บ่วงรักทาสเสน่หา *สนพ.แสนรัก*
เขาที่ช้ำรักเพราะถูกคนรักทิ้ง แต่เขาก็พร้อมเสมอที่จะเปิดใจรับรักใหม่
เธอคนที่ปิดประตูลงกลอนหัวใจเอาไว้อย่างแน่นหนา เพราะได้เห็นและเรียนรู้จากชีวิตคู่ของคนในครอบครัวว่าผู้ชายทุกคนเจ้าชู้ ดีแต่ทรยศหักหลังผู้หญิงที่รักตนสุดหัวใจ
ดังนั้นถึงแม้จะรักเขาสักปานใด เธอก็ยังไม่กล้าที่จะเปิดใจรับ และไม่กล้าพอที่เผชิญกับความเจ็บปวด ที่อาจจะพบในอนาคตข้างหน้า

Tags: พ่อม่าย, พี่เลี้ยง, เด็กแฝด

ตอน: ตอนที่ 2 : ความรับผิดชอบฉันไม่ต้องการ

ตอนที่ 2

ความรับผิดชอบฉันต้องการ

นิธิภัทรมองใบหน้าสวยคมของหญิงสาวที่นอนหลับสนิทอยู่ในวงแขนใหญ่ของเขามาตลอดทั้งคืน แล้วเผลอคลี่ยิ้มออกมาอย่างลืม เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผับเมื่อคืน ขณะที่เขานั่งดื่มเหล้าเพื่อให้มันลืมความเจ็บปวดของแผลใจ ขณะที่คิดว่าจะกลับ จู่ๆ ก็มีผู้หญิงนัยน์ตาคมเดินเข้ามาทัก เธอไม่ได้เขามาแบบถึงเนื้อถึงตัวอย่างที่ผู้หญิงคนอื่น แต่เธอเข้ามานั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้างๆ แล้วบอกว่า

‘เพื่อนๆ ฉัน เขาอยากให้ฉันมาทำความรู้จักกับคุณ เพราะเห็นว่าคุณหล่อดี ฉันก็เลยมา’

จากนั้นเธอก็สั่งค็อกเทล ซึ่งวิธีสั่งก็ฟังดูตลกมาก ขนาดคนเมาอย่างเขาฟังแล้วยังอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ

‘น้องเอาน้ำไอ้ที่สีฟ้าๆ สวยๆ รสหวานๆ เหมือนที่เพื่อนพี่สั่งไปให้น่ะ”

เวลาผ่านไปไม่นานบาร์เทนเดอร์หนุ่มก็นำน้ำสีฟ้าสวยมาเสิร์ฟตรงหน้า และเมื่อหญิงสาวได้มันมาก็ยกขึ้นดื่มแล้วหันมายิ้มให้เขาทั้งปากและตา เห็นอย่างนั้นแล้วเขาก็เลยอดยิ้มตอบและถามกลับไม่ได้

‘อร่อยไหม’

เธอไม่ตอบแต่พยักหน้าหงึกหงักแรงๆ อย่างคนกำลังเมาได้ที่ และรู้สึกว่าจะเมากกว่าเขาที่ดื่มเหล้าเสียอีก

หลังจากคุยกันได้สักพักเขารู้สึกว่าตัวเองเริ่มไม่ไหว จึงขอตัวกลับก่อน แต่จู่ๆ เธอก็โพล่งออกมาว่า ขอตามไปด้วย เขาอึ้งเล็กน้อย แต่ก็ไม่รู้ตอนนั้นคิดยังไง ถึงได้ตอบกลับไปว่า

‘ตามใจคุณสิ’

จากคำตอบนั้น ทำให้สุดท้ายเขาและเธอเลยได้มาลงเอยแบบนี้ นิธิภัทรคิดพลางถอนหายใจ รอยยิ้มที่แต้มริมฝีปากค่อยๆ เลือนหาย มีความกังวลใจเข้ามาแทนที่ มือหนายกขึ้นไล้แก้มนวลปลั่งเบาๆ เขาจะทำยังไงกับผู้หญิงคนนี้ดี ตลอดชีวิตเขายังไม่เคยนอนกับผู้หญิงบริสุทธิ์เลยสักครั้ง แม้แต่ภรรยาที่ล่วงลับไปแล้ว มาถึงมือเขาก็ยังไม่ใช่สาวบริสุทธิ์

และในขณะที่เขากำลังขบคิดถึงสิ่งที่ควรจะทำต่อจากนี้ไปอยู่นั้น ร่างที่นอนนิ่งหลับสนิทก็ค่อยๆ ขยับตัว หญิงสาวพยายามจะเปิดเปลือกตาขึ้น แต่ก็ต้องหลับตาแน่นขมวดคิ้วมุ่น เมื่ออาการปวดศีรษะพุ่งปรี๊ดขึ้นมา อีกทั้งยังรู้สึกระบมไปทั่วร่าง แต่นั่นไม่เท่ากับความตกใจ ที่ได้ยินเสียงนุ่มทุ้มกระซิบถามข้างๆ หู

“เป็นไงบ้าง”

เปลือกตาที่หลับแน่นเบิกโพลงขึ้นทันที ในขณะที่ปากก็อ้าค้างอย่างตกใจ เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาปรากฏอยู่ตรงหน้า จากนั้นไม่นานเธอก็ปล่อยเสียงกรี๊ดออกมาสุดแรงเกิด

“กรี๊ดดด! คุณเป็นใคร มะ...มาอยู่ที่ห้องฉันได้ยังไง”

หญิงสาวผุดลุกขึ้นนั่งและขยับหนี ขณะที่สายตามองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างหวาดกลัว สลับกับการกวาดมองไปรอบๆ คราวนี้คิ้วเรียวสวยก็ขมวดมุ่นอีกครั้ง เมื่อห้องนี้ไม่มีอะไรที่คุ้นตาเลย

“เฮ้ย! มันไม่ใช่ห้องฉันนี่นา แล้วที่นี่มันที่ไหนกัน”

“โรงแรม”

นิธิภัทรตอบเสียงนุ่ม

“ห๊า! โรงแรม!”

ประณาลีทวนคำเสียงสูง และเพิ่งสังเกตสภาพของชายหนุ่มตรงหน้าว่าเขาตัวล้นจ้อน จากนั้นจึงก้มลงมามองสภาพตัวเองที่มันไม่ต่างกับชายหนุ่มเลย แล้วกรีดร้องขึ้นมาอีกครั้ง พลางถอยกรูด อย่างไม่ดูหน้าดูหลัง

“กรี๊ดดด! คุณข่มขืนฉัน...”

ตุ๊บ!

เสียงร่างบางของประณาลีหล่นลงจากเตียงนอน สู่พื้นด้านล่าง พร้อมกับผ้าห่มที่เกี่ยวปลายเท้าติดลงไปด้วย

“เฮ้ย! เป็นไงบ้างคุณ”

นิธิภัทรอุทานออกมาอย่างตกใจ ก่อนจะกระโดดลงจากเตียงด้วยสภาพตัวเปล่าเปลือย แล้ววิ่งอ้อมไปอุ้มประคองร่างบางที่นอนโอดครวญ ขึ้นไปวางที่กลางเตียงกว้าง จากนั้นตัวเขาเองก็ผละไปหาผ้าเช็ดตัวมานุ่งกันอุจาดตา หากคนที่กำลังนั่งก้มหน้าน้ำตาซึมอยู่ เงยหน้าขึ้นมาเห็นเขายืนตัวล่อนจ้อน มีหวังกรี๊ดลั่นห้อง ดีไม่ดีจะมีการตกเตียงรอบสองเป็นแน่ ในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยปลอบคนบนเตียงเสียงนุ่ม

“คุณใจเย็นๆ ก่อนนะ อย่าขยับโดยไม่ดูล่ะ เดี๋ยวตกเตียงอีก ผมไม่ทำร้ายคุณหรอก”

“ไม่ทำร้าย! ที่คุณล่อลวงฉันมาข่มขืน คุณจะยังพูดว่าไม่ได้ทำร้ายฉันอีกอย่างนั้นเหรอ ฉันจะกลับบ้าน ฉัน...ฉันจะไปแจ้งความจับคุณเข้าตะราง...ผู้ชายเฮงซวย...ไม่มีดีสักคน”

ประณาลีต่อว่าเสียงกร้าว มองเขาอย่างโกรธแค้น และพอนึกขึ้นได้ว่าเธออยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้ว จึงตั้งท่าจะหนี โดยไม่ดูสภาพตัวเองเลยว่าทั้งตัวมีแค่ผ้าห่มผืนบางพันเอาไว้ลวกๆ แต่นิธิภัทรก็ตาไวจึงรีบเขามารั้งเธอเอาไว้ก่อน

“อย่าเพิ่งหนีสิคุณ คุยกันก่อน เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนผมขอโทษ ผมยอมรับผิด แต่เรื่องล่อลวง ผมไม่ได้ล่อลวงคุณมานะ คุณขอตามผมมาเองต่างหาก”

“ไม่จริง! ฉันไม่มีวันขอตามผู้ชายแปลกหน้าเข้าโรงแรมเด็ดขาด”

ประราลีปฏิเสธเสียงแข็งพร้อมกับปัดมือหนาที่จับไหล่บางของเธอออก มองชายหนุ่มด้วยสายตาเอาเรื่อง และในตอนนี้นี่เองที่ทำให้เธอรู้สึกว่าเคยเจอเขาที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า ทำไมหน้าตาเหมือนเคยๆ เห็นที่ไหนสักแห่ง

“แต่มันคือเรื่องจริง เมื่อคืนผมไปนั่งดื่มคนเดียวในผับ และขณะที่กำลังจะกลับ คุณก็โผล่เข้ามาพร้อมกับบอกว่า เพื่อนๆ ฉัน เขาอยากให้ฉันมาทำความรู้จักกับคุณ เพราะเห็นว่าคุณหล่อดี ฉันก็เลยมา จากนั้นผมก็นั่งคุยอยู่กับคุณพักหนึ่งจึงขอตัวกลับ แต่คุณขอตามมาด้วย ผมก็เลยบอกว่าตามใจ สุดท้ายมันก็มาลงเอยแบบนี้แหละ…คุณอาจจะเมาจนจำอะไรไม่ได้”

“ไม่ ฉันไม่เคยดื่มเหล้าจะเมาได้ยังไงกัน”

ประณาลีแย้งเสียงแข็งขัน ก่อนจะกัดเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น จากคำบอกเล่าของชายหนุ่มทำให้จำได้แล้วว่าเขาคือคนที่เพื่อนๆ ยุให้เธอเข้าไปทำความรู้จัก แต่เธอก็จำได้ว่าปฏิเสธไปแล้วนี่ ทำไมเธอถึงไปทำอย่างที่เขาเล่ามาได้ หญิงสาวพยายามคิดทบทวน

“แล้วไอ้น้ำสีฟ้าๆ ที่เพื่อนคุณเอาให้ดื่ม และคุณสั่งมานั่งดื่มกับผม คุณคิดเหรอว่ามันไม่มีเหล้าผสมอยู่ และยิ่งคนไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์อย่างคุณด้วยแล้ว ก็ไม่แปลกหรอกที่จะเมา”

พอชายหนุ่มเอ่ยถึงน้ำสีฟ้าแสนสวยขึ้นมา คราวนี้ประณาลีถึงกับยกมือขึ้นนวดขมับทั้งสองข้าง แรงๆความจำลางๆ หลังจากดื่มน้ำสีสวยที่ปาณิศาสั่งมาให้จนหมดแก้ว ก็ปรากฏขึ้น แม้จะไม่ชัดเจน แต่ก็จำได้ว่าเธอลุกขึ้นเดินไปหาใครสักคน ตามแรงยุของเพื่อนๆ และคนๆ นั้นคงจะเป็นหนุ่มหล่อลูกครึ่งคนนี้แน่ ถ้าเป็นอย่างนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นคงจะโทษเขาไม่ได้ เพราะเธอไปเสนอตัวให้เขาถึงที่ และคนที่เธอควรจะไปเอาเรื่องมากที่สุดก็คือเพื่อนๆ ของเธอต่างหาก ที่รวมหัวกันเอาน้ำสีสวยมาล่อจนเธอเผลอใจไปดื่มจนเมาไม่รู้เรื่อง เมื่อคิดได้อย่างนั้นประณาลีที่นั่งหลับตานิ่ง ก็ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมาพร้อมกับการเปิดเปลือกตาขึ้นมองคู่กรณี

“ฉันจะกลับบ้าน”

เอ่ยจบร่างบางที่พันด้วยผ้าห่มก็ไถลลงจากเตียง ก่อนจะเดินไปก้มเก็บเอาเสื้อผ้าของตัวเองที่ถูกถอดแล้วโยนทิ้งเกลื่อนพื้นปนกับเสื้อผ้าของนิธิภัทร พลางคิดไปว่าอะไรมันจะใจร้อนขนาดนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งอาย

“เดี๋ยวสิคุณเรายังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย”

“รู้เรื่องแล้วค่ะ ฉันพอนึกออกลางๆ ถึงจะนึกออกไป่หมด แต่ฉันคิดว่าที่คุณพูดมามันคือเรื่องจริง ดังนั้นฉันว่าขอให้เรื่องทุกอย่างมันจบลงตรงนี้ดีกว่านะคะ ต่างคนต่างไป”

พูดตัดบทเท่านั้น ประณาลีก็ปลดมือหนาที่จับต้นแขนของเธอเอาไว้ออก ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ไม่นานเธอก็ออกมาในชุดเมื่อคืน และชายหนุ่มเองก็ไม่ต่างกัน แม้เสื้อผ้าที่เขาใส่จะดูยับยู่ยี่ แต่ก็มันไม่สามารถบั่นทอนความดูดีและหล่อเหลาของเขาลงได้เลยแม้แต่น้อย

“ผมคิดว่าผมควรต้องรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน”

นิธิภัทรเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินไปดักหน้าประณาลี ที่เดินเอาผ้าห่มไปทิ้งแหมะลงที่กลางเตียง และทำท่าจะเดินหนีออกจากห้องไปแบบไม่ลา

“ไม่จำเป็น ถอยค่ะ ฉันต้องรีบกลับบ้านป่านนี้คนที่บ้านและเพื่อนๆ ของฉันคงกำลังเป็นห่วง ที่จู่ๆ ฉันก็หายตัวมาทั้งคืนแบบนี้”

“จำเป็นสิ เอ่อ...ก็ผมเป็นผู้ชายคนแรกของคุณ”

นิธิภัทรยังไม่ยอมลดล่ะ เขาไม่ใช่ผู้ชายประเภทฟันแล้วทิ้ง และยิ่งอีกฝ่ายยังไม่เคยต้องมือชายมาก่อนเขายิ่งรู้สึกผิด

“จะเป็นคนแรกหรือคนที่เท่าไหร่ ฉันก็ไม่ต้องการทั้งนั้น...ที่จริงผู้ชายอย่างคุณน่าจะพอใจด้วยซ้ำนะ ที่ผู้หญิงให้ฟรีๆ โดยไม่คิดจะเรียกร้องอะไร ฉันว่าคุณกลับไปหาลูกหาเมียของคุณดีกว่า”

ประณาลีพูดอย่างใจคิด เพราะหน้าตาท่าทางมีเงินอย่างนี้ไม่มีทางที่จะเป็นโสดได้หรอก ดูอย่างผู้ชายในครอบครัวเธอสิ หน้าตาก็งั้นๆ ฐานะก็พอกินพอใช้ ยังมีผู้หญิงวิ่งเข้าหากันให้วุ่นตลอด

“ผมมีลูก แต่เมียตายไปได้หลายปีแล้ว ส่วนคนรักเขาเพิ่งทิ้งผมไปเธอวาน และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ผมไปที่ผับแห่งนั้น ทั้งๆ ที่ไม่ได้ไปเหยียบมานานมากแล้ว”

“ฉันเสียใจด้วย แต่ถึงคุณจะโสด ฉันก็ไม่ต้องการความรับผิดชอบจากคุณ ไม่ว่าจะในรูปแบบไหนก็ตาม”

ประณาลีย้ำเจตนารมณ์แน่ชัด

“แต่คุณเสียหาย”

“ไม่ มันคือประสบการณ์ชีวิต คราวนี้เพื่อนๆ ฉันจะได้เลิกล้อฉันเสียทีว่า ฉันจะแก่ตายโดยที่ไม่รู้ว่าสวรรค์ชั้นเจ็ดมันเป็นยังไง และเมื่อได้สัมผัสสวรรค์แล้วฉันก็ไม่อยากจะสัมผัสนรก โดยการเอาชีวิตไปผูกติดกับผู้ชายสักคน”

เอ่ยจบประณาลีก็ผลักร่างใหญ่ที่ยืนนิ่งอยู่สุดแรงเกิด และนั่นก็ทำให้นิธิภัทรที่ไม่ทันตั้งตัวเสียหลักล้ม เมื่อไม่มีคนขวางทางหญิงสาวจึงรีบเปิดประตูและวิ่งออกจากห้องไปอย่างไม่เหลียวหลัง ดังนั้นกว่าชายหนุ่มจะตั้งตัวได้ตามออกไปก็เห็นแค่หลังไวๆ

“เดี๋ยวสิคุณ...คุณ...โธ่เอ้ย! ผู้หญิงอะไรวะ ไม่อยากได้ความรับผิดชอบ เกิดท้องขึ้นมาทำไง เมาจนลืมป้องกันเสียด้วยสิ ชื่อแส้ก็ไม่ได้ถาม แต่ก็ช่างเถอะพยายามเต็มที่แล้ว และเธอคนนั้นคงไม่โชคร้ายขนาดนั้นหรอกมั้ง”



ด้านประณาลีหลังจากขึ้นรถแท็กซี่ได้ น้ำตาแห่งความอัปยศอดสู ที่อดทนอดกลั้นเอาไว้ก็หลั่งไหลออกมาราวเขื่อนแตก หมดแล้วความสาวที่เธอเฝ้าทะนุถนอมมากว่า 30 ปี ทั้งที่เธอตั้งใจจะให้มันอยู่และตายไปพร้อมกับเธอ แต่วันนี้มันก็ถูกทำลายเพราะผู้ชายที่เธอไม่แม้แต่จะรู้จักมาก่อน แต่จะโทษใครได้ถ้าไม่โทษที่ตัวเองเมาไม่รู้เรื่อง

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับคุณผู้โดยสาร ไหวนะครับคุณ”

ลุงคนขับแท็กซี่ถามอย่างรู้สึกเป็นห่วงลูกค้าสาว ที่ตั้งแต่ขึ้นมาก็เอาแต่นั่งร้องไห้ตลอดทาง ลูกค้าสาวจึงสั่นศีรษะเป็นการบอกว่าเธอไม่เป็นอะไร จากนั้นลุงคนขับจึงไม่ถามอะไรต่อให้มากความ ปล่อยให้หญิงสาวร้องไห้อยู่อย่างนั้น จนกระทั่งถึงที่หมาย ประณาลีจึงหยุดร้องไห้เช็ดน้ำหูน้ำตา จ่ายเงินค่าโดยสารแล้วลงจากรถมายืนตาแดงก่ำอยู่หน้าบ้านของตัวเอง

ทันทีที่เธอกดกริ่งหน้าบ้าน คนที่วิ่งออกมาก็คือประวิชญา และพอเห็นคนที่ยืนรออยู่หน้าบ้านหญิงสาวถึงกับเรียกชื่อพี่สาวออกมาดังๆ

“พี่ลี!”

เปิดประตูบ้านได้ร่างบางของประวิชญาก็โถมเข้าไปกอดพี่สาวอย่างดีใจ พลางละล่ำละลักถามอย่างเป็นห่วง

“พี่หายไปไหนมา รู้ไหมญากับทุกคนเป็นห่วงแค่ไหน จะโทรหาก็โทรไม่ได้ พี่ลีน่ะไม่ยอมพกโทรศัพท์ติดตัว ชอบทิ้งไว้ในกระเป๋า”

“พี่ขอโทษ”

หญิงสาวบอกพลางกอดกระชับร่างบางของน้องสาวเอาไว้ พร้อมกับแอบเช็ดน้ำตาที่มันรื่นขึ้นมาอีกครั้ง

“ญาว่าเราเข้าบ้านกันดีกว่านะคะ พวกเพื่อนๆ ของพี่ เมื่อคืนก็มาอยู่ที่นี้จนตี 1 ตี 2 ถึงได้พากันกลับ และพอเช้ามาก็พากันยกโขยงมาตั้งแต่ไก่โห่ ส่วนพี่ณัยที่เพิ่งทราบเรื่องก็เพิ่งมาถึงเมื่อไม่นานนี้เอง…และนี่ถ้าครบ 24 ชั่วโมง ยังไม่เจอตัวพี่ลี พวกเราก็คิดว่าจะไปแจ้งความกันที่โรงพักให้ตำรวจช่วยหาอีกแรง”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นพี่ว่าพี่ต้องรีบเข้าบ้านไปรายงานตัวแล้วล่ะ ป๊ะ”

เอ่ยจบสองพี่น้องก็เดินกอดกันกลมเข้าไปในบ้าน และพอไปถึงตรงประตูหน้าห้องรับแขก ประวิชญาก็ตะโกนเรียกทุกคนที่นั่งหน้าดำคร่ำเครียด

“ทุกคนคะ ดูสิใครมาเอ่ย”

หนึ่งหนุ่มกับอีกสี่สาวหันขวับและพอเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ประวิชญาเป็นใคร ทุกคนต่างพร้อมใจเรียกชื่อเธอออกมาอย่างดีใจ

“ยัยลี!”

ปานรำไพ วศินี ปาณิศา ต่างก็ลุกขึ้นวิ่งกรูเข้าไปกอดลูบหัวลูบหลังเพื่อนรัก ทั้งน้ำตา

“ฉันขอโทษนะยัยลี”

ปาณิศาที่เป็นคนเอาค็อกเทลสีสวยให้ประณาลีดื่มจนเมา บอกอย่างรู้สึกผิด ซึ่งก็ตามมาด้วยวศินีและปานรำไพ

“ใช่ๆ ฉันก็ต้องขอโทษแกเหมือนกันนะยัยลี”

“ฉันด้วย”

ประณาลีมองหน้าเพื่อนทุกคน แล้วเปิดยิ้มอย่างจริงใจ ตั้งแต่รู้ว่าทุกคนเป็นห่วงเธอมากขนาดไหน ความรู้สึกโกรธที่มีในใจก็มลายหายไปในพริบตา ถึงแม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ จะทำให้เธอสูญเสียความสาวไปแบบไม่ตั้งใจ แต่เรื่องแค่นี้เธอก็คงไม่สามารถตัดขาดจากความเป็นเพื่อนกับทุกคนได้ เพราะรู้ดีว่าที่ทุกคนทำไปเพราะหวังดี อยากให้ชีวิตเธอได้พบกับความสุข และไม่ได้ตั้งใจที่จะให้เกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้น

“ฉันยกโทษให้ทุกคนนะ...ไม่เอายัยปลาแกจะร้องไห้ทำไม ฉันไม่ได้ตายซะหน่อย”

“ก็ฉันดีใจที่แกกลับมา และรู้สึกผิดเรื่องเมื่อคืนนี้นา”

“เอาล่ะๆ ฉันว่าพวกแกอย่ามัวมายืนกอดยัยลีอยู่ตรงหน้าประตูอยู่เลย ไปนั่งคุยกันที่โซฟานุ่มๆดีกว่านะ”

มุทิตาเอ่ยขึ้น ทุกคนจึงต่างพยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นด้วย จากจึงพากันลากประณาลีไปนั่งลงที่โซฟา และพอนั่งแหมะลงประณัยผู้เป็นพี่ชายก็ถามขึ้นทันที

“แกหายไปไหนมาทั้งคืนยัยลี”

แต่ยังไม่ทันที่ประณาลีจะได้ตอบ เสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของประณัยก็ดังขึ้น ชายหนุ่มล้วงมันออกมา พอเห็นชื่อที่โชว์หราอยู่ตรงหน้าจอก็ทำสีหน้าเซ็งๆ แล้วกดรับ พร้อมกับเดินเลี่ยงออกไปคุยที่อื่น ส่วนสาวก็หันมาคุยกันต่อ

“ยัยลี...เมื่อคืน แกกับ...กับสุดหล่อคนนั้น”

“เฮ้ย! ไม่มีอะไร ฉันแค่เมาแล้วขอไปดื่มต่อที่ห้องเขาเท่านั้นเอง”

ประณาลีโกหกคำโต เพราะไม่อยากให้ทุกคนรู้สึกผิดไปมากกว่านี้ และไม่อยากยุ่งยาก อยากให้ทุกอย่างมันจบลงตรงที่ว่า มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอเลยแม้แต่น้อย

“แค่ดื่มเหรอพี่”

ประวิชญายื่นหน้าเข้ามาถามเบาๆ ทำให้ประณาลีอึ้งเล็กน้อย แต่ก็ต้องรีบพูดแก้สถานการณ์ เพราะตอนนี้สายตาทุกคู่มันพุ่งมาที่เธอเป็นจุดเดียว และแววตาแต่ละคนต่างก็ฉายความสงสัยออกมาอย่างไม่ปิดบัง

“จริงสิ พวกแกอาจจะไม่เชื่อ แต่มันคือเรื่องจริง ฉันกับเขาดื่มแล้วก็เมา ตื่นมาฉันนอนอยู่บนโซฟา ส่วนเขาโน่นไปนอนสลบอยู่ในห้องน้ำโน่น สงสัยจะไปอ้วกแล้วเผลอหลับไปเลย”

ประณาลีเล่าด้วยสีหน้าจริงจังไม่แม้แต่จะหลบสายตาให้มีพิรุธ และแอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อทุกคนเชื่อ

“เฮ้อ! แล้วไป พวกฉันนึกว่าจะว่าปล่อยกวางสาวไปให้พ่อเสือหนุ่มขย้ำซะแล้ว ไม่งั้นพวกฉันต้องรู้สึกผิดไปจนตายที่ทำให้แกแปดเปื้อน”

“ถ้ารู้แล้ว ต่อไปก็อย่าเล่นอะไรแผลงอีกล่ะ ใช่ว่ามันจะโชคดีทุกครั้งไป”

“จ้า”

ทั้งสามสาวหันไปรับปากมุทิตาพลางทำตาปริบๆ อย่างสำนึกผิด คนบอกเห็นแล้วได้แต่ย่นจมูกใส่อย่างหมั่นไส้

“ว่าแต่แกไปห้องเขาแบบนั้น เอ่อ...เจอผู้หญิงของเขาเปล่า”

ปาณิศาถามอย่างสงสัย

“อ้าว...ทำไมถามอย่างนั้นล่ะยัยปลา แกไม่ใช่เหรอที่บอกว่าเขาอกหักช้ำรักน่ะ”

และก็เป็นมุทิตาที่ขัดขึ้นอีกครั้ง ปาณิศาเลยแก้ตัวอ้อมแอ้มกลับไปว่า

“แหม...ฉันไม่ได้พูดอย่างนั้นสักหน่อย ฉันแค่บอกว่าท่าทางเขาเหมือนคนอกหักช้ำรักต่างหากเล่า”

“อ้าวๆ อย่าเถียงกันอย่าเถียงกัน เขาไม่ได้อกหักช้ำรักอย่างที่พวกแกคิดหรอก เขาเล่าให้ฟังเมื่อเช้าว่า เมื่อคืนเขาแค่ทะเลาะกับแฟนเลยไปดื่มที่ผับ เราคุยกันแค่นั้นแฟนเขาก็โทรมาง้อ ฉันเลยขอตัวกลับ”

ประณาลีจำต้องบอกทุกคนออกไปอย่างนั้น เพราะขืนถ้าบอกความจริงไปว่าชายหนุ่มอกหักรักคุดจริงๆ มีหวังเพื่อนๆ ของเธอคงยุเธอใส่หนุ่มหล่อลูกครึ่งคนนี้ไม่เลิก

“โห่...น่าเสียดาย”

นั่นปะไรคิดไว้ไม่มีผิดจริงๆ ประณาลียิ้มแล้วส่ายศีรษะ และจังหวะนั้นเองประณัยก็เดินหน้าตึงมายื่นโทรศัพท์ให้

“บอกพี่สะใภ้แกหน่อยว่าฉันอยู่กับพวกแกสองคน ไม่ได้อยู่กับผู้หญิงอื่น”

ประณาลีเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายพลางถอนหายใจ คงจะไปค้างคืนกับผู้หญิงอื่นบ่อยล่ะสิท่าพี่สะใภ้ของเธอถึงไม่เชื่อว่าอยู่ที่นี้ เธอคิดอย่างปลงตกก่อนจะรับโทรศัพท์จากพี่ชายมาคุยกับพี่สะใภ้ซะเอง ประณาลีใช้เวลาคุยและอธิบายไม่นาน พี่สะใภ้ก็เข้าใจและยอมวางสายไป

“เมื่อคืนพี่ก็ไม่กลับบ้านใช่ไหมคะ”

ถามขณะยื่นโทรศัพท์กลับคืนให้พี่ชายที่ทำหน้าเซ็งๆ เมื่อโดนน้องสาวอย่างเธอซัก

“มันก็มีบ้างน่า”

แต่คนที่มีสามีเจ้าชู้อย่างประวิชญารีบแย้งขึ้นพลางยิ้มเยาะ

“ญาว่ามันคงไม่มีบ้างหรอกมั้งคะพี่ณัย พอพี่บอกพี่ทิพย์ว่าอยู่กับพี่ลีและญา พี่ทิพย์ถึงไม่เชื่อ”

“ไม่ต้องมาพูดดีเลยยัยญา ว่าแต่พ่อยอดขมองอิ่มของแกเถอะไปไหนล่ะ อยู่บ้านบ้างไหม”

“พี่ณัย!”

ประณาลีปรามพี่ชายเสียงเข้ม เมื่อเห็นสีหน้าสลดลงจนน่าสงสารของน้องสาว

“ไหนๆ แกก็กลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว พี่กลับล่ะ”

ประณัยตัดบทก่อนจะเดินออกจากบ้านไป โดยมีสายตาของคนนอกครอบครัวอย่างสี่สาวมองตามเงียบๆ

“ญา...อย่าไปสนใจคำพูดของพี่ณัยเขาเลยนะ พูดไม่รู้จักดูตัวเองเลย”

ประณาลีพูดปลอบ พลางดึงร่างบางของประวิชญามากอดกระชับอย่างให้กำลังใจ

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่ลี ที่พี่ณัยพูดมามันก็ถูก และญาเองก็เริ่มชินแล้ว ญาว่าพี่ลีไปอาบน้ำอาบท่าแล้วลงมาทานข้าวดีกว่านะคะ”

“ก็ดีเหมือนกันจ๊ะ ญานั่งคุยกับยัยพวกนี้ไปก่อนแล้วกันนะ”

เอ่ยจบประณาลีก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นบันไดหายขึ้นไป วศินีจึงหันมาพูดกับประวิชญาเป็นคนแรก

“พี่ได้ยินยัยลีพูดบ่อยๆ ว่าผู้ชายในครอบครัว เจ้าชู้ทุกคน แต่ไม่คิดว่าจะเป็นกันหนักมากขนาดนี้ มิน่ายัยลีถึงขยายผู้ชายและชีวิตคู่”

ประวิชญาถอนหายใจ แล้วยิ้มขืน ที่จริงเธอรู้สึกสงสารและเห็นใจพี่สาวอย่างประณาลีมาก ที่ชีวิตคู่ของเธอและพี่ชายรวมไปถึงพ่อแม่มีผลทำให้พี่สาวเป็นอย่างทุกวันนี้

“ค่ะ เพราะพี่ลีเห็นเรื่องราวอย่างนี้มาตั้งสมัยพ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ ไหนจะมาเห็นคู่ของพี่ณัยกับพี่ทิพย์ที่ไม่ต่างจากพ่อและแม่เลย หนำซ้ำชีวิตคู่ของญาก็ไม่พ้นที่จะเจอปัญหาเรื่องในเรื่องเดียวกันนี้อีก มันเหมือนดูหนังเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ วันล่ะหลายๆ รอบ พาลทำให้พี่ลีซึมซับและมีอคติกับผู้ชาย คิดว่าผู้ชายบนโลกใบนี้จะเหมือนกันทุกคน ดังนั้นเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเจ็บปวด พี่ลีจึงปิดตายหัวใจตัวเองมาตลอด...ญาก็ได้แต่หวังนะคะว่าสักวันจะมีผู้ชายดีๆ สามารถเข้ามาเปิดประตูใจที่ปิดตายดวงนี้ของพี่ลีได้ อยากให้มีวันนั้นจัง”



เกศมณี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.ย. 2554, 01:20:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.ย. 2554, 01:20:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 3086





<< ตอนที่ 1 : พ่อม่ายอกหักกับแม่สาวคานทอง    ตอนที่ 3 : รีน่านีน่าเด็กหญิงแสนซน (แสบ) >>
พิพินทุ์ 27 ก.ย. 2554, 02:05:03 น.
สงสารนางเอกกะน้อง
เศร้าแทน ทำไมต้องมาเจอคนแบบนี้


lovemuay 27 ก.ย. 2554, 06:15:10 น.
เพิ่งมาลองอ่าน
น่าสนุกดีนะคะ เรื่องนี้ ^^


incanto 27 ก.ย. 2554, 08:04:09 น.
รอตอนต่อไปค่า


milbol 27 ก.ย. 2554, 09:17:12 น.
แล้วจะโคจรมาพบกันอีกยังไงน้า อยากรู้ๆ จะรอตอนต่อไปนะค่ะ


panon 27 ก.ย. 2554, 10:05:27 น.
สนุกอ่ะชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


ณัฐวีร์ 27 ก.ย. 2554, 10:06:20 น.
ติดตามกันต่อไป


nutcha 27 ก.ย. 2554, 10:10:47 น.
แล้วหนูลีจะท้องมั้ยเนี้ยะ


anOO 27 ก.ย. 2554, 12:39:02 น.
เดี๋ยวคงจะได้เจอกันอีกรอบ
ติดตามๆๆๆๆ


ann 27 ก.ย. 2554, 19:24:41 น.
สงสารผู้หญิงในครอบครัวนางเอกจังอ่ะ


onepat 25 มี.ค. 2555, 15:51:23 น.
ใจเด็ดจริง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account