ละอองรัก
Tags: ละอองรัก
ตอน: ตอนที่ 1
ละอองฝนเย็นฉ่ำพร่างพรูปะทะใบหน้า ทันทีที่ก้าวลงจากรถโดยสารคันใหญ่
หญิงสาวแต่งตัวทะมัดทะแมงแบกเบ้ใบย่อมยืนมองแสงอาทิตย์ยามเช้าต้องผ่านละอองฝน สวยงามราวผลึกแก้วเรืองแสง ไอเย็นสดชื่นช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าลืมความเมื่อยล้าจากการเดินทางไกล ท่ารถที่ยืนอยู่เป็นเพียงตึกไม้สองชั้นท้ายตลาด มีกันสาดเล็กๆกับเก้าอี้ไม้ตัวยาวด้านหน้าเพียงเท่านั้น
ลัลนาก้มมองนาฬิกาข้อมือ ยังเช้าอยู่มากรถจากบ้านพักคงจะยังไม่ทันออกมารับ มองเห็นตลาดนัดอยู่ไม่ไกลกะว่าจะแวะดูเสียหน่อย แล้วค่อยกลับมารอยังที่นัดหมาย จะได้หาอะไรรองท้องไปด้วยเสียที่เดียว
ละอองฝนฝอยยิบแม้จะไม่ทำให้เปียกปอนได้ในทันทีแต่กันไว้ก่อนย่อมดีกว่า ต้องมาไม่สบายต่างถิ่นเช่นนี้ ว่าแล้วก็ควานหาร่มคันเล็กก้นกระเป๋าที่ไม่คิดว่าจะได้ใช้ทันทีที่มาเยือน นึกขอบคุณคุณนายสลินอยู่ในใจที่ตระเตรียมของจุกจิกจำพวก ร่ม หยูกยา ไฟฉาย พร้อมพร่ำบอกอยู่เสมอว่า"พกกันไว้ก่อน ไม่เสียหายนะลูก"แล้วก็ได้ใช้จริงๆอย่างที่คุณนายว่าทุกที
อำเภอเล็กๆแห่งนี้เหมือนแอ่งกระทะที่ถูกโอบล้อบด้วยขุนเขา มองไปด้านไหนจึงเห็นแต่ภูเขาราวกับมีรั้วสีเขียวตั้งตระหง่านอยู่รอบ สองข้างถนนเต็มไปด้วยมวลไม้แข่งกันออกดอกสะพรั่ง ที่แต่ละบ้านปลูกไว้แทนรั้ว แบ่งปันความหอมฟุ้งและความสุขใจแก่ผู้ที่เดินผ่าน
คงเป็นเพราะละอองฝนฝอยยิบที่โปรยปราย จึงทำให้ดอกไม้ใบหญ้าในตอนนี้ดูสดชื่นรับอรุณมากกว่าเดิม นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้เดินเล่นยามเช้าสูดกลิ่นหอมของดินและดอกไม้ อย่างในวันนี้
หลังเดินชมตลาดจนทั่ว ได้ของติดไม้ติดมือมานิดหน่อย ก็พอดีกับรถสามล้อจากบ้านพักภูคา จอดเทียบท่ารถพอดิบพอดี ลุงขับรถท่าทางใจดี ใส่เสื่อม่อฮ่อมมีผ้าข้าวม้าพาดบ่าร้องทัก
“ คุณลัลนา ใช่ไหมครับ "
“ ใช่จ้ะลุง "
“ ขอโทษนะครับ ผมนึกว่ารถจะเทียบท่าสักแปดโมงเช้าอย่างทุกวัน มารู้จากไอ้จ้อนว่าเช้านี้มีสองรอบโอ๊ยผมละรีบบึ่งมาเลย..."
“ โอย..ไม่เป็นไรหรอกค่ะลุง ดีซะอีกหนูได้เดินเที่ยวตลาดนัด แถมซื้อของกินอร่อยๆอีกต่างหาก"
เธอว่ายิ้มๆพร้อมชูถุงขนมในมือให้ดูเพื่อเป็นการยืนยัน
“ถ้างั้นขอรอแขกอีกท่านก่อนนะครับ เห็นว่าจะมาเที่ยวแปดโมงนี่ก็จวนจะถึงเวลาล่ะ ผมจะได้รับไปด้วยกันซะเลย"
หญิงสาวพยักหน้ารับ พร้อมจัดแจงวางกระเป๋า ปีนขึ้นไปนั่งท้ายรถสามล้อเสร็จสรรพ หยิบขนมที่ซื้อมากินรอไปพลาง พักเดียวก็ได้ยินเสียงพูดคุยดังใกล้เข้ามาทางด้านหลัง ทำให้รู้ว่าแขกอีกคนที่รอท่าจะมาถึงแล้ว ลัลนาเก็บเสบียง พร้อมขยับเข้าด้านในรถเผื่อที่ให้ผู้มาใหม่ แล้วก็หันหน้าตะแคงออกข้างตัวรถเตรียมชมวิว
รถยวบไปถนัดใจพอทำให้รู้ว่าแขกอีกคนได้ขึ้นมาแล้ว เมื่อผู้โดยสารพร้อม ลุงคนขับจึงนั่งประจำที่แล้วออกเดินทางทันที
ฝนหยุดแล้วเหลือไว้เพียงแต่อากาศเย็นฉ่ำกับหมอกลอยละลิ่วเหนือยอดเขา รถสามล้อคันเล็กวิ่งฉิวทิ้งเมืองให้กลายเป็นจุดเล็กๆอยู่เบื้องหลัง หญิงสาวเหม่อมองไปไกล แล้วก็สะดุดตากับทิวไม้ใหญ่ที่ออกดอกสีชมพูสะพรั่ง พร่างพราวไปทั้งต้น
“ ดอกอะไรคะลุง สวยจัง... "
“อ๋อออ...”คนขับรถหันมะตะโกนแข่งกับเสียงเครื่องยนต์กระหึ่ม " ต้นนี่น่ะเหรอ ต้น...”
" พญาเสือโคร่ง!”
เสียงทุ้มๆดังห้วนขึ้นด้านหลัง ทำให้หญิงสาวหันกลับไปสนใจผู้โดยสารอีกคน ดวงหน้าคมเข้ม คิ้วหนาพาดเหนือดวงตาดำขลับ ริมฝีปากบาง ร่างสูงใหญ่เห็นได้ชัดแม้จะนั่งอยู่ก็ตาม คงดีกว่านี้ถ้าคนตัวใหญ่นั่งคับรถ จะตอบดีๆโดยไม่ส่งสายตาบางอย่างมาที่เธอ
จากที่คิดว่าจะหันไปยิ้มตอบแล้วพูดคุย หญิงสาวหุบยิ้มฉับ เชิดหน้าน้อยๆ แล้วหันกลับไปคุยกับคนขับรถต่อ ไม่สนใจกับสายตาที่มองมา แหมจะเสียงสันหลังวาบก็ตาม
“แม่นแล้ว...บางคนก็เรียกว่า ซากุระดอย พวกคุณโชคดีมากนะ ช่วงนี้ดอกกำลังบานพอดี นี่ถ้าได้ขึ้นภูละก็ จะได้เห็นชมพูภูคาอีกนะครับงามขนาด"
“หรอคะ แหมดีจัง แต่ถ้าหนูอยากขี่จักรยานมาดูตรงนี้้บ้างจะได้ไหมคะลุง"
“คิดได้ไง เป็นผู้หญิงจะมาขี่จักรยานกลางป่าอย่างนี้คนเดียว"
เธอหันขวับไปมองทันที ฮึ่มฮัมอยู่ในคอ
....เอ๊ะ!นายยักษ์ ตอบกวน...อย่างนี้ อย่าพูดเลยจะดีกว่า
“ก็คิดว่าปลอดภัย คนที่นี่มีน้ำใจ ไว้ใจได้ไงละคะ หรือคุณคิดว่าไม่!” หญิงสาวสวนขึ้นทันควัน
“มองโลกในแง่ดีจริงนะ"
อ๊ะ นี่ชั้นเผลอไปเหยียบหน้า...เอ๊ยเท้าพ่อคนนี้ตั้งแต่เมื่อไรนะ ถึงได้คอยพูดประชดประชัน ส่งสายตาแดกดันกันอยู่เรื่อย
“ใช่ค่ะฉันคิดว่าคงดูแลตัวเองได้ และถึงยังไงก็คงไม่หนัก...ไม่เดือดร้อนใคร!”
"เก่ง"
เฮ้ย..ไม่ไหวแล้ว หนีมาพักร้อนไม่ได้อยากมารับฝีปากกับคนโรคจิต! รถจอดตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ สองหนุ่มสาวยังนั่งส่งสายตาพิฆาตกันอยู่อย่างนั้น จนเสียงระฆังยกแรงแว่วมา
“เอ่อ..คุณๆ ครับถึงบ้านภูคาของเราแล้ว ผมว่าลงไปดูบ้านพักก่อนเต๊อะ จะได้ล้างหน้าล้างตา เดินทางกันมาเหนื่อยๆ"
เป็นชายหนุ่มที่ละสายตาก้มหยิบกระเป๋าลงจากรถผละเดินนำเข้าไปเสียก่อน
...ไม่แน่จริงนี่หว่า เชอะนายักษ์ตกมัน!
ละสายตาสาบแช่งจากแผ่นหลังกว้าง หันมามองที่พักใจที่จะเป็นสวนสวรรค์ของเธอตลอดสองอาทิตย์นี้ หญิงสาวก็ลืมความขุ่นมัวไปสิ้น
"บ้านภูคา" ที่เร้นตัวซ่อนกายอยู่ท่ามกลางแมกไม้ตรงหน้า สมราคาคุยที่เพื่อนสาวแนะนำไม่ผิดจริงๆ
"บรรยากาศสุดยอด บริการก็ดี ปลอดภัย ราคาเป็นกันเองอีกต่างหาก รับรองถูกใจแกแน่ๆ"
นึกถึงคำโฆษณาสรรพคุณของพัชมนเพื่อนรักแล้วเห็นจะจริง บรรยากาศอย่างนี้ให้ปั่นงานเป็นสิบเล่มลนาก็บ่ยั่น ว่าแล้วก็แบกเบ้เดินผิวปากรอดซุ้มกระดังงาเข้าไปอย่างอารมณ์ดี
“ครับ... เพิ่งมาถึงเมื่อสักครู่นี้ ไม่ต้องห่วงแล้วผมจะดูทางนี้ให้เอง"
ปลายสายสั่งอะไรอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงหูไป ทิ้งให้คนถือสายฝั่งนี้ต้องนั่งทอดถอนใจเพียงลำพัง
.....................................................................
หญิงสาวแต่งตัวทะมัดทะแมงแบกเบ้ใบย่อมยืนมองแสงอาทิตย์ยามเช้าต้องผ่านละอองฝน สวยงามราวผลึกแก้วเรืองแสง ไอเย็นสดชื่นช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าลืมความเมื่อยล้าจากการเดินทางไกล ท่ารถที่ยืนอยู่เป็นเพียงตึกไม้สองชั้นท้ายตลาด มีกันสาดเล็กๆกับเก้าอี้ไม้ตัวยาวด้านหน้าเพียงเท่านั้น
ลัลนาก้มมองนาฬิกาข้อมือ ยังเช้าอยู่มากรถจากบ้านพักคงจะยังไม่ทันออกมารับ มองเห็นตลาดนัดอยู่ไม่ไกลกะว่าจะแวะดูเสียหน่อย แล้วค่อยกลับมารอยังที่นัดหมาย จะได้หาอะไรรองท้องไปด้วยเสียที่เดียว
ละอองฝนฝอยยิบแม้จะไม่ทำให้เปียกปอนได้ในทันทีแต่กันไว้ก่อนย่อมดีกว่า ต้องมาไม่สบายต่างถิ่นเช่นนี้ ว่าแล้วก็ควานหาร่มคันเล็กก้นกระเป๋าที่ไม่คิดว่าจะได้ใช้ทันทีที่มาเยือน นึกขอบคุณคุณนายสลินอยู่ในใจที่ตระเตรียมของจุกจิกจำพวก ร่ม หยูกยา ไฟฉาย พร้อมพร่ำบอกอยู่เสมอว่า"พกกันไว้ก่อน ไม่เสียหายนะลูก"แล้วก็ได้ใช้จริงๆอย่างที่คุณนายว่าทุกที
อำเภอเล็กๆแห่งนี้เหมือนแอ่งกระทะที่ถูกโอบล้อบด้วยขุนเขา มองไปด้านไหนจึงเห็นแต่ภูเขาราวกับมีรั้วสีเขียวตั้งตระหง่านอยู่รอบ สองข้างถนนเต็มไปด้วยมวลไม้แข่งกันออกดอกสะพรั่ง ที่แต่ละบ้านปลูกไว้แทนรั้ว แบ่งปันความหอมฟุ้งและความสุขใจแก่ผู้ที่เดินผ่าน
คงเป็นเพราะละอองฝนฝอยยิบที่โปรยปราย จึงทำให้ดอกไม้ใบหญ้าในตอนนี้ดูสดชื่นรับอรุณมากกว่าเดิม นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้เดินเล่นยามเช้าสูดกลิ่นหอมของดินและดอกไม้ อย่างในวันนี้
หลังเดินชมตลาดจนทั่ว ได้ของติดไม้ติดมือมานิดหน่อย ก็พอดีกับรถสามล้อจากบ้านพักภูคา จอดเทียบท่ารถพอดิบพอดี ลุงขับรถท่าทางใจดี ใส่เสื่อม่อฮ่อมมีผ้าข้าวม้าพาดบ่าร้องทัก
“ คุณลัลนา ใช่ไหมครับ "
“ ใช่จ้ะลุง "
“ ขอโทษนะครับ ผมนึกว่ารถจะเทียบท่าสักแปดโมงเช้าอย่างทุกวัน มารู้จากไอ้จ้อนว่าเช้านี้มีสองรอบโอ๊ยผมละรีบบึ่งมาเลย..."
“ โอย..ไม่เป็นไรหรอกค่ะลุง ดีซะอีกหนูได้เดินเที่ยวตลาดนัด แถมซื้อของกินอร่อยๆอีกต่างหาก"
เธอว่ายิ้มๆพร้อมชูถุงขนมในมือให้ดูเพื่อเป็นการยืนยัน
“ถ้างั้นขอรอแขกอีกท่านก่อนนะครับ เห็นว่าจะมาเที่ยวแปดโมงนี่ก็จวนจะถึงเวลาล่ะ ผมจะได้รับไปด้วยกันซะเลย"
หญิงสาวพยักหน้ารับ พร้อมจัดแจงวางกระเป๋า ปีนขึ้นไปนั่งท้ายรถสามล้อเสร็จสรรพ หยิบขนมที่ซื้อมากินรอไปพลาง พักเดียวก็ได้ยินเสียงพูดคุยดังใกล้เข้ามาทางด้านหลัง ทำให้รู้ว่าแขกอีกคนที่รอท่าจะมาถึงแล้ว ลัลนาเก็บเสบียง พร้อมขยับเข้าด้านในรถเผื่อที่ให้ผู้มาใหม่ แล้วก็หันหน้าตะแคงออกข้างตัวรถเตรียมชมวิว
รถยวบไปถนัดใจพอทำให้รู้ว่าแขกอีกคนได้ขึ้นมาแล้ว เมื่อผู้โดยสารพร้อม ลุงคนขับจึงนั่งประจำที่แล้วออกเดินทางทันที
ฝนหยุดแล้วเหลือไว้เพียงแต่อากาศเย็นฉ่ำกับหมอกลอยละลิ่วเหนือยอดเขา รถสามล้อคันเล็กวิ่งฉิวทิ้งเมืองให้กลายเป็นจุดเล็กๆอยู่เบื้องหลัง หญิงสาวเหม่อมองไปไกล แล้วก็สะดุดตากับทิวไม้ใหญ่ที่ออกดอกสีชมพูสะพรั่ง พร่างพราวไปทั้งต้น
“ ดอกอะไรคะลุง สวยจัง... "
“อ๋อออ...”คนขับรถหันมะตะโกนแข่งกับเสียงเครื่องยนต์กระหึ่ม " ต้นนี่น่ะเหรอ ต้น...”
" พญาเสือโคร่ง!”
เสียงทุ้มๆดังห้วนขึ้นด้านหลัง ทำให้หญิงสาวหันกลับไปสนใจผู้โดยสารอีกคน ดวงหน้าคมเข้ม คิ้วหนาพาดเหนือดวงตาดำขลับ ริมฝีปากบาง ร่างสูงใหญ่เห็นได้ชัดแม้จะนั่งอยู่ก็ตาม คงดีกว่านี้ถ้าคนตัวใหญ่นั่งคับรถ จะตอบดีๆโดยไม่ส่งสายตาบางอย่างมาที่เธอ
จากที่คิดว่าจะหันไปยิ้มตอบแล้วพูดคุย หญิงสาวหุบยิ้มฉับ เชิดหน้าน้อยๆ แล้วหันกลับไปคุยกับคนขับรถต่อ ไม่สนใจกับสายตาที่มองมา แหมจะเสียงสันหลังวาบก็ตาม
“แม่นแล้ว...บางคนก็เรียกว่า ซากุระดอย พวกคุณโชคดีมากนะ ช่วงนี้ดอกกำลังบานพอดี นี่ถ้าได้ขึ้นภูละก็ จะได้เห็นชมพูภูคาอีกนะครับงามขนาด"
“หรอคะ แหมดีจัง แต่ถ้าหนูอยากขี่จักรยานมาดูตรงนี้้บ้างจะได้ไหมคะลุง"
“คิดได้ไง เป็นผู้หญิงจะมาขี่จักรยานกลางป่าอย่างนี้คนเดียว"
เธอหันขวับไปมองทันที ฮึ่มฮัมอยู่ในคอ
....เอ๊ะ!นายยักษ์ ตอบกวน...อย่างนี้ อย่าพูดเลยจะดีกว่า
“ก็คิดว่าปลอดภัย คนที่นี่มีน้ำใจ ไว้ใจได้ไงละคะ หรือคุณคิดว่าไม่!” หญิงสาวสวนขึ้นทันควัน
“มองโลกในแง่ดีจริงนะ"
อ๊ะ นี่ชั้นเผลอไปเหยียบหน้า...เอ๊ยเท้าพ่อคนนี้ตั้งแต่เมื่อไรนะ ถึงได้คอยพูดประชดประชัน ส่งสายตาแดกดันกันอยู่เรื่อย
“ใช่ค่ะฉันคิดว่าคงดูแลตัวเองได้ และถึงยังไงก็คงไม่หนัก...ไม่เดือดร้อนใคร!”
"เก่ง"
เฮ้ย..ไม่ไหวแล้ว หนีมาพักร้อนไม่ได้อยากมารับฝีปากกับคนโรคจิต! รถจอดตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ สองหนุ่มสาวยังนั่งส่งสายตาพิฆาตกันอยู่อย่างนั้น จนเสียงระฆังยกแรงแว่วมา
“เอ่อ..คุณๆ ครับถึงบ้านภูคาของเราแล้ว ผมว่าลงไปดูบ้านพักก่อนเต๊อะ จะได้ล้างหน้าล้างตา เดินทางกันมาเหนื่อยๆ"
เป็นชายหนุ่มที่ละสายตาก้มหยิบกระเป๋าลงจากรถผละเดินนำเข้าไปเสียก่อน
...ไม่แน่จริงนี่หว่า เชอะนายักษ์ตกมัน!
ละสายตาสาบแช่งจากแผ่นหลังกว้าง หันมามองที่พักใจที่จะเป็นสวนสวรรค์ของเธอตลอดสองอาทิตย์นี้ หญิงสาวก็ลืมความขุ่นมัวไปสิ้น
"บ้านภูคา" ที่เร้นตัวซ่อนกายอยู่ท่ามกลางแมกไม้ตรงหน้า สมราคาคุยที่เพื่อนสาวแนะนำไม่ผิดจริงๆ
"บรรยากาศสุดยอด บริการก็ดี ปลอดภัย ราคาเป็นกันเองอีกต่างหาก รับรองถูกใจแกแน่ๆ"
นึกถึงคำโฆษณาสรรพคุณของพัชมนเพื่อนรักแล้วเห็นจะจริง บรรยากาศอย่างนี้ให้ปั่นงานเป็นสิบเล่มลนาก็บ่ยั่น ว่าแล้วก็แบกเบ้เดินผิวปากรอดซุ้มกระดังงาเข้าไปอย่างอารมณ์ดี
“ครับ... เพิ่งมาถึงเมื่อสักครู่นี้ ไม่ต้องห่วงแล้วผมจะดูทางนี้ให้เอง"
ปลายสายสั่งอะไรอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงหูไป ทิ้งให้คนถือสายฝั่งนี้ต้องนั่งทอดถอนใจเพียงลำพัง
.....................................................................

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ก.ย. 2554, 22:23:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ต.ค. 2554, 23:55:08 น.
จำนวนการเข้าชม : 1546
ตอนที่ 2 >> |