างกล้องเห็นด้วย หนังสือวาบหวามแทนที่จะฮือฮาเดี๋ยวถูกกลุ่มอนุรักษ์ด่ายับจะถูกระงับไม่ทัน สัจจะรับเงินจากเติม เขาให้เต็มจำนวนไม่ได้หักเลย ทำให้สัจจะเกรงใจรีบส่งคืนให้ครึ่งหนึ่ง
“เอาไปเถอะจ้ะอย่าเข้าใจว่ามาวัดรอยอะไรเลย พี่ไม่คิดอะไรมากหรอกเคยปากกัดตีนถีบมาเหมือนกันตอนนี้สบายแล้วช่วยได้ก็อยากช่วย”
“มันมากเกินฝีมือผมครับ”
“ไม่หรอกนายฝีมือดีมากอาจจะดีกว่ามืออาชีพด้วยซ้ำ ทำนายได้เลยว่านายยืนแถวหน้าสายจิตรกร”คำอวยพรและคำทำนายไม่เกินจริงเลยทุกวันนี้
“เฮ้ยแป๊ะยิ้ม เก็บเงินได้เท่าไรแล้ววะ” สัจจะถามเพื่อนร่วมห้อง แป๊ะยิ้มชักยิ้มไม่ออกเมื่อใกล้ลงทะเบียนแต่เขาหาเงินได้ไม่พอ เอารูปไปเสนอขายร้านในราคาถูกแสนถูกเขายังตราหน้าว่าเป็นแค่นักศึกษาไม่ยอมรับ สัจจะนับเงินส่วนเกินส่งให้เพื่อน
“นายไปขายตัวแบบหัวหยิกเหรอ” แป๊ะยิ้มท่าทางตกใจมากกว่าจะเป็นอย่างอื่นเพราะสัจจะหนักเอาเบาสู้ไม่คิดว่าจะหาเงินในทางนั้น
“เปล่าไปเพ็นท์ตัวนางแบบมา พี่เติมให้เงินเต็มจำนวน เลยมากพอสองคน เอาไปใช้ก่อนซิแป๊ะยิ้ม”
“แล้วนายล่ะ”
“มีพอกินไก่อบกันสักวันดีกว่าว่ะ”
ขาดคำหัวหยิก เดินเข้ามาในห้องพัก หลังจากหายหน้าไปหลายวัน เขาถือถุงอาหารเข้ามาเต็มสองมือระหว่างทานอาหารหัวหยิกพูดคุยราวติดใจในการทำงาน เขาแฉคนซื้อบริการมีท่าร่างประมาณไหน ครางซี๊ดอย่างไรกับการสนองน้ำเงินของหัวหยิก แป๊ะยิ้มกับสัจจะลอบมองหน้ากัน จะลุกหนีก็ใช่ที เรื่องกินและน้ำใจต้องแยะให้ออกกับความมันปากเรื่องนินทาของหัวหยิก สุดท้ายหัวหยิกหันมาชวนสัจจะอีก
“ฉันเล่าเรื่องแกให้พี่เขาฟัง พี่เขาบอกว่า ห้าพัน เขาให้คืนเดียวเท่านั้นเอง เอาเหอะจ๊ะ หลับตาทิ่มๆเท่านั้นไม่ต้องมองส่วนเหี่ยวแห้งนั้นหรอก”
“ฉันได้งานจากพี่เติม อีกอย่างงานรับรถฉันยังทำอยู่ ยังพอเลี้ยงตัวไหว ขอบใจนะที่ส่งเสริม”
“ตามใจ ฉันเลือกแล้ว พี่อีกคนเขายอมส่งฉันเดือนละสามพัน ไม่แน่ถ้าเขาจะให้มากกว่านี้ ฉันจะย้ายไปจากที่นี่”
สัจจะและแป๊ะยิ้มไม่ว่าเพื่อนที่ไม่อาจทนอดอยากต่อไปได้ พวกเขาไม่ดูถูกชีวิตที่ต้องดิ้นรน ไม่นานนักหัว หยิกย้ายของไปจากห้อง และเรียนไม่จบทั้งสองได้ข่าวแค่เขาขาดเรียน และหายตัวไปไม่ทราบเรื่องอีกเลย!!
“ทิปดีเป็นบ้าได้มาเกือบพัน” สัจจะยิ้มร่าแม้ท่าทางจะอิดโรยกับงานพิเศษเป็นเด็กรับรถ แป๊ะยิ้มเทเงินออกจากกระป๋องอาหารที่นำมาเขียนลายใหม่เสียสวย
“อีกเทอมเดียวเท่านั้นแป๊ะยิ้ม”สัจจะให้กำลังใจเพื่อน “ทนกันอีกหน่อย”
“จากนั้นไปเป็นจิตกรเงินไม่ยาไส้ เชื่อมั้ยฉันฝันอยากไปเมืองนอกว่ะจ๊ะ”
“เออ ไปเป็นโรบินฮูดก็ได้ หาที่ให้ดีก่อน จะได้ไม่อดตายไปกว่านี้”
ว่าแล้วทั้งสองหัวเราะกันร่วน แป๊ะยิ้มมองเงินที่สัจจะแบ่งมาให้ด้วยความตื้นตันใจ เขาเป็นศิลปินแนวใหม่ การรับงานพวกนี้จะมีคนสนใจเพียงกลุ่มเดียวไม่กว้านัก แต่ถ้าเข้าถูกจุด เศรษฐีนักสะสมจะจ่ายไม่อั้นกับความพอใจหลุดโลก
งานของสัจจะขายง่าย เพราะเน้นความสวยงามของบุคคล ธรรมชาติ ดังนั้นแป๊ะยิ้มจึงพึ่งพาเพื่อนบ่อยครั้ง แต่สัจจะไม่เคยทอดทิ้ง
“จ้ะฉันจะไม่ลืมนายเลยนายเป็นคนดีจริงๆ” แป๊ะยิ้มชมเพื่อนด้วยน้ำตาคลอเบ้า “ความสำเร้จครึ่งหนึ่งมาจากความมีน้ำใจของนาย”
“อย่าคิดมากเลย เราหนาวกันมาพอแล้วจิงมั้ยเพื่อน”แป๊ะยิ้มพยักหน้ารับ รู้ทั้งรู้ น้ำประปาคืออาหารยาไส้ของสัจจะมาหลายครั้ง แต่ความมีน้ำใจไม่เคยจางหาย
วันที่สำเร็จทางการศึกษารถราคาแพงมาจอดหน้าห้องเช่า สัจจะแปลกใจเมื่อชายร่างสูงใบหน้ามีลักษณะเป็นคนจีนมาถามหาแป๊ะยิ้ม เมื่อตามเพื่อนออกมาพบหญิงกลางคนใส่ชุดสีฟ้าเปิดประตูลงมาสวมกอดอีกฝ่ายแน่น
“ป๊ายอมลื้อแล้วอามังกรลื้อทำสำเร็จแล้ว”
“ป๊า”
“ป๊าตามดูลื้อตลอดสี่ปี ลื้อเป็นลูกผู้ชาย ลื้อมีความมุ่งมั่นลื้อยังเป็นคนดีทั้งที่ลำบากมาก”
แป๊ะยิ้มไม่เคยลืมเพื่อนที่แสนดี เมื่อเขาได้ดีแล้วก็ฉุดสัจจะให้ย้ายไปอยู่บ้านเช่ากลางสวนให้เช่าราคาถูกจากสองตายาย ที่อยากขายที่เต็มทีเพราะห่างความเจริญและดูแลไม่ไหว
“ถ้าเขามาเห็นว่าวันนี้จ๊ะทำเสียสวยเขาจะเสียดายมั้ยเนี่ย” ป่านแก้วเอ่ยเมื่อเห็นความสวยงามราวกับรีสอร์ตธรรมชาติ ความร่มรื่นของแมกไม้ทำให้ได้ยินเสียงนกร้อง สัจจะจับมือนุ่ม
“ของป่านล่ะแทบแย่มั้ย”
“ก็มีเขาร้ายบ้าๆบอๆ ที่แน่ๆคือเขางกมาก เรื่องเงินนี่เรื่องใหญ่มาก และจะแย่ก็ตรงท่านนายพลท่านเจ้าชู้ คุณนายเรวดีจึงมาลงกับลูกเลี้ยงและลูกตัว”
“ลูกตัวเขาก็ร้ายด้วยหรือ”
“โดนไม่มีเว้นสักคน ตอนคุณย่ายกมรดกให้ป่านมาก เขาก็อยากได้ไปจัดการยุป่านก็หลายครั้ง เรายังเด็กไม่มีปัญญาสู้เขาว่าอย่างไรเราก็เชื่อ เบิกดอกเบี้ยออกมา เพราะมันเบิกได้แต่ดอกเบี้ย อาเนื่องทำบัญชียังไงไม่รู้ แต่เงินต้นออกไม่ได้”
“แล้วไง”
“พอยิ่งโตก็ยิ่งรู้ว่าอยู่กับอาเนืองดีแล้วปลอดภัย พอป่านอายุครบกำหนด อาเนื่องมาตามถึงบ้านให้ไปโอนรับเป็นเจ้าของ เรียนจบพ่อซื้อบ้านกับรถให้ ขณะพูดอดขันไม่ได้“ เท่ากับเงินที่คุณนายเขาเอาไปนั่นแหละ พ่อหาวิธีคืนกลับมาจนได้” พรรคพวกพากันหัวเราะเบาๆ
“อานาทคงรักป่านมากนะ ถึงตอนเป็นเด็กจะไม่ค่อยได้แสดงความรักก็เถอะ”
“นั่นสิพอโตมากขึ้นก็รู้ว่าท่านรักตามแบบของท่านคุณนายพูดอะไรบอกอะไรท่านจะไม่เชื่อ ป่านไม่ค่อยไปยุ่งกับเขายิ่งเรื่องสมบัติอะไรของพ่อป่านคงไม่เอา ป่านได้จากปู่กับย่ามามากแล้วล่ะ”
“ป่านก็อย่างนี้เอง แล้วไม่สู้เขาบ้างหรือตอนเขาตีเขาแกล้งน่ะ”
“ก็มีบ้าง เขาชอบพูดบุญคุณข้าวราดหัว เขาราดจริงๆนะจ๊ะ ป่านยังเด็กจะไปสู้รบกับยักษ์ไม่ได้หรอก อายุสิบแปดนั่นละฟ้องพ่อหมด พ่อเต้นผางเลยห้ามขาดไม่ให้คุณนายยุ่งกับป่านอีก แต่ไม่วายตนได้ดูแลทรัพย์สิน”
สองคนหัวเราะต่อกระซิกกันอย่างมีความสุข ถามไถ่สารทุกข์แก่กันอย่างไม่สนใจเวลาที่ผ่านไป !!



นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ก.ย. 2554, 08:50:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ก.ย. 2554, 08:50:45 น.

จำนวนการเข้าชม : 2299





<< ตอนที่ 19 สัจจะ    ตอนที่ 21 แผลใจที่ต้องรักษา >>
mottanoy 2 ก.ย. 2554, 09:16:04 น.
ตามอ่านมาตลอดค่ะ ชอบมาก ยกเว้นตอนป่านย้ายออกจากบ้าน รู้สึกมันห้วนๆไปหน่อย


Zephyr 2 ก.ย. 2554, 10:03:10 น.
จ๊ะ เป็นคนดีไรเยี่ยงนี้ ชีวิตรันทดมาก แต่ยังอดทนสู้มาได้ อ่านแล้วสงสารแทนเลย อยากให้จ๊ะเป็นพระเอกแล้วง่ะ แต่นางเอกไทยชอบคนลวๆออกแนวแบดบอยหน่อยๆ หุหุ ส่วนใหญ่นะ แหมือนคุณนางแก้วจะให้ขิมเป็นพระเอก รึป่าว ^^


silverraindrop 2 ก.ย. 2554, 12:21:05 น.
อืม...คาดว่าขิมเป็นพระเอก แต่ดีแล้วเพราะสองคนมีอะไรกันไปแล้ว ^ ^


nutcha 2 ก.ย. 2554, 12:41:19 น.
ชีวิตจ๊ะน่าสงสารจริง ๆ


kaeka 2 ก.ย. 2554, 13:01:33 น.
สัจจะ สมชื่อจริงๆ สัจจะธรรม
ความรู้สึก ความผูกพันของมิตรภาพมันดีอย่างนี้จริงๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account