อลวน ถนน หัวใจ (จบแล้ว)

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 25. ใกล้แล้วนะ

25.

“ดีค่ะหนูรัตนาค่ะ”

“รัตนาไหน”

“นี่ใช่เบอร์พี่ประดิพัทธ์ปะ” คนถามนั้นน้ำเสียงเป็นเด็กสาวที่ทันสมัยโดยไม่ได้สนใจคำเชื่อม คำเต็มใน
ภาษาไทยสักตัว

“อือ มีไร” เขาเอาบ้าง

“ก็พี่ประกาศตามหาผู้หญิงไม่ใช่เหรอ”

“พี่ ไม่ได้ใส่ชื่อนี่ แค่ให้เบอร์โทร” เมื่อรู้จุดมุ่งหมายของปลายทางเขารู้สึกมีความหวังขึ้นมาบ้าง

“แต่หนูรู้แล้วกันว่าเป็นเบอร์พี่ เพราะรูปผู้หญิงคนนั้นคือคนที่เป็นข่าวกับพี่”

“เออเก่ง แล้วไง เจอเขาเหรอ อยู่ที่ไหน”

“ไม่ได้เจอหรอก แต่มีเบอร์โทรเขา คุยกันอยู่หลายรอบแล้ว แต่เขาไม่ยอมบอกว่าเขาอยู่ไหน”

“คุยกับเขาเรื่องอะไรหรือ”

“เรื่องน้องเขาแหละ หนูเป็นแฟนน้องเขา เป็นกิ๊กกันน่ะค่ะ หนูชอบชัยวัฒน์ แต่เขาไม่ได้ชอบหนูหรอก เพราะเขาบอกว่าหนูเจ้าชู้ชอบตามตื๊อผู้ชายก่อน เขาไม่ชอบผู้หญิงแบบนั้น”

“ผมก็ไม่ชอบผู้หญิงแบบนั้น”

“อี๊ ไม่ต้องเข้าข้างกันหรอก”

“แล้วตกลงจะเอาอย่างไร โทรมาด้วยเรื่องอะไรเนี่ย”

“พี่จ่ายเท่าไหร่ล่ะ”

“สองพัน”

“น้อยจังเลยนะพี่ สามพันได้ไหม อยากได้รองเท้าไปดูคอนเสิร์ตบอดี้สแลมกับโปเตโต้น่ะ” เมื่อได้ยินประดิพัทธ์ส่ายหน้าระอา ชัยวัฒน์ก็อย่างนั้น หากได้แฟนอย่างนี้ อินทราคงปวดหัวน่าดู

“สองห้าละกัน เพราะมีแค่เบอร์โทรนี่ หากได้ที่อยู่ด้วยอาจจะให้สามพันแน่นอน” เขารีบต่อรอง

“ได้

“แล้วผมจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณไม่โกหก”

“ก็ไปด้วยกันเลยไง หนูก็อยากเจอน้องเขา พี่ก็อยากเจอพี่เขา พบกันครึ่งทาง”

“มีแค่เบอร์โทร เหรอแล้วจะไปอย่างไร”

“ก็ไปหาตำรวจแล้วให้ตำรวจช่วยประสานงานกับอะไรล่ะที่รู้ว่าโทรศัพท์โทรมาจากตรงไหน”

“เรื่องใหญ่โตเลยนะนั่น เอางี้แล้วกัน ขอเบอร์โทรนั่นมาก่อน แล้วฉันจะหาวิธีการเอง พอได้เรื่องแล้วจะโทรนัดเธออีกที”

“พี่ไม่เบี้ยวเงินหนูนะ”

“เออ พี่เอาชื่อเสียงเป็นประกัน”

“ถ้าไม่จ่าย พี่ได้ขึ้นหน้าหนึ่งอีกแน่ เดี๋ยวหนูเมจเสชไปแล้วกันนะ จ่ายหนูด้วยนะ”

เขาตอบว่า ‘อือ’ แล้วปลายสายก็ตัดสัญญาณไป ครู่เดียวเขาก็ได้รับสัญญาณของข้อความ เขาเปิดดู มีเลข 10 หลัก เขาครุ่นคิดถึงวิธีการทำให้อินทรายอมบอกที่อยู่

แล้วเขาก็นึกออก หลายครั้งทีเดียวที่บริษัทมีการจับฉลากแล้วโทรไปบอกผู้โชคดี

“แม่ทางรายการ ‘ที่นี่บ้านเรา’ โทรมาบอกว่าเณรได้รับรางวัล”

“จริงเหรอ” คนที่ชอบเล่นหวยละงานที่ทำในทันที

“เป็นอะไร ได้อะไร มัน เอ้ย! เณรส่งอะไรไป”

“ฝาคาราเต้ยาชูกำลัง ได้โทรทัศน์เครื่องหนึ่ง เขาให้เราเอาบัตรประจำตัวประชาชนของเณรไปรับน่ะแม่”

“มันจะจริงหรือว้า เขาหลอกกันมาเยอะแล้วนะ” คนเป็นแม่เริ่มไม่เชื่อ ด้วยเห็นว่ารางวัลมันน้อยไป “เขาบอกว่าจะส่งมาให้ที่บ้าน แต่ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายค่าส่งเอง

“เท่าไหร่”

“ห้าร้อยบาท”

“มันก็ยังเสี่ยงอยู่ดี โกหกมั้ง แอบอ้างกันเยอะ” คนเป็นแม่ดูมีสติขึ้น อินทราแปลกใจ

“แม่ไม่อยากได้เหรอ ไม่อยากได้จะได้ปฏิเสธไป”

“โทรทัศน์มันก็มีดีและไม่ดี ดูข่าวเขาเราก็ว่าดี พอเราเป็นข่าวเองก็ว่ามันไม่ดี”

“เผื่อเอาไว้จำนำไงแม่ หวยกินก็ขายได้ จำนองจำนำได้เอาไว้ดีกว่า ให้เขาส่ง พกง. เก็บเงินปลายทางดีกว่า ไม่ถูกหลอกแน่ แต่เดี๋ยวหนูไปถามที่อยู่ป้าเจ้าของบ้านเขาก่อนนะ” อินทราหายไปสักพักแล้วก็อมยิ้มกลับมา

“ตั้งแต่ชัยวัฒน์บวชเณรรู้สึกว่าอะไร ๆ มันก็ดีขึ้นนะแม่”

“บุญมั้ง เขาว่าได้บุญ บุญมันคงช่วย” ด้วยเป็นย่านที่มีโรงงานอุตสาหกรรมคนงานที่มาจากต่างจังหวัดจึงคุ้นเคยกับอาหารกึ่งขนมชนิดนี้ เมื่อขายได้ขายดีกำไรจึงมีเป็นกอบเป็นกำ

“แต่ถึงกระนั้นอินทราก็ยังรู้สึกว่าภาระเรื่องเรียนของเณรชัยวัฒน์เป็นเรื่องใหญ่ หากน้องไม่อยากเรียนราม หรือเธอมีปัญญาส่งเขาไปในที่อื่น ๆ ได้ กำไรจากตรงนี้ กับความหวังตรงนั้น ความรักความเสียสละบางทีอาจจะดึงความเห็นใจแม่และพี่สาวของเขามาได้บ้าง เธอจะพยายามโน้มน้าวใจเขาด้วยความรักและการให้


“สวัสดีครับ เอาของมาส่งครับ” เป็นเสียงของเด็กผู้หญิงที่ขนกล่องโทรทัศน์ขนาดใหญ่ใส่ตะแกรงอลูมิเนียมแบบมีล้อที่อินทราเคยเห็นพวกเซลล์ใช้เวลาเข็นของมาขายตามบ้าน

“คุณอินทราใช่ไหมครับ” เด็กคนนั้นอยู่ในชุดกางเกงขายาวสีดำใส่เสื้อเชิ้ตคอวีมีปก มีโลโก้ของเครื่องดื่มคาราเต้ปักอยู่ที่หน้าอก บนศีรษะที่ถักเปียสองข้างนั้นมีหมวกแก๊ปปิดหน้าที่แต่งแต้มอย่างมีสีสัน

“ค่ะ อินทราค่ะ”

“โทรทัศน์ที่คุณชัยวัฒน์ได้รับรางวัลค่ะ”

“ไหนบอกว่าจะส่งมาทาง พกง. เก็บเงินปลายทางไง”

“ทางบริษัทเราใจร้อนค่ะ อยากให้ลูกค้าเร็ว ๆ”

“แล้วมาคนเดียวเหรอ”

“มากันหลายคนค่ะ ทางทีมงานกำลังยกกล้องมาค่ะ” อินทรารีบกรากไปยังถนนเห็นว่ามีรถของทีมงานกองถ่ายกำลังเข็นกล้องและไฟลงจากรถ

“อะไรนะ ถ้าต้องออกกล้องไม่เอาของหรอก ไม่อยากดังอีกแล้วเบื่อ” เมื่อได้ยินคำว่าไม่เอาแล้ว คนเป็นแม่จึงต้องออกมาจากในบ้าน

“อะไรไม่เอา มีอะไร”

“เขาจะเอากล้องมาถ่ายทำเรื่องรางวัลนี่ ถ้าเป็นอย่างนี้ หนูไม่เอาหรอก” ด้วยเบื่อและกลัวว่าภาพนั้นจะทำให้มีใครตามหาเธอเจอต่างหาก

“รับไปเถอะพี่” เด็กส่งรีบคะยั้นคะยอ “ของมาถึงบ้านแล้วรับไปเถอะ สวัสดีจ้ะป้า”

“อีหนูนี่หน้าคุ้น ๆ เคยเจอที่ไหน”

เจอที่ไหนล่ะ ก็วันที่ชัยวัฒน์ถูกตำรวจจับเรื่องขับรถซิ่งบนท้องถนนพร้อมกับพรรคพวก ที่ท้ายรถของชัยวัฒน์มีเธอซ้อนอยู่ด้วย ในตอนแรกเธอก็นั่งซ้อนรถเพื่อนของเธอที่โรงเรียน พอเพื่อนของเธอแพ้ เธอก็จำต้องมานั่งที่รถของชัยวัฒน์ตามกติกา จะว่าไปที่เพื่อนหนุ่มของเธอแพ้ในวันนั้น ก็เพราะเธอนี่แหละส่งเสียงร้องวี้ดว้ายทำลายสมาธิ ก็เธอนึกชอบชัยวัฒน์ที่หน้าตาดีกว่าเพื่อนหนุ่มคนนั้น

เมื่อตำรวจจับ เธอจึงมารู้ว่ารถมอเตอร์ไซค์คันนั้นเป็นของเพื่อนชัยวัฒน์อีกที เขาโคตรจนมีบ้านอยู่ในสลัมมีแม่ปากร้ายสุด ๆ วันนั้นพ่อของเธอไปประกันตัวเธอออกมา แม่เขานั่งด่าและถกเถียงกับตำรวจอยู่เป็นนาน เมื่อพ่อพาเธอกลับบ้านพร้อมความโมโห โทรศัพท์ของพี่โชคชัยก็ดังขึ้น พี่โชคชัยบอกว่าให้พ่อเอาเงินสองพันไปให้แม่ของเพื่อน พ่อโทรกลับไปหา นัดหมายคุยกัน ที่ไหนได้ เป็นยายปากปลาร้าที่ถกเถียงกับพ่อหน้าดำหน้าแดงเรื่องที่เลี้ยงลูกไม่ดี

วันนั้นเธอรู้สึกถึงคำว่า ‘จุดไต้ตำตอ’ อะไร ๆ ดูจะพัวพันจนเธอนึกสนุก เธอชอบเขา เธอก็อยากที่จะสานความสัมพันธ์ แต่เขากลับมองเธอเป็นเด็กใจแตกไปเสียนี่ ถึงเธอจะแก่นแก้วไปบ้าง แต่เธอก็ยังรู้จักรักนวลสงวนตัวหรอกน่า

“คนหน้าตาเหมือนกันมีเยอะจ้ะป้า เด็กผู้หญิงสมัยนี้แต่งตัวเทรนด์เดียวกันหมดแหละเหมือนกัน ๆ” คนพูดดึงหมวกมาปิดหน้ามากกว่าเดิมอีก คนเป็นแม่ยังเกาหัวแกรก ๆ

เมื่อกำลังลังเล ทางทีมงานก็ถือกล้องโทรทัศน์ออกมาจากรถตู้ เด็กหญิงรีบดึงรถที่มีกล่องโทรทัศน์ขนาดใหญ่มาวางไว้ตรงหน้า

“เปิดเลยนะพี่ รับไปเถอะ มันเป็นของของพี่แล้ว แค่พี่มอง ๆ กล้องหน่อยก็พอแล้ว”

“รับไปเถอะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว มาถึงแล้วนี่ ไม่ต้องเสียค่าอะไรไม่ใช่เหรอ” ผู้เป็นแม่เริ่มสนุก

“แม่ แต่ หนูว่า

“เหอะ เปิดเลยคุณ เราแม่ชัยวัฒน์ ตอนนี้เขาไปบวช ดีใจค่ะที่ได้รางวัล คาราเต้กินแล้วซู่ซ่า” คนเป็นแม่ร่ายความดีของเครื่องดื่มคาราเต้ทันที

เด็กหญิงค่อย ๆ ดึงริบบิ้นสีชมพูออก อินทรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังพยายามหลบมุมกล้องที่พยายามถ่ายโคลสมายังใบหน้าและแววตาของเธอ แน่ล่ะที่แววตาของแม่นั้นจะต้องชื่นชมยินดีกับของฟรีที่อยู่ตรงหน้า เมื่อริบบิ้นหลุด แล้วก็เผยให้เห็นว่ามีดอกกุหลาบสีขาววางอยู่บนกล่องกระดาษชั้นใน อินทราเริ่มเอะใจ แล้วกระดาษสีน้ำตาลก็กระเด็นขึ้นดอกไม้กระจายจนเธอต้องหลับตาหลบ พอเธอลืมตาได้ เธอก็ได้เห็นช่อ
ดอกกุหลาบสีแดง พร้อมกับนายประดิพัทธ์ดาราพิธีกรหน้าทะเล้นอารมณ์ดี

“อินทราครับ ผมมาเซอร์ไพรส์ แต่งงานกับผมนะ”

“บ้าชะมัดเลย” อินทราทั้งอารมณ์เสียและรู้สึกอายระคนกัน

เมื่อลูกสาวจะผละหนี คนเป็นแม่รีบรั้งตัวไว้ทันที

“จะเล่นตัวไปถึงไหน เขาทำถึงขนาดนี้แล้วนะ”

“แต่”

เขาหันไปหากล้องโทรทัศน์ยิ้มและพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า

“แม้เราจะรู้จักกันไม่นาน แต่ผมขอยืนยันว่า การแต่งงานกันในครั้งนี้ ผมแต่งกับเธอเพราะความรัก ไม่ใช่เพราะอำนาจของสื่อแต่ประการใดครับ” พูดจบเขาก็หันมาหาอินทราที่มีหยาดน้ำตาอีกแล้ว

“ผมรักคุณ แต่งงานกับผมนะครับ”


“อื้อหือ คู่นี้เขาขยันเป็นข่าวกันจริง ๆ นะ” นมแสงที่นั่งปอกมะม่วงแล้วก็ดูโทรทัศน์ไปด้วยนั้นเปรยออกมา รังสิตาที่นั่งร้องไห้อยู่บนโซฟาจำต้องเหลือบสายตามามอง

“วันโน้นก็คลิปฉาว วันนั้นก็ไฟไหม้ ยายแม่ยายทุบไปทีหลายตุ๊บ วันนี้ก็ เฮ้อ! จะว่าหวานก็หวานนะคะคุณหนู ขอแต่งงานกันยิ่งกว่าเซอร์ไพรส์อีกนะเนี่ย นี่ถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นคุณหนูเสี่ยคงหน้าบานเป็นกะโล่แน่ ๆ ได้น้องเขยเป็นดาราหน้าทะเล้น นึก ๆ ก็น่าเสียดายนะ”

“พอแล้วนมแสง อย่าไปพูดถึงความหลัง” แล้วรังสิตาก็สูดน้ำมูกซื้ด ๆ

“นี่แหละหนาเขาว่าวาสนาคนเราเอาแน่ไม่ได้ จากเด็กในสลัมแท้ ๆ เชียว วันนี้แทบจะเป็นดาราได้แล้วนะเนี่ย ใคร ๆ ก็รู้จักอินทรากันทั้งประเทศ นี่นะงานแต่ง นมแสงว่านักข่าวต้องพร้อมใจกันเชียร์แน่ ๆ คงจะเริ่มตั้งแต่ไปหาชุดแต่งงาน ดูฤกษ์ยามวัดไหน เรือนหอ ห้องหอ วันงานแต่ง หลังงานแต่ง คู่นี้ยังหากินกันได้อีกนาน ดีไม่ดี ไอ้จานกับมือสะอาด อาจจะเพิ่มเป็นสี่มือ

“นมแสง” รังสิตาขึ้นเสียงเมื่อคู่ใจยังไม่หยุดเพ้อ

“จะให้นมแสงทำอะไรล่ะคะ คุณโชคชัยเป็นอย่างนี้ เราก็เฝ้าอยู่ตรงนี้ ใช่สามีนมแสงเสียเมื่อไหร่ จำเป็นที่นมแสงจะต้องเศร้าด้วยหรือคะ”

รังสิตาค้อนให้หนึ่งทีก่อนจะซื้ด ๆ น้ำมูกต่อ ตั้งแต่เป็นต้นเหตุให้โชคชัยประสบอุบัติเหตุ รังสิตาก็ยังไม่ได้หยุดร้องไห้ จะไม่ให้ร้องได้อย่างไร ก็เลือดอาบที่หน้าเขาเต็มไปหมด และเมื่อเข้าไปในห้องฉุกเฉินหมอก็ออกมาบอกอาการในเบื้องต้นว่ากระดูกขาหักสองท่อน กระดูกอุ้งเชิงกรานมีปัญหา รวมถึงกระเพาะปัสสาวะอีก นอกจากนั้น ที่ศีรษะยังกระทบกระเทือน หมอบอกว่ายังไม่รับรองเรื่องความทรงจำและเรื่องของดวงตา รังสิตานึกถึงละครหลาย ๆ เรื่องการประสบอุบัติเหตุคราวนี้โชคชัยรวมเรื่องร้าย ๆ ไว้ทุกอย่างทีเดียว แล้วถ้าเขาพิการ เธอจะทำอย่างไร กระดูกอุ้งเชิงกรานมันจะรวมถึงอวัยวะเพศด้วยหรือเปล่า แล้วสมองเสื่อมนี่ล่ะ ถึงกับปัญญาอ่อนไหม ถ้าเขาตาบอดอย่างเรื่อง ‘แก้วตาพี่’ ของนิตยา โอ๊ย! รังสิตาหลับตาภาวนารอบแล้วรอบเล่า อย่าได้มีเหตุไม่ดีเกิดขึ้นกับเขาเลย

แต่ถ้าเขาเสียชีวิตไปเลยล่ะ ถ้าเขาพิการก็ยังดีกว่า ขอให้เธอได้อยู่ใกล้ ๆ เขาเถอะ

ว่าแล้วหญิงสาวก็รีบลุกขึ้นจากโซฟาไปที่เตียงคนเจ็บอีกรอบ

ในตอนนี้ใบหน้าที่เคยสดใสสะอาดราวหยกสลักนั้นมีรอยถลอกศีรษะทุยได้รูปหมอพันผ้าไว้บริเวณช่วงขาด้านซ้ายใส่เผือกแล้วช่วงหลังก็มีอะไรต่อมิอะไรมาบล็อกอีก

“คุณโชค คุณจะต้องไม่เป็นอะไรนะ ถ้าคุณเป็นอะไรแล้วฉันจะอยู่กับใคร ฉันรักคุณนะคุณโชค” รังสิตาโผเข้ากอดที่หน้าอกแล้วสะอื้นฮัก ๆ หวังว่าความเสียใจและน้ำตาจะไปกระตุ้นความรู้สึกของเขาให้หวนกลับมา กลับมาให้อภัยเธอและรักเธอตราบนานเท่านาน

นมแสงละมะม่วงแล้วก็กดปิดรีโมท เพราะเสียงโทรศัพท์ดัง เมื่อคุยกับปลายสายเรียบร้อยแล้ว นมแสงก็เดินมาหา

“เสี่ยปลอดภัยแล้วค่ะ”

“แล้วพี่ชายใหญ่รู้เรื่องนี้หรือยัง”

“รู้แล้ว นมแสงโทรไปรายงานคุณวินิตราตั้งแต่ตอนที่คุณขับรถหนีออกจากบ้านแล้ว”

“แล้วทางโน้นว่าไง”

“ก็บอกว่าดีสม นมแสงสะบัดเสียงใส่ให้

“นมแสงอ่ะ อย่าทับถมกันได้ไหม”

“เกลียดตัวกินไข่เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง จุดไต้ตำตอ ดีนะที่คนของเสี่ยไม่ตามจนพบ ไม่งั้นคุณโชคชัยตายไป ทีนี้ละมึงเอ๊ย! พ่อเลี้ยงสมบูรณ์บุกกาญจนบุรีแน่”

“อย่าพูดถึงความหลังได้ไหม”

“ก็อยากพูดนี่ นึกแล้วเจ็บใจไม่หายทำให้ร้องไห้อยู่ตั้งหลายวัน แล้วนี่คุณหนูเชื่อหรือคะว่าคุณโชคชัยไม่รู้เรื่องอะไรเลย”

“เชื่อสิ เพราะหนูมาใคร่ครวญดูแล้ว เขาก็ไม่ได้ตั้งใจเข้ามาหาหนูสักหน่อย เพียงเพราะกระเป๋าใบนั้นต่างหากล่ะ ทำให้เรามาพบกัน คงเป็นบุพเพสันนิวาสแหละนมแสง พรหมลิขิตให้เรามาเจอกัน แค่คิดถึงตรงนี้รังสิตาก็มีความหวังขึ้นมา เขาต้องหายและต้องไม่เป็นอะไร


เมื่อตกลงกับอินทราได้แล้ว ประดิพัทธ์ก็นึกถึงพ่อสื่อที่พาให้เขาได้รู้จักกับว่าที่เจ้าสาวแสนสวยและแสนดีคนนี้ เมื่อเข้าไปคุยคร่าว ๆ กับทางเวดดิ้งสตูดิโอแล้วเขาก็พาอินทราไปยังร้านอาหารในซอยมหาดไทยร้านเดิมที่เคยนั่งกินกันสามคนเมื่อยี่วันก่อน เขากดสายถึงคนที่ลงตัวกันก่อนคู่เขาเสียอีก

“ฮัลโหล เสียงที่ทักทายไปนั้นอารมณ์ดีทีเดียว แต่เสียงที่ตอบกลับมาสะอื้นฮัก ๆ

“เป็นอะไรคุณรังสิตา ทำไมร้องไห้”

ประดิพัทธ์ชักใจคอไม่ดี กลัวเหมือนกันว่า หมอนั่นจะหลอกลวงหญิงสาว อินทราเองก็มีสีหน้าตระหนกเมื่อเห็นสีหน้าของประดิพัทธ์

“เปิดโฟนซิอยากฟังด้วย” อินทรายื่นหน้ามาใกล้ ๆ กับโทรศัพท์มือถือที่ประดิพัทธ์ถืออยู่

“มีอะไรหรือคะคุณรังสิตา ตั้งสติเล่าให้เราฟังเร็ว” น้ำเสียงของอินทรานั้นดูเป็นห่วงเป็นใยคนปลายสายเป็นอย่างมาก

“คือคุณโชคชัยประสบอุบัติเหตุค่ะ เป็นเพราะฉันเขาถึงได้เป็นอย่างนี้”

“แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนครับ”

“เชียงใหม่” แล้วรังสิตาก็บอกชื่อโรงพยาบาลพร้อมห้องผู้ป่วย

“เราจะรีบไปหาคุณที่นู่นนะ คุณรอเราด้วย”

“ไม่ต้องมาหรอกค่ะ เกรงใจคุณต้องทำงาน”

“ไม่หรอกครับ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เราเป็นห่วงเขาจริง ๆ ครับ ถ้าไม่ได้เขา เราทั้งสองคนก็ไม่ได้พบกัน ขอให้ผมไปดูเขาหน่อยนะครับ หากเขาเป็นอะไรไป ผมจะได้ไม่เสียใจ”

แค่ได้ยินคำว่า ‘ไม่เสียใจ’ รังสิตาก็สะอื้นฮัก ๆ อีก ประดิพัทธ์วางโทรศัพท์ลง ยกเลิกรายการอาหารทั้งหมด แล้วดึงอินทรากลับมาขึ้นรถ

“จะขับรถไปเหรอ ใกล้จะค่ำแบบนี้อันตรายนะ” อินทราเริ่มขยาดกับท้องถนนขึ้นมา

“กลัวอะไร”

“กลัวคุณเป็นอะไรไปอีกคน แล้วฉันจะอยู่อย่างไร” หยาดน้ำตาไหลลงมาอาบแก้มทันที

“คุณนี่ดูเข้มแข็งนะ แต่จริง ๆ แล้วบอบบางน่าดู” เขาเอนตัวมาปาดน้ำตาจากโหนกแก้มหญิงสาวที่อยู่ในชุดกระโปรงเดรสผ้าพลิ้วสีชมพู สวมรองเท้าคัชชูสมสมัย

“ผมจะตั้งสติก่อนสตาร์ทแล้วกัน ถนนมันไม่ได้น่ากลัวหรอกถ้าเราไม่ประมาท”


มีกำหนดการเดินทางแล้ว ประดิพัทธ์ก็ขับรถมายังบ้านเช่าของอินทราเพื่อเก็บเสื้อผ้าของหญิงสาว เมื่อไปถึงพบว่าแม่ของหญิงสาวกำลังสาละวนอยู่กับการขายของชำ ซึ่งอินทราบอกกับเขาว่า ถ้าขายข้าวเหนียวปิ้งอย่างเดียวกำไรก็ได้น้อย เมื่อบ้านเช่าหลังนี้อยู่ในย่านที่ทำเลดีแล้วก็ควรขายมันให้ทุก ๆ อย่าง

เขาถามเธอว่าเอาเงินที่ไหนมาลงทุน อินทราตอบอย่างไม่อายว่า เงินที่นายพหลให้มา ทั้งหมดสองหมื่นบาท ค่าปิดปากวันนั้นหนึ่งหมื่น และให้ด้วยความเสน่หาหวังซื้อเธอเป็นสินค้าอีกหนึ่งหมื่น

เธอหมดกับค่ารักษาพยาบาลไปเจ็ดพัน ส่วนสองพันที่จิ๊กเขามาเป็นค่าบวชเณร แล้วเธอก็เอากล้องที่โชคชัยให้ไว้ไปจำนำได้มาอีก เก้าพันบาท เขาถามเธอว่าไม่เสียดายกล้องหรือ เธอบอกว่า ‘คงไม่จำเป็นต้องใช้อีกแล้ว ไม่อยากเป็นแล้วนักข่าว อยากเป็นแม่ค้ามากกว่าไม่ต้องตะลอน ๆ ไปไหน’

เขารู้ว่านั่นคือการพูดเพื่อปลอบใจตัวเอง ถึงวันนี้หญิงสาวก็ยังไม่ยอมย้ายไปอยู่ที่บ้านของเขา

เหตุผลก็คือ ‘กลัวว่าแม่กับน้องจะไปสร้างภาระให้’ ทั้งที่เขาบอกว่าเต็มใจและพร้อมที่จะเจอปัญหาเหล่านี้ แต่อินทราก็ยังเสียงแข็ง ’หากวันหนึ่งเราอยู่ด้วยกันไม่ได้ ฉันจะได้มีที่กลับมาเช็ดน้ำตาบ้าง’ เขาจำนนในเหตุผล ซึ่งพอเขามีโอกาสได้ถามว่าที่แม่ยาย แม่ยายของเขาที่ดูขี้งก ก็บอกเสียงใส ๆ ว่า

“อินทรามันพูดถูกแล้ว คุณสูงส่งเป็นดาราอยู่บนฟ้าอย่ามาให้ดินดอนต่ำต้อยอย่างพวกเราไปแปดเปื้อนบ้านคุณเลย อยู่กันอย่างนี้ดีกว่า ถ้านับถือว่าเป็นแม่ยายก็มาหากันได้”

“บ้านผมที่ชุมพรก็ทำสวนนะแม่”

“แต่เอาเหอะ ไม่ไปหรอก กลัวเณรสึกมาจะไปสร้างปัญหาให้ ขออย่างเดียวขอให้รักอินทรามันจริง ๆ อย่าได้คิดทิ้งขว้างเท่านั้นเป็นพอ”

“แล้วค่าสินสอดทองหมั้นล่ะ”

“คุณมีหรือเปล่าล่ะ ถ้าไม่มีก็ไม่ต้อง แต่งแค่เป็นพิธีให้สื่อไม่โจมตีคุณวันหลังก็เอาแล้ว ทางเราไม่มีหน้ามีตาที่ต้องบ้าเห่อกันหรอก”

เขาอยากจะบอกว่าตัวเองโชคดี แต่มันก็ผ่านช่วงโชคร้ายมาไม่ใช่น้อยแล้วเหมือนกัน


ถนนที่ทอดยาวอยู่ด้านหน้าปลุกให้อินทราตื่นเต้นเหลือกำลัง

“ถ้าไม่มืดค่ำก็คงจะดีนะ

“ทำไม” เขาถามคืน

“จะได้เห็นนั่นเห็นนี่บ้างนะซิ รู้ไหมทำไมฉันถึงอยากทำงานสายสื่อสารมวลชน” เขาโคลงศีรษะเป็นคำตอบ

“ฉันอยากไปเที่ยวให้มันทั่วโลกไง โลกนี้มีถนนมากมายหลายเส้นแต่ละเส้นก็มีประวัติศาสตร์แฝงอยู่ ถ้าเราเป็นคนของสื่อ เราก็จะได้มีโอกาสทำงานไปด้วยเที่ยวไปด้วยได้” เมื่อได้ยินความฝันของเจ้าหล่อนประดิพัทธ์นึกถึงรายการบางรายการที่มีการท่องเที่ยวแฝงอยู่ เขาจะมีปัญญาทำรายการอย่างว่าให้เป็นของขวัญเจ้าหล่อนหรือเปล่านะ .

เที่ยวไปทำงานไป

สำหรับนวนิยาย อลวน ถนน หัวใจ โดย เฟื่องนคร จะตีพิมพ์ แบบตามสั่งหรือปริ้นออนดีมานด์ หรือ จะเรียกว่าหนังสือทำมือก็ได้ครับ.. ราคาพร้อมค่าจัดส่ง 200 บาท สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ f_nakhon@hotmail.com //// มีหนังสือพร้อมส่ง



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ก.ย. 2554, 16:53:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ก.ย. 2554, 16:53:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 2032





<< 24. วันที่สิบสอง   ตอนจบ.. >>
Zephyr 20 ก.ย. 2554, 11:49:22 น.
หนูอิน แฮปปี้ๆๆๆ เย้ๆๆ


minafiba 20 ก.ย. 2554, 20:28:14 น.
^___________^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account