รักสุดท้าย...ที่ปลายดาว
เพราะความเข้าใจผิดในสัมพันธภาพระหว่างสาวสวย ปากจัด กัดเจ็บ อย่าง “ปลายดาว” กับ เพื่อนหนุ่มคาสโนว่า ทำให้เธอต้องตกเป็นจำเลยในสายตาของ “เตชิต” วิศวกรหนุ่มที่(เขาว่ากันว่า) ปากจัด ซ้ำยังกัดเจ็บยิ่งกว่า ผลที่ตามมาก็คือการปะทะคารมกันแบบดุเด็ดเผ็ดร้อนทุกทีที่ประจันหน้า....เรื่องจะยอมเพลี่ยงพล้ำตกเป็นรองอีกฝ่ายน่ะรึ...ไม่มีทางซะหร้อกกกก

แต่เรื่องวุ่นๆชุลมุนหัวใจก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อสนามรบทำท่าจะเปลี่ยนเป็นสนามรัก(ตามสูตรนิยายคลาสสิค^^) ท่ามกลางความอึดอัดขัดใจของเพื่อนหนุ่มคาสโนว่าที่ยุยงส่งเสริมมาแต่ทีแรก แต่ดันเกิดอาการ “หวงของ” ขึ้นมาเสียอย่างนั้น งานนี้ก็เลยมี “ก้าง” ชิ้นใหญ่โผล่ขึ้นมาแบบไม่ทันให้ตั้งตัว

วิศวกรหนุ่มจะทำอย่างไร เมื่อหนทาง “สุดท้ายที่ปลายดาว” ดูเหมือนจะไม่ง่ายอย่างที่คิด มิหนำซ้ำยังมีเรื่องรัก(ลึกลับ)ในอดีตโผล่ขึ้นมาให้ปวดหัวเพิ่มอีก...

งานนี้เห็นทีต้องลุ้นกันเหนื่อยหน่อยล่ะ!

Tags: กุ๊กกิ๊ก โรแมนติค ปลายดาว เตชิต

ตอน: ตอนที่ 1 >

เฮ้อ!.....

หญิงสาวร่างเล็กเจ้าของชื่อ “ดาว” หรือ “ปลายดาว” ถอนหายใจออกมายาวเหยียดเมื่อเข็มยาวของนาฬิกาโบราณเรือนใหญ่เดินทางมาถึงเลขสิบสองอีกครั้ง นั่นหมายความว่าเธอเสียเวลาไปโดยเปล่าๆปลี้ๆถึงสองชั่วโมงโดยไม่ได้อะไรขึ้นมา หญิงสาวเม้มปากและอดไม่ได้ที่จะเหลือบตามองผู้ชายหน้าสวยที่นั่งกระแซะอยู่ข้างๆอย่างอ่อนอกอ่อนใจ...

“ว่าไง...จะเอายังไงก็ว่ามา เสียเวลาฉันมามากแล้ว นี่ฉันจะโดนไล่ออกสักวันก็เพราะเธอนี่แหละ”

เธอถอนใจอีกครั้งอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นจากสมุดบันทึกคู่ใจ คิ้วคู่สวยขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติ

“ก็บอกแล้วว่าให้ไปทำที่บริษัทฉันเธอก็ไม่เชื่อ...”

“หน็อย! ขนาดตัวเธอเองยังไม่ยอมทำ แล้วจะให้ฉันยอมเอาชีวิตไปเสี่ยงเนี่ยนะ นี่เธออย่ามานอกเรื่องนะ!”

หญิงสาววางปากกาในมือลงบนโต๊ะดังแกร๊กอย่างกึ่งโมโหกึ่งหงุดหงิด หากชายหนุ่มรีบตะครุบมือเธอไว้อย่างรวดเร็ว

“ดาว...” เขาทำสุ้มเสียงวิงวอน

“ฉันบอกแล้วว่าไม่ ก็คือไม่! พูดไม่รู้เรื่องเดี๋ยวก็เบิ๊ดกะโหลกเข้าให้หรอกอีนี่!”

“โธ่...ดาว...ทำไมถึงได้ใจร้ายกับเพื่อนขนาดนี้นะ”

“คนสวยเขาไม่ได้ใจดีกันทุกคนหรอกย่ะ รู้ไว้ซะด้วย!”

“ใจดำ”

“ก็เฉพาะเพื่อนแบบเธอเท่านั้นแหละ”

แม้จะทำตาเขียวปั๊ดใส่เพื่อนหนุ่ม ทว่าเมื่อชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในโชว์รูมเพื่อเลือกชมสินค้า หญิงสาวก็ยังไม่วายหันไปส่งรอยยิ้มหวานๆให้ตามแบบฉบับของเจ้าของสถานที่ที่ดี เขาเป็นชายหนุ่มท่าทีหล่อภูมิฐานแต่ไม่ค่อยมีรอยยิ้มบนใบหน้าสักเท่าไหร่นัก เขาสบตากับเธออยู่แว่บหนึ่งแล้วก็แลเลยไปทางอื่นราวกับเธอเป็นเพียงวัตถุอะไรบางอย่างที่ตกกระทบสายตาที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร

“ช่วยฉันสักครั้งเถอะนะดาว เธอไม่ช่วยฉันแล้วใครจะช่วย นี่มันความเป็นความตายของฉันนะ”

“ไม่ต้องมาดราม่า!” หญิงสาวทำเสียงดุเข้มเมื่อรู้สึกว่าเธอเสียเวลากับเรื่องของเขามามากพอแล้ว “ฉันขี้เกียจจะฟังเรื่องของเธอเต็มที จะเป็นจะตายยังไงมันก็เรื่องของเธอเถอะ อยากจะตายเมื่อไหร่ก็บอกด้วยแล้วกัน ฉันจะยอมทุบกระปุกเป็นเจ้าภาพให้สักคืน วัดแถวบ้านฉันยิ่งมีโปรโมชั่นพิเศษอยู่ด้วย จองคืนนี้แถมข้าวต้มฟรีคืนสุดท้าย ฉันคงช่วยเธอได้เท่านี้ เอาล่ะ ถ้าไม่มีเรื่องอื่นจะคุย ฉันก็ขอตัวล่ะนะ งานการฉันเยอะแยะตาแป๊ะไก่ คิดอะไรออกก็ค่อยโทรมาละกัน”

หญิงสาวตัดบทอย่างรำคาญ แอบถอนใจเป็นรอบที่ร้อยให้กับคนเรื่องเยอะอย่างเขา
ชายหนุ่มคนนี้ชื่อวรนนท์....ซึ่งปลายดาวมักจะแอบเรียกเขาว่า “นายหนอน” เสมอ วรนนท์เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเธอมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมต้น แม้จะไม่ได้สนิทสนมกันมากนักเนื่องจากอยู่กันคนละกลุ่มแต่ทั้งคู่ก็ได้อยู่ห้องเดียวกันมาจนจบมัธยมปลาย โลกในวัยเรียนของทั้งคู่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ปลายดาวเรียนเก่งติดอันดับท็อปทรีของห้อง แถมได้รางวัลนักเรียนดีเด่นทุกเทอม นี่ยังไม่รวมรางวัลนักกีฬาดีเด่นระดับประเทศที่เธอสามารถกวาดมาได้อีกเป็นว่าเล่น ถึงจะไม่ใช่ดาวเด่นแต่ก็ไม่มีใครไม่รู้จัก ส่วนวรนนท์นั้นเหมือนอยู่กันคนละโลก ความหล่อและรวยทำให้เขาเป็นที่รักของบรรดาอาจารย์และเพื่อนนักเรียนสาวๆมากมาย และแม้ว่าผลการเรียนจะเข้าขั้นแย่แต่ฝีมือการเอาตัวรอดนั้นขั้นเทพ

เส้นทางระหว่างหญิงสาวกับวรนนท์ควรจะจบไปตั้งนานแล้วหลังจากเรียนจบชั้นมัธยมปลาย แต่อาจเป็นเพราะพรหมลิขิตไม่ก็กรรมเก่า ที่ทำให้เธอต้องไปเจอเขาอีกที่ออสเตรเลีย หลังจากที่เธอดันบังเอิญสอบเอ็นทรานซ์ไม่ติดชนิดหักปากกาเซียนเสียแหลกละเอียด...ทั้งคู่เลยกลายเป็นเพื่อนสนิทกันนับตั้งแต่นั้น

ปลายดาวตั้งความหวังไว้ว่าเธอจะตั้งหน้าตั้งตาเรียนให้จบโดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะกลับมาสานต่อธุรกิจของครอบครัว แต่กระนั้นความซวยก็ยังคงตามไปเยือนถึงเมลเบิร์นประดุจมิตรที่แสนดี เมื่ออีกเพียงปีกว่าๆให้หลัง เธอก็ได้รับข่าวอันไม่พึงประสงค์จากบุพากรีที่เคารพ ว่าบัดนี้(ความจริงคือบัดนั้น) ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของครอบครัวประสบภาวะขาดทุนอย่างหนัก นั่นหมายความว่าเธอและพี่สาวจำเป็นจะต้องระเห็จกลับมาเมืองไทยด้วยเหตุผลสรุปรวมสั้นๆว่าครอบครัวกำลัง “ถังแตก”

หญิงสาวโอนหน่วยกิตและกลับมาตั้งหน้าตั้งตาเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีนักศึกษามากที่สุดในประเทศ และหลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยได้ติดต่อหรือเจอกับนายหนอนอีกเลย มาเจออีกทีก็ตอนที่ทั้งคู่ต่างเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว ในงานแต่งงานของ “ส้มจี๊ด” อดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียนคนหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน วรนนท์ปรากฏกายด้วยความหล่อเต็มอัตราศึก ชนิดที่ว่าแอบขโมยซีนเจ้าบ่าวไปได้โขอยู่ และแม้ว่าจะมีสาวๆในงานตามกรี๊ดเขาอยู่หลายคน แต่ความซวยกลับมาตกอยู่ที่ปลายดาว...ทั้งคู่เลยกลับมาเป็นแฝดอินจันตัวติดกันอีกหน

ไม่แปลกที่ครั้งหนึ่ง หญิงสาวก็เคยแอบรักคนอย่างหมอนี่เหมือนกัน รักมากด้วย ตามประสาของหญิงสาวที่แอบปลื้มผู้ชายหน้าตาท่าทางดีแถมดูเป็นสุภาพบุรุษทุกกระเบียดนิ้ว แต่พอสนิทสนมกันมากขึ้น ปลายดาวก็ค้นพบนิสัยเสียๆของเขาหลายอย่างโดยเฉพาะความเจ้าชู้แบบหาตัวจับยากชนิดขุนแผนยังเรียกพี่ของเขานี่แหละ ในที่สุดความที่เคย “แอบรัก” ก็เลยกลายเป็น “ความเอือม” คนรักตัวเองมากมายอย่างเธอก็เลยหยุดหาเรื่องเจ็บตัวนับแต่นั้น เพราะคนอย่างนายหนอน...อย่าว่าแต่รักคนอื่นเล้ย แค่ตัวเองเขายังรักไม่เป็น แล้วเรื่องจะให้เขาหันมาเหลียวมองผู้หญิงดีๆแต่หน้าตาธรรมดา(แค่ในสายตาเขา) อย่างเธอน่ะ อาจจะชาติหน้าตอนบ่ายๆ

เรื่องของเรื่อง...มันเริ่มจากการที่วรนนท์บุกมาหาเธอกลางดึกเมื่อสองสามวันก่อนพร้อมกับน้ำเสียงและสีหน้าไม่สู้ดีนัก แรกทีเดียวปลายดาวนึกว่าตัวเองละเมอหรือไม่ก็ตาฝาด แต่กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนแรงจากลมหายใจของเขาก็บอกให้รู้ว่ามันคือเรื่องจริงผ่านจอ และเธอคือ The star ผู้ถูกเลือกให้เผชิญชะตากรรมในครั้งนี้

“แม่จะให้ฉันแต่งงานกับลูกสาวท่านอธิบดี”

เขาหมายถึงคุณหญิงดวงใจ ที่ร่ำลือกันกันว่าเจ้ายศเจ้าอย่าง ทั้งยังหวงลูกชายคนเดียวยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด

“กี่วัน”

ที่จริงเธอตั้งใจจะถามว่า “เมื่อไหร่” ต่างหาก แต่คำพูดที่ไม่สอดคล้องดันหลุดออกไปเร็วกว่าเหมือนคนละเมอ

“กี่วันอะไรของเธอ นี่ละเมออยู่ใช่ไหม ตื่นมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะ ยัยบ๊อง!”

เมื่อเขาฟาดหมอนอิงเปรี้ยงมาที่ศีรษะ สติสัมปชัญญะของเธอจึงกลับมาเต็มร้อย

“แล้วมาบอกฉันเพื่อ? จะให้ฉันเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวหรือไง ได้ๆ วันไหนล่ะ กี่โมง”

“ประสาทเสียเหรอไงเธอ! แต่งงานนะโว้ย ไม่ใช่เป็นเพื่อนไปเดินสยาม”

“ก็แต่งสิ สนุกดี ฉันจะได้กินเค้กแต่งงานเธอด้วย ยิ่งถ้าเป็นบลูเบอรี่ชีสเค้กล่ะก็จะแจ๋วมาก วุ้ย! แค่คิดก็น้ำลายหก”

“บ้าแล้ว! เห็นแก่กิน ใครจะไปแต่ง ยุคนี้มันหมดสมัยคลุมถุงชนแล้วนะเธอ”

“แล้วมาบอกฉันทำไม ทำไมไม่ไปบอกคุณหญิงแม่เธอล่ะ บ๊อง!”

“บอกแล้ว แต่แม่ไม่ฟังฉันเลย แม่บอกว่ามันจำเป็น ที่ฉันจะต้องแต่งงานกับใครสักคนที่เหมาะสม อย่างน้อยก็เพื่อฐานะทางสังคม”

“คุณค่าที่คุณคู่ควรว่างั้น” หญิงสาวต่อให้ นายหนอนพยักหน้ารับ

“แต่ฉันไม่ชอบวิธีแบบนี้ ฉันต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างน้อยก็อายุเจ็ดสิบ แปดสิบ เธอจะให้ฉันอยู่กับคนที่ฉันไม่รักเนี่ยนะ”

“ทำเป็นมีอุดมการณ์ ฟังแล้วหมั่นไส้อ่ะ ทีกับผู้หญิงที่ปะฉะดะมาตั้งกี่คน ไม่เห็นจะแคร์เล้ย แหม....”

เธอลากเสียงยาวล้อเลียนเพื่อน รู้ว่าทั้งหมดที่เขาไม่นำพานั่นน่ะเหตุผลก็มีเพียงแค่เขายังหวงชีวิตโสดและยังไม่พร้อมจะมีครอบครัวเท่านั้นเอง ที่สำคัญ...ผู้ชายอย่างเขาแค่จะดูแลตัวเองให้ดียังทำไม่ได้ แล้วจะต้องไปดูแลใครอีกคนไปทั้งชีวิตน่ะหรือ...อย่าหวัง!

“เถอะน่า...ฉันมาคิดๆดูแล้ว ฉันว่ามีคนๆเดียวแหละที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งอย่างได้”

“แล้วใคร? ฉันเรอะ?” หญิงสาวใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าอกตัวเอง “บ้าแล้ว คุยฉันยังไม่เคยคุยกับแม่เธอเลย แล้วจะให้ฉันไปหว่านล้อมแม่เธอเนี่ยนะ เมายากันยุงหรือเปล่าไอ้น้อง”

“มันก็ไม่ถูกเสียทีเดียว ความจริงแล้วฉันมีแผน”

“แผนอะไรของเธอไม่ทราบ”

นายหนอนอมยิ้มมุมปาก พร้อมสาธยายแผนการสุดพิศดารพันลึก ชนิดที่ว่าทำเอาคนฟังสะบัดร้อนสะบัดหนาว หนาวแล้วร้อน ร้อนแล้วกลับมาหนาวอีกไม่รู้กี่รอบ

------------------------------------------------------------------

“ดาวๆๆๆ เธอฟังฉันอยู่หรือเปล่าเนี่ย”

ชายหนุ่มเขย่าแขนปลายดาวแรงๆจนเธอตกใจ แต่ก็ฉุดดึงเธอขึ้นมาจากภวังค์ได้สำเร็จ

“ฟังอยู่ๆ...เอ่อ...เธอก็พูดต่อไปซิ...”

“นี่ฉันซีเรียสนะดาว ฉันไม่อยากแต่ง” เขาทำหน้าขอความเห็นใจได้อย่างสุดซึ้ง “ฉันถามจริงๆ เธอคิดว่าสมัยนี้มันยังจะมีใครยอมถูกคลุมถุงชนมั่งหา! นี่มันยุคพี่เคนรถไฟฟ้ามาหานะเธอแล้วนะ ไม่ใช่คุณภาคย์ในเรื่องปลายดาวพระศุกร์”

แม้คำว่า “พี่เคน” จะทำให้ตรรกะของเขาดูน่าสนใจขึ้นมาทันที แต่กระนั้นมันก็ยังไม่หนักแน่นพอที่จะทำให้เธอยอมลงเรือลำเดียวกับเขาได้...

“แต่โกหกคนอื่นมันบาป ตกนรกนะ ฉันกลัว...แล้วมันก็ยากเกินไปสำหรับฉันด้วย...ฉันว่าเธออย่าเสียเวลาเลย กลับไปเหอะ ฉันทำไม่ได้หรอก!”

“แหมโว้ย! มันยากตรงไหน ก็แค่แสดงตัวว่าเป็นเมียฉัน ใครๆก็อยากเป็นเมียฉันทั้งนั้น ทีเมื่อก่อนฉันยังยอมให้เธอแอบรักฉันมาได้ตั้งหลายปีเลย”

“แลดูเป็นบุญเป็นคุณนะยะ” เธอแอบประชดพร้อมเหวี่ยงฝ่ามืออรหันต์ไปบนท่อนแขนเพื่อนรักดังเพียะ “ก็ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันก็คงทุ่มสุดตัวแบบไม่ง้อสแตนด์อิน แต่นี่...ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว ฉันไม่อยากหาเรื่องปวดหัว...แล้ว...แล้ว...ยิ่งให้ฉันไปแสดงตัวว่าท้องกับเธอเนี่ยนะ มันเสี่ยงกับภาพลักษณ์อันดีงามของฉันเกินไป ถึงเธอจะไม่แคร์สื่อ แต่ฉันแคร์”

“เอาล่ะ! ไอโฟน ไอแพ็ด หรือคูปองกินฟรีหนึ่งปี ร้านเค้กตรงเอกมัย…”

“นี่!...”

ปลายดาวลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวอย่างหมั่นไส้ นี่เขาเห็นเธอเป็นคนยังไงกันนะ ถึงได้เอาของเหล่านี้มาล่อ

“ฉันจะถามเป็นครั้งสุดท้าย ตกลงว่าเธอเลือก?”

“นี่! ฉันไม่ใช่คนเห็นแก่ได้นะยะ ถึงจะได้ตาลุกวาวกับข้าวของมีค่าพวกนั้น ฉันเลือกคูปองร้านเค้ก!”

“ขอบใจ!”

นายหนอนลุกขึ้นไหวไหล่แต่แอบอมยิ้มแก้มปริเมื่อการเจรจาที่ยืดเยื้อมานานจบลงได้เสียที ส่วนปลายดาวเองก็ถอนใจออกมาอย่างเหน็ดเหนื่อยที่ในที่สุดแล้วเธอก็ตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำให้เขาอีกจนได้ ทั้งสองตกลงแยกจากกันโดยที่วรนนท์รับปากว่าจะกลับมารับเธออีกครั้งในตอนเย็น นัยว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณในเบื้องต้นที่เธออุตส่าห์ยอมรับ “อีเว้นท์” นี้ได้ในที่สุด



สิริเสาวภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ก.ย. 2554, 20:28:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ก.พ. 2562, 15:58:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 2098





   ตอนที่ 2 << เปิดศึก! >> >>
violette 30 ก.ย. 2554, 22:14:55 น.
น่าสนุกนะคะรออ่านต่อค่ะ


สิริเสาวภา 3 ต.ค. 2554, 17:25:13 น.
@ คุณ violette : ขอบคุณที่ติดชมค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วย เพิ่งจะเข้ามาแปะเว็บนี้ครั้งแรก ฝากติดตามด้วยค่า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account