หัวใจรักใต้บงการ
จะเกิดอะไรขึ้น!
เมื่อคุณย่าหมายยื่นมือเข้ามาบงการหัวใจของหลานชายทั้งสาม
ด้วยการส่งสาว ๆ เข้ามาในชีวิตโดยที่พวกเขาไม่ได้ร้องขอ
เมื่อคุณย่าหมายยื่นมือเข้ามาบงการหัวใจของหลานชายทั้งสาม
ด้วยการส่งสาว ๆ เข้ามาในชีวิตโดยที่พวกเขาไม่ได้ร้องขอ
Tags: สามหนุ่มพี่น้อง,ซูสีไทเฮา
ตอน: ตอนที่ 36
บทที่ 36
สุดท้าย เธอก็ยังถูกเขาหลอกอีกจนได้
บัวบุษบาบอกกับตัวเองอย่างเจ็บปวดใจ ขณะสาวเท้าไปตามทางเดินโล่ง ๆ ปราศจากผู้คน โดยมีจุดหมายคือลิฟท์ที่จะนำเธอลงไปชั้นล่าง ขณะเดียวกันก็ยกมือขึ้นมาป้ายน้ำตาที่ไหลไม่ยอมหยุด
ไม่เจอเขา เธอก็คิดถึง แต่พอได้เจอ เธอก็เจ็บปวด
หญิงสาวพยายามกลั้นสะอื้น พลางฝืนปรับสีหน้าสีตาให้เป็นปกติเมื่อเดินมาใกล้เคาน์เตอร์ซึ่งมีพยาบาลนั่งอยู่สองคน ก่อนจะเดินไปหยุดตรงหน้าลิฟท์ตัวที่อยู่ฝั่งซ้าย หากยังไม่ทันยื่นมือไปกดปุ่มเรียก ประตูลิฟท์ก็เปิดออกมาเผยให้เห็นหญิงชายคู่หนึ่ง
“เรามากันแต่เช้าแบบนี้ ไม่รู้พี่กลางจะตื่นหรือยังนะพี่เล็ก”
คำพูดของฝ่ายหญิงซึ่งโดยสารลิฟท์มาขณะก้าวออกจากตัวลิฟท์ ส่งผลให้บัวบุษบาชะงักแล้วหันไปมอง จึงทันได้เห็นฝ่ายชายซึ่งในมือข้างหนึ่งนั้นหิ้วถุงพลาสติกบรรจุผลไม้ กำลังตอบโต้กับหญิงสาวข้างตัว
“ถ้าพี่กลางยังไม่ตื่น งั้นเราสองคนมากินผลไม้นี่ให้หมดเลยดีไหม”
“บ้าเหรอพี่เล็ก นี่เป็นผลไม้ที่แก้วตั้งใจซื้อมาให้พี่กลางนะ”
นั่นคือเสียงของฝ่ายหญิงที่บัวบุษบาได้ยิน ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินห่างออกไป
ถ้าเข้าใจไม่ผิด นั่นคงจะเป็นหลานชายคนเล็กของคุณย่าสินะ
บัวบุษบาบอกกับตัวเอง ก่อนหักใจก้าวเข้าไปในลิฟท์ ทิ้งทุกอย่างเอาไว้ทางเบื้องหลัง
ฝ่ายธรณ์เทพและแก้วใส เมื่อทั้งคู่เปิดประตูห้องพักผู้ป่วยเข้าไป คนทั้งสองก็ได้เห็นว่าคนที่ตั้งใจมาเยี่ยมนั้นกำลังนั่งเอามือกุมขมับอยู่บนโซฟาตัวยาวที่ตั้งชิดกับผนังห้อง
“พี่กลางเป็นอะไร”
ธรณ์เทพออกปากพลางปรี่ไปนั่งข้าง ๆ พี่ชายด้วยความเป็นห่วง ในขณะที่แก้วใสเพียงแต่ยืนมองด้วยสายตาเป็นกังวล
“พี่ไม่ได้เป็นอะไร”
“แล้วทำไมมานั่งตรงนี้ ไม่ไปนอนพักบนเตียงล่ะ”
ธัญเทพถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วจึงเบนความสนใจของน้องชายด้วยการหันไปมองแก้วใสพลางฝืนยิ้มตอบเมื่อเห็นหญิงสาวส่งยิ้มมาให้
“ไง...สบายดีหรือเปล่าแก้ว พี่รู้สึกเหมือนไม่ได้เจอกับแก้วมานานเลยนะ ทั้งที่บ้านเราก็อยู่ติดกันแท้ ๆ”
“แก้วสบายดีค่ะพี่กลาง นี่คุณพ่อกับคุณแม่ก็ฝากให้แก้วมาเยี่ยมพี่กลางด้วยนะคะ ท่านทั้งสองเป็นห่วงพี่กลางมากเลย”
“พี่นี่แย่จริง ทำให้คุณอาทั้งสองพลอยไม่สบายใจไปด้วย”
เงียบไปครู่ ธัญเทพก็ทำให้คนร่วมห้องทั้งสองต่างพากันงงเมื่อได้ยินคำบอกของเขา
“เอาล่ะ พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”
“ห๊ะ! กลับบ้านเหรอพี่กลาง”
“ใช่ กลับบ้าน”
คำยืนยันของคนเป็นพี่ ทำให้ธรณ์เทพต้องหรี่ตามองอย่างครุ่นคิด ก่อนออกปากตรงกับใจ
“พี่กลางไม่ได้ประสบอุบัติเหตุจริง ๆ ใช่ไหม”
อาการพยักหน้ายอมรับของธัญเทพ ส่งผลให้แก้วใสทำหน้าเหวออย่างแปลกใจ หากธรณ์เทพดูไม่ค่อยประหลาดใจนัก
“พี่เจษก็ร่วมมือกับพี่ด้วยสินะ”
เมื่อเห็นพี่ชายพยักหน้าอีกครั้งธรณ์เทพก็ถอนหายใจ ก่อนตั้งคำถามสุดท้ายเสียงแผ่วราวกับเกรงจะกระทบกระเทือนจิตใจคนฟัง
“ทั้งหมดนี่เป็นเพราะผู้หญิงที่ชื่อบัวใช่ไหม”
ธัญเทพปิดเปลือกตาลงอย่างยอกแสลง เมื่อคำถามนั้นดึงเอาภาพของบัวบุษบาให้หวนกลับมาในความคิดคำนึงอีกครั้ง หัวใจเจ็บปวดไปหมดเมื่อถูกตอกย้ำด้วยภาพที่หญิงสาวกำลังร่ำไห้
เขามันก็ดีแต่ทำให้เธอร้องไห้
ชายหนุ่มต่อว่าตัวเอง ก่อนลืมตาขึ้นมาให้คำตอบ
“ใช่ ทั้งหมดที่พี่ทำลงไป ก็เพื่อจะให้บัวกลับมา แต่...สุดท้ายพี่ก็ทำให้เขาเสียใจอยู่ดี”
“หมายความว่ายังไงครับ หรือว่า...เขามาหาพี่แล้ว”
“ใช่...บัวมาหาพี่แล้ว และ...ไปแล้ว”
เสียงพร่าสั่นในตอนท้ายของธัญเทพ ส่งผลให้ทั้งธรณ์เทพและแก้วใสต่างพากันนิ่งอึ้งเมื่อจับได้ถึงกระแสของความเจ็บปวดและขมขื่นของอีกฝ่าย หากคนทั้งคู่ก็ไม่อาจทำอะไรได้มากไปกว่านิ่งมองธัญเทพด้วยแววตาที่บอกถึงความสงสารและเห็นใจ
ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งซึ่งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศ
หลังจากตื่นนอน ธราเทพก็อาบน้ำแต่งตัวเพื่อออกเดินทางไปยังบ้านของคุณกวิน ด้วยความตั้งใจจะไปพบกับกวินธิดา ทว่า ขณะกำลังเดินไปถึงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ เขาก็ได้พบกับคนที่กำลังตั้งใจจะไปหา
“กวินธิดา”
กวินธิดาหันไปมองเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูเรียกชื่อของเธอ ก่อนเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนเรียก
“พี่ใหญ่!”
ในขณะที่กวินธิดายืนตัวแข็งอย่างตกใจและคาดไม่ถึงกับการปรากฏตัวอย่างไม่คาดฝันของเขา ธราเทพก็เป็นฝ่ายก้าวเข้าไปหาในขณะที่สายตาไม่คลาดไปจากใบหน้าหวานของหญิงสาว กระทั่งไปหยุดยืนตรงหน้าเธอ
หญิงสาวน้ำตาซึมด้วยความรู้สึกหลากหลายในหัวใจ ความคิดถึงที่ติดตัวเธอนับจากวันที่ออกมาจากบ้านเทพประทานเริ่มออกฤทธิ์ หากขณะเดียวกัน ความดีใจและโหยหาก็ทำให้เธออยากโผเข้าไปหาเพื่อซึมซับถึงความมีตัวตนของอีกฝ่าย ทว่า ความน้อยใจและขมขื่นที่ไม่เคยจางหายก็บังคับให้ยืนนิ่งอยู่กับที่ ขณะหลุดปากถามออกไปด้วยความสับสนที่เกิดขึ้นในหัวใจ
“พี่ใหญ่...มาทำไมคะ”
“คิดถึง”
กวินธิดาอยากคิดว่าเธอกำลังฝัน หากเมื่อมองผู้ชายตรงหน้า เธอก็มั่นใจว่าไม่ได้ฝันไป คนหน้าขรึม ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มบนใบหน้า ยังคงเป็นคนเดิมและคนเดียวที่มีตัวตนชัดเจนอยู่ในหัวใจของเธอมาตลอด
“พี่ใหญ่...คิดถึงใครเหรอคะ”
บางอย่างในหัวใจ ทำให้กวินธิดาอดไม่ได้ต้องตั้งคำถามที่ดูเหมือนโง่ ๆ แล้วก็นึกกลัวว่าเธออาจทำให้เขารำคาญ แต่ไม่มีแม้แต่ความขัดเคือง หรือรำคาญใด ๆ ปรากฏบนใบหน้าคมสัน นอกจากความสงบนิ่งและมุ่งมั่นในดวงตาคมเข้มสีนิล
“ผมคิดถึงคุณ”
คำตอบที่สื่อความหมายตรงตัวอย่างชัดเจน ส่งผลให้หัวตาคนฟังร้อนผ่าว ก่อนยกมือขึ้นปิดปากที่กำลังสั่นระริกแล้วเดินไปจากที่ตรงนั้นอย่างรวดเร็วด้วยไม่อยากให้ใครเห็นความอ่อนแอ
หากเพียงไม่กี่ก้าว ธราเทพก็ก้าวตามทันจนเดินไปดักหน้ากวินธิดาเอาไว้ เมื่อเห็นดวงตาคู่สวยที่เอ่อคลอหยาดน้ำใสจวนเจียนจะหยด เขาก็นิ่งไปจนคนถูกมองต้องฝืนหักห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลด้วยการตั้งคำถามเสียงสั่น
“พี่ใหญ่ต้องการอะไรคะ”
“ผมมีเรื่องจะพูดกับคุณ”
พูดจบ ธราเทพก็เดินนำออกไปโดยไม่เปิดโอกาสให้กวินธิดาคัดค้าน ในขณะที่หญิงสาวลังเลใจครู่หนึ่ง ความสงสัยใคร่รู้เข้ามาแทนที่ความน้อยใจที่มี กระทั่งตัดสินใจก้าวตามคนข้างหน้าไปเงียบ ๆ จนมาถึงบ้านพักหลังหนึ่งที่อยู่ด้านในสุด
ร่างสูงเดินนำไปจนถึงชานระเบียงหน้าบ้าน ก่อนหยุดแล้วหันมามอง ทำให้ร่างเล็ก ๆ ที่ก้าวตามมาตลอดต้องพลอยหยุดตาม
“นั่งสิ”
คำสั่งที่ถูกสำทับด้วยการตวัดตามองไปยังม้านั่งตัวยาวทำให้กวินธิดาจำต้องทำตาม ก่อนใจสั่นเมื่อเห็นคนออกคำสั่งยืนมองมานิ่ง ๆ ด้วยแววตาทอประกายประหลาด
ทำไมหนอ คนที่กำลังมองเธอด้วยแววตาอบอุ่นและอ่อนโยนอยู่ตอนนี้ ดูราวกับไม่ใช่พี่ใหญ่คนเดิม
กวินธิดาได้แต่เก็บงำความคิดของตัวเองเอาไว้ ในขณะที่ออกปากถาม
“พี่ใหญ่มีอะไรจะพูดกับดาเหรอคะ”
ธราเทพนิ่งมองคนตั้งคำถามครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินไปยืนเกาะขอบระเบียงข้าง ๆ ม้านั่งกวินธิดา โดยมีหญิงสาวเฝ้ามองตาม ในขณะที่ชายหนุ่มทอดสายตามองตรงไปข้างหน้า แล้วเริ่มต้นพูด
“ตั้งแต่เด็ก การเตรียมตัวเรียนรู้และศึกษาเกี่ยวกับธุรกิจของครอบครัวคือสิ่งที่ผมคุ้นชินมาตลอด เพราะคุณพ่อของผมท่านตั้งความหวังเอาไว้มาก ในเรื่องที่จะให้ผมเป็นผู้สืบทอดและเป็นผู้นำของครอบครัว แทนที่ท่านในอนาคต ในขณะที่ผมเองก็รู้สึกว่าการที่คุณพ่อเรียกตัวเข้าไปในห้องทำงานเพื่อรับฟังข้อมูลและขั้นตอนในการทำงานคือส่วนหนึ่งของชีวิตไปโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นเมื่อถึงวันที่ผมต้องเข้าไปบริหารงานในบริษัทอย่างเต็มตัว ผมจึงไม่รู้สึกว่ามันเป็นปัญหามากนัก”
ฟังธราเทพออกปากเล่าเรื่องราวของเขาแค่นั้น กวินธิดาก็พลันรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบเมื่อนึกวาดภาพเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ซึ่งน่าจะมีโอกาสไปเที่ยวเล่นสนุกตามประสา แต่กลับต้องไปนั่งศึกษาและเรียนรู้ในสิ่งที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็กในวัยนั้นจะพึงได้รับ
หรือเป็นเพราะสิ่งที่ได้รับตั้งแต่วัยเด็ก ส่งผลให้เขากลายเป็นคนเคร่งขรึม เอาจริงเอาจังจนดูเหมือนไม่ยอมผ่อนปรนต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
กวินธิดาคิดอย่างเศร้าใจ ขณะที่หูก็รับฟังเรื่องเล่าของอีกฝ่ายต่อด้วยท่าทีนิ่งสงบ
“ผมอยากให้คุณเข้าใจนะกวินธิดา ที่ผ่านมาผมเคยชินต่อการจัดการทุกเรื่องด้วยตัวเองมาตลอด เคยชินต่อการบริหารงานที่อยู่ภายใต้การควบคุมของตัวเอง ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำใจให้ยอมรับกับการจะต้องถูกคุณย่ามาควบคุมในเรื่องที่สำคัญของชีวิต แม้ที่ผ่านมาคุณย่าจะชอบบงการให้ผมและน้องชายทำตามที่ท่านต้องการ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตเกินกว่าผมและน้อง ๆ จะสามารถทำได้ พวกเราจึงไม่อยากขัดใจท่าน แต่...สำหรับเรื่องของคุณ ผมยอมรับว่าตอนแรก ผมจำใจต้องยอมรับเพราะส่วนหนึ่งเกิดจากเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องนอนของผม และส่วนหนึ่งจากสายสัมพันธ์ระหว่างผมกับคุณพ่อของคุณ เพราะอย่างนี้ ลึก ๆ ในใจของผมจึงไม่อยากยอมรับคุณนัก”
เหมือนถูกตอกย้ำความน้อยใจที่เคยมี กวินธิดาน้ำตาซึมออกมาอีกครั้ง ในขณะที่ธราเทพยังคงไม่หันกลับมามอง ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่ทันเห็น
“ผมพยายามกันคุณออกห่าง ทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้คุณเข้ามาใกล้ แต่ยิ่งทำอย่างนั้นดูเหมือนจะยิ่งให้ผลตรงกันข้าม”
ชายหนุ่มจบคำพูดนั้นด้วยเสียงถอนหายใจ ก่อนหันกลับไปมองคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง
“ผมไม่ใช่คนพูดเก่ง ยิ่งเรื่องแสดงออกทางความรู้สึกก็ทำได้ไม่ดีนัก แต่ผมอยากบอกให้คุณรู้ หลายครั้งที่ผมทำให้คุณเสียใจ ผมเองก็เสียใจไม่แพ้กัน คำว่าขอโทษมันคงไม่มากพอที่จะทดแทนกับหลาย ๆ สิ่งที่ผมทำให้คุณเสียใจและเสียน้ำตา แต่ผมก็ยังอยากขอโทษและขอโอกาสอีกสักครั้ง ถ้าคุณคิดว่าผมไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป ก็ขอให้ผมได้เป็นคนดูแลคุณเถอะนะ”
“พี่ใหญ่...”
“แต่งงานกับผมนะ กวินธิดา”
“พี่ใหญ่!”
ครั้งนี้ กวินธิดาอุทานเรียกอีกฝ่ายด้วยสีหน้าตื่นตกใจ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อต่อสิ่งที่เพิ่งรับฟัง เมื่อเห็นดวงตาคมเข้มของธราเทพมองมานิ่ง ๆ ราวกับจะยืนยันคำบอกก่อนหน้านี้ ความสับสนและไม่เข้าใจทำให้อดไม่ได้ต้องตั้งคำถาม
“ที่ผ่านมา พี่ใหญ่ไม่เคยต้องการจะแต่งงานกับดานี่คะ แล้วทำไม...”
ธราเทพกำมือทั้งสองข้างแน่นเพื่อข่มกลั้นความรู้สึกที่กำลังพวยพุ่ง ทั้งที่ก่อนมาที่นี่ก็ตั้งใจว่าจะมาบอกความรู้สึกแท้จริงกับเธอ แต่เมื่อถึงเวลาเข้าจริง ๆ กลับพูดไม่ออก หากเมื่อมองสบกับดวงตาคู่งามที่กำลังมองมาอย่างรอคอย เขาก็ตัดสินใจ
ชายหนุ่มเดินไปหยุดยืนตรงหน้าหญิงสาว ก่อนฉวยมือข้างหนึ่งของเธอขึ้นมาแล้วนำไปวางไว้ตรงหน้าอกข้างซ้ายของตนเอง
“เพราะ...ที่ตรงนี้ มีคุณอยู่ในนั้น”
ไม่ต้องใช้เวลานาน กวินธิดาก็เข้าใจถึงความหมายของคำพูดนั้น หญิงสาวน้ำตาเอ่อขณะส่ายหน้าช้า ๆ ราวกับไม่อยากเชื่อ หากนั่นเหมือนจะทำให้คนมองเข้าใจผิด
“ผมคงไม่ได้พูดคำ ๆ นี้กับคุณบ่อยนัก แต่ทุกคำที่ผมพูดออกไป ผมหมายความตามนั้นจริง ๆ ผมอยากให้คุณจดจำคำพูดครั้งนี้ของผมให้ดี กวินธิดา...ผมรักคุณ”
กวินธิดายกมืออีกข้างขึ้นมาปิดปากเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น เมื่อไม่อาจห้ามน้ำตาตัวเองได้อีก ก่อนยอมให้ชายหนุ่มดึงตัวเธอขึ้นไปสวมกอด
“ยกโทษให้ผมนะกวินธิดา ที่ผมรู้ตัวช้าเกินไป”
เสียงร้องไห้ของกวินธิดาคือสิ่งที่ธราเทพได้รับจากการขอให้ยกโทษ ชายหนุ่มยกมืออีกข้างขึ้นลูบไล้เส้นผมยาวสลวยของคนในอ้อมแขนราวกับจะปลอบโยน แต่กลับทำให้หญิงสาวร้องไห้หนักขึ้น
“อย่าร้องได้ไหม ผมใจคอไม่ดี”
คำขอเสียงแผ่วพร่าของคนที่สวมกอดเธอ ทำให้กวินธิดาต้องพยายามหักห้ามน้ำตาตัวเอง ก่อนเงยหน้าขึ้นมองในจังหวะที่ธราเทพก็ก้มลงมองเช่นกัน มนต์ขลังจากดวงตาที่สานสบทำให้คนทั้งคู่ต่างมองกันและกันอยู่เช่นนั้น กระทั่ง...
“ปล่อยลูกสาวของฉันเดี๋ยวนี้!”
คำสั่งเฉียบขาดของคนมาใหม่ ส่งผลให้ทั้งธราเทพและกวินธิดาต่างผละตัวออกห่างจากกันทันที แล้วหันไปมองคนที่เป็นเจ้าของน้ำเสียงเข้ม ๆ นั้น
“คุณพ่อ”
กวินธิดาร้องเรียกออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นหน้าบิดา ในขณะที่ธราเทพยกมือขึ้นไหว้เพื่อนพ่อพลางเอ่ยทัก
“สวัสดีครับคุณลุง”
“มาทำไม”
คุณกวินสวนกลับด้วยการตั้งคำถามเสียงห้วน พลางเขม้นมองอีกฝ่ายด้วยแววตาเข้มขุ่น
“ผมมาขอแต่งงานกับกวินธิดาครับ”
ไม่เพียงคุณกวินจะตกใจจนนิ่งงันไปกับคำตอบนั้น หากกวินธิดาก็เช่นกัน แม้ก่อนหน้าได้ยินธราเทพออกปากแล้วครั้งหนึ่ง แต่เมื่อมาได้ยินอีกครั้งและยังต่อหน้าผู้เป็นพ่อ หญิงสาวก็เริ่มทำอะไรไม่ถูก
“ฉันไม่อนุญาต!”
ธราเทพไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย เมื่อเจอกับประกาศิตของคนที่เขาหมายมั่นจะให้เป็นพ่อตา ชายหนุ่มยังคงนิ่งมองด้วยแววตาฉายชัดถึงความมุ่งมั่น จนคุณกวินต้องเปลี่ยนสายตาไปมองลูกสาวแทน
“ไป...ลูกดา กลับไปห้องทำงานกับพ่อ”
พูดจบ คุณกวินก็ดึงมือลูกสาว แต่ยังไม่ทันขยับจะก้าวจากไป ชายสูงวัยก็หันไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ทางด้านหลังเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้
“ส่วนนาย มาทางไหนก็กลับไปทางนั้น ที่นี่ไม่ต้อนรับ”
“ต้องขอโทษด้วยครับ แต่ผมเป็นแขกของที่นี่ คุณลุงไม่มีสิทธิมาไล่ผม”
คุณกวินสะอึกเมื่อเจอกับคำตอบนั้น แววตาที่มองชายหนุ่มรุ่นลูกวาววับ ก่อนเค้นเสียงกร้าว
“ก็ได้ ในเมื่อนายเป็นแขกของที่นี่ ฉันจะไม่ไล่ แต่นายต้องอยู่ให้ห่างจากลูกสาวฉัน อย่าเข้ามาวุ่นวายกับลูกดา เพราะสถานะตอนนี้ของนายกับลูกของฉันไม่ได้เป็นคู่หมั้นกันอีกแล้ว จำเอาไว้!”
พูดจบ คุณกวินก็ดึงกวินธิดาให้ก้าวออกไปด้วยกัน ทิ้งให้ธราเทพยืนนิ่งงันกับประกาศิตที่เจอ
“คุณพ่อเกลียดพี่ใหญ่เหรอคะ”
คำถามของลูกสาว ภายหลังเข้ามาในห้องทำงาน ทำให้คุณกวินต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนให้คำตอบ
“เปล่าหรอก พ่อไม่ได้เกลียด”
“แล้วทำไม...”
กวินธิดาถามยังไม่ทันจบ คุณกวินก็ชิงแทรก
“พ่อแค่ไม่ชอบในสิ่งที่เขาทำกับลูกของพ่อเท่านั้น”
เห็นลูกสาวทำหน้าเศร้า หัวอกคนเป็นพ่อก็ไม่สบายใจ
“โกรธพ่อหรือเปล่า”
กวินธิดาฝืนยิ้มพลางส่ายหน้าช้า ๆ ก่อนตอบ
“ดาไม่โกรธคุณพ่อหรอกค่ะ เพียงแต่...ดาสงสารพี่ใหญ่”
คำตอบของลูกสาวทำให้คนเป็นพ่อต้องถอนหายใจออกมาอีกเฮือก
“หมอนั่นโชคดีที่ลูกของพ่อมีใจให้”
“พี่ใหญ่ก็เหมือนกันค่ะคุณพ่อ พี่ใหญ่บอกกับดาว่า...พี่ใหญ่...รักดา แล้วก็อยากจะแต่งงานกับดา”
“หืมม์”
คุณกวินทำเสียงในลำคออย่างแปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้ถึงได้ยินธราเทพออกปากขอแต่งงานกับลูกสาวของเขา แต่เขาก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีเหตุผลอีกอย่างซุกซ่อนอยู่
เจ้าใหญ่นี่ ถอดแบบพ่อออกมาจริง ๆ
ชายสูงวัยคิดอยู่ในใจ เมื่อหวนนึกเปรียบเทียบระหว่างทัดเทพ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของตนกับธราเทพ บุคลิกเคร่งขรึม ค่อนข้างเอาจริงเอาจัง ไม่ถนัดเรื่องการแสดงออกนั้น แทบไม่ต่างกันเลยแม้แต่น้อย
“ลูกดา ยังอยากให้โอกาสนายใหญ่อยู่สินะ”
“ดาให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอค่ะ”
“แล้วเวลาที่นายใหญ่ทำให้เสียใจ ลูกไม่เคยโกรธ หรือเกลียดเขาบ้างเลยเหรอ”
“ดารู้สึกแค่เสียใจ แต่ไม่เคยโกรธหรือเกลียดพี่ใหญ่ค่ะ”
เจอกับคำตอบของลูกสาว คนเป็นพ่อก็พูดไม่ออกได้แต่ยกมือขึ้นลูบศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมยาวสลวยของคนเป็นลูก หากก่อนที่กวินธิดาจะเดินกลับไปโต๊ะทำงานของเธอเพื่อทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายคือตรวจสอบบัญชีของรีสอร์ท คุณกวินก็อดไม่ได้ต้องตั้งคำถามออกไป
“บอกพ่อได้ไหม ว่าเพราะอะไรลูกถึงปักใจกับนายใหญ่ขนาดนี้”
กวินธิดานิ่งไปก่อนเปิดยิ้มเศร้า ๆ แล้วให้คำตอบ
“ดาก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าเพราะอะไร รู้เพียงว่าตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นรูปถ่ายของพี่ใหญ่ ดาก็รู้สึกคุ้นเคย มีความสุขและอุ่นใจทุกครั้งแค่เพียงได้มองภาพถ่ายของพี่ใหญ่ คุณพ่อคงคิดว่าดาโง่มากใช่ไหมคะ ที่เฝ้ารักเฝ้ารอคนที่ไม่เคยรับรู้ด้วยซ้ำว่าบนโลกใบนี้ยังมีเราอยู่อีกคน”
“ไม่หรอก ลูกสาวของพ่อไม่ได้โง่”
คุณกวินแย้งอย่างต้องการปลอบใจลูกสาว แล้วจึงนึกถึงคนที่ทำให้ลูกของเขาเป็นเช่นนี้
ธราเทพ
ถ้าจะมีใครสักคนโง่ คนคนนั้นก็น่าจะเป็นหมอนั่นมากกว่า
เพียงก้าวเข้ามาในห้องโถงกลางของบ้านเทพประทาน แล้วเห็นคุณรัมภาเมินหน้าหนีทันทีที่เห็นหน้าเขา ธัญเทพก็นึกรู้ว่าผู้เป็นย่าคงทราบแล้วว่าเขาไม่ได้บาดเจ็บจริง
“ผมขอโทษครับคุณย่า”
ธัญเทพเป็นฝ่ายเปิดปากพูดก่อนหลังจากทรุดตัวลงบนโซฟาเดี่ยวด้านตรงกันข้ามกับผู้เป็นย่า โดยมีธรณ์เทพนั่งบนโซฟาเดี่ยวอีกตัวที่อยู่ใกล้ ๆ
คุณรัมภาหันมามองหลานชายคนรองด้วยแววตาบอกถึงความเสียใจและผิดหวัง หากยังคงปิดปากเงียบไม่พูดอะไร
“ผมรู้ว่าผมทำผิดที่วางแผนมาหลอกคุณย่า แต่...ผมคิดถึงบัว ผมอยากพบเธอ”
“เพราะอย่างนั้น แกก็เลยต้องหลอกย่าสินะ แล้วแกไม่คิดบ้างเหรอว่าย่าจะตกใจแค่ไหนตอนที่รู้ข่าวจากตาเจษ...”
ราวกับชื่อของชายหนุ่มอีกคนจะทำให้หญิงชรานึกอะไรได้ ดวงตาฝ้าฟางหรี่ลงขณะเอ่ยต่อ
“ตาเจษก็คงร่วมมือกับแกด้วยใช่ไหม”
“ครับ แต่คุณย่าอย่าไปโกรธไอ้เจษเลย มันจำเป็นต้องร่วมมือกับผมเพราะขัดไม่ได้”
“นั่นสินะ ย่าน่าจะเดาได้ โรงพยาบาลนั่นก็เป็นของพ่อตาเจษนี่นะ”
ในขณะที่หลานชายก้มหน้านิ่งราวกับยอมรับ คุณรัมภาก็ถอนหายใจออกมาราวกับจะปลง ก่อนบอกเสียงเรียบ
“หนูบัวเขาฝากให้ย่ามาบอกแก”
เห็นแววตากระตือรือร้นของธัญเทพ คุณรัมภาก็สะท้อนใจเมื่อนึกถึงสิ่งที่จะต้องเอ่ยต่อ
“เขาขอให้เรื่องระหว่างแกกับเขาจบกันเท่านี้”
ธัญเทพรู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้น ลำคอแห้งผากจนไม่มีแม้กระทั่งเสียงจะเปล่งออกไปเพื่อคัดค้าน ได้แต่มองผู้เป็นย่าด้วยแววตาร้าวรานเสียจนหญิงชราต้องเมินหลบด้วยความสะเทือนใจ
“คุณย่ารู้ใช่ไหมครับว่าบัวอยู่ที่ไหน ถ้ายังไงลองให้พี่กลางไปพูดกับเธออีกทีดีไหมครับ เผื่อเธอจะใจอ่อน”
ธรณ์เทพช่วยพูดแทนเพราะนึกสงสารกับสภาพที่เหมือนหมดอาลัยตาอยากของธัญเทพ ก่อนหันไปยิ้มให้กำลังใจเมื่อคนเป็นพี่มองมาด้วยสายตาแทนคำขอบคุณ
“แต่...ย่ารับปากหนูบัวแล้วว่าจะไม่บอกที่อยู่ของเขาให้กับตากลาง”
“ถ้าอย่างนั้น คุณย่าก็ไม่ต้องบอกพี่กลาง แต่มาบอกผมแทนสิครับ”
ข้อเสนอของหลานชายคนเล็กได้รับอาการมองค้อนนิด ๆ จากคนเป็นย่า ก่อนตามด้วยน้ำเสียงบอกถึงความหมั่นไส้
“ตาเล็ก แกนี่ชักจะเจ้าเล่ห์ใหญ่แล้วนะ”
คนถูกกล่าวหาว่าเจ้าเล่ห์ส่งเสียงหัวเราะร่วนราวกับชอบใจ ก่อนเอ่ยต่อเสียงระรื่น
“แต่ถ้าคุณย่ายังไม่สบายใจ จะเปลี่ยนเป็นเขียนแผนที่บอกผมก็ได้นะครับ”
คุณรัมภาเขม้นมองหลานชายคนเล็กอย่างนึกขวางปนหมั่นไส้ ก่อนที่ความเวทนาจะท่วมท้นความรู้สึกเมื่อมองต่อไปยังหลานชายคนรอง
“ผมรู้ครับ ว่าที่ผ่านมาผมทำไม่ดีกับบัว บางที...ผมอาจไม่คู่ควรกับบัวด้วยซ้ำ แต่...คุณย่าครับ ถ้าไม่มีบัว ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ของผมก็คงไม่มีความหมาย”
หญิงชราฟังคำสารภาพของหลานชายคนรองด้วยความรู้สึกปลอดโปร่งใจ แม้ไม่มีคำว่ารักหลุดออกมาจากปาก หากความหมายที่สื่อออกมา มันก็เกินพอ
“เอาเถอะ ไว้แกขอที่อยู่หนูบัวกับตาเล็กก็แล้วกัน”
แววตาของธัญเทพเป็นประกายอย่างมีชีวิตชีวาทันทีที่ฟังคำผู้เป็นย่าจบ ก่อนกระทำในสิ่งที่ใครคาดไม่ถึงด้วยการทรุดตัวลงบนพื้นพรมแล้วพนมมือไหว้ลงบนตักของคุณรัมภา
“ผมขอโทษสำหรับสิ่งไม่ดีที่ทำกับคุณย่า ขอบคุณครับ...สำหรับโอกาสที่จะให้ผมได้แก้ตัวกับบัวอีกครั้ง”
คุณรัมภาเพียงแต่ยิ้มกับคำบอกนั้น มือเหี่ยวย่นถูกยื่นไปลูบหลังไหล่ของคนเป็นหลานด้วยความรักที่มีในใจ ก่อนน้ำตาซึมกับคำพูดประโยคต่อมาของหลานชายคนรอง
“ขอบคุณนะครับคุณย่า ที่ส่งบัวเข้ามาในชีวิตของผม ผมโชคดีที่เกิดมาเป็นหลานชายของคุณย่า”
“ตากลาง...”
ธรณ์เทพมองภาพของย่ากับพี่ชายที่กำลังสวมกอดกันด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ ถึงแม้ดวงตาจะออกแดงนิด ๆ จากความซาบซึ้งกับสิ่งที่เห็น ก่อนภาวนาอยู่ในใจ
สาธุ...ขอให้หนูบัวของคุณย่าใจอ่อนยอมยกโทษให้กับพี่ชายของเขาด้วยเถอะ ไม่อย่างนั้น พี่ชายของเขาคงไม่มีความสุขกับชีวิตที่เหลืออีกเลย
********************
สวัสดีค่ะ พันวลีเอานิยายตอนใหม่มาส่งแล้วค่ะ แต่..สำหรับวันนี้มาแค่ตอนเดียวนะคะ เพราะช่วงนี้สมองทึบ ๆ ตัน ๆ ชอบกล อยากแต่งให้ได้ทุกวันก็ทำไมได้ แต่จะพยายามไม่ทิ้งช่วงจนนานเกินค่ะ..แล้วก็ ขอขอบคุณเพื่อน ๆ นักอ่านทุกท่านด้วยค่ะที่เป็นห่วงสุขภาพของคนแต่ง ตอนนี้หายป่วย สุขภาพดีเหมือนเดิมแล้วค่ะ
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์และโหวต Like ที่กดให้กันค่ะ
ปอยอะนะ : ขอโทษนะคะที่ทำให้รอนาน รู้ว่าคนอ่านดีใจที่ได้อ่าน คนแต่งก็มีความสุขค่ะ
รัชต์ : นายกลางบ่มิไก๊จริงล่ะค่ะ
nunoi : ขอบคุณค่ะ...นายกลางไม่ยอมปล่อยบัวไปหรอกค่ะ เพราะกำลังคิดจะไปตามถึงบ้านแล้ว
wane : ขอบคุณค่ะ
หมูอ้วน : ขอบคุณค่ะ...อย่างที่คุณหมูอ้วนบอกล่ะค่ะ นายกลางนี่ต้องให้คุณย่าช่วยจริง ๆ
kaero : ขอบคุณค่ะ...เรื่องนายกลางเนี่ยดูท่าจะยากกว่าเดิมจริง ๆ ล่ะค่ะ
เพลา : ขอบคุณค่ะ...จะร่วมด้วยช่วยกันสมน้ำหน้านายกลางอีกคนดีไหมหนอ หุ หุ
XaWarZd : ขอบคุณค่ะ..อยากเห็นพี่ใหญ่เจ็บก็ต้องรออีกนิดค่ะ (แหะ แหะ แต่แอบกลัวนิด ๆ ว่าพี่ใหญ่จะเจ็บได้ไม่สะใจคุณ XaWarZd)
anOO : ขอบคุณค่ะ...นายกลางคงคิดอะไรไม่ออกนอกจากวิธีนี้มั้งคะ แบบว่าความคิดถึงมันล้นอก อยากพบบัวใจจะขาดแล้ว หุ หุ
saralun : ขอบคุณค่ะ เอาตอนใหม่มาส่งแล้วค๊า
silverraindrop : ขอบคุณสำหรับความคิดถึงและความเป็นห่วงที่มีให้กันค่ะ...เรื่องหนูบัวเนี่ย อาจต้องใช้เวลาสักหน่อยค่ะ
dedy : ขอบคุณค่ะ
หญิงใหญ่ : ถึงตอนนี้พี่กลางจะน่าสงสาร แต่จะให้หนูบัวยอมดีด้วยง่าย ๆ นี่ก็คงลำบากค่ะเพราะพี่กลางทำร้ายจิตใจหนูบัวก่อน
nook : ขอบใจสำหรับการบ้านเน้อ..
katay : รับทราบและขอบคุณค๊า ^__^
Setia : แต่เหล็กกล้าก็อาจหลอมละลายด้วยไฟรักนะคะ (หุ หุ เลี่ยนได้อีกแฮะเรา)
kaze : ขอบคุณค่ะ
violette : ขอบคุณค๊า...แอบขำความเป็นห่วงของคนอ่านว่าพี่ใหญ่ว่าจะเจ็บไม่เท่าพี่กลาง หุ หุ คนแต่งจะห่วงพี่ใหญ่ดีมั๊ยเนี่ย 555
ป้าภา : ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงค่ะ
nickelodeon : 555 พี่กลางเนี่ยยังโชคดีที่มีคนสงสาร ส่วนมากมีแต่สมน้ำหน้าทั้งน้านนนนนน
แพม : นายกลางคงมัวแต่คิดว่าจะเจอบัวค่ะ ก็เลยไม่ทันคิดเรื่องคุณย่า
LAM : ขอบคุณค่ะ...หนูบัวต้องใจแข็งหน่อยล่ะค่ะ ก็ถูกพี่กลางทำร้ายจิตใจซะขนาดนั้น
สุดท้าย เธอก็ยังถูกเขาหลอกอีกจนได้
บัวบุษบาบอกกับตัวเองอย่างเจ็บปวดใจ ขณะสาวเท้าไปตามทางเดินโล่ง ๆ ปราศจากผู้คน โดยมีจุดหมายคือลิฟท์ที่จะนำเธอลงไปชั้นล่าง ขณะเดียวกันก็ยกมือขึ้นมาป้ายน้ำตาที่ไหลไม่ยอมหยุด
ไม่เจอเขา เธอก็คิดถึง แต่พอได้เจอ เธอก็เจ็บปวด
หญิงสาวพยายามกลั้นสะอื้น พลางฝืนปรับสีหน้าสีตาให้เป็นปกติเมื่อเดินมาใกล้เคาน์เตอร์ซึ่งมีพยาบาลนั่งอยู่สองคน ก่อนจะเดินไปหยุดตรงหน้าลิฟท์ตัวที่อยู่ฝั่งซ้าย หากยังไม่ทันยื่นมือไปกดปุ่มเรียก ประตูลิฟท์ก็เปิดออกมาเผยให้เห็นหญิงชายคู่หนึ่ง
“เรามากันแต่เช้าแบบนี้ ไม่รู้พี่กลางจะตื่นหรือยังนะพี่เล็ก”
คำพูดของฝ่ายหญิงซึ่งโดยสารลิฟท์มาขณะก้าวออกจากตัวลิฟท์ ส่งผลให้บัวบุษบาชะงักแล้วหันไปมอง จึงทันได้เห็นฝ่ายชายซึ่งในมือข้างหนึ่งนั้นหิ้วถุงพลาสติกบรรจุผลไม้ กำลังตอบโต้กับหญิงสาวข้างตัว
“ถ้าพี่กลางยังไม่ตื่น งั้นเราสองคนมากินผลไม้นี่ให้หมดเลยดีไหม”
“บ้าเหรอพี่เล็ก นี่เป็นผลไม้ที่แก้วตั้งใจซื้อมาให้พี่กลางนะ”
นั่นคือเสียงของฝ่ายหญิงที่บัวบุษบาได้ยิน ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินห่างออกไป
ถ้าเข้าใจไม่ผิด นั่นคงจะเป็นหลานชายคนเล็กของคุณย่าสินะ
บัวบุษบาบอกกับตัวเอง ก่อนหักใจก้าวเข้าไปในลิฟท์ ทิ้งทุกอย่างเอาไว้ทางเบื้องหลัง
ฝ่ายธรณ์เทพและแก้วใส เมื่อทั้งคู่เปิดประตูห้องพักผู้ป่วยเข้าไป คนทั้งสองก็ได้เห็นว่าคนที่ตั้งใจมาเยี่ยมนั้นกำลังนั่งเอามือกุมขมับอยู่บนโซฟาตัวยาวที่ตั้งชิดกับผนังห้อง
“พี่กลางเป็นอะไร”
ธรณ์เทพออกปากพลางปรี่ไปนั่งข้าง ๆ พี่ชายด้วยความเป็นห่วง ในขณะที่แก้วใสเพียงแต่ยืนมองด้วยสายตาเป็นกังวล
“พี่ไม่ได้เป็นอะไร”
“แล้วทำไมมานั่งตรงนี้ ไม่ไปนอนพักบนเตียงล่ะ”
ธัญเทพถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วจึงเบนความสนใจของน้องชายด้วยการหันไปมองแก้วใสพลางฝืนยิ้มตอบเมื่อเห็นหญิงสาวส่งยิ้มมาให้
“ไง...สบายดีหรือเปล่าแก้ว พี่รู้สึกเหมือนไม่ได้เจอกับแก้วมานานเลยนะ ทั้งที่บ้านเราก็อยู่ติดกันแท้ ๆ”
“แก้วสบายดีค่ะพี่กลาง นี่คุณพ่อกับคุณแม่ก็ฝากให้แก้วมาเยี่ยมพี่กลางด้วยนะคะ ท่านทั้งสองเป็นห่วงพี่กลางมากเลย”
“พี่นี่แย่จริง ทำให้คุณอาทั้งสองพลอยไม่สบายใจไปด้วย”
เงียบไปครู่ ธัญเทพก็ทำให้คนร่วมห้องทั้งสองต่างพากันงงเมื่อได้ยินคำบอกของเขา
“เอาล่ะ พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”
“ห๊ะ! กลับบ้านเหรอพี่กลาง”
“ใช่ กลับบ้าน”
คำยืนยันของคนเป็นพี่ ทำให้ธรณ์เทพต้องหรี่ตามองอย่างครุ่นคิด ก่อนออกปากตรงกับใจ
“พี่กลางไม่ได้ประสบอุบัติเหตุจริง ๆ ใช่ไหม”
อาการพยักหน้ายอมรับของธัญเทพ ส่งผลให้แก้วใสทำหน้าเหวออย่างแปลกใจ หากธรณ์เทพดูไม่ค่อยประหลาดใจนัก
“พี่เจษก็ร่วมมือกับพี่ด้วยสินะ”
เมื่อเห็นพี่ชายพยักหน้าอีกครั้งธรณ์เทพก็ถอนหายใจ ก่อนตั้งคำถามสุดท้ายเสียงแผ่วราวกับเกรงจะกระทบกระเทือนจิตใจคนฟัง
“ทั้งหมดนี่เป็นเพราะผู้หญิงที่ชื่อบัวใช่ไหม”
ธัญเทพปิดเปลือกตาลงอย่างยอกแสลง เมื่อคำถามนั้นดึงเอาภาพของบัวบุษบาให้หวนกลับมาในความคิดคำนึงอีกครั้ง หัวใจเจ็บปวดไปหมดเมื่อถูกตอกย้ำด้วยภาพที่หญิงสาวกำลังร่ำไห้
เขามันก็ดีแต่ทำให้เธอร้องไห้
ชายหนุ่มต่อว่าตัวเอง ก่อนลืมตาขึ้นมาให้คำตอบ
“ใช่ ทั้งหมดที่พี่ทำลงไป ก็เพื่อจะให้บัวกลับมา แต่...สุดท้ายพี่ก็ทำให้เขาเสียใจอยู่ดี”
“หมายความว่ายังไงครับ หรือว่า...เขามาหาพี่แล้ว”
“ใช่...บัวมาหาพี่แล้ว และ...ไปแล้ว”
เสียงพร่าสั่นในตอนท้ายของธัญเทพ ส่งผลให้ทั้งธรณ์เทพและแก้วใสต่างพากันนิ่งอึ้งเมื่อจับได้ถึงกระแสของความเจ็บปวดและขมขื่นของอีกฝ่าย หากคนทั้งคู่ก็ไม่อาจทำอะไรได้มากไปกว่านิ่งมองธัญเทพด้วยแววตาที่บอกถึงความสงสารและเห็นใจ
ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งซึ่งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศ
หลังจากตื่นนอน ธราเทพก็อาบน้ำแต่งตัวเพื่อออกเดินทางไปยังบ้านของคุณกวิน ด้วยความตั้งใจจะไปพบกับกวินธิดา ทว่า ขณะกำลังเดินไปถึงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ เขาก็ได้พบกับคนที่กำลังตั้งใจจะไปหา
“กวินธิดา”
กวินธิดาหันไปมองเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูเรียกชื่อของเธอ ก่อนเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนเรียก
“พี่ใหญ่!”
ในขณะที่กวินธิดายืนตัวแข็งอย่างตกใจและคาดไม่ถึงกับการปรากฏตัวอย่างไม่คาดฝันของเขา ธราเทพก็เป็นฝ่ายก้าวเข้าไปหาในขณะที่สายตาไม่คลาดไปจากใบหน้าหวานของหญิงสาว กระทั่งไปหยุดยืนตรงหน้าเธอ
หญิงสาวน้ำตาซึมด้วยความรู้สึกหลากหลายในหัวใจ ความคิดถึงที่ติดตัวเธอนับจากวันที่ออกมาจากบ้านเทพประทานเริ่มออกฤทธิ์ หากขณะเดียวกัน ความดีใจและโหยหาก็ทำให้เธออยากโผเข้าไปหาเพื่อซึมซับถึงความมีตัวตนของอีกฝ่าย ทว่า ความน้อยใจและขมขื่นที่ไม่เคยจางหายก็บังคับให้ยืนนิ่งอยู่กับที่ ขณะหลุดปากถามออกไปด้วยความสับสนที่เกิดขึ้นในหัวใจ
“พี่ใหญ่...มาทำไมคะ”
“คิดถึง”
กวินธิดาอยากคิดว่าเธอกำลังฝัน หากเมื่อมองผู้ชายตรงหน้า เธอก็มั่นใจว่าไม่ได้ฝันไป คนหน้าขรึม ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มบนใบหน้า ยังคงเป็นคนเดิมและคนเดียวที่มีตัวตนชัดเจนอยู่ในหัวใจของเธอมาตลอด
“พี่ใหญ่...คิดถึงใครเหรอคะ”
บางอย่างในหัวใจ ทำให้กวินธิดาอดไม่ได้ต้องตั้งคำถามที่ดูเหมือนโง่ ๆ แล้วก็นึกกลัวว่าเธออาจทำให้เขารำคาญ แต่ไม่มีแม้แต่ความขัดเคือง หรือรำคาญใด ๆ ปรากฏบนใบหน้าคมสัน นอกจากความสงบนิ่งและมุ่งมั่นในดวงตาคมเข้มสีนิล
“ผมคิดถึงคุณ”
คำตอบที่สื่อความหมายตรงตัวอย่างชัดเจน ส่งผลให้หัวตาคนฟังร้อนผ่าว ก่อนยกมือขึ้นปิดปากที่กำลังสั่นระริกแล้วเดินไปจากที่ตรงนั้นอย่างรวดเร็วด้วยไม่อยากให้ใครเห็นความอ่อนแอ
หากเพียงไม่กี่ก้าว ธราเทพก็ก้าวตามทันจนเดินไปดักหน้ากวินธิดาเอาไว้ เมื่อเห็นดวงตาคู่สวยที่เอ่อคลอหยาดน้ำใสจวนเจียนจะหยด เขาก็นิ่งไปจนคนถูกมองต้องฝืนหักห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลด้วยการตั้งคำถามเสียงสั่น
“พี่ใหญ่ต้องการอะไรคะ”
“ผมมีเรื่องจะพูดกับคุณ”
พูดจบ ธราเทพก็เดินนำออกไปโดยไม่เปิดโอกาสให้กวินธิดาคัดค้าน ในขณะที่หญิงสาวลังเลใจครู่หนึ่ง ความสงสัยใคร่รู้เข้ามาแทนที่ความน้อยใจที่มี กระทั่งตัดสินใจก้าวตามคนข้างหน้าไปเงียบ ๆ จนมาถึงบ้านพักหลังหนึ่งที่อยู่ด้านในสุด
ร่างสูงเดินนำไปจนถึงชานระเบียงหน้าบ้าน ก่อนหยุดแล้วหันมามอง ทำให้ร่างเล็ก ๆ ที่ก้าวตามมาตลอดต้องพลอยหยุดตาม
“นั่งสิ”
คำสั่งที่ถูกสำทับด้วยการตวัดตามองไปยังม้านั่งตัวยาวทำให้กวินธิดาจำต้องทำตาม ก่อนใจสั่นเมื่อเห็นคนออกคำสั่งยืนมองมานิ่ง ๆ ด้วยแววตาทอประกายประหลาด
ทำไมหนอ คนที่กำลังมองเธอด้วยแววตาอบอุ่นและอ่อนโยนอยู่ตอนนี้ ดูราวกับไม่ใช่พี่ใหญ่คนเดิม
กวินธิดาได้แต่เก็บงำความคิดของตัวเองเอาไว้ ในขณะที่ออกปากถาม
“พี่ใหญ่มีอะไรจะพูดกับดาเหรอคะ”
ธราเทพนิ่งมองคนตั้งคำถามครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินไปยืนเกาะขอบระเบียงข้าง ๆ ม้านั่งกวินธิดา โดยมีหญิงสาวเฝ้ามองตาม ในขณะที่ชายหนุ่มทอดสายตามองตรงไปข้างหน้า แล้วเริ่มต้นพูด
“ตั้งแต่เด็ก การเตรียมตัวเรียนรู้และศึกษาเกี่ยวกับธุรกิจของครอบครัวคือสิ่งที่ผมคุ้นชินมาตลอด เพราะคุณพ่อของผมท่านตั้งความหวังเอาไว้มาก ในเรื่องที่จะให้ผมเป็นผู้สืบทอดและเป็นผู้นำของครอบครัว แทนที่ท่านในอนาคต ในขณะที่ผมเองก็รู้สึกว่าการที่คุณพ่อเรียกตัวเข้าไปในห้องทำงานเพื่อรับฟังข้อมูลและขั้นตอนในการทำงานคือส่วนหนึ่งของชีวิตไปโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นเมื่อถึงวันที่ผมต้องเข้าไปบริหารงานในบริษัทอย่างเต็มตัว ผมจึงไม่รู้สึกว่ามันเป็นปัญหามากนัก”
ฟังธราเทพออกปากเล่าเรื่องราวของเขาแค่นั้น กวินธิดาก็พลันรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบเมื่อนึกวาดภาพเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ซึ่งน่าจะมีโอกาสไปเที่ยวเล่นสนุกตามประสา แต่กลับต้องไปนั่งศึกษาและเรียนรู้ในสิ่งที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็กในวัยนั้นจะพึงได้รับ
หรือเป็นเพราะสิ่งที่ได้รับตั้งแต่วัยเด็ก ส่งผลให้เขากลายเป็นคนเคร่งขรึม เอาจริงเอาจังจนดูเหมือนไม่ยอมผ่อนปรนต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
กวินธิดาคิดอย่างเศร้าใจ ขณะที่หูก็รับฟังเรื่องเล่าของอีกฝ่ายต่อด้วยท่าทีนิ่งสงบ
“ผมอยากให้คุณเข้าใจนะกวินธิดา ที่ผ่านมาผมเคยชินต่อการจัดการทุกเรื่องด้วยตัวเองมาตลอด เคยชินต่อการบริหารงานที่อยู่ภายใต้การควบคุมของตัวเอง ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำใจให้ยอมรับกับการจะต้องถูกคุณย่ามาควบคุมในเรื่องที่สำคัญของชีวิต แม้ที่ผ่านมาคุณย่าจะชอบบงการให้ผมและน้องชายทำตามที่ท่านต้องการ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตเกินกว่าผมและน้อง ๆ จะสามารถทำได้ พวกเราจึงไม่อยากขัดใจท่าน แต่...สำหรับเรื่องของคุณ ผมยอมรับว่าตอนแรก ผมจำใจต้องยอมรับเพราะส่วนหนึ่งเกิดจากเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องนอนของผม และส่วนหนึ่งจากสายสัมพันธ์ระหว่างผมกับคุณพ่อของคุณ เพราะอย่างนี้ ลึก ๆ ในใจของผมจึงไม่อยากยอมรับคุณนัก”
เหมือนถูกตอกย้ำความน้อยใจที่เคยมี กวินธิดาน้ำตาซึมออกมาอีกครั้ง ในขณะที่ธราเทพยังคงไม่หันกลับมามอง ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่ทันเห็น
“ผมพยายามกันคุณออกห่าง ทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้คุณเข้ามาใกล้ แต่ยิ่งทำอย่างนั้นดูเหมือนจะยิ่งให้ผลตรงกันข้าม”
ชายหนุ่มจบคำพูดนั้นด้วยเสียงถอนหายใจ ก่อนหันกลับไปมองคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง
“ผมไม่ใช่คนพูดเก่ง ยิ่งเรื่องแสดงออกทางความรู้สึกก็ทำได้ไม่ดีนัก แต่ผมอยากบอกให้คุณรู้ หลายครั้งที่ผมทำให้คุณเสียใจ ผมเองก็เสียใจไม่แพ้กัน คำว่าขอโทษมันคงไม่มากพอที่จะทดแทนกับหลาย ๆ สิ่งที่ผมทำให้คุณเสียใจและเสียน้ำตา แต่ผมก็ยังอยากขอโทษและขอโอกาสอีกสักครั้ง ถ้าคุณคิดว่าผมไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป ก็ขอให้ผมได้เป็นคนดูแลคุณเถอะนะ”
“พี่ใหญ่...”
“แต่งงานกับผมนะ กวินธิดา”
“พี่ใหญ่!”
ครั้งนี้ กวินธิดาอุทานเรียกอีกฝ่ายด้วยสีหน้าตื่นตกใจ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อต่อสิ่งที่เพิ่งรับฟัง เมื่อเห็นดวงตาคมเข้มของธราเทพมองมานิ่ง ๆ ราวกับจะยืนยันคำบอกก่อนหน้านี้ ความสับสนและไม่เข้าใจทำให้อดไม่ได้ต้องตั้งคำถาม
“ที่ผ่านมา พี่ใหญ่ไม่เคยต้องการจะแต่งงานกับดานี่คะ แล้วทำไม...”
ธราเทพกำมือทั้งสองข้างแน่นเพื่อข่มกลั้นความรู้สึกที่กำลังพวยพุ่ง ทั้งที่ก่อนมาที่นี่ก็ตั้งใจว่าจะมาบอกความรู้สึกแท้จริงกับเธอ แต่เมื่อถึงเวลาเข้าจริง ๆ กลับพูดไม่ออก หากเมื่อมองสบกับดวงตาคู่งามที่กำลังมองมาอย่างรอคอย เขาก็ตัดสินใจ
ชายหนุ่มเดินไปหยุดยืนตรงหน้าหญิงสาว ก่อนฉวยมือข้างหนึ่งของเธอขึ้นมาแล้วนำไปวางไว้ตรงหน้าอกข้างซ้ายของตนเอง
“เพราะ...ที่ตรงนี้ มีคุณอยู่ในนั้น”
ไม่ต้องใช้เวลานาน กวินธิดาก็เข้าใจถึงความหมายของคำพูดนั้น หญิงสาวน้ำตาเอ่อขณะส่ายหน้าช้า ๆ ราวกับไม่อยากเชื่อ หากนั่นเหมือนจะทำให้คนมองเข้าใจผิด
“ผมคงไม่ได้พูดคำ ๆ นี้กับคุณบ่อยนัก แต่ทุกคำที่ผมพูดออกไป ผมหมายความตามนั้นจริง ๆ ผมอยากให้คุณจดจำคำพูดครั้งนี้ของผมให้ดี กวินธิดา...ผมรักคุณ”
กวินธิดายกมืออีกข้างขึ้นมาปิดปากเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น เมื่อไม่อาจห้ามน้ำตาตัวเองได้อีก ก่อนยอมให้ชายหนุ่มดึงตัวเธอขึ้นไปสวมกอด
“ยกโทษให้ผมนะกวินธิดา ที่ผมรู้ตัวช้าเกินไป”
เสียงร้องไห้ของกวินธิดาคือสิ่งที่ธราเทพได้รับจากการขอให้ยกโทษ ชายหนุ่มยกมืออีกข้างขึ้นลูบไล้เส้นผมยาวสลวยของคนในอ้อมแขนราวกับจะปลอบโยน แต่กลับทำให้หญิงสาวร้องไห้หนักขึ้น
“อย่าร้องได้ไหม ผมใจคอไม่ดี”
คำขอเสียงแผ่วพร่าของคนที่สวมกอดเธอ ทำให้กวินธิดาต้องพยายามหักห้ามน้ำตาตัวเอง ก่อนเงยหน้าขึ้นมองในจังหวะที่ธราเทพก็ก้มลงมองเช่นกัน มนต์ขลังจากดวงตาที่สานสบทำให้คนทั้งคู่ต่างมองกันและกันอยู่เช่นนั้น กระทั่ง...
“ปล่อยลูกสาวของฉันเดี๋ยวนี้!”
คำสั่งเฉียบขาดของคนมาใหม่ ส่งผลให้ทั้งธราเทพและกวินธิดาต่างผละตัวออกห่างจากกันทันที แล้วหันไปมองคนที่เป็นเจ้าของน้ำเสียงเข้ม ๆ นั้น
“คุณพ่อ”
กวินธิดาร้องเรียกออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นหน้าบิดา ในขณะที่ธราเทพยกมือขึ้นไหว้เพื่อนพ่อพลางเอ่ยทัก
“สวัสดีครับคุณลุง”
“มาทำไม”
คุณกวินสวนกลับด้วยการตั้งคำถามเสียงห้วน พลางเขม้นมองอีกฝ่ายด้วยแววตาเข้มขุ่น
“ผมมาขอแต่งงานกับกวินธิดาครับ”
ไม่เพียงคุณกวินจะตกใจจนนิ่งงันไปกับคำตอบนั้น หากกวินธิดาก็เช่นกัน แม้ก่อนหน้าได้ยินธราเทพออกปากแล้วครั้งหนึ่ง แต่เมื่อมาได้ยินอีกครั้งและยังต่อหน้าผู้เป็นพ่อ หญิงสาวก็เริ่มทำอะไรไม่ถูก
“ฉันไม่อนุญาต!”
ธราเทพไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย เมื่อเจอกับประกาศิตของคนที่เขาหมายมั่นจะให้เป็นพ่อตา ชายหนุ่มยังคงนิ่งมองด้วยแววตาฉายชัดถึงความมุ่งมั่น จนคุณกวินต้องเปลี่ยนสายตาไปมองลูกสาวแทน
“ไป...ลูกดา กลับไปห้องทำงานกับพ่อ”
พูดจบ คุณกวินก็ดึงมือลูกสาว แต่ยังไม่ทันขยับจะก้าวจากไป ชายสูงวัยก็หันไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ทางด้านหลังเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้
“ส่วนนาย มาทางไหนก็กลับไปทางนั้น ที่นี่ไม่ต้อนรับ”
“ต้องขอโทษด้วยครับ แต่ผมเป็นแขกของที่นี่ คุณลุงไม่มีสิทธิมาไล่ผม”
คุณกวินสะอึกเมื่อเจอกับคำตอบนั้น แววตาที่มองชายหนุ่มรุ่นลูกวาววับ ก่อนเค้นเสียงกร้าว
“ก็ได้ ในเมื่อนายเป็นแขกของที่นี่ ฉันจะไม่ไล่ แต่นายต้องอยู่ให้ห่างจากลูกสาวฉัน อย่าเข้ามาวุ่นวายกับลูกดา เพราะสถานะตอนนี้ของนายกับลูกของฉันไม่ได้เป็นคู่หมั้นกันอีกแล้ว จำเอาไว้!”
พูดจบ คุณกวินก็ดึงกวินธิดาให้ก้าวออกไปด้วยกัน ทิ้งให้ธราเทพยืนนิ่งงันกับประกาศิตที่เจอ
“คุณพ่อเกลียดพี่ใหญ่เหรอคะ”
คำถามของลูกสาว ภายหลังเข้ามาในห้องทำงาน ทำให้คุณกวินต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนให้คำตอบ
“เปล่าหรอก พ่อไม่ได้เกลียด”
“แล้วทำไม...”
กวินธิดาถามยังไม่ทันจบ คุณกวินก็ชิงแทรก
“พ่อแค่ไม่ชอบในสิ่งที่เขาทำกับลูกของพ่อเท่านั้น”
เห็นลูกสาวทำหน้าเศร้า หัวอกคนเป็นพ่อก็ไม่สบายใจ
“โกรธพ่อหรือเปล่า”
กวินธิดาฝืนยิ้มพลางส่ายหน้าช้า ๆ ก่อนตอบ
“ดาไม่โกรธคุณพ่อหรอกค่ะ เพียงแต่...ดาสงสารพี่ใหญ่”
คำตอบของลูกสาวทำให้คนเป็นพ่อต้องถอนหายใจออกมาอีกเฮือก
“หมอนั่นโชคดีที่ลูกของพ่อมีใจให้”
“พี่ใหญ่ก็เหมือนกันค่ะคุณพ่อ พี่ใหญ่บอกกับดาว่า...พี่ใหญ่...รักดา แล้วก็อยากจะแต่งงานกับดา”
“หืมม์”
คุณกวินทำเสียงในลำคออย่างแปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้ถึงได้ยินธราเทพออกปากขอแต่งงานกับลูกสาวของเขา แต่เขาก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีเหตุผลอีกอย่างซุกซ่อนอยู่
เจ้าใหญ่นี่ ถอดแบบพ่อออกมาจริง ๆ
ชายสูงวัยคิดอยู่ในใจ เมื่อหวนนึกเปรียบเทียบระหว่างทัดเทพ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของตนกับธราเทพ บุคลิกเคร่งขรึม ค่อนข้างเอาจริงเอาจัง ไม่ถนัดเรื่องการแสดงออกนั้น แทบไม่ต่างกันเลยแม้แต่น้อย
“ลูกดา ยังอยากให้โอกาสนายใหญ่อยู่สินะ”
“ดาให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอค่ะ”
“แล้วเวลาที่นายใหญ่ทำให้เสียใจ ลูกไม่เคยโกรธ หรือเกลียดเขาบ้างเลยเหรอ”
“ดารู้สึกแค่เสียใจ แต่ไม่เคยโกรธหรือเกลียดพี่ใหญ่ค่ะ”
เจอกับคำตอบของลูกสาว คนเป็นพ่อก็พูดไม่ออกได้แต่ยกมือขึ้นลูบศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมยาวสลวยของคนเป็นลูก หากก่อนที่กวินธิดาจะเดินกลับไปโต๊ะทำงานของเธอเพื่อทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายคือตรวจสอบบัญชีของรีสอร์ท คุณกวินก็อดไม่ได้ต้องตั้งคำถามออกไป
“บอกพ่อได้ไหม ว่าเพราะอะไรลูกถึงปักใจกับนายใหญ่ขนาดนี้”
กวินธิดานิ่งไปก่อนเปิดยิ้มเศร้า ๆ แล้วให้คำตอบ
“ดาก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าเพราะอะไร รู้เพียงว่าตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นรูปถ่ายของพี่ใหญ่ ดาก็รู้สึกคุ้นเคย มีความสุขและอุ่นใจทุกครั้งแค่เพียงได้มองภาพถ่ายของพี่ใหญ่ คุณพ่อคงคิดว่าดาโง่มากใช่ไหมคะ ที่เฝ้ารักเฝ้ารอคนที่ไม่เคยรับรู้ด้วยซ้ำว่าบนโลกใบนี้ยังมีเราอยู่อีกคน”
“ไม่หรอก ลูกสาวของพ่อไม่ได้โง่”
คุณกวินแย้งอย่างต้องการปลอบใจลูกสาว แล้วจึงนึกถึงคนที่ทำให้ลูกของเขาเป็นเช่นนี้
ธราเทพ
ถ้าจะมีใครสักคนโง่ คนคนนั้นก็น่าจะเป็นหมอนั่นมากกว่า
เพียงก้าวเข้ามาในห้องโถงกลางของบ้านเทพประทาน แล้วเห็นคุณรัมภาเมินหน้าหนีทันทีที่เห็นหน้าเขา ธัญเทพก็นึกรู้ว่าผู้เป็นย่าคงทราบแล้วว่าเขาไม่ได้บาดเจ็บจริง
“ผมขอโทษครับคุณย่า”
ธัญเทพเป็นฝ่ายเปิดปากพูดก่อนหลังจากทรุดตัวลงบนโซฟาเดี่ยวด้านตรงกันข้ามกับผู้เป็นย่า โดยมีธรณ์เทพนั่งบนโซฟาเดี่ยวอีกตัวที่อยู่ใกล้ ๆ
คุณรัมภาหันมามองหลานชายคนรองด้วยแววตาบอกถึงความเสียใจและผิดหวัง หากยังคงปิดปากเงียบไม่พูดอะไร
“ผมรู้ว่าผมทำผิดที่วางแผนมาหลอกคุณย่า แต่...ผมคิดถึงบัว ผมอยากพบเธอ”
“เพราะอย่างนั้น แกก็เลยต้องหลอกย่าสินะ แล้วแกไม่คิดบ้างเหรอว่าย่าจะตกใจแค่ไหนตอนที่รู้ข่าวจากตาเจษ...”
ราวกับชื่อของชายหนุ่มอีกคนจะทำให้หญิงชรานึกอะไรได้ ดวงตาฝ้าฟางหรี่ลงขณะเอ่ยต่อ
“ตาเจษก็คงร่วมมือกับแกด้วยใช่ไหม”
“ครับ แต่คุณย่าอย่าไปโกรธไอ้เจษเลย มันจำเป็นต้องร่วมมือกับผมเพราะขัดไม่ได้”
“นั่นสินะ ย่าน่าจะเดาได้ โรงพยาบาลนั่นก็เป็นของพ่อตาเจษนี่นะ”
ในขณะที่หลานชายก้มหน้านิ่งราวกับยอมรับ คุณรัมภาก็ถอนหายใจออกมาราวกับจะปลง ก่อนบอกเสียงเรียบ
“หนูบัวเขาฝากให้ย่ามาบอกแก”
เห็นแววตากระตือรือร้นของธัญเทพ คุณรัมภาก็สะท้อนใจเมื่อนึกถึงสิ่งที่จะต้องเอ่ยต่อ
“เขาขอให้เรื่องระหว่างแกกับเขาจบกันเท่านี้”
ธัญเทพรู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้น ลำคอแห้งผากจนไม่มีแม้กระทั่งเสียงจะเปล่งออกไปเพื่อคัดค้าน ได้แต่มองผู้เป็นย่าด้วยแววตาร้าวรานเสียจนหญิงชราต้องเมินหลบด้วยความสะเทือนใจ
“คุณย่ารู้ใช่ไหมครับว่าบัวอยู่ที่ไหน ถ้ายังไงลองให้พี่กลางไปพูดกับเธออีกทีดีไหมครับ เผื่อเธอจะใจอ่อน”
ธรณ์เทพช่วยพูดแทนเพราะนึกสงสารกับสภาพที่เหมือนหมดอาลัยตาอยากของธัญเทพ ก่อนหันไปยิ้มให้กำลังใจเมื่อคนเป็นพี่มองมาด้วยสายตาแทนคำขอบคุณ
“แต่...ย่ารับปากหนูบัวแล้วว่าจะไม่บอกที่อยู่ของเขาให้กับตากลาง”
“ถ้าอย่างนั้น คุณย่าก็ไม่ต้องบอกพี่กลาง แต่มาบอกผมแทนสิครับ”
ข้อเสนอของหลานชายคนเล็กได้รับอาการมองค้อนนิด ๆ จากคนเป็นย่า ก่อนตามด้วยน้ำเสียงบอกถึงความหมั่นไส้
“ตาเล็ก แกนี่ชักจะเจ้าเล่ห์ใหญ่แล้วนะ”
คนถูกกล่าวหาว่าเจ้าเล่ห์ส่งเสียงหัวเราะร่วนราวกับชอบใจ ก่อนเอ่ยต่อเสียงระรื่น
“แต่ถ้าคุณย่ายังไม่สบายใจ จะเปลี่ยนเป็นเขียนแผนที่บอกผมก็ได้นะครับ”
คุณรัมภาเขม้นมองหลานชายคนเล็กอย่างนึกขวางปนหมั่นไส้ ก่อนที่ความเวทนาจะท่วมท้นความรู้สึกเมื่อมองต่อไปยังหลานชายคนรอง
“ผมรู้ครับ ว่าที่ผ่านมาผมทำไม่ดีกับบัว บางที...ผมอาจไม่คู่ควรกับบัวด้วยซ้ำ แต่...คุณย่าครับ ถ้าไม่มีบัว ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ของผมก็คงไม่มีความหมาย”
หญิงชราฟังคำสารภาพของหลานชายคนรองด้วยความรู้สึกปลอดโปร่งใจ แม้ไม่มีคำว่ารักหลุดออกมาจากปาก หากความหมายที่สื่อออกมา มันก็เกินพอ
“เอาเถอะ ไว้แกขอที่อยู่หนูบัวกับตาเล็กก็แล้วกัน”
แววตาของธัญเทพเป็นประกายอย่างมีชีวิตชีวาทันทีที่ฟังคำผู้เป็นย่าจบ ก่อนกระทำในสิ่งที่ใครคาดไม่ถึงด้วยการทรุดตัวลงบนพื้นพรมแล้วพนมมือไหว้ลงบนตักของคุณรัมภา
“ผมขอโทษสำหรับสิ่งไม่ดีที่ทำกับคุณย่า ขอบคุณครับ...สำหรับโอกาสที่จะให้ผมได้แก้ตัวกับบัวอีกครั้ง”
คุณรัมภาเพียงแต่ยิ้มกับคำบอกนั้น มือเหี่ยวย่นถูกยื่นไปลูบหลังไหล่ของคนเป็นหลานด้วยความรักที่มีในใจ ก่อนน้ำตาซึมกับคำพูดประโยคต่อมาของหลานชายคนรอง
“ขอบคุณนะครับคุณย่า ที่ส่งบัวเข้ามาในชีวิตของผม ผมโชคดีที่เกิดมาเป็นหลานชายของคุณย่า”
“ตากลาง...”
ธรณ์เทพมองภาพของย่ากับพี่ชายที่กำลังสวมกอดกันด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ ถึงแม้ดวงตาจะออกแดงนิด ๆ จากความซาบซึ้งกับสิ่งที่เห็น ก่อนภาวนาอยู่ในใจ
สาธุ...ขอให้หนูบัวของคุณย่าใจอ่อนยอมยกโทษให้กับพี่ชายของเขาด้วยเถอะ ไม่อย่างนั้น พี่ชายของเขาคงไม่มีความสุขกับชีวิตที่เหลืออีกเลย
********************
สวัสดีค่ะ พันวลีเอานิยายตอนใหม่มาส่งแล้วค่ะ แต่..สำหรับวันนี้มาแค่ตอนเดียวนะคะ เพราะช่วงนี้สมองทึบ ๆ ตัน ๆ ชอบกล อยากแต่งให้ได้ทุกวันก็ทำไมได้ แต่จะพยายามไม่ทิ้งช่วงจนนานเกินค่ะ..แล้วก็ ขอขอบคุณเพื่อน ๆ นักอ่านทุกท่านด้วยค่ะที่เป็นห่วงสุขภาพของคนแต่ง ตอนนี้หายป่วย สุขภาพดีเหมือนเดิมแล้วค่ะ
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์และโหวต Like ที่กดให้กันค่ะ
ปอยอะนะ : ขอโทษนะคะที่ทำให้รอนาน รู้ว่าคนอ่านดีใจที่ได้อ่าน คนแต่งก็มีความสุขค่ะ
รัชต์ : นายกลางบ่มิไก๊จริงล่ะค่ะ
nunoi : ขอบคุณค่ะ...นายกลางไม่ยอมปล่อยบัวไปหรอกค่ะ เพราะกำลังคิดจะไปตามถึงบ้านแล้ว
wane : ขอบคุณค่ะ
หมูอ้วน : ขอบคุณค่ะ...อย่างที่คุณหมูอ้วนบอกล่ะค่ะ นายกลางนี่ต้องให้คุณย่าช่วยจริง ๆ
kaero : ขอบคุณค่ะ...เรื่องนายกลางเนี่ยดูท่าจะยากกว่าเดิมจริง ๆ ล่ะค่ะ
เพลา : ขอบคุณค่ะ...จะร่วมด้วยช่วยกันสมน้ำหน้านายกลางอีกคนดีไหมหนอ หุ หุ
XaWarZd : ขอบคุณค่ะ..อยากเห็นพี่ใหญ่เจ็บก็ต้องรออีกนิดค่ะ (แหะ แหะ แต่แอบกลัวนิด ๆ ว่าพี่ใหญ่จะเจ็บได้ไม่สะใจคุณ XaWarZd)
anOO : ขอบคุณค่ะ...นายกลางคงคิดอะไรไม่ออกนอกจากวิธีนี้มั้งคะ แบบว่าความคิดถึงมันล้นอก อยากพบบัวใจจะขาดแล้ว หุ หุ
saralun : ขอบคุณค่ะ เอาตอนใหม่มาส่งแล้วค๊า
silverraindrop : ขอบคุณสำหรับความคิดถึงและความเป็นห่วงที่มีให้กันค่ะ...เรื่องหนูบัวเนี่ย อาจต้องใช้เวลาสักหน่อยค่ะ
dedy : ขอบคุณค่ะ
หญิงใหญ่ : ถึงตอนนี้พี่กลางจะน่าสงสาร แต่จะให้หนูบัวยอมดีด้วยง่าย ๆ นี่ก็คงลำบากค่ะเพราะพี่กลางทำร้ายจิตใจหนูบัวก่อน
nook : ขอบใจสำหรับการบ้านเน้อ..
katay : รับทราบและขอบคุณค๊า ^__^
Setia : แต่เหล็กกล้าก็อาจหลอมละลายด้วยไฟรักนะคะ (หุ หุ เลี่ยนได้อีกแฮะเรา)
kaze : ขอบคุณค่ะ
violette : ขอบคุณค๊า...แอบขำความเป็นห่วงของคนอ่านว่าพี่ใหญ่ว่าจะเจ็บไม่เท่าพี่กลาง หุ หุ คนแต่งจะห่วงพี่ใหญ่ดีมั๊ยเนี่ย 555
ป้าภา : ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงค่ะ
nickelodeon : 555 พี่กลางเนี่ยยังโชคดีที่มีคนสงสาร ส่วนมากมีแต่สมน้ำหน้าทั้งน้านนนนนน
แพม : นายกลางคงมัวแต่คิดว่าจะเจอบัวค่ะ ก็เลยไม่ทันคิดเรื่องคุณย่า
LAM : ขอบคุณค่ะ...หนูบัวต้องใจแข็งหน่อยล่ะค่ะ ก็ถูกพี่กลางทำร้ายจิตใจซะขนาดนั้น

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.ย. 2554, 19:12:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.ย. 2554, 19:13:45 น.
จำนวนการเข้าชม : 3703
ตอนที่ 37 >> |

saralun 13 ก.ย. 2554, 19:30:29 น.
กำลังสนุกเลยคะ..แอบน้ำตาซึมตาม อิอิ
กำลังสนุกเลยคะ..แอบน้ำตาซึมตาม อิอิ


ณัฐวีร์ 13 ก.ย. 2554, 19:51:31 น.
อ่านรวดเดียวจบทุกตอน สนุกมากเลยค่ะ
อ่านรวดเดียวจบทุกตอน สนุกมากเลยค่ะ

anOO 13 ก.ย. 2554, 19:51:43 น.
จะสมกวังกันทุกคู่แล้ว มาลุ้นให้นายกลางง้อบัวสำเร็จ
จะสมกวังกันทุกคู่แล้ว มาลุ้นให้นายกลางง้อบัวสำเร็จ

เพลา 13 ก.ย. 2554, 20:21:23 น.
"เพราะ...ที่ตรงนี้ มีคุณอยู่ในนั้น" อ๊ายหวานฉบับพี่ใหญ่ อยากให้หวานอีก อิอิ
"เพราะ...ที่ตรงนี้ มีคุณอยู่ในนั้น" อ๊ายหวานฉบับพี่ใหญ่ อยากให้หวานอีก อิอิ

xeve 13 ก.ย. 2554, 22:13:05 น.
รอเสมอ
รอเสมอ

Pat 13 ก.ย. 2554, 22:18:29 น.
พี่ใหญ่พูดน้อยต่อยหนัก ฮุกทีเดียวเข้าถึงใจน้องดา แล้วอย่างนี้น้องดาจะไปไหนรอด อิอิ ส่วนพึ่กลางจัดอีกนิดเถอะค่ะ เพราะยังไงสุดท้ายแล้วบัวก็คงแพ้ใจตัวเอง ^____^
พี่ใหญ่พูดน้อยต่อยหนัก ฮุกทีเดียวเข้าถึงใจน้องดา แล้วอย่างนี้น้องดาจะไปไหนรอด อิอิ ส่วนพึ่กลางจัดอีกนิดเถอะค่ะ เพราะยังไงสุดท้ายแล้วบัวก็คงแพ้ใจตัวเอง ^____^

nickelodon 13 ก.ย. 2554, 22:24:07 น.
lol >>> ไม่รู้จะเขียนอะไรดี คนอื่นมีความเห็นตรงกับเราไปหมดแล้ววว << ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
lol >>> ไม่รู้จะเขียนอะไรดี คนอื่นมีความเห็นตรงกับเราไปหมดแล้ววว << ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ

หมูอ้วน 13 ก.ย. 2554, 22:49:34 น.
พี่กลาง จะง้อหนูบัวสำเร็จมั้ยหนอ เอาใจช่วยค่ะ
พี่กลาง จะง้อหนูบัวสำเร็จมั้ยหนอ เอาใจช่วยค่ะ

XaWarZd 14 ก.ย. 2554, 00:32:19 น.
สะใจนายกลางสุดๆ แต่สงสารหนูบัวต้องเสียน้ำตาอีกแล้ว อยากให้เอาคืนนายกลางนานๆ แต่ก็ใจอ่อนสงสารหนูบัว เอาไงดีเนี่ย
ส่วนพี่ใหญ่ ต้องมีบททดสอบนะฮะ ว่าสมควรได้หนูดามั้ย
สะใจนายกลางสุดๆ แต่สงสารหนูบัวต้องเสียน้ำตาอีกแล้ว อยากให้เอาคืนนายกลางนานๆ แต่ก็ใจอ่อนสงสารหนูบัว เอาไงดีเนี่ย
ส่วนพี่ใหญ่ ต้องมีบททดสอบนะฮะ ว่าสมควรได้หนูดามั้ย

violette 14 ก.ย. 2554, 01:02:03 น.
พี่ใหญ่นี่จะไม่ข่มไม่ได้เลยใช่มะเนี่ย ฮ่าๆ
หนูดานี่มาแนวนางเอกผู้แสนดีไม่มีทิฐิใดๆใสซื่อสุดๆ
นายกลางชักน่าสงสารแล้วสิคะเนี่ย แต่ก็นะทำตัวเองแท้ๆ
สงสารหนูบัวมากกว่า คราวนี้นายเล็กกับหนูแก้วเก็บไว้เป็นกามเทพให้นายกลางละกันเนอะ อิอิ
พี่ใหญ่นี่จะไม่ข่มไม่ได้เลยใช่มะเนี่ย ฮ่าๆ
หนูดานี่มาแนวนางเอกผู้แสนดีไม่มีทิฐิใดๆใสซื่อสุดๆ
นายกลางชักน่าสงสารแล้วสิคะเนี่ย แต่ก็นะทำตัวเองแท้ๆ
สงสารหนูบัวมากกว่า คราวนี้นายเล็กกับหนูแก้วเก็บไว้เป็นกามเทพให้นายกลางละกันเนอะ อิอิ

แพม 14 ก.ย. 2554, 01:45:55 น.
คุณใหญ่โชคดี หนูดาหายงอนอย่างเร็ว แต่คุณกลางเจอสาวอ่อนนอกแข็งในซะละ เหอะๆ
คุณใหญ่โชคดี หนูดาหายงอนอย่างเร็ว แต่คุณกลางเจอสาวอ่อนนอกแข็งในซะละ เหอะๆ

nunoi 14 ก.ย. 2554, 10:03:21 น.
พี่ใหญ่นี่จะไปง้อเค้ายังมีดุปนข่ม ได้อีก ดีน่ะที่บอกความในใจซะก่อน
เริ่มจะสงสารนายกลางซะแล้ว แต่ก็น่ะทำตัวเองแท้ๆ หนูบัวอย่าเพิ่งใจอ่อนน๊า
พี่ใหญ่นี่จะไปง้อเค้ายังมีดุปนข่ม ได้อีก ดีน่ะที่บอกความในใจซะก่อน
เริ่มจะสงสารนายกลางซะแล้ว แต่ก็น่ะทำตัวเองแท้ๆ หนูบัวอย่าเพิ่งใจอ่อนน๊า

kaero 14 ก.ย. 2554, 11:16:37 น.
ทือซะไม่มีพี่ใหญ่ แอบลุ้นตัวโก่งกับคู่ของนายเล็ก
ทือซะไม่มีพี่ใหญ่ แอบลุ้นตัวโก่งกับคู่ของนายเล็ก


หญิงใหญ่ 15 ก.ย. 2554, 15:33:22 น.
แหม...กว่าคุณใหญ่จะบอกรักได้ ต้องแงะกันออกมาเลยเนอะ...อ๊ะ..หนูดายอมๆก็ได้ แต่คุณกลางนี่ซิ ไม่รู้จะลุ้นยังไงดีอ่ะ ...กลุ้มวุ้ย !!!
แหม...กว่าคุณใหญ่จะบอกรักได้ ต้องแงะกันออกมาเลยเนอะ...อ๊ะ..หนูดายอมๆก็ได้ แต่คุณกลางนี่ซิ ไม่รู้จะลุ้นยังไงดีอ่ะ ...กลุ้มวุ้ย !!!
