หัวใจรักใต้บงการ
จะเกิดอะไรขึ้น!

เมื่อคุณย่าหมายยื่นมือเข้ามาบงการหัวใจของหลานชายทั้งสาม
ด้วยการส่งสาว ๆ เข้ามาในชีวิตโดยที่พวกเขาไม่ได้ร้องขอ
Tags: สามหนุ่มพี่น้อง,ซูสีไทเฮา

ตอน: ตอนที่ 36

บทที่ 36


สุดท้าย เธอก็ยังถูกเขาหลอกอีกจนได้

บัวบุษบาบอกกับตัวเองอย่างเจ็บปวดใจ ขณะสาวเท้าไปตามทางเดินโล่ง ๆ ปราศจากผู้คน โดยมีจุดหมายคือลิฟท์ที่จะนำเธอลงไปชั้นล่าง ขณะเดียวกันก็ยกมือขึ้นมาป้ายน้ำตาที่ไหลไม่ยอมหยุด

ไม่เจอเขา เธอก็คิดถึง แต่พอได้เจอ เธอก็เจ็บปวด

หญิงสาวพยายามกลั้นสะอื้น พลางฝืนปรับสีหน้าสีตาให้เป็นปกติเมื่อเดินมาใกล้เคาน์เตอร์ซึ่งมีพยาบาลนั่งอยู่สองคน ก่อนจะเดินไปหยุดตรงหน้าลิฟท์ตัวที่อยู่ฝั่งซ้าย หากยังไม่ทันยื่นมือไปกดปุ่มเรียก ประตูลิฟท์ก็เปิดออกมาเผยให้เห็นหญิงชายคู่หนึ่ง

“เรามากันแต่เช้าแบบนี้ ไม่รู้พี่กลางจะตื่นหรือยังนะพี่เล็ก”

คำพูดของฝ่ายหญิงซึ่งโดยสารลิฟท์มาขณะก้าวออกจากตัวลิฟท์ ส่งผลให้บัวบุษบาชะงักแล้วหันไปมอง จึงทันได้เห็นฝ่ายชายซึ่งในมือข้างหนึ่งนั้นหิ้วถุงพลาสติกบรรจุผลไม้ กำลังตอบโต้กับหญิงสาวข้างตัว

“ถ้าพี่กลางยังไม่ตื่น งั้นเราสองคนมากินผลไม้นี่ให้หมดเลยดีไหม”

“บ้าเหรอพี่เล็ก นี่เป็นผลไม้ที่แก้วตั้งใจซื้อมาให้พี่กลางนะ”

นั่นคือเสียงของฝ่ายหญิงที่บัวบุษบาได้ยิน ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินห่างออกไป

ถ้าเข้าใจไม่ผิด นั่นคงจะเป็นหลานชายคนเล็กของคุณย่าสินะ

บัวบุษบาบอกกับตัวเอง ก่อนหักใจก้าวเข้าไปในลิฟท์ ทิ้งทุกอย่างเอาไว้ทางเบื้องหลัง

ฝ่ายธรณ์เทพและแก้วใส เมื่อทั้งคู่เปิดประตูห้องพักผู้ป่วยเข้าไป คนทั้งสองก็ได้เห็นว่าคนที่ตั้งใจมาเยี่ยมนั้นกำลังนั่งเอามือกุมขมับอยู่บนโซฟาตัวยาวที่ตั้งชิดกับผนังห้อง

“พี่กลางเป็นอะไร”

ธรณ์เทพออกปากพลางปรี่ไปนั่งข้าง ๆ พี่ชายด้วยความเป็นห่วง ในขณะที่แก้วใสเพียงแต่ยืนมองด้วยสายตาเป็นกังวล

“พี่ไม่ได้เป็นอะไร”

“แล้วทำไมมานั่งตรงนี้ ไม่ไปนอนพักบนเตียงล่ะ”

ธัญเทพถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วจึงเบนความสนใจของน้องชายด้วยการหันไปมองแก้วใสพลางฝืนยิ้มตอบเมื่อเห็นหญิงสาวส่งยิ้มมาให้

“ไง...สบายดีหรือเปล่าแก้ว พี่รู้สึกเหมือนไม่ได้เจอกับแก้วมานานเลยนะ ทั้งที่บ้านเราก็อยู่ติดกันแท้ ๆ”

“แก้วสบายดีค่ะพี่กลาง นี่คุณพ่อกับคุณแม่ก็ฝากให้แก้วมาเยี่ยมพี่กลางด้วยนะคะ ท่านทั้งสองเป็นห่วงพี่กลางมากเลย”

“พี่นี่แย่จริง ทำให้คุณอาทั้งสองพลอยไม่สบายใจไปด้วย”

เงียบไปครู่ ธัญเทพก็ทำให้คนร่วมห้องทั้งสองต่างพากันงงเมื่อได้ยินคำบอกของเขา

“เอาล่ะ พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”

“ห๊ะ! กลับบ้านเหรอพี่กลาง”

“ใช่ กลับบ้าน”

คำยืนยันของคนเป็นพี่ ทำให้ธรณ์เทพต้องหรี่ตามองอย่างครุ่นคิด ก่อนออกปากตรงกับใจ

“พี่กลางไม่ได้ประสบอุบัติเหตุจริง ๆ ใช่ไหม”

อาการพยักหน้ายอมรับของธัญเทพ ส่งผลให้แก้วใสทำหน้าเหวออย่างแปลกใจ หากธรณ์เทพดูไม่ค่อยประหลาดใจนัก

“พี่เจษก็ร่วมมือกับพี่ด้วยสินะ”

เมื่อเห็นพี่ชายพยักหน้าอีกครั้งธรณ์เทพก็ถอนหายใจ ก่อนตั้งคำถามสุดท้ายเสียงแผ่วราวกับเกรงจะกระทบกระเทือนจิตใจคนฟัง

“ทั้งหมดนี่เป็นเพราะผู้หญิงที่ชื่อบัวใช่ไหม”

ธัญเทพปิดเปลือกตาลงอย่างยอกแสลง เมื่อคำถามนั้นดึงเอาภาพของบัวบุษบาให้หวนกลับมาในความคิดคำนึงอีกครั้ง หัวใจเจ็บปวดไปหมดเมื่อถูกตอกย้ำด้วยภาพที่หญิงสาวกำลังร่ำไห้

เขามันก็ดีแต่ทำให้เธอร้องไห้

ชายหนุ่มต่อว่าตัวเอง ก่อนลืมตาขึ้นมาให้คำตอบ

“ใช่ ทั้งหมดที่พี่ทำลงไป ก็เพื่อจะให้บัวกลับมา แต่...สุดท้ายพี่ก็ทำให้เขาเสียใจอยู่ดี”

“หมายความว่ายังไงครับ หรือว่า...เขามาหาพี่แล้ว”

“ใช่...บัวมาหาพี่แล้ว และ...ไปแล้ว”

เสียงพร่าสั่นในตอนท้ายของธัญเทพ ส่งผลให้ทั้งธรณ์เทพและแก้วใสต่างพากันนิ่งอึ้งเมื่อจับได้ถึงกระแสของความเจ็บปวดและขมขื่นของอีกฝ่าย หากคนทั้งคู่ก็ไม่อาจทำอะไรได้มากไปกว่านิ่งมองธัญเทพด้วยแววตาที่บอกถึงความสงสารและเห็นใจ



ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งซึ่งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศ

หลังจากตื่นนอน ธราเทพก็อาบน้ำแต่งตัวเพื่อออกเดินทางไปยังบ้านของคุณกวิน ด้วยความตั้งใจจะไปพบกับกวินธิดา ทว่า ขณะกำลังเดินไปถึงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ เขาก็ได้พบกับคนที่กำลังตั้งใจจะไปหา

“กวินธิดา”

กวินธิดาหันไปมองเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูเรียกชื่อของเธอ ก่อนเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนเรียก

“พี่ใหญ่!”

ในขณะที่กวินธิดายืนตัวแข็งอย่างตกใจและคาดไม่ถึงกับการปรากฏตัวอย่างไม่คาดฝันของเขา ธราเทพก็เป็นฝ่ายก้าวเข้าไปหาในขณะที่สายตาไม่คลาดไปจากใบหน้าหวานของหญิงสาว กระทั่งไปหยุดยืนตรงหน้าเธอ

หญิงสาวน้ำตาซึมด้วยความรู้สึกหลากหลายในหัวใจ ความคิดถึงที่ติดตัวเธอนับจากวันที่ออกมาจากบ้านเทพประทานเริ่มออกฤทธิ์ หากขณะเดียวกัน ความดีใจและโหยหาก็ทำให้เธออยากโผเข้าไปหาเพื่อซึมซับถึงความมีตัวตนของอีกฝ่าย ทว่า ความน้อยใจและขมขื่นที่ไม่เคยจางหายก็บังคับให้ยืนนิ่งอยู่กับที่ ขณะหลุดปากถามออกไปด้วยความสับสนที่เกิดขึ้นในหัวใจ

“พี่ใหญ่...มาทำไมคะ”

“คิดถึง”

กวินธิดาอยากคิดว่าเธอกำลังฝัน หากเมื่อมองผู้ชายตรงหน้า เธอก็มั่นใจว่าไม่ได้ฝันไป คนหน้าขรึม ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มบนใบหน้า ยังคงเป็นคนเดิมและคนเดียวที่มีตัวตนชัดเจนอยู่ในหัวใจของเธอมาตลอด

“พี่ใหญ่...คิดถึงใครเหรอคะ”

บางอย่างในหัวใจ ทำให้กวินธิดาอดไม่ได้ต้องตั้งคำถามที่ดูเหมือนโง่ ๆ แล้วก็นึกกลัวว่าเธออาจทำให้เขารำคาญ แต่ไม่มีแม้แต่ความขัดเคือง หรือรำคาญใด ๆ ปรากฏบนใบหน้าคมสัน นอกจากความสงบนิ่งและมุ่งมั่นในดวงตาคมเข้มสีนิล

“ผมคิดถึงคุณ”

คำตอบที่สื่อความหมายตรงตัวอย่างชัดเจน ส่งผลให้หัวตาคนฟังร้อนผ่าว ก่อนยกมือขึ้นปิดปากที่กำลังสั่นระริกแล้วเดินไปจากที่ตรงนั้นอย่างรวดเร็วด้วยไม่อยากให้ใครเห็นความอ่อนแอ

หากเพียงไม่กี่ก้าว ธราเทพก็ก้าวตามทันจนเดินไปดักหน้ากวินธิดาเอาไว้ เมื่อเห็นดวงตาคู่สวยที่เอ่อคลอหยาดน้ำใสจวนเจียนจะหยด เขาก็นิ่งไปจนคนถูกมองต้องฝืนหักห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลด้วยการตั้งคำถามเสียงสั่น

“พี่ใหญ่ต้องการอะไรคะ”

“ผมมีเรื่องจะพูดกับคุณ”

พูดจบ ธราเทพก็เดินนำออกไปโดยไม่เปิดโอกาสให้กวินธิดาคัดค้าน ในขณะที่หญิงสาวลังเลใจครู่หนึ่ง ความสงสัยใคร่รู้เข้ามาแทนที่ความน้อยใจที่มี กระทั่งตัดสินใจก้าวตามคนข้างหน้าไปเงียบ ๆ จนมาถึงบ้านพักหลังหนึ่งที่อยู่ด้านในสุด

ร่างสูงเดินนำไปจนถึงชานระเบียงหน้าบ้าน ก่อนหยุดแล้วหันมามอง ทำให้ร่างเล็ก ๆ ที่ก้าวตามมาตลอดต้องพลอยหยุดตาม

“นั่งสิ”

คำสั่งที่ถูกสำทับด้วยการตวัดตามองไปยังม้านั่งตัวยาวทำให้กวินธิดาจำต้องทำตาม ก่อนใจสั่นเมื่อเห็นคนออกคำสั่งยืนมองมานิ่ง ๆ ด้วยแววตาทอประกายประหลาด

ทำไมหนอ คนที่กำลังมองเธอด้วยแววตาอบอุ่นและอ่อนโยนอยู่ตอนนี้ ดูราวกับไม่ใช่พี่ใหญ่คนเดิม

กวินธิดาได้แต่เก็บงำความคิดของตัวเองเอาไว้ ในขณะที่ออกปากถาม

“พี่ใหญ่มีอะไรจะพูดกับดาเหรอคะ”

ธราเทพนิ่งมองคนตั้งคำถามครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินไปยืนเกาะขอบระเบียงข้าง ๆ ม้านั่งกวินธิดา โดยมีหญิงสาวเฝ้ามองตาม ในขณะที่ชายหนุ่มทอดสายตามองตรงไปข้างหน้า แล้วเริ่มต้นพูด

“ตั้งแต่เด็ก การเตรียมตัวเรียนรู้และศึกษาเกี่ยวกับธุรกิจของครอบครัวคือสิ่งที่ผมคุ้นชินมาตลอด เพราะคุณพ่อของผมท่านตั้งความหวังเอาไว้มาก ในเรื่องที่จะให้ผมเป็นผู้สืบทอดและเป็นผู้นำของครอบครัว แทนที่ท่านในอนาคต ในขณะที่ผมเองก็รู้สึกว่าการที่คุณพ่อเรียกตัวเข้าไปในห้องทำงานเพื่อรับฟังข้อมูลและขั้นตอนในการทำงานคือส่วนหนึ่งของชีวิตไปโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นเมื่อถึงวันที่ผมต้องเข้าไปบริหารงานในบริษัทอย่างเต็มตัว ผมจึงไม่รู้สึกว่ามันเป็นปัญหามากนัก”

ฟังธราเทพออกปากเล่าเรื่องราวของเขาแค่นั้น กวินธิดาก็พลันรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบเมื่อนึกวาดภาพเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ซึ่งน่าจะมีโอกาสไปเที่ยวเล่นสนุกตามประสา แต่กลับต้องไปนั่งศึกษาและเรียนรู้ในสิ่งที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็กในวัยนั้นจะพึงได้รับ

หรือเป็นเพราะสิ่งที่ได้รับตั้งแต่วัยเด็ก ส่งผลให้เขากลายเป็นคนเคร่งขรึม เอาจริงเอาจังจนดูเหมือนไม่ยอมผ่อนปรนต่อทุกสิ่งทุกอย่าง

กวินธิดาคิดอย่างเศร้าใจ ขณะที่หูก็รับฟังเรื่องเล่าของอีกฝ่ายต่อด้วยท่าทีนิ่งสงบ

“ผมอยากให้คุณเข้าใจนะกวินธิดา ที่ผ่านมาผมเคยชินต่อการจัดการทุกเรื่องด้วยตัวเองมาตลอด เคยชินต่อการบริหารงานที่อยู่ภายใต้การควบคุมของตัวเอง ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำใจให้ยอมรับกับการจะต้องถูกคุณย่ามาควบคุมในเรื่องที่สำคัญของชีวิต แม้ที่ผ่านมาคุณย่าจะชอบบงการให้ผมและน้องชายทำตามที่ท่านต้องการ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตเกินกว่าผมและน้อง ๆ จะสามารถทำได้ พวกเราจึงไม่อยากขัดใจท่าน แต่...สำหรับเรื่องของคุณ ผมยอมรับว่าตอนแรก ผมจำใจต้องยอมรับเพราะส่วนหนึ่งเกิดจากเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องนอนของผม และส่วนหนึ่งจากสายสัมพันธ์ระหว่างผมกับคุณพ่อของคุณ เพราะอย่างนี้ ลึก ๆ ในใจของผมจึงไม่อยากยอมรับคุณนัก”

เหมือนถูกตอกย้ำความน้อยใจที่เคยมี กวินธิดาน้ำตาซึมออกมาอีกครั้ง ในขณะที่ธราเทพยังคงไม่หันกลับมามอง ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่ทันเห็น

“ผมพยายามกันคุณออกห่าง ทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้คุณเข้ามาใกล้ แต่ยิ่งทำอย่างนั้นดูเหมือนจะยิ่งให้ผลตรงกันข้าม”

ชายหนุ่มจบคำพูดนั้นด้วยเสียงถอนหายใจ ก่อนหันกลับไปมองคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง

“ผมไม่ใช่คนพูดเก่ง ยิ่งเรื่องแสดงออกทางความรู้สึกก็ทำได้ไม่ดีนัก แต่ผมอยากบอกให้คุณรู้ หลายครั้งที่ผมทำให้คุณเสียใจ ผมเองก็เสียใจไม่แพ้กัน คำว่าขอโทษมันคงไม่มากพอที่จะทดแทนกับหลาย ๆ สิ่งที่ผมทำให้คุณเสียใจและเสียน้ำตา แต่ผมก็ยังอยากขอโทษและขอโอกาสอีกสักครั้ง ถ้าคุณคิดว่าผมไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป ก็ขอให้ผมได้เป็นคนดูแลคุณเถอะนะ”

“พี่ใหญ่...”

“แต่งงานกับผมนะ กวินธิดา”

“พี่ใหญ่!”

ครั้งนี้ กวินธิดาอุทานเรียกอีกฝ่ายด้วยสีหน้าตื่นตกใจ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อต่อสิ่งที่เพิ่งรับฟัง เมื่อเห็นดวงตาคมเข้มของธราเทพมองมานิ่ง ๆ ราวกับจะยืนยันคำบอกก่อนหน้านี้ ความสับสนและไม่เข้าใจทำให้อดไม่ได้ต้องตั้งคำถาม

“ที่ผ่านมา พี่ใหญ่ไม่เคยต้องการจะแต่งงานกับดานี่คะ แล้วทำไม...”

ธราเทพกำมือทั้งสองข้างแน่นเพื่อข่มกลั้นความรู้สึกที่กำลังพวยพุ่ง ทั้งที่ก่อนมาที่นี่ก็ตั้งใจว่าจะมาบอกความรู้สึกแท้จริงกับเธอ แต่เมื่อถึงเวลาเข้าจริง ๆ กลับพูดไม่ออก หากเมื่อมองสบกับดวงตาคู่งามที่กำลังมองมาอย่างรอคอย เขาก็ตัดสินใจ

ชายหนุ่มเดินไปหยุดยืนตรงหน้าหญิงสาว ก่อนฉวยมือข้างหนึ่งของเธอขึ้นมาแล้วนำไปวางไว้ตรงหน้าอกข้างซ้ายของตนเอง

“เพราะ...ที่ตรงนี้ มีคุณอยู่ในนั้น”

ไม่ต้องใช้เวลานาน กวินธิดาก็เข้าใจถึงความหมายของคำพูดนั้น หญิงสาวน้ำตาเอ่อขณะส่ายหน้าช้า ๆ ราวกับไม่อยากเชื่อ หากนั่นเหมือนจะทำให้คนมองเข้าใจผิด

“ผมคงไม่ได้พูดคำ ๆ นี้กับคุณบ่อยนัก แต่ทุกคำที่ผมพูดออกไป ผมหมายความตามนั้นจริง ๆ ผมอยากให้คุณจดจำคำพูดครั้งนี้ของผมให้ดี กวินธิดา...ผมรักคุณ”

กวินธิดายกมืออีกข้างขึ้นมาปิดปากเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น เมื่อไม่อาจห้ามน้ำตาตัวเองได้อีก ก่อนยอมให้ชายหนุ่มดึงตัวเธอขึ้นไปสวมกอด

“ยกโทษให้ผมนะกวินธิดา ที่ผมรู้ตัวช้าเกินไป”

เสียงร้องไห้ของกวินธิดาคือสิ่งที่ธราเทพได้รับจากการขอให้ยกโทษ ชายหนุ่มยกมืออีกข้างขึ้นลูบไล้เส้นผมยาวสลวยของคนในอ้อมแขนราวกับจะปลอบโยน แต่กลับทำให้หญิงสาวร้องไห้หนักขึ้น

“อย่าร้องได้ไหม ผมใจคอไม่ดี”

คำขอเสียงแผ่วพร่าของคนที่สวมกอดเธอ ทำให้กวินธิดาต้องพยายามหักห้ามน้ำตาตัวเอง ก่อนเงยหน้าขึ้นมองในจังหวะที่ธราเทพก็ก้มลงมองเช่นกัน มนต์ขลังจากดวงตาที่สานสบทำให้คนทั้งคู่ต่างมองกันและกันอยู่เช่นนั้น กระทั่ง...

“ปล่อยลูกสาวของฉันเดี๋ยวนี้!”

คำสั่งเฉียบขาดของคนมาใหม่ ส่งผลให้ทั้งธราเทพและกวินธิดาต่างผละตัวออกห่างจากกันทันที แล้วหันไปมองคนที่เป็นเจ้าของน้ำเสียงเข้ม ๆ นั้น

“คุณพ่อ”

กวินธิดาร้องเรียกออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นหน้าบิดา ในขณะที่ธราเทพยกมือขึ้นไหว้เพื่อนพ่อพลางเอ่ยทัก

“สวัสดีครับคุณลุง”

“มาทำไม”

คุณกวินสวนกลับด้วยการตั้งคำถามเสียงห้วน พลางเขม้นมองอีกฝ่ายด้วยแววตาเข้มขุ่น

“ผมมาขอแต่งงานกับกวินธิดาครับ”

ไม่เพียงคุณกวินจะตกใจจนนิ่งงันไปกับคำตอบนั้น หากกวินธิดาก็เช่นกัน แม้ก่อนหน้าได้ยินธราเทพออกปากแล้วครั้งหนึ่ง แต่เมื่อมาได้ยินอีกครั้งและยังต่อหน้าผู้เป็นพ่อ หญิงสาวก็เริ่มทำอะไรไม่ถูก

“ฉันไม่อนุญาต!”

ธราเทพไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย เมื่อเจอกับประกาศิตของคนที่เขาหมายมั่นจะให้เป็นพ่อตา ชายหนุ่มยังคงนิ่งมองด้วยแววตาฉายชัดถึงความมุ่งมั่น จนคุณกวินต้องเปลี่ยนสายตาไปมองลูกสาวแทน

“ไป...ลูกดา กลับไปห้องทำงานกับพ่อ”

พูดจบ คุณกวินก็ดึงมือลูกสาว แต่ยังไม่ทันขยับจะก้าวจากไป ชายสูงวัยก็หันไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ทางด้านหลังเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้

“ส่วนนาย มาทางไหนก็กลับไปทางนั้น ที่นี่ไม่ต้อนรับ”

“ต้องขอโทษด้วยครับ แต่ผมเป็นแขกของที่นี่ คุณลุงไม่มีสิทธิมาไล่ผม”

คุณกวินสะอึกเมื่อเจอกับคำตอบนั้น แววตาที่มองชายหนุ่มรุ่นลูกวาววับ ก่อนเค้นเสียงกร้าว

“ก็ได้ ในเมื่อนายเป็นแขกของที่นี่ ฉันจะไม่ไล่ แต่นายต้องอยู่ให้ห่างจากลูกสาวฉัน อย่าเข้ามาวุ่นวายกับลูกดา เพราะสถานะตอนนี้ของนายกับลูกของฉันไม่ได้เป็นคู่หมั้นกันอีกแล้ว จำเอาไว้!”

พูดจบ คุณกวินก็ดึงกวินธิดาให้ก้าวออกไปด้วยกัน ทิ้งให้ธราเทพยืนนิ่งงันกับประกาศิตที่เจอ



“คุณพ่อเกลียดพี่ใหญ่เหรอคะ”

คำถามของลูกสาว ภายหลังเข้ามาในห้องทำงาน ทำให้คุณกวินต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนให้คำตอบ

“เปล่าหรอก พ่อไม่ได้เกลียด”

“แล้วทำไม...”

กวินธิดาถามยังไม่ทันจบ คุณกวินก็ชิงแทรก

“พ่อแค่ไม่ชอบในสิ่งที่เขาทำกับลูกของพ่อเท่านั้น”

เห็นลูกสาวทำหน้าเศร้า หัวอกคนเป็นพ่อก็ไม่สบายใจ

“โกรธพ่อหรือเปล่า”

กวินธิดาฝืนยิ้มพลางส่ายหน้าช้า ๆ ก่อนตอบ

“ดาไม่โกรธคุณพ่อหรอกค่ะ เพียงแต่...ดาสงสารพี่ใหญ่”

คำตอบของลูกสาวทำให้คนเป็นพ่อต้องถอนหายใจออกมาอีกเฮือก

“หมอนั่นโชคดีที่ลูกของพ่อมีใจให้”

“พี่ใหญ่ก็เหมือนกันค่ะคุณพ่อ พี่ใหญ่บอกกับดาว่า...พี่ใหญ่...รักดา แล้วก็อยากจะแต่งงานกับดา”

“หืมม์”

คุณกวินทำเสียงในลำคออย่างแปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้ถึงได้ยินธราเทพออกปากขอแต่งงานกับลูกสาวของเขา แต่เขาก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีเหตุผลอีกอย่างซุกซ่อนอยู่

เจ้าใหญ่นี่ ถอดแบบพ่อออกมาจริง ๆ

ชายสูงวัยคิดอยู่ในใจ เมื่อหวนนึกเปรียบเทียบระหว่างทัดเทพ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของตนกับธราเทพ บุคลิกเคร่งขรึม ค่อนข้างเอาจริงเอาจัง ไม่ถนัดเรื่องการแสดงออกนั้น แทบไม่ต่างกันเลยแม้แต่น้อย

“ลูกดา ยังอยากให้โอกาสนายใหญ่อยู่สินะ”

“ดาให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอค่ะ”

“แล้วเวลาที่นายใหญ่ทำให้เสียใจ ลูกไม่เคยโกรธ หรือเกลียดเขาบ้างเลยเหรอ”

“ดารู้สึกแค่เสียใจ แต่ไม่เคยโกรธหรือเกลียดพี่ใหญ่ค่ะ”

เจอกับคำตอบของลูกสาว คนเป็นพ่อก็พูดไม่ออกได้แต่ยกมือขึ้นลูบศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมยาวสลวยของคนเป็นลูก หากก่อนที่กวินธิดาจะเดินกลับไปโต๊ะทำงานของเธอเพื่อทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายคือตรวจสอบบัญชีของรีสอร์ท คุณกวินก็อดไม่ได้ต้องตั้งคำถามออกไป

“บอกพ่อได้ไหม ว่าเพราะอะไรลูกถึงปักใจกับนายใหญ่ขนาดนี้”

กวินธิดานิ่งไปก่อนเปิดยิ้มเศร้า ๆ แล้วให้คำตอบ

“ดาก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าเพราะอะไร รู้เพียงว่าตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นรูปถ่ายของพี่ใหญ่ ดาก็รู้สึกคุ้นเคย มีความสุขและอุ่นใจทุกครั้งแค่เพียงได้มองภาพถ่ายของพี่ใหญ่ คุณพ่อคงคิดว่าดาโง่มากใช่ไหมคะ ที่เฝ้ารักเฝ้ารอคนที่ไม่เคยรับรู้ด้วยซ้ำว่าบนโลกใบนี้ยังมีเราอยู่อีกคน”

“ไม่หรอก ลูกสาวของพ่อไม่ได้โง่”

คุณกวินแย้งอย่างต้องการปลอบใจลูกสาว แล้วจึงนึกถึงคนที่ทำให้ลูกของเขาเป็นเช่นนี้

ธราเทพ

ถ้าจะมีใครสักคนโง่ คนคนนั้นก็น่าจะเป็นหมอนั่นมากกว่า



เพียงก้าวเข้ามาในห้องโถงกลางของบ้านเทพประทาน แล้วเห็นคุณรัมภาเมินหน้าหนีทันทีที่เห็นหน้าเขา ธัญเทพก็นึกรู้ว่าผู้เป็นย่าคงทราบแล้วว่าเขาไม่ได้บาดเจ็บจริง

“ผมขอโทษครับคุณย่า”

ธัญเทพเป็นฝ่ายเปิดปากพูดก่อนหลังจากทรุดตัวลงบนโซฟาเดี่ยวด้านตรงกันข้ามกับผู้เป็นย่า โดยมีธรณ์เทพนั่งบนโซฟาเดี่ยวอีกตัวที่อยู่ใกล้ ๆ

คุณรัมภาหันมามองหลานชายคนรองด้วยแววตาบอกถึงความเสียใจและผิดหวัง หากยังคงปิดปากเงียบไม่พูดอะไร

“ผมรู้ว่าผมทำผิดที่วางแผนมาหลอกคุณย่า แต่...ผมคิดถึงบัว ผมอยากพบเธอ”

“เพราะอย่างนั้น แกก็เลยต้องหลอกย่าสินะ แล้วแกไม่คิดบ้างเหรอว่าย่าจะตกใจแค่ไหนตอนที่รู้ข่าวจากตาเจษ...”

ราวกับชื่อของชายหนุ่มอีกคนจะทำให้หญิงชรานึกอะไรได้ ดวงตาฝ้าฟางหรี่ลงขณะเอ่ยต่อ

“ตาเจษก็คงร่วมมือกับแกด้วยใช่ไหม”

“ครับ แต่คุณย่าอย่าไปโกรธไอ้เจษเลย มันจำเป็นต้องร่วมมือกับผมเพราะขัดไม่ได้”

“นั่นสินะ ย่าน่าจะเดาได้ โรงพยาบาลนั่นก็เป็นของพ่อตาเจษนี่นะ”

ในขณะที่หลานชายก้มหน้านิ่งราวกับยอมรับ คุณรัมภาก็ถอนหายใจออกมาราวกับจะปลง ก่อนบอกเสียงเรียบ

“หนูบัวเขาฝากให้ย่ามาบอกแก”

เห็นแววตากระตือรือร้นของธัญเทพ คุณรัมภาก็สะท้อนใจเมื่อนึกถึงสิ่งที่จะต้องเอ่ยต่อ

“เขาขอให้เรื่องระหว่างแกกับเขาจบกันเท่านี้”

ธัญเทพรู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้น ลำคอแห้งผากจนไม่มีแม้กระทั่งเสียงจะเปล่งออกไปเพื่อคัดค้าน ได้แต่มองผู้เป็นย่าด้วยแววตาร้าวรานเสียจนหญิงชราต้องเมินหลบด้วยความสะเทือนใจ

“คุณย่ารู้ใช่ไหมครับว่าบัวอยู่ที่ไหน ถ้ายังไงลองให้พี่กลางไปพูดกับเธออีกทีดีไหมครับ เผื่อเธอจะใจอ่อน”

ธรณ์เทพช่วยพูดแทนเพราะนึกสงสารกับสภาพที่เหมือนหมดอาลัยตาอยากของธัญเทพ ก่อนหันไปยิ้มให้กำลังใจเมื่อคนเป็นพี่มองมาด้วยสายตาแทนคำขอบคุณ

“แต่...ย่ารับปากหนูบัวแล้วว่าจะไม่บอกที่อยู่ของเขาให้กับตากลาง”

“ถ้าอย่างนั้น คุณย่าก็ไม่ต้องบอกพี่กลาง แต่มาบอกผมแทนสิครับ”

ข้อเสนอของหลานชายคนเล็กได้รับอาการมองค้อนนิด ๆ จากคนเป็นย่า ก่อนตามด้วยน้ำเสียงบอกถึงความหมั่นไส้

“ตาเล็ก แกนี่ชักจะเจ้าเล่ห์ใหญ่แล้วนะ”

คนถูกกล่าวหาว่าเจ้าเล่ห์ส่งเสียงหัวเราะร่วนราวกับชอบใจ ก่อนเอ่ยต่อเสียงระรื่น

“แต่ถ้าคุณย่ายังไม่สบายใจ จะเปลี่ยนเป็นเขียนแผนที่บอกผมก็ได้นะครับ”

คุณรัมภาเขม้นมองหลานชายคนเล็กอย่างนึกขวางปนหมั่นไส้ ก่อนที่ความเวทนาจะท่วมท้นความรู้สึกเมื่อมองต่อไปยังหลานชายคนรอง

“ผมรู้ครับ ว่าที่ผ่านมาผมทำไม่ดีกับบัว บางที...ผมอาจไม่คู่ควรกับบัวด้วยซ้ำ แต่...คุณย่าครับ ถ้าไม่มีบัว ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ของผมก็คงไม่มีความหมาย”

หญิงชราฟังคำสารภาพของหลานชายคนรองด้วยความรู้สึกปลอดโปร่งใจ แม้ไม่มีคำว่ารักหลุดออกมาจากปาก หากความหมายที่สื่อออกมา มันก็เกินพอ

“เอาเถอะ ไว้แกขอที่อยู่หนูบัวกับตาเล็กก็แล้วกัน”

แววตาของธัญเทพเป็นประกายอย่างมีชีวิตชีวาทันทีที่ฟังคำผู้เป็นย่าจบ ก่อนกระทำในสิ่งที่ใครคาดไม่ถึงด้วยการทรุดตัวลงบนพื้นพรมแล้วพนมมือไหว้ลงบนตักของคุณรัมภา

“ผมขอโทษสำหรับสิ่งไม่ดีที่ทำกับคุณย่า ขอบคุณครับ...สำหรับโอกาสที่จะให้ผมได้แก้ตัวกับบัวอีกครั้ง”

คุณรัมภาเพียงแต่ยิ้มกับคำบอกนั้น มือเหี่ยวย่นถูกยื่นไปลูบหลังไหล่ของคนเป็นหลานด้วยความรักที่มีในใจ ก่อนน้ำตาซึมกับคำพูดประโยคต่อมาของหลานชายคนรอง

“ขอบคุณนะครับคุณย่า ที่ส่งบัวเข้ามาในชีวิตของผม ผมโชคดีที่เกิดมาเป็นหลานชายของคุณย่า”

“ตากลาง...”

ธรณ์เทพมองภาพของย่ากับพี่ชายที่กำลังสวมกอดกันด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ ถึงแม้ดวงตาจะออกแดงนิด ๆ จากความซาบซึ้งกับสิ่งที่เห็น ก่อนภาวนาอยู่ในใจ

สาธุ...ขอให้หนูบัวของคุณย่าใจอ่อนยอมยกโทษให้กับพี่ชายของเขาด้วยเถอะ ไม่อย่างนั้น พี่ชายของเขาคงไม่มีความสุขกับชีวิตที่เหลืออีกเลย


********************


สวัสดีค่ะ พันวลีเอานิยายตอนใหม่มาส่งแล้วค่ะ แต่..สำหรับวันนี้มาแค่ตอนเดียวนะคะ เพราะช่วงนี้สมองทึบ ๆ ตัน ๆ ชอบกล อยากแต่งให้ได้ทุกวันก็ทำไมได้ แต่จะพยายามไม่ทิ้งช่วงจนนานเกินค่ะ..แล้วก็ ขอขอบคุณเพื่อน ๆ นักอ่านทุกท่านด้วยค่ะที่เป็นห่วงสุขภาพของคนแต่ง ตอนนี้หายป่วย สุขภาพดีเหมือนเดิมแล้วค่ะ

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์และโหวต Like ที่กดให้กันค่ะ

ปอยอะนะ : ขอโทษนะคะที่ทำให้รอนาน รู้ว่าคนอ่านดีใจที่ได้อ่าน คนแต่งก็มีความสุขค่ะ

รัชต์ : นายกลางบ่มิไก๊จริงล่ะค่ะ

nunoi : ขอบคุณค่ะ...นายกลางไม่ยอมปล่อยบัวไปหรอกค่ะ เพราะกำลังคิดจะไปตามถึงบ้านแล้ว

wane : ขอบคุณค่ะ

หมูอ้วน : ขอบคุณค่ะ...อย่างที่คุณหมูอ้วนบอกล่ะค่ะ นายกลางนี่ต้องให้คุณย่าช่วยจริง ๆ

kaero : ขอบคุณค่ะ...เรื่องนายกลางเนี่ยดูท่าจะยากกว่าเดิมจริง ๆ ล่ะค่ะ

เพลา : ขอบคุณค่ะ...จะร่วมด้วยช่วยกันสมน้ำหน้านายกลางอีกคนดีไหมหนอ หุ หุ

XaWarZd : ขอบคุณค่ะ..อยากเห็นพี่ใหญ่เจ็บก็ต้องรออีกนิดค่ะ (แหะ แหะ แต่แอบกลัวนิด ๆ ว่าพี่ใหญ่จะเจ็บได้ไม่สะใจคุณ XaWarZd)

anOO : ขอบคุณค่ะ...นายกลางคงคิดอะไรไม่ออกนอกจากวิธีนี้มั้งคะ แบบว่าความคิดถึงมันล้นอก อยากพบบัวใจจะขาดแล้ว หุ หุ

saralun : ขอบคุณค่ะ เอาตอนใหม่มาส่งแล้วค๊า

silverraindrop : ขอบคุณสำหรับความคิดถึงและความเป็นห่วงที่มีให้กันค่ะ...เรื่องหนูบัวเนี่ย อาจต้องใช้เวลาสักหน่อยค่ะ

dedy : ขอบคุณค่ะ

หญิงใหญ่ : ถึงตอนนี้พี่กลางจะน่าสงสาร แต่จะให้หนูบัวยอมดีด้วยง่าย ๆ นี่ก็คงลำบากค่ะเพราะพี่กลางทำร้ายจิตใจหนูบัวก่อน

nook : ขอบใจสำหรับการบ้านเน้อ..

katay : รับทราบและขอบคุณค๊า ^__^

Setia : แต่เหล็กกล้าก็อาจหลอมละลายด้วยไฟรักนะคะ (หุ หุ เลี่ยนได้อีกแฮะเรา)

kaze : ขอบคุณค่ะ

violette : ขอบคุณค๊า...แอบขำความเป็นห่วงของคนอ่านว่าพี่ใหญ่ว่าจะเจ็บไม่เท่าพี่กลาง หุ หุ คนแต่งจะห่วงพี่ใหญ่ดีมั๊ยเนี่ย 555

ป้าภา : ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงค่ะ

nickelodeon : 555 พี่กลางเนี่ยยังโชคดีที่มีคนสงสาร ส่วนมากมีแต่สมน้ำหน้าทั้งน้านนนนนน

แพม : นายกลางคงมัวแต่คิดว่าจะเจอบัวค่ะ ก็เลยไม่ทันคิดเรื่องคุณย่า

LAM : ขอบคุณค่ะ...หนูบัวต้องใจแข็งหน่อยล่ะค่ะ ก็ถูกพี่กลางทำร้ายจิตใจซะขนาดนั้น




พันวลี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.ย. 2554, 19:12:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.ย. 2554, 19:13:45 น.

จำนวนการเข้าชม : 3596





   ตอนที่ 37 >>
saralun 13 ก.ย. 2554, 19:30:29 น.
กำลังสนุกเลยคะ..แอบน้ำตาซึมตาม อิอิ


รัชต์ 13 ก.ย. 2554, 19:37:42 น.
ได้ลูกเขยอย่างนายใหญ่เนี่ยเกร็งๆพิลึก เหมือนอยู่สูงกว่าพ่อตา


ณัฐวีร์ 13 ก.ย. 2554, 19:51:31 น.
อ่านรวดเดียวจบทุกตอน สนุกมากเลยค่ะ


anOO 13 ก.ย. 2554, 19:51:43 น.
จะสมกวังกันทุกคู่แล้ว มาลุ้นให้นายกลางง้อบัวสำเร็จ


เพลา 13 ก.ย. 2554, 20:21:23 น.
"เพราะ...ที่ตรงนี้ มีคุณอยู่ในนั้น" อ๊ายหวานฉบับพี่ใหญ่ อยากให้หวานอีก อิอิ


xeve 13 ก.ย. 2554, 22:13:05 น.
รอเสมอ


Pat 13 ก.ย. 2554, 22:18:29 น.
พี่ใหญ่พูดน้อยต่อยหนัก ฮุกทีเดียวเข้าถึงใจน้องดา แล้วอย่างนี้น้องดาจะไปไหนรอด อิอิ ส่วนพึ่กลางจัดอีกนิดเถอะค่ะ เพราะยังไงสุดท้ายแล้วบัวก็คงแพ้ใจตัวเอง ^____^


nickelodon 13 ก.ย. 2554, 22:24:07 น.
lol >>> ไม่รู้จะเขียนอะไรดี คนอื่นมีความเห็นตรงกับเราไปหมดแล้ววว << ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ


หมูอ้วน 13 ก.ย. 2554, 22:49:34 น.
พี่กลาง จะง้อหนูบัวสำเร็จมั้ยหนอ เอาใจช่วยค่ะ


XaWarZd 14 ก.ย. 2554, 00:32:19 น.
สะใจนายกลางสุดๆ แต่สงสารหนูบัวต้องเสียน้ำตาอีกแล้ว อยากให้เอาคืนนายกลางนานๆ แต่ก็ใจอ่อนสงสารหนูบัว เอาไงดีเนี่ย
ส่วนพี่ใหญ่ ต้องมีบททดสอบนะฮะ ว่าสมควรได้หนูดามั้ย


violette 14 ก.ย. 2554, 01:02:03 น.
พี่ใหญ่นี่จะไม่ข่มไม่ได้เลยใช่มะเนี่ย ฮ่าๆ
หนูดานี่มาแนวนางเอกผู้แสนดีไม่มีทิฐิใดๆใสซื่อสุดๆ
นายกลางชักน่าสงสารแล้วสิคะเนี่ย แต่ก็นะทำตัวเองแท้ๆ
สงสารหนูบัวมากกว่า คราวนี้นายเล็กกับหนูแก้วเก็บไว้เป็นกามเทพให้นายกลางละกันเนอะ อิอิ


แพม 14 ก.ย. 2554, 01:45:55 น.
คุณใหญ่โชคดี หนูดาหายงอนอย่างเร็ว แต่คุณกลางเจอสาวอ่อนนอกแข็งในซะละ เหอะๆ


nunoi 14 ก.ย. 2554, 10:03:21 น.
พี่ใหญ่นี่จะไปง้อเค้ายังมีดุปนข่ม ได้อีก ดีน่ะที่บอกความในใจซะก่อน
เริ่มจะสงสารนายกลางซะแล้ว แต่ก็น่ะทำตัวเองแท้ๆ หนูบัวอย่าเพิ่งใจอ่อนน๊า


kaero 14 ก.ย. 2554, 11:16:37 น.
ทือซะไม่มีพี่ใหญ่ แอบลุ้นตัวโก่งกับคู่ของนายเล็ก


Setia 14 ก.ย. 2554, 23:39:09 น.
เอาให้หนักเลย หนูบัว จัดเต็ม!!
เอาให้นายกลางอ่วมเลย ทำกับบัวขนาดนั้น


หญิงใหญ่ 15 ก.ย. 2554, 15:33:22 น.
แหม...กว่าคุณใหญ่จะบอกรักได้ ต้องแงะกันออกมาเลยเนอะ...อ๊ะ..หนูดายอมๆก็ได้ แต่คุณกลางนี่ซิ ไม่รู้จะลุ้นยังไงดีอ่ะ ...กลุ้มวุ้ย !!!


ป้าภา 15 ก.ย. 2554, 15:47:33 น.
คิดถึงจึง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account