เกี่ยวหัวใจ...ใส่ห้องรัก ~*My sweetest roommate*~
ดันต้องอยู่ใกล้แบบกำแพงห้องกั้นกับหนุ่มหล่อ ปากจัด กัดหนัก หน้าตายแบบ"ทฤษฎี"...สาวน้อยหน้ามน"สุนทรีย์" ที่หนีรักจากเมืองไทย จะตกหลุมมรักครั้งใหม่อีกครั้งหรือไม่...
Tags: รูมเมท,ปากจัด

ตอน: บทที่ 6 : ผู้ชายเอาแต่ใจ

บทที่ 6 : ผู้ชายเอาแต่ใจ



“อยากตากก็ลองดู....ชิ...ตอบแบบมนุษย์ทั่วไปไม่ได้รึไง” สุนทรีย์ได้แต่ทำปากยื่นปากยาวเลียนแบบเสียงของชายหนุ่มที่พูดทิ้งท้าย พลันระบบท้องไส้ก็เริ่มร้องเรียกหาอาหาร...หิวเว่ยยยยยย





“พี่อิ๋วค่ะ...เพลงหิวอ่ะค่ะ รบกวนขอเอาของในตู้เย็นทำอะไรทานหน่อยได้ไหมค่ะ”



ไม่มีเสียงตอบรับจากบุคคลที่สุนทรีย์สนทนาด้วย หล่อนจึงตัดสินใจเดินไปหาชายหนุ่มตรงโซฟา กลับพบว่าเขากำลังนั่งมองโทรทัศน์แบบไม่วางตา หล่อนจึงเดินเข้าไปใกล้ๆพร้อมทั้งโบกมือที่ด้านหน้าของเขา จนทำให้ร่างสูงสะดุ้ง



“อะไร”



“เพลงจะขอยืมกับข้าวทำอาหารทานหน่อยค่ะ” ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่ยืนค้ำหัวเขาอยู่...คิ้วเรียวเลิกสูง ยังคงตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่ เค้ากำลังลุ้นผลบอลอยู่พอดี อยู่ดีดีหล่อนก็เดินมาโบกไม้โบกมือใกล้ๆอีก.....แต่จะว่าไปแล้ว หล่อนตัวเล็ก ยิ่งพิศในระยะใกล้ก็ยิ่งน่ามอง...เฮ้ยยยยย ไม่ได้



“ทำเป็นเหรอ” ทฤษฎีพยายามทำเสียงราบเรียบไม่อยากให้อีกฝ่ายผิดสังเกต



“เป็นค่ะ...พี่อิ๋วทานด้วยกันไหมเดี๋ยวเพลงทำเผื่อ” สุนทรีย์ตอบไปก็ยิ้มแก้เก้อไป....ชายหนุ่มจึงแค่พยักหน้าเบาเบา จนร่างเล็กเดินกลับไปยังห้องครัว...



สุดท้ายแล้ววันแรกของการอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหม่ของสุนทรีย์ก็เป็นไปอย่างเรียบง่าย อาหารมื้อค่ำโดยฝีมือหล่อนจบลงด้วยดี แม้จะไม่มีการสนทนาใดใดก็ตาม อาจเป็นเพราะหล่อนไม่รู้จะเริ่มทักพี่เขาเช่นไร จะให้สนิทสนมแบบตอนบนเครื่องบินก็ไม่ใช่..สิ่งที่หล่อนรู้สึกได้เมื่อมองใบหน้าตี๋บวกกับผิวขาวขาวของชายหนุ่มก็ทำให้หญิงสาวเกิดอาการหน้าแดง แม้ชายหนุ่มออกจะเงียบๆ พูดน้อยเพียงไร แต่หล่อนก็ยังแอบชื่นชมในความมีน้ำใจของเขาอยู่ดี



“เป็นไงบ้างไอ้เพลงมึง...” หลังจากที่ทฤษฎีนำโทรศัพท์มาให้หล่อน เพื่อนหนุ่มก็แผดเสียงร่าเริงทักทายทันที



“สบายยยยย...แต่พี่มึงดุไปป้ะว่ะ” หญิงสาวพยายามป้องปากพูดเสียงแผ่วเบาในโทรศัพท์ แม้จะอยู่ในห้องตามลำพัง แต่ก็ไว้ใจไม่ได้ เราอยู่บ้านเขา ขืนพูดอะไรออกไปได้ไปนอนข้างทางแน่



“เหรอว่ะ...ปกติเฮียขี้เล่นนะ หรือกลัวมึงกินเปล่าว่ะ”



“ไอ้บ้า...กูคนนะไม่ใช่ยักษ์”





“ไม่รู้ว่ะ..เฮียคงไม่คุ้นกะมึงมั้ง เดี๋ยวอยู่ไปนะมึงจะรู้เอง” ทัศนัยได้แต่กล่าวปลอบเพื่อนสาว ปกติเฮียอิ๋วของเขาเป็นคนค่อนข้าวมนุษยสัมพันธ์ดีเลิศกับหญิงสาวอยู่แล้วโดยเฉพาะสาวสาวหน้าตาดี ซึ่งทัศนัยก็ยังงง ไม่ใช่ว่าสุนทรีย์ไม่น่ารัก หรือหน้าตาไม่ดี จะว่าไปมันก็หน้าตาเข้าวัดได้ แปลกดี.....



“แต่เฮียมึงน่ารักว่ะ” สุนทรีย์แอบพูดเบาเบา พร้อมกับหน้าแดงเล็กเล็ก



“ฮั่นแน่...อย่ารักเฮียกูนะมึง เดี๋ยวจะอกหักซ้ำอีก ตั้งใจเรียนไปก่อน เฮียกูไม่สนคนแบบมึงหรอก” สุนทรีย์ได้แต่ส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ ไอ้คำว่าคนอย่างหล่อนนี่มันเป็นยังไง....

“ก็ชอบเฉยๆ เฮียมึงมีน้ำใจ แถมหล่อตี๋มีสไตล์ขนาดนี้...กูก็ชอบเป็นธรรมดา ไม่จริงจังหรอก”



“เออ..ดีแล้ว เดี๋ยวน้ำตาเช็ดหัวเข่ากูขี้เกียจไปปลอบ..ไหนขอคุยกะเฮียกูแปบนึงดิ”



สุนทรีย์บอกเพื่อนหนุ่มให้รอสายสักครู่ หล่อนจึงเดินออกนอกประตู้ห้องของตัวเอง ตรงไปเคาะห้องของบุคคลที่ปลายสายต้องการพูดคุยด้วย รออยู่สักพัก ชายหนุ่มใยห้องกลับเปิดประตูออกมาด้วยสภาพผ้าขนหนูสีเทา....ที่เนื้อตัวและเส้นผมมีหยดน้ำเกาะ โอ้ววววว.....สุนทรีย์ได้แต่ยืนนิ่งลืมคำพูดไปจนหมดสิ้น ถึงแม้หล่อนจะเคยเห็นผู้ชายนุ่งผ้าเช็ดตัว....แต่ให้ตายเถอะไม่มีใครที่กล้ามเป็นมัดๆ และผิวขาวเป็นหยวกกล้วยได้เท่าพี่อิ๋วเลย....ยาดมด่วนนนนนนนนนนน



“มีอะไร” ชายหนุ่มเพียงแต่ก้มลงสภาพตัวเอง แต่เท่านั้นเค้าก็เบนสายตามาที่หญิงสาวที่ยืนตรงหน้า...ทำหน้ายังกับไม่เคยเห็น



“อ่ะ...เอ่อ....เอิ่ม...”





“เอิ่มเสร็จค่อยเรียก” บุรุษผ้าเช็ดตัวทำท่าจะปิดประตูห้องลง





“เอ่อ....อ้นอยากพูดสายด้วยค่ะ” สุนทรีย์รีบยื่นโทรศัพท์ในมือตัวเอง พร้อมทั้งก้มหน้าลงต่ำ...มองนานไม่ได้ หล่อนอายยยยยยยยย



เพราะหล่อนก้มหน้าเลยไม่เห็นมุมปากที่ยกสูงขึ้นจากบุรุษตรงข้าม....



สุนทรีย์รีบวิ่งกลับเข้าห้องอย่างรวดเร็ว ยกมือขึ้นทาบอกแล้วจึงใช้มือทั้งสองข้างแนบแก้มตัวเอง ความรู้สึกร้อนวูบวาบมาเป็นระยะๆ ไม่อยากเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งเลยยย
หน้าแดงแบบไม่น่าให้อภัยเป็นแน่......



หลังจากที่นั่งเอามือแนบแก้มตัวเอง อย่างเหม่อลอย คิดถึงกล้ามซิคแพคและหยดน้ำที่สร้างความปั่นป่วนในช่องท้องสักพัก เสียงประตูห้องของหล่อนก็ดังขัดขึ้นอีกครั้ง และหล่อนก็คาดเดาได้ว่า คราวนี้คงเป็นชายหนุ่มกล้ามโตพี่ชายนายอ้นเป็นแน่....




“โทรศัพท์”
ชายหนุ่มยื่นเครื่องมือสื่อสารตรงหน้าให้ สุนทรีย์ได้แต่ก้มหน้าก้มตาหยิบมาจากมือ พลันนึกได้ว่า ตอนนี้เค้าไม่ได้อยู่ในชุดวาบหวิวแล้ว




“ค่ะ”




“เดี๋ยว.........” หญิงสาวกำลังจะปิดประตูห้องของตัวเอง เสียงทุ้มก็ดังขัดขึ้น





“พี่อิ๋วมีอะไรค่ะ”





“กินเบียร์เป็นเปล่า”
หญิงสาวเลิกคิ้วสูง ทำตาโต อย่างสงสัย ถามหล่อนเนี่ยนะว่ากินเบียร์เป็นรึเปล่า ...





“เป็นค่ะ แต่ไม่ค่อยชอบ มันขม กินแล้วอ้วนด้วย แล้วอีกอย่างเพลงว่าจะ.....






“กินเป็นเพื่อนกันหน่อย”

ชายหนุ่มพูดเท่านั้นก็หันหลังเดินลงบันไดไปยังชั้นล่างทันที....สุนทรีย์ได้แต่สงสัย เอ๊.....พี่ไอ้อ้นหูตึงเหรอว่ะ หญิงสาวได้แต่เกาหัวแกรกๆ เอาว่ะ ตอนนี้เค้าคือผู้กุมอำนาจ หล่อนคือ ทาสสาวผู้ยากไร้ ทนโว๊ยยยยทนนนนน





สุนทรีย์ได้แต่เดินตึงตังลงตามบันไดไปยังชั้นล่าง แสงไฟสลัวส่องสว่างมาจากห้องนั่งเล่น หญิงสาวค่อยค่อยก้าวเท้า ขยับตัวอย่างช้าช้า ชะโงกหน้ามองภายในห้อง แต่กลับไปพบใคร สุนทรีย์ได้แต่เกาหัวตัวเอง...พี่ไอ้อ้นนี่เป็นนินจาแน่แน่ เมื่อกี้เพิ่งเดินลงมาเอ๊งงงงง





“อ้าว...ลงมาทำไม”
เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลังของหญิงสาว หล่อนทำได้เพียงสะดุ้งสุดตัว เย้ย....ผีรึไงกันเนี่ย




“กะ...ก็ เพลงจะ....จะมา....ทานเบียร์เป็นเพื่อนพี่อิ๋วไงค่ะ”
ชายหนุ่มได้แต่พยักเพยิดหน้าไปยังตู้เย็น เหมือนเป็นเชิงจะบอกใช้ว่า ถ้าจะกิน ก็ไปหยิบจากตู้เย็นมา




“เออเว่ย...คนจะกินเป็นเพื่อน ยังต้องบริการตัวเองด้วย...เยี่ยมจริง ชีวิตทาส” ได้แต่บ่นงึมงำเบาเยากับตัวเอง ทั้งที่สาเหตุที่หล่อนเดินลงบันไดมานั้น ตัวเองย่อมรู้อยู่แก่ใจ...




สุนทรีย์เดินถือกระป๋องเบียร์ค่อยค่อยเดินเข้าไปนั่งยังโซฟาตัวข้างๆที่ชายหนุ่มนั่งอยู่ก่อนหน้าแล้ว



“คิดไงถึงมาเรียนภาษาที่นี่”



ประโยคเริ่มต้นมาจากชายหนุ่มด้านข้าง โดยที่สายตาเค้ายังคงจดจ้องอยู่ที่จอโทรทัศน์ สุนทรีย์ได้แต่งง เค้าคุยกับโทรทัศน์หรือกับหล่อน



“ไม่ได้ยินเหรอ”



“อ่อ....ก็เพลงเห็นพี่อิ๋วมองหน้าโทรทัศน์ ไม่คิดว่าจะคุยกะเพลง” คราวนี้หล่อนเลยได้เห็นหน้าของชายหนุ่มอย่างสมใจนึก แต่สายตากร้าวที่ส่งมานี่สิ...ก็แหม...อาจารย์เคยสอนว่า เวลาจะพูดจากับใครก็ต้องมองหน้าผู้พูด มันถือว่าเป็นการให้เกียรติกันนะเออ



“แหม...แซวเล่นนิดหน่อยเองพี่อิ๋ว กินเบียร์นะ ไม่ได้ประชุมเชิงวิชาการ ฮาฮาหน่อย กินแบบนี้มันดูเครียดอ่ะพี่” หล่อนพยายามยิ้มแก้เก้อ..แต่มันช่างเป็นยิ้มที่แห้งที่สุด เพราะสายตากร้าวจากบุรุษที่นั่งข้างๆ หล่อนจึงเสมองกระป๋องเบียร์พร้อมทั้งพูดเชิงแชวเล่น



“ตกลงจะตอบคำถามไหม” คราวนี้ชายหนุ่มไม่ละสายตาจากหญิงสาวเลย ในเมื่ออยากให้จ้อง ก็จะจ้อง!!!!



“ก็.....ก็ อยากมาคุยกับเทพีเสรีภาพ” หล่อนไม่ทันสังเกต ว่าชายหนุ่มแอบสะอึกกับคำตอบเพ้อเจ้อของหล่อน เขาอยากจะหัวเราะดังดังออกมา นี่หล่อนพูดจริงหรือต้องการจะกวนประสาทกันแน่





“สติดีรึเปล่า”




“อ้าว....ก็อยากมาเรียนเพิ่มพูนทักษะทางภาษาอ่ะ ส่วนทำไมต้องที่นี่ ก็อยากมาเที่ยวนิวยอร์คอ่ะค่ะ” ชายหนุ่มได้แต่พยักหน้ารับรู้ แล้วจึงเบนสายตาไปดู การแข่งขันฟุตบอลในหน้าจอโทรทัศน์แทน




“ดูบอลได้ไหม”





“สบายพี่....เพลงชอบดู ตอนเรียนมหาลัยนะ โหยยย พนันกันมันอ่ะ”

หญิงสาวพูดไปก็มองที่จอการแข่งขัน ขณะที่สายตาของชายหนุ่มกลับมองมายังด้านข้าวของหญิงสาว สงสัยจะแปลกแบบที่น้องชายเค้าบอกจริงจริง...ผู้หญิงอะไรชอบดูบอล






“รู้จักกับอ้นนานยัง”






“นานแล้วค่ะ...ก็ตอนปีหนึ่ง เป็นบัดดี้กัน เลยสนิทกันมาตลอด ไม่ว่าจะออกค่าย ทำกิจกรรมก้ทำด้วยกันตลอดค่ะ”
หญิงสาวตอบคำถามชายหนุ่มแต่หาได้หันมามองคนตั้งคำถามไม่ การแข่งขันมันช่างเมามันจริงจริง





“คุยกับโทรทัศน์เหรอ”
น่านนนนนน...หญิงสาวได้ยินประโยคประชดประชันทันที เอาเว่ย....งั้นมานั่งจ้องหน้าคุยกันเลยดีไหม





“พี่อิ๋วต้องการอะไร” ในเมื่อเค้ามาเล่นแง่ คนอย่างหล่อนก็ไม่ค่อยชอบเล่นตามเกมส์ใคร





“ตัวเองบอกเองว่าต้องมองหน้าคนถาม....ก็ลองถามดูเห็นมองแต่โทรทัศน์”





เออเว่ย....เพลงได้แต่ครางตอบในใจ พี่ชายไอ้อ้นนี่มันกวนประสาทระดับโลกจริงจริง





“งั้นจ้องหน้าคุยกันดีไหมพี่....ใครหลบตา กินหมดกระป๋อง อ้วกไม่นับ หลับเป็นแพ้!!!!!!!!”





“หึหึ” ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มมุมปาก ในขณะที่หญิงสาวเกิดอาการอยากเอาชนะมาซะดื้อๆ ทำเป็นพูดจาประหยัดคำ แถมยังยียวน ทิ้งปรายสายตามาให้หล่อนอีก หึหึ..รู้จักคนอย่างสุนทรีย์น้อยไปแล้ว ความบ้าบิ่นเข้าครอบงำหล่อนอย่างเต็มกำลัง.........


กระป๋องของเครื่องดื่มมึนเมาถูกดื่มและวางเรียงรายบนโต๊ะเบื้องหน้าโซฟา เมื่อแอลกอฮอล์เพิ่มในเลือดมากขึ้น ความบ้าบิ่นของสุนทรีย์ก็เพิ่มขึ้นตาม ทฤษฎีได้แต่หรี่ตาเล็กเล็ก มองหญิงสาวที่ตอนนี้ฮัมเพลง ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่บวกกับใบหน้าแดงก่ำของหล่อน... เด็กน้อย แค่สี่กระป๋องก็เริ่มอารมณ์ดีผิดมนุษย์ซะล่ะ เขาแอบอมยิ้มที่มุมปากแล้วจึงกระดกกระป๋องของเหลวส่งผ่านเข้าลำคอ



"ฮั่นแน่........แอบมองงงงงงงง" หญิงสาวที่ตอนนี้สติสัมปะชัญญะถดถอย หันหน้ามาส่งยิ้มตาหยี




"เหอะ......" เสียงทุ้มหัวเราะเยาะในลำคอ




"อย่ามาทำเสียงแบบนี้นะ!!!!!" ความบ้าบิ่นทำให้หล่อนกล้าที่จะยืนขึ้นแล้วใช้มือชี้หน้าบุคคลที่เพิ่งทำเสียง เหอะ ใส่หล่อน



"พาลแล้ว"



"เฮ้ย.....ใครพาล พี่อิ๋วก็อย่ามาทำเสียงดูถูกเพลงแบบน้านนนนนนนนนน"




"เมาแล้วไปนอนเถอะ"



"ครายยยยยยยยยยยย.....ครายมาววววววววว ไม่มี๊ ไม่มี" นิ้วชี้เรียวยกขึ้นมาส่ายไปมาตรงหน้าของเค้า




"หมดกระป๋องนี้แล้วแยกย้ายกันนอน" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งยกกระป๋องเครื่องดื่มขึ้นสูง จากนั้นจึงดื่มเพียงรวดเดียว



"เฮ๊ยยยยยยยยยยยยย....อ้วกไม่น้าบบบบบบบ หลับเป็นแพ้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! เอางี้ๆ มาเล่นเกมส์ความจริงหรือท้าทายกัน สนใจป้าววววววว......ลุง" ทฤษฎีตาลุกวาวทันทีที่หญิงสาวเอ่ยสรรพนามคำสุดท้าย พร้อมทั้งเคลื่อนหน้าหล่อนเข้ามาใกล้เขา แถมหล่อนยังแอบส่งรอยยิ้มเยาะเย้ย หลังจากเรียกเค้าว่า "ลุง"




"อย่าหาว่ารังแกเด็กแล้วกัน"




"โอ๊ยยยยย...’ดับนี้แล้ว " พูดพลางพร้อมทั้งเอามือตบหน้าอกตัวเองเบาเบา...กร่างใช่ย่อย



ทฤษฎีเดินไปยังตู้โชว์หยิบกล่องกระดาษที่วางอยู่ข้างๆรูปถ่ายของเค้า แล้วจึงเดินมายังโซฟาที่นั่งตัวเดิม

การละเล่นเริ่มขึ้นเมื่อทฤษฎีแสดงความเป็นสุภาพบุรุษให้เกียรติหญิงสาวเริ่มก่อน ไพ่ใบแรกที่หญิงสาวหยิบได้คือ สิบข้าวหลามตัด หล่อนทำท่ายินดีปรีดากับแต้มสูงของตัวเองเป็นอย่างมาก ชูไพ่แกว่งไปมาท้าทายสายตาของทฤษฎียิ่งนัก



“โหยยยยย...พี่อิ๋ววววววว เพลงได้ตั้งสิบบบบบบบบบ”




“คิง โพธิ์ดำ” ชายหนุ่มยื่นไพ่ของตัวเองไปที่หน้าหญิงสาว




“เฮ้ยยยยย..โกงป่ะเนี่ยยยยยย ทำไมได้ไพ่ขอบอ้ะ”





“ความจริง ท้าทาย” ชายหนุ่มไม่รอให้หญิงสาวเอ่ยคำพูดนอกจากนั้น ของแถมที่ได้เลยเป็นค้อนวงใหญ่จากหญิงสาวหน้าแดงก่ำ





“ท้าทาย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” สายตาและน้ำเสียงที่มุ่งมั่นจากหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มถึงกับแบะปากพยักหน้าน้อยๆ เป็นเจ้าแห่งความลับนี่เอง สงสัยจะเยอะจนต้องปกปิด



“วอดก้า สองชอต กับ เบียร์หนึ่งกระป๋อง” ชายหนุ่มพูดจบจึงเดินไปบังห้องครัวอีกครั้งแล้วจึงกลับมาพร้อมกับขวดเครื่องดื่มมึนเมาสีใสทรงสูง สุนทรีย์ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ พี่ไอ้อ้นนี้เล่นแรงเว่ย




“ไม่กินก็ได้ ถ้าคออ่อน”




โอ้โห........เหยียดหยาม พูดอะไรพูดได้อย่ามาว่าเด็กคณะนี้คออ่อน ไม่ย๊อม ไม่ยอม ฆ่าได้หยามไม่ได้ ต้องปกป้องศักดิ์ศรีแล้ว (แอลกอฮอล์ในกระแสทำให้ความคิดของหล่อนทำงานช้าและทำงานผิดอย่างมากโข)




“จัดปายยยยยยยยยยยยยยยยยย” แม้น้ำเสียงจะบ่งบอกถึงสติที่ไม่ครบ แต่ใจสู้ซะอย่าง ชายหนุ่มได้แต่เลิกคิ้วพร้อมทั้งอมยิ้มในความกล้าของเพื่อนน้องชาย ห้าวอย่างที่นายอ้นมันว่าจริงจริงด้วย



แก้วเล็กที่เต็มไปด้วยเครื่องดื่มสีใส มองเผินเผินอาจคิดว่าเป็นน้ำเปล่า แต่หากใครได้ลิ้มลองแล้วจะรู้ว่า ฤทธิ์ของมันไม่ได้ดูใสเลย ข้อนี้สุนทรีย์รู้ดี เพราะเด็กในคณะต่างพากัยกล่าวขานเครื่องดื่มมึนเมาชนิดนี้ว่า ดื่มวอดก้า...ชีวาวอดวาย




“เอาไง....ต่อไหม”




นี่แค่เครื่องดื่มสีใสที่ขมปร่าบาดคอร้อนลุกลามไปยังกระเพาะเพียงสองแก้วเล็ก ก็ทำเอาหล่อนร้อนวูบวาบไปแล้ว นี่ยังเหลือเบียร์อีกกระป๋องนะเนี่ย...นี่หล่อนกำลังเข้าแข่งขัน ดื่มเอาโล่ห์รึไง





“ต่อเด่ะ...จาดมาเล้ยยยยยย อีกกราป๋องงงงงงงงง” เริ่มพูดไม่รู้เรื่อง ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ ปากเก่งไม่เข้าท่า ตัวกระเปี๊ยกเดียว ทำเป็นเก่ง





“ไปนอนเถอะ” ชายหนุ่มพยายามดึงร่างเล็กที่กำลังเอามือปัดป่ายคลำหากระป๋องเครื่องดื่มสีเหลืองตามคำท้าทาย




“ม่ายยยยยปายยยยยยย ยางงงงม่ายยยด้ายยยยกินนนนนนนเบียร์เล้ยยยยยยยย...เอิ้ก” เรื้อนเลย ชายหนุ่มพยายามจะพาร่างเล็กที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความดื้อดึง ปกติก็ใช่ย่อยนี่มีเครื่องดื่มมึนเมาเป็นตัวกระตุ้นชั้นดี แรงยิ่งเพิ่ม




สุนทรีย์รู้สึกตัวเพียงเลือนรางแค่ว่า ทั้งบ้านถูกแยกเป็นสองภาพซ้อนกัน แล้วหล่อนก็ถูกยกขึ้น แต่ยกไปไหนนี่สิ หล่อนยังมึนงงอยู่...เอ๊.....ทำไมมีกลิ่นหอมๆด้วย นี่มันหน้าพี่ชายไอ้อ้นนี่หว่า มีสองคนด้วย คริคริ อยู่ใกล้ในระยะจับต้องได้แบบนี้ ของแอบเเต๊ะอั๋งหน่อยน้า.......




“เฮ้ย...ทำอะไร” ทฤษฎีสะดุ้งสุดตัวเมื่อกำลังจะก้าวถึงบันไดขั้นสุดท้ายของชั้นสอง เมื่อหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดกลับใช้มือที่เมื่อครู่ก็อยู่อย่างสงบ เหวี่ยงมาคล้องคอเขาพร้อมทั้งยื่นหน้าเข้ามาใกล้แบบได้ยินเสียงลมหายใจ





“พี่ไอ้อ้นนี่.....หล๊อหล่อออออ” พูดพลางพร้อมทั้งชิดใบหน้านวลเข้ามาใกล้ เท่านั้นไม่พอหล่อนยังแอบขโมยหอมข้างแก้มของเขาอีก ยายเด็กคนนี้น่าตีมาก.....




“อย่าเรื้อน” เสียงทุ้มได้แต่พยายามเบนหน้าหนีแต่คนในอ้อมแขนก็ดิ้นแบบสุดแรง พยายามโน้มคอของเขาให้ใกล้เข้าไปอีก เวลาแบบนี้มันช่างอันตรายยิ่งนัก ชายหนุ่มตัดสินใจปล่อยหญิงสาวในอ้อมกอดทันที ทำให้คราวนี้เรื่องกลับยากยิ่งขึ้นเมื่อคนในอ้อมกอดไม่ทันตั้งตัวประกอบกับการใช้แรงโน้มใบหน้าหล่อให้เข้ามาใกล้ เป็นผลให้ร่างเล็กล้มลงบนพื้นตามมาติดติดด้วยชายหนุ่มร่างสูงที่อยู่ด้านบน




ระยะประชิดแบบปลายจมูกจนกับปลายจมูก ลมหายใจของชายหนุ่มติดขัดอย่างไม่ต้องหาเหตุผลประกอบกับปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดที่มีสูงกว่าปกติ ส่งผลให้ร่างสูงที่อยู่ด้านบนจับท้ายทอยของหญิงสาวเบื้องล่างพร้อมกับประกบริมฝีปากของตัวเองกับริมฝีปากบางเล็กนั่นอย่างเรียกร้อง เสียงครางในลำคอของชายหนุ่มประกอบกับความไม่ประสีประสาของหญิงสาวใต้ร่างทำให้ชายหนุ่มยิ่งรู้สึกฮึกเหิมมากขึ้น มือหนาเลื่อนจากท้ายทอยไปยังไหล่เล็ก แล้วเลื่อนต่ำลงไปยังชายเสื้อของหญิงสาวเพื่อสัมผัสกับเนื้อนวลใต้ผ้าบาง หญิงสาวสะดุ้งตัวเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงมือร้อนๆที่ลากผ่านร่างกายของตัวเอง ความมึนงงและภาพทับซ้อนกับอาการชาหนึบที่ริมฝีปากแถมยังอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวเมื่อมือหนาลากผ่านเรือนร่างของตัวเอง ชายหนุ่มเลื่อนจูบเร่าร้อนที่ริมฝีปากไล่ต่ำลงมายังลำคอเนียนพร้อมกับมือที่พยายามควานหาตะขอเสื้อชั้นในของหญิงสาวใต้ร่างของตัวเอง




“เพลงจะอ้วก”



สิ้นเสียงเล็กที่เอ่ยออกมาไม่ถึงนาทีของเหลวที่อยู่ในร่างกายของหญิงสาวก็ถูกส่งออกมาสู่ภายนอกตามคำที่หล่อนบอกไม่เมื่อครู่ และบ่าของเขาก็เป็นที่รองรับอาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อารมณ์วาบหวิวที่ก่อเกิดเมื่อครู่ดับลงอย่างทันทีทันใด






////////////////////////////////////////////////

วันนี้มาลงให้อ่านสองตอนนะค่ะ
ขอโทษที่หายไปนาน แบบว่ามีเรื่องยุ่งยุ่งที่บ้านนิดหน่อยย
แต่ยังคิดถึงคนอ่านเสมอน้าาาาาา



คุณิณพัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ก.ย. 2554, 09:15:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.ย. 2554, 09:15:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 1987





<< บทที่ 5 : ที่พักพิงแห่งใหม่   
anOO 18 ก.ย. 2554, 15:46:57 น.
555 ยัยเพลงทำเสียเรื่องหมดเลย
แบบนี้ต้องชวนกินเหล้าบ่อยๆ เนอะพี่อิ๋ว


pattisa 18 ก.ย. 2554, 21:11:08 น.
แหมพี่อิ๋วตอนแรกทำเป็นไม่สนใจ เดี๋ยวนี้เริ่มออกลาย เจอยัยเพลงอ้วกใส่ สงสัยเข็ดนี้อีกนาน 555555


mhengjhy 8 ม.ค. 2555, 18:25:57 น.
หืมมมม พี่อิ๋ว แหม่ ทำเป็นไม่สนใจนะ


ChaCha 15 มี.ค. 2555, 15:50:16 น.
อย่าหายไปนานนะค่ะ คิดถึงอ่ะ :)


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account