รักสุดท้าย...ที่ปลายดาว
เพราะความเข้าใจผิดในสัมพันธภาพระหว่างสาวสวย ปากจัด กัดเจ็บ อย่าง “ปลายดาว” กับ เพื่อนหนุ่มคาสโนว่า ทำให้เธอต้องตกเป็นจำเลยในสายตาของ “เตชิต” วิศวกรหนุ่มที่(เขาว่ากันว่า) ปากจัด ซ้ำยังกัดเจ็บยิ่งกว่า ผลที่ตามมาก็คือการปะทะคารมกันแบบดุเด็ดเผ็ดร้อนทุกทีที่ประจันหน้า....เรื่องจะยอมเพลี่ยงพล้ำตกเป็นรองอีกฝ่ายน่ะรึ...ไม่มีทางซะหร้อกกกก

แต่เรื่องวุ่นๆชุลมุนหัวใจก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อสนามรบทำท่าจะเปลี่ยนเป็นสนามรัก(ตามสูตรนิยายคลาสสิค^^) ท่ามกลางความอึดอัดขัดใจของเพื่อนหนุ่มคาสโนว่าที่ยุยงส่งเสริมมาแต่ทีแรก แต่ดันเกิดอาการ “หวงของ” ขึ้นมาเสียอย่างนั้น งานนี้ก็เลยมี “ก้าง” ชิ้นใหญ่โผล่ขึ้นมาแบบไม่ทันให้ตั้งตัว

วิศวกรหนุ่มจะทำอย่างไร เมื่อหนทาง “สุดท้ายที่ปลายดาว” ดูเหมือนจะไม่ง่ายอย่างที่คิด มิหนำซ้ำยังมีเรื่องรัก(ลึกลับ)ในอดีตโผล่ขึ้นมาให้ปวดหัวเพิ่มอีก...

งานนี้เห็นทีต้องลุ้นกันเหนื่อยหน่อยล่ะ!

Tags: กุ๊กกิ๊ก โรแมนติค ปลายดาว เตชิต

ตอน: ตอนที่ 2 << เปิดศึก! >>

เมื่อปลายดาวขอตัวไปทำงานต่อ วรนนท์ หรือที่เธอมักเรียกติดปากว่า “นายหนอน” ก็ยังคงเดินตามมาผลักบานประตูให้เธออย่างเอาใจ ทว่ายังไม่ทันจะก้าวออกนอกกระจกบานใหญ่ หูของเธอก็แว่วได้ยินเสียงโต้เถียง ที่ฟังดูเหมือนต่อว่าดังมาจากส่วนใดส่วนหนึ่งของโชว์รูมไม่ไกลนัก ครั้นพอหยุดเดินเพื่อกวาดสายตาเธอก็พบกับความผิดปกติเข้าจริงๆ ปลายดาวย่นคิ้วเมื่อเห็น “น้องเจี๊ยบ” หญิงสาวร่างเล็กหุ่นเพรียวบางในชุดยูนิฟอร์มสีเทาเอาแต่ก้มหน้างุดอย่างยอมรับผิด หล่อนจะมีโอกาสเงยหน้าขึ้นก็เฉพาะในเวลาที่ต้องรับคำต่อว่าจากใครอีกคนในที่นั้นเท่านั้น

เขายืนอยู่ในลักษณะหันหลังให้เธอ แม้จะยังไม่เห็นหน้าค่าตาแต่ปลายดาวก็เดาได้ว่าเขาคงกำลังหงุดหงิดอยู่ไม่ใช่น้อยสังเกตได้จากการหยิบโน่นวางนี่อย่างไม่ถูกใจ และน้ำเสียงที่เปล่งออกมาอย่างอึดอัดขัดอารมณ์ แต่จะเลยเถิดไปถึงขั้นว่าเขาต่อว่าต่อขานอะไรน้องเจี๊ยบไปบ้างนั้น เธอคงต้องรอฟังอีกสักหน่อย

ทว่าไม่นานนัก ประกอบกับรหัสขอความช่วยเหลือที่ซ่อนอยู่ในแววตาของน้องเจี๊ยบจะชัดเจนมากขึ้นทุกขณะปลายดาวก็ไม่อาจทนเห็นความไม่ชอบมาพากลต่อไปได้อีก จึงผละจากเพื่อนรักไปยืนขนาบข้างหาเด็กสาวเพื่อนรุ่นน้องร่วมงานอย่างต้องการจะปกป้องทันที นั่นเองที่ทำให้เธอมีโอกาสสบตากับเขาจังๆเป็นครั้งแรก
ชายหนุ่มหล่อล่ำ เจ้าของดวงตาเฉยเมยคนเมื่อครู่นั่นเอง...

เมื่อก้าวไปยืนในลักษณะประชันหน้า ปลายดาวถึงมีโอกาสได้สังเกตเขาอย่างละเอียดชัดเจนมากขึ้น เขาเป็นชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีน้ำตาลเข้มในวัยสามสิบกลางๆที่ดูเท่และสมาร์ทอย่าบอกใคร โดยเฉพาะความสูงกว่าหกฟุตนั้นก็ทำให้เขายิ่งดูผึ่งผายและส่งผลให้หญิงสาวดูตัวเล็กลงเหลือนิดเดียวเมื่อเข้าไปยืนอยู่ใกล้ๆ ผิวกายเขาหอมกรุ่นซ้ำยังขาวจัดราวกับไม่เคยสัมผัสไอแดด จมูกโด่งแหลมรับกับริมฝีปากบางเฉียบที่ดูเป็นสีชมพูจัดจนเธอยังแอบอิจฉา รวมๆแล้วหน้าตาเขาไม่ต่างอะไรกับมาริโอ้ เมาเร่อร์ ตอนอายุสามสิบห้า(แต่ยังไงเธอก็ปลื้มหล่อแบบไทยๆอย่างพี่เคนมากกว่าอยู่ดี)

เขาจะหล่อล้ำ เลิศเลอเพอร์เฟ็คท์มาจากไหนไม่สำคัญ...แต่การไม่ให้เกียรติคนอื่นเป็นสิ่งที่ปลายดาวรับไม่ได้มาแต่ไหนแต่ไร ถึงจะเป็นลูกค้า ก็ใช่ว่าจะมีสิทธิมาฟาดงวงใส่งาใส่คนอื่น...ปลายดาวไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้กับเพื่อนร่วมงานเธอแน่ๆ

“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ช่วยไหมคะ”

หญิงสาวทักทาย พร้อมส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจและยื่นนามบัตรให้เขาเป็นการแนะนำตัวไปด้วยในที เขาหรี่ตามองมาที่เธออยู่ครู่หนึ่งเหมือนไม่แน่ใจถึงการมา แต่ก็ยอมยื่นมือมารับนามบัตรเธอไว้แต่โดยดีเช่นกัน และเมื่อเพ่งพิศรายละเอียดในกระดาษใบเล็กๆนั้นแล้ว รอยยิ้มน้อยๆก็ผุดขึ้นตรงมุมปาก ทว่ายังคงไม่มีคำพูดอะไรออกมาจากปากเขา น้องเจี๊ยบเป็นคนคลายความอึดอัดนั้นเอง

“เอ่อ...คือ...ลูกค้าท่านนี้ต้องการให้เราทำผ้าปูโต๊ะค่ะพี่ดาว”

“ผ้าปูโต๊ะ?” ปลายดาวทวนคำอย่างไม่แน่ใจ “เราขายผ้าปูโต้ะด้วยเหรอพี่ไม่ยักรู้”

“พี่ดาวคะ...”

“คนนี้เดี๋ยวพี่จัดเอง น้องเจี๊ยบไปรับรองลูกค้าคนอื่นเหอะ”

น้องเจี๊ยบมีสีหน้าโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด หล่อนยอมถอยห่างออกไปอย่างว่าง่าย ทิ้งปลายดาวไว้กับชายหนุ่มแปลกหน้าตามลำพังที่ตรงนั้น

“นี่ชื่อ และนามสกุลคุณงั้นรึ”

เขาเป็นฝ่ายเปิดฉาก เมื่อต่างฝ่ายต่างรอดูท่าทีกันมาอีกครู่ใหญ่ๆ และเธอไม่มีท่าทีว่าจะยอมตกเป็นเบี้ยล่าง อย่างน้อยก็ในฐานะที่เขาเป็นลูกค้าเลยสักนิด

“ใช่ค่ะ ในนามบัตรนั่นชื่อฉันเอง คุณกำลังจะบอกว่าเพราะใช่มั้ยคะ ฉันอ่านแววตาคุณออก ขอบคุณมากนะคะ”

“อ่านว่าอะไรน่ะ”

แป่ว!

ปลายดาวคอตก เขามาจากประเทศไหนกันนะ ทำไมถึงอ่านชื่อเธอไม่ออก ออกจะไพเราะเพราะพริ้งซะขนาดนี้ แถมภาษาไทยที่กำกับอยู่อีกด้านก็ออกจะตัวเบ้อเริ่ม เขาต้องกวนประสาทเธออยู่แน่ๆ

“อ่านว่า ปลายดาว รัตนดารากร ค่ะ”

“งั้นเหรอ...ก็เพราะดีนะ เหมาะกับคุณดี...นางสาวปลายดาว รัตนดารากร ชื่อก็ดาว นามสกุลก็ดาว” คราวนี้เขาทวนชื่อเธอยิ้มๆ “เชยดี”

รอยยิ้มของหญิงสาวหายวับ เธอคงรู้สึกดีกว่านี้ถ้าเขาจะไม่พูดประโยคหลังนั่นออกมาด้วย

“ฉันจะถือว่าเป็นคำชมนะคะ”

“อ้าว! ก็ชมน่ะสิ ผมก็ยังไม่ได้ว่าอะไรคุณสักคำ ว่าแต่คุณไม่มีชื่อที่เรียกง่ายกว่านี้แล้วรึ”

“ปลายดาว...ยากตรงไหนคะ แต่ถ้าคุณหมายถึงชื่อเล่น ฉันชื่อดาวค่ะ”

“ดาว...” เขาทำเสียงพึมพำในลำคอ “น่ารักดี แต่ฟังดูเป็นผู้หญิ้ง ผู้หญิงนะ”

“อ้าว! ก็ฉันเป็นผู้หญิงนี่คะ”

หญิงสาวเริ่มปวดหัวจี๊ด เขาต้องชมว่าชื่อเธอแสนจะไพเราะ หรือไม่ก็น่ารักสมตัวอะไรอย่างนี้สิมันถึงจะถูก

“ไม่รู้สิ ผมว่าคุณไม่เหมือนผู้หญิงเท่าไหร่ ขอโทษนะ...” เขาแอบสำรวจสรีระเธออย่างไม่เกรงใจ “สาวประเภทสองเดี๋ยวนี้สวยกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก ผมเลยไม่แน่ใจ”

ประโยคนั้นราบเรียบ แต่ทำให้ปลายดาวรู้สึกเหมือนโดนฟาดเข้าด้วยตู้เย็น...

แม่เจ้า!

นี่เขาคิดว่าเธอเป็นกะเทยหรือนี่ เวรกรรม!

ออกจะโสภาสถาพร แล้วก็ไม่เห็นมีอะไรเหมือนกะเทยสักนิด... ผู้ชายคนนี้...ต้องขอบอกว่าตาถั่วอย่างแรง!

“คุณรู้ได้ไงคะ ไม่น่าเชื่อเลย แหม...ยอมรับก็ได้ ใช่ค่ะ ฉันเป็นกะเทย” เธอยอมรับสมอ้างขึ้นมาดื้อๆ “เดือนหน้าถึงจะได้คิวผ่าตัดแปลงเพศ เมื่อนั้นล่ะคงจะสวยเช้ง ตู้มต้ามกว่านี้แน่ ไว้คุณมาอีกสิ”

“โอเค...” เขายกมือห้ามทัพ แต่หัวเราะร่วนออกมาอย่างชอบใจ “ผมล้อคุณเล่นน่ะ เอาล่ะ คุณพร้อมจะซีเรียสหรือยัง”

“ฉันพร้อมตั้งแต่ออกจากบ้านแล้วค่ะ”


"คุณอยู่ฝ่ายอิมพอร์ตไม่ใช่รึ แล้วคุณเอานามบัตรมาให้ผมทำไม ผมมาซื้อผ้านะ ไม่ได้มาขายผ้า ผมคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด หรือว่าคุณมีเจตนาอย่างอื่น”

เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีท่าทีโอนอ่อนผ่อนตาม ก็ไม่มีประโยชน์ที่เธอจะรอมชอม ลูกค้าสมัยนี้ดีๆก็มี แต่ที่ไม่ดีก็มาก...

“ฉันทราบค่ะ ว่าคุณมาซื้อผ้า ฉันแค่มาช่วยอำนวยความสะดวกคุณในฐานะที่คิดว่าพอจะช่วยได้เท่านั้น ก็เห็นคุณหาเรื่องคนของฉันอยู่นาน แล้วขอโทษเถอะ...นี่คุณคิดว่าฉันตั้งใจมาแจกเบอร์คุณงั้นเหรอคะ หน้าอย่างฉันนี่หรือคะ?”

“แล้วไม่ใช่หรอกรึ”

“ไม่ใช่ค่ะ” ปลายดาวรีบตอบ “ที่ฉันมานี่ ฉันทำตามหน้าที่ค่ะ คุณเป็นลูกค้าฉันก็ต้องมาดูแล”

“ดูแล? แล้วทำไมปล่อยให้ผมยืนคุยกับคนที่ไม่รู้เรื่องตั้งนาน เวลาผมเป็นเงินเป็นทองนะ”

“เวลาฉันก็เป็นเงินเป็นทองเหมือนกัน เอาล่ะ งั้นเอาเป็นว่าฉันขอโทษแทนน้องเขาแล้วกันที่ทำให้คุณเสียเวลา ตกลงว่าคุณสนใจผ้าตัวไหนคะ”

“ผมต้องการผ้าแบบนี้ ตัวนี้แหละ เลือกอยู่ตั้งนานก็ไม่เห็นมีใครจะสนใจ ถามอะไรไปก็ไม่รู้ ตอบไม่ได้ เสียเวลามาก”

เขาบ่นอุบอิบก่อนจะหยิบชิ้นผ้าสีน้ำตาลเข้มมีลายทอสลับกันเหมือนเสื่อสานส่งให้เธออย่างยังไม่หายจากการหงุดหงิด หญิงสาวรับมาถือไว้และถือโอกาสนั่งลงที่โซฟาอีกตัว

“คุณจะใช้จำนวนเท่าไหร่คะ ฉันจะได้ให้พนักงานเช็คจำนวนผ้าที่มีอยู่ในสต๊อกให้ก่อน”

“ผมต้องการใช้ทำเป็น table cross น่ะ แต่มันจะต้องมีสองชั้นวางทับกัน แล้วผืนล่างมันจะต้องยาวกว่าแล้วก็คลุมลงมาข้างล่างด้วย...โต๊ะขนาดมาตรฐานก็น่าจะประมาณเก้าสิบคูณเก้าสิบเซ็นต์...”

“ถ้าคุณอยากได้ผ้าปูโต๊ะที่ตอบสนองความต้องการคุณได้แบบนั้นจริงๆ เดินหาในห้างสรรพสินค้าฉันว่ามันจะง่ายกว่ามั้ยคะ แถมมีให้เลือกมากกว่าอีกด้วย...”

“ถ้าในห้างที่คุณว่า มันจะมีแบบเดียวกัน ลายเดียวกัน สักสองสามร้อยชุด ผมคงไม่ต้องมาถึงนี่”

“แล้วฉันจะรู้มั้ยล่ะว่าคุณจะใช้เยอะขนาดนั้น...คือยังงี้นะคะ ปกติเราจะมีผ้าสำหรับทำผ้าม่านหรือไม่ก็บุเฟอร์นิเจอร์ ยังไม่เคยมีใครมาถามหาสำหรับทำผ้าปูโต๊ะเลย ซึ่งถ้าคุณต้องการจริงๆดิฉันก็คิดว่าใช้ได้ แต่ว่าถ้าจะเอาไปใช้ทำผ้าปูโต๊ะ ฉันแนะนำเป็นผ้าอีกตัวหนึ่งดีกว่าค่ะ”

ปลายดาวขัดขึ้นกลางคันเหมือนขี้เกียจจะฟังจนจบ มือข้างหนึ่งก็ส่งผ้าอีกชิ้นให้เขาไปแทน ลักษณะของผ้าไม่ต่างกับชิ้นที่เขาต้องการมากนัก หากดูมีราคามากกว่า

“ผ้าตัวนี้ชื่อว่า Thai Treasure เป็นคอลเล็คชั่นล่าสุดของเรา ทำจากคอตตอนผสมกับโพลีเอสเตอร์นิดหน่อย ซึ่งถ้าคุณต้องการลุคส์แบบไทยๆ ที่ออกแนวดูเป็นธรรมชาติๆนิดๆ ฉันว่าตัวนี้ก็ไม่เลวนะคะ”

“แต่ผมชอบชิ้นนี้มากกว่า” เขายืนยันผ้าตัวเดิมที่เลือกไว้

“ที่จริงผ้าสองตัวนี้แทบไม่ต่างกัน แต่ผ้าตัวที่คุณเลือกมันนำเข้ามาจากไต้หวัน ราคาถูกกว่าก็จริง...”

“ผมไม่เกี่ยงเรื่องราคา”

“ฉันก็ไม่ได้พูดถึงราคา” เธอขัดขึ้นอย่างเหลืออด “ที่ฉันจะบอกคือ ผ้าตัวที่คุณเลือกมันไม่มี water repellent property ค่ะ หรือที่เรียกว่าคุณสมบัติในการกันน้ำ ซึ่งฉันคิดว่าผ้าปูโต๊ะที่ดีควรจะมี น้ำจะได้ไม่ซึมเข้าเวลามีน้ำหก แต่ผ้าตัวที่ฉันเสนอให้คุณเนี่ยเป็นผ้าที่นำเข้ามาจากเบลเยี่ยม คุณภาพดีกว่า ราคาก็อาจจะสูงกว่า...มาก ซึ่งฉันคิดว่าคุณคงจะเข้าใจระหว่างมาตรฐานของคุณภาพระหว่างประเทศในแถบเอเชียกับยุโรปดีอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณยืนยันจะใช้ผ้าตัวเดิมฉันก็ไม่เกี่ยง”

คราวนี้ชายหนุ่มมองเธออย่างแอบทึ่งนิดๆ เขาวางผ้าในมือลงและหันมาพิจารณาผ้าที่เธอเสนอให้ก่อนจะพยักหน้าอย่างยอมรับ

“ราคา?”

“ก็ไหนบอกว่าไม่สนไงล่ะ”

“ผมเป็นคนจ่ายเงิน...ผมไม่มีสิทธิ์รู้ราคาเรอะ”

ก็จริงของเขา...ปลายดาวเม้มปากก่อนจะหันไปถาม “น้องเจี๊ยบ” ที่เดินมายืนหน้าซีดอยู่ใกล้ๆ อย่างอดไม่ได้

“ราคาขายหลาละพันสอง แต่เรามีส่วนลดสิบเปอร์เซ็นต์สำหรับลูกค้าที่ walk in เข้ามา...”

“yard? คุณขายเป็นหลางั้นรึ ผมนึกว่าคุณจะขายเป็นหน่วยเมตรเสียอีก มันเป็น unit สากลที่ใช้กันทั่วโลกไม่ใช่รึ”

เรื่องมากได้อีกแน่ะ...แต่ก็เอาเถอะ ถามมาก็จะตอบให้!

“ที่จริงเวลาเราซื้อผ้าจากต่างประเทศเราก็ซื้อเป็นเมตร แต่เนื่องจากหน่วยขายในประเทศเรานิยมใช้หน่วยเป็นหลา หนึ่งหลาเท่ากับศูนย์จุดเก้าหนึ่งสี่สี่เมตร ซึ่งถ้าหากคุณอยากซื้อเป็นเมตรจริงๆ เราก็สามารถค่ะ...ไม่ทราบว่าคุณต้องการใช้กี่หลา เอ่อ...กี่เมตรกันแน่คะ ฉันจะได้เช็คสต๊อกให้ก่อน”

“ก็ถ้าผมทราบ แล้วสามารถคำนวณได้เอง ช่วยบอกหน่อยว่าทำไมผมถึงต้องมาที่นี่”

จบข่าว!

ปลายดาวถอนหายใจออกมาแรงๆ พลางนึกแช่งชักหักกระดูกความใจดีของตัวเองขึ้นมา รู้งี้เธอไม่แส่เข้ามาช่วยให้เมื่อยตุ้มหรอก

“เอาอย่างนี้ละกันนะคะ ฉันจะขอทราบข้อมูลเบื้องต้นเท่าที่คุณพอจะให้ได้ เช่น ขนาดโต๊ะอาหารของคุณ แล้วก็จำนวนโต๊ะทั้งหมดที่คุณจะใช้ ฉันจะได้ให้ทางฝ่ายขายเขาคำนวณให้ ส่วนผ้าตัวนี้ ต้องขอเรียนคุณตามตรงว่า เนื่องจากเป็นสินค้าราคาสูง ปกติเราจะนำเข้าด้วยการ air freight เข้ามาตามจำนวนที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งถ้าหากทางต่างประเทศมีสต๊อกอยู่แล้วจะใช้ระยะเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ แต่ถ้าหากไม่มีก็อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการผลิตประมาณสามสิบวันแล้วจึงจะแอร์เข้ามาได้ค่ะ”

“ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะเช็คกับทางต่างประเทศก่อนว่าเขาสามารถทำได้เร็วกว่านั้นหรือเปล่า ถ้าหากว่าลูกค้าต้องการด่วน แล้วก็บังเอิญ...ว่าผมต้องการด่วนเสียด้วย”

“งั้นก็บังเอิญกว่า...เพราะฉันอยู่ฝ่ายอิมพอร์ตค่ะ มีหน้าที่ติดต่อกับซัพพลายเออร์ต่างประเทศที่จำหน่ายผ้าโดยตรง production lead time หรือระยะเวลาในการผลิตปกติของเขาจะอยู่ที่สี่สิบห้าวัน แต่กรณีเร่งด่วนเขาจะสามารถทำให้ได้ภายในสามสิบวัน ไม่เคยเร็วกว่านั้น ถ้าคุณรอไม่ได้ก็คงต้องเปลี่ยนไปใช้ผ้าตัวอื่นแทน”

เขาสบตาเธอนิ่ง จนดูไม่ออกว่าโกรธหรือไม่พอใจ หรืออาจจะทั้งสองอย่างก็เป็นได้…ปลายดาวไม่อยากคิด

“คุณจำรายละเอียดของผ้าที่นี่ได้ทุกตัวเลยรึ”

สาวไทยใจเกินร้อยไม่ตอบ เธอรู้สึกปวดตับเกินกว่าจะใส่ใจในทุกคำถามของเขา แต่เมื่อเธอไม่ตอบเขาก็เริ่มคำถามใหม่อีก

“แล้วเรื่องการตัดเย็บ ไม่ทราบว่าคุณคิดค่าบริการยังไง”

“เรามีทีมตัดเย็บและบริการติดตั้งด้วยทีมงานมืออาชีพ แต่ก็เฉพาะกับผ้าม่านหรือบุเฟอร์นิเจอร์เท่านั้นค่ะ ไม่มีบริการตัดเย็บผ้าปูโต๊ะ คุณคงต้องไปติดต่อที่อื่น”

หญิงสาวปฏิเสธไปอย่างตัดความรำคาญ เธอไม่เคยเห็นลูกค้าเรื่องมากอย่างนี้มาก่อนเลยให้ตายเถอะ

“แต่ผมไม่เห็นว่ามันจะต่างกันตรงไหน ผ้าปูโต๊ะอาจจะตัดเย็บง่ายกว่าด้วยซ้ำ”

“เราไม่ชำนาญค่ะ”

“ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะต้องใช้ความชำนาญตรงไหนเป็นพิเศษ แค่ผ้าปูโต๊ะสี่เหลี่ยมธรรมดา คุณแม่ผมอายุหกสิบที่อยู่เยอรมัน เป็นแค่แม่บ้านธรรมดาที่ไม่มีความรู้เรื่องการตัดเย็บมาก่อน ยังเย็บได้เลย”

แร้งงงงงส์!

ประโยคทองของเขาทำให้หญิงสาวรู้สึกจี๊ด! เธอสวนกลับไปทันทีด้วยความแรงกว่าว่า

“ถ้ายังงั้นคงต้องรบกวนคุณซื้อผ้าส่งกลับไปให้คุณแม่คุณที่เยอรมันเย็บให้ ก็จะสะดวกกว่าค่ะ”

คราวนี้เขาลุกขึ้นยืนทันทีด้วยความไม่พอใจ ดูออกว่าเขาอยากจะฆ่าเธอให้ตายด้วยสายตาคมกริบคู่นั้น แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าไม่ยี่หระเขาก็นั่งลงตามเดิมอย่างคนที่พยายามข่มอารมณ์เต็มที่ คราวนี้มีรอยยิ้มหยันปรากฏขึ้นจางๆตรงมุมปาก

“เอาล่ะคุณปลายดาว รัตนดารากร...ขอผมพูดอะไรสักอย่างเถอะนะ ตั้งแต่เดินเข้ามา ผมยังไม่รู้สึกเลยว่าได้รับการดูแลอย่างอบอุ่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยไมตรีจากคุณ นี่เป็นสิ่งที่บริษัทคุณมีเหนือกว่าคู่แข่งไม่ใช่หรือ หรือถ้าคุณยังไม่หายหงุดหงิดอารมณ์เสียจากการที่คนรักมางอนง้อคุณล่ะก็ ผมก็แนะนำให้คุณกลับไปพักสักครู่ แล้วค่อยกลับมาเริ่มงานใหม่ดีไหม ผมไม่อยากคุยกับคนที่อารมณ์ยังไม่อยู่กับร่องกับรอยแบบนี้”

เขาต่อว่าเธอตรงๆ พร้อมสบตาเธอไม่ลดละ แต่ทำเอาปลายดาวแทบกรี๊ด!
ถือดีอย่างไรมาหาว่าคนอย่างนายหนอนเป็นแฟนเธอ ในเมื่อผู้ก่อการร้ายตัวจริงน่ะ คือเขาต่างหาก!

“ก้าวร้าว! ใครบอกคุณว่าเขาเป็นแฟนฉัน”

“ผมรู้ก็แล้วกัน แล้วก็เห็นตั้งแต่ผมเดินเข้ามาแล้วว่าคุณสองคนกำลังทะเลาะกัน คุณถึงได้มาพาลใส่ลูกค้าอย่างผมไงล่ะ”

“ใครกันแน่ที่พาลหา!” หญิงสาวลุกขึ้นสูดลมหายใจเข้าช้าๆอย่างพยายามข่มใจ “อีตานั่น...เอ่อ...ผู้ชายคนนั้นชื่อวรนนท์ เขาเป็น...”

“คุณไม่จำเป็นต้องบอก เพราะผมรู้จักเขาดี”

“ฉันไม่เชื่อ เพราะถ้าคุณรู้จักเขาดีจริง คุณก็จะรู้ว่าฉัน...”

หญิงสาวถอนใจออกมา อยู่ๆก็นึกเหน็ดเหนื่อยที่จะต่อปากต่อคำด้วยขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทั้งยังมองไม่เห็นความจำเป็นสักนิดที่จะต้องสาธยายอะไรออกไปให้มากความ หนุ่มหล่อพ่อรวยชื่อดังอย่างวรนนท์...จะมีผู้ชายหน้าตาดีๆสักคนมารู้จักก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ดีไม่ดีอาจเป็นพวกเก้งกวางที่มาแอบหลงรักเขาก็ได้...ผู้ชายหล่อๆสมัยนี้รู้หน้าไม่รู้ใจ

“กลับไปสงบอารมณ์เสียหน่อย แล้วค่อยกลับมาเมื่ออารมณ์คุณพร้อมจะทำงานจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องมาฟาดงวงฟาดงาใส่ลูกค้า ที่ใครๆมักบอกว่าคือพระเจ้าอย่างผมอีก ลูกค้าคือพระเจ้าคุณไม่รู้หรือ”

เขาสบตาเธอไม่ลดละ ทว่าคำพูดประโยคนั้นก็สะบั้นความอดทนของหญิงสาวในทันทีเช่นกัน

“งั้นก็เสียใจด้วยค่ะ ฉันนับถือศาสนาพุทธ นับถือเจ้าชายสิทธัตถะคนเดียวเท่านั้น ถ้าคุณไม่รู้ก็รู้ไว้ซะ!”



สิริเสาวภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ต.ค. 2554, 12:00:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ต.ค. 2554, 12:03:22 น.

จำนวนการเข้าชม : 1999





<< ตอนที่ 1 >   ตอนที่ 3 <<คุณไม่หอม...ผมหอมนะ >> >>
ลิขิตรา 1 ต.ค. 2554, 15:17:17 น.
เอ่อ...ชอบค่ะ สนุกดี


Canopus 1 ต.ค. 2554, 18:56:26 น.
ปะทะกันดุเดือดดีจัง


anOO 1 ต.ค. 2554, 20:17:15 น.
เถียงกันมันส์ดี เอาอีกๆๆๆๆ


violette 2 ต.ค. 2554, 00:28:16 น.
เอ่อพระเอกนางเอกนี่ เจอกันก็แทบกัดกันซะแล้ว


สิริเสาวภา 3 ต.ค. 2554, 17:26:22 น.
ขอบคุณสำหรับทุก comment นะคะ
อยากให้ติดตามต่อไปเรื่อยๆ พระเอกของเราถึงจะปากร้าย แต่ก็รักจริงนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account