เจ้าสาวแสนแสบ
เมื่อสายลับสาวแสบ ต้องจับพลัดจับผลูไปเป็นเมียเจ้าพ่อหนุ่มเข้าให้


มาลุ้นกันว่า...เธอจะทำภารกิจลับที่ได้รับมอบหมายสำเร็จ


หรือจะ...เสร็จ...มาเฟียตัวร้ายก่อนกัน!!


และถ้าต้องเลือก...เธอจะเลือกอย่างไหน...



หน้าที่...หรือ...หัวใจ


Tags: รัตนรัตน์,เจ้าสาวแสนแสบ,romantic comedy

ตอน: บทที่ 28 : ซ้อนแผนลับ จับ (กด) นางโจรสาว (ต่ออีกนิดจริงๆ ^^ )


บทที่ 28 : ซ้อนแผนลับ จับ (กด) นางโจรสาว
(ต่ออีกนิดจริงๆ ^^ )









“คุณแม่!”


“ตายแล้ว หนูฟ้านั่นไปทำอะไรตรงนั้นน่ะ” พรรษาออกอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นว่าลูกสะใภ้ที่กำลังท้องกำลังไส้ทำท่าทำทางราวกับจะกระโดดออกทางหน้าต่าง ซึ่งหากว่าเป็นเช่นนั้นจริง มีหวังหลานของเธอได้รับอันตรายแน่ๆ ว่าแล้วจึงเร่งรุดเข้าไปห้ามปรามและนำตัวสะใภ้ให้ออกห่างจากหน้าต่างบานดังกล่าว


“ฟ้า เอ่อ…แค่กำลังชมวิวน่ะค่ะ พระจันทร์กำลังเต็มดวงสวยเชียวค่ะ” ภิตะวันไม่รู้จะหาข้ออ้างอย่างไรได้ แม้จะรู้ว่าคงไม่แนบเนียนเท่าไหร่ เพราะชมวิวที่ไหน ขาข้างนึงถึงไปตั้งอยู่บนกรอบหน้าต่างกันเล่า แต่ก็นั่นแหละนั่นคือคำตอบที่ดีที่สุดที่เธอหามาได้ในตอนนี้แล้วล่ะ


พรรษาชะโงกไปมองนอกหน้าต่าง เห็นต้นไม้บดบังทัศนียภาพทิวทัศน์ภายนอกอยู่ไม่น้อย ทำให้ดวงจันทร์ที่อีกฝ่ายว่านั้นแทบมองไม่เห็น


“หนูฟ้าชอบดูพระจันทร์หรือจ้ะ”


“ค่ะ ชอบมากๆ เลย” ภิตะวันได้ทีตอบออกไปเช่นนั้น


“ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้แม่จะให้คนมาตัดต้นไม้ที่ขึ้นบังหน้าต่างทิ้งก็แล้วกันนะจ้ะ จะได้มองวิวชัดๆ หน่อย หนูจะได้ไม่ต้องชะเง้อชะแง้เดี๋ยวจะเป็นอันตรายไป” พรรษาเอ่ยอย่างหวังดี หากทว่าความหวังดีของแม่สามีกลับทำให้ลูกสะใภ้ถึงกับอึ้งไป เพราะหากต้นไม้เหล่านี้ถูกตัดไป ก็เท่ากับว่าเส้นทางสายอากาศของเธอถูกตัดทิ้งไปด้วยน่ะสิ


“เอ่อ…ไม่ค่ะ อย่าตัดเลยนะคะคุณแม่ ตะวันชอบต้นไม้เยอะๆ ค่ะ” ภิตะวันรีบตอบ แต่คงช้าไปเสียแล้ว เพราะพรรษาไม่ฟังสักนิด สิ่งไหนที่จะเป็นอันตรายกับหลานของเธอ เธอจะต้องทำลายทิ้งให้หมด


จากนั้นแม่สามีผู้หวังดีก็ประคองลูกสะใภ้ไปนอนบนเตียง


“นอนเสียเถอะ ดึกแล้วนะจ้ะ คนท้องคนไส้นอนดึกจะไม่ดีกับลูกในท้อง”


“ค่ะแม่” หญิงสาวรีบรับคำ ด้วยหวังว่าเมื่อเธอแกล้งนอนหลับอีกฝ่ายก็คงจะออกจากห้องไป


ทว่าทุกอย่างหาได้เป็นดังนั้น เพราะแทนที่พรรษาจะเดินออกไป แต่กลับขึ้นไปนอนบนเตียงแทนเสียอย่างนั้น


“เอ่อ คุณแม่จะทำอะไรหรือคะ?”


“อ้าว ก็นอนเป็นเพื่อนหนูไงจ้ะ ตาพายุไม่อยู่ แม่ก็เลยจะมานอนเป็นเพื่อน ไม่อยากให้หนูฟ้าเหงาน่ะจ้ะ” เอ่ยจบก็ดับไฟหัวเตียง พร้อมกับดึงผ้าห่มมาห่มให้ลูกสะใภ้ นิ้วยับย่นจับมือของสะใภ้ไว้หลวมๆ จากนั้นพรรษาก็หลับตาลง เพียงครู่เดียวก็หลับไปจริงๆ


ทิ้งให้ภิตะวันนอนลืมตาอยู่ท่ามกลางความมืด รู้สึกขัดอกขัดใจยิ่งนัก เพราะนึกว่าเจ้าพ่อพายุไม่อยู่ เธอจะได้มีโอกาสทำงานให้สำเร็จลุล่วง ที่ไหนได้กลับมีแม่สามีมาขวางไว้เสียอีก แต่กระนั้นหญิงสาวก็ยอมรับว่าความห่วงใยที่หญิงวัยกลางคนมีให้กับเธอนั้น ทำให้เธอรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก จะมีแม่สามีที่ไหนที่จะรักและห่วงใยลูกสะใภ้เท่ากับมารดาของเจ้าพ่อพายุอีกหรือไม่นะ เพราะเคยแต่ได้ยินมาว่า แม่ผัวกับลูกสะใภ้มักไม่ถูกกัน แต่นั่นหาใช่สิ่งที่เธอประสบพบพานเลย คุณพรรษาทำราวกับว่าเธอคือบุตรสาวคนนึงของท่าน…


เพราะความเป็นห่วงและหวังดีของหญิงวัยกลางคนผู้เป็นมารดาสามีในนามของตน ทำให้ภิตะวันต้องยอมตัดใจ หยุดภารกิจที่วางไว้ในคำคืนนี้อย่างช่วยไม่ได้


เอาวะ ไว้พรุ่งนี้ก็แล้วกัน เรายังมีเวลาพรุ่งนี้อีกวัน ก่อนที่เจ้าพ่อพายุจะกลับมาในวันมะรืน…


เมื่อตัดใจได้แล้ว ภิตะวันจึงหลับตาลง ก่อนจะหลับใหลตามไปอีกคน


ทว่าเจ้าตัวไม่รู้เลยว่า กำหนดการของเจ้าพ่อนั้น ได้เปลี่ยนไปแล้ว!


***********************


ทั้งๆ ที่ตั้งใจไว้ว่าจะใช้เวลาวันสุดท้ายก่อนสามีจะกลับให้คุ้มค่า แต่สุดท้ายเพราะอาการบาดเจ็บของคุณแม่สามีที่แสนใจดีอย่างพรรษา ทำให้ภิตะวันจำต้องคอยดูแลอยู่ข้างกายท่านทั้งวัน สาเหตุก็เนื่องจากท่านไปยืนคุมเหล่าคนงานในบ้านให้ตัดต้นไม้ที่มีกิ่งก้านสาขาบดบังทัศนียภาพของห้องนอนของเธอนั่นเอง เป็นเหตุให้สะดุดกับรากไม้จนขาแพลง และบาดเจ็บที่ศีรษะเข้าให้


ภิตะวันรู้ดีว่านั่นไม่ใช่ความผิดของเธอ แต่ก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ เพราะรู้ว่าคุณพรรษานั้นทำเพื่อเธอ นั่นเองหญิงสาวจึงเต็มใจคอยปรนนิบัติท่าน เมื่อท่านเรียกหา


เป็นเหตุให้เธอต้องสูญเสียช่วงเวลากลางวันที่มีค่าไปอีกวันหนึ่ง แต่ก็นั่นแหละ โชคยังดีที่ยังเหลือเวลากลางคืนอีกค่อนคืน กับทั้งการดูแลมารดาสามีนั้นทำให้เธอไม่จำเป็นต้องไปปีนป่ายตามต้นไม้อีกแล้ว เพราะนั่นทำให้เธอได้สิ่งนี้มา


ดวงตากลมโตมองกุญแจห้องทำงานของเจ้าพ่อพายุพลางยิ้มกริ่มดีใจ ไม่วายนึกในใจ เรื่องที่เธอคอยดูแลพรรษาว่าเป็นการทำดี ที่ได้ผลดีตอบแทนเร็วจนคาดไม่ถึง


“เจ้าพ่อพายุกลับมาพรุ่งนี้แล้ว ดังนั้นคืนนี้ เราจะต้องหาบัญชีรายชื่อของพวกอาชญากรที่ซ่อนอยู่ในห้องทำงานให้ได้!”


ในที่สุดค่ำคืนที่รอคอยก็มาถึง…


ภิตะวันก้าวออกจากห้องนอนของตัวเองอย่างงียบเชียบ อาจเพราะเจ้านายใหญ่ของบ้านไม่อยู่ ซ้ำพรรษาก็มาไม่สบายให้อีก ทำให้ภายในบ้านตอนนี้จึงไม่ได้มีผู้คนขวั่กไขว่ดังเช่นปกติ จะมีก็เพียงแต่ยามเฝ้าไม่กี่นายเท่านั้น ซึ่งแค่นั้นหาได้ขัดขวางความตั้งใจแน่วแน่ของภิ ตะวันได้เป็นอันขาด


เพียงไม่นานเธอก็สามารถเข้ามาสู่ห้องทำงานที่ใครต่อใครหวงนักหวงหนาได้แล้ว


“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ง่ายอะไรเช่นนี้” หญิงสาวแทบจะหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เมื่อพบว่า ท้ายที่สุดเธอก็สามารถเข้ามาห้องแห่งนี้ได้ง่ายเพียงแค่ไขกุญแจเท่านั้น ไม่ต้องเสียเหงื่อเสียพลังงานอย่างที่คิดไว้สักนิด นี่นะหรือเจ้าพ่อพายุที่ว่ากันว่ารอบคอบ และฉลาดหลักแหลมชนิดหาตัวจับยาก ทำไมถึงได้ยอมให้เธอลูบคมได้ง่ายดายเช่นนี้


“ไม่ใช่ว่าเจ้าพ่อฉลาดน้อยลงหรอก แต่เพราะมาเจอคู่ต่อสู้ที่ฉลาดและเก่งมากอย่างเราต่างหาก ฮ่า ฮ่า ฮ่า” หญิงสาวหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี เมื่อในที่สุดเธอก็ได้ประกาศความเก่งกาจของตนเองในโลกทั้งโลกได้รับรู้เสียที


ว่าแล้วจึงรีบจัดการกล้องวงจรปิดที่ส่องภายในห้องซึ่งมีแค่เพียงตัวเดียว จากนั้นจึงเริ่มมองหาสิ่งที่ต้องการอย่างไม่รอช้า


ดวงตากลมโตเหลือบมองไปจนทั่วห้อง ขณะที่มือก็ทำงานรื้อโน่น รื้อนี่ไปทั่ว รื้อเสร็จก็เก็บคืนให้ในสภาเดิม ทว่าไม่ว่าจะหาอย่างไรก็ไม่เจอเอกสารชิ้นดังกล่าว จากที่ภาคภูมิใจในความฉลาดของตนเอง หญิงสาวที่แสนฉลาดก็เริ่มหน้ามุ่ยเพราะไม่สบอารมณ์ที่หาเอกสารชิ้นสำคัญไม่เจอเสียที


“ตู้เซฟลับที่ว่ามันอยู่ไหนกันนะ?” ภิตะวันยังคงไม่ละความพยายาม ทุกซอกทุกมุมของห้องจึงถูกสายตาหลักแหลมของเธอขุดคุ้ย แต่ก็ยังไม่เจออยู่ดี


“หรือว่าในห้องนี้จะมีห้องลับอีกที?” หญิงสาวอดคิดเช่นนั้นไม่ได้ เพราะหากอยู่ในห้องนี้จริง จะหาเซฟลับดังกล่าวไม่เจอเชียวหรือ นอกเสียจากว่าจะมีห้องลับอีกห้องที่ต่อเชื่อมกับห้องนี้


นั่นคือสิ่งที่เธอคิด ทว่าก็เพียงได้แค่สงสัยเท่านั้น เพราะจู่ๆ ประตูห้องที่เธอล็อกไว้ดิบดีก็ถูกไขจากด้านนอก ร่างบางหันซ้ายหันขวาเป็นการใหญ่ว่าตนนั้นจะไปหลบอยู่ที่ไหนดี นั่นเพราะคนที่ไขเข้ามาจะเป็นใครไปได้ ในเมื่อมารดาสามีของเธอนอนระบมข้อเท้าอยู่ ดังนั้นจึงเหลืออีกแค่เพียงคนเดียว…


…เจ้าพ่อพายุ!


แต่จะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อเจ้าพ่อบอกไว้ว่าจะกลับวันพรุ่งนี้นี่…ใช่ๆ เราคงคิดมากเกินไป บางทีอาจจะเป็นแม่พรรษาก็เป็นได้ที่ลุกขึ้นมาดึกๆ ดื่นๆ ท่านคงจะมาเดินเล่น เพราะพักทั้งวัน ท่านอาจจะเบื่อก็ได้


แม้เหตุผลที่คิดจะไม่สมเหตุสมผล ทว่าภิตะวันก็ไม่อาจหาคำตอบที่ดีกว่านี้ได้อีก เพราะถ้าเป็นพรรษาเธอยังพอรับมือได้ แต่ถ้าเป็น…


ว่าแล้วรีบพาตัวเองไปซุกซ่อนใต้โต๊ะทำงาน ซึ่งเป็นที่เดียวที่เธอคิดออกตอนนี้


หวังว่าจะไม่ใช่เจ้าพ่อพายุนะ ไม่อย่างนั้นเราลำบากแน่!


หญิงสาวที่แสนจะภาคภูมิใจในความฉลาดเฉลียวของตัวเองเมื่อครู่ใหญ่หายไปแล้ว ยามนี้มีเพียงหญิงสาวร่างบางที่นั่งคุดคู้หลบอยู่ใต้โต๊ะ ขณะพยายามเงี่ยหัวฟังทุกความเป็นไปในห้องแห่งนี้ พร้อมกับภาวนาให้คนที่กำลังเดินเข้าห้องมา หาใช่เจ้าของห้องแห่งนี้…


“เฝ้าบ้านประสาอะไร ปล่อยให้คนบุกเข้ามาห้องทำงานฉันได้น่ะฮึ!”


ภิตะวันสะดุ้งเฮือกทันที เพราะน้ำเสียงและเนื้อความที่ได้ยินบอกให้รู้ว่าคนที่กำลังเปิดประตูเข้ามาในห้องนี้ คือ เจ้าพ่อพายุจริงๆ กับทั้งเขาจับได้แล้วว่ามีคนบุกรุกเข้ามาในห้องทำงานของเขา!


ซวยแล้ว!!!


ร่างบางที่ซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะทำงานตัวใหญ่ ตัวหดลีบเหลือเล็กนิดเดียว ขณะที่เหงื่อกาฬไหลซึมทั่วใบหน้า


บ้าจริง! ไหนบอกว่ากลับพรุ่งนี้ไง! แล้วนี่อะไรกลับก่อนเวลาก็ไม่บอก บ้าที่สุด!!!


ภิตะวันโวยวายในใจ โยนความผิดทั้งหมดให้เจ้าพ่อพายุที่ดันกลับมาก่อนเวลาที่บอกกับเธอไว้


หรือว่าบางทีเจ้าพ่อนั่นจะรู้ตัวแล้วนะ ว่าเราคิดไม่ซื่อ ถึงได้กลับมาก่อนเวลาที่บอกเราไว้กันแน่


หญิงสาวได้แต่สงสัยไปต่างๆ นานา ต่อเมื่อได้ยินเสียงเข้มเอ่ยกับบรรดาลูกน้องเท่านั้นแหละ แทบกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอไม่ลง


“จับเป็นมันให้ได้ ฉันอยากรู้ว่าใครส่งมันมา! แต่ถ้ามันกล้าขัดขืน ยิงทิ้งได้เลย!” พายุสั่งการลูกน้องคนสนิท ก่อนจะปรายตามองไปยังตำแหน่งเป้าหมายด้วยแววตารุกฆาต


เอาวะ อย่างมากก็สู้แค่ตาย!


หญิงสาวที่มีนิสัยมุทะลุเอ่ยกับตัวเอง ก่อนจะกระชับปืนกระบอกเล็กในมือที่เธอมีไว้สำหรับป้องกันตัว


ปังๆๆๆ


เสียงปืนที่ดังขึ้นในยามวิกาลที่เงียบสงบ ทำให้ผู้คนในบ้านต่างตกใจตื่น ทว่านั่นยังไม่เท่ากับภิตะวันที่ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจสุดขีด


เสียง กลิ่นและคราบเขม่าที่ลอยคละคลุ้งไปทั่วห้องบอกให้รู้ว่าบอดี้การ์ดที่มารวมตัวกันจับผู้บุกรุกในห้องนี้ไม่ต่ำกว่าสิบคน


แต่น่าแปลกทั้งๆ ที่ร่างกายของเธอควรจะพรุนไปด้วยห่ากระสุนนับสิบเมื่อครู่ แต่เปล่าเลย ร่างของเธอยังปกติดีอยู่


ถ้าอย่างนั้นแล้วใครกันเล่า ขโมยที่เจ้าพ่อพายุต้องการตัว?




ภิตะวันเหลือบตามองไปยังเป้าหมายของห่ากระสุนปืนนับสิบกระบอกเมื่อครู่ด้วยใจเต้นระทึก คนเหล่านั้นยิงไปยังผนังทึบด้านหนึ่งของห้องเพื่ออะไรกันนะ


กระทั้งผนังดังกล่าวถูกทำลายด้วยฝ่าจำนวนมากอีกครั้ง มันจึงพังทลายลงมา พร้อมกับเหล่าบอดี้การ์ดหลายคนกรูเข้าสู่ภายใน


ห้องลับ?


นั่นใช่หรือไม่ คือห้องลับที่เธอตามหา ว่าแต่ใครกันที่เข้าไปในห้องนั้นก่อนเธอ แล้วเขาหาเจอได้ยังไง และเข้าไปได้ยังไงกัน?


เสียงการปะทะของคนทั้งสองฝ่ายดังขึ้น ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมีจำนวนน้อยกว่ามาก ต่อสู้เพียงไม่นานจึงรู้ผลแพ้ชนะ


ร่างของใครบางคนถูกหามออกมาในสภาพสะบักสะบอม บอกให้รู้ว่าเขาคงสู้สุดชีวิต ทว่าด้วยปริมาณคนที่ต่างกันถึงสิบต่อหนึ่ง สู้อย่างไรก็ไม่อาจเปลี่ยนผลแพ้ชนะได้


คำถามหลายแหล่ผุดขึ้นมานั้นหาได้ทำให้ภิตะวันอ้าปากค้างเท่ากับคำตอบของมัน…เพราะเมื่อชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาเท่านั้น


พี่ดนัย!!!


บ้าจริง! นี่พี่ดนัยบุกเข้ามาตอนไหนนะ แถมทำไมถึงไม่บอกเธอซักคำ ทำไมถึงได้บุ่มบ่ามยิ่งกว่าเธอเสียอีก!


ภิตะวันหน้าเครียด เพราะไม่รู้ว่าเมื่อเจ้าพ่อพายุจับตัวคนร้ายได้นั้น เขาจะใช้วิธีรีดเค้นความลับจากคนเหล่านั้นด้วยวิธีไหน เคยได้ยินมาว่าถ้าไม่ให้อดข้าวอดน้ำ ซ้อมจนปางตาย ก็จะเอาแส้ฟาดหลัง แล้วเอาน้ำเกลือสาดใส่ให้แสบร้อนจนอยากตายวันละหลายหนแทน ทรมานทุกทางที่ทำได้ เพื่อให้คนเหล่านั้นคายความลับออกมา


อา…ไม่ว่าจะเป็นวิธีไหนมันก็ไม่ดีทั้งนั้น ดูจากสภาพแล้วตอนนี้พี่ดนัยเองก็บาดเจ็บไม่ใช่น้อย หากว่าได้รับการกระทำที่รุนแรง เธอกลัวว่าชายหนุ่มรุ่นพี่จะทนไม่ไหว เธอจะต้องช่วยเขา ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด เธอจะต้องช่วยพี่ดนัยจากการกักกันครั้งนี้ให้ได้!


นั่นเองทำให้ภิตะวันใช้สมองอย่างหนัก เพราะหากว่ากันตามตรงแล้ว ฝีมือของเธอนั้นยังห่างขั้นกับชายหนุ่มรุ่นพี่ ซึ่งขนาดเขายังสู้บอดี้การ์ดนับสิบไม่ได้ นับประสาอะไรกับเธอกันเล่า เพราะงั้นถ้าต่อกรกันซึ่งหน้า ไม่แคล้วเธอคงได้ไปสวรรค์ก่อนใครเพื่อน ดังนั้นเธอจะต้องวางแผนการทุกอย่างให้รัดกุมที่สุด หนนี้เธอคงใช้เพียงแต่กำลังไม่ได้ จำต้องงัดสมองและเล่ห์เหลี่ยมกลโกงมาใช้เสียแล้ว


ซึ่งจะวิธีไหน ยังไงก็ได้ ขอให้ช่วยชายคนดังกล่าวได้เป็นพอ!


ทว่าขณะที่เจ้าตัวกำลังนิ่งใช้สมองอยู่นั้นพลันเสียงฝ่าเท้าหนักๆ ก็เดินเข้ามาใกล้ หนำซ้ำเส้นทางที่เดินดูเหมือนว่าจะเดินมายังโต๊ะทำงานที่เธอหลบอยู่เสียอีก


ฝ่าเท้าดังกล่าว ดังชัดขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดหางตาของเธอก็มองเห็นรองเท้าหนังสีดำมันปลาบซึ่งกำลังก้าวมาทางตนเอง ภาพรองเท้าดังกล่าวขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ บอกให้รู้ว่าระยะห่างระหว่างเธอและเจ้าของรองเท้าคู่นั้นสั้นลงเรื่อยๆ และในที่สุดก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ!


“เอาตัวไปขังไว้ที่เรือนด้านหลัง รอคำสั่งจากฉัน!”


นั่นเองภิตะวันจึงได้รู้ว่าเจ้าของรองเท้าคู่ใหญ่ที่บัดนี้แทบจะวางอยู่ตรงหน้าเธอ คือ เจ้าพ่อพายุนั่นเอง!


ซวยแล้ว!!!


อะไรมันซวยขนาดนี้! ห้องตั้งใหญ่ จะเดินไปตรงอื่นก็ไม่มีใครว่าหรอกนะ อีกอย่างตอนนี้ก็ค่ำมืดแล้วด้วย จะมาขยันทำงานอะไรเอาตอนนี้เนี่ย ไปตรงอื่นเลยไป ชิ่ว!


ทว่าพายุกับกระทำตรงข้าม เพราะชายหนุ่มนั่งลงที่เก้าอี้หนังสีดำเสียอย่างนั้น ทำให้ท่อนขาที่มีกางเกงผ้าสีดำสนิทของเขาอยู่ห่างจากหน้าเธอตอนนี้ไม่ถึงฟุต และมันคงจะดีกว่านี้หากเขาจะนั่งเฉยๆ ไม่ใช่ยกขาข้างนึงขึ้นไขว่ห้าง เพราะนั่นทำให้รองเท้าขนาดยักษ์แทบประกบกับใบหน้าเธออยู่รอมร่อ


บ้าเอ้ย!! ไอ้เจ้าพ่อบ้า นั่งเฉยๆ ไม่เป็นรึไงเนี่ย!


ค้นทุกซอกทุกมุมในห้อง ว่ามีอะไรหายไปรึเปล่า” เจ้าพ่อหนุ่มสั่งเสียงเข้ม หากแต่เจ้าตัวหาได้ยอมลุกจากเก้าอี้แต่อย่างใด แถมยังหยิบนิตยสารฉบับหนึ่งขึ้นมาอ่านอย่างอารมณ์ดีเสียอีก ก่อนจะยกท่อนขาพลิกไปไขว่ห้างอีกข้าง แล้วก็สลับไปมาอย่างนั้นอยู่อีกสองสามครั้ง


พานให้คนที่หลบซ้ายหลบขวาไปมา ราวกับอยู่ในสังเวียนมวยอารมณ์คุกรุ่น เพราะแค่หลบอยู่เฉยๆ เงียบๆ ใต้โต๊ะก็ลำบากจะแย่แล้ว แล้วนี่ยังมีมารมาคอยรังควาญอีก เป็นเหตุให้ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะจึงมีเหงื่อซึม รู้สึกเหนื่อยราวกับวิ่งระยะไกลเลยทีเดียว


ไอ้เจ้าพ่อบ้า จะเปลี่ยนท่าอะไรกันนักกันหนา! หน้าฉันไม่ใช่ที่รองรับฝ่าเท้านายนะจะบอกให้!!!


ขณะเดียวกันภายในห้องก็ถูกตรวจค้นอย่างรวดเร็ว หากแต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ หนึ่งในบอดี้การ์ดจึงเดินไปยืนหน้าโต๊ะที่เจ้านายหนุ่มนั่งเอกเขนกอยู่


“เรียบร้อยดี?”


“ครับ เอ่อ แต่ว่า…”


“อะไร?” ชายหนุ่มที่นั่งอ่านนิตรยสารอย่างใจเย็นเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงอึกๆ อักๆ ของลูกน้อง ซึ่งเขาไม่ชอบเลย เพราะมันฟังเหมือนคนขาดความมั่นใจ และไม่ใช่ลูกผู้ชาย


“คือว่า ผมขอค้นที่โต๊ะทำงานของเจ้านายหน่อยนะครับ เผื่อจะเจออะไร"


คำขอของลูกน้องจุดรอยยิ้มที่มุมปากของเจ้าพ่อ เพราะเขามั่นใจว่าป่านนี้ใครบางคนคงสะดุ้งสุดตัวอยู่แน่ๆ


จริงอย่างที่คาด เพราะภิตะวันตกใจ จนเผลอยกศีรษะที่ก้มอยู่ เป็นเหตุให้ศีรษะของเธอชนเข้ากับพื้นใต้ลิ้นชัก เสียงดัง โป้ก!


“เสียงอะไรหรือครับ” ลูกน้องคนนั้นทำท่าจะเข้ามาดู หากแต่ผู้เป็นเจ้านายกลับห้ามไว้


“ไม่มีอะไรหรอก ถ้าค้นทั่วแล้วไม่เจออะไร ถ้างั้นก็ไปได้แล้ว!”


“ครับ” เมื่อเจ้านายบอกว่าไม่ ก็คือ ไม่ นั่นคือสิ่งที่ทุกคนต้องทำตามโดยไม่มีข้อแม้


เพียงไม่นานภายในห้องที่มีชายฉกรรจ์นับสิบก็อันตรธานหาย ยามนี้มีเพียงเจ้าของห้องนั่งอยู่ตามลำพังหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่


จนเมื่อร่างสูงลุกจากเก้าอี้ภิตะวันก็รู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก นับว่านี่เป็นโชคดีครั้งแรกของเธอสำหรับวันนี้ก็ว่าได้ ที่นอกจากไม่ถูกจับได้แล้ว ตอนนี้สายตาของเธอยังไปเจอกับบางสิ่งบางอย่างเข้าให้ เพราะผนังข้างของโต๊ะตัวใหญ่ที่เธอพาตัวเองมาซุกซ่อนอยู่นี้ ข้างหนึ่งมีอะไรบางอย่างผิดสังเกต


ที่แท้เซฟลับที่เธอตามหา ไม่ได้อยู่ในห้องลับ หากแต่ถูกทำติดตั้งไว้กับโต๊ะทำงานต่างหาก!


ภิตะวันนั่งนิ่งอยู่อีกอึดใจหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ ของเจ้าพ่อค่อยๆ ไกลออกไปทุกทีเจ้าตัวจึงยิ่งใจชื้น เพราะนั่นก็หมายความว่าบัดนี้ทางสะดวกสุดๆ ไม่มีใครมาขวางทางของเธออีกแล้ว


หญิงสาวตั้งใจไว้ว่า ไว้ให้เธอได้บัญชีรายชื่อเหล่าอาชญากรมาไว้ในมือก่อน จากนั้นเธอค่อยไปช่วยพี่ดนัยอีกที อย่างไรเสียพวกนั้นก็คงยังไม่ทำอันตรายถึงตายแน่ๆ เพราะคงต้องรีดเค้นความลับจากชายหนุ่มรุ่นพี่ของเธอให้ได้ก่อน


หึๆ โง่ซะไม่มี นี่นะรึที่ใครต่อใครบอกกันว่าเจ้าพ่อพายุฉลาดเป็นกรด ฟังแล้วน่าหัวเราะให้ฟันหัก! ฮ่า ฮ่า ฮ่า


เพราะคิดว่าเจ้าพ่อหนุ่มเดินหายลับไปจากห้องแห่งนี้แล้ว เนื่องด้วยไฟในห้องถูกดับลงเป็นที่เรียบร้อย ภิตะวันจึงอดปรามาสในใจไม่ได้ จากนั้นเจ้าตัวจึงเริ่มปฎิบัติงานอีกครั้ง


นิ้วเรียวยื่นไปยังผนังไม้ดังกล่าว ด้วยหมายหาทางเปิด ทว่ายังไม่ทันจะสัมผัสถึง จู่ๆ ก็มีฝ่ามือยักษ์มาดึงเอวของเธอพาออกจากพื้นที่ใต้โต๊ะ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก รู้ตัวอีกทีก็ต่อเมื่อแผ่นหลังของเธอแนบสนิทอยู่กับโต๊ะไม้ตัวใหญ่ตัวนี้เสียแล้ว



ซวยแล้ว!!!


ร่างเล็กดิ้นรนกระถดหนี ทว่าเพราะร่างสูงใหญ่ของใครบางคนที่ทับเธอไว้ทั้งตัวทำให้เธอไม่อาจเคลื่อนไหวตัวได้เลย


อะไรกัน เมื่อกี้นี้ยังโชคดีอยู่แล้ว แล้วทำไมตอนนี้…มันถึงได้ซวยอย่างนี้เนี่ย อ๊าก!!!


ภิตะวันแทบอยากถามเหลือเกินว่าเทพบนฟ้าองค์ใดกันที่สนุกกับการกลั่นแกล้งเธอ ก็ดูสิโยนเธอขึ้นฟ้าให้ลั้นล้ามีความสุขได้เพียงอึดใจเดียว จู่ๆ ก็ปล่อยให้เธอหล่นลงสู่หุบเหวลึก ร่างกายแหลกเหลวไม่มีชิ้นดีแบบนี้!


ขณะเดียวกันนั้นเจ้าของร่างหนาที่ใช้สองแขนกักกันร่างของอีกฝ่ายไว้ ก่อนจะค่อยๆ ยกร่างของตนขึ้น แล้วจึงก้มหน้ามาสบตากับใบหน้าหวานของศรีภรรยาที่ริอ่านทำหน้าที่เป็นสปาย โดยหารู้ไม่ว่า ณ ที่แห่งนี้…


…ยิ่งสืบ ยิ่งเปลืองตัว!




*********************************

มียิงกันด้วย อุอุ


*********************************


สะดุดเล่ห์ เสน่ห์รัก น้องภัทรจูงมือพี่แดนไปลั้นล้าอยู่อันดับ 9 ที่ร้านนายอินทร์สาขาศิริราชได้ด้วย
(อย่างไม่น่าเชื่อ...เพราะแรงหื่น เอ้ย แรงฮาของทุกคนแท้ๆ อุอุ >////< )









รัตนรัตน์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ก.ย. 2554, 08:42:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ก.ย. 2554, 08:42:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 3271





<< บทที่ 28 : ซ้อนแผนลับ จับ (กด) นางโจรสาว (ต่อ)    
แว่นใส 17 ก.ย. 2554, 09:47:42 น.

น่ารักจริง


panon 17 ก.ย. 2554, 17:29:53 น.
55555555555งานนี้ทำไงล่ะเนี่ยตะวันจ๋าๆๆๆๆ


กาซะลองพลัดถิ่น 18 ก.ย. 2554, 01:45:36 น.
แพ้เจ้าพ่อพายุทุกทางเลยนะตะวัน ...5555 คราวนี้โทษหนักแน่ ๆ เลย อร้ายยยย


anOO 18 ก.ย. 2554, 15:53:34 น.
สงสัยตะวันจะเปลือกตัวอีกเยอะ
คิดแต่ว่าตัวเองฉลาดกว่าคนอื่น เป็นไงล่ะ


nunoi 19 ก.ย. 2554, 10:59:30 น.
เจ้าพ่อพายุจะจัดการกับสปายสาว ยังไงน่ะ


XaWarZd 19 ก.ย. 2554, 14:07:55 น.
มาแต่ล่ะทีสั้นเหลือเกิน ลุ้นอ่ะ แล้วอีตาคุณพี่ดนัยโผล่มาได้ไง จริงๆ แล้วเป็นตัวร้ายชิมิชิมิ


ป้าภา 27 ก.ย. 2554, 13:10:28 น.
ยินดีด้วยจ้า เดี๋ยวพ้นช่วงสิ้นปีงบประมาณไปก่อนนะ ป้าสอยแน่นอน ตอนนี้ยุ่งหัวฟูเลย


ล่องลอย 5 ต.ค. 2554, 00:22:01 น.
เมื่อไหร่จะมาน๊า


simonsea 11 ธ.ค. 2554, 11:29:29 น.
รออยู่ค่ะ มาเหอะนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account