กับดักใจ...ซาตานยอดรัก
เขา...ที่ตกหลุมรักเพื่อนน้องสาวที่ห่างจากเขา 15 ปี จะทำยังไงหากไม่วางกับดักให้เธอติดบ่วงเขา
เธอ...ที่ไม่เคยรักใคร เธอไม่เคยรู้ว่าเขากำลังต้อนเธอเข้ากรงใจ
Tags: พี่ใหญ่

ตอน: ตอนที่ 1

ตอนที่ 1
“สาม! แกเดินเร็วๆ หน่อยซิวะ” สาวร่างเพรียวในชุดนักศึกษาเสื้อเชิ้ตสีขาวกระโปรงทรงเอ ยาวแค่เข่าสีดำ หันมาเร่งหญิงสาวอีกคนที่วิ่งกระหืดกระหอบ พร้อมข้าวของมากมายตามอีกฝ่ายมา
“แฮ่กๆ แฮ่กๆ โห..ยัยพลอยปากแกนี่นะ ไม่เห็นเหรอว่าฉันไม่ได้เดินตัวเปล่าอย่างแกน่ะ?” ค้อนเพื่อนสาวร่างเพรียวใบหน้ารูปไข่ ผิวขาวอมชมพู หน้าตาจิ้มลิ้ม จมูกโด่งรั้นอย่างคนที่เอาแต่ใจ ผมตรงยาวถึงกลางหลังสีน้ำตาลอ่อน อย่างหมั่นไส้ก็เธอมีของเยอะแยะจะตาย
“อ้าว...ฉันบอกแกแล้วนี่นาว่าเราต้องไปยื่นเอกสารการฝึกงานที่ บริษัท เจทีจี กรุ๊ปน่ะ...แต่แกก็ยังไปหอบซื้อข้าวของมาขนาดนี้น่ะ?”เธอได้แต่ค้อนเพื่อนสาวที่รูปร่างไม่ได้ต่างไปจากเธอนัก แต่ว่าเพื่อนสาวของเธอนั้นผิวขาวออกเหลืองนิดหน่อย แต่ใบหน้ารูปไข่ ผมยาวประป่าสีน้ำตาลอ่อนของเพื่อนสาวทำให้เธอดูน่าทนุถนอมมากว่าเดิม จะว่าไปเพื่อนเธอเตี้ยกว่าเธอแค่เซ็นเดียวเท่านั้นนะ ก็เธอสูง 165 ซม. แต่ว่าเพื่อนสาวสูง 164 ซม. น่ะซิ
“อะ..มันก็ช่วยไม่ได้นี่นามันลดราคาวันนี้วันสุดท้ายแล้วนี่นา แล้วหลังจากนี้ก็จะไปเลยนี่นา” เธอทำแก้มป่องใส่เพื่อนสาวอย่างงอนๆ ก็เธออยากจะได้มาหลายวันแล้ว แต่ไม่ได้มาเสียที และวันนี้มีโอกาสแล้วเธอก็ไม่รั้งรอเลย โดยไม่คิดว่าตัวเองยังมีภารกิจที่ต้องไปต่ออีกแห่ง และสำคัญกับชีวิตการเรียนของเธออย่างมากเพราะเป็นเกรดตัวสุดท้ายและมีผลอย่างยิ่งสำหรับวัดว่าเธอจะจบหรือไม่จบ
“เออๆ พูดมากมาฉันช่วยแกถือบ้างก็ได้ วันนี้แกเอารถมาไม่ใช่เหรอ?” แม้ปากจะบ่นให้เพื่อนสาว แต่หญิงสาวก็ยังยื่นมือไปแบ่งเบาภาระที่แสนจะหนักอึ้งมาจากเพื่อนสาวนามเขมวันต์หรือไอ้สามของเพื่อนๆ และน้องสามของพี่ๆ
“อิๆ ฉันรักแกก็ตรงนี้แหละถึงปากจะบ่นยังไงแกก็ช่วยฉันอยู่ดี” ยิ้มออกมาอย่างยินดีพลางประจบเพื่อนสาว เธอรู้จักกับเพื่อนตั้งแต่เรียนมหาลัยปี 1 ตอนแรกที่เห็นหน้าเพื่อนสาวคนนี้ก็คิดว่าท่าทางจะเป็นคุณหนูเด็กหัวอ่อนเพราะท่าทางเป็นคนเรียบร้อยแต่พอคบไปแล้วหน้าตากับนิสัยคนละอย่างกันเลย เธอจะเป็นคนลุยๆ หน่อยไม่ยอมคนโดยเฉพาะคนที่เข้ามาหาเรื่องก่อน เป็นอันต้องพ่ายไปทุกราย
“เออ..อย่างนี้ทุกทีเลยแกน่ะ..มิน่าละวันนี้ไอ้กรมันถึงไม่ยอมมาด้วย” เธอได้แต่อดหมั่นไส้เพื่อนรักอีกคนที่ไม่ยอมมาด้วยกัน แต่จะไปรอที่บริษัทเลย ตอนที่พวกเธอบอกว่าจะแวะมาที่ห้างก่อน
“น่า..แกก็อย่าบ่นมาเดี๋ยวแก่เร็วนะ...” เธอเข้าไปเกาะแขนเพื่อนสาวอีกข้างเอาไว้แล้วเดินไปที่รถมินิสีเหลืองของเธอที่พี่ชายใหญ่เป็นคนซื้อให้ตอนที่เธอสอบติด แต่กว่าจะได้ขับออกมาอย่างนี้เธอก็ต้องไปสอบใบขับขี่ให้ได้เสียก่อน ไม่งั้นเธอก็อด เพราะพี่ชายเธอเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอ และคนบนท้องถนนด้วย หากมีอะไรเกิดขึ้นก็ยังถือว่าตัวเองมีใบขับขี่อยู่ และจะได้รู้จักระมัดระวังด้วยกับการใช้รถ
“ว่าแต่ทำไมแกไม่ไปฝึกงานที่บริษัทพี่ชายแกวะ?” เธอรู้ว่าที่บริษัทของพี่ชายเพื่อนรักมีแผนกเกี่ยวกับไอทีและรับนักศึกษาฝึกงานที่เรียนจบวิศวกรรมคอมพิวเตอร์อยู่แล้ว
“อี๋..ไม่เอาหรอกถ้าไปฝึกที่บริษัทฉันก็ไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยน่ะซิ...ใครเขาจะกล้าสอนงานฉันวะ...สู้ฉันไปฝึกที่อื่นแล้วเรียนรู้งานว่าเป็นยังไงยังจะได้ความรู้มากกว่าเสียอีก” เธอทำหน้าแหยงๆ เมื่อคิดว่าต้องไปฝึกงานที่บริษัทพี่ชายทั้งคู่คุมอยู่ แค่คิดเธอก็ขนลุกแล้ว ทุกคนรู้ว่าเธอเป็นใคร แล้วจะมีใครอาจหาญมาสั่งสอนเธอละ จะมีใครไม่กลัวโดนเด้งบ้างละ...
“อืม..มันก็จริงของแกนะ..แต่ว่าแกไม่คิดบ้างเหรอว่ามันสบายออก...” เธอเย้าเพื่อนรักยิ้มๆ เพราะอีกฝ่ายไม่ชอบอะไรอย่างนี้อยู่แล้ว แม้จะรู้ว่าต้องกลับมาทำงานที่บริษัทนี้ที่เป็นของครอบครัว แต่ก่อนที่จะเข้าไปทำงานเต็มตัวเธอก็อยากที่จะหาประสบการณ์ที่อื่นเสียก่อน
“เรื่องนั้นไม่เถียงหรอก แต่ไม่ได้อะไรเลยจะเอามั้ยละแก...ว่าแต่คนอื่นแล้วแกละ...” ย้อนถามเพื่อนสาวเข้าให้
“อย่างฉันเนี่ยจะไปทำอะไรที่โรงแรมละแก...มันไม่มีอะไรให้ทำหรอก...” สาวน้อยไหวไหล่น้อยๆ อย่างไม่แยแส เพราะยังไงเธอก็จะต้องเข้าไปช่วยงานอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ขอทำอะไรตามใจตัวเองให้เต็มที่เสียก่อน ไม่ใช่ว่าเธอไม่ช่วยงานที่บ้าน แต่เธอทำงานอยู่เบื้องหลังเสียมากกว่า และเธอจะช่วยงานด้านที่เธอถนัดนั่นคือคอมพิวเตอร์ และดูเรื่องหุ้นให้มากกว่า
“ว่าแต่มาฝึกงานที่นี่พี่เพชรไม่ว่าเหรอ?” เขมวันต์ถามเพื่อนสาวอย่างข้องใจ เพราะสองพี่น้องสนิทกันมากเหมือนที่เธอสนิทกับพี่ชายแต่อย่างว่าแหละเธอเป็นน้องเล็กที่อายุห่างจากพี่ชายทั้งสองมาก ทำให้เธออ้อนได้ทุกอย่างที่ทั้งคู่เห็นว่าเหมาะสมก็จะได้
“ไม่นี่..คุยกันแล้วพี่เพชรเขาไม่ว่าหรอก...แค่บ่นเท่านั้นเองว่าไม่มีคนช่วยงาน แต่เก่งๆ อย่างพี่เพชรไม่มีปัญหาหรอกแม่ก็ยังอยู่นี่...” เธอเอ่ยถึงพี่สาวคนเดียวอย่างภาคภูมิใจ และมีความสุข เท่าที่เธอจำได้ตั้งแต่เด็กเธอก็อยู่กับพี่สาวมาตลอด เพราะแม่เธอต้องทำงานหาเลี้ยงพวกเธอและก็ได้พี่สาวคนนี้นี่แหละคอยเลี้ยงดูเธอไม่ต่างจากแม่อีกคนหนึ่ง แต่เธอก็ไม่ได้โกรธที่แม่ไม่มีเวลาเพราะเธอรู้ว่าอะไรที่ทำให้แม่ต้องทำงานหนักอย่างนี้
“เหรอ...เอาของมาดิ..ฉันจะเก็บไว้หลังรถ...” เขมวันต์ยื่นมืออกไปรับถุงจากมือเพื่อนเพื่อจะเก็บไว้ที่หลังรถ แล้วจะได้ไปยื่นเอกสารเสียที พวกเธอต้องไปยื่นเอกสารเองที่บริษัท ทำให้พวกเธอต้องนัดกันไปพร้อมกัน
“เฮ้อ...ไม่รู้ว่าพอไปฝึกจริงๆ จะเป็นยังไงนะ...รู้หรอกว่าเขาคงไม่ให้เด็กฝึกงานอย่างเราไปทำอะไรจริงจังหรอก...แต่ก็ไม่แน่นะ...” คิดเล่นอย่างนึกสนุก ไม่แน่ว่าเธออาจจะได้ลองทำงานจริงๆ ดูบ้างหากว่าพี่ๆ ที่แผนกเอ็นดูและเห็นความสามารถอาจจะให้ทำงานอะไรบ้าง
“คงยอมหรอก เขาเป็นบริษัทระดับโลกเลยนี่นา เด็กฝึกงานอย่างเราน่ะคงไม่มีทางทำได้ทำอะไรหรอก นอกจากงานเบ็ดเตล็ดน่ะ...” เขมวันต์บอกอย่างรู้ดีว่างานของเด็กฝึกงานมีไม่มากหรอก เพราะฝึกไม่นานบางคนดีหน่อยก็รับทำงานเลย แต่ว่าการที่จะฝึกงานให้เด็กคนไหนก็ต้องเล็งเห็นว่าเด็กคนนั้นมีความสามารถที่จะพัฒนาและทำงานได้จริงๆ
“ก็ไม่เป็นไรนี่ แค่เขารับเราเข้าไปฝึกงานก็ดีแล้ว..เราจะได้รู้ระบบการทำงานบริษัทใหญ่ๆ อย่างเขาได้น่ะ...แต่รู้ว่าไอ้กรน่ะอยากที่จะทำงานที่นั่นมากเลยนะ...ถ้าทำดีจนเขาเห็นความสามารถรับทำงานเลยคงดีนะ...” พลอยไพลินเอ่ยออกมาตามที่เพื่อนรักเล่าให้ฟังว่าอยากจะทำงานกับที่นี่มาก ถ้าเกิดหัวหน้าเห็นความสามารถก็คงดีหรอก
“เหรอไม่เห็นไอ้กรมันพูดให้ฟังเลย แล้วร้านอาหารมันที่หาดใหญ่ละ?” เขมวันต์ถามอย่างสนใจเพราะเพื่อนรักเป็นลูกชายร้านอาหารชื่อดังที่หาดใหญ่ เลยไม่รู้ว่าจะมาทำงานที่กรุงเทพฯ ได้รึเปล่า
“มันคงคุยกับพ่อแม่แล้วละ อีกอย่างพี่สาวมันก็ยังอยู่ แล้วตอนนี้พี่เขาก็มาช่วยเต็มตัวหลังจากที่เรียนจบแล้วนี่...” บอกตามที่ได้รู้มาเพราะเธอไปเที่ยวบ้านเพื่อนรักเมื่อช่วงที่หยุดหลายวัน และเธอไปเที่ยวพร้อมพี่สาว ก็เลยแวะไปหาเพื่อนรักที่บ้าน แต่วันนี้เขมวันต์ไปต่างประเทศกับพี่ชายเลยไม่ได้ไปด้วยกัน
“จริงดิ! ว่าแต่แกไปบ้านไอ้กรเมื่อไหร่? ทำไมฉันไม่ได้ไปด้วยวะ?” อดที่จะข้องใจไม่ได้ ถ้าอีกฝ่ายไปบ้านเพื่อนรักเธอก็น่าจะได้ไปด้วยกันซิ แต่ว่าเธอไม่ได้ไป
“อ๋อ..ก็ช่วงหยุดหลังสอบนั่นละ พี่เพชรพาไปผ่อนคลายน่ะ ช่วงนั้นแกไปญี่ปุ่นนี่นา ก็เลยไม่ได้ไปด้วย” บอกเสียงเรื่อยๆ ก็เธอโทรไปที่บ้านคนที่บ้านเพื่อนรักบอกว่าอีกฝ่ายไปญี่ปุ่นนี่นา เธอก็เลยไม่โทรไปกวน
“เอ๋...จริงซิ...ว่าแต่ที่บ้านไอ้กรเป็นไงบ้างวะ?” ตั้งแต่ที่รู้จักกันมาแทบไม่เคยไปเที่ยวที่บ้านณัฐกรเลย มีไปบ้างแต่ก็ไม่เคยเจอคนในครอบครัวเลย เพราะบ้างก็ไปเที่ยวบ้างก็ไปทำธุระตลอดเลย
“อืม..ก็เป็นครอบครัวใหญ่ดี...แต่เขาคงไม่ยึดติดหรอกที่จะให้ไอ้กรทำธุรกิจต่อ เพราะท่าทางมันไม่มีหัวด้านนี้ สู้พี่พรไม่ได้
“อย่างนั้นก็ดีหรอก...จริงดิ!...” เธออุทานออกมาอย่างเพิ่งนึกเรื่องสำคัญ จนเพื่อนสาวที่นั่งข้างๆ สะดุ้งอย่างตกใจที่อยู่ๆ อีกฝ่ายก็อุทานออกมาอย่างนั้น
“อะไร! แกมีอะไร!” พลอยไพลินมองหน้าเพื่อนรักอย่างตกใจ ที่อยู่ๆ ก็ร้องออกมาอย่างนั้น
“แฮะๆ คือว่าเพิ่งนึกออกวะ...เสาร์หน้าวันเกิดฉันน่ะ” เธอได้แต่หัวเราะออกมาน้อยๆ อย่างเพิ่งรู้สึกผิดที่อุทานออกมาเสียงดัง
“รู้...แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่แกร้องออกมาอย่างกับเพิ่งจะโดนปล้นน่ะห๋า?”
“ก็...ฉันลืมบอกแกกับไอ้กรน่ะ...ว่าพี่ชายทั้งสองคนจะจัดงานวันเกิดให้พวกแกมาด้วยซิ...” เธอบอกเรื่องที่พี่ชายเธอบอกเธอเมื่อเช้า และให้ชวนเพื่อนๆ มาด้วย ปกติพวกเธอจะจัดในกลุ่มเพื่อนๆ เอง และพี่ชายเธอก็จะจัดให้ในครอบครัว
“ห๋า! อะไรเนี่ย ปกติเราก็ไปกันเองนี่นาแล้วปีนี้พี่แกเป็นอะไรมากมั้ยเนี่ย?” อดจะถามอย่างข้องใจไม่ได้ เรียกได้ว่าตั้งแต่รู้จักเป็นเพื่อนกันมาเธอแทบไม่เคยเจอหน้าพี่ชายเพื่อนเลย เพราะอีกฝ่ายงานยุ่งตลอดและเดินทางบ่อยมาก ขนาดเธอไปเที่ยวที่บ้านหลังใหญ่ของเพื่อนรักก็ไม่เคยเจอกันเลย แม้ว่าอีกฝ่ายจะอยู่บ้านพวกเธอก็จะไม่เข้าไปวุ่นวายหรือว่าเข้าไปกวนเขาเลย ทำให้เธอรู้จักแต่เชื่อและรูปพี่ชายทั้งสองคนของเขมวันต์ผ่านรูปถ่ายที่เพื่อนเอามาอวดเท่านั้น และเธอก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมายรู้แค่ว่าเขาเป็นพี่ชายเพื่อนก็เท่านั้น
“แหม..แกก็ปีนี้ฉันจะเรียนจบนี่นา พี่ชายเขาอยากจะทำอะไรให้พิเศษหน่อยเท่านั้นเอง และพี่ใหญ่ กับพี่สองก็อยากจะเห็นหน้าเพื่อนรักของฉันนี่นา...” เอ่ยเสียงปะเหลาะออกมา เธอไม่ได้บอกว่าพี่ชายใหญ่ของเธออยากจะเห็นหน้าเพื่อนที่เธอเล่ากรอกหูมาหลายปีแล้ว แต่คลาดกันทุกครั้งที่เพื่อนไปบ้านเพราะช่วงนั้นพี่ชายงานยุ่งจริงๆ
“ไอ้สาม...แกคงไม่ได้ไปพูดอะไรแปลกๆ เกี่ยวกับฉันสองคนให้พี่แกฟังนะเว้ย...เกิดเขาไม่พอใจแล้วว่าพวกฉันทำไงวะ?” เธออดที่จะแหยงๆ ไม่ได้เพราะเธอพอจะรู้กิตติศัพท์เกี่ยวกับพี่ชายของเพื่อนรักอยู่บ้าง เพราะเห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์เพราะมีข่าวลงอยู่ประจำอยู่แล้ว แค่เขาออกจากบ้านไปนั่นนี่ก็จะมีข่าวแล้ว ยิ่งเห็นเขาไปกับสาวๆ ด้วยแล้วยิ่งเล่นข่าวกันสนุก แม้จะไม่เกี่ยวกับเธอ แต่เธอก็จะเจอข่าวอยู่เสมอ และเรื่องเกี่ยวกับความดุ และเด็ดขาดของเขาก็มีให้เห็นอยู่เสมอ
“โถๆ ไม่หรอกน่าฉันออกจะพูดแต่เรื่องดีๆ ของพวกแกทั้งนั้น แล้วพี่ๆ ของฉันจะไม่พอใจได้ยังไงละ” ก็ถ้าเธอไม่ได้เพื่อนๆ คอยให้กำลังใจในช่วงที่มีปัญหาแล้วเธอจะรีเยนจบมาได้อย่างนี้เหรอ แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่จบก็เถอะ แต่พอผ่านการฝึกงานไปแล้วเธอก็ผ่านแล้วละ และไม่น่าจะมีปัญหาอะไรอยู่แล้ว
บางครั้งการที่เธอเป็นน้องของพี่ๆ และนามสกุลดังอย่างนี้ก็ถูกมองว่าเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ และบางคนก็คอยเข้ามาหาผลกำไรจากเธอบ้าง ก็ได้เพื่อนทั้งสองคนที่คบหากับเธออย่างบริสุทธิ์ใจ เพราะตอนแรกที่คบหากันนั้นไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นน้องสาวของเจ้าพ่อแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์และวงการก่อสร้างหรอก คิดเพียงแค่ว่าอาจจะบังเอิญนามสกุลไปคล้ายเขาก็เท่านั้นแหละ แต่ก็มารู้หลังจากที่ขึ้นปีสองแล้วนั่นละ และเธอก็เป็นคนบอกเองด้วย แม้ทั้งคู่จะไม่รู้ว่าเธอโดนพูดใส่เพราะเรื่องอะไร แต่ก็ยังเข้าข้างและให้กำลังใจอย่างสม่ำเสมอ
ตอนแรกที่ทั้งคู่เข้ามาทักเธอนั้นเป็นช่วงที่เธอมีปัญหากับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาคบกับเธอเพียงเพื่อหวังที่จะเข้าหาพี่ชายเธอและเห็นแก่เงินของเธอ มีอะไรก็ให้เธอออกให้ แล้วบอกว่าเธอออกไปซิบ้านเธอรวยนี่ แล้วบอกอีกว่าหากพวกเขาไม่คบเธอแล้วใครเขาจะคบกับเธอกันไม่มีใครเขาอยากพูดกับเธอหรอก ตอนนั้นเธอท้อใจอย่างมากและเครียดกับเรื่องนี้ จนทำให้เธอไม่อยากที่จะมาเรียนเลย และเธอไม่กล้าที่จะบอกพี่ชายเรื่องนี้ รู้ว่าถ้าพูดออกไปแล้วจะเป็นยังไงน่ะซิ...พวกนั้นคงเดือดร้อนไปตามๆ กันเธอไม่อยากให้ให้เดือดร้อนแม้ว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายที่เดือดร้อนก็ตาม
ก็เป็นตอนนั้นแหละที่พลอยไพลินและณัฐกรเข้ามาทักเธอแล้วถามว่าเป็นอะไรไม่เห็นเข้าเรียนก็นึกว่าไม่มาเสียอีก ถามเพื่อนในกลุ่มเดียวกันก็บอกว่าไม่รู้เรื่อง ทั้งคู่เดินเข้ามาทักและถามอย่างห่วงใย แล้วยังเอาโน้ตที่จดของช่วงเช้ามาให้เธอยืมอีกด้วย ซ้ำยังชวนเธอไปกินข้าวพร้อมๆ กัน พอเธอถามออกไปว่าทำไมถึงได้เข้ามาคุยกับเธอละ ทั้งคู่ก็หัวเราะออกมาแล้วบอกว่า...บ้ารึเปล่าก็เราเป็นเพื่อนกันนี่
เพราะคำพูดวันนั้นทำให้พวกเธอสามคนเป็นเพื่อนกัน และสนิทสนมกันอย่างมาก จนเธอกล้าเล่าทุกเรื่องให้ฟังแม้แต่เรื่องที่เจอวันนั้น ทำเอาคนที่ตัวไม่ใหญ่ไปกว่าเธอเท่าไหร่เป็นเดือดเป็นร้อนไปโวยวายกับเพื่อนกลุ่มนั้นอย่างไม่มีใครกล้าต่อปากต่อคำเลยแม้แต่คนเดียว หน้าซีดกับไปตามๆ กัน และตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีกล้าเข้ามาพูดกระทบกระเทียบกับเธออีกเลย...
แต่ที่น่าขำไปกว่านั้นก็คือ...พอเธอบอกว่านามสกุลเธอที่ทั้งคู่บอกว่าบังเอิญไปคล้ายกับคนรวยอย่างอภิชัยสุทธิธรรมนั้น เธอเป็นน้องสาวคนเล็กของบ้านนั้นไม่ใช่นามสกุลเหมือนกันหรอก..แต่เธอเป็นคนบ้านนั้นจริงๆ สองคนนั้นกลับบอกว่ามิน่าละเธอถึงได้โดนแกล้งเพราะรวยกว่าคนอื่นเขานี่เอง
ทำเอาเธอยิ้มออกมาได้เลยทีเดียว เพราะไม่รู้ว่าเพื่อนที่เธอมีทั้งคู่จะมีปฏิกิริยาอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะทั้งคู่ก็ไหวไหล่น้อยๆ แล้วก็บอกว่าไม่เห็นจะเกี่ยวบ้านเธอรวยก็รวยไปซิ...คนจะเป็นเพื่อนกันไม่เกี่ยวกับฐานะซะหน่อยเราไม่ได้เป็นเพื่อนกันเพราะเงินทองซะหน่อยเราคบกันเพราะคนๆ นั้นมากกว่า
ความจริงงานวันเกิดคราวนี้ก็เพราะว่าพี่ชายของเธออยากจะเอ่ยขอบคุณทั้งคู่เสียมากกว่า เพราะไม่ว่าจะไปครั้งไหนก็ไม่มีโอกาสเจอหน้ากันกันเลย และอยากที่จะถือโอกาสงานวันเกิดของเธอเพื่อเจอหน้าทั้งคู่ก็เท่านั้นเอง




อักษรจัญจ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ก.ย. 2554, 08:41:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ก.ย. 2554, 08:41:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 3151





   ตอนที่ 2 >>
เจ้าหญิง 30 ก.ย. 2554, 12:05:40 น.
น่าติดตามมากคะ สนุกดี


Oleang 30 ก.ย. 2554, 12:28:27 น.
มาลงที่นี่ด้วย ...


หมูอ้วน 30 ก.ย. 2554, 12:43:00 น.
รออ่านตอนต่อไปค่ะ


คิมหันตุ์ 3 ต.ค. 2554, 10:01:44 น.
อ่านยากไปนิด....จัดระเบียบหน้ากับบรรทัดจะ ดูน่าอ่านค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account