หยกซ่อนลาย สนพ.เดซี่
ชายหนุ่มหลับตาลงใช้ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลรับรู้ถึงบรรยากาศรอบตัว ลมทะเลที่พัดเข้ามาปะทะผิวเป็นระยะ กลิ่นอายของทะเล กลิ่นอายของความหลัง เกมแห่งความเจ็บปวดมันกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง เขาจะเป็นผู้เปิดเกมนี้เองและเชื่อว่าครั้งนี้เขาต้องชนะ!!
ตีพิมพ์กับสนพ.เดซี่ ก.พ. ปี 2556 ค่ะ
ตีพิมพ์กับสนพ.เดซี่ ก.พ. ปี 2556 ค่ะ
Tags: คีตา ณิชนิตา หยกซ่อนลาย
ตอน: บทนำ (แก้ไข)
เสียงเปียโนหลังเก่าเล่นเพลงไพเราะพลิ้วละมุน นานาโกะ ศิริพัฒนากร ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ เด็กชาย ปกรณ์ ศิริพัฒนากร ที่กำลังนั่งเล่นเพลงที่แม่ชอบ
ปกรณ์เพิ่งอายุครบรอบสิบสี่ไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เขาเริ่มเข้าวัยหนุ่ม หน้าใส ผิวขาวละเอียดนั้นได้มาจากผู้เป็นแม่ที่มีเชื้อสายญี่ปุ่น ดวงตาคมคู่นั้นเหมือนพ่อที่เป็นคนไทยเชื้อสายจีน เขาภูมิใจที่ได้ส่วนแบ่งนั้นมาอย่างพอเหมาะแถมด้วยพรสวรรค์ด้านดนตรีที่แม่มอบให้เขาอย่างเต็มอกเต็มใจ
ส่วนน้องชายผิวสีน้ำผึ้ง มีเพียงตาชั้นเดียวเท่านั้นที่ทำให้รู้ว่าเป็นพี่น้องกัน เพชรกรได้แต่ทำหน้าเบื่อหลังจากฟังเพลงอะไรก็ไม่รู้ตั้งแต่เช้า สู้เล่นเกมในคอมพิวเตอร์ไม่ได้เลยซักนิด
ในห้องนั่งเล่นยังมีเด็กสาวอีกคนหนึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ ไพลินและเพชรกรเป็นแฝดคนละใบหน้าตาคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันเสียทีเดียวแถมความชอบก็แตกต่างกันอย่างอยู่มาก ไพลินเป็นเด็กเรียนชอบอ่านหนังสือ
ส่วนเพชรกรเป็นเด็กซนอยู่ไม่เป็นสุขเรื่องโดดเด่นก็คงเป็นเรื่องอารมณ์ร้อนไม่เหมือนพี่น้องโชคดีที่ นานาโกะผู้เป็นแม่คอยอบรมสั่งสอนให้ลูกๆ ทุกคนเป็นคนสุภาพ รู้จักมารยาทในสังคม สอนให้รู้จักอดทนแม้ว่าในบรรดาลูกๆ จะมีเพชรกรที่มีความอดทนน้อยที่สุดก็ตาม ในอนาคตอย่างน้อยเธอก็คาดว่ามันจะช่วยให้ลูกๆ ได้นำสิ่งนี้ไปใช้ได้บ้าง
เสียงกดกริ่งหน้าบ้านทำให้ เธอหันไปมองที่รั้วเห็นชายชุดดำสามสี่คนยืนอยู่ตรงนั้น สาวใช้เดินเข้าไปถามตามหน้าที่เพราะเห็นว่ากดกริ่งถี่ยิบเหลือเกิน
“มาหาใครคุณ...” สาวใช้ถามแต่ไม่ทันที่จะได้คำตอบปืนก็เล็งมาที่เธอ
“เปิดประตู!!” หนึ่งในกลุ่มชายชุดดำเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอันดัง สาวใช้เร่งเปิด
ประตูด้วยมือที่สั่นเทา เมื่อเข้ามาในบ้านได้ต่างกรูเข้าไปหาสมาชิกที่อยู่ในบ้าน สาวใช้ที่พยายามจะกรีดร้องขอความช่วยเหลือโดนปิดปากสนิทด้วยการทำให้เธอสลบไปด้วยหมัดลุ่นที่ท้องเพียงสองครั้งเท่านั้น
“พวกแกจะทำอะไร” สำเนียงภาษาไทยแปร่งๆ เป็นของนานาโกะ สีหน้าหวาดหวั่นกับเหตุร้ายที่เกิดขึ้น เธอรีบเอาตัวมาบดบังบุตรชายทั้งสองไว้ด้านหลังพยายามส่งสัญญาณให้นิตยาพี่เลี้ยงเด็กที่แอบอยู่ในห้องนั่งเล่นพาบุตรสาวหนีออกไปหลังบ้านแต่ไม่ทันที่เธอจะทำอะไรไปมากกว่านั้น ร่างบางก็โดนจ้วงแทงเข้าที่ท้องจนต้องทรุดตัวลง ปกรณ์มองร่างที่ทรุดตัวล้มลงกับพื้นด้วยอาการตกใจ เพชรกรวิ่งไปทุบตีเจ้าคนร้ายเท่าที่มือน้อยๆ นั้นจะทำได้แต่ก็ไม่เป็นผลให้ร่างใหญ่โตนั้นกระทบกระเทือนแต่อย่างใด ปกรณ์ประคองร่างแม่ขึ้นแนบอก ใบหน้าซีดปรือตามองบุตรชายครั้งสุดท้าย
“หยก...ดูแลน้องด้วยนะลูก...ช่วย...ช่วยน้อง”
ปกรณ์กวาดสายตาไปมองคนตัวโตใช้มือตบหน้าเด็กชายอายุแค่สิบขวบจนล้มคว่ำลงด้วยสายตาเคียดแค้น...ความสูญเสียที่เกิดขึ้นทำให้น้ำตาที่ไหลออกมาแทบไม่มีประโยชน์เลย...ปกรณ์วางร่างไร้วิญญาณของแม่ลงแล้วรีบคว้าตัวน้องชายไว้โดยเอาร่างตัวเองเป็นกำบังไม่ให้โจรทำร้ายน้องเขาได้
เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดพร้อมกับร่างของโยธินที่วิ่งเข้ามาในบ้านเขาถือปืนสั้นที่พกไว้ป้องกันตัว พร้อมกันนั้นก็รีบเข้าไปดึงตัวบุตรชายทั้งสองเข้ามาไว้ข้างตัว
“พวกแกเป็นใคร!!ต้องการอะไร” เสียงโยธินแม้จะดังแต่ก็สั่นพร่าด้วยความตื่นกลัว เขาหันไปมองร่างของภรรยาที่นอนแน่นิ่งกับพื้นห้องแล้วถึงกับมือไม้อ่อนลง น้ำตาคลออยู่ที่ขอบตา
“นี่มันเรื่องอะไรกันถ้าต้องการเงินก็ขนไปให้หมดปล่อยลูกๆ ฉัน”
“คิดว่าผมต้องการเงินอย่างนั้นเหรอ คุณโยธิน คุณเองน่าจะรู้แต่แรกแล้วนะว่าพวกเราไม่ได้ต้องการสิ่งที่คุณพูด” เสียงเข้มด้วยภาษาไทยแปร่งๆ ของหนุ่มชาวจีนที่เพิ่งเดินเข้ามาพร้อมกับกับลูกน้องอีกสองคน
ปกรณ์หันไปมองชายชุดดำผู้มาใหม่นั้นทันที ไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะได้ฟังเสียงพ่อพูดอะไรต่อเสียงปืนก็ดังขึ้นแทน กลายเป็นร่างใหญ่ของพ่อที่ทรุดตัวลงกับพื้น ชายชุดดำที่เล็งปืนเพียงไม่กี่วินาทีลดมือลงพร้อมกับยิ้มที่มุมปากเหมือนได้ทำสิ่งสะใจอย่างที่สุด
“ไม่ต้องหาเหตุผลหรอกคุณโยธิน ผมอยากทำอย่างนี้มานานแล้ว จำไปบอกยมบาลได้เลยว่าคุณคือต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด คุณคือคนฆ่าครอบครัวตัวเอง” น้ำเสียงนั้นไม่มีความเสียใจสักนิด ดวงตาเรียวมองโยธินสิ้นใจตรงหน้าอย่างไม่กระพริบตา
แม้ว่าเสียงร้องไห้ดังจนกลบเสียงอื่นๆ ไปหมด ปกรณ์ที่กอดร่างพ่อเงยหน้าขึ้นมองชายที่เพิ่งกล่าวน้ำเสียงเย็นเยียบด้วยดวงตากร้าว แม้น้ำตาอาบแก้มแต่ดวงตาคู่นั้นแกร่งกร้าวด้วยไฟอาฆาต เด็กหนุ่มวิ่งเข้ามาชกเข้าที่อกของชายหนุ่มคนนั้นทันที แรงแค่นิดเดียวไม่สามารถทำอะไรได้อยู่แล้ว ชายหนุ่มสะบัดตัวผลักให้ปกรณ์ล้มลงกับพื้น ก่อนใช้เท้าเหยียบไปที่หน้าอกหยุดการกระทำ
ทว่าเพชรกรวิ่งเข้ามากอดขาเขาไว้พยายามทั้งผลักทั้งทุบให้หลุดไปจากหน้าอกของพี่ชาย ซึ่งมันได้ผลชายหนุ่มสะบัดขาแรงๆ สองสามครั้งทำให้เพชรกรร่างกระเด็นไปถูกขาโต๊ะใกล้ๆ ปกรณ์กลิ้งตัวออกมาแต่สายตายังมองตามร่างน้องชายด้วยความเป็นห่วงก่อนจะถลาเข้าไปดูน้องทันที ดวงตาเล็กเรียวของเด็กหนุ่มจ้องชายที่ทำร้ายครอบครัวด้วยแววกร้าว
ปกรณ์ไม่เคยลืมใบหน้านั้นซักวินาทีที่หายใจ...ใบหน้าขาวเรียวยาว ตาชั้นเดียวแต่กลับมีเคราครึ้มทำให้ใบหน้านั้นเข้มดวงตาเด็ดเดี่ยว ลายสักรูปมังกรข้อมือขวาเป็นจุดสังเกตที่ปกรณ์จ้องอย่างเอาเป็นเอาตายรวมไปถึงใบหน้าเรียวนั้นด้วย ชายผู้นั้นหันกวาดมองไปรอบบ้าน ชายชุดดำที่มาก่อนก้มหน้างุดเมื่อเห็นตาดุของนาย
“นี่มันหนีไปได้สองคนงั้นเหรอ จะยืนทำบื้อทำไมไปตามหามันสิ ส่วนพวกนี้จัดการซะ!!” ชายคนนั้นออกคำสั่งก่อนจะเดินไปจากห้องไม่แม้แต่จะหันกลับมามองแววตาตื่นตระหนกของเด็กทั้งสองคน
ปกรณ์มองตามร่างนั้นจนลับตาแม้ว่าตอนนี้จะถูกกลุ่มคนชุดดำลากมามัดไว้ด้วยเชือกจนเป็นแผลเลือดไหลซิบๆ ก็ตามแต่กลับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด...เพราะตอนนั้นหัวใจเขาเจ็บปวดยิ่งกว่าร้อยเท่าพันเท่า...บ้านหลังเล็กแต่อบอุ่นถูกราดด้วยน้ำมันก่อนจะจุดไฟเผามันมอดไหม้ไปพร้อมกับชีวิตของเด็กทั้งสามคน
ลมทะเลที่พัดผ่านผิวทั้งร่างกายของชายหนุ่มไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไรได้เลยนอกจากความ “เหงา” และลึกๆ ในความรู้สึก มันยังคงปวดร้าวกับสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต กี่ครั้งกี่หนแล้วที่เขาต้องสูญเสียทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ เสื้อเชิ๊ตสีขาวที่ดูเรียบร้อยพร้อมสูทสีดำ บัดนี้ถูกเขาปลดกระดุมนั้นออกไปสองสามเม็ดปล่อยสูทเรียบหรูนั้นลงไปกองกับพื้นทราย อากิระ ฮาเซกาว่า คือชื่อใหม่ของเขา ชายหนุ่มเป็นคนร่างสูงโปร่ง ใบหน้าคมคาย ผิวขาวจนเกือบซีด เรื่องผิวพรรณที่ขาวซีดนั่นอาจเป็นผลมาจากการทำงานที่ไม่ค่อยได้ออกแดดมากนัก ดวงตาคมเหม่อมองไปยังท้องฟ้าสีครามด้วยความว่างเปล่า
“นายน้อย” เสียงทักเป็นภาษาญี่ปุ่นทำให้เขาหันกลับไปมองต้นเสียง ทัตซึยะหรือชื่อไทยของเขาคือ เมฆ เป็นคนสนิทของอากิระซึ่งอายุไล่เลี่ยกัน ถือได้ว่าเป็นทั้งเพื่อนและคู่แข่งในเวลาเดียวกัน ด้วยเหตุการณ์บางอย่างทำให้อากิระได้มีโอกาสช่วยชีวิตทัตสึยะเอาไว้ทำให้ หนุ่มญี่ปุ่นคนนี้ยอมจำนนและจงรักภักดีต่อเขาตลอดมา
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ อิเกะเตรียมการทุกอย่างไว้รอแล้ว นายน้อยจะเดินทางไปเมืองไทยเมื่อไหร่ครับ” ทัตซึยะกล่าวถึงคนสนิทอีกหนึ่งคนที่เดินทางไปยังประเทศไทยล่วงหน้าแล้วเมื่อสี่ปีก่อน
“เร็วที่สุด ผมต้องการให้เรื่องมันจบเสียที สิบปีแล้วที่ภาพความทรงจำพวกนั้นมันตามหลอกหลอนผม มันควรต้องจบลง” อากิระเอ่ยน้ำเสียงทุ้มเรื่อยๆ เหมือนกับพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ
“ผมมีเรื่องอยากถาม แค่คำถามเดียวเท่านั้น...นายน้อยต้องการจะทำจริงๆ หรือครับ” ทัตสึยะยังคงอยากได้รับคำยืนยันอีกครั้ง
“ผมเคยให้สัญญากับตัวเองว่าหากมีชีวิตรอดผมต้องจัดการเรื่องนี้ให้ได้ สิ่งที่ผมเสียไปคนที่ทำลายมันจะต้องสูญเสียเหมือนอย่างที่ผมเป็น เขาต้องได้ลิ้มรสความเจ็บปวดนั้นด้วยเช่นกัน” น้ำเสียงนุ่มนั้นทอดยาวพูดเรื่อยเหมือนกับไม่ได้กล่าวถึงเรื่องหนักหนาอะไรเลย คนฟังกลับรู้สึกถึงอารมณ์บางอย่างที่มันทอดมากับน้ำเสียง
ดวงตาคมคู่นั้นยังคงเหม่อมองออกไปยังท้องฟ้าอีกครั้ง ไม่มีใครบอกได้ว่าชายหนุ่มที่กุมอำนาจของกลุ่มมาเฟียใหญ่อันดับต้นๆ ของแดนอาทิตย์อุทัยผู้นี้กำลังคิดอะไรอยู่ ภายใต้ท่าทีสุภาพ น้ำเสียงนุ่มนวล มีความรู้สึกอะไรบ้าง มีแต่ความน่ากลัว หวั่นเกรง ทำให้ไม่มีใครกล้าต่อกลอนกับชายหนุ่มเลย หลังจากที่นายใหญ่ “โอซามุ” เสียชีวิตลงเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ชายหนุ่มหลับตาลงใช้ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลรับรู้ถึงบรรยากาศรอบตัว ลมทะเลที่พัดเข้ามาปะทะผิวกายเป็นระยะ กลิ่นอายของทะเล กลิ่นอายของความหลัง เกมแห่งความเจ็บปวดมันกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง เขาจะเป็นผู้เปิดเกมนี้เองและเชื่อว่าครั้งนี้เขาต้องชนะ!!
ปกรณ์เพิ่งอายุครบรอบสิบสี่ไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เขาเริ่มเข้าวัยหนุ่ม หน้าใส ผิวขาวละเอียดนั้นได้มาจากผู้เป็นแม่ที่มีเชื้อสายญี่ปุ่น ดวงตาคมคู่นั้นเหมือนพ่อที่เป็นคนไทยเชื้อสายจีน เขาภูมิใจที่ได้ส่วนแบ่งนั้นมาอย่างพอเหมาะแถมด้วยพรสวรรค์ด้านดนตรีที่แม่มอบให้เขาอย่างเต็มอกเต็มใจ
ส่วนน้องชายผิวสีน้ำผึ้ง มีเพียงตาชั้นเดียวเท่านั้นที่ทำให้รู้ว่าเป็นพี่น้องกัน เพชรกรได้แต่ทำหน้าเบื่อหลังจากฟังเพลงอะไรก็ไม่รู้ตั้งแต่เช้า สู้เล่นเกมในคอมพิวเตอร์ไม่ได้เลยซักนิด
ในห้องนั่งเล่นยังมีเด็กสาวอีกคนหนึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ ไพลินและเพชรกรเป็นแฝดคนละใบหน้าตาคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันเสียทีเดียวแถมความชอบก็แตกต่างกันอย่างอยู่มาก ไพลินเป็นเด็กเรียนชอบอ่านหนังสือ
ส่วนเพชรกรเป็นเด็กซนอยู่ไม่เป็นสุขเรื่องโดดเด่นก็คงเป็นเรื่องอารมณ์ร้อนไม่เหมือนพี่น้องโชคดีที่ นานาโกะผู้เป็นแม่คอยอบรมสั่งสอนให้ลูกๆ ทุกคนเป็นคนสุภาพ รู้จักมารยาทในสังคม สอนให้รู้จักอดทนแม้ว่าในบรรดาลูกๆ จะมีเพชรกรที่มีความอดทนน้อยที่สุดก็ตาม ในอนาคตอย่างน้อยเธอก็คาดว่ามันจะช่วยให้ลูกๆ ได้นำสิ่งนี้ไปใช้ได้บ้าง
เสียงกดกริ่งหน้าบ้านทำให้ เธอหันไปมองที่รั้วเห็นชายชุดดำสามสี่คนยืนอยู่ตรงนั้น สาวใช้เดินเข้าไปถามตามหน้าที่เพราะเห็นว่ากดกริ่งถี่ยิบเหลือเกิน
“มาหาใครคุณ...” สาวใช้ถามแต่ไม่ทันที่จะได้คำตอบปืนก็เล็งมาที่เธอ
“เปิดประตู!!” หนึ่งในกลุ่มชายชุดดำเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอันดัง สาวใช้เร่งเปิด
ประตูด้วยมือที่สั่นเทา เมื่อเข้ามาในบ้านได้ต่างกรูเข้าไปหาสมาชิกที่อยู่ในบ้าน สาวใช้ที่พยายามจะกรีดร้องขอความช่วยเหลือโดนปิดปากสนิทด้วยการทำให้เธอสลบไปด้วยหมัดลุ่นที่ท้องเพียงสองครั้งเท่านั้น
“พวกแกจะทำอะไร” สำเนียงภาษาไทยแปร่งๆ เป็นของนานาโกะ สีหน้าหวาดหวั่นกับเหตุร้ายที่เกิดขึ้น เธอรีบเอาตัวมาบดบังบุตรชายทั้งสองไว้ด้านหลังพยายามส่งสัญญาณให้นิตยาพี่เลี้ยงเด็กที่แอบอยู่ในห้องนั่งเล่นพาบุตรสาวหนีออกไปหลังบ้านแต่ไม่ทันที่เธอจะทำอะไรไปมากกว่านั้น ร่างบางก็โดนจ้วงแทงเข้าที่ท้องจนต้องทรุดตัวลง ปกรณ์มองร่างที่ทรุดตัวล้มลงกับพื้นด้วยอาการตกใจ เพชรกรวิ่งไปทุบตีเจ้าคนร้ายเท่าที่มือน้อยๆ นั้นจะทำได้แต่ก็ไม่เป็นผลให้ร่างใหญ่โตนั้นกระทบกระเทือนแต่อย่างใด ปกรณ์ประคองร่างแม่ขึ้นแนบอก ใบหน้าซีดปรือตามองบุตรชายครั้งสุดท้าย
“หยก...ดูแลน้องด้วยนะลูก...ช่วย...ช่วยน้อง”
ปกรณ์กวาดสายตาไปมองคนตัวโตใช้มือตบหน้าเด็กชายอายุแค่สิบขวบจนล้มคว่ำลงด้วยสายตาเคียดแค้น...ความสูญเสียที่เกิดขึ้นทำให้น้ำตาที่ไหลออกมาแทบไม่มีประโยชน์เลย...ปกรณ์วางร่างไร้วิญญาณของแม่ลงแล้วรีบคว้าตัวน้องชายไว้โดยเอาร่างตัวเองเป็นกำบังไม่ให้โจรทำร้ายน้องเขาได้
เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดพร้อมกับร่างของโยธินที่วิ่งเข้ามาในบ้านเขาถือปืนสั้นที่พกไว้ป้องกันตัว พร้อมกันนั้นก็รีบเข้าไปดึงตัวบุตรชายทั้งสองเข้ามาไว้ข้างตัว
“พวกแกเป็นใคร!!ต้องการอะไร” เสียงโยธินแม้จะดังแต่ก็สั่นพร่าด้วยความตื่นกลัว เขาหันไปมองร่างของภรรยาที่นอนแน่นิ่งกับพื้นห้องแล้วถึงกับมือไม้อ่อนลง น้ำตาคลออยู่ที่ขอบตา
“นี่มันเรื่องอะไรกันถ้าต้องการเงินก็ขนไปให้หมดปล่อยลูกๆ ฉัน”
“คิดว่าผมต้องการเงินอย่างนั้นเหรอ คุณโยธิน คุณเองน่าจะรู้แต่แรกแล้วนะว่าพวกเราไม่ได้ต้องการสิ่งที่คุณพูด” เสียงเข้มด้วยภาษาไทยแปร่งๆ ของหนุ่มชาวจีนที่เพิ่งเดินเข้ามาพร้อมกับกับลูกน้องอีกสองคน
ปกรณ์หันไปมองชายชุดดำผู้มาใหม่นั้นทันที ไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะได้ฟังเสียงพ่อพูดอะไรต่อเสียงปืนก็ดังขึ้นแทน กลายเป็นร่างใหญ่ของพ่อที่ทรุดตัวลงกับพื้น ชายชุดดำที่เล็งปืนเพียงไม่กี่วินาทีลดมือลงพร้อมกับยิ้มที่มุมปากเหมือนได้ทำสิ่งสะใจอย่างที่สุด
“ไม่ต้องหาเหตุผลหรอกคุณโยธิน ผมอยากทำอย่างนี้มานานแล้ว จำไปบอกยมบาลได้เลยว่าคุณคือต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด คุณคือคนฆ่าครอบครัวตัวเอง” น้ำเสียงนั้นไม่มีความเสียใจสักนิด ดวงตาเรียวมองโยธินสิ้นใจตรงหน้าอย่างไม่กระพริบตา
แม้ว่าเสียงร้องไห้ดังจนกลบเสียงอื่นๆ ไปหมด ปกรณ์ที่กอดร่างพ่อเงยหน้าขึ้นมองชายที่เพิ่งกล่าวน้ำเสียงเย็นเยียบด้วยดวงตากร้าว แม้น้ำตาอาบแก้มแต่ดวงตาคู่นั้นแกร่งกร้าวด้วยไฟอาฆาต เด็กหนุ่มวิ่งเข้ามาชกเข้าที่อกของชายหนุ่มคนนั้นทันที แรงแค่นิดเดียวไม่สามารถทำอะไรได้อยู่แล้ว ชายหนุ่มสะบัดตัวผลักให้ปกรณ์ล้มลงกับพื้น ก่อนใช้เท้าเหยียบไปที่หน้าอกหยุดการกระทำ
ทว่าเพชรกรวิ่งเข้ามากอดขาเขาไว้พยายามทั้งผลักทั้งทุบให้หลุดไปจากหน้าอกของพี่ชาย ซึ่งมันได้ผลชายหนุ่มสะบัดขาแรงๆ สองสามครั้งทำให้เพชรกรร่างกระเด็นไปถูกขาโต๊ะใกล้ๆ ปกรณ์กลิ้งตัวออกมาแต่สายตายังมองตามร่างน้องชายด้วยความเป็นห่วงก่อนจะถลาเข้าไปดูน้องทันที ดวงตาเล็กเรียวของเด็กหนุ่มจ้องชายที่ทำร้ายครอบครัวด้วยแววกร้าว
ปกรณ์ไม่เคยลืมใบหน้านั้นซักวินาทีที่หายใจ...ใบหน้าขาวเรียวยาว ตาชั้นเดียวแต่กลับมีเคราครึ้มทำให้ใบหน้านั้นเข้มดวงตาเด็ดเดี่ยว ลายสักรูปมังกรข้อมือขวาเป็นจุดสังเกตที่ปกรณ์จ้องอย่างเอาเป็นเอาตายรวมไปถึงใบหน้าเรียวนั้นด้วย ชายผู้นั้นหันกวาดมองไปรอบบ้าน ชายชุดดำที่มาก่อนก้มหน้างุดเมื่อเห็นตาดุของนาย
“นี่มันหนีไปได้สองคนงั้นเหรอ จะยืนทำบื้อทำไมไปตามหามันสิ ส่วนพวกนี้จัดการซะ!!” ชายคนนั้นออกคำสั่งก่อนจะเดินไปจากห้องไม่แม้แต่จะหันกลับมามองแววตาตื่นตระหนกของเด็กทั้งสองคน
ปกรณ์มองตามร่างนั้นจนลับตาแม้ว่าตอนนี้จะถูกกลุ่มคนชุดดำลากมามัดไว้ด้วยเชือกจนเป็นแผลเลือดไหลซิบๆ ก็ตามแต่กลับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด...เพราะตอนนั้นหัวใจเขาเจ็บปวดยิ่งกว่าร้อยเท่าพันเท่า...บ้านหลังเล็กแต่อบอุ่นถูกราดด้วยน้ำมันก่อนจะจุดไฟเผามันมอดไหม้ไปพร้อมกับชีวิตของเด็กทั้งสามคน
ลมทะเลที่พัดผ่านผิวทั้งร่างกายของชายหนุ่มไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไรได้เลยนอกจากความ “เหงา” และลึกๆ ในความรู้สึก มันยังคงปวดร้าวกับสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต กี่ครั้งกี่หนแล้วที่เขาต้องสูญเสียทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ เสื้อเชิ๊ตสีขาวที่ดูเรียบร้อยพร้อมสูทสีดำ บัดนี้ถูกเขาปลดกระดุมนั้นออกไปสองสามเม็ดปล่อยสูทเรียบหรูนั้นลงไปกองกับพื้นทราย อากิระ ฮาเซกาว่า คือชื่อใหม่ของเขา ชายหนุ่มเป็นคนร่างสูงโปร่ง ใบหน้าคมคาย ผิวขาวจนเกือบซีด เรื่องผิวพรรณที่ขาวซีดนั่นอาจเป็นผลมาจากการทำงานที่ไม่ค่อยได้ออกแดดมากนัก ดวงตาคมเหม่อมองไปยังท้องฟ้าสีครามด้วยความว่างเปล่า
“นายน้อย” เสียงทักเป็นภาษาญี่ปุ่นทำให้เขาหันกลับไปมองต้นเสียง ทัตซึยะหรือชื่อไทยของเขาคือ เมฆ เป็นคนสนิทของอากิระซึ่งอายุไล่เลี่ยกัน ถือได้ว่าเป็นทั้งเพื่อนและคู่แข่งในเวลาเดียวกัน ด้วยเหตุการณ์บางอย่างทำให้อากิระได้มีโอกาสช่วยชีวิตทัตสึยะเอาไว้ทำให้ หนุ่มญี่ปุ่นคนนี้ยอมจำนนและจงรักภักดีต่อเขาตลอดมา
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ อิเกะเตรียมการทุกอย่างไว้รอแล้ว นายน้อยจะเดินทางไปเมืองไทยเมื่อไหร่ครับ” ทัตซึยะกล่าวถึงคนสนิทอีกหนึ่งคนที่เดินทางไปยังประเทศไทยล่วงหน้าแล้วเมื่อสี่ปีก่อน
“เร็วที่สุด ผมต้องการให้เรื่องมันจบเสียที สิบปีแล้วที่ภาพความทรงจำพวกนั้นมันตามหลอกหลอนผม มันควรต้องจบลง” อากิระเอ่ยน้ำเสียงทุ้มเรื่อยๆ เหมือนกับพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ
“ผมมีเรื่องอยากถาม แค่คำถามเดียวเท่านั้น...นายน้อยต้องการจะทำจริงๆ หรือครับ” ทัตสึยะยังคงอยากได้รับคำยืนยันอีกครั้ง
“ผมเคยให้สัญญากับตัวเองว่าหากมีชีวิตรอดผมต้องจัดการเรื่องนี้ให้ได้ สิ่งที่ผมเสียไปคนที่ทำลายมันจะต้องสูญเสียเหมือนอย่างที่ผมเป็น เขาต้องได้ลิ้มรสความเจ็บปวดนั้นด้วยเช่นกัน” น้ำเสียงนุ่มนั้นทอดยาวพูดเรื่อยเหมือนกับไม่ได้กล่าวถึงเรื่องหนักหนาอะไรเลย คนฟังกลับรู้สึกถึงอารมณ์บางอย่างที่มันทอดมากับน้ำเสียง
ดวงตาคมคู่นั้นยังคงเหม่อมองออกไปยังท้องฟ้าอีกครั้ง ไม่มีใครบอกได้ว่าชายหนุ่มที่กุมอำนาจของกลุ่มมาเฟียใหญ่อันดับต้นๆ ของแดนอาทิตย์อุทัยผู้นี้กำลังคิดอะไรอยู่ ภายใต้ท่าทีสุภาพ น้ำเสียงนุ่มนวล มีความรู้สึกอะไรบ้าง มีแต่ความน่ากลัว หวั่นเกรง ทำให้ไม่มีใครกล้าต่อกลอนกับชายหนุ่มเลย หลังจากที่นายใหญ่ “โอซามุ” เสียชีวิตลงเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ชายหนุ่มหลับตาลงใช้ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลรับรู้ถึงบรรยากาศรอบตัว ลมทะเลที่พัดเข้ามาปะทะผิวกายเป็นระยะ กลิ่นอายของทะเล กลิ่นอายของความหลัง เกมแห่งความเจ็บปวดมันกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง เขาจะเป็นผู้เปิดเกมนี้เองและเชื่อว่าครั้งนี้เขาต้องชนะ!!
ณิชนิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.ย. 2554, 17:12:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ม.ค. 2555, 10:42:00 น.
จำนวนการเข้าชม : 2051
บทที่ 1(แก้ไข) >> |
lovemuay 10 ก.ย. 2554, 18:26:25 น.
เรื่องท่าทางจะลึกลับซ่อนเงื่อนอีกแล้ว ฮ่าๆๆ
เรื่องท่าทางจะลึกลับซ่อนเงื่อนอีกแล้ว ฮ่าๆๆ