เทพบุตรหัวใจเถื่อน
เมื่อการทำตัวเป็นสุภาพบุรุษที่แสนดี ทำให้เขาต้องผิดหวังในรัก เทพบุตรอย่างเขาจึงได้ฝังตัวตนในอดีตให้ตายไปกับรักครั้งแรก ในเมื่อผู้หญิงชอบคนเถื่อน ดิบ เขาก็จะทั้งดิบ ทั้งเถื่อน ไม่สนว่าจะทำร้ายหัวใจใครให้เจ็บปวดแค่ไหน...จนกระทั่งมาพบกับล่ามสาวแสนซื่อ หัวใจที่ถูกฝังไปแล้วกลับเริ่มสูบฉีด เต้นเป็นจังหวะอีกครั้ง...


Tags: เทพบุตรหัวใจเถื่อน ลัลลดา /ลดา

ตอน: ตอนที่ 20...พิสูจรัก




บทที่ 21...พิสูจน์รัก...



“ ปาป้าของพีทกับน้องพราวคร๊าบคุณครู หล่อเหมือนพีทเลยใช่ไหมคร๊าบ ”



น้ำเสียงภาคภูมิใจกับท่าทางยืดอกเวลาแนะนำปาป้าให้เพื่อน ๆ และคุณครูได้รู้จักเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากคุณครูและผู้ปกครองของเพื่อนนักเรียนคนอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะตัวปาป้าเองที่ตอนนี้ยิ้มไม่หุบมือหนึ่งถูกมือเล็กป้อมของลูกชายจูงพาเดินไปแนะนำให้คนนั้นคนนี้รู้จัก ส่วนอีกมือก็จูงลูกสาวตัวน้อยที่คอยรับคำเป็นลูกคู่ให้แฝดผู้พี่อยู่ตลอด แต่ถ้าจะมีคนที่วางตัวไม่ถูกก็คงจะเป็นคุณแม่ของเด็กน้อยทั้งสองที่กำลังเดินตามแรงจูงของลูกสาวอยู่



แพรพรรณรายณ์บรรยายความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ไม่ถูก ทั้งขัดเขินกับสายตาคนรอบข้าง นึกเคืองตัวต้นเหตุอย่างพ่อของลูกที่ตามติดเป็นเงาตามตัวเธอทั้งวันหลังจากที่เธอไม่ให้คำตอบเรื่องที่เขาอ้อนวอนของให้เธอกลับไปอยู่ด้วย บอกดี ๆ ก็แล้วไล่ก็แล้วให้เขากลับไปเสีย แต่คิโยชิก็หน้าด้านหน้าทนเหลือเกิน เขาไม่ยอมกลับและเมื่อเห็นเธอแสดงท่าทางไม่พอใจที่เขาเซ้าซี้ คิโยชิก็หยุดแต่เปลี่ยนเป็นสงบปากสงบคำตามเธอเป็นเงาตามตัวแทน...แต่ถึงอย่างนั้นความรู้สึกลึก ๆ แพรพรรณรายณ์ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอมีความสุขที่มีเขาอยู่ข้าง ๆ



คิโยชิให้ความรู้สึกแตกต่างจากเตชินทร์ ก่อนหน้านี้เธอมาส่งลูก ๆ กับเตชินทร์เกือบทุกวัน กับเตชินทร์เธอไม่เคยมีความรู้สึกขัดเขินเวลาถูกคุณครูหรือผู้ปกครองเด็กคนอื่น ๆ แซว คงเป็นเพราะเธอคิดเสมอว่าเตชินทร์เป็นพี่ชาย ไม่เหมือนกับคิโยชิที่เขาเป็นคนที่เธอรัก และเป็นพ่อของลูกทั้งสอง และคงเป็นเพราะแบบนี้เธอถึงตัดเขาไปจากชีวิตไม่ได้เสียที ไม่ว่าเขาจะเคยทำให้เธอเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม



เธอรักคิโยชิ...และไม่เคยหยุดรักได้แม้สักวินาที



“กลับกันได้แล้วครับลูก เดี๋ยวต้องพามาม๊าไปซื้อของมาทำอาหารเย็นให้เราอีกนะครับ บอกลาคุณครูกับเพื่อน ๆ ได้แล้วครับ” เมื่อเห็นว่าใบหน้าหวานของแม่ของลูกเริ่มจะแดงก่ำด้วยความขัดเขิน แม้ว่าตัวเองจะรู้สึกดีแต่ก็เห็นใจ อีกอย่างเดี๋ยวแพรพรรณรายณ์จะพาลมาลงที่เขาเปล่า ๆ คิโยชิจึงชวนลูก ๆ กลับ จากนั้นจึงหันไปเอ่ยลาคุณครูที่ยืนส่งนักเรียนอยู่



“วันนี้ขอบคุณมากนะครับ ผมกับภรรยาพาลูกกลับก่อนนะครับ”



“อะ เอ่อ ค่ะ แล้วคือ...คุณเป็นพ่อของน้องพีทน้องพราวเหรอคะแล้วคุณเต้ เอ่อ...” คุณครูสาวเผลอมองใบหน้าหลอเหลาของคนที่บอกว่าเป็นบิดาของเด็กแฝดทั้งสอง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะถามในสิ่งที่สงสัยแม้ว่าใบหน้าของชายหนุ่มคนนี้จะการันตีคำพูดของลูกศิษย์ฝาแฝดเธอก็เถอะ



“คุณเตชินทร์เป็นพี่ชายของภรรยาผมเองครับ พอดีช่วงก่อนผมยุ่งอยู่กับงานที่ต่างประเทศเลยไม่ค่อยได้มารับมาส่งเด็ก ๆ คนเลยเข้าใจผิดกัน แล้วที่น้องพีทน้องพราวเรียกพ่อก็เพราะผมอนุญาติให้คุณเตชินทร์เป็นพ่อทูลหัวของลูกผมเองครับ” อธิบายที่มาที่ไปเสร็จสรรพ ตามด้วยเหตุผลที่ลูกทั้งสองเรียกคนอื่นว่าพ่อให้อีกทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายยังไม่ทันจะถาม แถมยังพูดเสียงดังแทบจะเป็นตะโกนเหมือนอยากจะให้คนอื่น ๆ รอบข้างได้รู้ไปด้วย จึงถูกมือบางของแม่ของลูกเอื้อมมาจิกแขนปรามเอาไว้



“อย่างนี้นี่เอง ดิฉันก็ว่าอยู่ว่าน้องพีทน้องพราวไม่มีเค้าคุณเตชินทร์เลย พอมาเห็นคุณวันนี้ถึงได้รู้ว่าถอดแบบคุณมาแป๊ะ ๆ เลยนะคะ” เมื่อหายสงสัยคุณครูสาวก็เออออไปด้วย



“ครับ ลูกผมก็ต้องเหมือนผมแน่นอนอยู่แล้วครับ ขอตัวก่อนนะครับ เด็ก ๆ ไหว้ลาคุณครูสิครับ” คิโยชิสูดปากนิด ๆ เมื่อเล็บของแม่ของลูกจิกเข้าเต็มแรง แต่ใบหน้าเขาก็ยังยิ้มแย้ม



เมื่อเด็ก ๆ บอกลาคุณครูและเพื่อน ๆ เสร็จแล้ว ทั้งสี่ก็พากันไปซื้อของที่ห้างใกล้บ้าน โดยที่ไม่ทิ้งคอนเซปเดิม ทั้งพ่อและลูกทั้งสองพอเจอคนรู้จักเข้ามาทักคนเป็นแม่ เด็กชายพีรภัทรกับเด็กหญิงพราวนารีก็จะเริ่มต้นเสต็ปแนะนำปาป้าสุดหล่อทันที แล้วตามด้วยคำอธิบายจากปากปาป้าเอง คำเดิม ๆ ประโยคเดิม ๆ จนแพรพรรณรายณ์อยากจะหนีกลับบ้านคนเดียวเสียให้รู้แล้วรู้รอด



ป่านนี้คนคงจะพูดกันไปปากต่อปากแล้ว ก็เตชินทร์เป็นที่รู้จักน้อยเสียที่ไหน แล้วอย่างนี้เธอจะทำให้พี่ชายเธอต้องเป็นขี้ปากชาวบ้านอีกหรือเปล่าเนี่ย เพราะปากคนก็เหมือนปากกา คนที่ได้ยินได้ฟังจากสามพ่อลูกก็อาจจะเข้าใจในความจริง แต่คนที่ฟังต่อ ๆ กันไปอีกนั่นสิที่อาจจะแปรความหมายผิดไป เพราะตลอดเวลาทุกคนเข้าใจว่าสองแฝดเป็นลูกของเตชินทร์มาตลอด



++++++++++



เมื่อรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นคันสีขาวของแพรพรรณรายณ์ที่ขับโดยสารถีคนใหม่อย่างปาป้าของสองแฝดเคลื่อนเข้ามาถึงบริเวณบ้านพัก ก็พบว่าที่หน้าบ้านมีรถจอดอยู่สองคัน และมีบุคคลห้าคนยืนรออยู่ก่อนแล้ว



“คุณตาคุณยาย !! “ เสียงประสานกันอย่างดีใจของสองแฝดที่นั่งอยู่เบาะหลังดังขึ้นทันทีที่เห็นใบหน้าใจดีของตายาย



“ป้าวาดกับคุณลุงด้วยนะพี่พีท” แฝดผู้น้องหันไปบอกพี่ชาย



“ช่าย ๆ พ่อเต้ก็กลับมาแล้วด้วยคร๊าบมาม๊า” ชื่อของอีกคนทำให้คิโยชิที่กำลังอารมณ์ดี ๆ ขุ่นมัวขึ้นเมื่อเห็นท่าทางดีอกดีใจและคำเรียกขานของลูกทั้งสองที่มีให้ผู้ชายอีกคน



ตาคู่คมเหลือบมองใบหน้าหวานของคนที่นั่งข้าง ๆ ก็เห็นว่าแพรพรรณรายณ์ทำหน้าแปลกใจไม่น้อยที่เห็นว่ามีใครมายืนรออยู่หน้าบ้าน...ส่วนเขานอกจากแปลกใจที่เห็นพ่อตาแม่ยายแล้วในใจก็นึกหนักใจด้วย ไม่รู้ว่าท่านทั้งสองจะหายโกรธเขาบ้างหรือยัง เขาจะถูกขัดขวางอะไรอีกหรือเปล่า



เมื่อรถจอดสนิทที่นั่งฝั่งคนขับและคนข้าง ๆ ก็เปิดออกพร้อมกับร่างสูงของคิโยชิก้าวลงมาพร้อม ๆ กับร่างบางของแพรพรรณรายณ์ จากนั้นต่างฝ่ายต่างก็หันไปเปิดประตูอุ้มลูกน้อยพาเดินไปหาคนทั้งห้าที่รออยู่ โดยที่แฝดพี่อยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นพ่อ ส่วนแฝดน้องอยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นแม่



เตชินทร์เดินตรงเข้ามาหาคนทั้งสี่ทันที ตามด้วยคนอื่น ๆ สายตาเขามองนิ่งที่ใบหน้าคมของผู้ชายที่เขาเคยเห็นแต่ในรูปถ่าย ผู้ชายที่บังอาจทำร้ายหัวใจผู้หญิงที่เขารัก



“ส่งน้องพีทมานี่ !! “ เสียงเข้มดังขึ้นเมื่อเดินมาประจัญหน้ากับผู้ชายที่เขาสาบานกับตัวเองไว้ว่า เจอหน้ามันเมื่อไหร่เขาจะซัดมันให้ตามคามือ “น้องพีทมาหาพ่อ”



“ลูกผม ผมอุ้มเองได้ !!” คิโยชิตอบเสียงเข้มไม่แพ้กัน สบสายตาของอีกฝ่ายอย่างไม่คิดจะหลบ



“ฮึ ลูกผม? คนอย่างคุณมีสำนึกของความเป็นพ่อกับคนอื่นเขาด้วยเหรอ” เสียงถามเหมือนเยาะทำให้คิโยชิขบกรามแน่น ถ้าไม่ติดที่เขากำลังอุ้มลูกชายอยู่ล่ะก็เขาไม่ปล่อยให้ไอ้หมอนี่มันมายืนเห่าอยู่อย่างนี้แน่



แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะกระโจนเข้าหากัน เสียงเรียบของผู้อาวุโสสุดก็ดังขึ้นห้ามทัพเสียก่อน



“พอได้แล้วทั้งสองคน” คุณวิชัยอดีตอาจารย์ที่เพิ่งเกษียณเอ่ยห้าม “น้องพีทมาหาตามาลูก แล้วนี่จะไม่สวัสดีตาหรอฮึ น้องพราวด้วย” สองแฝดที่ตกใจกับท่าทีของคุณพ่อกับปาป้าจนลืมกล่าวทักทายตายายกับลุงป้ายกมือไหว้พร้อมกับกล่าวสวัสดีอย่างมึน ๆ



“ซาหวัดดีคร๊าบ / ซาหวัดดีค๊า”



“วาดกับน้องแพรพาหลาน ๆ เข้าไปในบ้านก่อนไป...น้องพีทน้องพราวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากับแม่แพรป้าวาดก่อนนะลูก” เพราะไม่อยากให้หลานทั้งสองต้องมาอยู่ในสถานการณ์ไม่สู้ดีในตอนนี้ และอีกอย่างก็มีเรื่องจะคุยกับหนุ่มญี่ปุ่นคนนี้ด้วย



“รบกวนคุณวาดช่วยดูแลน้องพีทน้องพราวสักครู่นะครับ ส่วนแพร...ผมอยากจะให้อยู่คุยด้วยกัน เพราะเรื่องที่คุณพ่อจะคุยเป็นเรื่องของผมกับเมีย” คิโยชิส่งลูกชายตัวน้อยให้วาดจันทร์พร้อม ๆ กับเอื้อมมือไปคว้าข้อมือบางของแพรพรรณรายณ์ไว้แน่น



“อยู่กับผมแพร...ผมขอร้อง...”



แพรพรรณรายณ์ที่ตั้งใจจะสะบัดมือออกจากการเกาะกุมในตอนแรก ถึงกับนิ่งค้างปล่อยให้เขากุมมือเธออยู่อย่างนั้นหลังจากที่ได้ยินถ้อยคำวอนขอและสายตาเว้าวอนคู่นั้น



“ปล่อยตัวเล็กเดี๋ยวนี้ !! “ เป็นเตชินทร์ที่ทนไม่ได้ เขาจะไม่ปล่อยให้ไอ้หมอนี่มันมาทำให้ผู้หญิงที่เขารักเจ็บช้ำอีกแล้ว



เตชินทร์กระชากคอเสื้อของคนที่เขาเกลียดขี้หน้า เงื้อกำปั้นขึ้นหมายจะต่อยเรียกเลือดออกจากปากสักที แต่แพรพรรณรายณ์ก็เอาตัวเข้ามาขวางไว้เสียก่อน พร้อมกับเสียงร้องของสองแฝด



“พี่เต้คะ อย่ามีเรื่องกันเลย น้องพีทน้องพราวมองอยู่นะคะ”



“ปาป้า!! พ่อเต้อย่าทำปาป้านะ!! “ แฝดพี่ดิ้นลงจากอ้อมแขนของวาดจันทร์วิ่งเข้ามากอดขาปาป้าของตัวเองไว้ ส่วนแฝดน้องที่ยังอยู่ในอ้อมแขนของคนเป็นแม่ที่ตอนนี้ยืนบังร่างสูงของบิดาไว้ก็ยกมือขึ้นกอดคอปาป้าไว้แน่น



เตชินทร์มองภาพตรงหน้าอย่างเจ็บหัวใจ ก็รู้และเข้าใจว่าสายใยรักระหว่างพ่อลูกแท้ ๆ ไม่มีอะไรมาตัดขาดได้แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิดก็ตาม...แต่คนอย่างได้หมอนี่มันไม่ควรจะได้รับความรักจากใครทั้งนั้น!!



“คุณเต้ พอเถอะครับ อย่ามีเรื่องกันเลย คุยกันดี ๆ เถอะครับ” คุโดรีบเข้ามาดึงตัวเตชินทร์ให้ออกห่างจากเจ้านายทันที หันไปมองทางเจ้านายก็เห็นกำลังก้มลงอุ้มร่างอ้วนป้อมของลูกชาย ก่อนจะยืดตัวขึ้นใช้มือโอบร่างบางของแพรพรรณรายณ์และลูกสาวตัวน้อย



“ขอโทษที่ผมคงทำตามที่คุณต้องการไม่ได้...ผมจะไม่มีวันปล่อยเมียกับลูกให้ห่างจากผมอีกแล้ว” คิโยชิสบสายตากับเตชินทร์ที่เพียงแค่มองเขาก็รู้แล้วว่าผู้ชายคนนี้คิดยังไงกับเมียเขา จากนั้นก็หันไปพูดอย่างหนักแน่นกับผู้อาวุโสทั้งสอง



“ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำกับแพรมันยากที่คุณจะให้อภัย แต่ได้โปรดรับรู้และเห็นใจด้วยเถอะว่าผมรักลูกสาวของคุณจริง ๆ ผมยินดีจะทำทุกอย่างเพื่อไถ่โทษ ขอเพียงแค่พวกคุณให้โอกาสผมได้ดูแลแพรกับลูกอีกครั้ง และครั้งนี้ผมสัญญาและสาบานว่า ผมจะรักและดูแลแพรกับลูกให้ดีที่สุด จะรักยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง...ขอโอกาสให้ผมด้วยเถอะครับ”



หลังจากพูดจบคิโยชิก็ทำในสิ่งที่ทุกคนไม่คิดว่าเขาจะทำ...ร่างสูงทรุดลงคุกเข่าต่อหน้าคุณวิชัยและคุณนวลที่ตกใจไม่แพ้คนอื่น ๆ ยิ่งแพรพรรณรายณ์ด้วยแล้ว เธอคุกเข่าตามลงไปทันที



“คุณคิโยชิ !! คุณทำอะไร” เขากำลังจะทำให้เธอใจอ่อน แพรพรรณรายณ์พยายามจะดึงรั้งให้เขาลุกขึ้น แต่แรงเพียงน้อยนิดของเธอไม่อาจจะทำอะไรได้



คิโยชิปล่อยลูกชายลงยืนข้าง ๆ แต่ตัวเองยังคงคุกเข่าอยู่อย่างนั้น มือหนายกขึ้นกุมมือบางของแพรพรรณรายณ์ สบสายตาจริงจังที่เต็มไปด้วยความรักกับเธอ



“ยกโทษให้ผมได้ไหมแพร...ให้โอกาสผมได้แก้ตัวอีกครั้งเถอะนะ”



“ฉัน...คือฉัน...” แพรพรรณรายณ์ส่ายหน้าอย่างสับสน เธอรักเขานั่นจริงที่สุด แต่ความเจ็บปวดที่เคยได้รับก็ทำให้เธอหวาดกลัวที่จะเชื่อเขาอีกครั้ง



“อย่าโกรธปาป้าเลยนะค๊าแม่ คุณตาคุณยาย พ่อเต้ด้วย ดูสิปาป้าของน้องพราวทำหน้าเศร๊าเศร้า” เสียงเล็ก ๆ ของเด็กหญิงพราวนารีแทรกขึ้นมา ตามด้วยเด็กชายพีรภัทร



“นั่นสิคร๊าบ เดี๋ยวปาป้าของพีทร้องไห้หมดหล่อนะคร๊าบ” แฝดพี่ยังห่วงหล่อมากกว่าจะห่วงความรู้สึกของปาป้าเหมือนแฝดน้อง



“อย่าเพิ่งคิดหรือตัดสินใจตอนนี้เลยน้องแพร คิดไตร่ตรองให้ดี ๆ ก่อนดีกว่า อีกอย่างก่อนที่จะเชื่ออะไรมันต้องมีการพิสูจน์ให้แน่ใจเสียก่อน” คุณวิชัยที่ทนมองหลานรักทั้งสองทำหน้าเศร้าไปตามปาป้าของตัวเองและแววตาสับสนของลูกสาวไม่ไหวพูดขึ้น “ว่าไงคุณบอกเองว่ายินยอมที่จะไถ่โทษทุกอย่างนี่ใช่ไหม” หันไปถามปาป้าของหลานรัก ในใจก็นึกชื่นชมอยู่ไม่น้อยที่ผู้ชายที่ท่าทางหยิ่งทะนงอย่างนั้นคุกเข่าของโทษ วอนขอโอกาสต่อหน้าคนอื่นหลายคนอย่างนี้



ก็นับว่าไม่เลว อย่างน้อยก็ทำให้ดูน่าเชื่อได้ว่าไอ้หนุ่มนี่มันจริงใจ



แต่จะให้โอกาสกันง่าย ๆ มันก็ยังไงอยู่ สี่ปีก่อนลูกสาวเขาเจ็บปวดเสียใจแค่ไหนจากการกระทำของไอ้หนุ่มนี่ เพราะฉะนั้นมันก็ควรจะมีการลงโทษกับสักเล็กน้อย



“แต่ถ้าน้องแพรอยากจะให้พ่อจัดการไล่ไอ้หนุ่มนี่ไปให้พ้นหน้าก็บอกมาเลยนะลูก หรือจะให้เต้ซ้อมมันก่อนให้ไปนอนเล่นที่โรงพยาบาลสักสองสามคืนดี” ถามแย็บเผื่อลูกสาวอาจจะไม่อยากได้มันมาทำพันธ์อีกแล้วก็ได้ แต่ปฏิกิริยาตอบกลับจากลูกสาวกลับผิดคาด



“อย่าค่ะคุณพ่อ” ท่าทางกระโดดปกป้องของลูกสาวทำให้คุณวิชัยถอนหายใจ ดูท่าลูกสาวเขาจะยังรักไอ้หนุ่มนี่เต็มหัวใจเหมือนเดิม



“หมายความว่าน้องแพรจะยอมกลับไปอยู่กับไอ้หนุ่มนี่” คำถามตรง ๆ ถูกถามออกไป



“เปล่าค่ะ คือแพร เอ่อ...” เมื่อถูกรุกถามก็ไม่รู้จะตอบยังไง ได้แต่อ้ำอึ้ง



“ตัวเล็ก ลืมไปแล้วเหรอว่ามันทำให้ตัวเล็กเจ็บปวดแค่ไหน พี่ไม่อยากให้ตัวเล็กข้องเกี่ยวกับมันอีก พี่ดูแลตัวเล็กกับลูกได้” เตชินทร์แทรกขึ้นมา จากนั้นจึงหันไปพูดกับคุณวิชัยซึ่งเป็นลุงแท้ ๆ อย่างจริงจัง “คุณลุงครับ ผมจะแต่งงานกับตัวเล็กให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที ยังไงตอนนี้ผมก็เป็นพ่อตามกฏหมายของน้องพีทน้องพราวอยู่แล้ว แล้วที่สำคัญ และผมมั่นใจว่าตัวเองดูแลตัวเล็กกับลูกได้ดีกว่าไอ้หมอนี่” เพราะผมรักตัวเล็ก เตชินทร์บอกต่อในใจ



“ไอ้ !! “ คิโยชิลุกขึ้นถลาเข้าไปหาเตชินทร์อย่างโกรธเกรี้ยว



“คุณคิโยชิ!! ใจเย็นก่อนครับ” ร้อนถึงคุโดอีกที่ต้องเป็นฝ่ายห้ามเจ้านายของตนเอาไว้



“เย็นเหรอ บ้าเอ้ย มันบอกจะแต่งงานกับเมียฉันนะ!!” จะให้เขาใจเย็น บ้าเอ้ย!! มันพูดเหมือนสารภาพว่ารักเมียเขาต่อหน้าเขาเนี่ยนะ



“พอก่อน ๆ “ คุณวิชัยยกมือขึ้นห้าม “เอาเป็นว่าเรื่องนี้ให้น้องแพรเป็นคนตัดสินใจ...ลุงรู้ว่าเต้รู้สึกยังไงกับน้องแต่อย่าเพิ่งเพิ่มเรื่องให้น้องคิดมากตอนนี้เลยนะ” มือหนายกขึ้นตบไหล่หลานชายที่เขารักเหมือนก่อนจะบอกเบา ๆ ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเตชินทร์แอบรักแพรพรรณรายณ์มานานแค่ไหน แต่ก็รู้ด้วยอีกเหมือนกันว่าลูกสาวเขาไม่ได้มีความรู้สึกแบบเดียวกันมอบให้



“ส่วนคุณ ถ้าอยากจะมาเป็นเขยผม อยากจะให้ลูกสาวผมใจอ่อนก็ต้องมาพิสูจน์กันหน่อย ว่าไง”



“ผมพร้อมจะทำทุกอย่างครับ” คิโยชิรับคำหนักแน่น ไม่ว่าจะให้บุกน้ำลุยไฟเขาก็พร้อมจะทำถ้ามันทำให้ได้แพรพรรณรายณ์กับลูกกลับคืนมา



“พ่อจะให้พ่อหนุ่มเขาทำอะไรล่ะจ๊ะ” คุณนวลถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นใบหน้ายิ้ม ๆ และดวงตาเจ้าเล่ห์ของสามี



“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกแม่ ก็แค่ตอนนี้เราสองคนเกษียณตัวเองออกมาเป็นคนสวน ถ้าใครมันจะมาเป็นเขยมันก็ต้องทำสวนเป็นด้วยแค่นั่นเอง” คุณวิชัยหัวเราะ หึหึ กับบทเรียนความลำบากที่จะสั่งสอนคนที่เคยทำร้ายลูกสาวของเขาให้เสียใจ แม้ว่าจะเป็นไปเพราะความเข้าใจผิดก็ตาม



ก็ให้มาถางหญ้าขุดดิน เผื่อไอ้อาการหูเบาเชื่อคนง่ายมันจะดีขึ้น !!



“คุณพ่อคะ อย่าทำอย่างนั้นเลย แพรไม่คิดจะกลับไปอยู่กับเขาอีกแล้ว” ความจริงเป็นเพราะเธอกลัวหัวใจตัวเองจะอ่อนแอ ยอมใจอ่อนให้เขาอีกครั้งตากหาก



และอีกส่วนลึก ๆ ในหัวใจเป็นเพราะไม่อยากให้เขามาลำบาก คนที่เคยสบายมาทั้งชีวิตอย่างเขาจะมาทำงานใช้แรงงานกลางแดดกลางลมแบบนั้นได้ยังไง



“ผมจะทำ ไม่ว่าเรื่องอะไรผมก็ยอมทั้งนั้น” คำพูดตัดรอนที่ได้ยินแทบทำให้คิโยชิหยุดหายใจ สายตาก็มองสบตากลมโตจึงเต็มไปด้วยแววตัดพ้อ น้อยใจ ก่อนที่คำพูดอ้อนวอนจะเอ่ยออกไป “...ขอร้องล่ะแพรให้โอกาสผมเถอะ อย่าตัดรอนผมอย่างนี้เลยนะครับ...ผมมีชีวิตอยู่ไม่ได้จริง ๆ ถ้าขาดคุณกับลูก”



แพรพรรณรายณ์ขอบตาร้อนผ่าว หันหน้าหนี ก่อนจะบอกกับบิดา



“คุณพ่ออยากจะให้เขาทำอะไรก็ทำไปเถอะค่ะ แต่แพรไม่ขอยุ่งเกี่ยวด้วยทั้งนั้น แพรขอตัวพาลูกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ...ไปค่ะน้องพีทน้องพราวไปกับอาบน้ำแม่นะคะ” ไม่รอคำตอบรับจากลูกน้อย เอื้อมมือไปจูงมือเล็ก ๆ ของสองแฝดพาเดินเข้าบ้านไปทันที โดยมีเตชินทร์เดินตามไปด้วย เห็นดังนั้นคิโยชิก็ผวาจะตามไปแต่ก็ถูกพ่อเมียเอ่ยห้ามเสียก่อน



“เรายังคุยกันไม่เสร็จ หรือคุณจะเปลี่ยนใจยกเลิก ก็ตามใจนะผมจะได้ให้แพรแต่งงานกับเต้” คำพูดของพ่อเมียทำให้ขาหยุดชะงัก หันมาพูดน้ำเสียงเจือความไม่พอใจ



“ได้โปรดอย่าพูดว่าจะยกเมียผมให้ผู้ชายคนไหนอีก แพรพรรณรายณ์เป็นเมียผม เป็นแม่ของลูกผม...และมันจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป”



“ดี ถ้ามั่นใจอย่างนั้นก็เตรียมตัวไปเป็นคนสวนที่บ้านผมได้เลย!! “



++++++++++



“ มาม๊าคร๊าบ ดูหน้าปาป้าสิคร๊าบ ดำหมดแล้ว ไม่หล่อเลยเนอะน้องพราว ”



เสียงเล็ก ๆ บ่นขึ้นข้าง ๆ ทำให้ตากลมโตคู่หวานละจากภาพของร่างสูงที่กำลังขุดดินเพื่อเตรียมลงกล้วยไม้เพิ่มกลางแดดจ้า ก้มลงมองใบหน้าของลูกชายที่ขมวดคิ้วทำปากจู๋เพราะเป็นห่วงกลัวว่าปาป้าของตนเองจะหมดหล่อ แพรพรรณราญณ์มองหน้าลูกแล้วก็นึกกังวลกลัวว่าลูกชายจะเบี่ยงเบน



นี่น้องพีทไปเอานิสัยเจ้าสำอางมาจากใครกันนะ



แทบทุกวันต้องได้ยินหนุ่มน้อยบ่นเรื่องความหล่อของตัวเองบ้างล่ะ ของคนรอบข้างบ้างล่ะ ยิ่งอาทิตย์ที่ผ่านมานี่เธอได้ยินลูกชายบ่นเรื่องความหล่อของคนที่กำลังขุดดินอยู่ทุกวัน วันละเป็นสิบ ๆ รอบ



คิโยชิกลายมาเป็นคนสวนให้คุณพ่อของเธอวันนี้เข้าอาทิตย์ที่สองแล้ว เขาตั้งใจทำทุกอย่างตามที่พ่อเธอสั่ง ทั้งขุดดิน พรวนดิน ลงกล้วยไม้ โดยที่ไม่ปริปากบ่นสักคำ แม้ว่าจะร้อนแสนร้อน แม้ว่าจะไม่เคยทำงานใช้กำลังกลางแจ้งแบบนี้มาก่อนก็ตาม ถ้าเหนื่อยเขาก็แค่เงยหน้าขึ้นมามองหน้าเธอพร้อมกับส่งยิ้มบาง ๆ มาให้ จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป



ตัวเธอเองตอนแรกไม่คิดจะมาดูด้วยซ้ำ แต่ลูกทั้งสองทั้งร้องทั้งอ้อนวอนอยากจะมาหาปาป้าจนเธอสงสารต้องพาไปลากิจที่โรงเรียนอนุบาล ส่วนเธอก็ลางานสอนภาษาที่รับทำชั่วคราว แล้วพากันมาพักที่บ้านตายายของเด็ก ๆ ในวันแรกเธอยังใจแข็งไม่คิดจะดูดำดูดีเขาแม้แต่นิด แม้จะใจหายที่ได้ยินจากคุโดว่าเขามือพองมือแตกจนเลือกซิบ มีแต่ลูก ๆ ทั้งสองเท่านั้นก็รีบวิ่งไปหาไปปลอบปาป้าของตนเองตามประสาเด็ก แล้วยังกลับมาเล่าให้เธอฟังแบบเกินจริงจนเธออดไม่ได้วันต่อมาเลยต้องไปหายาให้ลูกชายนำไปให้ แล้วสองแฝดก็ลากเธอมานั่งเป็นกำลังใจให้ปาป้าของพวกแกที่ศาลาหลังบ้านทุกวัน



“พี่พีทไปกางร่มให้ปาป้ากันเถอะ น้องพราวสงสารปาป้า” เด็กหญิงพราวนารีเริ่มหน้าเบ้จะร้องไห้เมื่อเห็นเหงื่อไหลเต็มหน้าเต็มตาปาป้า



“แต่พี่พีทขาสั้นอะ” เด็กชายพีรภัทรก้มลงมองขาตัวเองแล้วบอกไปตามที่คิด ก่อนจะหันไปอ้อนวอนคนเป็นแม่ “มาม๊าคร๊าบ มาม๊าไปกางร่มให้ปาป้าหน่อยได้ไหมคร๊าบ นะ ๆ พีทขาสั้นทำไม่ได้”



คำพูดไร้เดียงสาของลูกชายทำให้แพรพรรณรายณ์อมยิ้ม แต่วาดจันทร์ที่เพิ่งเดินมาถึงทันได้ยินเข้าพอดีกลับหลุดหัวเราะเสียงดัง



“โอ๊ย เจ้าพีท ใครบอกใครสอนคำพูดให้เนี่ย รู้เหมือนกันเหรอเราว่าขาสั้นน่ะฮึ” สาวอวบยกมือกุมท้องพูดกลั้วหัวเราะ หันไปมองสามีที่เดินข้าง ๆ ก็เห็นคุโดหัวเราะเบา ๆ เหมือนกัน



“ก็พีทยังเด็กนี่คร๊าบ เดี๊ยวโตแล้วขาก็ยาวเหมือนปาป้า” ทำหน้าไม่เข้าใจว่าตัวเองพูดอะไรผิด ก็พีทพูดควมจริงนี่นา



ขณะที่ผู้ใหญ่ยิ้มหัวเราะกันอยู่ สองแฝดก็หันมามองหน้ากัน ก่อนที่แฝดน้องจะพูดขึ้น



“พี่พีทขา พี่พีทขี่คอคุณลุงแล้วกางร่มให้ปาป้าสิ ไปเร็ว ๆ เดี๊ยวปาป้าไม่สบาย เมื่อคืนน้องพราวได้ยินปาป้าไอเยอะ ๆ ด้วย น้องพราวสงสารปาป้า”



“พี่พีทก็สงสารปาป้า ข้าวก็กินนิดเดียวเพราะแม่แพรไม่นั่งกินด้วยปาป้าเลยกินไม่ลง ถ้าปาป้าตายเหมือนในการ์ตูนที่เราดูคราวก่อนจะทำยังไงคร๊าบมาม๊า ในหนังคุณพ่อของแพนด้าน้อยก็ตายเพราะไม่กินข้าว” แพนด้าน้อยที่ว่าคือการ์ตูนที่เพิ่งดูไปเมื่ออาทิตย์ก่อน ที่ทำให้สองแฝดร้องไห้ตามในฉากสูญเสียบิดาของแพนด้าน้อย



คนเป็นแม่ไม่รู้จะตอบลูกว่ายังไง ได้แต่หันกลับไปมองร่างสูงที่อยู่กลางแดดจ้าตอนเที่ยงอีกครั้ง เธอไม่ใช่คนใจแข็งโดยเฉพาะกับคนที่เธอรักสุดหัวใจอย่างพ่อของลูกด้วยแล้ว แต่เธอกลัว...เธอจะเชื่อเขาได้อีกครั้งจริง ๆ น่ะหรือ



คุโดที่นั่งมองเจ้านายทีภรรยาเจ้านายที ก็เริ่มคิดหาคำพูดมาสนับสนุนสองแฝดอย่างที่แอบเตี้ยมกันไว้เมื่อคืน ความจริงที่สองแฝดพูดจากล่อมมารดาให้สงสารเจ้านายเขาส่วนหนึ่งก็มาจากเขาที่พร่ำสอนเมื่อคืนด้วย



ทำไมเขาถึงต้องทำแบบนั้นนะหรือ ? มันไม่ใช่เพราะทำเพื่อเจ้านายเพียงอย่างเดียว แต่ส่วนทำคัญที่สุดคือทำเพื่อตัวเองต่างหาก เพราะตอนนี้เขากำลังถูกเมียลงโทษข้อหาที่แอบแจ้งข่าวเรื่องแพรพรรณรายณ์ให้เจ้านายได้รู้ แต่ไม่รู้ว่าวาดจันทร์คิดอะไร ทั้งที่เมื่อก่อนเป็นตายยังไงก็จะไม่ยอมยกโทษให้เจ้านายเขา แต่มาตอนนี้กลับยื่นคำขาดให้เขาช่วยให้น้องสาวตัวเองกับเจ้านายเขาเข้าใจกันให้เร็วที่สุด



โดยการลงโทษให้เขานอนกับพื้นแข็ง ๆ ปลายเตียงจนกว่าแพรพรรณรายณ์จะยอมใจอ่อนให้อภัยคุณคิโยชิ !!



เกิดเป็นเขานี่มันโชคร้ายทั้งขึ้นทั้งล่องจริง ๆ !!



“ความจริงปีสองปีให้หลังมานี่คุณคิโยชิป่วยเป็นโรคเครียดลงกระเพราะน่ะครับ เห็นแข็งแรงอย่างนี้ก็เถอะ” ได้ผล คุโดแอบยิ้มในใจที่เห็นแพรพรรณรายณ์หันขวับมาทันทีที่เขาพูดจบประโยค เขาจึงพูดต่อแม้ว่าเธอจะไม่ถาม



“ก็ตั้งแต่ที่คุณแพรจากมานั่นแหละครับ ข้าวปลาไม่ค่อยยอมกิน เอาแต่ดื่ม จนถูกหามส่งโรงพยาบาลต้องนอนโรงพยาบาลเกือบเดือน ตั้งแต่นั้นมาพอกินข้าวผิดเวลาหรือเครียดมาก ๆ ก็จะทรุด นี่ผมก็ว่าน่าจะใกล้แล้ว ดูสิครับเหงื่อออกเหมือนคนปกติที่ไหน” พยักเพยิดให้ดู ทั้งที่ก็รู้ดีว่าปกติคนญี่ปุ่นที่ไม่ค่อยชินกับอากาศที่ร้อนมากของประเทศไทยมักจะเหงื่อออกเป็นน้ำกันอย่างนี้ทุกคนนั่นแหละ



“คุณแพรช่วยไปบอกให้คุณคิโยชิพักก่อนเถอะครับ ผมกลัวว่าถ้าแกทรุดครั้งนี้คงจะอาการหนัก”



แพรพรรณรายณ์ไม่คิดเอะใจสงสัยอะไร ลุกพรวดเดินไปหาร่างสูงทันทีด้วยความเป็นห่วง สองแฝดหันมาทางคุณลุงจากนั้นก็ยกมือน้อย ๆ มาตีมือใหญ่เบา ๆ พลางยิ้มเจ้าเล่ห์ และนั่นก็ทำให้วาดจันทร์ที่กำลังนึกอินสงสารตามบทพูดของสามีหนุ่มทำหน้าเซ็ง



“นี่ตกลงสร้างเรื่องใช่ไหมคะที่รัก วาดก็นึกเป็นห่วงคุณคิโยชิจริง ๆ ” นี่สามีเธอเปลี่ยนจากคนซื่อกลายเป็นหนุ่มเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย



“ก็มันจำเป็นนี่ครับ...ผมจะลงแดงตายเพราะอดนมอยู่แล้วนะครับ” ประโยคสุดท้ายชะโงกหน้าเข้าไปกระซิบเบา ๆ เพราะกลัวหลานทั้งสองจะจะได้ยินแล้วสงสัยว่าแค่ไม่ได้ดื่มนม ทำไมคุณลุงจะต้องลงแดงตาย



“พอ ๆๆ ไปกันเถอะคะ ปล่อยให้เจ้านายคุณอ้อนออเซาะยัยแพรกันสองต่อสองดีกว่าจะได้เข้าใจกันเร็ว ๆ ไปลูกน้องพีทน้องพราว ให้คุณพ่อคุณแม่อยู่กันสองคนดีกว่าเนอะ” รีบชวนกันกลับเมื่อเห็นว่าสองคนกลางแดดจ้ากำลังยืนมองหน้าสบตากันนิ่ง





“ ออกมายืนกลางแดดทำไมแพร กลับเข้าไปนั่งที่ศาลาเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะ ”



เสียงทุ้มบอกอ่อนโยน แม้จะดีใจที่เธอเดินมาหา เพราะเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เขามาอยู่ที่นี่ที่แพรพรรณรายณ์ยอมเข้ามาหาเขาก่อน แต่ก็ห่วงเธอจะไม่สบายมากกว่าความสุขใจของตนเอง



แพรพรรณรายณ์มองใบหน้าคมที่ตอนนี้เริ่มคล้ำแดด เหงื่อไหลย้อยลงตามขมับ เสียงพูดและเสียงหายใจของเขาก็ฟังดูหอบเหมือนคนเหนื่อยจัด ทำให้นึกกลัวตามที่คุโดพูด และอุ่นซ่านในหัวใจที่เขาห่วงเธอก่อนทั้ง ๆ ที่ตัวเองต่างหากที่จะทรุดไม่ทรุดแหล่อยู่แล้ว เสียงหวานจึงเอ่ยบอกออกไป



“คุณไปพักที่ศาลาก่อนเถอะค่ะ รอให้แดดร่มกว่านี้แล้วค่อยมาทำต่อ” เสหลบสายตาของเขาที่ฉายประกายแห่งความหวังขึ้นมาทันทีที่เธอพูดจบ



“ไม่เป็นไรหรอก ขอผมทำที่คุณพ่อคุณสั่งให้เสร็จก่อน คุณกลับไปนั่งที่ศาลาเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก” เขาพูดเข้าข้างตัวเองไว้ก่อน แล้วก็ยิ้มหัวใจพองโตเมื่อเห็นใบหน้าหวานแดงระเรื่อ กำลังใจเลยมาเป็นกองทำให้กล้าที่จะทำตามใจ



มือหนาวางจอบลงกับพื้น ก่อนจะเปลี่ยนมากุมมือบางพาเดินกลับไปที่ศาลาที่ในตอนนี้ไร้คน มุมปากคิโยชิยกยิ้มเมื่อคิดว่าคงเป็นฝีมือความช่วยเหลือของลูกแฝดทั้งสองและคนสนิท



ฝ่ามือหนาที่ให้ความรู้สึกแตกต่างไปจากทุกครั้ง แม้จะให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนเช่นเคยแต่ความสากระคายที่สัมผัสได้ทำให้แพรพรรณรายณ์หลุบตามอง เมื่อเห็นผิวที่เคยเรียบแน่นแตกยับ ตรงส่วนที่ใช้ผ้าพันไว้มีเลือสีแดงซึมออกมาให้เห็นก็ใจหายวาบ รีบยกมือเขาขึ้นมากุมไว้ด้วยสองมืออย่างลืมตัว



“คุณ...เจ็บมากไหมคะ” ปลายนิ้วนุ่มลูบไล้เบา ๆ ไปตามฝ่ามือหนา ดวงตาไหวระริกด้วยความเป็นห่วง



“เจ็บมือยังน้อยกว่าหัวใจที่เจ็บปวดในตอนนี้” เขาตอบพร้อมกับจับมือบางที่กุมมือเขาไว้มาแนบตรงตำแหน่งหัวใจ แพรพรรณรายณ์หัวใจกระตุกกับสายตาเจ็บปวดของเขาที่มองมา จึงหลุบตามองต่ำลงเพียงแต่มือที่วางทาบหน้าอกเขาอยู่เท่านั้น ก่อนจะบอกแแกไปเผ่วเบา



“คุณอย่าเสียเวลาอีกเลยค่ะ ปล่อยให้เรื่องของเรามันจบไปอย่างนี้เถอะ ฉันรับปากว่าจะไม่ขัดขวางถ้าคุณจะมาพบลูกหรือมารับแกไปเที่ยวไปอยู่ด้วยในบางวัน แต่เรื่องระหว่างเรา ฉัน...” คำเรียกแทนตัวที่ยังคงห่างเหินกับคำพูดตัดรอนทำให้คิโยชิบีบมือบางที่กุมไว้ ก่อนจะเอ่ยถามเสียงพร่า



“ทำไมแพร...คุณโกรธคุณเกลียดผมมากจนอภัยให้ไม่ได้จริง ๆ น่ะหรือ...หรือคุณหมดรักผมแล้วจริง ๆ “ เขายกมือเธอขึ้นมาจุบพิตกลางฝ่ามือ แนบริมฝีปากค้างไว้เกือบนาทีก่อนจะพูดต่อ “...ถ้าคุณไม่อยากจะเห็นหน้าผมอีก...มีทางเดียวเท่านั้น...คุณฆ่าผมเสียเถอะ” เขาเหลือบไปเห็นมีดปอกผลไม้บนโต๊ะกลางศาลา มือหนาเอื้อมมือไปถือมาส่งให้เธอ แต่เมื่อแพรพรรณรายณ์ไม่รับเขาก็เป็นฝ่ายยัดมีดใส่มือเธอแล้วกดลงตรงตำแหน่งหัวใจตัวเอง



“คุณคิโยชิ !! “ เรียกเขาอย่างตกใจ พยายามจะดึงมีดออกห่างจากหน้าอกเขาก็แรงของเขาก็เยอะเหลือเกิน



“...ฆ่าผมให้ตายไปซะ เพราะผมคงมีชีวิตต่อไปไม่ได้ถ้าไร้คุณกับลูก”



“คุณคิโยชิ อย่าทำอย่างนี้...” แพรพรรณรายณ์มือสั่นเทาเพราะความกลัว



“ผมรักคุณ ในเมื่อคุณหมดรักผมแล้วนั่นก็หมายถึงชีวิตของผมได้ตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง...” น้ำเสียงเขาปวดร้าวสั่นสะท้าน



“คุณคิโยชิ...ปล่อยมือแพรนะ”



“...และถ้าคุณเกลียดผมไม่ให้อภัยผมแล้วจริง ๆ ก็ช่วยกรุณาทำให้ผมหลุดออกจากความทรมานนี้เสียที” ตาคู่คมมองสบตาเธอด้วยความรักทั้งหมดที่มี รั้งมือเธอให้กดมีดลงจนเลือดซึมผ่านเสื้อยึดสีเทาตัวบาง แพรพรรณรายณ์เห็นแล้วถึงกับน้ำตาไหลด้วยความกลัว



“ไม่ แพรไม่ได้เกลียดคุณ ไม่เคยเกลียด...ได้โปรดอย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้” เผลอหลุดความรู้สึกที่มีอย่างลืมตัวเพราะความเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะปักมีดลงบนหัวใจตัวเองจริง ๆ



“ถ้าไม่เกลียดแล้วยังรักผมเหมือนเดิมหรือเปล่า” ถามต่อ พลางกดมีดลึกลงไปอีกจนหลุดครางออกมาด้วยความเจ็บ แพรพรรณรายณ์ถึงกับกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ รีบละล่ำละลักพูดออกไป



“รัก แพรรักคุณ แพรรักคุณ ฮือ ๆ หยุดทำร้ายตัวเองซักที ฮือ ๆ ได้โปรดหยุดที...” วินาทีนี้เธอไม่สนแล้วว่ามันน่าอายแค่ไหนที่สารภาพความรู้สึกไปอย่างลืมอาย ไม่สนว่าเขาเคยทำร้ายหัวใจเธอให้เจ็บแค่ไหน ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น



รู้สึกอยู่อย่างเดียว คือเธอทนไม่ได้ที่เห็นเขาเจ็บ เห็นเขาทำร้ายตัวเองจนจะเป็นจะตายไปต่อหน้าต่อตาอย่างนี้



ครั้งนี้คิโยชิยอมให้มือบางดึงมือที่ถือมีดอยู่ออกห่างจากหน้าอก จากนั้นแพรพรรณรายณ์ก็โยนมีดทิ้งไปสุดแรงเหมือนอยากจะให้แน่ใจว่าเขาจะไม่สามารถหยิบมันมาทำร้ายตัวเองได้อีก จากนั้นจึงหันกลับมามองแผลตรงตำแหน่งหัวใจของเขา พลางจะฉุดให้เขานั่งลงบนม้านั่งเพื่อที่จะได้ดูแผลได้ถนัดขึ้น แต่ก็ต้องเซถลาเข้าสู่อ้อมกอดอบอุ่นของเขาเสียก่อนเมื่อคิโยชิยกมือขึ้นโอบกอดรัดร่างบางแนบอก



“คุณคิโยชิ ขอแพรดูแผลให้คุณก่อนนะคะ ถ้ามันลึกมากแพรจะได้พาคุณไปโรงพยาบาล”



“แต่งงานกับผมนะแพร...กลับมาอยู่กับผมตลอดไป” คิโยชิไม่ฟัง เขายังคงต้องการคำยืนยันจากร่างบางในอ้อมกอด



แพรพรรณรายณ์นิ่งคิดกับคำขอแต่งงานที่อยู่ ๆ ก็พูด ไม่มีพีธีรีตองของเขา พลางทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ในที่สุดก็ตอบออกไป



“ขอเวลาแพรหน่อยได้ไหมค่ะ ถึงแพรจะยังรักคุณ แต่แพรก็กลัวว่าจะต้องเจ็บปวดอีก ถ้าวันไหนมีเรื่องให้คุณเข้าใจผิด หรือวันไหนคุณนึกไม่ต้องการแพรขึ้นมาอีกครั้ง แพรจะเป็นยังไงคะ ต้องเจ็บปวดหัวใจแตกสลายกับความใจร้ายของคุณอีกครั้ง...”



“มันจะไม่มีวันนั้น ไม่มีเรื่องอย่างนั้นอีกแล้วแพร ผมจะไม่หูเบาเชื่อใครหน้าไหนอีกนอกจากคุณที่เป็นเมียเป็นแม่ของลูกผม...และจะไม่มีวันที่ผมจะหมดรักคุณ ต่อให้ผ่านไปอีกกี่ปี คุณก็จะเป็นเจ้าของหัวใจของผมตลอดไป” คำพูดหนักแน่นราวกับคำสาบานของเขาทำให้แพรพรรณรายณ์ยิ้มทั้งน้ำตาแนบอกกว้าง



“แต่ยังไงก็ขอเวลาให้แพรคิดสักพักเถอะนะคะ”



“นานแค่ไหน วันหนึ่งพอไหม” คำถามของเขาทำให้คนฟังเผลอส่งค้อนให้



“จนกว่า...คุณจะทำสวนกล้วยไม้ช่วยคุณพ่อจนเสร็จค่ะ แล้วหลังจากนั้นแพรจะให้คำตอบ”



“แต่...” ทำท่าจะค้านแต่...





“ ตัวเล็กกลับเข้าบ้านได้แล้ว เดี๋ยวเราจะพาลูก ๆ ออกไปกินไอศครีมกัน ”



เสียงเข้มนำมาก่อนที่ร่างสูงของเตชินทร์จะก้าวเข้ามาหาคนทั้งสองที่ยังยืนกอดกันกลมอยู่ เขาตวัดสายตามองผู้ชายที่โอบกอดน้องสาวที่ตัวเองแอบรัก ก่อนจะเข้าไปดึงตัวแพรพรรณรายณ์ออกมายืนข้าง ๆ



“น้องพีทกับน้องพราวอยากกินไอศครีม พี่เลยจะพาไป ตัวเล็กกลับเข้าบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่า ดูสิเปื้อนดินหมด” อ้างสองแฝดเพราะรู้ว่าแพรพรรณรายณ์คงไม่ปฏิเสธ ความจริงเขายังไม่ได้ชวนสองแฝดอย่างที่พูดหรอก เพราะมัวแต่ยืนดูฉากง้อขอความเห็นใจของไอ้หมอนี่กับลุงวิชัย จนทนเห็นมันกอดผู้หญิงที่เขาแอบรักนาน ๆ ไม่ไหว เลยเข้ามาแทรก



ตอนนี้ถึงเขาจะทำใจได้แล้ว และคิดว่าสุดท้ายแพรพรรณรายณ์ก็คงจะกลับไปคืนดีกับมัน แต่ก็ยังอยากจะแกล้งมันให้เจ็บ ๆ คัน ๆ หัวใจอีกสักหน่อย



“ค่ะ งั้นแพรเข้าบ้านก่อนนะคะ เดี๋ยวจะบอกคุณคุโดมาดูแผลให้” หันไปบอกกับคนที่ยืนไม่สบอารมณ์อยู่เพราะยังไม่ได้คำตอบ แล้วเดินออกไปทันที ทิ้งให้เสือสองตัวเผชิญหน้ากันตามลำพัง โดยมีคุณวิชัยที่ยืนมองเหตุการณ์ตั้งแต่ฉากง้อเมียของว่าที่ลูกเขยมองดูอยู่ ผู้สูงวัยส่ายหัวนิด ๆ เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้



นับว่าไอ้หนุ่มนี่ใจเด็ดไม่เลว เห็นอย่างนี้ค่อยอยากจะใจอ่อนยกลูกสาวกับหลานฝาแฝดให้มันหน่อย





“ ทำมารยาอย่างกับผู้หญิง แต่อย่าดีใจไปว่าตัวเล็กจะใจอ่อน ”



เตชินทร์เป็นฝ่ายเปิดประเด็นเปรยขึ้นมาก่อน แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นในใจกลับรู้สึกชื่นชมความใจเด็ดของชายหนุ่มตรงหน้าไม่น้อย สายตาก็มองตรงตำแหน่งหัวใจที่เลือดเริ่มไหลซึมออกมามากกว่าเดิม



นี่ถ้าน้องสาวเขาใจแข็งกว่านี้อีกนิดเผลอออกแรงปักมีดลงไป มันไม่กลายเป็นผีเฝ้าสวนอยู่ที่นี่หรอกหรือ



“ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ไม่ต้องกังวลไปหรอกเพราะ ผัวเมีย ยังไงก็คุยกันง่าย เดี๋ยวเดียวก็คลิ๊ก แนบสนิทกันเหมือนเดิมแล้ว” ตอบกลับกำกวม พลางเหยียดยิ้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายกัดฟันข่มอารมณ์



“ก็รอดูไป ไม่แน่จะกลับมาจากออกไปข้างนอกกับผมวันนี้ตัวเล็กอาจจะอยากเปลี่ยนมา คลิ๊กแนบสนิทกับผมแทนก็ได้ หรือคุณคิดว่าผมมีอะไรด้อยกว่าคุณบ้างล่ะ” เตชินทร์ก็ใช่ยอ่ย เมื่ออีกฝ่ายพูดกำกวมมาเขาก็ตอกกลับ พลางยักไหล่หันหลังเดินจากไป แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หยุดแล้วหันกลับไปยิงประโยคเด็ดอีกรอบ



“ที่สำคัญสังคมรับรู้ว่าผมน่ะเป็นพ่อแท้ ๆ ตามกฏหมายของน้องพีทน้องพราวเสียด้วยสิ แล้วมันจะยากอะไรถ้าจะทำให้แม่ของลูกมาเป็นเมียจริง ๆ ”



คิโยชิหันมองหามีดที่แพรพรรณรายณ์โยนทิ้งไปก่อนหน้านี้ เขาอยากจะเสียบหัวใจมันนัก จะทำให้เมียเขาเป็นเมีนมันงั้นเหรอ มีภาษีมากกว่าเขางั้นเหรอ



ดี !! เขาจะไม่ปล่อยโอกาสให้มันอีกแม้แต่นาทีเดียว คืนนี้เขาจะจัดการเค้นเอาคำตอบรับจากเมียเขาให้ได้คอยดูสิ ให้มันรู้ไปว่าวิธีของเขาจำทำให้แพรพรรณรายณ์ยังใจแข็งได้อยู่อีก



…………………………………………………………………………………





++++++++++

25/9/2011


ปล.ลงตอนนี้เป็นตอนสุดท้ายเน้อ.....



อาจจะค้างนิสสสสส...แต่นิดเดียวค่ะ (ค้างตอนหื่น หวาน ฮาหน่อย ๆ ^___^


ปล2. หนังสื่อวางขายในงานหนังสือแห่งชาติค้า กับ สนพ.มายเลิฟ ค่ะ

เปลี่ยนนามปากกา **ลดา** ค่ะ

ปล3. ต้องขออภัยที่มาอัพช้ามากกกก จริง ๆ อัพที่เวปห้องสมุดไปแล้วค่ะ แล้ว*ลืม* ที่นี่ T^T ถ้าอยากเห็นหน้าปกก็ไปดูได้ที่เวปห้องสมุดนะคะ เพราะไม่รู้ที่นี่เขาให้ลงลิ้งค์ได้หรือเปล่า

ปล.4(เยอะเหลือเกิน ฮ่าๆๆ ) เพื่อเป็นการไถ่โทษ จะลงอีก 2 เรื่องไปพร้อมกันเลยค้า เรื่อง ทะเลร้อนซ่อนสิเน่หา กับ เสน่หานางรำ คะ ฝากติดตามด้วยนะคะ

ลดา / ลัลลดา






ลัลลดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ก.ย. 2554, 23:41:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ก.ย. 2554, 23:41:23 น.

จำนวนการเข้าชม : 2653





<< ตอนที่ 19...ตามหาดวงใจ...   
boon 26 ก.ย. 2554, 10:16:54 น.
ไม่ลงตอนจบหรือค่ะ
โธ่ ไม่สงสารคนอ่านบ้างเลยเหรอ


เคสิยาห์ 26 ก.ย. 2554, 11:56:22 น.
จะไม่ลงตอนจบเหรอคะ


anOO 26 ก.ย. 2554, 13:44:04 น.
คิโยชิ มีผู้ช่วยเยอะเลย
มาอ้อนตอนจบอีกคน 555


ลัลลดา 26 ก.ย. 2554, 15:07:24 น.
ต้องขออภัยจริงค้า หลังสือวางงานหนังสือนี้แล้ว สนพ.ไม่ให้ลงแล้วค้า T^T


silverraindrop 28 ก.ย. 2554, 13:04:24 น.
เสียดายจังเลยค่ะ


ป้าภา 1 มี.ค. 2555, 18:57:23 น.
สำนักพิมพ์ไหน ป้าจะตามไปสอย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account