อลวน ถนน หัวใจ (จบแล้ว)

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนจบ..

26.

ประดิพัทธ์มาถึงเชียงใหม่ในเวลาตีสาม เขาตรงไปยังโรงพยาบาลทันที เมื่อไปถึงรังสิตาก็โผเข้ากอดอินทราแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น ประดิพัทธ์เลี่ยงไปยังเตียงผู้ป่วย นมแสงที่นอนอยู่บนโซฟาจึงรีบลุกขึ้นนั่งมอง ประดิพัทธ์และอินทรายกมือไหว้ นมแสงยกมือตอบแล้วนั่งดูความเหมาะสมของคนทั้งคู่

รังสิตายังคงร้องไห้ อินทราไม่รู้จะปลอบประโลมว่าอย่างไร หญิงสาวเพียงแต่ใช้ภาษากายคือกอดกลับแล้วก็ใช้ฝ่ามือตีที่แผ่นหลังเบา ๆ เป็นเชิงว่าเข้าใจ

ประดิพัทธ์ไปยืนดูคนป่วยอยู่ข้างเตียง เห็นผ้าก๊อสพันที่ศีรษะ ใบหน้าที่มีรอยถลอกแผลเริ่มตกสะเก็ด เขาถอนหายใจออกมา

“เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร”

“รถมอเตอร์ไซค์ค่ะ”

“ปาดหน้าหรือคะ ก็เรารถยนต์จะเจ็บถึงขนาดนี้ได้อย่างไร”

“ไม่ใช่ค่ะ ขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไปตามคุณหนู” เมื่อนมแสงพูดจบ สองคนก็หันไปยังรังสิตาที่ยืนหน้าจ๋อยสนิท

“ก็คุณหนูซิคะไม่ฟังอีล้าค่าอีลม พอคุณโชคชัยพากลับถึงที่บ้าน บ้านพ่อเลี้ยงสมบูรณ์ โชควัฒนาวิสุทธิ์”

คนได้ฟังสองคนมองหน้ากันทันที

“ก็คู่หมายที่เสี่ยสาธรจะให้แต่งงานกับลูกเขาล่ะคะ”

อินทรายกมือกุมขมับทันที

“คุณหนูก็นึกว่าที่ผ่านมาเขาหลอกต้มตัวเอง ก็เลยตบเขาไปสองที เท่านั้นยังไม่พอขับรถหนีอีก เขาก็รีบวิ่งตามไป ไปเอามอเตอร์ของยามขี่ตามไปจนกระทั่งเป็นอย่างนี้แหละค่ะ นี่ยังไม่รู้เลยว่าจะตาบอดประสาทเสื่อมหรือพิกลพิการให้ต้องรักษาพยาบาลเยียวยากันไปอีกนานแค่ไหน”

“แล้วตอนนี้ใครดูเขาอยู่ล่ะคะ”

“จะใคร ก็เมียเขาซิ”

นมแสงพูดอย่างไม่ได้เกรงใจคนที่ยืนฟังด้วยสีหน้าสำนึกผิด


เมื่อรู้อาการของคนป่วย รังสิตาก็บอกให้คนทั้งคู่ไปพักผ่อน

“ขอโทษทีนะคะ ไม่ใช่บ้านฉัน ก็เลยไม่กล้าชวนให้พักค้างที่นั่น”

“แล้วนี่คุณพักที่ไหนครับ” ประดิพัทธ์ชวนคุย

“ก็กินนอนเฝ้ากันอยู่ที่นี่แหละค่ะ ห้องพิเศษออกกว้างขวาง” อันที่จริงพ่อของโชคชัย ซึ่งดูเป็นผู้ใหญ่ใจดีก็ชวนให้หญิงสาวกลับไปพักด้วยกันที่บ้านกาแล แต่รังสติรู้สึกว่าตัวเองนั้นทำผิดกับลูกชายของเขาอย่างใหญ่หลวงจึงไม่กล้าเข้าไปในบ้านเขาเพียงลำพัง จึงได้แต่อ้างว่า อยากอยู่ดูแลเขาด้วยตนเอง ซึ่งข้อนี้เป็นความจริงจากใจของรังสิตา


ในเวลาพระอาทิตย์กำลังจะขึ้นจากเส้นขอบฟ้า ประดิพัทธ์จูงมืออินทราลงมายังที่ลานจอดรถ หญิงสาวเดินตามเขามาด้วยทีท่าเนือย ๆ

“สงสารคุณรังสิตาจังเลย”

“พิสูจน์รักแท้ไง ถ้าผมเป็นอย่างนี้ คุณจะยังรักผมไหม” จริง ๆ อินทรายังไม่เคยบอกรักเลยสักคำเดียว

อินทรามองหน้าคนถาม เธอรักเขาแล้วหรือ หญิงสาวนึกถึงวันที่เตะเข้าไปยังปลายคางของเขา เมื่อรู้ว่าเขาสลบเธอนึกเป็นห่วง กลัวว่าเขาตาย จึงจับพลิกตัวให้นอนหงายหายใจได้สะดวก คิดจะช่วยปฐมพยาบาล แต่ถ้าเขาฟื้นขึ้นมา เขาจะปลุกปล้ำเธออีกไหม ถ้าจะถามว่ามันเริ่มต้นรู้สึกอะไรบางอย่างในวันไหน ก็คงเป็นวันที่เขาก้มลงจูบเธอที่เตียงคนป่วย ตอนนั้นเธอรู้แล้วว่าเธอเผลอรับเขาเข้ามาในหัวใจเสียแล้ว แต่เธอก็ต้องการให้เขาพิสูจน์เหมือนกันว่าเขารักและต้องการเธอจริง ๆ

สายตาของเขายังเร่งเร้าเอาคำตอบ สายลมเย็นที่พัดมาทำให้อินทรายกแขนขึ้นมากระชับกับทรวงอก

“ผมบอกรักคุณไปหลายครั้งแล้วนะ”

“สำคัญนักหรือไง” อินทราทำเสียงดุ ตอบกลับไป

“ก็ ไม่สำคัญเท่าการกระทำหรอก แต่ได้ยินสักนิดก็ดีเหมือนกัน ผมมันคนแก่ก็อยากได้ยินอะไรให้ชีวิตมันมีชีวาขึ้นมาบ้างก็เท่านั้นเอง

“ไม่รักแล้วฉันจะแต่งกับคุณเหรอ อินทราหลับหูหลับตาตอบกลับไปแล้วก็ถามคืนว่า

“คุณรักฉันที่ตรงไหน”

“ก็ตรง ๆ ดีครับ แล้วก็ติดดิน ธรรมดา ๆ เหมือนคนธรรมดาคนหนึ่ง”

“ไม่ใช่เพราะว่าสงสารฉันเหรอ” อินทรายังพูดจี้ใจดำ

“ตอนแรกสงสาร แต่ตอนนี้ไม่และ แต่เป็นพิศวาส”

หน้าของอินทราแดงขึ้นมาทันที

“ไป ไปโรงแรมกัน”

“อย่าทำอะไรบ้า ๆ กับฉันนะ”

“ถ้าคุณไม่ยอม ผมก็ไม่กล้าหรอก”

“ถ้ากล้า คราวหน้าแม่จะให้ประเคนให้สองเท้าเลย”

“ดุจังเลย แล้วคุณจะยอมผมเมื่อไหร่”

“ฉันสอบตัวสุดท้ายเสร็จ ผลการเรียนออกมา งานวิวาห์จบลง คืนนั้นแหละ ฉันจะยอมคุณ”

“มันนานนะ หนาว ๆ อย่างนี้ ได้ไหม”

“ไม่ได้ ฉันเปลี่ยนใจไม่ไปนอนโรงแรมกับคุณแล้ว นอนกับคุณรังสิตาที่โรงพยาบาลปลอดภัยกว่านะ”

“เอ้าก็ได้ ผมจะอดทนให้ถึงวันส่งตัวเข้าหอ แต่ขอมัดจำจูบสักหน่อยได้ไหม นะนะ”

เขายังต่อรอง

“ไม่ได้ ไม่เอา” อินทราก็ยังเล่นตัวเหมือนเคย


โชคชัยฟื้นขึ้นมา เขาลืมตาได้ แต่ม่านตาของเขาลางเลือน ผ้าพันแผลที่ศีรษะถูกเปิดออก แต่เขากลับจำคนที่รายล้อมตัวเขาอยู่ได้เป็น ‘บางคน’ และคนที่เขาจำไม่ได้ ก็คือ ‘รังสิตา’ กับ ‘นมแสง’

ความจำของเขาสิ้นสุดลงคือเหตุการณ์ที่เขาพาอินทราไปหาประดิพัทธ์ที่บริษัท แมส มอร์นิ่ง ที่เหลือเขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก

เมื่อเป็นดังนั้นเจ้านายของนมแสงจึงเอาแต่สะอื้นร่ำไห้จนร่างกายผ่ายผอมลง

“นมแสงทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ นี่เขาจะเดินได้ไหม”

“ใครเป็นคนทำล่ะ ก็เพราะคุณหนูคุณเดียว”

“นมแสงผมหิวข้าว” ด้วยนึกว่านมแสงคือคุณแม่บ้านที่คุณพ่อส่งมาดูแลเขา เมื่อต้องการอะไรเขาจึงเรียกหาแต่นมแสง

“เดี๋ยวป้าจะให้คุณรังสิตาป้อนให้นะคะ”

“ใครครับรังสิตา” คนถูกถามถึงเช็ดน้ำตาปรอย ๆ

“เมียคุณไงค่ะ”

“ผมมีเมียแล้วเหรอป้า ผมยังไม่ได้แต่งงานนะ ผมไม่แต่งกับคนที่คุณพ่อหาให้นะ ผมจะหาของผมเอง ผมมีปัญญาหาเมียได้เองนะป้า เมียผมต้องสวย ฉลาด ไม่แสนงอน ไม่วู่วาม คิดเป็นทำอะไรเป็นได้ทุก ๆ อย่าง และเมื่อผมไม่อยู่หรือถ้าผมตายไปเขาก็ต้องสามารถเลี้ยงลูกผมให้ดีได้”

“จ้ะ ๆ ให้คุณหายก่อน แล้วค่อยออกไปหาเมีย นี่ยังไม่รู้เลยว่ากระดูกอุ้งเชิงกรานกับขาจะหายเมื่อไหร่ แต่ตอนนี้อ้าปากก่อนนะ คุณหนูจะได้ป้อน”

“คุณหนูนี่สวยไหมป้า

“สวยซิ ไม่สวยคุณจะเลือกเธอมาทำเมียเหรอ”

“ขอผมจับหน้าเธอหน่อยได้ไหม” มือของเขาลูบคลำไปตามใบหน้าของหญิงสาว รังสิตาร้องไห้จนตัวโยนขึ้นมาอีก

“ทำไมหน้าเบี้ยว ๆ อย่างนี้ละป้า แล้วนี่น้ำอะไร”

นมแสงถอนหายใจออกมา พอดีกับที่พ่อเลี้ยงสมบูรณ์และเสี่ยสาธรเปิดประตูเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“เป็นไงไอ้แสบ ในที่สุดก็หนีคนที่พ่อหาให้ไม่พ้น”

“พ้นซิ ผมจะหาของผมเอง ต้องพ้น”

“ตอนนี้คนที่พ่อหาให้ เอ็งก็ไปแอบตกลงตกล่องปล่องชิ้นกันเรียบร้อยแล้ว แบบนี้ไม่ต้องแต่งให้เปลืองเงิน
เปลืองทองแล้ว” พ่อเลี้ยงสมบูรณ์พูดเอาประโยชน์ตัวเอง

“ได้ที่ไหนคะ คนของเราเสียหาย” นมแสงรีบขวาง

“ไม่แต่งก็ไม่เป็นไรหรอกนม แค่นี้ก็พอแล้ว” คำพูดเสี่ยสาธรเปลี่ยนไป

“หมายความว่าอย่างไรคะเสี่ย ทีตอนนั้นเร่งเร้าจะให้เขาแต่งกันก็เสี่ยอยากได้หน้าได้ตาเอาไว้หาเสียงไม่ใช่เหรอคะ”

“สงสัยว่ายมบาลจะล้างสมองมา มันบอกกับผมว่ามันจะไปบวชพระแล้วไม่เอาแล้วตำแหน่ง ส.ส. และลูกกับเมียทรัพย์สมบัติ มันจะโละให้ผมให้หมด”

“ระวังจะทำสำเร็จนะคะ คนเดียวก็พอว่า เป็นสิบ ๆ คน ถ้าไปบวชวัดไหน วัดนั้นไฟไหม้แน่” นมแสงค้อนให้ทีหนึ่ง

เมื่อเห็นว่าทุก ๆ คนไม่ได้สนใจตัวเอง รังสิตาจึงวางถ้วยข้าวต้มลง เปิดประตูออกไป ผู้ใหญ่ทั้งสามคนมองตามไป โชคชัยเอ่ยขึ้นว่า

“ข้าวล่ะนมแสง ผมหิวข้าว คนป้อนไปไหนแล้ว”

“ยายสิตาจะทนผัวพิการได้หรือเนี่ย” เสี่ยสาธรดูเป็นกังวล

“ทนได้ก็ได้สมบัติไปทั้งหมด จะทนหรือไม่ทนก็ไปคุยกันเอาเอง ถ้าไม่เอา ข้าจะได้จับลูกชายใส่ตะกร้าล้างน้ำ”

“อ้าวทำไมเอ็งพูดอย่างนั้นล่ะ”

“ก็เผื่อมันพิการขึ้นมาจริง ๆ น้องสาวแกทิ้งไปแล้วลูกชายข้าจะอยู่อย่างไร ต้องเอาใส่ตะกร้าล้างน้ำเท่านั้น ล้างให้สะอาดแล้วออกเร่ขายอีกรอบ ถึงตามันจะบอด แต่หน้าตามันก็ยังดีอยู่ กระดูกอุ้งเชิงกรานมันแตกอวัยวะเพศมันคงยังทำงานได้หรอก ใช่ไหมนมแสง”

“พูดอะไรกันบ้า ๆ อายคนแก่บ้าง”

“นมแสงแก่เสียที่ไหน ยังสาวอยู่เลยนะครับ”

เมื่อรู้สึกว่าพ่อกำลังจะจีบนมแสง โชคชัยสำลักข้าวออกมา เสี่ยสาธรก็กระแอมไอ


เมื่อเดินลงจากตึกมาที่สวนหย่อมด้านข้างโรงพยาบาล รังสิตาก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น ช่วงเวลาของความสุขทำไมมันเพียงประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้นเอง เธอทำกรรมอะไรมานะทำไมโชคชัยถึงได้เป็นอย่างนี้ ถ้าเขาตาบอดเธอก็ยังพอทนแต่นี่ความจำเสื่อมด้วย แถมเสื่อมเฉพาะตอนที่มีเธอ แล้วเราจะอยู่กันไปอย่างไร เขาไม่เห็นใบหน้าเธอแล้วเขาจะนึกรักเธอได้หรือ

“คุณรังสิตาทำไมมานั่งหน้าตาซีดเซียวอยู่ตรงนี้” อินทราละมือจากประดิพัทธ์แล้วกรากเข้ามาหาหญิงสาวทันที

“ได้กินอะไรบ้างหรือเปล่า”

“ฉันไม่หิว มันเหม็นอาหารและคลื่นไส้”

“เครียดแน่ ๆ เลย โรคกระเพาะจะถามหาเอานะ เปลี่ยนบรรยากาศบ้างดีกว่าค่ะ” อินทราหันไปหาประดิพัทธ์

“ไปหาอะไรทานกันดีกว่าครับ เช้านี้ผมกับอินทรายังไม่ได้กินอะไรกันเลย ไปนะครับ” รังสิตาลุกขึ้นแล้วก็หยุดยืนนิ่งด้วยรู้สึกว่าโลกมันหมุนคว้าง

“นั่งลงก่อน ๆ ไม่ดีแล้ว เดี๋ยวก็วูบหน้าคะมำมาเสียโฉมหมด” อินทรารั้งรังสิตาให้นั่งลงที่เก่าโชคชัยกลับไปที่รถแล้วหยิบกระดาษออกมาพัดวีให้

“สงสัยฉันจะร้องไห้มากไปจริง ๆ”

“คุณโชคชัยยังจำคุณไม่ได้อีกหรือครับ”

“จำไม่ได้ มองไม่เห็น ขาก็หัก ไม่รู้จะมีอะไรต่อไปหรือเปล่า”

“คุณเบื่อที่จะดูแลเขาแล้วเหรอ” อินทราถามขึ้น

“เปล่าหรอก เขาเป็นอย่างนี้ก็ยังดีกว่าเขาตายนะ อย่างน้อยฉันก็ได้ไถ่บาปที่ได้ทำผิดต่อเขาไว้”

“คุณไม่โกรธเรื่องที่เขาหลอกคุณแล้วเหรอ”

“เขาไม่รู้ไม่เห็นนี่ มันเป็นพรหมลิขิตจากบนฟ้ามากกว่า”

“ผมซึ้งกับความดีของคุณจริง ๆ เลย”

“สวรรค์คงอยากพิสูจน์รักแท้มั้งคะ” รังสิตายืนยันความคิดตัวเอง

เมื่อเห็นว่าหญิงสาวกระปรี้กระเปร่าขึ้น อินทราจึงพาประคองไปยังร้านอาหารที่อยู่ตรงข้ามกับโรงพยาบาล เมื่อเด็กเสิร์ฟยกไส้อั่วน้ำพริกหนุ่มแคบหมูและก็ปลาเผาออกมา รังสิตาก็รีบวิ่งไปยังห้องน้ำแทบไม่ทันทีเดียว

“ท้องชัวร์” ประดิพัทธ์โพล่งขึ้นมา

“รู้ได้ไง” อินทราสงสัย

“ก็ผมเคยมีลูกนี่” หน้าคนฟังเจื่อนลงทันที เขามองหน้าหญิงสาว อินทราพยายามหลบสายตาของเขา แล้วก็รีบเปลี่ยนเรื่องคุย

“ฉันตามไปดูคุณรังสิตาดีกว่า”

“ผมไม่ได้ตั้งใจนะ” ประดิพัทธ์พอเดาความรู้สึกของอินทราออกจากรีบแก้ตัว

“มันเป็นเรื่องในอดีตของคุณนี่คะ แต่ไม่ต้องใส่ใจหรอก ฉันมาทีหลัง ฉันก็เข้าใจว่ามาทีหลัง มีสามีเคยมีลูกมีเมียมาแล้ว ก็ยังดีกว่าที่สามีเคยมีสามีมาก่อน” พูดจบเธอก็ยื่นหน้าแลบลิ้นให้เขา ก่อนปรี่ตามรังสิตาไปยังห้องน้ำ


“คุณโชคชัยผมมีอะไรจะบอก” ประดิพัทธ์ยืนอยู่ที่ข้างเตียงคนป่วยที่กินขนมและผลไม้ที่นมแสงปอกให้อยู่เรื่อย ๆ

“มีอะไรหรือครับ”

“เมียคุณท้อง”

“ท้องกับผมเหรอ”

“อ้าวทำไมถามอย่างนั้นล่ะ” อินทราโดดผางจากโซฟาขึ้นมาทันที

“อย่า คุณเขายังสติสัมปชัญญะไม่ค่อยดี” ประดิพัทธ์รีบห้ามไว้เพราะกลัวอินทราจะเหนี่ยวหมัดใส่ใบหน้าที่เพิ่งหายบวมเสียก่อน

“เก่งกันจังเลย ไม่กี่วันท้องแล้ว ผมยอมคุณจริง ๆ” ประดิพัทธ์โคลงศีรษะ

“ผมมันไม่ได้เรื่อง เจอผู้หญิงพร้อมกันแท้ ๆ เชียว” เขาหยอกอินทราคืน แล้วก็ได้รับ ‘เขี้ยว’ กลับคืนมา

“ดุจริงดุจัง” ประดิพัทธ์พูดเปรย ๆ

“ยังไม่ได้แต่งเปลี่ยนใจยังทัน” อินทรารีบสวนคืน
“หิวน้ำ” โชคชัยขัดจังหวะ

“ตกลงคุณจำคุณรังสิตาไม่ได้จริง ๆ เหรอ มองก็ไม่เห็นด้วยเหรอ” ประดิพัทธ์ยังไม่วายสงสัย

คนเจ็บพยักหน้า

“เหมือนเรื่องแก้วตาพี่อย่างไรอย่างนั้นเลยนะเนี่ย” อินทราผสมโรง ก่อนจะแกล้งส่งปลายช้อนให้เขาดูดแทนหลอดพลาสติก

เมื่อวัตถุเย็น ๆ ถูกปาก เขารีบเม้มปากทันที

“ไม่ใช่หลอดนี่” เขายังแสดงละครต่อไป อินทราจึงส่งแก้วน้ำที่มีน้ำอยู่ครึ่งแก้วให้เขา เขาทำเป็นมองไม่เห็นอะไร

“ไหนละหลอดผมหิวน้ำ”

“แก้วนี่ไงอยู่ตรงหน้าคุณ ค่อย ๆ เอามือเอื้อมมา 90 องศาจากหน้าอกคุณ ยกมือแค่ระดับรักแร้นะ” มือคนป่วยค่อย ๆ เคลื่อนไปตามคำบอกของนักกายภาพบำบัดมือสมัครเล่น ประดิพัทธ์มองหน้าอินทราถามถึงความเห็นที่ทำอย่างนั้น อินทราทำท่าจุ๊ปากให้

“อ้านั่นแหละรวบมันไว้แล้วก็ยกเข้าปากตัวเอง” เขายกแก้วเข้าปากตัวเอง แล้วดื่มน้ำ

“ทีนี้เอาวางที่โต๊ะข้างเตียงนะ ทางหัวไหล่ข้างขวาของคุณมุมสิบห้าองศาจะมีที่ว่าง”

เขาปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย

“ฝึกไว้ ๆ เผื่อพิการจริง ๆ จะได้ทำได้”

เมื่ออินทราพูดจบเขาก็พ่นน้ำลายออกมาเพราะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่

“อีตาบ้า อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ว่าคุณแกล้งทำ ทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไรอ่ะ” อินทราหันซ้ายหันขวากลัวว่า นมแสงกับรังสิตาจะเข้ามาพอดี

“พิสูจน์รักแท้” โชคชัยสารภาพ

“ถ้าคุณพิสูจน์กับฉัน” อินทราหันไปหาประดิพัทธ์

“รับรองเลยว่าได้กินกำปั้นแน่”

“ซาดิสม์จริงเลยว่าที่ภรรยาผม

“เจอของแข็งไปเดี๋ยวก็อ่อน” โชคชัยเปรยขึ้น

“พอกันผู้ชายลามกพวกนี้ เปลืองตัวจริง ๆ ว่าแล้วอินทราก็เดินกลับไปนั่งที่โซฟา”

“พวกคุณไม่ทำงานกันเหรอ”

“งานผมยังไม่มี เป็นชิ้นเป็นอัน รายได้ไม่ดีเท่าเดิม”

“คุณอินทรา คุณยังจะแต่งงานกับคนที่เหลือแต่ตัวอีกเหรอ” โชคชัยหันไปหาอินทราที่ดูอารมณ์ดีขึ้น

“ถ้าเขาไปช่วยฉันขายของได้ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนี่ มีน้อยก็กินน้อย มีมากก็กินมาก ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วเพราะฉันก็ไม่มีอะไรอยู่แล้ว” อินทราตอบชัดถ้อยชัดคำ จนประดิพัทธ์มีน้ำตาคลอ

“ซึ้งอะไรอีกล่ะ” อินทราลุกขึ้นมาหยุดอยู่ฝั่งตรงกันข้ามเตียงคนป่วย โดยไม่ได้สนใจว่าคนป่วยกำมะลอรู้สึกเขินอายหรือเปล่า

“ผมก็ดีใจว่าถ้าผมเหลือแต่ตัวก็ยังจะมีกินไม่อดไม่อยาก”

อินทรายื่นยี้หน้าใส่ เขาก็เลยชะโงกหน้าไปทำท่าจะหอม โชคชัยไอแค็ก ๆ ขึ้นมา จริง ๆ จะว่าไปแล้วช่วงความสุขของชีวิตคู่ก็อยู่ที่ยังไม่ได้มีอะไรกันนี่แหละ แต่สำหรับเขากับรังสิตานั้น เมื่อเลยเถิดมาจนถึงมีลูกมีเต้าด้วยกันแล้ว ไม่ว่าเธอจะเป็นอย่างไรหรือว่าเขาจะเป็นอย่างไร คนสองคนจะต้องอดทนต่อกันให้ถึงที่สุด มันไม่ใช่แค่ความสุขของตนเอง แต่มันรวมถึงความสุขของลูก ซึ่งเรียกว่าครอบครัว


“คุณจะแต่งงานกันเมื่อไหร่” โชคชัยถามขึ้น

“หลังอินทราสอบเสร็จสามวัน ประมาณอีกสองสัปดาห์ยังไม่ได้กำหนดอะไรที่แน่ชัดเลยครับ อาจจะเป็นแค่จัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ในหมู่คนรู้จัก”

“แต่งพร้อมกันไหมที่รังสิตารีสอร์ต” โชคชัยเอ่ยชวน

ประดิพัทธ์มองหน้าเขาแล้วก็หันไปขอความคิดเห็นจากว่าที่ภรรยา

“แล้วแต่คุณแล้วกัน ปรึกษากันเอาเอง” เมื่อตัดภาระไปแล้วเธอก็กลับไปนั่งที่โซฟาเหมือนเคย

“เอาไง ไหน ๆ เราก็บังเอิ๊ญบังเอิญมาเจอกันแล้วนะ” โชคชัยยังเร่งเร้า

“เอาดิ๊ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เรื่องของผมคนเดียวมันไม่ดัง เอาเรื่องของคุณผสมไปด้วย แค่หลับตานึกเมื่อข่าวออกไป แล้วอะไรจะเกิดขึ้น ประดิพัทธ์ฝันเฟื่องเหมือนเคย

“แต่งงานแล้ว ผมคงทำงานให้เป็นชิ้นเป็นอัน”

“ธุรกิจของครอบครัวคุณก็เยอะแยะมากมายแล้วนี่จะทำอะไรอีก”

“อยากเปิดบริษัทผลิตรายการให้คุณเป็นคนบริหาร”

อินทรากระโดดขึ้นมาทันที เธอรู้ว่าโชคชัยหมายถึงอะไร

“ผมอยากให้น้องสาวของผม” เขาเอื้อมมือไปที่ศีรษะซึ่งมีผมซอยสั้น ๆ เคลียร์ติ่งหู อินทราน้ำตาหยดเหมือนเคย

“ผมอยากให้อะไรกับน้องสาวบุญธรรมผมบ้าง แล้วอีกอย่างผมมั่นใจว่าคุณพามันไปรอดแน่เพราะคุณมี
ความคิดแผลง ๆ อยู่แล้ว”

เมื่อไม่รู้ว่าเขาชมหรือว่าด่า ประดิพัทธ์ได้แต่ทำหน้าปุเลี่ยน ๆ

“ขอบคุณค่ะ” อินทรายกมือขอบคุณ สีหน้าของเธอนั้นดูสดชื่นขึ้นมาทันที

“เปิดบริษัทก่อนเลยไหม อาจจะเริ่มต้นด้วยงานแต่งงานของพวกเราเลย” โชคชัยรุกทางความคิดต่อไป

“แล้วจะให้ชื่อรายการว่าอะไรรูปแบบรายการเป็นอย่างไรเสนอช่องไหน” อินทราใจเต้นแรง

“ตรงนั้นผมไม่รู้อะไรสักอย่าง เอาเป็นว่าผมมีเงินทุนให้คุณแล้วกัน สิบล้านพอไหม” โชคชัยถามขึ้น ประดิพัทธ์ยังตาค้างอยู่กับฝันที่คิดว่าไม่มีวันได้เป็นจริง

“ถ้าไม่พอหรือมันเล็กไปเอายี่สิบล้านแล้วกัน ผมออกจากโรงพยาบาลแล้วผมจะพาคุณไปหาคุณพ่อ”

“ท่านจะกล้าเสี่ยงกับผมเหรอ พวกคุณไม่เคยจับงานพวกนี้กันมาเลยนะ” ประดิพัทธ์พูดไม่ทันจบประโยค ประตูห้องก็เปิดผางออกมา

เป็นรังสิตาที่เดินหน้ามุ่ยพร้อมมีเรื่อง

“ทำไมจะไม่กล้าล่ะคะก็มีลูกชายผูกเรื่องได้เก่งขนาดนี้” ว่าแล้วเธอก็ง้างมือจะตบที่ใบหน้าของเขา พอดีกับที่คนป่วยหลับตาปี๋ รังสิตาเห็นใบหน้านั้นยังบวมเพราะฤทธิ์ที่ปะทะกับถนน หญิงสาวจึงเปลี่ยนเป็นทุบไปที่หน้าอกแทน

พอทุบเขาจนหนำใจแล้ว เธอก็ร้องไห้ออกมา

“ไอ้คนบ้า ไอ้ทุเรศ” เขาดึงเธอไปกุมไว้

ประดิพัทธ์หลิ่วตาให้ อินทราออกจากห้องก่อนที่มดจะมาพลอยกัดเขาไปด้วย

“แกล้งกันทำไม รู้ไหมว่าใจหายหมดแล้ว”

“ผมไม่ได้แกล้งผมเป็นจริง ๆ แต่ตอนนี้หายแล้ว หายเมื่อกี้นี้เอง ก่อนคุณเข้ามา”

“แล้วที่ขานี่ล่ะ”

“หายแล้วเหมือนกัน

เธอทุบตุ๊บไปทันที

“โอ๊ย! ขานี่หักจริง ๆ ไม่ได้ล้อเล่น”

“แล้วกระดูกอุ้งเชิงกรานล่ะ”

“อันนี้สั่งให้หมอซ่อมเป็นกรณีพิเศษเลย กลัวเมียไม่มีความสุข”

“บ้าแล้ว” รังสิตาปะหลับปะเหลือกให้

“ค้อนแล้วสวย มาใกล้ ๆ หน่อย ขอชื่นใจสักที” รังสิตายังลังเล

“ได้ข่าวว่าตั้งครรภ์แล้ว”

“ยังไม่ได้ไปหาหมอเลย อาจยังไม่ท้องก็ได้”

“มาใกล้ ๆ หน่อยเดี๋ยวหมอโชคจะตรวจให้ถ้าไม่ท้องจริงจะได้ทำให้ท้องจริง ๆ”

รังสิตายิ้ม ๆ แต่ว่าก็ขยับเข้าไปหา เขารวบร่างระหงมาไว้ในอ้อมกอดแล้วจูบเบา ๆ ไปที่แก้มและริมฝีปาก

“ตกลงท้องหรือเปล่า”

“ไม่รู้ แต่ว่าประจำเดือนไม่มาตามกำหนด”

โชคชัยเลิกชายเสื้อตัวหลวม ๆ ของรังสิตาแล้วเอื้อมมือไปแตะเบา ๆ ที่ท้องน้อย

“คุณอยากได้ลูกชายหรือลูกสาว”

รังสิตามองหน้าเขา แต่ว่าเขาก้มมองดูท้องของเธอ

“แต่ผมอยากได้ลูกสาว ลูกสาวน่ารัก ๆ เป็นเพื่อนเล่นของแม่” เขาลูกท้องเบา ๆ “ลูกพ่อ อย่าดิ้น อย่าทำให้
แม่ลำบากนะลูก”

“นี่ยังไม่เป็นตัวเลย ไม่ต้องเว่อร์มากหรอก” รังสิตารีบค้านการกระทำนั้น

“เราต้องเริ่มคุยกับลูกตั้งแต่ตอนนี้แหละ ลูกจะได้อารมณ์ดีเหมือนพ่อเขา”

“อี๊ อย่างนี้ก็ว่าฉันอารมณ์ร้ายนะซิ”

“อย่างกับแม่มด ไม่ได้ไม่ดีทุบ ทุบ ตบ ตบ หรือไม่ก็วิ่งหนี” เมื่อรู้ว่าเขาตำหนิ รังสิตาก้มหน้านิ่ง เขาเชยคางเธอขึ้นมา

“เป็นแม่คนแล้วนะ จะวู่วามเอาแต่ใจเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้วด้วย เข้าใจไหม” เธอพยักหน้าจำนน

“แล้วจะพูดอะไรอีก”

“ทำอะไรต้องมีสติคิดให้รอบคอบ และก็เชื่อใจสามีคนนี้ให้มาก ๆ”

“ข้อสุดท้ายนี่ขอไม่ปฏิบัติตามหรอก คุณหน้าตาดีอย่างนี้ แม่สาว ๆ เห็นก็ถลาเข้าใส่ ฉันเองพอมีลูกแล้วอะไร ๆ ก็เปลี่ยนไป

“แล้วอะไรมันจะเปลี่ยนไปล่ะ”

“บ้าจริง” หน้าสวยกลับเป็นตวักเหมือนเก่า

“บอกให้อารมณ์ดีลูกจะได้ออกมาหน้าตาดี ยิ้มซิ ยิ้ม น่านะ ยิ้มนะจะให้รางวัล”


บทส่งท้าย

(อีก 1 เดือน)

‘รายการซอกแซกจอแจ 5 4 3 2 1 แอ็กชั่น’

“สวัสดีครับ ผมประดิพัทธ์ ดิษยาลัย ดิฉันอินทรา วังอินทะค่ะ” ในจอมอนิเตอร์สองหนุ่มสาวพิธีกรคู่ขวัญอยู่ในชุดเจ้าบ่าวกับเจ้าสาว

“วันนี้เราทั้งสองคนจะพาไปซอกแซกในบรรยากาศที่จอแจจุ้นจ้านเจี๊ยวจ๊าวด้วยนะครับ”

“ใช่ค่ะ วันนี้เราจะพาทุก ๆ ท่านไปที่” อินทราตาเป็นประกายเมื่อจ้องเลนส์กล้อง

“แถ่นแท้น เป็นเสียงของประดิพัทธ์ที่ทำเลียนแบบเสียงดนตรีทั้งสองหันมายิ้มให้กันก่อนจะพลิกตัวออก กล้องตามเข้าไปเห็นป้ายที่เวทีกลางแจ้งซึ่งมีไฟระยิบระยับ

“เป็นงานแต่งของคุณรังสิตา เจริญธัญญา กับคุณโชคชัย โชควัฒนาวิสุทธิ์ ค่ะ” เสียงของอินทราแจ่มใส

กล้องแพนไปทางด้านซ้ายของตัวอักษรชุดแรก

“อะอ้าว มีสองคู่หรือ อีกคู่ก็คือ คุณอินทรา วังอินทะ vs คุณประดิพัทธ์ ดิษยาลัย เอ๊ะ! เอ้! นี่มันชื่อเราสองคนนี่” ประดิพัทธ์ทำเสียงในลำคอ แล้วกล้องก็ตัดมาหาคู่บ่าวสาวที่ได้ทำหน้าที่พิธีกรด้วย

“ค่ะวันนี้คือวันแต่งงานของเราสองคน กับอีกสองคน ก็คือสี่คนสองคู่นั่นเอง

“อยากรู้ไหมครับว่าทำไมเราถึงได้แต่งงานพร้อมกัน แต่ก่อนอื่นวันนี้ผมมีพิธีกรตัวจริงเสียงจริงที่จะมาทำหน้าที่ในวันนี้แทนเราสองคนครับ”

“ใครคะ” อินทราถามเจ้าบ่าวที่มีใบหน้าชื่นมื่นเหลือกำลัง

“ก็คุณรัชดาพรไงครับ เพราะเธอเป็นสักขีพยานให้เราตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว เราก็เลยต้องเชิญเธอมางานแต่งงานวันนี้ พบกับคุณรัชดาพรครับ”

ตัดภาพไปยังบนเวที มีเสียงดนตรี แนวสนุกสนานประมาณเทคโนแดนซ์ แล้วรัชดาพรก็เดินขึ้นมาในท่าเร่งรีบแต่เริงร่าในมือของเธอมีชาร์ทโน้ตสีขาวมีไมค์ลอยหนึ่งตัว เธอมาในชุดราตรีสีแดงเพลิงเกาะอกเห็นประทุมถันอันเต่งตึง

เมื่ออยู่ท่ามกลางเวทีแล้วเจ้าหล่อนก็ยกมือพนมพร้อมกับกล่าวคำว่า

“สวัสดีค่ะ สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุก ๆ ท่านนะคะ สำหรับค่ำคืนนี้ ทางรายการ ซอกแซกจอแจของท่านเจ้าภาพ ได้ให้เกียรติแก่ดิฉันเป็นพิธีกรในงานคืนนี้ มีใครก็ไม่รู้บอกว่า ชีวิตคู่นั้นทำให้ชีวิตของคนเราได้ถูกเติมเต็ม พูดเหมือนเคยมีชีวิตคู่นะคะ ไหนคะใครเคยมีชีวิตคู่บ้าง”

มีเสียงกรี๊ดจากหน้าม้าที่อยู่ข้างล่างพอประมาณ

“แสดงว่ามีคนเป็นม่ายน้อยมั๊กมาก ๆ นะคะ เอาใหม่ ไหนขอเสียงคนที่มีคู่อยู่แล้วค่ะ”

ทีนี้เสียงปรบมือพร้อมเสียงกรี๊ดดังกึกก้อง

“แสดงว่ามีคู่แล้วดีใช่ไหมคะ อีกครั้งนะคะ ไหนขอเสียงคนโสดหน่อยค่ะ”

มีเสียงกรี๊ดแผ่ว ๆ

“แสดงว่าทุกคนผ่านการมีคู่กันมาแล้วทั้งนั้น เด็ก ๆ ในงานมีไหมคะ”

กล้องที่อยู่ข้างล่างแพนหาเด็ก ๆ ที่จะแสดงตัว แล้วก็มีเด็กผู้หญิงใส่กระโปรงสีชมพูถักเปียคู่เหมือนพจมาน สว่างวงศ์ โบกมือให้พิธีกรบนเวทีด้วยท่าทีแก่นแก้ว

“โอ๊ะโฮ! มีเด็กด้วย มีเด็กวัยรุ่นที่เป็นผู้ชายไหมคะ”

ชัยวัฒน์ที่ยืนอยู่ด้วยกันกับเด็กสาวยกมือเพราะเด็กสาวคนนั้นจับยก

“อยากบอกว่าใช้ชีวิตในวัยรุ่นให้คุ้มให้มากที่สุดนะคะ อย่าเพิ่งมีเลยฟงแฟนอะไรคบกันเป็นเพื่อนไปก่อนค่ะ”

เสียงพิธีกรบนเวทียังแจ้ว ๆ แต่เด็กสาวที่ยืนอยู่คู่กับเด็กหนุ่มในชุดสูท หันมาคุยด้วยใบหน้ายิ้มหวาน

“ฟังพี่เขาอยู่หรือเปล่า”

“ทำไมจะไม่ฟังล่ะ เธอนั่นแหละควรฟังพี่เขาไว้ เรายังเด็กแค่สิบแปดปี แฟนเฟินอย่าเพิ่งมี”

“ก็ให้เป็นแค่เพื่อนก่อนไง เป็นไม่ได้รึ”

“เพื่อนที่ไหน โทรหากันสามเวลาหลังอาหารเบื่อตายชักเลย”

“งั้นโทรก่อนอาหารก็ได้”

“ก่อนอาหารก็ไม่ได้” เด็กหนุ่มยังต่อรอง

“ถ้าไม่โทร ก็ไม่รู้ซิว่าคิดถึง”

“รู้ เด็กหนุ่มตอบ

“รู้อย่างไง”

“ก็ ถ้านาไม่โทรมาเดี๋ยววัตก็โทรไปเอง อย่างนี้เดี๋ยวก็รู้ว่าคิดถึงจริงไหม”

“จริงอ่ะ”

“ลองไม่โทรมาสักสองวันซิเดี๋ยวจะโทรไปหาเอง”

“ไม่เอา คิดถึง”

เด็กหนุ่มส่ายหน้ากับเรื่องที่คุยกันไม่รู้เรื่อง วันนี้จริง ๆ เขาดีใจเป็นอย่างมาก ไม่เคยคิดเลยว่าพี่อินทรา หญิงสาวที่กระโดกกระเดกอยู่ในสลัมจะมีงานแต่งที่หรูหรา ปานดาราดัง ๆ แต่ดาราดัง ๆ ยังไม่ได้จัดงานยิ่งใหญ่เท่านี้เลย รีสอร์ต พื้นที่กว้างใหญ่อยู่ริมทะเลสาบศรีนครินทร์ติดไฟฟ้าระยิบระยับเชิญแขกระดับรัฐมนตรี ไล่เรื่อยมาจนถึงข้าราชการ พ่อค้า และดาราอีกคับคั่ง

ที่บนเวที รัชดาพรยังทำหน้าที่ชวนแขกคุยอย่างออกรสออกชาติสมกับเป็นพิธีกรมืออาชีพ

“ค่ะ ลำดับต่อไปนะคะ เป็นที่มาว่า เขา เขา และ เธอ เธอ พบกันได้อย่างไร”

ไฟฟ้าค่อย ๆ ดับลง แต่จอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ ไฟกลับค่อย ๆ สว่างขึ้น เป็นภาพของประดิพัทธ์ที่ยืนอยู่หน้ากล้องโทรทัศน์เมื่อเดือนก่อน

“ครับผมประดิพัทธ์ครับ วันนี้ผมจะนำกระเป๋าใบนี้ขึ้นรถไปด้วย แล้วผมก็จะแกล้งลืมไว้บนรถคันนั้น อ๊ะอ๊ะ ผมจะทำอย่างนั้นทำไมนะหรือ ผมอยากทดสอบว่าแท็กซี่ในเมืองไทยของเรามีความซื่อสัตย์สุจริตแค่ไหน ถ้าผมได้กระเป๋าคืนโดยที่ผมลงจากรถแล้วเขาโทรกลับมาแสดงว่า มีคนดีในประเทศไทย แต่ถ้าผมลงจากรถแล้วทุกอย่างเงียบสนิท ประเทศไทยของเรา ควรจะต้องร้องว่าอะไร ไชโยใช่ไหม เราไปกันเลยดีกว่าครับ”

แล้วประดิพัทธ์ก็ไปยืนโบกรถแท็กซี่อยู่ที่หน้าถนน รถแท็กซี่เข้ามาจอด เขาขึ้นไปนั่งบนรถ มีรถกล้องวิ่งตามรถแท็กซี่ทะเบียน ทร.2548 ไป จนกระทั่งจะเลยบิ๊กซีลาดพร้าว ประดิพัทธ์ลงจากรถ แล้วรีบวิ่งมาขึ้นรถกล้องตามรถแท็กซี่ไป รถแท็กซี่ไปกลับรถ แล้ววกกลับมาหาคนหน้า The Mall บางกะปิ มีผู้หญิงถือของพะรุงพะรังขึ้นรถ พอดีกับมีรถใหญ่มาบังหน้ากล้อง รถแท็กซี่หายไป หายไปพร้อมกับกระเป๋าและผู้หญิงคนนั้น

“ค่ะนั่นคือภาพจากสถานการณ์จริงที่ทางบริษัทคิดทดลองแท็กซี่ เราจะไม่พูดถึงที่มาตรงนั้นอีก แต่ที่รู้ ๆ กัน หลังจากนั้น คุณประดิพัทธ์โทรหารายการ ‘ร่วมด้วยช่วยกันเถิดนะ’ แจ้งเรื่องกระเป๋าสตางค์หาย พักเดียวทางรายการก็ได้รับข้อมูลจากผู้หญิงคนนี้ค่ะ”

ในจอวีทีอาร์เป็นรูปของอินทราตอนเป็นนักศึกษาฝึกงานอยู่ในนิตยสารบันเทิงเริมรมย์

“นักศึกษาฝึกงานในนิตยสารบันเทิงเริมรมย์ คุณอินทรา วังอินทะ เธอบอกว่าตอนนี้นั่งอยู่บนรถกับคุณโชคชัย คนขับแท็กซี่กำมะลอตัวจริง ใครที่ไม่ได้ติดตามนิยายเล่มนี้ตั้งแต่แรกนะคะจะไม่รู้ว่าคุณโชคชัยสำคัญอย่างไร”

แล้วภาพวีทีอาร์ก็ตัดไปยังธุรกิจพันล้านของพ่อเลี้ยงสมบูรณ์ที่อยู่ทางเชียงใหม่ คนที่อยู่ข้างล่างจุ๊ปากแล้วก็พากันเม้าท์คาดเดาเรื่องไปต่าง ๆ นานา จนกระทั่งภาพทิ้งค้างอยู่ที่รูปของคุณโชคชัย ตอนเรียนอยู่ที่เมืองนอก

“ค่ะ พอคุณโชคชัยกลับมาเมืองไทย คุณพ่อ หรือพ่อเลี้ยงสมบูรณ์ของเขาก็บังคับให้แต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ค่ะ”

แล้วภาพวีทีอาร์ก็ตัดไปยังธุรกิจพันล้านในเมืองกาญจนบุรีของเสี่ยสาธรพร้อมกับคำบรรยายเป็นเสียงที่คนฟังแล้วจะต้องร้องอู้ฮูอ้าฮา แล้วภาพก็หยุดที่รูปของรังสิตาตอนที่อยู่เมืองนอก

“ค่ะ พอคุณรังสิตากลับมาถึงเมืองไทย พี่ชายของเธอคือเสี่ยสาธร ต้องการให้เป็นทองแผ่นเดียวกันกับหนุ่มเจียงใหม่เจ้า พอรัชดาพรพูดแค่นั้นคนทั้งสนามก็ส่งเสียงกรี๊ดดดดดขึ้นมา

ภาพในวีทีอาร์เป็นภาพการ์ตูนสนุก ๆ ล้อถึง คนแก่สองคนที่อยากเป็นทองแผ่นเดียวกัน แต่เด็กสองคนนั้นไม่เห็นด้วยเลย

“ค่ะ ค่ะ แต่ที่ตลกกว่านั้นก็คือ คนทั้งคู่หนีออกจากบ้านไปแสวงหารักแท้ค่ะ”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังเซ็งแซ่

“ตื่นเต้นใช่ไหมคะ ดิฉันเองก็ยังตื่นเต้นไปกับเขาด้วย รู้ไหมคะว่า เราจะย้อนภาพกลับไปหาผู้หญิงที่ขึ้นรถหน้าห้าง the mall กันนะคะ” แล้วภาพก็ถอยหลังกลับไปแล้วก็หยุดนิ่ง

คนที่หน้าเวทีฮือฮาทีเดียว

“เขากับเธอมาเจอะกันแล้วค่ะ”

บางคนเมื่อมาเห็นภาพถึงกับเปล่งอุทานว่า

‘พรหมลิขิต‘ บางคนก็เขินจนต้องแทะเล็บตัวเอง บางคนก็ยิ้มจนเหงือกแห้งทีเดียว

“ทีนี้เราจะตัดภาพไปที่บริษัท แมส มอร์นิ่งนะคะ”


ในภาพเป็นอินทราออกมาจากรถแท็กซี่พร้อมกับโชคชัย มาที่เคาน์เตอร์ ประดิพัทธ์ออกมารับด้วยสีหน้าเป็นกังวล ภาพหยุดที่ตรงนั้น

“นี่แหละค่ะ เขาคุณประดิพัทธ์กับเธอคุณอินทราเจอะกันตรงนี้เอง ดูซิคะ คนจะแต่งงานกันเขาเจอกันครั้งแรกเขามองกันอย่างไร” ที่นี้คนข้างล่างหัวเราะครืนทีเดียว

“ฉันรู้จักคุณประดิพัทธ์มานานค่ะ รู้ว่าเขาชอบแบบไหน แต่ไม่คิดว่า สเป็คของเขาจะเปลี่ยนไปได้รวดเร็วขนาดนี้ จอแบนค่ะทีวีจอแบน แค่ 16 นิ้วเอง”

เรียกเสียงฮาได้อีกรอบ ประดิพัทธ์ที่ยืนอยู่ข้างล่างคู่กับอินทราถึงกับชูนิ้วชี้ให้ประมาณว่า ‘เผากันนะฝากไว้ก่อนเถอะ’

“จากกระเป๋าใบเดียว ยังไม่จบแค่นั้นนะคะ เรื่องมันซับซ้อนซ่อนเงื่อน แต่เราคงเสนอทุก ๆเรื่องทั้งหมดทุกอย่างคงไม่ได้ กบว. คงไม่ผ่านให้นะคะ เพราะมันล่อแหลมต่อความมั่นคงของชาติค่ะ สรุปนะคะ หลังจากที่คุณโชคชัยในคราบคนขับแท็กซี่มาแมสมอร์นิ่งกับคุณอินทราแล้วเข้าไปคุยอะไรกันก็ไม่รู้ แต่นี่ค่ะ พวกเขาออกไปพร้อมกันด้วยรถแท็กซี่คันนี้

เป็นภาพที่ทั้งสามคนเดินออกจากตึกถ่ายโดยกล้องวงจรปิด

“แล้วเรื่องก็มาปูดอีกทีค่ะ”

ในจอมอนิเตอร์เป็นสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ประจำคอนโดและอพาร์ทเม้นท์ในซอยมหาดไทย

“วันนั้นวุ่นกันตั้งแต่บ่ายมั้งค่ะ ขึ้นตึกโน้นลงตึกนี้ หาผู้หญิงผมยาว บอกแค่ลักษณะนะคะ ตอนนั้นเราไม่คิดว่าจะสวยได้ขนาดนี้”

มีสัมภาษณ์หลายคนทีเดียว

“ค่ะคนต่อไปนะคะ คน ๆ นี้ยืนยันได้ค่ะว่าทั้งหมดไปคุยกันเรื่องกระเป๋าใบนั้นที่ไหนค่ะ”

เป็นเจ้าของร้านนมชงในซอยมหาดไทยที่ขึ้นเวทีมาด้วยความภาคภูมิใจ มาถึงก็เล่าว่าเธอนั้นได้คลั่งไคล้ดารานามประดิพัทธ์ขนาดไหน และเธอก็สารภาพว่าเป็นแหล่งข่าวที่แจ้งกับหนังสือพิมพ์เรื่องความไม่ชอบมาพากลกับกระเป๋าใบนั้น

รัชดาพรยังทำหน้าที่พิธีกรได้อย่างลื่นไหล มีทั้งภาพและเสียงมีคนที่รู้เห็นเหตุการณ์ออกมาชี้แจง จนกระทั่งมีภาพที่อินทราสวมกอดกับประดิพัทธ์

“สำหรับภาพนี้ เดี๊ยนขอสารภาพเลยละกันว่าเป็นฝีมือคนรู้จักเองค่ะ ตอนนั้นรู้สึกว่าคุณอินทราเธอจะตกใจว่าผีหลอกหรืออย่างไรสักอย่าง เธอหน้าตื่นตื่นออกจากห้องแล้วมาพบคุณประดิพัทธ์ ฯ แต่ไม่แน่นะคะ ฉันเดาว่า เพราะภาพนี้แหละที่ทำให้คุณประดิพัทธ์ตกบันไดพลอยโจนแม่สาวสลัมที่พวกเรารู้กันค่ะ ต่อไปนะคะ เป็นเซอร์ไพรส์ค่ะ ขอเปิดตัวคนที่พวกคุณไม่มีทางรู้จักอย่างเด็ดขาดเลยค่ะ ขอเรียนเชิญคุณยายศรี กับเด็กหญิงเหว่า หลานสาวค่ะ”

พอพิธีกรพูดจบ ยายศรีกับเด็กหญิงเหว่าก็เดินขึ้นเวทีกันมาด้วยทีท่าประดักประเดิด

“ไม่ต้องอายค่ะคุณยาย มีอะไรจะถามนิดนึงนะคะ”

“ตอนที่คุณรังสิตากับคุณโชคชัยหนีไปอาศัยพักที่บ้านคุณยาย” แล้วภาพก็ตัดไปที่สภาพบ้านของคุณยาย ถ่ายจนเห็นบริเวณโดยรอบ

“คุณสองคนเขาน่ารัก เขาบอกว่าหนีโจรที่ปล้นมา ยายบอกว่าโจรไม่มีแล้วในป่ามีแต่โจรในเมือง พอตอนสาย ๆ มีผู้ใหญ่บ้านมาหาบอกว่าโจรลักพาตัวน้องสาวของเสี่ยสาธรมา ยายเห็นกับตาว่าไม่ได้ลักพาตัวแต่หญิงสาวเดินนำหน้าจะลักพามาได้อย่างไร ลักพามาก็ต้องลากกันไปใช่ไหม”

เรียกเสียงฮาได้จากข้างล่างทีเดียว

“ยายไม่เชื่อ ตอนนั้น ยายให้เขาไปหมอบในกระพ้อมข้าวกัน”

แล้วภาพก็ตัดไปยังกระพ้อมข้าวใบเก่ามีฝุ่นจับกรังแล้วใบไม่ใหญ่มาก

ข้างล่างเริ่มหัวเราะแล้วคิดกันไปต่าง ๆ นา ๆ

แล้วก็ตัดมาที่ที่สองคนได้พักนอนกลางวัน ถ่ายเตาไฟ ถ่ายสภาพบ้านที่ไม่ได้น่าอยู่เลยแล้วกล้องก็แพนไปหาบ้านอีกหลังที่เป็นบ้านปูนชั้นเดียวขนาดเล็กทาสีชมพูสวยงาม

“บ้านใครคะยาย”

“เขากลับไปปลูกให้ใหม่ เขาบอกว่ายายจะได้สบาย ๆ จริง ๆ เขาจะให้ยายย้ายมาอยู่ด้วย แต่ยายติดที่เสียแล้วขอตายที่นั่นดีกว่า เขาก็เลยปลูกบ้านให้ยาย ให้จำเริญ ๆ เถอะพ่อคุณแม่คุณ” ยายยกมือพนมท่วมหัว

คนที่อยู่ข้างล่างตื้นตันใจ

“เราช่วยใครเราก็ไม่ได้หวังอะไรตอบแทนหรอก เห็นว่าเขารักกันคงพากันหนีผู้ใหญ่มา ธรรมเนียมบ้านเรา ส่งตัวแล้วก็จบกันไป แต่ไม่ได้รู้อะไรซับซ้อนกว่านั้น

ยายลงเวทีไปพร้อมกับหลานสาว พิธีกรสาวยิ้มชื่นรับแสงไฟ

“ค่ะ ต่อไป อันนี้นะคะ ต้องมีคนร้องกรี๊ดแน่ ๆ เลยค่ะ เรือนหอค่ะ”

แล้วภาพวีทีอาร์ก็เป็นสภาพบ้านของลุงน้อยกับป้าแหวง ซึ่งมีหลาน ๆ วิ่งเล่นกันอยู่ที่ใต้ถุนบ้าน ป้ากับลุงไม่ยอมขึ้นเวทีจึงมีการสัมภาษณ์นำมาเสมอ

“เขาสองคนมาหมอบอยู่ตรงโน้น หมาก็เห่าขรมไปหมด ผมกับแม่มันกำลังดูทีวีกันอยู่ลงไปดู ก็ยกมือไหว้เรา บอกว่าหนีตามกันมา ธรรมเนียมบ้านเราถ้าเป็นอย่างนี้ เราก็จัดแจงหาที่หลับที่นอนที่กินให้กันไป แม่มันเขาก็ไปหาผ้าใหม่มาให้เปลี่ยนให้ไปอาบน้ำกัน”

กล้องแพนไปหาที่บ่อน้ำ

“คุณผู้ชายเขาก็สาวน้ำขึ้นมาให้คุณผู้หญิงอาบ กระจุ๋งกระจิ๋งกัน เสร็จแล้วก็มาหาข้าวกินแล้วก็เข้านอน”

ลุงน้อยพูดจบ ป้าแหวงก็ยิ้ม

“ตื่นเช้ามาเห็นคุณผู้ชายเก็บที่นอนมาพับ เอาออกมานอกห้องนอน เราก็สงสัยว่าทำไม บอกว่าจะซื้อกลับบ้านทั้งหมดเลย ที่นอน หมอน มุ้ง ผ้าห่ม ผ้าปู ขนกลับไปหมดเลย บอกว่า นอนแล้วฝันดี”

เท่านั้นเองเรียกเสียงกรี๊ดจากคนที่รู้เท่าทันว่ามันเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้น

วีทีอาร์ยังร้อยเรื่องที่พอมีภาพของทั้งประดิพัทธ์และอินทราในวันไฟไหม้สลัม วันที่ขอหญิงสาวแต่งงานในภาพกล่องโทรทัศน์

แล้วภาพทั้งหมดก็ประมวลรวมเป็นเพลง คล้ายมิวสิควีดีโอ เรียกความซึ้งความอิ่มเอมในบุคคลที่ยังมีหัวใจรัก หรือใครสักคนที่ขาดความรักแล้วต้องการหาใครสักคนที่เติมเต็ม

ไฟมอนิเตอร์ภาพวีทีอาร์มืดลง เสียงเพลงคู่แท้ ของเบิร์ด ธงไชย แม็คอินไตย์ก็ดังขึ้น พร้อมกับไฟที่ค่อย ๆ
สว่าง ๆ จนกระทั่งได้เห็นคู่บ่าวสาวสองคู่บนเวที พร้อมญาติผู้ใหญ่ของทั้งสี่ฝ่าย

แต่ที่ทำให้ทุกคนขำกลิ้ง ก็คือ ประดิพัทธ์ยืนคู่กับรังสิตา แล้ว โชคชัยยืนคู่กับอินทรา เมื่อพวกเขารู้ว่าผิดคู่ ไฟจึงดับลงอีกรอบ พอสว่างคราวนี้ ก็กลายเป็นคู่ใครคู่เขา

“ค่ะสำหรับค่ำคืนนี้พวกเราก็ได้ดื่มด่ำกับความหอมหวานของความรักที่ทั้งสองคู่มีให้แก่กันแล้วนะคะ ลำดับต่อไปเรียนเชิญผู้ใหญ่ของคู่แรกก่อนเลยนะคะ คู่ของคุณอินทรากับคุณประดิพัทธ์ค่ะ เรียนเชิญคุณพ่อคุณแม่ของคุณประดิพัทธ์ให้โอวาทคู่บ่าวสาวและกล่าวขอบคุณแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานค่ะ”

แล้วพ่อกับแม่ของประดิพัทธ์ก็ต่างเกี่ยงกันที่จะออกมาพูด จนกระทั่งผู้เป็นพ่อทนการคะยั้นคะยอจากพิธีกรไม่ไหว จึงทำหน้าที่ผู้นำ

“ครับ ครับ ดีใจกับเขาสองคนครับ ขอบคุณครับ”

พอถึงคิวของแม่อินทรา อินทราจึงประคองแม่เดินไปที่ไมค์กลางเวที สองแม่ลูกยิ้มให้แก่กันคนเป็นแม่น้ำตาไหลด้วยความปลาบปลื้มใจ ชัยวัฒน์ที่ยืนอยู่กับรัตนา ลูกสาวของลุงอินตาก็พลอยยิ้มทั้งน้ำตาไปด้วย เขาไม่คิดเลยว่า ชีวิตจะมีวันนี้ได้

“ค่ะดีใจกับเขาค่ะ เป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว ฝากคุณประดิพัทธ์ด้วยนะคะ แกยังเด็กนัก หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกันนะคะ ขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกคนค่ะ”

คุณแม่พูดจบ มีเสียงปรบมือเกรียวกราวทีเดียว และสุดท้ายก็ถึงคิวของพ่อเลี้ยงสมบูรณ์พ่อของโชคชัย ท่านเป็นผู้นำที่อารมณ์ดีอยู่แล้ว พอจับไมค์ได้ท่านก็ลื่นไหลทันที

“สวัสดีพ่อแม่พี่น้องและแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ผมดีใจมากที่มีวันนี้ ตอนแรกคิดว่าจะไม่มีวันนี้ซะแล้ว แต่ก็มีวันนี้จนได้ นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ตามใจพ่อแม่ตั้งแต่แรกน่ะดีแล้ว จะได้ไม่ต้องตะลอน ๆ ข้ามป่าข้ามเขาพิสูจน์รักแท้กัน ขอบคุณครับ

เมื่อพ่อโชคชัยลงไปก็ถึงเวลาของเสี่ยสาธรผู้ที่อยากได้หน้าได้ตาเอาไว้ให้คนรู้จักทั้งประเทศ แต่มาวันนี้เสี่ยสาธรกับภรรยามีลักษณะสงบเสงี่ยมเจียมตัวจนหลาย ๆ คนแปลกใจ

“ครับ เกือบตายซะแล้ว ดีนะรอดมาได้ครับ หลังงานแต่งรังสิตา ผมเรียนเชิญทุกท่านในที่นี้ไว้เลยนะครับ ผมจะบวชพระ”

เสียงฮือฮาดังมาจากข้างล่างทันที มันเกิดอะไรขึ้น พวกเขาจะไม่ได้มีว่าที่ ส.ส. คนนี้แล้วเรอะ

“ไม่มีอะไรหรอกครับ เพียงแค่ตอนอยู่ในห้องไอซียู เจอะท่านยมเท่านั้นเองครับ รู้จักไหมครับพญายม” คนข้างล่างเริ่มฮือฮาขนลุกกันเกรียว

“แล้วผมก็ขอโอกาสท่านกลับมาทำความดี ท่านถามว่าอะไรดีสุด เราตอบว่าเป็น ส.ส. ท่านก็ว่า งั้นก็อยู่ที่นี่แหละตกนรกขุมตื้น ๆ เราบอกว่า จะเป็นเจ้าของธุรกิจ ท่านว่าทำอะไร สัมปทานสร้างถนน เฮ้อ! อย่าให้ผมพูดเลยเดี๋ยวจะปลงกันซะหมด ครับ ในโอกาสนี้ผมขอให้พรน้องสาวผมกับน้องเขยของผมซึ่งจะเข้ามาบริหารกิจการทั้งหมดของเครือเจริญธัญญาต่อจากผม ครับมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างคนสองคนในภายภาคเบื้องหน้าก็ให้นึกถึงวันเวลาที่ผ่านมาที่ได้เรียนรู้กัน ผู้ชายก็อย่าเจ้าชู้ เหมือนผม ส่วนน้องสาวผมก็ลดเรื่องเอาแต่ใจตัวหน่อยแล้วกัน ครับ ขอบคุณครับ เจอกันที่งานบวชผมนะครับ ใครที่สนใจเรื่องยมบาล ไปคุยกันที่วัดต่อได้นะครับ ขอบคุณครับ”

งานนี้เรียกเสียงฮาปนความสยองทีเดียว

(จบบริบูรณ์)

สำหรับนวนิยาย อลวน ถนน หัวใจ โดย เฟื่องนคร จะตีพิมพ์ แบบตามสั่งหรือปริ้นออนดีมานด์ หรือ จะเรียกว่าหนังสือทำมือก็ได้ครับ.. ราคาพร้อมค่าจัดส่ง 200 บาท สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ f_nakhon@hotmail.com //// มีหนังสือพร้อมส่ง

ประวัตินักเขียน
นิพนธ์ เที่ยงธรรม
นามปากกา จุฬามณี เฟื่องนคร ชอนตะวัน
เกิดวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2521
ภูมิลำเนา จังหวัดนครสวรรค์
การศึกษา ระดับปริญญาตรี จากคณะมนุษยศาสตร์ สื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ชิงชัง เป็นผลงานนวนิยายในโครงการถนนสู่ดวงดาว เพื่อชิงรางวัลทมยันตีอะวอร์ดครั้งที่ 1 (2548-2549) เข้ารอบ 20 เรื่องสุดท้าย ได้พิมพ์รวมเล่ม แจ้งเกิดเป็นนักเขียน ตามกติกาของโครงการฯ
ปัจจุบันมีผลงานกับ 3 นามปากกา ดังนี้

ปี 2550

ชิงชัง จุฬามณี (ละครช่อง 5)
องค์การบริหารส่วนหัวใจ เฟื่องนคร
แจกันดอกหญ้า ชอนตะวัน

ปี 2551

สะบายดี..หัวใจ ชอนตะวัน
ไม่ต้องรักเท่าฟ้า ชอนตะวัน

ปี 2552
แสงดาว ไอดิน อินเดีย ชอนตะวัน
หัวใจไม่ใช้เส้นขนาน เฟื่องนคร

ปี 2553
รักเร่...เสน่หา ชอนตะวัน
กามเทพปั้นรัก ชอนตะวัน
เจ้าสาวไร่ส้ม เฟื่องนคร(ละครช่อง 3)
ตะเกียงกลางพายุ จุฬามณี
สุดแค้นแสนรัก จุฬามณี(ละครช่อง 3)

ปี 2554
ราตรีนี้มีรักแท้ เฟื่องนคร
ดอกรักริมธาร เฟื่องนคร
อรุณสวัสดิ์หัวใจ ชอนตะวัน
อลวน ถนน หัวใจ เฟื่องนคร
อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง ชอนตะวัน
กุหลาบซ่อนกลิ่น เฟื่องนคร




จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ก.ย. 2554, 11:20:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ก.ย. 2554, 11:20:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 2818





<< 25. ใกล้แล้วนะ   
Zephyr 23 ก.ย. 2554, 12:42:53 น.
สองคู่ชู้ชื่น แต่แอบจบสยองไปนิดนะคะ ^^ มียมบาลด้วย - -" ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆให้อ่านนะคะ ถึงจะอลวน ไปนิด ทำเอามึนตั้งนานสองนาน


innam 23 ก.ย. 2554, 16:21:45 น.
ตามเป็นกำลังใจ


ณัฐวีร์ 24 ก.ย. 2554, 00:09:07 น.
อ่านทีเดียวจบ สนุกมากค่ะ ขอบคุณนะคะ


wane 27 ก.ย. 2554, 02:31:01 น.
สนุกมากค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account