เทพบุตรหัวใจเถื่อน
เมื่อการทำตัวเป็นสุภาพบุรุษที่แสนดี ทำให้เขาต้องผิดหวังในรัก เทพบุตรอย่างเขาจึงได้ฝังตัวตนในอดีตให้ตายไปกับรักครั้งแรก ในเมื่อผู้หญิงชอบคนเถื่อน ดิบ เขาก็จะทั้งดิบ ทั้งเถื่อน ไม่สนว่าจะทำร้ายหัวใจใครให้เจ็บปวดแค่ไหน...จนกระทั่งมาพบกับล่ามสาวแสนซื่อ หัวใจที่ถูกฝังไปแล้วกลับเริ่มสูบฉีด เต้นเป็นจังหวะอีกครั้ง...


Tags: เทพบุตรหัวใจเถื่อน ลัลลดา /ลดา

ตอน: ตอนที่ 19...ตามหาดวงใจ...


ตอนนี้ยาวหน่อยนะค่ะ 2 เท่าของตอนอื่น ๆ ค่ะ

+++++++++++++++++++++++++++++++++


บทที่ 19...ตามหาดวงใจ...



3 ปีผ่านไป



“ ทำอะไรอยู่คะ หน้าตาจริงจังเชียว ”



เสียงทักที่ดังขึ้นพร้อมกับร่างอวบของภรรยาสาวที่เดินถือถ้วยกาแฟเข้ามาหา ทำให้มือหนารีบเลื่อนเม้าส์คลิ๊กปิดหน้าจอที่เพิ่งจะทำการบางอย่างเสร็จสิ้นไปพอดี ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหน้าจอที่รันข้อมูลเรื่องงาน



“เช็คงานนิดหน่อยน่ะครับ ผมนึกว่าคุณนอนแล้วเสียอีก...ขอบคุณครับกำลังอยากดื่มอยู่พอดี” คุโดตอบกลับพร้อมกับยื่นมือไปรับถ้วยกาแฟจากภรรยาสุดที่รัก อีกมือก็โอบรอบเอวคอดรั้งให้ร่างอวบนั่งลงบนต้นขาแกร่ง



“งานมีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ ท่านประธานสุดหล่อของวาดถึงได้ทำหน้าจริงจังขนาดนั้น” ถามพลางชะโงกหน้ามองดู “หืมส์...คุณทำหน้าซีเรียสเพราะดูประวัติการก่อตั้งโรงแรมเนี่ยนะคะ” คำถามที่ได้ยินทำเอาดุโดสะดุ้ง เหลือบตามองหน้าจอตรงหน้านิดหนึ่งก่อนจะร้องครางในใจ



เวร...ก็นึกว่าเปิดหน้างานที่ดูก่อนหน้านี้ขึ้นมาดู ดันกลายเป็นประวัติโรงแรมไปซะนี่



“อะ เอ่อ ก็ครับ...คืออีกสองสามวันจะมีลูกค้าคนสำคัญมา ผมเลยเตรียมดู ๆ เผื่อไว้ เดี๋ยวลูกค้าถามขึ้นมาตอบผิดไปก็ขายหน้าแย่...คือผมลืมรายละเอียดปลีกย่อยไปหมดแล้วน่ะครับ” อธิบายจบก็โล่งใจเมื่อเห็นว่าคนฟังทำท่าเหมือนจะเชื่อ



“นั่นสิเนอะ ว่าแต่คุณอยากจะย้ายกลับไปอยู่ญี่ปุ่นหรือเปล่าคะ วาดเห็นแก่ตัวเกินไปไหมที่ให้คุณจากบ้านเกิดย้ายมาอยู่ที่นี่” เพราะตั้งแต่ที่คุณคิโยชิกลับญี่ปุ่นไป นี่ก็ผ่านมาสามปีกับอีกสามเดือนแล้วที่คุโดได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งประธานโรงแรมสาขาในประเทศไทยทั้งสองแห่ง



“ไม่หรอกครับ ผมมีความสุขทุกที่ที่ได้อยู่กับคุณ แต่จะมีความสุขมากกว่านี้ถ้าเราจะมีสมาชิกใหม่เพิ่มสักคนสองคน บอกตรง ๆ เห็นเจ้าพีทกับหนูพราวเมื่อสองอาทิตย์ก่อนแล้วผมอยากจะมีเป็นของตัวเองจริง ๆ “



“แต่กลัวลูกเราจะออกมาไม่น่ารักเหมือนสองแฝดนั่นน่ะสิคะ ” วาดจันทร์พูดกลั้วหัวเราะ จะว่าไปแล้วเธอเองก็ชักอยากจะมีลูกขึ้นมาแล้วเหมือนกัน ยิ่งเห็นหลานชายหญิงฝาแฝดที่เพิ่งจัดงานวันเกิดครบรอบสามขวบไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อนแล้วยิ่งอยากได้



“น่ารักไม่น่ารักผมก็รักหมดแหละครับ นะ คืนนี้เราเร่งผลิตกันดีกว่า ลูกเราจะได้โตทันสองแฝดพีทพราว”



“เห็นทีคืนนี้จะไม่ได้ล่ะค่ะ คงต้องเลื่อนไปอีกสามสี่วัน เพราะวันนี้ติด...ไฟแดง” ยกนิ้วชี้จิ้มหน้าอกแกร่งแรง ๆ พลางยิ้มหวาน “สามสี่วันนี้เก็บแรงไว้ก่อนนะคะ ไฟเขียวเมื่อไหร่ค่อยติดเครื่อง”



“ก็ได้ครับ ผมจะเก็บแรงไว้แต่...จนกว่าจะไฟเขียวคุณก็ช่วยเช็คเครื่องให้ผมหน่อยแล้วกันนะครับ เริ่มจากตอนนี้เลย” คุโดปิดโน๊ตบุ๊ค ลุกขึ้นช้อนตัวเมียรักเดินกลับเขาห้องนอน



จากนั้นก็ก็วอนขอให้วาดจันทร์ช่วยเช็คเครื่องเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับผลิตสมาชิกตัวน้อยในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ในใจก็กระหวัดไปถึงเรื่องสำคัญที่เขาเพิ่งทำไปก่อนหน้านี้



เขาหวังว่าอย่างช้าพรุ่งนี้เช้าเจ้านายที่เขาเคารพรักคงจะได้รับของขวัญวันเกิดครบรอบสามสิบห้าปีพิเศษสุดที่เขาส่งไปให้เมื่อกี้



++++++++++



6 โมงเช้า – โตเกียว ญี่ปุ่น



วันนี้ก็เหมือนเช่นทุก ๆ เช้า ร่างสูงในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวสะอาดที่เพิ่งก้าวออกมาจากห้องน้ำ เดินออกจากห้องนอนไปที่ห้องครัว ชงกาแฟแล้วเดินไปที่ห้องทำงานที่อยู่ติดกับห้องนอน ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้หนังสีดำตัวใหญ่ ก่อนจะเปิดโน๊ตบุ๊คขึ้นเพื่อเช็คอีเมลเรื่องงาน



สายตาคู่คมสะดุดเข้ากับอีเมลฉบับแรกที่ถูกส่งมาจากคนสนิทของเขาที่ตอนนี้ย้ายไปประจำอยู่บ้านเกิดของภรรยาสุดที่รักแล้ว มุมปากบางเฉียบยกยิ้มขึ้นน้อย ๆ ไม่ว่าจะกี่ปีคุโดก็ไม่เคยลืมวัดเกิดของเขาสักครั้ง



ของขวัญวันเกิดพิเศษสุดสำหรับคุณคิโยชิครับ



คิโยชิคลิ๊กเปิดจดหมายอิเล็คทรอนิคฉบับนั้นทันที นึกแปลกใจที่ปีนี้ของขวัญของคุโดคนสนิทของเขาแตกต่างไปจากทุกปี เพราะทุกปีเขาจะได้เป็นของที่ระลึก สองปีที่แล้วก็เหมือนกันคุโดส่งของขวัญมาให้จากประเทศไทย แต่ปีนี้มาแปลกมีแต่อีเมล ทำให้เขาอยากรู้ว่าปีนี้คนสนิทมีของขวัญอะไรมาให้ถึงได้บอกว่าเป็น ของขวัญที่พิเศษสุด



รูปเด็ก ?



คิ้วเข้มของคิโยชิขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจเมื่อเปิดอีเมลดูสิ่งที่เห็นคือภาพถ่าย สองภาพแรกสุดที่เห็นเป็นรูปเด็กฝาแฝดชายหญิงอายุน่าจะราว ๆ สองสามขวบที่กำลังยิ้มร่าช่วยกันถือเค็กรูปการ์ตูนอังปังแมนอยู่



แล้วคุโคส่งภาพเด็กฝาแฝดสองคนนี้มาให้เขาทำไม ? คิโยชิคิดพลางมองดูใบหน้าเล็ก ๆ ทั้งสองที่ความรู้สึกบอกเขาว่าคุ้นตาเหลือเกิน ใบหน้ารูปหัวใจ ผมสีน้ำตาลเข้ม แต่ดวงตากลมโตที่ดูหวานสีดำสนิทกับเครื่องหน้าอื่น ๆ ของหนูน้อยทั้งสองนั้นกลับดูคุ้นตา...



เหมือนใครกัน ทำไมเขารู้สึกคุ้นหน้าเด็กแฝดคู่นี้เหลือเกิน



คิโยชิเลื่อนลงดูรูปถ่ายถัดไปเรื่อย ๆ ผ่านมาห้าหกรูปแล้ว เขาเห็นหนูน้อยทั้งสองที่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าของวันเกิดเพราะมงกุฏกระดาษเจ้าชายเจ้าหญิงที่สวมอยู่บนศรีษะเล็ก ๆ นั่นเขียนคำว่า Happy birth day ไว้ ถ่ายภาพร่วมกับคุโด วาดจัทร์ และคุณพ่อคุณแม่ของเธอ และก็มีผู้ชายหน้าคมเข้มอีกคนที่ภาพหนึ่งเขาเห็นหนูน้อยทังสองกอดรัดพร้อมกับจูบแก้มสากนั้นอย่างสนิทสนม...วูบหนึ่งใจเขารู้สึกอิจฉา



บ้าน่าเขาไปอิจฉาทำไม สามคนนั่นอาจจะเป็นพ่อลูกกัน แล้วเขาไปอิจฉาพ่อของเด็กสองคนนั่นทำไม คิโยชิชิส่ายหัวให้กับความคิดของตัวเอง แต่ยิ่งดูเขาก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดูในความหน้ารักของเด็กแฝดทั้งสองอย่างประหลาด อยากจะเห็นหน้าแม่ของทั้งคู่จริง ๆ ถ้าผู้ชายหน้าเข้มคนนั้นเป็นพ่อก็แสดงว่าเด็กทั้งสองคนได้เค้าแม่มาทั้งหมดเพราะไม่มีส่วนไหนที่ได้จากพ่อมาเลย



ขณะกำลังดูภาพความน่ารักน่าเอ็นดูของฝาแฝดตัวน้อยนับสิบ ๆ ภาพ มือที่เลื่อนเม้าส์มาจนปรากฏให้เห็นภาพสุดท้ายก็ชะงักค้าง สองตาเบิกโพลงจ้องภาพตรงหน้านิ่ง รวมถึงเลือดในกายที่ดูเหมือนว่าจะแข็งค้างไปชั่วขณะ หัวใจเขาคล้ายจะหยุดเต้นก่อนที่มันจะระรัวแรงจนน่ากลัวว่าจะหลุดออกมา



ตอนนี้เขารู้ความหมายของ ของขวัญที่พิเศษสุด ที่คุโดบอกก่อนหน้านี้แล้ว !!



เขารู้แล้วว่าทำไม...ถึงได้รู้สึกคุ้นหน้าคุณตาใบหน้าเล็ก ๆ ของหนูน้อยฝาแฝดทั้งสอง



เขารู้แล้วว่าทำไม...ถึงได้รู้สึกอิจฉาผู้ชายหน้าคมเข้มนั่นที่เขานึกว่าเป็นพ่อของหนูน้อย



นั่นก็เพราะสัญชาตญาณ...ของความเป็นพ่อ !!



ภาพใบหน้าหวานที่ตราตรึงอยู่ใจหัวใจเขาไม่เคยลบเลือนมาตลอดสี่ปีกับอีกหนึ่งเดือนนับตั้งแต่ที่เธอหนีเขาไป กำลังโอบกอดเด็กน้อยฝาแฝดชายหญิงคนละข้าง โดยที่หนู่น้อยทั้งสองยกมือชูสองนิ้ว แนบแก้มยุ้ยของตัวเองกับแก้มนวลของมารดา ทั้งสามส่งยิ้มสดใสมาให้...



มือหนาข้างหนึ่งยกขึ้นลูบหน้าแรง ๆ เพื่อเรียกสติว่าเขาไม่ได้ฝันไป เขา...มีลูกฝาแฝดชายหญิง



ลูกของเขากับแพรพรรณรายณ์ !!



คิโยชิไม่รอช้า ยกโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานต่อสายตรงหาเลขาทันที เมื่อสั่งสิ่งที่ต้องการกับปลายสายเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะเดินแทบจะเป็นวิ่งออกจากห้องชุดอย่างเร่งรีบ มือก็กดโทรหาน้องชายคนเดียว แล้วกรอกเสียงลงไปทันทีที่ปลายสายรับสาย



“เคียว นายช่วยมาดูงานที่โรงแรมให้หน่อย พี่มีธุระสำคัญต้องไปทำ”



( อะไรกัน รับปุ๊บสั่งปั๊บ มีอะไรสำคัญนักหนาถึงได้โทรมาสั่งงานตั้งแต่เช้าอย่างนี้ ) น้องชายบ่นมาตามสายเพราะเพิ่งจะกลับมาจากเคลียร์เรื่องยุ่ง ๆ เข้านอนได้ไม่ถึงสองชั่วโมงดี



“ไว้อธิบายทีหลัง แค่นี้ก่อนนะ”



(เดี๋ยว !! แค่งานฉันก็ยุ่งจนแทบไม่มีเวลาอยู่กับลูกเมียแล้ว ถ้าไม่บอกเหตุผลดี ๆ อย่าหวังว่าจะช่วย เหนื่อยนะโว้ย ) คิเคียวโวยวายอย่างหงุดหงิดเพราะง่วงนอน



“จะไปหาเมียกับลูก พี่สะไภ้กับหลานของนายน่ะ และไม่ใช่แค่หลานคนเดียวนะ ฝาแฝด สำคัญพอไหม” ตอบกลับเสียงห้วนที่ต้องมาเสียเวลาอธิบาย



( ...อะไรนะ...เดี๋ยวนะ เมียน่ะเข้าใจแต่ลูกมันหมายความว่ายังไง )



“บอกว่าไว้อธิบายทีหลัง”



( เดี๋ยวสิวะ ก็อยากรู้ พี่หมายถึงคุณแพรใช่ไหม เจอเธอแล้วเหรอ) ความง่วงของคิเคียวหายไปหมดสิ้นเพราะตกใจเรื่องที่ได้ยิน ก็จะไม่ให้ตกใจได้ยังไง คนของเขารวมถึงนักสืบเอกชนตามหามาเป็นปี ๆ ไม่ได้ข่าวคราวนักนิด จนเขาเคยบอกให้พี่ชายทำใจเพราะอิทธิพลของพวกเขาไม่ใช่ว่าแคบ ๆ การที่ไม่ได้เบาะแสเลยแนวโน้มเดียวที่เขาคาดไว้ก็คือ ไม่มีชีวิต ไร้ตัวตนอยู่บนโลกใบนี้แล้วนั่นเอง แต่นี่...



“ฉันก็ยังไม่รู้เหมือนกัน ถึงต้องรีบไปนี่ไง” ตอนนี้เขาต้องการรู้รายระเอียดทั้งหมด ว่าแพรพรรณรายณ์อยู่ที่ไหน เพราะคุโดก็เหมือนแกล้ง ส่งมาแต่รูปแต่ไม่บอกรายละเอียดอะไรสักอย่าง



( โอเค เข้าใจแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้ไปตามเมียกับลูกกลับมาไวไวเลย ฉันเบื่อจะมองร่างไร้วิญญาณของพี่เต็มทนแล้ว ) ทั้งเบื่อทั้งห่วง จนกลัวว่าพี่ชายเขาไร้ทั้งร่างไร้ทั้งวิญญาณสักวัน ( โชคดีนะ )



“ขอบใจ” ถึงคำพูดของคิเคียวจะห้วน ๆ ตามแบบฉบับคนโหด ๆ เถื่อน ๆ แต่เขาก้รู้ดีว่าน้องชายห่วงเขามากขนาดไหน



เมื่อวางสายจากน้องชายก็มาถึงหน้าคอนโดที่ตอนนี้ลูกน้องได้นำรถสปอร์ตสีดำคันหรูของเขามาจอดรอไว้ก่อนแล้ว คิโยชิยกมือขึ้นเป็นเชิงว่าเขาจะขับรถเองเมื่อหนึ่งในลูกน้องทำท่าจะเปิดประตูที่นั่งด้านหลังให้ จากนั้นรถสปอร์ตที่มีความเร็วสูงก็พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังช้ากว่าใจของคนขับ เพราะตอนนี้ใจเขามันแล่นไปถึงเมืองไทยแล้ว



ผมกำลังจะได้เจอคุณแล้วแพรพรรณรายณ์...เจอคุณและลูก...



++++++++++



ชลบุรี – ประเทศไทย



“ แม่คร๊าบ / แม่ขา ”



ร่างกลมป้อมของเด็กแฝดชายหญิงวิ่งเข้ามาหามารดาที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนแปลยวนหน้าบ้านพร้อมกับร้องเรียกเสียงดัง คนเป็นแม่เงยหน้าจากหนังสือขื้นมองตามเสียงก็พอดีกับร่างป้อมทั้งสองโผเข้ากอดรัดจนแทบจะพากันหงายหลังตกแปลยวน ดีที่มีมือแข็งแรงของร่างสูงที่เดินตามหลังหนูน้อยสองคนเอื้อมมือโอบแผ่นหลังของมารดาของหนูน้อยทั้งสองเอาไว้เสียก่อน



“อีกแล้วนะเจ้าตัวยุ่ง พ่อบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ากระโดดใส่แม่อย่างนั้น ดูสิอ้วนยกกำลังสองอย่างเราสองคนน่ะทำให้แม่เกือบตกแปลแล้วนะ” เสียงทุ้มดุ แต่รอยยิ้มที่มีกลับไม่ทำให้สองแฝดเกรงกลัว แฝดคนพี่ผละจากมารดากระโดดเข้าสู่ร่างสูงของบิดาที่กำลังจะนั่งลง ทำให้คนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวหงายหลังล้มไปนอนแผ่หราอยู่กลางทรายขาดสะอาด



“พีทลูก อย่ากระโดดใส่พ่อเต้อย่างนั้นสิคะ” มารดาของหนูน้อยเลียนแบบคำพูดก่อนหน้านี้ของคนที่กำลังยันกายลุกขึ้นนั่งกลั้วหัวเราะ



“เดี๋ยวเถอะ ๆ ไม่มีใครอยู่ข้างพ่อเลยใช่ไหมเนี่ย มันน่าน้อยใจนัก”



“โอ๋ ๆ น้องพราวอยู่ค้า พ่อเต้ขา” สาวน้อยแฝดผู้น้องรีบพูดอย่างเอาใจ ก่อนจะผละจากมารดาเข้าไปกอดบิดา



“พีทด้วย ๆ คร๊าบ” แฝดพี่ไม่ยอมน้อยหน้าพูดเอาใจทันที



“แล้วตัวเล็กล่ะครับ ไม่โอ๋พี่หน่อยเหรอ” เตชินทร์เงยหน้าขึ้นพูดกับแม่ของสองแฝดจอมซน



“ไม่ล่ะค่ะ โอ๋มาก ๆ เดี๋ยวพี่เต้เสียคนไปมากกว่านี้” แพรพรรณรายณ์ตอบนิ้ม ๆ ส่ายหน้าไปมา จากนั้นเปลี่ยนไปพูดกับลูกน้อยทั้งสอง “น้องพีทน้องพราวพาพ่อเต้เข้าบ้าน เปลี่ยนเสื้อผ้าล้างมือแล้วมากินแตงโมเย็น ๆ นะคะ”



“ไปกันเร็วลูก เดี๋ยวแม่เค้าเปลี่ยนใจแล้วเราจะอด” เตชินทร์อุ้มหนูน้อยร่างป้อมทั้งสองไว้คนในอ้อมแขนคนละข้าง



“พี่เต้ช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้น้องพีทน้องพราวด้วยนะคะ เดี๋ยวแพรจะไปเตรียมแตงโมกับขนมไว้ให้”



“ได้ครับผม” เสียงทุ้มรับคำก่อนจะพาสองแฝดเดินเข้าไปในตัวบ้าน



ตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนมองตามทั้งคนทั้งสามไป ถ้าไม่มีเตชินทร์บางที่ตอนนี้ลูกทั้งสองของเธออาจจะขาดความรักจากพ่อ ในตอนแรกเธอปฏิเสธที่จะให้เตชินทร์เซ็นชื่อรับรองบุตรในใบเกิดของน้องพีทกับน้องพราว และทำหน้าที่พ่อให้กับหนูน้อยทั้งสอง...เหตุผลน่ะหรือ ก็เพราะในวันหนึ่งเมื่อลูกทั้งสองของเธอเติบใหญ่เธอตั้งใจไว้ว่าจะบอกลูกทั้งสองอยู่แล้วว่าคุณพ่อของพวกเขาเป็นใคร เธอไม่อยากจะให้ใครมาแทนที่หรือทำหน้าที่คำว่าพ่อแทนผู้ชายที่เธอรัก



แม้ว่าเขาอาจจะไม่ต้องการเป็นพ่อของลูกทั้งสองของเธอก็ตาม



แต่ทั้งเตชินทร์และคุณพ่อคุณแม่ และวาดจันทร์ก็พูดถึงปัญหาที่อาจจะตามมาในอนาคตเมื่อเด็กทั้งสองโตขึ้น สุดท้ายเธอก็ไม่อยากให้ลูกต้องมีปมด้อย ขาดความรัก และอาจจะถูกล้อเมื่อเข้าโรงเรียน ดังนั้นตอนนี้น้องพีทน้องพราวจึงเข้าใจไปว่าเตชินทร์เป็นพ่อ ถึงแม้บางครั้งสองแฝดจะไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อถึงต้องกลับไปนอนอีกบ้านหนึ่งทุกวัน



แพรพรรณรายณ์มองผู้ชายที่เธอเคารพรักเหมือนพี่ชายแท้ ๆ พาลูกแฝดชายหญิงของตนเองเดินหายเข้าไปในบ้าน อดคิดไม่ได้ว่าถ้าคนที่อุ้มลูกชายลูกสาวของเธอเป็นผู้ชายอีกคนมันจะให้ความรู้สึกยังไง ผู้ชายคนที่ยังอยู่ในใจเธอเสมอมา ไม่ว่าจะผ่านมานานกว่าสี่ปีแล้วก็ตาม ยิ่งเห็นดวงตาสีดำสนิทหวานเชื่อมของลูกทั้งสอง ภาพใบหน้าคมของใครคนนั้นก็ซ้อนทับขึ้นมาทุกครั้ง



ป่านนี้คุณคงลืมแพรแล้วสินะคะ...คุณคิโยชิ



ตลอดสี่ปีที่ผ่านมาเธอไม่ได้ข่าวคราวของคิโยชิเลย เพราะตั้งใจให้เป็นอย่างนั้น โดยการขอร้องไม่ให้คนรอบข้างพูดถึงเขา โดยเฉพาะคุโดที่พยายามจะพูดถึงเขาให้ฟังหลายต่อหลายครั้ง แต่เธอก็ตัดบทมาตลอดจนปีหลัง ๆ คุโดก็ไม่ได้พูดถึงอีก...ยอมรับว่าไม่มีวันไหนที่เธอจะไม่คิดถึงคิโยชิ ไม่เคยมีสักคืนที่เธอจะไม่ฝันถึงเขา ไม่เคยมีสักวันที่เธอจะไม่เสียน้ำตาให้เขา



ตาคู่หวานกระพริบถี่ ๆ เมื่อเผลอนึกถึงคนใจร้ายคนนั้นแล้วพาลให้ขอบตาร้อนผ่าว ใบหน้าหวานเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่แสงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าเพื่อสกดกั้นน้ำตาไม่ให้ไหล จากนั้นก็รีบเดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อเตรียมของว่างให้ลูกน้อยและพ่อบุญธรรมของลูกทั้งสอง



++++++++++



~~~~ ก๊อก ๆ ๆ ~~~ ก๊อก ๆ ๆ ~~~



เสียงเคาะประตูที่ดังติด ๆ กันเหมือนคนเคาะกำลังมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ ทำให้คนที่ดำรงตำแหน่งประธานที่กำลังอยู่ในช่วงพักเบรก เพื่อดื่มนมจากเต้าหลังจากโหมงานหนักมาตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ทุ่มกว่าแล้วเงยหน้าขึ้นจากเต้าขึ้นมองสบตาเจ้าของฟาร์มนม



“ใครมาเคาะห้องอะไรกันตอนนี้” เสียงทุ้มบ่นงึมงัมชิดแหล่งพลัง เมื่อคิดว่าตอนนี้พนักงานคนอื่นน่าจะกลับกันหมดแล้ว



แล้วใครกันมาหาเขาตอนนี้ ?



“เดี๋ยวคุณเปิดประตูนะคะ วาดขอไปจัดเสื้อผ้าที่ห้องน้ำหน่อย” สาวอวบลุกขึ้นวิ่งเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ในห้องประธานใหญ่อย่างรวดเร็ว ส่วนคนที่ถูกขัดจังหวะการดื่มนมเพื่อเพิ่มพลังงานอย่างคุโดก็ถอนใจอย่างหงุดหงิด ก่อนจะจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่ แล้วยกรีโมทขึ้นกดปลดล๊อค



และทันทีที่เสียงปลดล๊อคดังขึ้น คนข้างนอกก็เปิดประตูก้าวพรวดเข้ามาทันที คุโดที่ตั้งท่าทำหน้าดุจะต่อว่าคนที่เข้ามาชะงักค้างนิ่งไปทันทีที่เห็นหน้าคนที่เดินหน้าเครียดเข้ามาหา



“คุณคิโยชิ!! “ เสียงแหลมดังขึ้นอย่างตกใจและแปลกใจของวาดจันทร์ที่เพิ่งก้าวออกมาจากห้องน้ำดังขึ้นเรียกสติคุโดให้กลับมา



“คะ คุณคิ...”



“ แพรกับลูกของฉันอยู่ที่ไหน ”



คิโยชิไม่สนใจเสียงทักของทั้งคู่ เขาถามเข้าประเด็นทันที หลังจากเห็นภาพถ่ายของเมียและลูกฝาแฝดที่คุโดส่งให้แล้วเขาก็ขึ้นเครื่องบินด่วนมากรุงเทพทันที ระหว่างทางก็คิดไปต่าง ๆ นา ๆ อยากรู้เรื่องราวความจริงทั้งหมด แต่โทรหาคุโดก็ไม่ยอมรับสายเขา เหมือนหมอนี่มันจะแกล้งให้เขาคลั่ง พอพาถึงเขาก็นั่งแทคซี่มาจากสนามบินตรงมาที่โรงแรมเลย แต่ขึ้นไปที่ห้องชุดของคุโดก็ไม่เจอ เลยโทรถามที่อยู่คอนโดของวาดจันทร์กับทางฟร้อนท์ด้านล่างเพราะเขาจำไม่ได้แล้ว แต่พนักงานก็แจ้งว่าทั้งสองคนยังไม่กลับ เขาเลยขึ้นมาหาที่นี่



“จะเงียบอีกนานมั๊ย ตอบมาซักที !! “ ถามซ้ำเสียงเข้มเมื่อคนสนิทอ่ำ ๆ อึ่ง ๆ หันไปมองหน้าภรรยาสาวที่มองกลับตาโต



“คุณคุโด !! นี่คุณบอกเรื่องยัยแพรกับเจ้านายคุณเหรอ !! “ วาดจันทร์ที่พอจับเรื่องได้ตวาดสามีเสียงเขียว



“โธ่ คุณวาด คุณคิโยชิสมควรจะรู้นะครับ คุณวาดอย่าเพิ่งโกรธไม่พอใจอะไรเลย ไว้ให้คุณแพรเธอตัดสินใจเอาเองดีกว่า” นี่เขาจะโดนลงโทษอะไรบ้างวะเนี่ย เจ้านายนะเจ้านายมาถึงก็พูดโต้ง ๆ เขารึอุตส่าห์ย้ำไปแล้วในอีเมลว่าแอบส่งให้ อยากรู้อะไรให้โทรมาถาม “ขอผมคุยกับคุณคิโยชิก่อนนะครับ คุณกลับไปพักข้างบนก่อนก็ได้ เสร็จแล้วผมยอมให้คุณลงโทษเอ้า แต่ผมทำไปเพราะเห็นใจทั้งสองฝ่ายนะครับ”



“คุณวาด เรื่องพวกนั้นเอาไว้คุยกันทีหลังได้ไหม ตอนนี้ผมอยากจะรู้ว่าเมียกับลูกผมอยู่ไหน” คิโยชิแทรกขึ้นมาอย่างหงุดหงิด ที่ต้องมายืนฟังฉากง้อกันของทั้งสอง ตอนนี้เขาร้อนใจแทบบ้า



”เมียกับลูก? พูดเหมือนคุณต้องการมาตั้งแต่ต้นงั้นแหละ” วาดจันทร์อดแขวะไม่ได้ ก่อนจะพูดในสิ่งที่คนฟังหัวใจแทบจะหยุดเต้น “แต่บางทีตอนนี้มันอาจจะสายไปแล้วก็ได้นะคะ เพราะยัยแพรกับเด็ก ๆ มีคนดูแลแล้ว ง่าย ๆ ก็คือน้องพีทน้องพราวมีคุณพ่อที่แสนดีดูแลอยู่แล้ว คงจะไม่ต้องการคนอื่นอีก”



“คุณวาด !! พอเถอะนะครับ คุณไม่อยากเห็นคุณแพรมีความสุขเหรอครับ สี่ปีมานี่คุณก็รู้ดีว่าคุณแพรเธอยังรักคุณคิโยชิ นะครับมันถึงเวลาแล้วที่ทั้งคู่จะปรับความเข้าใจกันเสียที อีกอย่างคุณคิโยชิก็ทรมานมาพอแล้วและพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ารักคุณแพรแค่ไหน ให้โอกาสเจ้านายผมสักครั้งเถอะ”



คำพูดของสามีทำให้วาดจันทร์หยุดคำพูดต่อว่าและคำพูดเสียดสี ยอมรับว่าเธอเชื่อและเข้าใจมานานแล้วว่าคิโยชิรักและรู้สึกผิดแค่ไหนในสิ่งที่ทำกับน้องสาวเธอ ตลอดสี่ปีมานี้เขาไม่เคยหยุดตามหาน้องสาวเธอเลยสักวัน แต่ที่ไม่เจอไม่พบร่องรอยเลยก็เพราะคุโดที่คอยประสานงานกับนักสืบและคนของคิโยชิได้หาทางหลีกเลี่ยงให้แพรพรรณรายณ์มาตลอด ทั้งให้เปลี่ยนชื่อจริง และไม่ให้เธอและครอบครัวติดต่อพบเจอในช่วงแรก ๆ เพื่อหลอกให้คนของตระกูลมัสซึยาม่าเข้าใจว่าครอบครัวของเธอก็ติดต่อแพรพรรณรายณ์ไม่ได้เหมือนกัน



“จริง ๆ วาดก็ไม่ได้โกรธอะไรคุณแล้วเพราะรู้สาเหตุและเหตุผลจากคุณคุโดแล้ว” วาดจันทร์พูดขึ้น “แต่ตัวยัยแพรเองไม่ได้รู้และเข้าใจ เพราะพวกเราไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้กันเลยตั้งแต่ที่ยัยแพรหนีคุณมา”



“ตอนแรก ๆ คุณแพรเธอขอร้องไม่ให้พวกเราพูดถึงคุณคิโยชิให้ฟังน่ะครับ แล้วพวกผมก็ไม่กล้าพูดเหมือนกันเพราะตอนนั้นคุณแพรเธออ่อนแอมากจริง ๆ แล้วช่วงที่ท้องสองแฝดนั่นก็ยิ่งน่าเป็นห่วง“ คุโดเอ่ยเสริมคำพูดเมียรัก



จากนั้นคุโดก็เล่าเรื่องราวตั้งแต่ที่แพรพรรณราย์หนีเจ้านายเขามา จนรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ และต้องทนอุ้มท้องกับสภาพจิตใจที่บอบช้ำ ซึมเศร้าไปเกือบครึ่งปีจนสุขภาพอ่อนแอ เข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นเพราะตั้งครรภ์แฝดยิ่งทำให้ลำบากกว่าท้องปกติ จนเมื่อเกือบจะสูญเสียลูกแฝดในท้องไปตอนที่ตั้งครรภ์ได้หกเดือนนั่นแหละ แพรพรรณรายณ์ถึงได้มีสติคิดได้ และมีกำลังใจและสภาพจิตใจดีขึ้นมาบ้าง



และเมื่อสองแฝดลืมตาดูโลก ความสุขก็เริ่มกลับเข้ามาในชีวิต แพรพรรณรายณ์ทุ่มเทความรักทั้งหมดให้ลูกน้อย ความน่ารักไร้เดียงสาของฝาแฝดพีทพราวทำให้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่หายไปจากใบหน้าของหญิงสาวกลับมาอีกครั้ง



“แต่พวกเราก็รู้ว่ายัยแพรมักจะแอบร้องไห้บ่อย ๆ ที่อยู่คนเดียว วาดเคยเห็นน้องมองรูปถ่ายคุณแล้วร้องไห้หลายครั้ง และนั่นแหละทำให้วาดห้ามไม่ให้คุณคุโดบอกที่อยู่รวมถึงเรื่องลูกให้คุณรู้ เพราะไม่รู้ไม่แน่ใจว่าน้องสาววาดจะต้องการหรือเปล่า...ยัยแพรยังรักคุณไม่เปลี่ยน เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้ว แต่อยากจะเจอหรือไม่วาดไม่แน่ใจจริง ๆ คุณคงต้องพิสูจน์ตัวเองและพยายามเอาเองแล้วล่ะค่ะ”



เมื่อได้ฟังคิโยชิก็ยิ่งเกลียดตัวเอง เพราะเขาแพรพรรณรายณ์ถึงได้ทุกข์ทรมานทั้งกายและใจขนาดนั้น



“ขอบคุณครับคุณวาด...ผมไม่โกรธหรอกถ้าคุณจะโกรธเกลียดผม เพราะผมเองก็เกลียดตัวเองเหมือนกัน” เขาเกลียดตัวเองที่งี่เง่า ไม่หนักแน่น จนทำร้ายหัวใจคนที่เขารักและรักเขาอย่างแพรพรรณรายณ์



“แล้วตอนนี้แพรกับลูกอยู่ที่ไหน ที่บ้านคุณพ่อคุณแม่ของคุณที่ราชบุรีหรือเปล่า หรืออยู่ที่ไหน ช่วยพาผมไปหาเมียกับลูกตอนนี้ได้ไหม ผมไม่อยากจะรออีกแล้ว” เขาไม่สนว่ามันจะดึกดื่นแค่ไหน แต่ถ้าต้องให้รอเขาคงขาดใจตาย แต่คำตอบที่ได้รับจากพี่สาวของคนที่เขารักกลับทำให้คิโยชิแทบทรุด



“เปล่าหรอกค่ะไม่ได้อยู่ที่นั่น ตอนนี้ยัยแพรกับลูกอยู่ที่ชลบุรีกับเต้...พ่อทางกฏหมายของน้องพีทน้องพราวน่ะค่ะ”



+++++++++++++

บ้านพักหลังไม่เล็กไม่ใหญ่สีขาวสะอาดตา และเป็นหลังที่สวยที่สุดและอยู่ริมสุดเรียบชาดหาด ทำให้คล้ายกับมีหาดทรายส่วนตัวเป็นของตัวเอง มีโมบายหลากหลายสีที่ทำจากเปลือกหอยขนาดต่าง ๆ แขวนอยู่บริเวณหน้าบ้านและระเบียงเตี้ย ๆ ทำให้ดูรมรื่นและน่าอยู่ยิ่งนัก บวกกับเสียงหัวเราะหยอกล้อที่ดังมาให้ได้ยินทำให้จินตนาการได้ว่าภายให้บ้านคงจะอบอุ่นเต็มไปด้วยความสุข



พ่อเต้ขา...



พ่อเต้คร๊าบ...



พ่อเต้ ? เสียงเล็ก ๆ เจี้ยวจ๊าวที่ได้ยินดังออกมาจากบ้านหลังงามที่อยู่ตรงหน้าทำให้คิ้วเข้มย่นเข้าหากันก่อนจะหันไปถามคนข้าง ๆ



“ใครคือพ่อเต้ ? “ คิโยชิถามคนสนิทที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะเบนสายตากลับไปมองเงาของสมาชิกในบ้านตรงหน้า



“ก็...คนที่คุณวาดพูดก่อนหน้านี้...ที่ดูแลคุณแพรกับน้องพีทน้องพราวตอนนี้น่ะครับ” คุโดพยายามหาคำพูดที่จะไม่ทำให้เจ้านายเขารู้สึกแย่ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเพราะประกายตาของเจ้านายเขาแข็งกร้าวขึ้นมาทันที



รู้อย่างนี้ยังไม่พามาก็ดีหรอก...คุโดได้แต่แอบถอนหายใจ เมื่อสองชั่วโมงก่อนเขาถูกเจ้านายบังคับให้พามาหาแพรพรรณรายณ์กับลูกฝาแฝด โดยที่เจ้านายเขายอมรับปากว่าจะแค่มาดูห่าง ๆ ก่อนเท่านั้น แล้วค่อยให้วาดจันทร์กับเขามาลองเรียบ ๆ เคียง ๆกับแพรพรรณรายณ์ก่อน จากนั้นถึงค่อยปรากฏตัว แต่ตอนนี้เขาชักจะไม่แน่ใจว่าเจ้านายเขาจะยังจำคำพูดที่รับปากไว้ก่อนมาที่นี่หรือเปล่านี่สิ



“ไหนนายบอกว่าเป็นพี่ชายเป็นญาติกันไง แล้วทำไมลูกฉันถึงเรียกผู้ชายคนนั้นว่าพ่อ” ถามอย่างไม่เข้าใจเพราะระหว่างทางคุโดบอกว่าคนที่เมียกับลูกเขามาอาสัยอยู่ด้วยเป็นญาติกัน แล้วทำไม...





“น้องพีทน้องพราวอย่าเพิ่งกวนพ่อเต้สิคะ ดึกแล้วให้พ่อเต้กลับบ้านใหญ่ก่อนพรุ่งนี้ค่อยเล่นต่อนะลูก”





ยังไม่ทันที่คุโดจะได้ตอบคำถาม ก็ต้องรีบจับท่อนแขนของเจ้านายไว้พร้อมกับเอ่ยห้ามเมื่อคิโยชิก้าวพรวดตรงไปที่หน้าบ้านหลังงาม ทันทีที่ได้ยินเสียงหวานดังมาให้ได้ยิน



“เดี๋ยวครับ คุณคิโยชิ!! ไหนบอกว่าวันนี้แค่มาดูเฉย ๆ ไงครับ”



“นั่นมันเมื่อตอนที่ฉันยังไม่รู้ว่ามีคนมาสวมรอยเป็นพ่อของลูกฉันแล้วน่ะสิ !! “ เขาก็นึกว่าวาดจันทร์แค่พูดให้เขาคิดมากเท่านั้น ที่ไหนได้กลับมีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้มาชุบมือเปิบเป็นพ่อของลูกเขาจริง ๆ เสียนี่



เสียงหวานที่ได้ยินเมื่อกี้ กระตุ้นความคิดถึงห่วงหาที่มีมาตลอดสี่ปีเต็ม จนเขาอยากจะวิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงหวานนั่นเสียเดี๋ยวนี้



“มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ เดี๋ยวผมเล่าให้ฟัง มาทางนี้ก่อนครับ” คุโดทั้งลากทั้งฉุดเจ้านายที่เคารพรักให้กลับมาที่รถที่จอดอยู่ห่างออกไปไม่ไกล “คุณคิโยชิคงไม่อยากจะให้ทุกอย่างมันพังลงอีกครั้งเพราะอารมณ์โมโหไม่พอใจในตอนนี้นะครับ” คำเตือนของคนสนิททำให้ขาที่กำลังจะก้าวไปยังจุดหมายข้างหน้าหยุดชะงัก



“งั้นก็บอกมาให้หมดนะคุโด ทุกเรื่อง!! โดยเฉพาะเรื่องของไอ้คนชื่อเต้อะไรนั่น” คิโยชิบอกเสียงเข้มแต่ก็ยอมเดินตามไปดี ๆ





“คุณเต้หรือคุณเตชินทร์เป็นญาติผู้น้องของคุณวาดน่ะครับ ก็อย่างที่รู้ว่าคุณแพรเธอไม่ได้เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของคุณวาด ดังนั้นคุณแพรกับคุณเต้เลยไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่ว่าทั้งสองคนก็นับถือกันเป็นพี่เป็นน้อง” คุโดเริ่มอธิบายเมื่อพาตัวเงและเจ้านายเข้ามานั่งในรถเรียบร้อย แต่ไม่ได้บอกไปว่าทางฝ่ายเตชินทร์มีความรู้สึกลึกซึ้งมากกว่าพี่น้องกับแพรพรรณรายณ์ เพราะกลัวเจ้านายเขาจะหึงจนไม่ยอมฟังอะไรอีก



“แล้วที่เด็ก ๆ เรียกคุณเต้ว่าพ่อก็เพราะว่า คุณเต้เลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก ๆ แล้วก็ เอ่อ...รับสองแฝดเป็นลูกบุญธรรมน่ะครับ”



“ลูกบุญธรรม ? “



“เอ่อ ก็...ผมก็พูดไม่ถูกเหมือนกันว่าเป็นพ่อบุญธรรมหรือพ่อจริง ๆ คือคุณเต้เซ็นต์รับเป็นพ่อของน้องพีทน้องพราวในใบเกิดน่ะครับ” คุโดเองก็งง ๆ ไม่รู้จะเรียกความสัมพันธ์ระหว่างเตชินทร์กับสองแฝดว่าพ่อลูกบุญธรรมหรือพ่อลูกจริง ๆ ดี เพราะถึงจะไม่ใช่สายเลือดแต่เตชินทร์ก็ถือว่าเป็นพ่อแท้ ๆ ตามกฏหมาย



“ว่า...ไงนะ” เซ็นต์รับเป็นพ่อ นั่นก็หมายความว่าผู้ชายที่ชื่อเตชินทร์คนนั้นมีสิทธิ์เป็นบิดาทางกฏหมายของลูกฝาแฝดของเขาน่ะสิ “นายจะบอกฉันว่า...ลูกฉันรับรู้ว่าไอ้หมอนั่นเป็นพ่ออย่งนั้นใช่ไหม”



“ก็...ครับ มันเป็นความจำเป็นน่ะครับคุณคิโยชิ ทางครอบครัวของคุณแพรไม่อยากให้เด็ก ๆ มีปมด้อย มีปัญหาถูกล้อถูกแกล้งตอนเข้าโรงเรียนน่ะครับ” คุโดพยายามอธิบายให้เจ้านายเข้าใจ เพราะเห็นสีหน้าผิดหวังแล้วก็ให้นึกสงสาร



เพิ่งจะรู้ว่าตัวเองมีลูกได้ไม่ถึงวัน กลับต้องมารู้ว่าลูกของตัวเองคิดว่าคนอื่นว่าพ่อเสียนี่



“แล้วลูกของฉันใช้นามกสุลของใคร นามสกุลแพรหรือว่าหมอนั่น”



“นามสกุลคุณแพรครับ” คิโยชิหลับตาลงกับคำตอบที่ได้ยิน ก็ยังดีที่อย่างน้อยลูกของเขาก็ไม่ได้ใช้นามสกุลไอ้หมอนั่น



ความเงียบเข้าปกคลุมภายในรถนานเกือบสิบห้านาที และคุโดเองก็ไม่คิดจะพูดอะไรอีก เขาปล่อยให้เจ้านายจมอยู่ในความคิดของตัวเองต่อไป จนเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังแว่วมาจากกระจกรถที่เลื่อนลงค้างไว้ เรียกให้คนที่จมอยู่ในความคิดเงยหน้าขึ้นมองตามเสียง ตาคู่คมของคิโยชิเบิกกว้าง จ้องนิ่งที่ภาพตรงหน้า



ร่างป้อมของเด็กชายหญิงฝาแฝดที่หัวเราะคิกคักอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มที่หัวเราะเสียงดังเมื่อมือเล็ก ๆ ของฝาแฝดชายดึงใบหูเขาเล่นบิดไปมา ใบหน้าเล็ก ๆ ที่เห็นยิ่งตอกย้ำว่าสองแฝดเป็นเลือดเนื้อเชือไขของเขา และเมื่อทั้งสามก้าวพ้นจากประตู คิโยชิก็แทบหยุดหายใจเมื่อเห็นใบหน้าหวานของผู้หญิงที่เข้าเฝ้าตามหามาตลอดสี่ปี...แพรพรรณรายณ์



คิโยชิแทบจะโผลงจากรถเพื่อเข้าไปหาผู้หญิงที่เขารักยิ่งกว่าชีวิต ถ้าไม่ติดว่าคุโดจับไหล่เขาปรามไว้ก่อน เขาอยากจะสลัดแขนของคนสนิทออก แต่ก็ได้คิดว่าถ้าเขาเข้าไปหาแพรพรรณรายณ์ตอนนี้มันคงจะไม่เกิดผลดีอะไร คิดได้ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่นั่งมองอยู่ในรถ มองภาพความสนิทสนมของลูกเมียตัวเองที่มีให้ผู้ชายคนอื่น



ที่ตรงนั้นมันคงจะเป็นที่ของเขา ถ้าหากวันนั้นเขาไม่โง่เง่า จนต้องสูญเสียเมียกับลูกไปอย่างนี้



ต่อจากนี้เขาจะทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้ลูกเมียกลับมา !!





“จริงสิพี่ลืมไปเลย พรุ่งนี้พี่ต้องเข้ากรุงเทพแต่เช้าคงไม่ได้มารับลูกไปส่งที่โรงเรียนนะตัวเล็ก แต่พี่บอกเขมไว้แล้วว่าให้มารับแพรกับลูกพรุ่งนี้” เตชินทร์บอกเมื่อนึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้มีธุระเรื่องงานต้องเข้าไปติดต่อที่กรุงเทพ



“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่เต้ แพรขับรถไปส่งลูกเองก็ได้ไม่ต้องรบกวนเขมหรอก เพราะพรุ่งนี้แพรต้องเข้าไปที่โรงเรียนสอนภาษาอยู่แล้ว พอดีนักเรียนขอเปลี่ยนเวลามาเรียนตอนเช้าน่ะค่ะ” แพรพรรณรายณ์หมายถึงโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นที่เธอไปเป็นครูสอนนักเรียนมัธยมที่มาลงเรียนพิเศษตั้งแต่ตอนที่มาอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ



“เอางั้นเหรอ งั้นก็ได้เดี๋ยวพี่จะบอกเขมว่าไม่ต้องมาแล้ว เอาเป็นว่าเจอกันพรุ่งนี้เย็น ๆ นะครับพีทพราว ฝันดีนะครับตัวเล็ก” สั่งเสียสองแฝดในอ้อมแขนเสร็จก็บอกลา จากนั้นก็วางร่างป้อมลง



“ฝันดีค่ะ พรุ่งนี้เดินทางปลอดภัยนะคะ”



““บ๊ายบายคร๊าบพ่อเต้ / บ๊ายบายค๊าพ่อเต้” มือเล็กป้อมของสองแฝดยกขึ้นโบกประกอบคำพูด จนคนเห็นอดที่จะก้มลงหมอแก้มยุ้ยคนละฟอดไม่ได้



“เอาล่ะ พ่อไปจริง ๆ แล้วนะครับ บ๊ายบายครับ” ขืนอยู่ต่อคงได้ขอนอนที่นี่อย่างที่ทำมาหลายครั้งแน่ ๆ



เมื่อยืนส่งจนเตชินทร์ขับรถออกไปแล้ว ร่างบางจึงจูงแขนลูกน้อยทั้งสองกลับเข้าไปในบ้าน จัดการปิดประตูหน้าต่างก่อนจะพาสองแฝดที่พอไม่มีคนเล่นด้วยก็เริ่มออกอาการง่วงให้เห็นเข้าไปนอน



++++++++++



ขณะที่แพรพรรณรายณ์กำลังล้างจานหลังจากที่ส่งลูกน้องฝาแฝดเข้านอนแล้ว ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูหน้าบ้าน มือบางหยุดชะงักก่อนจะล้างฟองน้ำยาล้างจานและเช็ดมือให้แห้ง ก่อนจะเดินไปที่ประตูหน้าบ้าน ในตอนแรกคิดว่าเป็นเตชินทร์ที่คงจะลืมอะไรทิ้งไว้เลยกลับมาเอา แต่พอมองลอดตาแมวออกไปก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่คิดว่าไม่น่าจะมาอยู่ที่นี่ในเวลานี้



“คุณคุโด ทำไมมาตอนนี้ล่ะ...” เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็เปิดประตูออกไปพร้อมกับเอ่ยทัก แต่เสียงก็ต้องขาดหายไปแทนที่ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง มองอย่างไม่เชื่อสายตา เมื่อนอกจากคุโดแล้วยังมีร่างสูงของใครอีกคนยืนอยู่ข้าง ๆ กัน



คุณคิโยชิ...



และโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกดึงเข้าหาอ้อมกอดอบอุ่นคุ้นเคยที่เธอไม่เคยลืม คิโยชิกอดรัดร่างบางของผู้หญิงที่เขารักและตามหามาตลอดเวลาสี่ปีอย่างแนบแน่น เพื่อให้ตัวเองแน่ใจว่าเธอจะไม่หนีหายไปเหมือนเป็นภาพลวงตาหรือความฝันอย่างที่เขาฝันหาเกือบทุกคืนและก็จบลงด้วยการสะดุ้งตื่นทุกครั้ง



“แพร...” เขาอยากจะพูดอะไรมากกว่านี้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันอื้ออึงไปหมด เขาทำได้แต่เพียงเรียกชื่อของผู้หญิงที่รักและกอดรัดเธอไว้แนบอกเท่านั้น



“ปะ ปล่อยฉันนะ !! “ เมื่อได้สติแพรพรรณรายณ์ก็ดิ้นรนให้หลุดพ้นจากอ้อมกอดของเขาหลังจากที่ยืนนิ่งอยู่ให้เขากอดอยู่นาน “นี่คุณ !! ฉันบอกให้ปล่อยไง”



“ไม่...ผมจะไม่ปล่อยคุณให้หนีไปไหนอีกแล้ว...ไม่อีกแล้วแพร” ยิ่งได้ยินคำพูดที่ฟังดูเหินห่างกับแรงดิ้นหนีคิโยชิก็ยิ่งรัดอ้อมกอดให้แน่นเข้าไปอีก จนคุโดที่ยืนอยู่ในเหตุการณ์กลัวว่ากระดูกของแพรพรรณายร์จะหักเสียก่อนจึงได้พูดขึ้น



“คุณคิโยชิครับ ปล่อยคุณแพรก่อนเถอะ คุณแพรเธอเจ็บนะครับ” เฮ้อ รู้อย่างนี้ให้เมียเขามาด้วยก็ดีหรอกเผื่อวาดจันทร์จะจัดการได้ดีกว่านี้



เมื่อได้ยินที่คนสนิทบอก คิโยชิก็ยอมคลายอ้อมกอดแต่ก็ไม่ปล่อย ยังคงโอบกอดไว้หลวม ๆ ก้มลงมองใบหน้าหวานที่เงยหน้ามองเขาดู คนทั้งคูมองสบตากันอยู่อย่างนั้น จนบุคคลที่สามรู้สึกอึดอัด



“เอ่อ เดี๋ยวผมไปรอที่รถนะครับ” คุโดบอกอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี จะเข้าไปนั่งรอในบ้านก็ไม่เหมาะ เดี๋ยวจะขัดขวางการปรับความเข้าใจกันของเจ้านายตัวเอง



“คุณแพรครับ ให้โอกาสเจ้านายผมสักครั้งเถอะนะครับ ให้คุณคิโยชิได้พูดได้บอกในสิ่งที่เขาอยากจะพูดกับคุณแพรมาตลอด จากนั้นคุณแพรค่อยตัดสินใจว่าจะทำยังไงกับเขา นะครับถือว่าผมขอร้อง ดูจากสภาพของคุณคิโยชิคุณแพรก็น่าจะพอเดาได้ว่าเจ้านายผมทรุดโทรมลงไปมากแค่ไหนตั้งแต่ที่คุณแพรหนีมา” คุโดทำในสิ่งที่ลูกน้องอย่างเขาควรจะทำเสร็จแล้วก็หันหลังเดินกลับไปที่รถ เพื่อต่อสายบอกเล่าเรื่องราวให้เมียรักฟังอีกทอดหนึ่ง





“ กรุณาปล่อยฉันค่ะ ”



เมื่อลับร่างคุโด แสียงเรียบไร้ความรู้สึกพอ ๆ กับใบหน้าหวานที่ไม่หลงเหลืออาการตกใจ ตื่นตะลึงและ...ห่วงหา อย่างในตอนแรกอีกต่อไป สองมือก็เริ่มดันหน้าอกเขา



“แพร...” คิโยชิครางเสียงโหยกับท่าทีและน้ำเสียงของคนในอ้อมกอด “ผมรู้ว่าผมผิด ผมมันเลว แต่ขอร้องให้โอกาสผมสักครั้งได้ไหม คุณจะทำร้ายทุบตีด่าทอผมมากแค่ไหนก็ได้ แต่ขออย่างเดียว...กลับมาอยู่กับผมเถอะ ให้โอกาสผมได้แก้ตัวอีกครั้ง”



“เรามีอะไรต้องพูดกันอีกคะ เราไม่มีอะไรเกี่ยวของกันอีกแล้ว จะให้ฉันกลับไปอยู่กับคุณอีกทำไม เงินคุณฉันก็คืนให้ไปหมดแล้วนี่คะ เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันไม่ใช่นางบำเรอของคุณหรือทาสที่คุณจะมาออกคำสั่งได้” เผลอหลุดความรู้สึกที่กัดกินหัวใจตัวเองออกมาออกไป



“มันไม่ใช่อย่างนั้นแพร ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดจาทำร้ายจิตใจคุณอย่างนั้น ตอนนั้นผมพูดผมทำทุกอย่างไปเพราะความโกรธความโมโหที่คิดว่าคุณ...”



“คิดว่าฉันพาพี่วัฒน์มานอนเตียงของคุณ” แพรพรรณรายณ์พูดต่อให้ “แล้วตอนนี้ไม่คิดแบบนั้นแล้วหรือคะ จะยังไงก็เถอะเรื่องมันผ่านมานานหลายปีแล้วฉันไม่คิดจะจดจำมันอีกต่อไป ตอนนี้ฉันมีชีวิตใหม่มีครอบครัวของตัวเองแล้ว และคงจะไม่ดีแน่ถ้าคุณยังมากอดฉันอยู่อย่างนี้ ”



“ผมจะไม่ปล่อยจนกว่าเราจะคุยกันเข้าใจนะแพร” อ้อมแขนเริ่มรัดแน่นอีกครั้ง พร้อมกับน้ำเสียงที่เข้มขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดว่าเธอมีครอบครัวใหม่ไม่ต้องการเขาอีกต่อไป



“คุณต้องการอะไรกันแน่คะคุณคิโยชิ !! คุณจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน” เขายังจะต้องการอะไรจากเธออีก แค่ที่ผ่านมามันยังไม่สาแก่ใจเขาอีกหรือ



“ต้องการคุณ” คิโยชิตอบกลับมาทันควันอย่างไม่ต้องคิด “...ผมต้องการคุณกับลูกของเรา”



“...ไม่มีลูกของเรา...พีทกับพราวเป็นลูกของฉันกับพี่เต้...สามีของฉัน”



“อย่ามาโกหกผมแพรพรรณรายณ์” ถึงจะรู้ว่าเธอโกหกแต่พอได้ยินแบบนี้เขาก็แทบทนไม่ได้เหมือนกัน “คุณเป็นเมียผม และพีทกับพราวก็เป็นลูกของผม” เขาย้ำเสียงหนักแน่น



“แพร เราคุยกันดี ๆ ก่อนได้ไหม สี่ปีที่ผ่านมามันนานเกินไปแล้วกับการทรมานจิตใจ คุณเองจะปฏิเสธหรือว่าตลอดเวลาที่ไม่ได้เจอกันคุณไม่คิดถึงผม ลืมผมไปจากใจจนหมดแล้ว...ส่วนผม ผมกินไม่เคยจะอิ่มนอนไม่เคยจะหลับสักครั้งนับตั้งแต่ที่คุณจากมา ผมคิดถึงคุณ อยากเจอคุณ เฝ้าตามหาคุณมาตลอดแต่ก็ไม่เคยเจอ...” นี่ถ้าคุโดไม่นึกเห็นใจเขา ป่านนี้เขาก็คงไม่มีทางจะรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน และไม่รู้ว่า...ตัวเองมีลูกฝาแฝดชายหญิงที่น่ารักน่าชังขนาดไหน



“ทำไม...เพราะอะไรคะ เพราะอะไรคุณถึงเป็นอย่างนั้น เพราะอะไรคุณถึงต้องตามหาฉัน ทั้ง ๆ ที่คุณบอกเองว่าฉันไม่มีความสำคัญกับคุณอีกต่อไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่คุณเองเป็นคนทำให้ฉันต้องจากมา” เสียงขื่นขมอย่างไม่คิดจะปิดบัง



เธอไม่มีทางแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง ไม่รู้สึกอะไรได้เลยเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้



“ขอให้เรื่องของเรามันจบอย่างที่มันเป็นอยู่อย่างนี้เถอะค่ะ อย่ารื้อฟื้นมันอีกเลย ถ้าคุณยังพอเห็นใจฉันอยู่บ้างก็อย่ามาวุ่นวายกับฉันและลูกอีกเลย”



“ผมทำให้คุณได้ทุกอย่างแพร ยกเว้นเรื่องนี้ ผมไม่มีทางปล่อยคุณกับลูกไปไหนอีกแล้ว...เพราะผมรักคุณ”



ถ้อยคำหนักแน่นที่บอกความรู้สึกของตัวเองไป ทำให้คนฟังเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา คำ ๆ นี้ที่เธออยากจะได้ยินมาตลอด แต่มันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อตอนนี้หัวใจเธอเจ็บช้ำจนด้านชาไปแล้ว แพรพรรณรายณ์หลุบตาลง สูดลมหายใจเข้าอย่างให้กำลังใจตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบสายตาคู่คมด้วยแววตาว่างเปล่า



“ คุณกลับไปเสียเถอะค่ะ ตอนนี้สำหรับฉันแล้ว...คุณไม่มีความสำคัญอีกต่อไป ”



ร่างบางที่ถือโอกาสตอนที่เจ้าของอ้อมกอดตื่นตะลึงจนเผลอคลายอ้อมกอด สะบัดตัวออกจากอ้อมแขนหันหลังเดินกลับเข้าบ้าน ปิดประตูลงกลอนทันที ปล่อยให้ร่างสูงยืนนิ่งเหมือนถูกสาปอยู่อย่างนั้น



คำพูดของเธอ...ประโยคเดียวกันกับที่เขาเคยใช้พูดกับเธอในวันนั้น...มาวันนี้มันกลับย้อนมาสู่ตัวเขา



วันนี้เขารู้แล้วว่า...เธอเจ็บปวดแค่ไหนกับคำพูดและท่าทีเฉยชาของเขา



++++++++++



...คุณไม่มีความสำคัญกับฉันอีกต่อไปแล้ว...



คำพูดซ้ำ ๆ ที่ยังคงก้องอยู่ในหัววนเวียนไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน จนตอนนี้เขาถูกคนสนิทลากกลับมาพักที่โรงแรมไม่ไกลจากบ้านพักของแพรพรรณรายณ์



“คืนนี้พักก่อนเถอะครับ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที ตอนนี้คุณแพรเธอคงยังตกใจสับสนอยู่ คงต้องให้เวลาเธอสักพัก” คุโดบอกกับร่างสูงที่มีท่าทางเหมือนหุ่นยนต์ตั้งแต่ที่ถูกเขาลากออกมาจากหน้าบ้านของแพรพรรณรายณ์ ก่อนจะถอนหายใจออกมาหนัก ๆ อย่างไม่รู้จะสงสารใครดี



มันไม่แปลกที่แพรพรรณรายณ์จะปฏิเสธและมีท่าทีเฉยชาให้กับเจ้านายเขา และก็ไม่แปลกที่เธอจะพูดว่าไม่ต้องการเจ้านายเขาอีกแล้ว เป็นเขาเองก็คงจะมีปฏิกิริยาแบบนั้นเหมือนกัน



ก็นะทำกับเขาไว้เยอะ ปุ๊บปั๊บจะให้เขาใจอ่อนง่าย ๆ ได้ยังไง



“คุณคิโยชิครับ” คุโดเรียกอีกทีเมื่อเห็นว่าเจ้านายของเขายังยืนนิ่งไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ “อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลย ขยันง้อหน่อยเดี๋ยวคุณแพรเธอก็ใจอ่อนยอมยกโทษให้เองยั่นแหละครับ ยังไงเธอคงไม่ใจร้ายกับพ่อของลูกมากนักหรอก พรุ่งนี้เราลองเข้าทางสองแฝดดีกว่า น้องพีทกับน้องพราวเป็นเด็กฉลาดถ้ารู้ว่าคุณคิโยชิเป็นพ่อล่ะก้อต้องยินดีทำตัวเป็นกามเทพน้อยแน่ ๆ “ ทีนี้ได้ผลเจ้านายเขามีปฏิกิริยาตอบกลับ



“แต่ลูกฉันคิดว่าไอ้หมอนั่นเป็นพ่อแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วฉันจะมีหวังอะไรอีก”



“ก็เดี๋ยวเราค่อย ๆ อธิบายให้พวกแกฟัง เชื่อเถอะครับสายใยระหว่างพ่อลูกจะทำให้เด็ก ๆ เข้าใจและยอมรับคุณคิโยชิเอง ยังไงเสียพ่อลูกก็เป็นพ่อลูกกันวันยังค่ำนั่นแหละครับ” ใช่ เขาเชื่อว่าสายใยความเป็นพ่อลูกมันเชื่อมโยงถึงกันได้ แม้ว่าจะไม่เคยพบเจอกันเลยก็ตาม



“นั่นสินะ น้องพีทกับน้องพราวเป็นลูกของฉัน” และจะไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงความจริงข้อนี้ได้ ลูกของเขายังไงก็ต้องเป็นลูกของเขา เหมือนกับความจริงที่ว่าแพรพรรณรายณ์ป็นเมียเขา !!



“ขอบใจมากนะคุโด ขอบคุณสำหรับทุก ๆ เรื่อง วันนี้ไปพักเถอะ แล้วพรุ่งนี้เราจะไปหาลูกของฉันกัน”ความหวังที่เกือบลิบหรี่ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง



ในเมื่อตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องพาเมียกับลูกกลับไปอยู่ด้วยกันให้ได้ เขาก็จะไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดใดอีก แม้ว่าแพรพรรณรายณ์จะปั้นปึงเย็นชากับเขาแค่ไหนเขาก็จะอดทน เพื่อพิสูจน์ตัวเองให้เธอเห็นว่าเขารักและต้องการเธอกับลูกจริง ๆ เพราะเธอเองก็อดทนและเจ็บปวดกับการกระทำของเขามามากแล้ว



++++++++++



เมื่อแสงอาทิตย์ของวันใหม่สาดส่อง เสียงเจี๊ยวจ๊าวภายในบ้านพักริมทะเลหลังกระทัดรัดก็ดังขึ้น มีทั้งเสียงหัวเราะคิดคักและเสียงพูดถามนั่นถามนี่สองเสียงเล็ก ๆ ที่ดังสลับกัน จนคนที่มายืนเฝ้าอยู่หน้าประตูตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่พ้นขอบฟ้าอยากจะเข้าไปร่วมสนทนาด้วยใจแทบขาด



คิโยชิหลับตาลงซึมซับน้ำเสียงเล็ก ๆ ของลูกน้อยทั้งสองและเสียงหวานใสของแม่ของลูก เขาจินตนาการว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ในวงสนทนา มุมปากบางเฉียบคล้ายผู้หญิงแย้มยิ้มขึ้น แต่เมื่อลืมตาขึ้นความเป็นจริงก็ทำให้ใบหน้าคมสลดวูบ



เขายืนรออยู่หน้าประตูปล่อยให้คุโดนั่งรออยู่ในรถที่จอดอยู่ไม่ไกล รออยู่อย่างนั่นจนกกระทั่งเสียงหยอกล้อคุยกันภายในบ้านเงียบลง สักพักบานประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างอ้วนป้อมของเด็กชายตัวน้อยที่วิ่งนำออกมาจนทำให้ชนปะทะเข้ากับร่างสูงที่ยืนอยู่



ใบหน้าเล็ก ๆ เลยหน้าขึ้นมอง ‘ สิ่งกีดขวาง ’ การจราจรของตนเอง ก่อนที่จะทำตาโต ปากเล็ก ๆ สีเลือดฝาดห่อเข้าหากันอย่างคนที่กำลังตกใจ แปลกใจ เช่นเดียวกันกับเด็กหญิงคู่แฝดที่จูงมือมารดาเดินตามออกมาติด ๆ ก็ทำท่าทางไม่ต่างกัน



มีเพียงคนเป็นแม่เท่านั้นที่ใจสั่นมือสั่น เมื่อเห็นร่างสูงของคนที่ทำให้เธอนอนไม่หลับทั้งคืนอีกครั้ง แพรพรรณรายณ์มองสบตาคู่คมที่มองจ้องตาเธอมาก่อนอยู่แล้วขณะที่เขานั่งลงประคองลูกชายเธอ



“แม่คร๊าบ ทำไมคุณลุงคนนี้หน้าเหมือนพีทเลย” เด็กชายพีรภัทรหันไปถามมารดาที่ยื่นนิ่งมองหน้า ‘ คนแปลกหน้า ’ ไม่วางตา



“เหมือนน้องพราวด้วยค่ะแม่ขา” เด็กหญิงพราวนารีก็ไม่น้อยหน้า ถามพลางเขย่าแขนมารดาไปด้วย ทำให้แพรพรรณรายณ์ได้สติ แต่ก็ดูเหมือนจะช้ากว่าอีกคนที่ยื่นมือไปวางบนศรีษะเล็ก ๆ ของคู่แฝดตรงหน้าแล้วเอ่ยตอบคำถามออกไป



“ไม่ใช่คุณลุงครับ พ่อเป็นคุณพ่อของน้องพีทน้องพราวครับ” เสียงทุ้มอ่อนโยนเอ่ยบอกกับลูกน้อยทั้งสอง



“คุณพ่อ ? จริงเหรอครับแม่แพร แต่พีทกับน้องพราวมีพ่อเต้เป็นพ่อแล้วนี่นา” ถามมารดาพลางทำหน้างงว่าไฉน ‘ คนหน้าเหมือน ’ ตนเองกับน้องสาวถึงได้บอกว่าเป็นพ่อ ก็เขากับน้องมีพ่อเต้แล้วนี่นา



“พ่อเป็นพ่อแท้ ๆ ของน้องพีทน้องพราว เป็นคนที่แม่แพรรักยังไงครับลูก ส่วนพ่อเต้จริง ๆ แล้วเป็นคุณลุงครับ” ทึกทักว่าตัวเองยังเป็นที่รักของแม่ของลูก แล้วจัดการสร้างความห่างให้ผู้ชายอีกคนทันที



“นี่คุณ !! “ แพรพรรณรายณ์ที่ยืนเงียบอยู่นานเพราะไม่รู้จะตอบคำถามของลูกทั้งสองยังไงดีแหวขึ้นเสียงดังกับคำพูดที่ได้ยิน



ช่างมั่นใจในตัวเองไม่เปลี่ยนเลยนะ เขาคิดว่าเธอยังเป็นคนเดิมหรือยังไง



“น้องพีทน้องพราวไปโรงเรียนกันได้แล้วลูก สายมากแล้วนะคะ” เอื้อมมือหมายจะดึงมือลูกชายคนโตให้ออกห่างจากร่างสูง แต่ก็ช้ากว่าอ้อมแขนของคนเป็นพ่อที่รั้งร่างอ้วนป้อมของลูกชายเข้าสู่อ้อมแขนเสียก่อน แล้วยังหันไปพูดกับลูกสาวตัวน้อยพร้อมกับอ้าแขนอีกข้าง



“น้องพราวมาหาพ่อหน่อยสิครับลูก ขอพ่อกอดหน่อยนะครับ” เด็กหญิงพราวนารีละล้าละลังในตอนแรก แต่พอเห็นพี่ชายซุกใบหน้าลงกับอกอบอุ่นแล้วก็ถลาเข้าไปหาทันที



“ลูกพ่อ...ลูกของพ่อ” เสียงสั่นพร่าเอ่ยย้ำกับตัวเองพลางกอดกระชับร่างน้อยของลูกทั้งสองแนบอก “...พ่อขอโทษนะลูก ขอโทษที่ไม่ได้อยู่ดูแลลูกกับแม่ ยกโทษให้พ่อนะครับ...แพร...ยกโทษให้ผม ให้โอกาสผมสักครั้งได้ไหม” ใบหน้าคมเลยหน้าขึ้นมองผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจพลางเอ่ยอ้อนวอนขอโอกาส



น้ำเสียงและท่าทางรู้สึกผิดของคิโยชิทำให้แพรพรรณรายณ์หันหน้าหนีเพราะกลัวตัวเองจะอ่อนแอ และใจอ่อนในที่สุด...จำไว้สิแพรพรรณรายณ์ว่าผู้ชายคนนี้ทำให้เธอเจ็บปวดแค่ไหน ที่เขาทำอยู่ตอนนี้ก็แค่เพราะรู้ว่าตัวเองมีลูกก็เท่านั้น ถ้าไม่มีลูกเขาก็คงไม่มาที่นี่



“พีทไม่โกรธคุณพ่อนะคร๊าบ อย่าทำหน้าเศร้าสิคร๊าบ ไม่หล่อเลย” มือเล็ก ๆ ลูบใบหน้าที่เหมือนกับตนเองไปมาพลางเอ่ยปลอบ



“น้องพราวก็ไม่โกรค่ะธ ดีใจด้วยที่มีคุณพ่ออีกหนึ่งคน” ปลอบโดยการยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บแก้มสากของคุณพ่อคนใหม่เบา ๆ ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้



“คุณพ่อเราสองคนหล่อหมือนพี่พีทเลยเนอะน้องพราว เดี๋ยวเราพาคุณพ่อไปอวดเพื่อน ๆ กับคุณครูที่โรงเรียนดีกว่าเนอะ” แฝดพี่หันหน้าเขาหาแฝดผู้น้องพลางถามความเห็น ไม่สนใจใบหน้าของมารดาที่มองมา



“ช่าย ๆ เพื่อน ๆ ต้องอิจฉาเราแน่ ๆ เลย พ่อเต้ก็หล่อ คุณพ่อ...คุณพ่อชื่ออะไรคะ” เมื่อนึกได้ว่ายังไม่รู้จักชื่อคุณพ่อคนใหม่ก็หันไปถาม



“พ่อชื่อคิโยชิครับ แต่ว่าน้องพีทกับน้องพราวเรียกปะป๋าดีกว่า พ่อไม่อยากให้เรียกเหมือนใคร แล้วเวลาใครถามก็บอกว่าปะป๋าเป็นพ่อแท้ ๆ นะครับส่วนพ่อเต้เป็นลุงเป็นพี่ชายของคุณแม่ เข้าใจไหมครับ” เมื่อได้ยินลูก ๆ เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับผู้ชายคนอื่นก็นึกไม่ชอบใจ เลยกะเกณฑ์ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง



“ปาป้า ๆ “ สองเสียงเล็ก ๆ ประสานขึ้นพร้อมกัน คิโยชิหัวเราะน้อย ๆ ในรอบหลายปีกับความน่ารักน่าเอ็นดูของลูกน้อยทั้งสองที่เรียกคำแทนเขาไม่ชัด



“โอเคครับ ปาป้าก็ปาป้า งั้นเปลี่ยนเรียกแม่แพรว่ามะม๊าด้วยดีไหมครับ”



“มาม๊า ๆ “



“คุณคิโยชิคะ หยุดสอนเรื่องไม่เป็นเรื่องให้ลูกฉันเสียที น้องพีทน้องพราวมาหาแม่ลูก อยากให้แม่โกรธเหรอคะ” เมื่อเห็นลูกทั้งสองทำท่าจะติดคนที่เธอไม่อยากจะเกี่ยวข้องด้วยอีกก็เริ่มจะน้อยใจ จึงใช้ไม้เด็ดที่ใช้ได้ผลเสมอยามสองแฝดดื้อไม่เชื่อฟัง



แต่ครั้งนี้แค่เกือบจะได้ผล เพราะพอสองแฝดทำท่าจะผละจากอ้อมแขนคนเป็นพ่อเพื่อไปหาแม่เพราะกลัวคุณแม่โกรธ เสียงของคนเป็นพ่อก็ดุคุณแม่ขึ้นเสียก่อน



“เรื่องไม่เป็นเรื่องที่ไหนกันแพร นี่มันเรื่องจริงนะ คุณก็เหลือเกินให้ลูกเข้าใจผิดเรียกคนอื่นว่าพ่อมาตั้งนาน” ถึงจะแสร้งทำเสียงเข้มแต่ใบหน้าคมกลับยิ้มแย้ม แล้วยิ่งเห็นใบหน้าหวานหรอหราเหมือนกำลังงงกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป กำลังใจก็มาเป็นกอง ก่อนจะก้มลงพูดกับสองแฝดในอ้อมแขน “...มาม๊าไม่ได้โกรธน้องพีทน้องพราวหรอกครับ แค่กำลังงอนปาป้าเท่านั้นเอง”



“นะ นี่คุณว่าฉันเหรอ” แพรพรรณรายณ์อยากจะต่อว่ามากกว่านี้ แต่พอสบกับตาคู่คมที่ยังคงมีอิทธิพลกับเธอไม่เคยเปลี่ยนก็ทำให้ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจคิด



“เปล่าครับ ผมจะว่าแม่ของลูก คนที่ผมรักได้ยังไง” คำพูดหวาน ๆ สรรหามาพูดต่อไปเรื่อย ๆ เมื่อเห็นว่าวิธีนี้น่าจะได้ผล เพราะใบหน้าหวานของแพรพรรณรายณ์แดงระเรื่อขึ้นมาทันที เพียงแค่นี้ก็เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับเขามากแล้ว



“พาลูกไปโรงเรียนกันเถอะครับ เดี๋ยวจะสายไปมากกว่านี้ ไปครับน้องพีทน้องพราว นู้นเห็นมั๊ยคุณลุงคุโดก็มานะ” อุ้มลูกน้อยคนละข้างก่อนจะส่งแฝดคนพี่ให้คนสนิทที่เดินเข้ามาหา หลังจากที่เฝ้ามองและรอจังหวะจนเห็นว่าเจ้านายต้องการความช่วยเหลือ



“ซาหวัดดีคร๊าบคุณลุง / ซาหวัดดีค๊าคุณลุง” สองแฝดประสานเสียงกันทักทายคุณลุงใจดีที่คุ้นเคยกันพร้อมกับยกมือน้อย ๆ ขึ้นไหว้



“สวัสดีครับ ไปครับเดี๋ยวลุงไปส่งที่โรงเรียนนะครับ” คุโดทักทายกลับด้วยรอยยิ้มใจดี จากนั้นจึงหันไปพูดกับเจ้านายและแพรพรรณรายณ์ “เดี๋ยวผมไปส่งเด็ก ๆ ที่โรงเรียนเองครับ แล้วจะเลยกลับกรุงเทพเลยพอดีคุณวาดโทรมาบอกว่ามีงานด่วน...คุณแพรครับยังไงผมฝากคุณคิโยชิด้วยนะครับ อีกวันสองวันผมจะพาคุณวาดมาเที่ยว” พลางยื่นมืออีกข้างไปอุ้มสาวน้อยพราวนารี



“ไม่ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวแพรไปส่งลูกเอง แล้วคุณคุโดก็พาเขากลับไปด้วยเลย แพรไม่มีอะไรจะคุยกับเขาแล้ว” แพรพรรณรายณ์ปฏิเสธเด็ดขาด ไม่สนใจดวงตาสีดำสนิทที่หม่นเศร้าลงทันทีที่เธอพูดจบ



“มาม๊าอย่างอนปาป้าสิคร๊าบ ดูสิปาป้าทำหน้าน่าสงสารมากเลย” เด็กชายพีรภัทรทำหน้าที่เป็นเทพอุ้มสมทันทีอย่างไม่ต้องให้บอก โดยมีแฝดผู้น้องเด็กหญิงพราวนารีเสริมทัพ



“ช่ายค๊า น้องพราวกับพี่พีทไปโรงเรียนกับคุณลุงก็ได้ค่ะ วันหลังเราค่อยพาปาป้าไปอวดเพื่อน ๆ กับคุณครูเนอะพี่พีท”



“ช่ายคร๊าบ ตอนนี้ให้ปาป้าอยู่กับมาม๊าก่อน บ๊ายบายนะคร๊าบ รักกัน ๆ นะคร๊าบปาป้ามาม๊า” คู่แฝดจอมซนยกมือขึ้นโบกบ๊ายบายปาป้ามาม๊า จากนั้นคุโดก็พาทั้งสองเดินไปที่รถที่จอดอยู่ไม่ไกล



“บ๊ายบายครับ ตั้งใจเรียนนะครับน้องพีทน้องพราว เดี๋ยวตอนเย็นปาป้ากับมาม๊าจะไปรับนะครับ” คิโยชิยกมือโบกตอบลูกน้อย อีกมือหนึ่งก็รัดเอวบางของแพรพรรณรายณ์ไว้ไม่ให้ถลาเข้าไปหาลูกทั้งสอง





เมื่อรถคันหรูขับออกไปพ้นสายตา ใบหน้าคมก็ก้มลงมองร่างบางในอ้อมแขนที่เริ่มดิ้นดันตัวเองออกจากการกอดรัดของเขา คิโยชิจึงเปลี่ยนจากแค่ใช้มือเดียวโอบเอวเป็นสองมือโอบกอดรัดร่างบางแนบอก กระซิบวอนเสียงนุ่มข้างใบหู



“อย่าผลักไสผมอีกเลยแพร...ได้โปรด...สี่ปีมันนานเหลือเกินแล้วที่รัก อย่าทรมานผมอีกเลย คุณจะลงโทษผมยังไงก็ได้แต่ขอร้องอย่าผลักไสอย่าไล่ให้ผมออกไปจากชีวิตคุณและลูกอีกเลย” ริมฝีปากเลื่อนเข้ามาจุมพิตข้างแก้มนวลเบา ๆ และเมื่อสัมผัสกับหยาดน้ำตาก็จูบซับน้ำตาจนทั่วใบหน้าหวาน



แพรพรรณรายณ์ห้ามน้ำตาเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป ทั้ง ๆ ที่บอกตัวเองย้ำกับตัวเองว่าเขาทำให้เธอเจ็บช้ำแค่ไหน แต่เพียงแค่ได้ยินคำรักแสนหวานและน้ำเสียงปวดร้าวเสียใจ หัวใจเธอก็อ่อนยวบ ในเมื่อห้ามใจไม่ให้อ่อนแอไม่ได้ก็ปล่อยให้น้ำตาไหลอยู่ในอ้อมกอดของเขาอยู่อย่างนั้น



“คุณจะกลับเข้ามาในชีวิตแพรอีกทำไม...จะกลับมาทำไมในวันที่แพรกำลังจะเข้มแข็ง...ในวันที่แพรกำลังเริ่มจะมีความสุข” ตั้งแต่มีชีวิตเล็ก ๆ สองชีวิตเป็นตัวแทนจากเขา เธอก็เริ่มทุ่มเทความรักทั้งหมดให้ลูก จนเริ่มที่จะมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอีกครั้งหลังจากที่มันหายไปพร้อมกับความรักที่ถูกเขาทำลาย แต่ในวันนี้เขากลับมาอีกครั้ง และหัวใจที่พยายามจะกักเก็บบาดแผลความเจ็บปวดไว้ก็อ่อนแออีกครั้ง



“ผมกลับมาเพราะผมรักคุณ...” น้ำตาของเขาไหลอย่างไม่อาย มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความอ่อนแอแต่มันเป็นน้ำตาแห่งความเสียใจ...เสียใจที่เห็นคนที่ทำให้ตัวเองรักเจ็บปวด



“คุณ...” มือบางยกขึ้นกุมใบหน้าคมไว้มองเขาผ่านม่านน้ำตา รับรู้ถึงหยาดน้ำตาร้อน ๆ ของเขาผ่านฝ่ามือของตัวเองเหมือนกัน



คิโยชิทาบฝ่ามือของตนกับมือบางที่กุมใบหน้าเขาอยู่ สบสายตาของตัวเองกับตาคู่หวานสีน้ำตาลอ่อนที่เขาหลงไหล



“กลับมาอยู่กับผม กลับมาเป็นหัวใจให้ผมได้มีชีวิตอยู่ต่อไปนะแพร...”



+++++++++++



17/8/2011


น้องแพรคงไม่ใจร้ายมากมายหรอกคะ แค่อารมณ์เสียใจน้อยใจนิด ๆ (มั้งคะ) ^__^





ลัลลดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ส.ค. 2554, 20:22:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ส.ค. 2554, 20:24:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 2919





<< ตอนที่ 18...ความทรมาน...   ตอนที่ 20...พิสูจรัก >>
ปูสีน้ำเงิน 18 ส.ค. 2554, 20:59:14 น.
ชักจะสงสารคิโยชิซะแล้วสิเนี่ย


Pat 18 ส.ค. 2554, 21:40:56 น.
^^ เดี๋ยวก็ใจอ่อน(ก็ยังรักเค้าอยู่นี่เนอะ) ชักสงสารพ่อเต้แฮะ


pretty 19 ส.ค. 2554, 10:51:11 น.
เย้ๆๆ ได้อ่านแล้ว รออ่านตอนต่อไปนะคะ


anOO 19 ส.ค. 2554, 11:59:26 น.
ตอนหน้าคงปรับความเข้าใจกันได้แล้วล่ะ
จะเหลือก็แต่พ่อเต้จะเป็นไงต่อ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account