กับดักใจ...ซาตานยอดรัก
เขา...ที่ตกหลุมรักเพื่อนน้องสาวที่ห่างจากเขา 15 ปี จะทำยังไงหากไม่วางกับดักให้เธอติดบ่วงเขา
เธอ...ที่ไม่เคยรักใคร เธอไม่เคยรู้ว่าเขากำลังต้อนเธอเข้ากรงใจ
Tags: พี่ใหญ่

ตอน: ตอนที่ 2

ตอนที่ 2
เพียงครึ่งชั่วโมงทั้งสองสาวก็นำรถมาจอดที่จอดรถหน้าตึก JTG สถานที่พวกเธอจะต้องมาฝึกงานในช่วงสองเดือนนี้ ทั้งสองสาวเดินลงมาจากรถและพยายามมองหาเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกคนที่บอกว่าจะมารอพวกเธอที่นี่แทนการไปเดินห้างฯ ด้วยกัน
“แก..ยัยสามโทรหาไอ้กรมันหน่อยซิว่ามันมารึยัง?” พลอยไพลินที่มองหาเพื่อนรักเท่าไหร่ก็ไม่เจอซักที จนเมื่อยไปหมดแล้ว เธอเลยบอกให้เพื่อนสาวโทรตามอีกฝ่ายเสียที จะได้ไม่ต้องเสียเวลาชะเง้อหาอย่างนี้
“เออ โทรอยู่...รอสายมันอยู่เนี่ย...” บอกพลางก็มองหาเพื่อนไปพลางเผื่อว่าจะเจออีกฝ่ายอยู่ตรงไหนบ้าง
“ไอ้กร..แกอยู่ไหนวะ..มายัง?” เขมวันต์ถามเสียงเร็วทันทีที่อีกฝ่ายกดรับสาย
“ถึงแล้วพวกแกละอยู่ไหนมารึยังวะ...ฉันไม่อยากเสียคะแนนเพราะมาสายหรอกนะ” อีกฝ่ายบ่นอู้...เมื่อยังมองไม่เห็นเพื่อสาวทั้งสองคนเสียที เพราะเขามารอได้ซักพักแล้ว แต่ไม่เห็นเงาแม่สองสาวเพื่อนรักเลย ทั้งที่เขาย้ำแล้วย้ำอีกว่าอย่าสาย
“ไอ้บ้า...พวกฉันก็มาถึงแล้ว ว่าแต่แกอยู่ตรงไหนเนี่ย พวกฉันมองไม่เห็นแกเลยวะ?” เขมวันต์พยายามมองหาเพื่อนเท่าไหร่ก็ไม่เจอเสียที มองหาจนเหนื่อยแล้วนะ และตอนนี้มันก็ร้อนมากด้วย
“อ้าว...เหรอ นึกว่าพวกแกช๊อบเพลินจนลืมเวลา..ฉันรอพวกแกอยู่ในตึกแล้วพวกแกรีบๆ มาเลยนะจะได้ขึ้นไปพร้อมๆ กันฉันติดต่อเขาไว้เรียบร้อยแล้ว” เขาไม่ได้บอกเพื่อนหรอกว่ากว่าจะเข้าไปได้และติดต่อเสร็จก็เสียเวลาอยู่ เพราะกว่าจะผ่านเครื่องตรวจจาก รปภ.และก็เข้าไปติดต่อที่เคาเตอร์และยังต้องเดินผ่านเครื่องตรวจอีกครั้งเนี่ย
“เออ..ไปเดี๋ยวนี้แหละ...แค่นี่นะ..” เธอรีบวางสายแล้วหันไปคว้ามือเพื่อนสาวให้เดินตามกันไป
“มันอยู่ไหนเหรอ?” พลอยไพลินหันมาถามทั้งๆ ที่เดินตามแรงลากของอีกฝ่ายอยู่ สองสาวในชุดนักศึกษาสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่เดินเข้ามาที่ตึกต่างเป็นที่สนใจของหลายๆ คนที่อยู่บริเวณนั้นไม่แพ้แม้แต่ใครบางคนที่อยู่ในรถคันหรูที่กำลังจะออกไปข้างนอก และบังเอิญเหลือบไปเห็นพวกเธอกำลังเดินตรงมาที่ตึก ตอนนี้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตอนหลังของรถ มองสองสาวนิ่งอย่างพิจารณา และได้แต่ยิ้มมุมปากนิดๆ เหมือนถูกใจอะไรบางอย่าง และบอกให้รถขับออกไป
“สวัสดีค่ะมาพบผู้จัดการฝ่ายบุคคลค่ะ” พลอยไพลินเดินนำเพื่อนสาวไปที่เคาเตอร์เพื่อแลกบัตรเหมือนกับที่มาติดต่อครั้งแรก แม้ว่าเพื่อนรักอีกจะบอกว่าติดต่อไว้แล้ว แต่ว่าเธอกับเพื่อนสาวก็ยังต้องแลกบัตรอยู่ดี ไม่ได้รับอภิสิทธิ์ใดๆ ทั้งสิ้น พวกเธอเป็นแค่เด็กฝึกงานนะจะได้รับอภิสิทธิ์อะไรได้ละ
“ค่ะ..นี่ค่ะบัตร” พนักงาสาวที่นั่งประจำเคาเตอร์รับบัตรนักศึกษาจากทั้งคู่แล้วยื่นบัตรติดต่อให้ เพื่อให้ทั้งคู่แสกนบัตรและเข้าไปด้านใน
“ขอบคุณมากค่ะ..ขอตัวก่อนนะคะ” ทั้งคู่รับบัตรมาถือเอาไว้แล้วขอบคุณพนักงานสาว ที่ช่วยอำนวยความสะดวกความจริงพวกเธอเคยมาที่นี่แล้วสามครั้ง และกว่าจะได้เข้าไปก็ต้องตรวจสอบกันหลายอย่าง แต่คราวนี้ง่ายกว่าทุกครั้ง ต้องยกความดีให้เพื่อนรักที่มาติดต่อและยื่นเอกสารเอาไว้แล้วเพื่ออำนวยความสะดวกให้พวกเธอ
“โหย...นึกว่าพวกแกจะมาไม่ทันซะอีกนะเนี่ย..ว่าแต่ยัยสามอีกละซิที่ไปกวาดซื้อของอีกน่ะ?” ณัฐกรบ่นออกมาทันทีที่สองสาวเดินมาหาเขาที่โซฟาตัวใหญ่ที่เขานั่งรออยู่ และถามอย่างรู้จักทั้งคู่เป็นอย่างดี
“อิๆ แกจะถามทำไมวะไอ้กรก็รู้ๆ กันอยู่ว่าอะไรเป็นอะไร” พลอยไพลินได้แต่ยิ้มตาพราวเมื่อเพื่อนพูดความจริงเป้ะๆ ทำเอาอีกคนที่โดนกล่าวโทษหน้างอขึ้นมาทันที แต่เรื่องจริงเธอก็ไม่มีสิทธิ์เถียงอยู่แล้ว
“โหย..พวกแกสองคนรุมนี่หว่า แล้วก็นะไม่ได้ซื้อทั้งห้างเสียหน่อยแค่นิดหน่อยเอง” เขมวันต์ทำหน้ายู่เมื่อโดนรุม และความจริงทั้งหมด
“น้อยไปซิ..แกซื้อซะขนาดนั้นพนักงานขายคงยิ้มไปทั้งเดือนแหละ” พลอยไพลินท้วงน้อยๆ เธอเห็นพนักงานขายในร้านที่เพื่อนกวาดซื้อของยิ้มหวานเชียวเพราะค่าคอมฯ ที่ได้รับ
“เอาน่ามันบอกว่าไม่ได้ซื้อทั้งห้างก็ยอมๆ มันเถอะ..แค่เกือบเท่านั้นแหละว่าแต่พวกเราไปกันเลยมั้ยผู้จัดการฝ่ายบุคคลคงกำลังรอแหละเพราะอีก 20 นาทีก็ถึงเวลาที่นัดแล้ว” ณัฐกรรีบเตือนทั้งสองสาวก่อนจะยาวไปกว่านี้แล้วไปผิดเวลาแล้วทำให้ผู้ใหญ่ไม่ชอบใจที่ต้องรออย่างนี้ แถมพวกเขายังไม่ใช่บุคคลสำคัญ แต่เป็นเพียงแค่เด็กฝึกงาน
“เออ..ไปเถอะ...แต่แกว่ามั้ยวะกรมาที่นี่ทีไรก็รู้สึกว่าที่นี่โคตรจะอลังการเลย?” พลอยไพลินเอ่ยถามเพื่อนเมื่ออยู่ในลิฟต์ที่กว้างขวางพอจะรับคนได้หลายสิบคน
“เออเดะ...ถ้าเขารับฉันเข้าทำงานที่นี่นะคงจะดีไม่น้อยเพราะโอกาสก้าวหน้ามีมากเลยทีเดียว แต่อย่างพวกแกคงไม่สนใจหรอกมั้ง?” เขาเย้าเพื่อนสาวทั้งสองคนที่ทำหน้าบึ้งใส่เขา
“พูดมากไอ้กร..อย่างแกน่ะมาอยู่เมืองกรุงต่ออย่างนี้จะดีเหรอระวังถูกตัดออกจากกองมรดกนะเว้ย!” เขมวันต์แซวเพื่อนรักตาพราวเพราะรู้ว่าเพื่อนไม่อยากปรับช่วงต่อธุรกิจที่บ้าน
“พูดมากไอ้สาม..ว่าแต่คนอื่นตัวเองละจะกลับไปทำงานของครอบครัวรึเปล่า?” ณัฐกรรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนสาวหลังจากที่เรียนจบแล้วจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศและติดต่อที่เรียนเอาไว้แล้วเหลือแค่ทางนั้นติดต่อกลับมาและรอกำหนดเดินทางเท่านั้น
“ไอ้นี่...พูดมากรู้อยู่ยังถามอีก..ว่าแต่เราจะต้องไปที่ชั้นไหนวะ?” เธอยกมือขึ้นหวังจะทำร้ายแต่คนตัวใหญ่เอาคนตัวเล็กอีกคนที่อยู่ในที่นี่มาเป็นที่กำบัง ทำให้เธอไม่สามารถทำร้ายเพื่อนได้ เธอได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างเจ็บใจและคิดว่าฝากเอาไว้ก่อน
“เฮ้ย! อย่านะเว้ย...แกสองคนจะทำเลาะกันก็อย่าเอาฉันเข้าไปเกี่ยวซิวะ...น่ะถึงแล้วชั้น 34” พลอยไพลินที่เอามือกั้นเพื่อนสาวแล้วเดินออกไปจากลิฟต์ก่อนตัวเองจะโดนทำร้ายร่างกายโดยไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย
“นั่นดิ..พูดความจริงแล้วรับไม่ได้ยัยสามเอ้ย...” ณัฐกรได้ทีรีบว่าซ้ำเพื่อนสาวและรีบเดินตมอีกคนไปทันที และมาหยุดที่หน้าประตูกระจกที่เขียนว่าฝ่ายบุคคล ชายหนุ่มเป็นคนผลักประตูเข้าไป และรอให้ทั้งสองคนเดินผ่านไปก่อนอย่างรู้หน้าที่ แล้วตัวเองเดินตามอยู่หลังสุด
“สวัสดีค่ะพี่คะเรามาพบผู้จัดการค่ะ” พลอยไพลินยกมือไหว้แล้วเอ่ยขึ้นมากับคนที่เดินมาที่โต๊ะหน้าสุด และแจ้งความประสงค์ทันที เธอไม่อยากเสียคะแนนเพราะเดินทะเล่อทะล่าเข้าไป โดยไม่ถามให้ดีเสียก่อน ส่วนอีกสองคนที่ทำตามเหมือนกัน
“อ๋อ...น้องเป็นนักศึกษาที่จะมาฝึกงานอาทิตย์หน้ารึเปล่า?” ดลยาสาวร่างอวบที่เดินมาเจอกลุ่มทั้งสามคนพอดี และรู้สึกถูกชะตากับทั้งสามคนนอย่างบอกไม่ถูกอาจจะเพราะความมีสัมมาคารวะของทั้งหมดก็เป็นได้
“ใช่ค่ะเรามารายงานตัวแล้วก็มายื่นเอกสารค่ะ...” พลอยไพลินรีบตอบทันที เมื่อได้รับรอยยิ้มจากอีกฝ่าย
“อ๋อ..เดินตรงไปแล้วไปหาน้องคนที่นั่งอยู่หน้าห้องได้เลยค่ะ แล้วบอกเขาไปนะว่ามารายงานตัวฝึกงาน เดี๋ยวพี่เขาก็พาเข้าไปพบผู้จัดการเองแหละ” สาวร่างอวบชี้ไปข้างหน้าและอยู่สุดมุมห้อง ที่หน้าห้องมีตัวหนังสือบอกว่าผู้จัดการฝ่ายบุคคล
“ขอบคุณค่ะ/ครับ” ทั้งหมดยกมือไหว้แล้วเดินตรงไปทันที
“ยินดีจ้า...”

ชายหนุ่มมาดขรึม เสริมด้วยชุดสูทเรียบหรูที่สีเข้มที่เดินเข้ามาในตึก AST กรุ๊ปเรียกสายตาสนใจจากทุกคนได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะสาวๆ หรือแม้แต่หนุ่มๆ ต่างก็มองด้วยความอิจฉาในความมีพร้อมของรูปร่างหน้าตา บุคลิกที่ดูดีไปหมดทุกอย่าง ด้วยความสูง 179 ซม. ในหน้าคมเข้ม คิ้วเข้ม หน้าตาหล่อเหลา ผมสั้นตามสมัยของคนที่กำลังเดินตรงไปที่ลิฟต์อยู่ตอนนี้ เขาเดินไปถึงและรออย่างใจเย็น วันนี้เขามาหาเพื่อนรักโดยที่เขาไม่ได้โทรบอกอีกฝ่ายก่อน เพราะเห็นว่าน่าจะว่างอยู่ หลังจากที่เขาต้องไปติดต่องานที่แคนาดาถึง 2 เดือน ทำให้ไม่ได้เจอหน้าเพื่อนรักเลย แต่ก็ใช่ว่าจะขาดการติดต่อไป และวันนี้เขาก็ตั้งใจที่จะชวนเพื่อนรักไปสังสรรค์เสียหน่อย
“แก..นั่นใครน่ะ..ถึงขึ้นลิฟต์ผู้บริหารได้น่ะ?” พนักงานสาวที่เห็นว่าชายหนุ่มเดินเข้าลิฟต์ส่วนตัวผู้บริหารเท่านั้นที่สามารถผ่านเข้าไปด้วยและมีรหัสขึ้นไป
“อะไร! นี่อย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้จักคุณจิรกิตติ์ โตษณาการ ประธานบริษัท JTG กรุ๊ปที่เป็นบริษัทผู้นำด้านซอฟท์แวร์ของโลกน่ะ? และที่สำคัญเป็นเพื่อนรักนายใหญ่ของเราน่ะ...” พนักงานสาวอีกคนมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีคนที่ไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ด้วย
“โห...จริงน่ะ!? ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่ประสบความสำเร็จอย่างนี้จะหนุ่ม และก็หล่อขนาดนี้” เธอมองไปที่ลิฟต์ที่เขาเพิ่งหายไปจากสายตาอย่างชื่นชม คนอะไรไม่รู้หล่อเป็นบ้า หล่อไม่เกรงใจใคร
“ก็จริงของเธอนะ...แต่อย่างเราน่ะได้แค่มองเท่านั้นแหละเขาจะมาแลคนอย่างเราเหรอ เขาคงมองแต่คนระดับเขาเท่านั้นหรือไม่ก็พวกดารา นางแบบน่ะแหละ เพราะฉันเห็นเขามีข่าวกับพวกนั้นบ่อยๆ แหละ...” ได้แต่บอกอย่างปลงๆ เพราะยังไงพวกเธอก็ได้แค่ะชื่นชมเท่านั้นแหละ เหมือนที่พวกเธอชื่นชมท่านประธานและท่านรองที่หล่อกระชากใจพวกเธอเหลือเกิน
“เฮ้อ/เฮ้อ...” ทั้งสองสาวได้แต่ถอนหายใจเสียงดังอย่างปลงๆ เพราะคนอย่างพวกเธอก็ได้แต่มองเท่านั้นแหละ ไม่มีสิทธิ์อาจเอื้อม แค่ได้ทำงานที่นี่และมีโอกาสได้เห็นหน้าพวกท่านบ้างเท่านั้นก็เป็นสิ่งที่พวกเธอพอใจแล้ว และมีวันไหนที่ท่านถามสารทุกข์หรือแม้แต่ถามเรื่องงานด้วยแล้ว พวกเธอยิ่งเก็บเอาไปฝันเลยแหละ
“สวัสดีครับคุณผ่องรำไพผมมาหาเจ้านายคุณน่ะครับอยู่มั้ย?” ชายหนุ่มเดินตรงมาที่โต๊ะทำงานของสาวใหญ่ร่างท้วมที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะตั้งแต่ที่เขารู้จักกับเพื่อนรักอย่างเหมวันต์เขาก็รู้จักอีกฝ่ายด้วย เพราะคุณผ่องรำไพทำงานเป็นเลขาฯ ของพ่อเพื่อนรักเขาด้วยด้วย
“อยู่ค่ะ...แต่ว่าคุณจิหายไปนานเลยนะคะ?” คุณผ่องรำไพเอ่ยเสียงเรียบและถามชายหนุ่มอย่างคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
“ครับ...ช่วงนี้ยุ่งน่ะครับเพิ่งกลับมาจากแคนาดาน่ะครับ...แล้วก็นี่ครับของฝาก” ชายหนุ่มยื่นถุงของฝากที่เขาแวะซื้อมาฝากอีกฝ่ายเป็นประจำถ้ามีเวลาเป็นผ้าพันคอสีโอโรสที่เขาเห็นว่าเหมาะกับอีกฝ่ายก็เลยหยิบมาให้
“อุ้ย...ขอบคุณค่ะ ไม่เห็นต้องลำบากเลยค่ะ...ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะที่ยังนึกถึงคนแก่ๆ อย่างดิฉัน” สาวใหญ่ยิ้มอย่างขอบคุณที่อีกฝ่ายมีน้ำใจกับเธอเสมอความจริงเขาจะเฉยเสียก็ไม่มีใครว่าเขาอยู่แล้ว
“ไม่หรอกครับ ถ้ามีเวลาผมก็ไม่ลืมคุณผ่องรำไพหรอกครับ...เว้นแต่ครั้งไนไม่ว่างจริงๆ เท่านั้นแหละครับ...” เขาเอ่ยยิ้มๆ และมองไปยังห้องทำงาน
“เข้าไปเถอะค่ะ....ท่าทางคุณใหญ่อารมณ์ไม่ค่อยจะดีน่ะค่ะ...สงสัยจะเรื่องคุณสาม” เธอเอ่ยอย่างรู้จักเจ้านายใหญ่มานานแล้ว และรู้ว่าเรื่องที่ให้เจ้านายอารมณ์เสียได้อย่างนี้มีไม่กี่เรื่องหรอก และหนึ่งในนั้นก็คือเรื่องน้องสาวคนเดียวของท่านนี่ละ....
“เหรอครับ...ขอตัวก่อนนะครับ...” เขารู้ว่าเพื่อนมีน้องสาวแต่ก็ไม่เคยเจอหน้ากันซักครั้ง แม้ว่าเขาจะไปเที่ยวที่บ้านเพื่อนหลายครั้งแต่ว่าก็ไม่ได้เจอหน้ากับเธอเลย จนเขาต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ และกลับมาทำงานก็ยังไม่เคยเห็นหน้าเลยซักครั้ง มีแต่เห็นหน้าเธอตอนที่เป็นเด็กทารกเท่านั้น เพราะว่าน้องสาวของเพื่อนเขาอายุห่างจากพวกเขาตั้ง 15 ปี ซึ่งเรียกได้ว่าน้องสาวคนเล็กของเพื่อนเป็นลูกหลง แต่ก็ทำให้เพื่อนเขาเห่อน้องสาวคนนี้มากเพราะว่าเคยมีแต่น้องผู้ชาย และเขารู้สึกว่าเพื่อนทำตัวเหมือนเป็นพ่อมากกว่าพี่ชาย
“ไงวะ...ไอ้คุณใหญ่..” จิรกิตติ์ที่เปิดประตูห้องทำงานเพื่อนรักเข้าไปโดยที่ไม่เคาะเสียก่อน และเขาก็ได้เห็นหน้าหงิกๆ ของเพื่อนรักที่มองมาที่เขาอย่างไม่พอใจ ที่มีคนเปิดประตูเข้ามาโดยที่ไม่ขออนุญาตเสียก่อน
“โห...อะไรเนี่ย...ทำไมหน้าหงิกอย่างนั้นวะ?” จิรกิตติ์เดินไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับโต๊ะตัวใหญ่ที่วางเอกสารมากมายอยู่ตรงหน้า เขามองหน้าเพื่อนรักอย่างพิจารณาท่าทางจะอารมณ์เสียจริงๆ แฮะ
เขามองหน้าคนที่เขาเรียกว่าใหญ่หรืออีกชื่อก็คือเหมวันต์ อภิชัยสุทธิธรรม ชายหนุ่มร่างสมาร์ท รูปร่างสมส่วนอย่างคนออกกำลังกายมีกล้ามเนื้อที่ทำให้ดูดีอย่างไม่น่าให้อภัยเพราะไม่ว่าจะมองยังไงชายหนุ่มตรงหน้าก็หล่อมาก ใบหน้าคมเข้ม คิ้วคม ตาเฉียบแหลมผมซอยสั้น และจัดทรงอย่างดูดี และด้วยความสูงถึง 180 ซม. ทำให้เขาดูดีด้วยชุดสูทเรียบหรูที่สวมติดตัวตอนนี้
“ไอ้จิ..แกหายหัวไปตั้งหลายเดือนกลับมาก็มากวนประสาทกันเลยนะแก...ว่าแต่งานเรียบร้อยดีเหรอ?” ถามออกไปอย่างรู้เรื่องทุกอย่างเป็นอย่างดี และตั้งแต่ที่เห็นว่าใครที่เป็นคนที่เสียมารยาทเขาก็ไม่หงุดหงิดน้อยลงเพราะรู้จักนิสัยกันดีอยู่แล้ว
“อืม...ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วละ..ว่าแต่แกเถอะเป็นอะไรวะ ได้ยินคุณผ่องบอกว่าเรื่องน้องสาวแกเหรอ...ทำไมละ” เขาไม่รู้จักน้องสาวของเพื่อนมากนักนอกจากที่เพื่อนเล่าให้ฟังอย่างเอ็นดูเท่านั้น แค่ได้ฟังเขาก็รับรู้ได้ถึงความรัก และความห่วงใยที่เพื่อนเขาและน้องชายอีกคนมีให้น้องสาวคนเล็กมากแค่ไหน แต่อย่างว่าละตัวจริงกับสิ่งที่พี่ชายเล่าอาจจะต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยก็ได้ เพราะน้องตัวเองยังไงก็น่ารัก น่าเอ็นดูเสมอ
“เฮ้อ...ก็ยัยสามน่ะซิจะเรียนจบแล้ว และตอนนี้ก็กำลังจะฝึกงาน” เขาระบายออกมาให้เพื่อนรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับน้องสาว ปกติเขาจะหวงเรื่องราวในครอบครัวกับคนอื่นอย่างมาก แต่กับอีกฝ่ายเขาสามารถเล่าเกี่ยวกับครอบครัวให้อีกฝ่ายรับรู้ได้ทุกเรื่องเหมือนที่จิรกิตติ์ก็สามารถเล่าเรื่องราวของครอบครัวให้เขารู้ได้เหมือนกัน
“อ้าว! แล้วมันไม่ดีเหรอวะ...น้องสามจะได้มาช่วยแกทำงาน?” จิรกิตติ์ได้แต่เอนตัวกับพนักเก้าอี้สบายๆ แล้วมองหน้าเพื่อนรักอย่างไม่เข้าใจ
“ก็ดี...แต่ที่ไม่ดีคือยัยสามไม่ยอมมาฝึกงานที่บริษัทน่ะซิ” เขาไม่พอใจแต่ก็เถียงไม่ออกกับเหตุผลของน้องสาวที่บอกกับเขา
‘สามไม่อยากมาฝึกงานที่บริษัท เพราะอะไรรู้มั้ยคะพี่ใหญ่...เพราะว่าทันทีที่ทุกคนเห็นสามมาฝึกงานก็ไม่มีใครกล้าว่าหรือว่าใช้ให้ทำอะไรแล้วอย่างนี้เขาจะเรียกว่าฝึกงานเหรอ สามต้องการไปเรียนรู้ว่าการทำงานจริงๆ เป็นยังไง ถึงจะไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่สามก็ยังได้อิสระที่จะทำอะไรก็ได้ โดยที่ไม่มีใครต้องเกรงใจท่านประธานและสามที่เป็นน้องสาวท่านประธาน...ให้สามไปฝึกงานที่ๆ สามอยากไปนะคะ’ ใครจะไปกล้าขัดใจกันละ แค่น้องสาวเข้ามากอดแล้วส่งสายตาออดอ้อนเขาก็พาลใจอ่อนไปหมดแล้ว
“อ้าว...ทำไมละ?” เขาได้แต่คิดว่าน้องสามของเพื่อนเขาก็มีความคิดเหมือนกันนะเนี่ย ที่จะไม่มาฝึกงานที่บริษัทก็เท่ากับว่าไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยเพราะมีแต่คนเกรงกลัวเธอ
“หึ..ไม่ยอมมาฝึกหรอก...เขาบอกว่าจะไปฝึกงานที่บริษัทที่เกี่ยวกับสาขาที่เขาเรียนมาโดยตรง...ความจริงยัยสามก็ยอมตามที่ฉันบอกอย่างหนึ่งก็คือเรียนจบแล้วเธอจะยอมไปเรียนบริหารที่อเมริกาน่ะ” เขาได้รับคำสัญญาจากน้องน้อยของเขาว่าทันทีที่เธอเรียนจบเธอก็จะไปเรียนต่อในสาขาที่จะกลับมาช่วยงานที่บ้านได้ และเธอจะเรียนให้ได้ปริญญาโทสองใบนั่นคือวิศวะฯ คอมพิวเตอร์ และบริหารธุรกิจ และนั่นทำให้เขาพอใจอย่างมาก
“ก็ดีแล้วนี่....ฉันไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่ทำให้แกต้องหน้าหงิกอย่างนี้นี่หว่า?” เขาได้แต่มองหน้าเพื่อนอย่างไม่หายข้องใจ ในเมื่อน้องสาวของเพื่อนก็มีเหตุผลที่ดีมาขอไปฝึกงานแล้ว และก็ใช่ว่าเธอจะเหลวไหลเสียหน่อยนี่ก็จะเรียนจบเป็นบัณฑิตอยู่แล้ว
“มันก็ใช่...แต่ฉันเป็นห่วงน้องสาวฉันนี่หว่า...ยัยสามน่ะน่ารักแถมขี้อ้อนตะหาก ใครเห็นมันจะไม่จีบเหรอวะ?” อาการหวงน้องสาวกำเริบนี่เองที่ออกอาการอย่างนี้ ช่วยไม่ได้เขาเลี้ยงน้องสาวคนเล็กมากับมือก็ต้องหวงมากเป็นธรรมดา ยิ่งตอนที่พ่อกับแม่ขาเสียไป น้องสาวก็ยังเล็กทำให้เขาต้องคอยอยู่ด้วยกับน้องสาวตลอดเวลา
“อ้อ...หวงน้องนี่เองเหรอวะ?” จิรกิตติ์พยักหน้ารับรู้ถึงอาการที่เป็นอยู่ตอนนี้ของอีกฝ่าย
“ไอ้จิ..น้องสาวฉันยังเด็กอยู่นะ เกิดไปหลงคารมไอ้พวกผู้ชายที่มันเข้ามาจีบละ?” เขาเลิกคิ้วมองหน้าเพื่อนรักอย่างเป็นกังวล เพราะน้องสาวเขาอ่อนหวาน และอ่อนโยน ปฏิเสธใครไม่เป็นเสียด้วย แต่เขาคงลืมไปว่าน้องเขาไม่โง่ที่จะไม่รู้ว่าใครเข้ามาหลอกหรือว่าเข้ามาอย่างจริงใจ และเรื่องหัวใจเธอคงไม่หลงกลใครง่ายๆ
“เอาน่า...น้องแกเขาโตแล้วนะ และตอนนี้เรียนก็ใกล้จบแล้ว เขามีเพื่อน มีพี่อย่างพวกแกเขาก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร...คงไม่มีอะไรอยู่แล้ว เกิดว่าเขาจะมีแฟน....” เขาหยุดไว้แค่นั้นเมื่อเพื่อนเขาโบกมือว่อนอย่างไม่ยอมให้เอ่ยถึง
“หยุด...หยุดเลยไอ้จิ...อย่ามาพูดเรื่องมีแฟนนะยัยสามยังเป็นเด็กนะจะรีบไปมีทำไมแฟนน่ะ...และจะบอกให้นะถ้าฉันไม่เห็นด้วยเรื่องผู้ชาย...หมดสิทธิ์” แววตาวาวโรจน์ขึ้นมาทันทีที่คิดว่าน้องเขาจะมีคนรัก น้องเขาเพิ่งจะ 20 เองนะ แม้ว่าจะอีกแค่อาทิตย์เดียวจะครบ 21 ก็ตาม ยังไงเธอก็ยังเด็กสำหรับเขาเสมอ ใครจะว่าเธอเป็นสาวแล้วก็ตาม แถมยังเป็นสาวสวยซะด้วย นั่นละที่เขาห่วง
“อ้าว...ไอ้ใหญ่แกเป็นเอามากนะน้องเขาก็ต้องมีชีวิตของตัวเองนะ แกจะมายึดน้องเขาไว้อย่างนี้ไม่ได้หรอกนะ...อย่าลืมซิว่าแกเองก็ต้องแต่งงานไปซักวันนะ แกจะให้น้องเขาอยู่เป็นโสดคนเดียวไปตลอดเหรอวะ?” เขาบอกอย่างมีเหตุผล เขารู้ว่าการอยู่คนเดียวบางครั้งก็เหงา อย่างเขาตอนนี้ก็รู้สึกเหงาเหมือนกัน แต่ตอนนี้เขาไม่อยากดิ้นรน และอยากจะเจอคนที่ใช่มากกว่า และเขาใช้ชีวิตมาเต็มที่แล้ว
“ไม่...ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา..” เขาไม่ได้ห้ามไม่ให้น้องสาวมีคนรักหรือแต่งงานแต่เขาเห็นว่าตอนนี้ยังไม่เหมาะหรอก รออีกหน่อยแล้วกัน แต่เขาคงคิดไม่ถึงหรอกว่าอีกไม่นานเขาจะต้องหนักใจเพราะเรื่องคนรักของน้องสาว...



อักษรจัญจ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ต.ค. 2554, 08:44:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ต.ค. 2554, 08:44:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 2620





<< ตอนที่ 1   ตอนที่ 3 >>
Oleang 1 ต.ค. 2554, 12:50:49 น.
แวะมาให้กำลังใจคนแต่งค่ะ แล้วที่เด็กดี ไม่อัพ เหรอค๊ะ ... หุหุ


อักษรจัญจ์ 1 ต.ค. 2554, 12:56:36 น.
อัพค่ะ แต่ว่างช่วงนี้พ่กุ้งยังคิดไม่ออกงะ...เอาไว้คิดออกจะรีบลงจ้า ช่วงนี้ก็ลงที่นี่ไปเรื่อยๆ ก่อนจ้า


หมูอ้วน 1 ต.ค. 2554, 15:29:26 น.
คุณจิ จะใช่คนรักของน้องสามป่าวค่ะ
รอลุ้นตอนต่อไปค่ะ


anOO 2 ต.ค. 2554, 13:27:13 น.
ท่าทางจะมีมากกว่า 1 คู่


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account