เกี่ยวหัวใจ...ใส่ห้องรัก ~*My sweetest roommate*~
ดันต้องอยู่ใกล้แบบกำแพงห้องกั้นกับหนุ่มหล่อ ปากจัด กัดหนัก หน้าตายแบบ"ทฤษฎี"...สาวน้อยหน้ามน"สุนทรีย์" ที่หนีรักจากเมืองไทย จะตกหลุมมรักครั้งใหม่อีกครั้งหรือไม่...
Tags: รูมเมท,ปากจัด

ตอน: บทที่ 5 : ที่พักพิงแห่งใหม่

บทที่ 5 : ที่พักพิงแห่งใหม่



“มึงไปอยู่กะเฮียกูไหม” เหมือนฟ้าผ่ากลางกบาลสุนทรีย์...ไอ้อ้นจะให้อยู่กับเฮียมันเนี่ยนะ




“ไอ้บ้า..เฮียมึงเป็นผู้ชายนะ!!!!!”




“โหยยย...ไม่ต้องห่วง เฮียกูไม่สนมึงแน่”




“อ้าว!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!ไหงมึงพูดงั้นอ่ะ” สุนทรีย์แย้งเสียงหลง




“ไม่ใช่อย่างนั้น..คือเฮียกูเค้าไม่ชอบเด็กอายุน้อยกว่า แล้วสเปคเฮียเค้าต้องแบบฝรั่งจ๋า นมเป็นเด็กมหาลัย ไม่ใช่นมเป็นเด็กอนุบาลแบบมึง... แล้วอีกอย่างเฮียกูเค้ามีบ้านพัก มึงไม่ต้องกลัวว่ามึงจะต้องไปนอนเตียงเดียวกะเฮียกู” นมอะไร อนุบาลอะไร..หน๊อยยยยดูถูกมาก...ฉันอึ๋มนะยะ แค่ยังไม่ได้โกย




“แล้วเฮียมึงจะยอมเหรอ”




“ปล่อยให้เป็นหน้าที่กู..กูมีส่วนทำให้มึงไม่มีที่ซุกหัวนอน แถมโดนเชิดเงินไปตั้งหลายหมื่น กูสัญญาว่าจะช่วยมึงให้มีที่อยู่ตลอดการไปเรียนภาษาให้ได้”

สุนทรีย์รู้สึกตื้นตันกับคำพูดของเพื่อนหนุ่ม นี่เป็นเหตุผลที่หล่อนคบกับทัศนัยมาจนถึงทุกนี้ ทัศนัยเป็นคนดีเสมอไม่ว่าหล่อนจะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากมากแค่ไหน....




“ขอบคุณมากนะมึง” ทัศนัยตอบรับอือ ในลำคอพร้อมทั้งบอกให้สุนทรีย์รอสายเพราะเขาจะขอกดโทรศัพท์หาพี่ชายก่อน




“เฮียเหรอ...ว่างไหม”




“อือ..มีไร”




“บ้านที่เฮียอยู่ที่นิวเจอร์ซีย์ เฮียอยู่คนเดียวป้ะ”




“ถามทำไมว่ะ”
อยู่ดีดีน้องชายก็ถามเรื่องความเป็นอยู่ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยคิดจะสนใจ




“เอ่อน่า..ถามก็ตอบดิ”




“ก็คนเดียวบ้าง...บางวันก็มีสาวมานอนด้วย”
ในเมื่ออยากรู้ ก็ตอบมันกันตรงตรงเนี่ยแหละ




“ร้ายว่ะเฮีย เอาเป็นว่า อ้นว่าเฮียอยู่คนเดียวนะ”




“ตกลงจะพูดอะไร พูดมาเฮียจะไปกินข้าว”




“เฮีย...ขอเพื่อนอ้นไปอยู่ด้วยคนดิ”




“เฮ้ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
ทฤษฎีรู้สึกงงงวยกับน้องชายตัวเอง เมื่อกี้มันพูดว่าไรของมันนะ..จะให้คนมาอยู่เป็น พูดเหมือนฝากแมว แล้วอยู่ดีดีจะมาฝากเพื่อนให้มาอยู่กับเขาเนี่ยนะ




“จริงเฮีย...มันไม่มีที่อยู่ อ้นก็มีส่วนผิดที่ไม่ช่วยมันดูที่พักให้ดี เลยโดนโกงเรื่องที่พักมันน่าสงสารนะเฮีย ตอนนี้มันก็อยู่เมืองนอกคนเดียว นะเฮีย...ถือว่า ช่วยอ้น เพื่อนอ้นก็เหมือนน้องเฮียแหละนะ..อ้นขอร้อง”

น้องชายเขาพล่ามมาอย่างมากมาย ใจนึงก็สงสัยว่าทำไมน้องชายถึงได้ห่วงใยเพื่อนคนนี้เสียมากมาย แต่อีกใจก็สงสารเพื่อนที่น้องชายตัวเองเล่า โธ่เอ้ย...มาต่างบ้านต่างเมืองดันถูกหลอกซะอีก




“แต่บ้านเฮียอยู่นิวเจอร์ซีย์นะ ถ้าเพื่อนนายเรียนนิวยอร์คต้องนั่งรถบัสไปเองนะ”




“รับทราบครับ...มันไม่เกี่ยงหรอก ไอ้นี่มันทนทานยิ่งกว่ากระเบื้องอีก เฮียตกลงจะช่วยอ้นล่ะนะ”




“อือ”
ทฤษฎีไม่รู้อะไรดลใจให้รู้สึกรับปากไปอย่างนั้น ทั้งที่เขาค่อนข้างจะเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง และไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับเขาสักเท่าไร




“ขอบคุณมากนะเฮีย...อ้นสัญญาว่าจะขอทำงานอีกปีเดียว จะออกมาช่วยกิจการป๊ากับม๊านะเฮีย”
ทฤษฎีได้แต่อมยิ้มกับคำพูดของน้องชาย เออเว้ย...มันทำเพื่อเพื่อนมันจริงจริง




“ว่าแต่เพื่อนนายชื่ออะไร หน้าตาเป็นยังไง แล้วเฮียจะติดต่อเค้าได้ยังไง”




“ชื่อเพลงอ่ะเฮีย...ก็หน้าตาเหมือนคนไทยเนี่ยแหละ ส่วนเบอร์ติดต่อ เฮียมีอะไรจดไหมเดี๋ยวอ้นบอกเบอร์ให้” จบคำแนะนำของน้องชาย ทฤษฎีถึงกับหน้านิ่ว นี่ยัยเด็กชื่อเพลงอีกแล้วเหรอ นี่ขนาดอยู่เมืองนอก ยังวุ่นวายกับน้องเค้าอีกเหรอ ยายเด็กนี่มันปลิงเกาะน้องชายเค้ารึเปล่าเนี่ย..อยากเห็นหน้าตานักว่าจะสวยสะกดใจน้องเค้าแค่ไหน




“หึหึ..เพื่อนเหรอแล้วผู้หญิงด้วยนะ เฮียถอนคำพูดได้ไหม...ไม่ค่อยชอบเพื่อนนายว่ะ”





“เฮ้ยเฮีย...อย่าทำตัวใจแคบดิ เพลงมันเพื่อนอ้นจริงจริง เพื่อนแบบเพื่อนอ่ะเฮีย เฮียนี่กะว่าผู้หญิงกะผู้ชายต้องคบกันแบบชู้สาวอย่างเดียวรึไง”





“เปล๊า....เฮียแค่ถามเฉยๆ แล้วอีกอย่างเฮียไม่อยากอยู่กับผู้หญิงว่ะ เดี๋ยวเพื่อนนายจะเสียหาย”





“เฮ้ย...เฮีย ศีลธรรมเยอะไปล่ะ...คิดซะว่ามันเป็นผู้ชายก็ได้ มันบ้าบ้าบอบอ อย่าไปนับไปเป็นผู้หญิง ไม่แน่นะ ถ้าเฮียได้อยู่กับมัน อาจจะเอาเป็นที่ปรึกษาเรื่องสาวสาวไดนะ ไอ้นี่มันเก่งช่วยอ้นสับรางมาหลายรอบแล้ว นะเฮียนะ อย่าปฏิเสธเลย นะเฮียยยยยยย” ทัศนัยพยายามวอนขอความเห็นใจจากพี่ชายอย่างเต็มกำลัง ยังไงก็ต้องยัดไอ้เพลงไปอยู่ในบ้านนั้นให้ได้





“เออ เออ เออ ช่วยก็ช่วย แต่บอกเพื่อนนายนะว่า เฮียไม่ใจดีเหมือนนาย แล้วเฮียจะตั้งกฎการอยู่ร่วมกัน ห้ามบ่น ห้ามหือ ไรเด็ดขาด เข้าไปป้ะ”





“คร๊าบบบบบบบ เฮียยยย เฮียอ้นนี่น่ารักจริง”






“พูดไรของนาย...ขนลุก”





“งั้นแค่นี้นะเฮีย อย่าลืมโทรไปหามันนะ โทรวันนี้นะเฮีย ขอบคุณมากนะเฮีย”




ทัศนัยตัดสายไปแล้ว แต่ ทฤษฎียังคงงงกับตัวเองที่รับปากจะรับผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ว่าอยู่ร่วมบ้าน หน้าตาเป็นยังไง...นิสัยจะประหลาดแค่ไหน จะอยู่ด้วยกันได้นานไหม...หวังว่า เพื่อนน้องชายเค้าจะทำตัวเป็นผู้อาศัยที่ดีนะ



หลังจากที่ทัศนัยวางสายจากพี่ชายของตัวเอง เขาจึงกลับมายกหูคุยกับเพื่อนสาวที่ยังคงรอสายอยู่




“ไอ้เพลง..เฮียกูตกลงแล้ว เดี๋ยวเฮียกูโทรไปหามึง มึงมีที่อยู่แล้ว”




“ขอบคุณมากนะมึง...กูจะไม่ลืมบุญคุณพี่มึงและมึงเลย ขอบคุณจริงจริง” สุนทรีย์กล่าวด้วยความจริงใจ




“ไม่ต้องดราม่า...เดี๋ยวกูซึ้ง กูมีส่วนทำให้มึงเป็นแบบนี้กูก็ต้องช่วยมึง เอ้อ..มึงเฮียกูไม่ชอบคนพูดมากนะ มึงก็เงียบๆปากไว้บ้าง ไม่งั้นโดนดีดออกนอกบ้านกูไม่ช่วยล่ะนะ แค่นี้ล่ะ กูจะนอน พรุ่งนี้มีทำงานเช้า...ดูแลตัวเองดีดีนะมึง”


สุนทรีย์ได้แต่ตอบรับอือ เบาเบาในลำคอเพราะตอนนี้น้ำตาจากความซาบซึ้งที่เพื่อนช่วยเหลือทำให้หล่อนกลั้นมันไว้ไม่อยู่จริงจริง...หล่อนโชคดีจริงจริงที่ได้มีเพื่อนแบบทัศนัย



เสียงโทรศัพท์ในมือตัวเองดังขึ้น ขัดจังหวะอารมณ์ซึ้งของหญิงสาว สุนทรีย์จึงปาดน้ำตา พร้อมกับกระแอมเสียงให้คงที่ที่สุด




“สวัสดีค่ะ”




“น้องเพลงใช่ไหม” ทฤษฎีเอ่ยทักขึ้น




“ค่ะ”




“พี่เป็นพี่ชาย อ้น เพื่อนน้อง...อ้อนบอกพี่เรื่องที่พักของน้องที่มีปัญหา”




“ค่ะ”




“ตอนนี้น้องอยู่ไหน เดี๋ยวเลิกงานแล้วพี่จะได้ไปรับ”




สุนทรีย์ไม่รู้จะอธิบายยังไงว่า พิกัดที่หล่อนอยู่มันคือตรงไหนในนิวยอร์ค หล่อนจึงตัดสินใจเรียกปิ่นกมลเพื่อจะได้บอกทางกับพี่ชายของอ้นได้ถูกต้อง ทั้งสองใช้เวลาคุยเพียงไม่นาน ปิ่นกมลก็วางสายไป พร้อมกับหันมาบอกว่า




“เดี๋ยวพี่เค้ามารับหลังเลิกงาน...โชคดีแล้วนะแก มีที่อยู่แล้ว”




“ยังไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนเลย รู้แค่ว่า อ้นเคยบอกว่า พี่ชายมันอยู่ที่ นิวเจอร์ซีย์”




“ใกล้ใกล้ นั่งรถ สองชั่วโมงก็ถึง”




“ห๊า....สองชั่วโมง” สุนทรีย์ถลึงตามองคนพูด สองชั่วโมง นอนบนรถเลยไหม




“บ้าแก...คนทำงานที่นี่ก็ทำกัน ตอนเช้าๆแกไม่ต้องกลัวมีเพื่อนเดินทางเยอะ สองชั่วโมงเอง มันก็เหมือนเวลาเราขับรถไปสยามแหละ แต่ที่นี่รถมันไม่ติดแค่นั้นเอง”




สุนทรีย์ได้แต่นั่งทบทวนคำพูดของปิ่นกมล สองชั่วโมง โอ้โห...เห็นทีต้องผูกมิตรกับพี่คนขับรถซะแล้ว ปิ่นกมลพยายามชักชวนให้สุนทรีย์ออกไปเปิดหูเปิดตาในเมือง แต่หล่อนก็รู้สึกเบื่อเกิดนกว่าที่จะออกไปตะลอน สุนทรีย์จึงได้แต่นั่งเล่นเกมส์ในเครื่องเล่นเอ็มพีสามของหล่อนแทน




เสียโทรศัพท์ของปิ่นกมลดังขึ้นในเวลาเกือบห้าโมงเย็น สุนทรีย์หยิบมันขึ้นมาดู ทันทีที่เห็นเบอร์โทรเข้าหล่อนจึงกดรับทันที




“น้องเพลงรึเปล่า” ปลายสายเอ่ยทัก




“ค่ะ..เอ่อ..พี่ชายของอ้นใช่ไหมค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงตะกุกตะกักไม่น่าเชื่อนี่หล่อนจะได้ไปอยู่กับเขาแล้วเหรอเนี่ย




“ผมอยู่ข้างล่างใต้หอเพื่อนน้อง...แล้วพบกัน” ชายหนุ่มพูดแค่นั้นจึงตัดสายไป ประกอบกับปิ่นกมลที่เพิ่งเดินเปิดประตูเข้ามาในห้องพอดี




“พี่ชายอ้นมาแล้ว” สุนทรีย์บอกกับเพื่อนสาวของหล่อน พร้อมทั้งหันไปหยิบสัมภาระของตัวเองที่วางอยู่มุมนึงของห้องนอน




“เดี๋ยวเราลงไปส่ง...เพลงเราขอโทษนะที่ไม่ได้ช่วยเพลง” ปิ่นกมลเอ่ยขึ้นขณะที่สุนทรีย์กำลังจะลากกระเป๋าออกเดิน




“ไม่เป็นไรเราเข้าใจ...พี่ชายอ้นก็คงใจดีเหมือนแกแหละ” สุนทรีย์บอกปัดไปแค่นั้นเพื่อให้เพื่อนสบายใจ ส่วนไอ้เรื่องพี่ชายของอ้นจะใจดีหรือไม่...หล่อนเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจซักเท่าไรเลย




ทันทีที่ทั้งสองคนหอบสัมภาระลงมา สุนทรีย์เห็นชายหนุ่มยืนหันหลังพิงรถยนต์สัญชาติยุโรปยี่ห้อดัง ที่ถ้าขับในเมืองไทยมีหวังต้องรวยล้นฟ้าเป็นแน่..แต่จะว่าไปบ้านไอ้อ้นมันก็รวยนี่หว่า รถที่มันขับก็ยี่ห้อนี้นี่หว่า ทันทีที่ชายหนุ่มหันหน้ามา สุนทรีย์ก็ถึงกับอ้าปากค้าง...นี่มันพี่อิ๋วนี่หว่า...




แสดงว่า..........




พี่อิ๋วคือพี่ชายไอ้อ้น




ไม่ต่างกับชายหนุ่มที่เมื่อหันหน้ามาพบเพื่อนน้องชาย เขาก็เกิดอาการตกตะลึง..นี่มันยายเด็กป่วนสนามบินที่เค้าเดินหนีนี่น่า...อะไรโลกมันจะกลมขนาดนั้น นี่เหรอ..เพื่อนน้องชาย สงสัยตั้งแต่ได้ยินชื่อเล่นแล้ว อุตส่าห์ภาวนาว่าขอให้ไม่ใช่.....




“สวัสดีค่ะพี่อิ๋ว” ในเมื่อหล่อนผู้อ่อนวัย การเคารพฝ่ายที่อาวุโสกว่าจึงเป็นเรื่องที่สมควร ชายหนุ่มได้แต่ยกมือแก้เก้อ ไม่ได้พูดอะไรออกไป แสร้งทำเป็นเปิดกระโปรงท้ายรถช่วยหญิงสาวทั้งคู่ขนของไปไว้ท้ายรถคันงาม




ตลอดการเดินทางจึงเงียบงันด้วยสุนทรีย์รู้สึกว่า โลกของหล่อนจะกลมไปไหน กะว่าเจอหน้าพี่อิ๋วชายหนุ่มผู้มีน้ำใจบนเครื่องบินก็เพียงพอแล้ว นี่ยังต้องมาเจอกันอีกรอบ แถมต้องอยู่ด้วยกันไปอีกเกือบปี....ไม่น่าไปโชว์เปิ่นใส่เค้าหลายอย่างเลย โอ๊ยยยย อับอาย





“เรามาพูดเรื่องการอาศัยรวมกัน” ชายหนุ่มเอ่ยขัดท่ามกลางความเงียบภายในรถโดยสาร




“คะ.....” เหมือนคำพูดทุกอย่างจะหายไป เพราะตอนนี้ชายหนุ่มที่เคยพบบนเครื่องบินคนนั้นไม่มีมาดความเป็นกันเองหลงเหลือ มีแต่ความนิ่งเงียบ และ สายตาราวกำลังเสือร้ายที่พร้อมจะจับหล่อนกินได้ตลอดเวลา




“ผมให้คุณอยู่ เพราะน้องชายขอร้อง” สุนทรีย์ได้แต่เหลือบมอง...ฉันก็ไม่ได้อยากอยู่กะแกหรอก ถ้าไม่ติดว่าฉันไม่มีที่ซุกหัวนอนนะ



“ขอบคุณค่ะ”



“ผมชอบความสะอาด” อ่อ..นี่คงคิดว่าหล่อนสกปรกมากเลยล่ะสิ.....




“เพลง...เอ่อ..ไม่ใช่คนที่จะทำอะไรเลอะเทอะค่ะ พี่....เอ่อ คุณอิ๋วสบายใจได้” ครั้นจะไปเรียกเค้าพี่ ถ้าเกิดโนย้อนขึ้นมาว่า ใครพี่แก....หล่อนจะหน้าแตกเอา




“เรียกพี่ก็ได้...ทำความสะอาดบ้านพอเป็นไหม” สุนทรีย์หันมาพยักหน้าให้ชายหนุ่มทันที





“งั้นคุณมีหน้าที่ทำความสะอาดบ้าน”






“ค่ะ..แล้วเรื่องค่าเช่าล่ะค่ะ คือ...เพลง อยากจะช่วยออก” พูดไปก็รู้สึกกระดาก แต่อย่างน้อยเรื่องแบบนี้ต้องพูดให้เคลียร์ เดี๋ยวจะมีปัญหากันภายหลัง




“ไม่ต้องดีกว่า..เดี๋ยวนายอ้นจะมาผมเอา..คุณทำงานบ้านไป” ชายหนุ่มพูดพร้อมทั้งปรายตามามองหญิงสาวด้านข้าง มียิ้มมุมปากเพียงเล็กน้อย เหมือนมีความนัยแอบแฝง..ใช่สุนทรีย์รู้สึก ว่าทำไมพี่ชายอ้นถึงได้ทำตัวห่างเหิน และ ประหยัดคำพูดกับหล่อนเหลือเกิน




“ค่ะ...ตามนั้นแล้วกัน”





“ผมไม่ชอบคนยุ่งเรื่องส่วนตัว...หวังว่าคุณคงเข้าใจ” นี่คือประโยคที่รู้สึกได้ว่า ผู้ชายข้างกายช่างกวนโทสะเหลือเกิน ใครจะไปยุ่งเรื่องของเขา ฉันแค่ไปอาศัยพื้นที่ใต้หลังคา ไม่ได้ไปเป็นเมียเก็บนะย่ะ




“เพลงไม่ชอบยุ่งเรื่องส่วนใครด้วยค่ะ” ขอหน่อยเถอะ....





“ก็ดี” ชายหนุ่มหัวเราะหึ ในลำคอ พร้อมทั้งหยักไหล่เพียงเล็กน้อย จากนั้นจึงเร่งคันเร่งให้ลึกกว่าเดิม ทะยานไปสู่จุดหมายปลายทางนั่นคือ บ้านของเขา




พื้นที่บ้านของพี่ชายไอ้อ้นเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ร่มรื่นย์มาก หล่อนเห็นป้ายบอกทางว่า แถวนี้คือ Forked River ทันทีที่รถยนต์เลี้ยวเข้าเขตหมู่บ้าน หล่อนก็เห็นบ้านเดี่ยวเรียงรายอย่างสวยงาม ทุกบ้านมีพื้นที่ด้านหน้า ไร้ซึ่งรั้วรอบขอบชิด ยังไม่ทันได้ชื่นชมบรรยากาศได้นาน รถยนต์สี่ประตูก็นำหล่อนมาถึงที่พักแล้ว




“ถึงแล้วเหรอค่ะ” หญิงสาวหันไปถามพลางกำลังจะกดเข็มขัดนิรภัย




“ยัง.....” ชายหนุ่มพูดแค่นั้น แล้วจึงเปิดประตูลงรถเดินขึ้นบ้านทันที




อ้าวเฮ้ย...กวนตี......นี่หว่า ก็ถามเพื่อจะผูกมิตรไม่ได้จะอะไรหรอกย่ะ ชิ...สุนทรีย์ได้แต่แผดเสียงในรถ หล่อนทำได้เท่านี้ เพราะตอนนี้หล่อนถือไพ่เป็นรองกว่า สุนทรีย์หอบสัมภาระอย่างทุลักทุเลเข้ามาในบ้านหลังใหญ่




“ห้องอยู่ข้างบน..ผมจัดไว้แล้ว” สุนทรีย์ได้แต่พยักหน้ารับ พร้อมทั้งหอบกระเป๋าลากขึ้นไปยังชั้นบนแบบทุลักทุเล ทฤษฎีได้แต่มองตามพร้อมไหวไหล่เบาเบา...เขามักมีน้ำใจกับสาวสวยทุกคน...แต่ต้องไม่ใช่คนของน้องชาย





“วื่อ.....นิ่งเข้าไปปปป อย่าให้ฉันมีทางเลือกนะ หึหึ” ทางเดินชั้นบนค่อนข้างคับแคบ ด้านซ้ายมือของหล่อนเป็นประตูห้อง ซึ่งหล่อนเดาว่าน่าจะเป็นของเจ้าของบ้าน ส่วนห้องตรงหน้าหล่อนเป็นห้องน้ำ และทางขวามือก็เป็นห้องของหล่อนเป็นแน่ ด้านในห้องถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อย มีเตียงนอนขนาดซิงเกิ้ล โต๊ะกระจก และตู้เสื้อผ้า สุนทรีย์พยายามลากกระเป๋ามาวางไว้ข้างๆตู้เสื้อผ้า




“ลงมาคุยกันก่อนได้ไหม” เสียงจากด้านนอกเรียกให้หล่อนหยุดการกระทำทุกอย่าง...สั่งอีกแหละ บร๊ะ




“ค่ะ....ขอเปลี่ยนชุดแปบนึง”



สุนทรีย์เปลี่ยนเป็นชุดลำลองกางเกงขาสั้นและเสื้อหนาวตัวใหญ่ ตอนนี้อากาศข้างนอกเริ่มมืดลงแล้ว ความเย็นจึงก่อตัวเพิ่มขึ้น แต่หล่อนก็ยังชอบที่จะใส่กางเกงขาสั้นอยู่ดี




“ไม่มีกางเกงขาวยาวเหรอ” ชายหนุ่มหรี่สายตามองคนที่เดินลงบันได ตรงมาทางโซฟาที่เขากำลังนั่งรออยู่




“มีค่ะ..แต่อยากใส่กางเกงขาสั้น” สุนทรีย์ตอบไปแบบไม่มองหน้า..บางครั้งเรื่องการแต่งตัวหล่อนก็ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย



“อากาศมันหนาว” ชายหนุ่มพูดแต่ไม่ได้มองหน้าหญิงสาวด้วยซ้ำ เขากลับกดปุ่มรีโมททีวีเปลี่ยนช่องไปมา พยายามหักห้ามใจไม่ให้มองขาเรียวผิวสีน้ำผึ้ง...คนของน้อง คนของน้อง





“ตกลง..คุณ เอ้ย พี่อิ๋วมีอะไรจะพูดกับเพลงเหรอค่ะ”





“จะแนะนำข้าวของในบ้าน”
ทฤษฎีลุกขึ้นเดินไปยังส่วนห้องครัวของบ้าน โดยที่สุนทรีย์ได้แต่หันรีหันขวาง เมื่อพบกับสายตาของชายหนุ่มที่ยืนอยู่มา ทำให้หล่อนพึงระลึกได้ว่า ต้องเดินตามเขาไป





“อ่างล้างจาน...นี่ก็ที่เก็บพวกอาหารแห้ง ตู้เย็นก็ถ้าจะซื้ออะไรก็ซื้อมาใส่ แล้วนี่ก็ห้องซักผ้า ส่วนอันนี้เครื่องอบผ้า เรื่องวิธีใช้จะอธิบายให้ทีหลัง”





“โห...มีเครื่องอบผ้าด้วย แล้วผ้าจะหอมไหมอ่ะ ปกติต้องตากแดดไม่ใช่เหรอค่ะ”





“ถ้าอยากตากก็ลองดู” ชายหนุ่มทอดสายตามองหญิงสาวตรงหน้าแล้วจึงเบนตาคู่นั้นออกห่าง แล้วเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบเบียร์กระป๋องเดินตรงไปนั่งหน้าทีวีตามเดิม

สุนทรีย์ได้แต่ส่งเสียงคำรามข้างใน....แกกกกกกก...ไอ้มนุษย์หิน พิกุลแกไม่ร่วงหรอกย่ะถ้าพูดกับฉันเกิน ห้าประโยค...โอ๊ยยยยไม่ถูกชะตา...แต่ไม่มีที่ซุกหัวนอน....หงุดหงิด!!!!




//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////




ขอโทษที่หายไปนานน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา



คุณิณพัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ก.ย. 2554, 09:15:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.ย. 2554, 09:15:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 1713





<< บทที่ 4 : พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก    บทที่ 6 : ผู้ชายเอาแต่ใจ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account