เจ้าสาวแสนแสบ
เมื่อสายลับสาวแสบ ต้องจับพลัดจับผลูไปเป็นเมียเจ้าพ่อหนุ่มเข้าให้


มาลุ้นกันว่า...เธอจะทำภารกิจลับที่ได้รับมอบหมายสำเร็จ


หรือจะ...เสร็จ...มาเฟียตัวร้ายก่อนกัน!!


และถ้าต้องเลือก...เธอจะเลือกอย่างไหน...



หน้าที่...หรือ...หัวใจ


Tags: รัตนรัตน์,เจ้าสาวแสนแสบ,romantic comedy

ตอน: บทที่ 28 : ซ้อนแผนลับ จับ (กด) นางโจรสาว (ต่อ)


แม้จะบอกให้ศักดารอดูท่าทีไปก่อน แต่สุดท้ายเพราะความเป็นห่วงสวัสดิภาพของภิตะวัน พายุจึงไม่อาจทนนิ่งเฉยได้อีก ร่างสูงกำภาพทั้งสองภาพในมือแน่น ก่อนจะก้าวฉับออกไป


“เอ่อ จะไปไหนครับคุณพายุ นี่ใกล้จะได้เวลาขึ้นเครื่องแล้วนะครับ” ศักดาวิ่งตามแทบไม่ทัน แต่กระนั้นก็ไม่ยอมแพ้ เพราะภารกิจคราวนี้สำคัญมากชนิดที่เจ้านายของเขาควรจะไปด้วยตัวเอง



พายุหน้าเครียด รู้สึกเป็นห่วงภิตะวันขึ้นมา ชายหนุ่มสองจิตสองใจ ใจหนึ่งก็อยากจะไปจัดการเรื่องราวยุ่งๆ ที่ค้างคาให้เสร็จสิ้น แต่อีกใจก็ห่วงหัวใจที่เขาวางไว้ที่บ้าน...


“ขึ้นรถเถอะครับ ส่วนเรื่องความปลอดภัยของคุณภิตะวันผมจะกำชับคนของเราให้ดูแลเป็นอย่างดี” ลูกน้องคนสนิทเอ่ยหว่านล้อม ซึ่งนับได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เจ้านายของเขาเอาความรู้สึกส่วนตัวอยู่เหนือเหตุผล และนั่นก็แสดงให้เห็นว่าหญิงสาวที่ชื่อ ภิตะวัน นั้นสำคัญกับเจ้านายของเขามากเพียงใด ไม่อย่างนั้นคนที่คิดรอบคอบและคิดการณ์ไกลอย่างคุณพายุคงไม่ละล้าละลังถึงเพียงนี้


“ก็ได้ สั่งเพิ่มกำลังคนสองเท่าดูแลเธอให้ดี รอจนกว่าฉันจะกลับมา ห้ามคนนอกเข้าออกในบ้านของฉันได้เป็นอันขาด อ้อ! แล้วก็เลื่อนตั๋วเครื่องบินกลับให้ฉันด้วย เสร็จงานแล้วฉันจะกลับทันที”


“ได้ครับ ผมจะจัดการให้”


“อย่าลืมบอกคนให้ตามสืบเรื่องนี้ต่อ ฉันต้องได้ข้อมูลโดยละเอียดทันทีที่ฉันกลับมาถึงที่นี่!”


นั่นเองกำหนดการเดินทางของเจ้าพ่อจึงถูกร่นเข้ามา ทว่าหญิงสาวที่เขานั้นห่วงแสนห่วงซึ่งกำลังตามหาหลักฐานความผิดของชายหนุ่มผู้ได้ชื่อว่าเป็นสามีนั้นหาได้รู้เรื่องรู้ราวอะไร ยามนี้เจ้าตัวดีใจและสบายใจเป็นที่สุดที่ไม่ต้องถูกสายตาวิบวับแสนประหลาดจับจ้องให้ร้อนๆ หนาวๆ ทำให้สามารถทำงานของตัวเองได้อย่างคล่องตัว


ภิตะวันอ้างกับใครต่อใครว่าอยากจะจัดบ้านใหม่ เพราะบ้านหลังนี้ข้าวของจัดวางอย่างไม่เป็นระเบียบ ห้องหับก็รกชื้น สมควรแก่การที่จะปรับปรุงให้ดูสะอาดตาและน่าอยู่มากยิ่งขึ้น เพราะอย่างไรก็ถือได้ว่าเป็นเรือนหอของเธอและเจ้าบ่าว


อะไรที่ไม่ใช้ก็ให้เอาไปบริจาคเสีย ดังนั้นความโกลาหลขนาดย่อมๆ จึงบังเกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าย่อมไม่มีใครกล้าหือกับนายหญิงคนใหม่ของบ้าน ดังนั้นเธอจึงสามารถค้นข้าวของและห้องทุกห้องได้อย่างอิสรเสรี จะมีก็แต่คุณพรรษาแม่สามีเท่านั้นที่ดูจะห่วงใยเธอจนเกินไปนิดนึง ทำอย่างกับว่าถ้าเธอเดินสะดุดอะไรนิดหนึ่ง เธอจะทำลูกในท้องแท้งอย่างนั้นแหละ


ฮึ! คิดกันไปถึงไหน เธอกับเจ้าพ่อพายุยังไม่ทันมีอะไรกัน จะท้องได้ยังไงกันเล่า!


อีกอย่างฝันไปหรือเปล่าว่าสาวน้อยแสนน่ารักและสุดจะฉลาดเฉลียวอย่างเธอจะยอมพลีกายให้อาชญากรร้ายของสังคม ไม่มีทางเสียหรอก!


ฮึ! คิดกันไปถึงไหน เธอกับเจ้าพ่อพายุยังไม่ทันมีอะไรกัน จะท้องได้ยังไงกันเล่า!


แค่ที่ยอมให้จูบให้กอดก็เปลืองตัวเท่าไหร่แล้ว..ที่ยอมนั่นก็ถือเสียว่าเธอกำลังเสียสละเพื่อส่วนรวมอยู่ ทั้งหมดนั้นก็เพื่องาน แต่ให้มากไปกว่านั้นอย่าฝันไปเลย!


ภิตะวันเชิดหน้าให้กับคำตอบของตัวเอง แม้ว่าการกระทำเหล่านั้นจะก่อให้เกิดความรู้สึกแปลกๆ วูบๆ วาบๆ เกินกว่าปกติไปมากโขก็เถอะ แต่กระนั้นหญิงสาวก็มั่นใจว่าที่ตนยอมให้ชายคนดังกล่าวกระทำชำเราริมฝีปากของเธอก็เพราะเรื่องงานล้วนๆ ทั้งหมดเพื่อความสมบทบาท เพราะตอนนี้เธออยู่ในฐานะภรรยาของเขา...



ว่าแล้วจึงเริ่มดำเนินการค้นหาบัญชีรายชื่อของเหล่าคนร้ายที่ร่วมมือกันค้าโสเภณีข้ามชาติต่อ ยังไงซะสองวันที่เจ้าพ่อพายุไม่อยู่ เธอจะต้องใช้มันให้คุ้มค่า เธอจะต้องหาเจ้าบัญชีที่ว่าให้เจอให้ได้ และแน่นอนไม่ลืมที่จะวางกล้องวงจรปิดไว้ตามจุดต่างๆ ของตัวบ้านด้วย โดยเฉพาะห้องทำงานของเจ้าพ่อที่จำเป็นที่สุด!


นั่นเองทำให้ภิตะวันต้องกลับมาด้อมๆ มองๆ หน้าห้องห้องทำงานของพายุอีกครั้ง หนก่อนนั้นเธอจำได้ว่าตนเองหาจนทั่วแล้ว แต่ไม่พบอะไรผิดสังเกต ทว่าเจ้าตัวก็หาได้ละความพยายาม ดังนั้นหลังจากที่หาตำแหน่งติดกล้องวงจรปิดได้สำเร็จ ภิตะวันจึงเริ่มการค้นหาอีกครั้ง เพราะตามข่าวที่ได้ยินมานั้น สายข่าวบอกมาว่าเจ้าพ่อพายุสั่งทำตู้เซฟนิรภัยที่แข็งแรงเป็นพิเศษมาไว้ที่บ้านนี่นา และห้องไหนจะเหมาะกับการเก็บรักษาของสำคัญที่เขาหวงแหนที่สุดเท่ากับห้องทำงานที่มีเขาใช้อยู่คนเดียว ห้ามคนนอกเข้าออกได้ไม่มีอีกแล้ว


ดังนั้นห้องนี้จะต้องเป็นห้องที่มีเซฟดังกล่าวซ่อนไว้แน่ๆ และของที่เก็บอยู่ในเซฟลับจะเป็นอะไรไปได้ ถ้าไม่ใช่บัญชีรายชื่อผู้กระทำความผิดที่ใครต่อใครต่างตามหา เพราะหากพวกคนร้ายได้ไป ก็อาจจะเอาไปแบล็คเมย์กันเองได้ บัญชีอันนี้จึงมีมูลค่ามหาศาล และทั้งนี้หากทางตำรวจได้ไป ก็ถือเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในการลากคนผิดทั้งโขยงเข้าคุก ของสำคัญเช่นนี้เขาจะต้องเอาไว้ใกล้ตัวที่สุดแน่ๆ และในบ้านหลังนี้ก็มีที่นี่ที่เดียวที่เป็นไปได้!


“สั่งให้คนเอากุญแจมาเปิดห้องนี้ทีซิ” ภิตะวันสั่งการเหล่าคนใช้ ซึ่งแต่ละคนพอรู้ว่าห้องที่เธอต้องการจะเข้าไปนั้นคือห้องของเจ้านายหนุ่มที่เป็นใหญ่ที่สุดในบ้านต่างก็พากันส่ายหัว


“เอ่อ...ห้องนี้คุณพายุสั่งห้ามเข้าค่ะ ไม่ว่ากรณีใดๆ” หนึ่งในสาวใช้ในบ้านเอ่ยอย่างเกรงๆ


“แม้แต่ฉันซึ่งเป็นภรรยางั้นเหรอ?”


“เอ่อ... ” ทุกคนต่างอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี เพราะถึงหญิงสาวตรงหน้าจะเป็นนายหญิงคนใหม่ของที่นี่ แต่ถ้าพวกเธอขัดคำสั่งที่เจ้านายหนุ่มบอกไว้ล่ะก็ มีหวังได้เกิดพายุพัดบ้านเมืองพังทลายสมชื่อของคุณพายุแน่ๆ อีกอย่างพวกเธอก็ไม่มีใครมีกุญแจห้องนั้นเสียด้วย เพราะนอกจากคุณพายุแล้วก็มีเพียงนายแม่คนเดียวเท่านั้นที่เข้าไปได้โดยอิสระ


“หนูฟ้าจ้ะ พักบ้างเถอะจ้ะ แม่เห็นหนูทำโน่นทำนี่มาทั้งวันแล้ว” พรรษาเอ่ยอย่างเป็นห่วง เพราะเห็นลูกสะใภ้ก้มๆ เงยๆ ทีไร หัวอกของคนเป็นย่าก็ร้าวรานไปเสียทุกครั้ง กลัวเหลือเกินว่าจะเกิดอันตรายกับหลานในไส้เข้าให้ ซึ่งหากว่าเกิดขึ้นจริงๆ แล้วล่ะก็ เธอก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้หลานคนต่อไปหรือเปล่า เพราะพายุก็ดูจะเอาแน่เอานอนไม่ได้ เกิดว่าจู่ๆ เบื่อหนูฟ้าขึ้นมาแล้วหันกลับไปมีรสนิยมเก่าๆ เธอมิแย่หรอกหรือ ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรซะ หลานคนนี้เธอจะต้องปกป้องให้อยู่รอดปลอดภัยและลืมตาขึ้นมาดูโลกให้ได้!


“คุณแม่คะ คือว่าฟ้าอยากจะเข้าไปช่วยจัดของในห้องทำงานให้เจ้า...เอ้ย! ให้พี่พายุน่ะค่ะ แต่ไม่มีกุญแจ คุณแม่ให้คนเปิดให้หน่อยสิคะ นะคะฟ้าขอร้อง” ภิตะวันแสร้งทำหน้าตากระเง้ากระงอดเหมือนเด็กน้อยเอาแต่ใจ ทั้งๆ ที่ในใจนั้นรู้สึกตรงกันข้าม เพราะเธออยากจะเอาระเบิดหรือไม่ก็ไฟมาจุดเผาประตูทางเข้าห้องเสียให้แล้วๆ ไป อยากขวางการทำงานของเธอดีนัก เวลาของเธอยิ่งมีน้อยๆ อยู่ด้วย จะให้มาเสียเวลากับการปั้นหน้านั้นเห็นท่าจะไม่ดี ลุยชนดะไปเลยดีกว่า เห็นผลทันตา เร็วกว่ากันเยอะ! หญิงสาวที่ถือคติพจน์ ‘บุกก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากัน’ แอบคิดในใจ


“เอ่อ...แต่ว่าหนูทำงานมาทั้งวันแล้วนะจ้ะ พักหน่อยเถอะ ห้องนี้เก็บไว้ค่อยเข้าไปทำพรุ่งนี้เถอะจ้ะ รับรองว่าแม่จะมาเปิดให้หนูฟ้าด้วยตัวเองเลยเชียว” พรรษาเอ่ยหว่านล้อม


“แต่ว่า...”


“นะจ้ะ ถือว่าแม่ขอร้อง แม่ไม่อยากเห็นหนูโหมงานหนัก” ว่าแล้วก็ทั้งลากทั้งจูงลูกสะใภ้พาไปพักที่โซฟาตัวกว้างจนได้


ภิตะวันส่ายหัวอย่างระอา แต่ก็รู้ว่าที่อีกฝ่ายทำไป เพราะรักและหวังดีกับตน เจ้าตัวจึงต้องยอม แต่กระนั้นถึงเธอจะไม่ได้เข้าไปห้องดังกล่าวเธอก็กะไว้ว่าจะไปสืบที่เรือนพักคนงานที่เธอเคยไปเมื่อครั้งก่อน เผื่อว่าจะได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติม


ทว่ายังไม่ทันจะได้ออกตัว เสียงสดใสของใครบางคนก็ดังขึ้นเสียก่อน


“ตะวัน”


ภิตะวันหันขวับไปตามเสียงเรียกแทบไม่ทัน ใครกันที่บังอาจเรียกชื่อจริงของเธอซะเสียงดังแบบนี้!


ทันทีที่เห็นกลับเป็นเธอที่ตกใจเสียเอง “วายุ! นายมา…เอ่อ…ได้ยังไง?”


“เราต่างหากล่ะที่ต้องถามว่าตะวันมาทำอะไรที่นี่”


เมื่อได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยเรียกชื่อตัวเองเป็นครั้งที่สอง ภิตะวันจึงรีบลากมือเพื่อนให้เดินไปหลบมุมคุยอีกด้าน ด้วยเพราะเธอยังไม่อยากเปิดเผยตัวเองตอนนี้ เธอไม่อยากให้คนที่นี่รู้สึกแย่ที่เธอโกหกและหลอกลวง เพราะถึงแม้จะมาอยู่ได้แค่ไม่กี่วัน แต่ภิตะวันก็รู้ดีกว่าทุกๆ คนให้การต้อนรับเธอย่างอบอุ่น โดยเฉพาะมารดาของเจ้าพ่อพายุ ที่เข้าใจว่าเธอคือพี่ฟ้า จึงต้อนรับขับสู้เธอเป็นอย่างดี ราวกับว่าเธอเป็นลูกสาวคนหนึ่งของท่านจริงๆ เธอเกรงว่าหากท่านรู้เรื่องที่เธอปิดบังตัวตน สับตัวเป็นเจ้าสาวแทนพี่ แถมยังปลอมตัวเข้ามาเพื่อที่จะสืบข้อมูลหวังจะเอาลูกชายของท่านเข้าคุก ท่านคงจะรู้สึกแย่กับเธอมากแน่ๆ เธอยังไม่อยากกลายเป็นคนไม่ดีในสายตาของท่านเลยไม่รู้ว่าทำไม อยากให้ความอบอุ่นและเป็นกันเองนั้นคงอยู่กับเธอเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ แม้จะรู้ว่าวันนึงท่านจะต้องรู้ความจริงและอาจจะโกรธ จะเกลียดเธอก็ตาม


แต่มันไม่ควรที่จะเป็นตอนนี้ เวลาที่ภารกิจทั้งหลายของเธอยังไม่เสร็จสิ้น เธอจะให้ใครต่อใครรู้จักเธอตอนนี้ไม่ได้เป็นอันขาด!


ข้างวายุนั้นคราแรกที่ได้เห็นภิตะวันก็อดแปลกใจตัวเองไม่ได้ นั่นสินะ ก็หญิงสาวตรงหน้ามิใช่หรือที่เขาคิดถึงและอยากเจอหน้ามานาน แต่ทำไมนะตอนนี้พอเขาได้เจอหน้า เขากลับไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่ได้รู้สึกดีเหมือนเช่นทุกครั้ง


ชายหนุ่มนึกแปลกใจปฎิกิริยาตัวเอง เพราะแม้จะแกล้งทำน้ำเสียงสดใส แต่เขารู้ดีว่าข้างในใจเขาไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น


บางทีตอนนี้เขาอาจจะกำลังตกใจ เพราะไม่คิดว่าทุกอย่างที่ได้ยินมานั้นจะเป็นเรื่องจริงอยู่ก็ได้ เรื่องที่ตะวันแต่งงานไปแล้วกับพี่ชายของเขาอย่างไรเล่ามันเป็นไปได้อย่างไร ผู้หญิงที่ไม่เคยยอมใครที่ไหนอย่างตะวันนะหรือจะยอมให้คลุมถุงชน เป็นไปไม่ได้เป็นอันขาด


“ตกลงนายมาทำอะไรที่นี่กันแน่” ภิตะวันซักเพื่อนอีกครั้ง เพราะเธอจะไม่ยอมตอบคำถามอีกฝ่ายแน่ หากว่ายังไม่รู้ว่าวายุมาทำอะไรที่นี่


“กลับบ้าน ก็แค่นั้น”


“กลับบ้าน! แค่นั้น!” ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ก็แค่นั้นตรงไหน แล้วที่นี่ไปเป็นบ้านของเพื่อนเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ ไหนบอกว่าเป็นกำพร้าไง ทำไมถึงมีบ้านให้กลับ แถมยังเป็นบ้านหลังเดียวกับที่เธอมาอาศัยอยู่ตอนนี้เสียด้วย อะไรจะบังเอิญขนาดนี้!


“ขอโทษที่เราไม่เคยบอกตะวัน ว่าเรามีบ้านอยู่ที่นี่ เราสูญเสียพ่อกับแม่แท้ๆ ไปแล้ว แต่ก็ยังมีแม่เลี้ยงอีกคน ผู้หญิงที่คุยกับตะวันคนเมื่อกี๊นี้ไงล่ะ”


ภิตะวันเบิกตากว้างยิ่งกว่าเก่า “ก็หมายความว่า…นายเป็นน้องชายของเจ้าพ่อ เอ้ย! คุณพายุงั้นเหรอ?”


“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ พี่น้องคนล่ะแม่กัน แต่ก็สายเลือดเดียวกัน”


ภิตะวันอยากเอาหัวไปโขกฝาบ้านเสียให้รู้แล้วรู้รอด นี่เธอสะเพร่าถึงขนาดไม่รู้เลยเชียวหรือว่าเจ้าพ่อนั้นมีน้องชายอีกคน แถมยังเป็นเพื่อนสนิทของเธออีกด้วย อะไรจะบังเอิญขนาดนี้กัน


“ว่าแต่ตะวันล่ะมาที่นี่ทำไม?”


“ตะวันเอ่อ…มา…เอ่อ…อยู่ที่นี่” ภิตะวันอ้อมแอ้มตอบ เพราะแม้จะอยากบอกความจริงว่าเธอนั้นมาปฎิบัติภารกิจลับ แต่ก็ไม่สามารถบอกได้


“มาอยู่ทำไม ในฐานะอะไร!” วายุเผลอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงขุ่นเขียวออกไป เพราะอยากรู้ว่าสิ่งที่หญิงสาวคนนั้นพูดออกมานั้นจริงหรือเท็จกันแน่


“ตะวันแต่งงานกับคุณพายุ ก็เลยต้องย้ายมาอยู่ที่นี่ไงล่ะ” ภิตะวันตัดสินใจตอบออกไปเช่นนั้น เพราะนั่นคือคำตอบที่เธอสามารถบอกอีกฝ่ายได้ เพราะการที่วายุกลายเป็นสมาชิกในครอบครัวนนท์ธนิตโดยไม่คาดหมายนั้น ทำให้เธอจำต้องเก็บงำความลับของตัวเองไว้อย่างดีที่สุด

“แต่งงาน?”


“ใช่ แต่งงาน แต่งแทนพี่ฟ้า พี่สาวของตะวัน” ภิตะวันไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร หากเธอจะบอกเรื่องนี้ไปตามตรง ทว่าหญิงสาวหารู้ไม่ว่าทันทีที่อีกฝ่ายได้ยินชื่อ ‘ฟ้า’ เท่านั้น ใบหน้าที่เคยสดใสอยู่เป็นนิจก็กลับบึ้งตึงอย่างไม่รู้สาเหตุ


ภาฟ้า! เธอจริงๆ ด้วยที่เป็นต้นเหตุของเรื่องยุ่งๆ ผิดฝาผิดตัวทั้งหมด!


“แล้วเอ่อ…พี่พายุดีกับตะวันรึเปล่า?” ข้างวายุนั้นแม้จะรู้ว่าหญิงสาวตรงหน้านั้นแต่งงานไปแล้ว แต่ก็อดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ พี่ชายของเขาเป็นคนเงียบขรึมและติดจะเคร่งเครียด ทั้งยังชอบออกคำสั่ง ชอบใช้กำลัง ไม่รู้ว่าจะทำให้ภิตะวันอึดอัดเวลาที่อยู่ใกล้หรือเปล่า


“เอ่อ…ก็ ไม่รู้สิ”


“ตะวันบอกเราได้นะ ถ้าโดนพี่พายุรังแก ขานั้นชอบใช้กำลังตัดสิน” นักร้องหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงห่วงใย


“ก็เอ่อ…จริงๆ ก็มีนิดหน่อยน่ะ คุณพายุชอบใช้กำลังกับเรา…เหมือนกัน…” ภิตะวันอ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียง ก็เขาก็ใช้กำลังกับเธอจริงๆ นี่นา เอะอะก็บังคับจูบเธอตลอด บ้าที่สุดเลย…


“นี่พี่พายุใช้กำลังกับตะวันงั้นเหรอ” วายุเอ่ยถามสีหน้าเครียด


“อื้ม” เสียงตอบกลับเบาหวิว เพราะไม่มั่นใจว่าที่เกิดขึ้นนั้นอันที่จริงเจ้าพ่อพายุใช้กำลังข่มเหงเธอหรือเปล่า รู้แต่รสชาติริมฝีปากของเขายังติดตรึงที่ปลายริมฝีปากของเธออยู่เลย แค่คิดใบหน้านวลก็เห่อแดงเป็นลูกตำลึงสุกเสียแล้ว


อา…ทำไมหน้าเราร้อนแบบนี้นะ!


“ตะวันไม่สบายรึเปล่า หน้าแดงเชียว อย่าบอกนะว่าโดนพี่ชายเราใช้ให้ทำงานหนัก”


เพราะรู้ดีว่าคนในบ้านทุกคนหากทำงานที่มอบหมายไม่ได้ดั่งใจ ก็จะโดนพี่ชายของเขาลงโทษให้ทำงานหนักขึ้น จี้ให้ทำงานชิ้นนั้นอยู่นั่นแหละ จนกว่าจะทำได้คล่องและเชี่ยวชาญ ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าภิตะวันอาจจะโดนแบบเดียวกัน ก็เธอทำงานบ้านงานเรือนเป็นเสียที่ไหน เกิดว่าพี่ชายเขารู้ มีหรือจะไม่ให้เธอฝึกหนักจนกว่าจะเป็น


“ตะวันสบายดี แต่จริงๆ ก็เอ่อ…ไม่สบายนิดหน่อย” เดินค้นโน่นค้นนี่อยู่ครึ่งค่อนวัน ฝุ่นผงในบ้านก็เลยเข้าปาก พาลจะจามเสียให้ได้ กับทั้งทานอาหารและยาบำรุงเยอะเกินไปหน่อย ท้องมันก็เลยอืดๆ จุกเสียดแน่นท้องอยู่เหมือนกัน เหล่านั้น คือเหตุผลของอาการไม่สบายของเธอ


ข้างวายุกลับคิดว่าที่ภิตะวันไม่กล้าตอบเต็มเสียงเพราะกลัวพี่ชายของตนอย่างลนลาน นี่พี่ของเขาคงขู่เธอไว้ล่ะสิท่า ดูสิ ขนาดตะวันคนที่ร่าเริง ที่เคยแต่พูดจาฉะฉาน ยังเปลี่ยนเป็นคนละคนได้ถึงเพียงนี้


ภิตะวันที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาแทบไม่เหลือเค้าภิตะวันคนเดิม เธอดูไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเหมือนเก่า ทั้งยังดูแปลกๆ ไปอย่างไรก็ไม่รู้


แต่งงานกันไม่กี่วัน หญิงสาวตรงหน้ายังเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ หากว่าปล่อยทิ้งไว้นานๆ เธอจะเปลี่ยนไปขนาดไหน ถึงตอนนั้นเธอมิกลายเป็นหุ่นยนต์ที่ไร้ชีวิตจิตใจไปแล้วหรือ!


ไม่ เขาจะไม่ยอมให้เธอเป็นแบบนั้น ริมฝีปากได้รูปเม้มสนิทอย่างมีน้ำโห หนนี้พี่ชายของเขาทำเกินไปแล้ว!


ยิ่งเมื่อได้ยินสิ่งที่บรรดาคนใช้เอ่ยถึงสภาพห้องนอนของหญิงสาวซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ของเขากับพี่ชายของเขาในเช้าหลังจากคืนเข้าหอด้วยแล้ว ดวงตาของเขาก็ทอประกายหม่นเศร้า เพราะสิ่งเหล่านั้นยิ่งตอกย้ำว่าพี่ชายต่างมารดาของเขาทำร้าย และกระทำการรุนแรงกับภิตะวันเกินกว่าจะรับได้จริงๆ!


“วายุเป็นอะไรรึเปล่า” ภิตะวันเอ่ยถามเมื่อเห็นใบหน้าถมึงทึงของเพื่อน


ฝ่ามือใหญ่เอื้อมมาจับฝ่ามือเล็กของหญิงสาวที่เขาหลงรักมาหลายปี

“ตะวัน ถ้าตะวันทนไม่ไหวบอกเรานะ” น้ำเสียงห่วงหาและเอ่อล้นด้วยความหวังดีเอ่ยบอก พร้อมกับมองสบดวงตากลมโตที่ยังกลิ้งกลอกไปมาอย่างแปลกใจระคนสงสัยว่าเพื่อนหนุ่มตรงหน้าต้องการบอกอะไรเธอกันแน่



อะไรทำให้เธอทนไม่ไหว ใช่พฤติกรรมชอบไม้ป่าเดียวกันของเจ้าพ่อรึเปล่า หรือว่าที่เขาชอบเอารัดเอาเปรียบเธอสารพัด เป้าหมายก็เพื่อบังหน้าไม่ให้ใครรู้ใครเห็นความชอบส่วนตัวของเขากันอย่างไหนกันแน่นะ?


“ได้สิ ขอบใจมากนะวายุ” ภิตะวันบอกออกไปเช่นนั้น พร้อมกับยิ้มให้เพื่อนที่แสนดีของตนเอง


หารู้ไม่ว่ามีใครบางคนแอบยืนมองฝ่ามือใหญ่ที่จับมือของภิตะวันแน่นด้วยความรู้สึกร้าวรานใจ ภาฟ้าเอาซุปไก่บำรุงมาเยี่ยมน้องสาวตามคำสั่งมารดา ทว่าไม่นึกเลยว่าจะมาเจอภาพบาดตา บาดใจเข้าให้


การกระทำของคนทั้งคู่บอกให้รู้ว่าห่วงหาอาทรกันมากมาย อย่างที่ไม่สามารถให้ส่วนเกินอย่างเธอเข้าไปแทรกได้เลย


“ถ้าอย่างนั้นตะวันขอตัวก่อนนะวายุ พอดีมีเรื่องยุ่งๆ นิดหน่อย” ภิตะวันเอ่ยขอตัว เพราะเวลาของเธอมีน้อย ย่อมต้องอยากใช้สอยให้คุ้มค่าที่สุด


คราแรกวายุอยากจะรั้งเธอไว้ แต่เมื่อหางตาหันไปเห็นใครบางคน ชายหนุ่มจึงเปลี่ยนใจ ร่างสูงทำทีเดินดุ่มๆ กลับเข้าบ้าน นั่นเพราะเขารู้ดีว่าบ้านหลังนี้มีเส้นทางอย่างไรบ้าง และเดินทางไหนที่จะลัดเลาะกลับมาจับตัวใครบางคนที่แอบมองให้ได้คาหนังคาเขา


นั่นเอง เพียงไม่ถึงห้านาทีถัดมา ร่างสูงจึงมายืนขวางหน้าร่างระหงในชุดเสื้อและกางเกงเข้ารูปดูดี เผยให้เห็นสัดส่วนของรูปร่างที่สมบูรณ์แบบ


“วายุ!” ภาฟ้าตกใจยิ่งนักเมื่อเห็นว่าผู้ชายที่จู่ๆ ก็มาขวางทางเธอไว้คือเขาคนที่เธอแอบมองมาร่วมครึ่งชั่วโมง


“เป็นพวกโรคจิตหรือไง ถึงชอบแอบมองชาวบ้านเค้าน่ะ!” ฝ่ามือใหญ่ที่มีผิวเนื้อกระด้างเพราะการเล่นดนตรีคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็กของภาฟ้าทันทีที่เจอหน้า เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสามารถหนีไปไหนได้


“ขอโทษ ฟ้าไม่ได้ตั้งใจ” ภาฟ้าพยายามบิดมือที่ถูกรัดแน่นให้หลุด ทว่าอีกฝ่ายหาได้ยอมไม่


“ไม่ได้ตั้งใจ แต่ยืนดูอยู่เป็นนานสองนานเนี่ยนะ ไม่พูดจาโกหกไปหน่อยรึไง!”


“ก็ขอโทษไปแล้วไง จะเอาอะไรอีก” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ฟัง ซ้ำยังเอาแต่ตะคอกใส่หน้าเธอ หญิงสาวก็เหลือทนแล้วเช่นกัน


“ปล่อยฟ้านะวายุ ปล่อยเดี๋ยวนี้!”


“ไม่! ที่นี่มันบ้านผม คุณทำแบบนี้ก็ไม่ต่างกับพวกโจรลักขโมยนั่นแหละ” ชายหนุ่มยัดเยียดข้อหา พร้อมกับกระชากร่างบางมาประชิด จนเรือนร่างที่มีสัดส่วนงดงามนั้นแนบสนิทกับร่างกายของตน กายแกร่งสัมผัสได้ถึงสัดส่วนนุ่มนิ่มที่บดเบียด กับทั้งกลิ่นกายหอมละมุนและเส้นผมที่นุ่มสลวยราวแพรไหมที่คลอเคลียใบหน้าของเขาตอนนี้


“ว้าย! ปล่อยนะ ปล่อยสิ!” ภาฟ้าเริ่มทุบตีแผ่นหลังของอีกฝ่าย พร้อมกับขัดขืนสุดแรง อดน้อยใจไม่ได้ที่เขาเปลี่ยนไปมาก ตั้งแต่รู้ว่า เธอคือ ‘ภาฟ้า’ ไม่ใช่ ‘ภิตะวัน’ หญิงสาวที่เขาแอบรัก


“ไม่ปล่อย! อยากรู้นักไม่ใช่เหรอว่าผมกับตะวันคุยอะไรกันบ้าง” น้ำเสียงเยาะแกมเย้ยเอ่ยขึ้น


“ไม่! ไม่ได้อยากรู้ ปล่อยนะ”


“ถ้าอยากรู้ ก็จะบอกให้ไง” ว่าแล้วใบหน้าราวอิสตรีก็ฉกลงมาที่ริมฝีปากแสนเย้ายวนที่เคลือบด้วยลิปสติกชั้นดีจนเงางาม อย่างที่ไม่ให้อีกฝ่ายได้ทันตั้งตัว


“อื้อ!” ภาฟ้าไม่มีโอกาสได้ทักท้วง เพราะริมฝีปากบางเฉียบนั่นปิดกั้นทุกอย่างไว้เสียก่อน ซ้ำยังใช้ฝ่ามือของเขาจับท้ายทอยของเธอไว้เพื่อให้รับบทลงทัณฑ์ที่เขามอบให้อย่างไร้ทางหนี


ข้างวายุนั้นรู้สึกกรุ่นโกรธยิ่งนักที่เห็นว่า หญิงสาวที่เขาออกตามหาชนิดแทบพลิกทั้งจังหวัดค้นหา แทบไม่ได้หลับได้นอนเมื่อคืนวาน แต่ก็หาไม่เจอนั้น จู่ๆ ก็มาปรากฎกายที่บ้านของเขา ซ้ำยังแอบดูเขากับภิตะวันคุยกันเสียอีก เธอทำแบบนั้นเพื่ออะไรกันแน่ อยากรู้เรื่องระหว่างเขากับภิตะวันงั้นหรือ อยากรู้เรื่องของเขาไปทำไมกัน!


ริมฝีปากราวอิสตรีบดขยี้กลีบปากนุ่มอย่างไร้ความปราณี ทว่าเพียงชั่วประเดี๋ยวก็เปลี่ยนบทลงทัณฑ์หฤโหดให้เป็นทัณฑ์แสนหวานจน ร่างของนางแบบสาวระทวยจนแทบทรงตัวไม่ไหว ดีที่ได้อ้อมแขนหนาของชายหนุ่มรัดแน่นเอาไว้


ภาฟ้าแทบไม่รู้ตัวว่าปล่อยให้อีกฝ่ายรังแกอยู่นานแค่ไหน ปากก็บอกว่าไม่ แต่พอได้ใกล้เขาทีไร ทั้งใจ ทั้งกายของเธอก็ไร้เรี่ยวแรงหนีทุกที ทำไมนะ ทำไมเธอจะต้องควบคุมร่างกายของตัวเองไม่ได้ด้วยเล่า เพราะอะไรกัน?


“ว้าย!” หนึ่งในสาวใช้เดินมาเห็นเข้าจึงตกใจแทบสิ้นสติเมื่อเห็นว่าชายหญิงตรงหน้ากำลังทำอะไรกัน ว่าแล้วก็รีบหันหลังวิ่งกลับทางเดิมเพราะไม่อยากยุ่งเรื่องของเจ้านาย


เพี๊ยะ!!!


เป็นอีกครั้งแล้วที่นิ้วเรียวทั้งห้าฟาดลงยังแก้มใสราวผิดเด็กของชายที่ได้ชื่อว่าเป็นนักร้องขวัญใจประชาชน ภาฟ้าใช้ช่วงเวลาที่วายุยังตกตะลึงไม่หาย รีบวิ่งหนีออกไป


หยาดน้ำตาหยดเล็กๆ ไหลรินอีกครั้ง ทำไมเขาถึงต้องทำกับเธอถึงขนาดนี้ บทลงโทษของเธอ เธอก็ได้รับไปแล้วมิใช่หรือ แล้วนี่จะต้องกลั่นแกล้งเธออีกเท่าไรเขาถึงจะพอใจ


พอแล้ว…พอกันที เธอจะไม่ยอมให้เขาทำแบบนั้นได้อีก!


นั่นเองเจ้าตัวจึงได้หมายมาดไว้ว่า หากเจอหน้านักร้องหนุ่มคนนี้อีก หนหน้าเธอจะทำเช่นไร…


********************************


ด้านภิตะวันรู้สึกขัดใจยิ่งนักที่เมื่อแอบมาค้นตามเรือนเล็กเรือนน้อยที่เธอตามศักดามาเมื่อวาน ตอนนี้บ้านเหล่านั้นกลายเป็นบ้านร้าง ไร้ซึ่งผู้คน ข้าวของที่เคยเห็นวางเกลื่อน บัดนี้ก็สะอาดสะอ้านตา ไม่มีของสิ่งใดวางอยู่แม้แต่ชิ้นเดียว


“บ้าจริง หรือว่าฝ่ายนั้นจะรู้ตัวแล้ว?” สิ่งที่เห็นทำให้เธอเองก็อดระแวงไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้นผู้คนตั้งมากมายจะหายไปได้ภายในคืนเดียวน่ะหรือ ซ้ำหลักฐานทุกอย่างยังถูกเก็บกวาดจนเรียบ


ภิตะวันนำทุกสิ่งที่เห็นรายงานแก่ดนัยทันที ตอนนี้เป้าหมายของเธอจึงเหลือแค่เพียงตัวบ้านหลังใหญ่อย่างเดียวเท่านั้น


แต่เพราะไม่มีกุญแจเข้าห้องทำงานของเจ้าพ่อ หญิงสาวจึงต้องเก็บงำความต้องการไว้ภายในใจ ก่อนจะแสร้งเดินกลับห้องของตัวเอง เพื่อพักผ่อน นั่นเพราะเธอวางแผนไว้แล้วว่าค่ำมืดคืนนี้นี่แหละ ที่เธอจะบุกเค้าไปค้นห้องทำงานของเจ้าพ่อให้ได้


ภิตะวันคิดที่จะปิดงานทั้งหมดของตัวเองในค่ำคืนนี้ หลักฐานที่ทางการต้องการ จะต้องเอามาอยู่ในมือของเธอทั้งหมดในคืนนี้ให้ได้ นั่นคือสิ่งที่เจ้าตัวหมายมาด


คิดหรือว่าประตู กับกุญแจแค่นั้นจะกั้นขวางเธอไว้ได้ หญิงสาวเจ้าของใบหน้าหวานละมุนยิ้มน้อยๆ เมื่อมองไปยังต้นไม้หลายต้นที่พาดผ่านไปไกล้กับหน้าต่างห้องทำงานของเจ้าพ่อพายุ โดยมีหน้าต่างบานหนึ่งเปิดเผยอไว้เล็กน้อย น่าจะเป็นเพราะความเผลอเรอของใครสักคน ซึ่งคนๆ นั้นจะเป็นใครเธอไม่รู้ รู้แต่รู้สึกขอบคุณยิ่งนักที่มอบโอกาสทองให้เธอ…


เพียงเท่านี้ก็รู้แล้วว่าจะเข้าห้องดังกล่าวด้วยวิธีใด!


หากแต่เพียงเท่านั้นคงยังไม่พอ เพราะหากว่ามีใครได้ยินหรือสังเกตเห็นความผิดปกติในห้องดังกล่าวเธอก็อาจแย่ได้ ทางที่ดีควรจะต้องหาทางเบนความสนใจของทุกคนไปที่อื่น


ว่าแล้วจึงก้มลงมองสิ่งของในมือ ตอนแรกนั้นเธอไม่อยากใช้เพราะไม่อยากให้คนในบ้านวุ่นวาย ทว่าเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว โอกาสของเธอก็เหลือน้อยเต็มที พรุ่งนี้ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง ดังนั้นทางที่ดีคือต้องจัดการทุกอย่างให้เสร็จโดยไวก่อนที่เจ้าพ่อพายุจะกลับมา



“เอาวะ! เอาก็เอา คงต้องลองเสี่ยงดูซักตั้ง ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เพราะถ้ารอต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสดีๆ แบบนี้อีกรึเปล่า” ดวงตากลมโตทอประกายแน่วแน่ ก่อนจะมองสิ่งของในมือด้วยรู้สึกความมุ่งมั่นจนสัมผัสได้ถึงเลือดในกายร้อนฉ่าที่แล่นปรู๊ดปร๊าดไปทั่วร่าง


ดังนั้นยามนี้ภิตะวันจึงได้แต่รอเวลา ว่าเมื่อไหร่จะถึงเวลาที่เหมาะกับการปฎิบัติภารกิจที่ตั้งใจไว้เสียที


กระทั่งถึงเวลาดังกล่าว หญิงสาวที่ตระเตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมสรรพก็ผลุนผลันลุกออกจากเตียง ก่อนจะผลักหน้าต่างบานใหญ่ของตัวเองออก ด้วยหมายลัดเลาะไปยังห้องทำงานเจ้าพ่อด้วยวิธีที่ตนนั้นถนัดเป็นที่สุด นั่นก็คือ ปีนป่ายผ่านกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ใหญ่ไปยังห้องแห่งนั้นนั่นเอง


ท่อนขาเรียวยกขึ้นพาดไปกับขอบหน้าต่าง ฝ่ามือเล็กจับวงกบไม้ไว้แน่น ขณะที่ใบหน้าหวานชะโงกไปดูภายนอกเพื่อวางแผนการเดินทางกลางอากาศของตนเอง ทว่ายังไม่ทันที่ขาอีกข้างจะยกขึ้นพาดตามไป จู่ๆ ประตูไม้ที่หน้าห้องของเธอก็ถูกเปิดเข้ามา ภิตะวันหันกลับไปมองด้วยความตกใจ



*********

มาช้าดีกว่าไม่มาเนอะ ๆ >..<


ปล.เมื่อวานซืนแวะร้านนายอินทร์ ราชพฤกษ์ สะดุดเล่ห์ เสน่ห์รัก เพิ่งมาพอดี ยังไม่ได้จัดเลย


เมื่อวานผ่านไปอีกรอบ เลยแวะไปดูว่าเค้าเอาหนังสือเราจัดไว้ตรงไหน

ปรากฎว่าหนังสือขายหมดแว๊ว กะรี๊ดๆๆๆๆ ดีใจๆๆๆ >////<

ขอบคุณที่พาน้องภัทร และ พี่แดนกลับบ้านนะคะ

ขอกราบงามๆ แนบอก อุอุ ^^




รัตนรัตน์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ก.ย. 2554, 23:12:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ก.ย. 2554, 23:13:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 3940





<< บทที่ 28 : ซ้อนแผนลับ จับ (กด) นางโจรสาว...ต่อ   บทที่ 28 : ซ้อนแผนลับ จับ (กด) นางโจรสาว (ต่ออีกนิดจริงๆ ^^ ) >>
แว่นใส 9 ก.ย. 2554, 08:40:24 น.
ใครมาเห็นอะ


XaWarZd 9 ก.ย. 2554, 10:57:46 น.
หายไปนานมาก สงสารนู๋ฟ้า งานนี้ต้องเอาคืนซะให้เข็ด ยายตะวันนี่ก็หาเรื่องดีจริงๆ


anOO 9 ก.ย. 2554, 14:22:10 น.
พายุกลับมาพอดีมั้งเนี่ย


nunoi 9 ก.ย. 2554, 15:54:15 น.
สงสารภาฟ้า จังตอนต่อไปขอจัดหนักนายวายุ ซักทีนะคะ


หญิงใหญ่ 9 ก.ย. 2554, 19:21:42 น.
ไปสอยพี่แดนกะน้องภัทรมาแล้ววันนี้เองอ่ะ ยังอุ่นๆอยู่เลย แต่ยังติดตามเจ้าพ่อกะลูกลิงด้วย มาต่อให้ไวละกัน ^^


dee_jung 9 ก.ย. 2554, 22:22:19 น.
มานั่งรอจ้า


omelate 11 ก.ย. 2554, 20:52:26 น.
กรี๊ดค้างค่า..มาต่อไวๆเน้อ คนอ่านลุ้นจัง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account