หอรักตำหนักเทียมฟ้า
ท่านชายผู้สูงศักดิ์ ถูกม่านประเพณีบีบบังคับให้แต่งงาน แต่ท่านยังเป็นสุภาพบุรุษ จวบจนกระทั่งท่านมีรักแท้ รักที่ต้องห้ามได้ทำให้ท่านเอาแต่ใจ
Tags: ช่วงชิง แก่งแย่ง ริษยา

ตอน: สมรสพระราชทาน

“ไม่รีบไม่ได้แล้วนะเพคะองค์หญิง”เอี้ยนเอ๋อยุเจ้านาย นางเองแอบรักเทียนจงไม่น้อยกว่านาย ดังนั้นการที่นายได้แต่งงานกัน นางจึงมีโอกาสได้เป็นน้อย หากไท้เทียนจงพอใจ
...ผลพลอยได้ของสาวใช้น่าตาดีมักมีความหวังว่าจะได้เป็นเมียน้อยของนายตัวเอง! หากใครไม่รู้คงคาดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องเช่นนี้ได้
องค์หญิงเล่อฉางแม้มีวัยมาก แต่นางยังไม่เดียงสาเรื่องนี้ดังนั้นจึงได้แต่อิดเอื้อนไปมา เอี้ยนเอ๋อจึงยุแหย่ให้หนักกว่าเดิม
“หากไม่ทูลพระสนมเอก บ่าวเห็นว่าคงมีสนมทคนอื่นตัดหน้าไป ไม่แน่ฮองเฮา หรือไทเฮาอาจจะพระราชทานเจ้าสาวให้ท่านชายเสียเองก็เป็นได้”
องค์หญิงเล่อฉางหัวใจหล่นลงไปกองที่พื้น เมื่อได้ยินเช่นนั้น ส่วนเอี้ยนเอ๋อสาวใช้เจ้าเล่ห์ยังยุยงต่อไปว่า
“คุณชายทั้งงาม ทั้งมีอนาคตไกล ท่านดูเป็นคนใจดียิ่งนัก อาจบางทีหากหญิงใดทำให้ท่านพอใจ ท่านอาจจะมีรักเดียวใจเดียว อย่างท่านอ๋อง ท่านบิดาของท่านชายก็เป็นได้ คิดดูเถิดจะมีหญิงสักกี่คนที่โชคดีอย่างพระชายาหลี่ฉิง ซึ่งครอบครองสามีอยู่คนเดียว”
“จะให้ข้าพูดอะไรกับพระมารดา”
“ก็พูดว่าท่านรักท่านชายมาก หากท่านไม่สมปรารถนา ท่านจะไม่ขอมีชีวิตอยู่”
“แล้วถ้าพระมารดาปล่อยให้ข้าตายล่ะ”
“ท่านกลัวอันใดกันเพคะ ขนาดท่านไม่ยอมไปแคว้นฉี พระสนมเอกยังรีบออกหน้า แล้วเรื่องง่ายแค่นี้มีหรือพระสนมจะไม่ตามใจท่าน”
“เอ่อ ข้า ข้าจะได้แต่งงานกับเทียนจงจริงหรือ ข้าแก่กว่าเขาสองปีทีเดียวนะ”
“แก่อ่อนไม่ใช่ปัญหาสักนิดเพคะ ปัญหาอยู่ที่ ท่านจะทูลพระมารดาเมื่อใดเท่านั้น”
องค์หญิงเล่อฉางฟังเอี้ยนเอ๋อกล่าวแล้วนางได้แต่บิดผ้าอย่างเก้อเขินไปมา สาวใช้ตัวดีกระแซะนายให้ทำตาม แต่นางกลับโดนองค์หญิงทุบตีเบาๆด้วยความอาย แต่ในใจอยากได้มากกว่า ดังนั้นองค์หญิงจึงนึกแต่เพียงลำพังตามคำบอกของสาวใช้ว่า ‘ไม่รีบไม่ได้แล้ว’
………….
ที่ตำหนักไทเฮา
องค์หญิงจินเหลียนแอบร้องไห้ด้วยความเสียใจ กระทั่งไทเฮามาเห็น พระนางรู้สึกตกใจมาก จึงได้ถามเอาความจริงไปว่า
“จินเหลียนเหตุใดจึงร้องไห้”
“หม่อมฉัน หม่อมฉัน”องค์หญิงจินเหลียน เข้ามาคุกเข่าต่อหน้าไทเฮา น้ำตาพานกลบตา ก่อนร่วงรินอย่างไม่ขาดสาย
“ช่างน่าละอายนัก ทั้งที่รู้ไม่มีวาสนาแล้ว แต่เมื่อคิดถึงชายคนนั้น หม่อมฉันอดที่จะเสียใจไม่ได้”
“ชายคนไหนกัน ไยเพิ่งมาบอกเอาป่านนี้”
“เพราะเหตุที่สายไปแล้วหม่อมฉันจึงได้แต่เสียใจ”
“เจ้าคงไม่ได้หมายความถึงเทียนจงหรอกนะ”
องค์หญิงก้มหน้าละอายใจ ไทเฮาส่ายพระพักตร์ไปมา ก่อนประคองนางขึ้นมาซับน้ำตา และปลอบโยน
“อยู่ใกล้เพียงมือเอื้อม เจ้ากลับปกปิดไว้มิดชิด เดี๋ยวนี้อ๋องแคว้นฉีได้มารับตัวเจ้าด้วยตัวเองเพราะความงามของเจ้าร่ำลือไปถึง อีกทั้งเจ้ายังเป็นธิดาอ๋องในรัชกาลก่อน ฐานะสูงส่งเขายิ่งพอใจ จะให้ถอยคืนเห็นจะไม่ได้แล้ว”
“ไทเฮาเพคะ หม่อมฉันทราบดีเพคะ เพียงแต่...”
“จินเหลียนเอย จินเหลียนของแผ่นดินเรา อย่าร่ำไห้ไปเลย ยังมีสตรีสูงศักดิ์มิใช่น้อยที่ต้องแบกรับหน้าที่นี้ ไม่เว้นแม้แต่เรา”
“ไทเฮา”
“เราเองได้ถูกเลือกเข้ามานั่งที่ตำแหน่งฮองเฮา เป็นดังหุ่นเชิดให้พวกผู้มีอำนาจ ทั้งที่เราเองก็มีใจให้กับชายคนอื่น แต่หน้าที่รักษาเผ่าของตนเองยิ่งใหญ่กว่านัก เจ้านับว่าโชคดี เพราะเราฟังมาว่าท่านอ๋องฉี ไม่ใช่บุรุษเจ้าสำราญ ไม่ใช่บุรุษอย่างฮ่องเต้รัชกาลก่อนที่มัวเมาสุรานารี ทอดทิ้งเราให้เดียวดายอยู่แต่ในห้องแห่งนี้เท่านั้น”
“โอ้...ไทเฮา เป็นพระกรุณายิ่งแล้วที่ทรงปลอบหม่อมฉันถึงขนาดนำความลับยิ่งกว่าลับมาเปิดเผยต่อหม่อมฉัน เห็นได้แล้วว่าทุกข์ของหม่อมฉันไม่เท่าทุกข์ของพระองค์สักนิดเดียว”
“ท่องจำไว้สี่คำจินเหลียนไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น คำนั้นสำหรับสตรี ซื่อสัตย์ ภักดี”
องค์หญิงมองความเมตตาของไทเฮาแล้วค่อยคลายทุกข์ลงได้บ้างแม้ความรักยังติดตรึงอยู่ในใจก็ตามที ทั้งนี้เพราะไทเฮาผ่านความทุกข์ใหญ่หลวงมาก่อนแล้ว ไม่มีใครไม่รู้ ฮ่องเต้รัชกาลก่อนเจ้าสำราญเพียงใด เอาใจใฝ่ในสนมอี้ จนไม่ทำราชกิจ สนมอี้กำเริบเสิบสาน กล้ากำแหงมาต่อล้อต่อเถียงต่อไทเฮา ซึ่งไม่อาจมีปากโต้ตอบไปได้ ฮ่องเต้ยังเข้าข้างว่าไทเฮาผิด จะลงโทษปลดไทเฮา
หากว่า ฮ่องเต้รัชกาลนี้ทรงเป็นองค์ชายกล้าแข็งนัก ทรงมีความยุติธรรมเป็นที่ตั้ง ทรงปกป้องพระมารดา สนมอี้จึงต้องล่าถอย สุดท้ายมีข่าวว่าสนมอี้กระโดดน้ำตาย ซึ่งแท้จริงแล้วอาจมีคนจับนางลงสระน้ำก็ได้ ฮ่องเต้จึงได้ตรอมพระทัย ข่าวว่าประชวรคลุ้มคลั่ง เชือดพระศอองค์เอง
เหตุนี้เป็นที่ร่ำลือว่าฮองไทเฮา ซื่อสัตย์ภักดี เฝ้าอยู่ที่ซอง(หีบ)พระศพกระทั่งนำไปฝังสุสาน พระนางตามไปเฝ้าที่สุสานจนกระทั่งพระโอรสรับกลับมา
ซื่อสัตย์ ภักดี แม้ฮ่องเต้รัชกาลก่อนไม่ดีต่อพระนาง แต่เมื่อถูกลอบปลงพระชนม์พระนางเอาชีวิตเข้าแลก แต่โดนกันออกมาเสียก่อน พระนางจึงอุทิศชีวิตทั้งชีวิตเสวยเจไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง และเชื่อฟังฮ่องเต้รัชกาลนี้ซึ่งเป็นพระโอรส ตามหลักประเพณี เชื่อสามี เมื่อสามีตาย เชื่อฟังลูกคนโต
‘นี่คือสตรีมีคุณธรรมของแผ่นดิน’
คิดแล้วองค์หญิงจินเหลียนค่อยๆตัดใจตนเองออกจากความรัก เริ่มเข้าใจตามคำของไทเฮา จะมีสตรีสักกี่คนได้แต่งงานกับคนรัก หรือจะมีสตรีสักกี่คนได้เป็นที่รักของสามี นางต้องทำหน้าที่พระมเหสีต่อไปด้วยความซื่อสัตย์ภักดี
ความจริงกับเรื่องในใจ จะเป็นไปตามนั้นได้มากน้อยเพียงใดหนอ?
“หม่อมฉันได้คิดแล้วเพคะไทเฮา”
“ความดีของเจ้าจะรักษาเจ้าเหมือนดั่งครั้งหนึ่งความดีได้รักษาเรามาแล้วจินเหลียน”
“หม่อมฉันขอทูลถามสักคำได้หรือไม่เพคะไทเฮา”
“ได้สิ”พระนางตอบด้วยพระเมตตา
“ทรงคิดหาสตรีให้กับท่านชายเทียนหรือไม่เพคะ”
“ไม่สักนิด เราไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้ หากชายไท้รักหญิงใดเขาควรได้รับความรักนั้น แต่หากเขาไม่ขัดข้องต่อการจัดการสมรสทั้งจากหลี่ฉิง หรือ ฮ่องเต้ เขาคงทำตามหน้าที่เช่นกัน”
จินเหลียนรับฟังด้วยความเงียบงัน
นี่หรือคือชีวิตของราชนิกุล ชีวิตที่มิอาจมีรักได้ดังใจปรารถนาของตนเอง!!
“เราได้ถามหลี่ฉิงว่าชายเทียนชมชอบใคร หลี่ฉิงบอกว่า ชายเทียนทำงานจนไม่มีเวลามองสตรี”
จินเหลียนถึงกับหัวเราะ เพราะที่ผ่านมาเป็นดังนี้จริงๆ ท่านชายไม่เคยมองสตรีคนใดเป็นพิเศษ ทั้งไม่มีเรื่องอื้อฉาวเรื่องความสำราญ เป็นดังนี้เองที่เขามากมีเสน่ห์นักหนา หญิงคนใดหนอจะเป็นผู้โชคดีนางนั้น…
“สตรีที่เป็นฮูหยินของท่านชายคงโชคดีนะเพคะ”
“ชายเทียนอ่อนโยนก็จริง แต่เขาเห็นแก่งานและการถวายงานฮ่องเต้เสียยิ่งกว่าอะไร สตรีที่เป็นภรรยาอาจจะมีเวลาว่างมาก เพราะชายเทียนไม่ได้อยู่กับนางเลยก็เป็นได้”
กล่าวจบทั้งสองจึงพากันหัวเราะเบาๆ กระทั่งมีเสียงร้องขานจากขันที
“เกี้ยวเจ้าสาวมาถึงแล้ว”
จินเหลียนถอนใจยาว ก่อนคุกเข่าคำนับไทเฮาสามครา
“ขอให้การสมรสพระราชทานในครั้งนี้ของเจ้า เป็นสิ่งที่ฟ้าประทาน มีแต่ความโชคดีของเจ้าจินเหลียน”
“ขอบพระทัยเพคะไทเฮา”
เมื่อมีการพบ ย่อมมีคำว่าจากกัน ดังนั้นเมื่อพบ แล้วต้องจาก ไม่ช้าก็เร็ว หากในใจองค์หญิงกำพร้าอยากอยู่ที่นี่มากกว่าไปเผชิญกรรมต่างแดน ดินแดนที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าและทะเลทราย!
........................
ที่ตำหนักจินกุ้ยเฟย
องค์หญิงเล่อฉางพกพาความในใจและความคาดหวังผลในความสำเร็จไปเฝ้าพระมารดาด้วยความรีบร้อน พระสนมเห็นพระธิดาองค์ใหญ่พระนางมองค้อนเล็กน้อยก่อนคาดการได้ว่าจะได้ฟังเรื่องอะไร แต่พระนางปิดปากเงียบไว้เพื่อดูท่าทีของพระธิดา
“ถวายบังคมเพคะพระมารดา”
“วันนี้ดูเจ้าไม่ทุกข์ร้อนเท่าไหร่ แต่ก็แปลกตาไม่น้อย จะว่าเหมือนดอกไม้ก็คงคิดว่าตัวเองเบ่งบานจนไม่สามารถต้านกระแสลมได้แล้ว ขณะนั้นเล่อหลิงวิ่งมาแต่ที่ใดไม่ทราบ ปากโป้งเอ่ยออกไปว่า
“เอี้ยนเอ๋อยุพี่หญิงให้มาขอพระมารดาให้สมรสกับท่านชายไท้เทียนจง”
“จุ เล่อหลิงเจ้านี่ปากดีนัก ตีให้ตาย”องค์หญิงเล่อฉาง ดึงข้อมือน้องสาวมาใกล้แล้วลงมือตีก้นนางสองที พระสนมดุไม่จริงจัง แล้วห้าม
“เล่อหลิงเจ้านี่ปากสว่างไม่สมกับเป็นราชนิกุลเอาเสียเลย ต้องตีแม่นมสักสิบไม้คงดี ช่างไม่ดูแลปล่อยให้เล่อหลิงซุกซนไม่ได้เรื่อง”
“หม่อมฉันสมควรตาย หม่อมฉันสมควรตายเพคะ”แม่นมองค์หญิงเล่อหลิงตบปากตัวเองแล้วรีบพาองค์หญิงวายร้ายเข้าไปในตำหนัก พระสนมเอ่ยตามหลังว่า
“เล่อหลิงนี่ช่างซุกซนนัก นี่เจ้าไปปรึกษาอะไรกันที่ไหนนางจึงได้รู้ งามหน้าเสียจริง”
“พระมารดาเพคะ ไหนๆก็รู้แล้ว ทรงจัดการให้หม่อมฉันได้สมหวังได้มั้ยเพคะ”
พระสนมจินกุ้ยเฟยพยักหน้านิดๆ ก่อนเอ่ยคล้อยตามไปด้วย
“ท่านชายแถวหน้าตอนนี้คนอนาคตดีไม่มีใครเกินไท้เทียนจง เขาเป็นขุนนางตั้งแต่อายุยังน้อย แม้ฮ่องเต้คุมสอบจอหงวนเขายังเข้าร่วมวินิจฉัย นับว่าสำคัญจนใครต่างอยากได้เป็นเขยนักหนา แต่ว่า ภายหน้า ท่านชายต้องมีภรรยาอีกไม่น้อย เจ้าอยากแต่งงานกับเขาเจ้าต้องใจกว้าง”
“แต่พระชายาหลี่ฉิงเป็นพระชายาองค์เดียวของท่านอ๋องนี่เพคะ หม่อมฉันอาจจะสามารถทำให้เขามีเพียงหม่อมฉัน”
พระสนมเหยียดยิ้มบางๆ มองพระธิดาแล้วนึกถึงตนเอง พระนางสามารถดึงพระทัยฮ่องเต้จากนางสนมนับพัน พระนางย่อมมีดี เรื่องนี้พระนางสามารถสั่งสอนพระธิดาได้
“เอาล่ะแม่จะเป็นธุระให้เจ้าอีกสักเรื่อง”
“ขอบพระทัยเพคะพระมารดา ขอบพระทัย”
“เรื่องคู่ครองเป็นเรื่องที่แม่ต้องทำเพื่อเจ้าอยู่แล้ว แม่จะหาโอกาสทูลเสด็จพ่ออีกที”
สุภาษิตจีนกล่าวว่า 15 อ่อน 16 กำลังดี 18 มากไป องค์หญิงองค์หญิงเล่อฉางอายุ 19 ปี จึงถือว่ามากไป ทั้งนี้ที่ท่านไม่สมรสเพราะไม่อาจหาคู่ที่เหมาะสมทั้งไม่ปรารถนาถวายตัวเป็นชายาท่านอ๋องใด ๆ ด้วยว่าท่านต้องการเป็นภรรยาคนเดียวของสามี เมื่อพานพบเจ้าชายเทียนจงเมื่อวันตามเสด็จพระบิดา พระองค์เกิดปฎิพัทธิ์ผูกพันถึงกลับไม่เป็นอันกินอันนอน จินกุ้ยเฟย ผู้เป็นมารดาจึงบังคมทูลฮ่องเต้ กล่าวถึงความดีความชอบของไท้เทียนจงเหมาะที่จะพระราชทานพระธิดาให้ ดังนั้นสมรสครั้งนี้จึงเป็นไปตามพระประสงค์
ราชโองการเรียกท่านอ๋องพร้อมครอบครัวเข้าเฝ้าที่ตำหนักส่วนพระองค์
ณ ที่นั้นฮองเฮา ฮ่องเต้ และพระสนมจิน ล้วนประทับอยู่ในที่อันควร
ท่านอ๋องไท้กวนนำหน้าพระชายา และท่านชายไท้เทียนจงเข้าเฝ้า โดยพร้อมเพรียง ท่านสะบัดปลายมือและคุกเข่าลงข้างหนึ่งเพื่อถวายบังคมองค์ฮ่องเต้
“ถวายบังคมฝ่าบาท ถวายบังคมฮองเฮา ถวายพรพระสนม”
“ไม่ต้องมากพิธี เราเครือญาติกันทั้งนั้นไท้กวน”
พระชายาย่อกายถวายบังคมตามประเพณี และไท้เทียนจงตามมา พระสนมจินกุ้ยเฟยได้มองอีกฝ่ายเต็มตาในเวลานี้ นางเข้าใจได้ทันทีว่า สตรีมากนักในวังย่อมต้องการเป็นภรรยาชายผู้นี้ทั้งนั้น แม้อายุของเขาจะเพียงสิบเจ็ดปี แต่เขามีความสง่างามกว่าองค์ชายทั้งหมดในวังหลวง
สมควรแล้วที่องค์หญิงเล่อฉางพระธิดาของพระนางจะรุ่มร้อนใจอยากแต่งงานกับชายผู้นี้ ดีอยู่ที่ฮองเฮาเห็นดีด้วย หาไม่พระนางคงยากที่จะคัดค้านฮองเอาผู้ที่ยังกุมอำนาจทั้งหมดของฝ่ายในได้
“เห็นเทียนจงอยู่ไม่นานนี้เอง เดี๋ยวนี้จะมีคู่ครองแล้ว”ฮองเฮาแย้มพรายออกมา พระชายาหลี่ฉิงมองพระพี่นางของพระสวามี
ท่านอ๋องมองสบพระเนตรพระพี่นางเล็กน้อย หวังพระทัยว่าจะได้เห็นการคัดค้าน หรือรอยยินดี เมื่อพระพี่นางของพระองค์พยักหน้าให้เล็กน้อย ท่านอ๋องจึงได้คลายพระทัยว่าเป็นความเห็นชอบด้วยกันทั้งสาม
ท่านอ๋องมีท่านชายไท้เทียนจงเป็นโอรสท่านเดียว ดังนั้นการที่จะรับฮูหยินเข้ามาในสกุลท่านจึงต้องเลือก แม้การพระราชทานครั้งนี้ท่านอ๋องยังต้องการความเห็นชอบจากฮองเฮา เมื่อฮองเฮาไม่คัดค้าน ท่านจึงไม่กล้าค้านเช่นกัน
ฮ่องเต้จึงได้รับสั่งด้วยความเมตตาต่อท่านชายไท้เทียนจงว่า
“ไท้เทียนจงมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ข้าอยากได้เป็นราชบุตรเขย เวลานี้เห็นมีองค์หญิงเล่อฉางถึงวัยเหมาะสม ข้าจะจัดงานมงคลนี้ พวกเจ้าเต็มใจรับลูกสาวข้าคนนี้เป็นสะใภ้หรือไม่”
“เป็นพระกรุณายิ่งแล้วฝ่าบาท”
“ฮ่า ฮ่า เช่นนั้นดี เราจะเลือกวันมงคลส่งเจ้าสาวไปให้สกุลไท้โดยเร็ววัน”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
ทุกอย่างได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ต่างฝ่ายต่างมีความคิดกันทั้งสองสกุล องค์หญิงเล่อฉางนับวันรอความสุขสมใจแทบไม่ไหว วันนี้ พระสนมมาเยี่ยมถึงตำหนัก องค์หญิงดีใจมาก จึงรีบออกไปต้อนรับลพระมารดา หลังเคารพตามประเพณีแล้ว ทั้งสองนางจึงได้เข้าไปภายใน
“พระมารดามีเมตตาต่อลูกจริงๆเพคะ”
“เจ้านี่ดีใจจนออกนอกหน้า ไม่รู้จักระวังกิริยาเสียบ้าง หากเทียนจงรู้ว่าเจ้ามีใจให้กับเขา ระวังเถอะว่าเขาจะใช้จุดอ่อนนี้มาขอมีเมียมากคน”
“เอ่อ...หม่อมฉันคงไม่ยอมหรอกเพคะ”
“องค์หญิงเล่อฉาง เจ้าไม่อยากมีเมียน้อยมาร่วมสามีเจ้าต้องรีบมีทายาทให้เร็ววัน แม่ส่งเจ้าไปวังนี้แม้ว่าเจ้าจะดีใจ แต่แม่อดห่วงเจ้าไม่ได้เรื่องแม่สามี”
“พระชายาหลี่ฉิงเป็นอย่างไรหรือเพคะพระมารดา”
“นางเป็นเจ้าหญิงที่ถือตัวที่สุด เพราะนางเป็นน้องสาวร่วมอุทรของฝ่าบาท นางจึงถือยศศักดิ์นัก ต่อให้เจ้าเป็นธิดาฮ่องเต้ก็จริงแต่เจ้าต้องยำเกรงนางให้มากรู้มั้ย แต่เจ้ายังมีความโชคดีประการหนึ่งในความถือตัวของหลี่ฉิง”
“หม่อมฉันควรยินดีเรื่องใดเพคะ”
“หลี่ฉิงจะไม่มีวันรับเลือกคนร่วมสกุลส่งเดช”
“พระมารดามีลูกหลายคน โปรดชี้แนะหม่อมฉันด้วยเพคะ หม่อมฉันไม่อยากรับใครเข้ามาร่วมสามี”
“องค์หญิงเล่อฉาง เป็นเมียจอมคนเจ้าต้องใจ กว้าง แต่เอาเถอะแม่จะบอกเจ้าไว้สามอย่างสำหรับการเป็นภรรยา เพื่อผูกใจสามี”
“ลูกของรับการสั่งสอนเพคะพระมารดา”
“หนึ่ง อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ถือสาหาความร้อนเข้าใส่ สองโอนอ่อนผ่อนตามไม่ว่าเขาปรารถนาสิ่งใดในตัวเจ้า” องค์หญิงหน้าแดงระเรื่อ “สามห้ามริษยาต่อหน้าสามี”
“เพคะพระมารดา ลุกน้อมรับคำสั่งสอนไว้ให้ขึ้นใจเพคะ”
“ทำได้ย่อมดีกับชีวิตคู่ของเจ้า องค์หญิงเล่อฉาง”
องค์หญิงโดนความรักบังตา ไม่ว่าเรื่องใดที่จะนำพาให้นางได้สมหวังนางย่อมมีใจเปิดรับ หากว่า นางไม่รู้ในความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคู่สามีภรรยา นั่นคือ...ความหึงหวง สิ่งนี้เองที่จะบดบังความมีน้ำใจ หรือความใจกว้างให้แคบลง
........................
ที่ตำหนักจันทร์ลอยดวง
ท่านอ๋องไท้กวน นั่งบนเก้าอี้ พระชายาหลี่ฉิง นั่งด้านข้างเป็นเก้าอี้ตัวเดียวกัน ส่วนเก้าอี้เดี่ยวนั้นท่านชายไท้นั่งฟังการสนทนาของท่านพ่อท่านแม่ด้วยความเคารพ ท่านมีนิสัยอ่อนโยนเป็นพื้นฐาน ดังนั้นจึงเป็นลูกชายที่ได้ดังใจพ่อแม่ยิ่งนัก
“แม่ไม่รู้จักองค์หญิงเล่อฉางสักเท่าใด เจ้าเองเล่าเทียนจง เคยพบนางบ้างหรือเปล่า”
“เคยพบอยู่สองครั้ง แต่ไม่เคยสนทนากันครับพระมารดา”
“นางสวยถูกใจเจ้ามั้ยเล่า”
ท่านชายแย้มยิ้มบางๆ ท่านเคยพบองค์หญิงแม้ไม่ได้มองลึกซึ้งแต่ได้เห็นว่าอีกฝ่ายงดงามไม่น้อย
“นางอายุมากกว่าเจ้าสองปี การไม่ออกเรือนไปง่ายๆแสดงว่านางอาจจะแอบชอบเจ้าก็เป็นได้นะเทียนจง”
“เอ่อพระมารดาทำไมกล่าวเช่นนี้เล่าครับ นางจะมาชอบลูกด้วยเรื่องใดในเมื่อลูกไม่เคยพูดคุยกับนางสักครั้ง”
“เทียนจง อย่าถ่อมตัวไปเลยเจ้า นี่หากเจ้าเป็นองค์ชายล่ะก็คงมีสนมนับร้อย”
“ลูกไม่ได้เห็นเรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญเลยครับท่านแม่ ว่าแต่ท่านแม่มีความเห็นเรื่ององค์หญิงว่าอย่างไรครับ”
“จากนี้ให้เจ้าเรียกนางว่าองค์หญิงเล่อฉาง เพราะนางเป็นเมียเจ้า หากเรียกองค์หญิงนางจะข่มเจ้าได้ แม่ไม่ชอบใจกับเรื่องนี้นัก”
“เอ่อครับพระมารดา”
“ก่อนหน้าที่จินเหลียนไปแคว้นฉี แม่ได้ข่าวว่าหน้าที่ไปเป็นขององค์หญิงเล่อฉาง แต่มีการเปลี่ยนตัวกัน และมามีเรื่องสมรสพระราชทาน แม่จึงมั่นใจว่า องค์หญิงเล่อฉางต้องชอบเจ้าและพระสนมเป็นคนทูลฮ่องเต้และฮองเฮา”
“เรื่องนี้อาจจะเป็นวาสนาผูกพันกันก็ได้ครับ”
“เจ้านี่อ่อนโยนอย่างที่เขากล่าวขวัญกันจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าต่อไปจะเมียเดียว”
ไท้เทียนจงร้อนที่ใบหน้าวูบหนึ่ง เขาเป็นชายหนุ่มโดยทั่วไป หากยังไม่เคยได้แต่งงาน การแต่งงานครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตหนุ่ม เขาเองรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย อดไม่ได้ที่คำนึงถึงเรือนร่างของหญิงสาว ที่ซุกซ่อนในอาภรณ์มิดชิด
...องค์หญิงเล่อฉาง เจ้าจะงามเพียงใด ยามที่เจ้าเปลือยออกจากร่างเจ้าโดยสิ้น ข้าอยากเห็น อยากสัมผัสว่าเจ้าจะมีความนุ่มเนียนละมุนมือมากน้อยเพียงใด
เจ้าจะเป็นอาชา หรือเป็นเหมยบอบบางน่าถนอมกันหนอ!!



นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 เม.ย. 2554, 19:09:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 เม.ย. 2554, 19:09:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 2632





<< ท่านชายเจ้าเสน่ห์   กฏบ้านอันเคร่งครัด >>
Zephyr 11 เม.ย. 2554, 19:05:10 น.
เชียร์จินเหลียน อิอิ เอหรือจะเป็นเล่อฉางน้าาา พระเอกนี่ท่านชายไท้แน่ๆป่าวหนอ หรืออ๋องอีกแคว้น หรือจะมีสองคู่ อ้ากกก ไม่เดาดีกว่า รอตอนต่อไปค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account