องค์การบริหารส่วนหัวใจ # เฟื่องนคร
ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน นำมาซึ่งความสุข
Tags: โรแมนติก คอมาดี้

ตอน: 9.“จริงๆ แล้วคุณมีฝันอะไร..”

9.






ตกเย็นหลังกลับจากวิ่ง อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ รักษ์ไทยเดินสง่าผ่าเผยไปที่บ้านหลังติดกัน พบว่าดวงเดือนกำลังวาดรูปลายเส้นเป็นภาพเกี่ยวกับกิจกรรมทางศาสนา..

“หลวงพี่ขอให้ทำให้..”

“คุณมีฝีมือนี่..”

“ก็พอได้..ไม่ถึงกับสวย หลวงพี่ไม่ได้เอาสวย เอาแค่ให้เด็กๆ ที่โรงเรียนเห็นภาพ แล้วรู้สึกอยากเรียนพุทธศาสนา.. ใกล้เปิดเทอมแล้ว อีกหน่อย บ้านเราคงจะมีเสียงดังเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์”

“บ้านเรา” รักษ์ไทยทวนคำนั้นเบาๆ แต่หญิงสาวไม่ได้ยิน

“มีอะไรรึเปล่า..โทษทีนะต้องการสมาธิ..”

“พรุ่งนี้ผมจะกลับกรุงเทพนะ เอากุญแจห้องสมุดมาฝากไว้ ตอนเช้าคุณเปิด ตอนเย็นคุณปิดด้วย ยังไม่เปิดเทอมเด็กๆ คงมาอ่าน มาเล่นสนุกกัน คงไม่รบกวนเวลาคุณทำงานนะ..”

ปากพูดไปตายังจ้องอยู่กับลายเส้นตวัดๆ เป็นรูปดูเหมือนจะง่าย..แต่ไม่มันง่ายเลยสำหรับเขา..

“ไม่หรอก ฉันก็โตมาแบบเด็กพวกนี้แหละ ปีนต้นไม้บ้าง กระโดดน้ำบ้าง เล่นต่อสู้กันบ้าง..จะแตกต่างกันที่ตรงเด็กเดี๋ยวนี้เดียงสากับเรื่องหัวใจกันเร็วไปหน่อยก็เท่านั้น..”

“พรุ่งนี้ผม..ไม่ได้เอารถไปนะ อยากรบกวนให้คุณไปส่งที่อำเภอได้ไหม ออกแต่เช้า ขึ้นรถตู้ไป”

“อ้าวทำไมล่ะ”

“ประหยัดน้ำมันช่วยชาติ..”

คุยกันอีกไม่กี่ประโยค เขาก็เดินกลับบ้านไป ดวงเดือนเงยหน้าจากงานที่ทำ มองไปทางร่างสูงโปร่งที่ค่อยๆ ลับสายตา ..หญิงสาวสลัดศีรษะ แต่ใจไม่เป็นสมาธิดั่งเก่า..



ในเวลาตีห้า ดวงเดือนตื่นขึ้นมาล้างหน้าแต่งตัว แล้วลงมาสต๊าทรถรอชายหนุ่ม.. รักษ์ไทยเดินข้ามรั้วออกมา วันนี้เขาอยู่ในชุดกางเกงยีนส์ เสื้อยืดคอปก กับรองเท้าหนังสีน้ำตาล ดวงเดือนปรายตามองนิดนึงเห็นยี่ห้อก็รู้ราคา..

“ไม่ใส่ชุดไทยกลับบ้านเหรอ..” พูดพลางค่อยๆ สูดกลิ่นน้ำหอมของผู้ชาย ซึ่งพอรู้ราคาอยู่บ้างว่ามันเท่าไหร่..

“ทางสายกลาง ..แค่นี้ทางนั้นเขาก็หาว่าผมเพี้ยนกันหมดแล้ว ถ้าไว้ผมยาวทำตัวเป็นศิลปินจะถูกตัด
ออกจากกองมรดกเสียก่อน..” พูดจบก็ดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดไว้ แล้วก็พ่นลมออกจากปากอย่างทำใจ..หญิงสาวตีเพี๊ยะเข้าให้บริเวณต้นแขนฐานหมิ่นประมาท ความสามารถในการขับรถ..เขาหัวเราะ..

“แฟนโทรตามเหรอ” ไม่รู้ถามไปได้อย่างไรเหมือนกัน..รักษ์ไทยไม่ตอบ...แต่กลับชวนคุยเรื่องอื่นจนกระทั่งรถมาถึงจุดหมาย..

“กลับเมื่อไหร่ให้มารอรับไหม..”

“ไม่หรอกครับ..แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่..ผมกลับเข้าบ้านเองได้ มีรถโดยสาร แต่วันนี้ผมต้องการมาเร็วหน่อยเท่านั้น..”

“อย่าลืมซื้ออะไรมาฝากบ้างนะ”

“อะไรดีล่ะ..”

หญิงสาวไม่ตอบ รีบถอยรถออกมาแล้วก็เลี้ยวเข้าตลาดหาซื้อของอร่อยๆ ไปให้แม่กับย่าและหลวงพี่..แต่พอขับรถพ้นชุมชนเสียงโทรศัพท์ มือถือของตนที่มีสัญญาณเมื่อออกจากบ้านนามาแล้วก็ดังขึ้น..

“ดวงเดือนเหรอ ไอจะแต่งงานแบบกระทันหัน เชิญแกอย่างเป็นทางการนะ”

“เฮ้ย..สายฟ้าแลบเลย แต่งกับใครเหรอ..แกแน่ใจนะว่าหล่อนคนนั้นเป็นแม่ของลูกแกได้..รักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะ ให้ไปสัมภาษณ์เองเหรอ โอเคไปแน่ ก็บอกแล้วไงถ้าแกแต่ง ฉันจะไปเป็นเพื่อน เจ้าสาวให้ด้วย..แล้วเจอะกันนะ”

เมื่อกลับมาถึงบ้าน ดวงเดือนไปเปิดประตูห้องสมุด เดินเข้าไปสำรวจ ..แล้วก็แอบมองไปในห้องติดกระจก เห็นคอมพิวเตอร์ ตัวเบ่อเริ่มตั้งอยู่กลางห้อง..เห็นภาพเจ้าของห้อง ยิ้มสดใสในชุดรับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยชื่อดัง..เดินออกมา มองบ้านหลังใหญ่ของรักษ์ไทย ความเหงาแล่นเข้ามาจับหัวใจทันที..


เมื่อไปถึงกรุงเทพ ดวงเดือนจึงได้รู้ว่าตัวเองถูกเพื่อนหลอก

“แกก็รู้ว่าผู้ชายขี้เหร่อย่างฉันใครมันจะเอาไปทำพันธุ์ อย่าโกรธเลยนะ จริง ๆ พวกฉันคิดถึงแก จึงต้องทำอย่างนี้ จะให้ฉันถ่อไปหาแกถึงบ้านนาอะไรนั่น ฉันไปไม่ถูกหรอก แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบนั่งรถไกลๆ..”

“แกก็รู้ว่าๆ.. พวกนายทำเหมือนรู้ใจฉันทุกอย่าง และฉันก็รู้ใจพวกนายซะทุกอย่าง..เชอะ นี่ถ้าฉันไม่อยากมาเปิดสมองด้วยนะ ฉันไม่ให้อภัยจริงๆ..เกลียดนักเชียวพวกชอบโกหก”

“แกไม่เคยโกหกอย่างนั้นแหละ งั้นเราไปคาราโอเกะกันดีกว่า ฉันเลี้ยงเอง เงินเดือนเพิ่งจะออก”

“เป็นไง มีใครมาจีบไหม..” อีกคนตั้งคำถาม..

“เพียบ แต่ยังไม่พิจารณาใครทั้งนั้น”

“แต่ดูสีหน้าแกแล้ว น่าจะมีใครอยู่ในใจสักคนหนึ่งแล้วนะ”

ดวงเดือนยกมือคลำใบหน้าตัวเอง..

“ตาแกลอยๆ เหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว..คล้ายกับว่าแกมองหาใครสักคนหนึ่ง..หรือคิดถึงใครบางคนอยู่..”

“ฉลาดกันจริง ถ้าเวลาเรียนพวกแกฉลาดกันอย่างนี้ได้..ป่านฉะนี้ ..เฮ้ย...ไม่อยากจะพูด”

“เรื่องบางเรื่องมันสำหรับเก็บเอาไว้คิดเท่านั้นย่ะ ส่วนปฏิบัตินั้นขึ้นอยู่กับดินฟ้าอากาศ และก็กระแสการเมือง ตกลงปิ๊งใคร เล่าดิ๊เล่า”


“ไม่มี๊!!”

“เออเดี๋ยวนี้มีความลับกับพวกข้านะ เมื่อก่อนนั้น..สมัยที่ยังตกหลุมรักรุ่นพี่ถ้าไม่ได้พวกเรานะ..ป่านฉะนี้กระดูกแกคงป่นไปแล้ว”

“ร้องเพลงๆ พูดเรื่องอะไรเนี่ย ..วู้..” ทำเฉไฉ..เพราะตัว เองก็ไม่มั่นในความสัมพันธ์ในครั้งนี้กับคนข้างบ้าน รู้จุดเริ่มต้นแต่ไม่กล้าคิดถึงจุดจบ

เมื่อขอตัวออกมาห้องน้ำ ดวงเดือนจึงได้เห็น รักษ์ไทยกับผู้หญิงคนหนึ่ง.. หญิงสาวนึกถึงรูปถ่ายในกระเป๋าของเขา ครั้งที่ช่วยเธอตอนแกล้งตกน้ำ..คงเป็นคนเดียวกัน..ลืมไปเลยว่าเขามีแฟนแล้ว..คงคิดถึงจึงมาหา มาเดินเที่ยวด้วยกัน ..ใจที่กำลังเป็นสีชมพูสดชื่นปานดอกกุหลาบแย้มกลีบรับละอองน้ำ กลับห่อเหี่ยวประหนึ่งมีละอองน้ำร้อนกระเซ็นใส่

“เฮ้ย ...ใครสั่งเบียร์มาวะ”

“ฉันเอง เบื่อว่ะ เซ็ง รู้จักไหม เซ็ง..”

เมื่อได้ยินกลุ่มเพื่อนผู้ชายมองหน้ากัน..คบกันมาพอรู้ใจ..ถ้าสุขดวงเดือนก็จะสุขจนออกนอกหน้า หากถ้าทุกข์ มีเรื่องกลุ่มใจ หญิงสาวก็จะเฉาเหมือนต้นไม้ขาดน้ำ..

อีกมุมหนึ่งของห้าง เมื่อคุณหนูเล็กขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ชายหนุ่มก็รีบมาที่ซุ้ม ‘กิ๊บเก๋’..เลือกกิ๊บติดผมได้คู่หนึ่งแล้วก็รีบจ่ายเงิน รับไว้แล้วยัดมันลงไปในกระเป๋าเสื้อ..


พอพนักงานต้อนรับเดินนำมาแล้วชี้เบาะให้นั่งแล้ว รักษ์ไทย ยัดกระเป๋าเป้ไว้บนชั้นวาง พอนั่งลงแล้วเขาจึงเป่าปากไล่ลมร้อนรุ่มออกไปจากอก..เบื่อรถติดเบื่อสภาพการจราจร เบื่อผู้คนที่มุ่งแต่แสวงหาเงินจนกระทั่งลืมบางอย่างของชีวิตไป..เป็นครั้งแรกในรอบที่กลับมาเยี่ยมพ่อแม่พี่น้อง ที่เขารู้สึกว่าอยากจะรีบกลับไปที่บ้านนา..รู้สึกคิดถึงห้องสมุด แปลงผักและหลวงพี่ที่ออกบิณฑบาตในทุกเช้าๆ..ชายหนุ่มใช้มือด้านขวาแตะกระเป๋าหน้าอกรู้สึกอุ่นใจที่มันยังนอนนิ่งอยู่ในนั้น นึกถึงหน้าคนรับ จะดีใจขนาดไหนที่เขาเลือกหาของที่เจ้าหล่อนต้องถูกใจไปเป็นของฝาก..

ช่วงรอเวลาให้รถออกจากท่า สิ่งเดียวที่จะทำได้คือหลับตา..จนกระทั่งเคลิ้มหลับ..รู้สึกตัวว่ามีคนมานั่งอยู่ข้างๆ แต่ตามันลืมไม่ขึ้น คงจะเป็นด้วยความอ่อนเพลีย มาสะดุ้งตื่นอีกที เมื่อมีศีรษะ หนักๆ และเส้นผมนุ่มยาวกดทับมาที่ใบหน้า..พอสะดุ้งลืมตาพบว่าเป็นผู้หญิง..ชายหนุ่มอยากจะผลักใส แต่ก็เกรงใจด้วยเจ้าหล่อนคงจะหลับจริงๆ..

เขาทนนั่งหลับตาไปในสภาพที่อีกคนซบอยู่บนบ่า จนกระทั่งสาวเจ้าสะดุ้งตื่นขึ้นมา ตาสองคู่ประสานกัน..

“เฮ้ย ดวงเดือน..”

“คุณรักษ์..” หญิงสาวก็ไม่ทันได้สังเกตเช่นกัน เมื่อซื้อตั๋วก็รีบวิ่งข้ามถนนมาขึ้นรถ รู้สึกว่าตนจะเป็นคนสุดท้าย พอพนักงานชี้บอกว่าเบาะที่ว่าง เธอก็ยัดกระเป๋าเข้าช่องด้านบน พอล้มตัวนั่ง ก็ม่อยหลับไปทันที..เขาจะคิดกับเธออย่างไรบ้างเนี่ย คงหาว่าเธอให้ท่าเป็นแน่..

“คือ..ฉันขอโทษค่ะ..” หญิงสาวรีบออกตัวเพราะรู้ว่าเป็นความผิดของตนเอง..

“โลกกลมจริงๆ คุณมากรุงเทพได้อย่างไรเนี่ย”..

“คือฉันมางานแต่งงานเพื่อนนะคะ แต่จริงๆ ไม่ได้แต่งหรอก พวกมันหลอกให้ฉันมาที่นี่..แล้วคุณ นึกอย่างไรกลับเที่ยวนี้ได้..โลกกลมจริงๆ เลยนะคะ..” ดวงเดือนรู้สึกว่าแอร์เย็นกว่าปกติ เย็นจนหญิงสาวยกแขนกอดอก..

“หนาวซิ..” ว่าแล้วเขาก็ถอดเสื้อแจ็กเก็ตตัวสีขาวส่งให้..

“อุ้ย..ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณคงหนาว ถึงได้ใส่มา..”

“รับไปเถอะ..เสื้อตัวในของผมมันหนากว่าของคุณ” เมื่อเขาพูดอย่างนี้หญิงสาวก้มมองเสื้อผ้าตัวเอง..

“อยู่กรุงเทพใส่แบบนี้มันไม่แปลกหรอกแต่ที่บ้านนา ผมขอร้องเถอะ” ชายหนุ่มเปรยเบาๆ หญิงสาวมีอารมณ์ฉุนขึ้นมาทันที

“เอ๊ะ แล้วนี่ใครดูแล ห้องสมุดให้ผมได้..”

“คุณย่าค่ะ” หญิงสาวตอบไม่เต็มคำนัก เพราะตนเองเป็นคนรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะปิดให้เรียบร้อย ..แล้วย่าจะลืมปิดประตูหน้าต่างไหมเนี่ย..แต่มันคงไม่มีอะไรหรอก!!..

เมื่อรถเปิดเพลงไล่ความเซ็งของผู้โดยสาร สองหนุ่มสาวจำต้องสงบปาก แล้วก็เสไปมองข้างทาง..

“ทำไมคุณถึงไปอยู่ที่บ้านนาได้” น้ำเสียงดวงเดือนดูกริ่งเกรงกับคำตอบ..รักษ์ไทยหันมามองแล้วคิดว่าตอบดีไหม

..ความจริงคือพ่อไปซื้อที่ซื้อบ้านไว้ พอเขาอกหัก ไปเห็นแล้วก็คิดว่า นี่แหละคือสิ่งที่เขาต้องการมาตลอด..จริงๆ เขาชอบบรรยากาศแบบนั้น แต่จังหวะชีวิต ...พอดีคุณหนูใหญ่คนรักเก่า พี่สาวคุณหนูเล็กบ้านอยู่ใกล้ๆ กันเรียนอยู่ที่เดียวกันตั้งแต่อนุบาลยันปริญญาตรี...พอไปเรียนต่อที่เมืองนอก หญิงสาวก็ไปเจอะคนที่คู่ควรกว่า อยู่กินด้วยกันที่นั่นเงียบๆ..เขารู้สึกว่าโลกมันถล่มทลายรู้สึกว่าหัวใจเหลือไม่เต็มดวง..ตั้งใจว่าจะมาเพียงพักใจ อยู่ไปอยู่มา..มันใช่สิ่งที่ปรารถนา..แต่จะบอกกับดวงเดือนอย่างไรดี

“ไม่ต้องตอบก็ได้นะคะ” จริงๆ ในคำถามแรก เธออยากจะต่อด้วยคำที่ว่า

“ก็แฟนคุณอยู่ที่นี่” อันที่จริง เขาไม่น่าเป็นคนที่ไม่มีทางเลือก..แต่ทำไมเขาจึงเลือกจะอยู่ที่บ้านนา ความสัมพันธ์ของคนที่อยู่ไกลๆ กันมันจะเป็นอย่างไร..

“ผมเกิดและโตมาในเมือง พบแต่ความวุ่นวาย การแข่งขัน แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน ผมป่วย ผมจึงไปพักฟื้นที่นั่น มันสงบ มันปลอดโปร่งใจ เบาสบาย ผมก็เลยคิดว่า ผมจะอยู่ที่นั่น..”

“จนตาย” หญิงสาวต่อให้..เขาหันมามองหน้า..

“ฉันเกิดและโตที่นั่น ฉันก็มีความสุขกับธรรมชาติ ฉันสนุกสนานทุกวัน จนกระทั่งฉันมาเรียนในเมือง ฉันจึงได้รู้ว่าความสะดวกสบายเป็นอย่างไร ฉันชอบที่จะวิ่งตามสิ่งใหม่ๆ แม้จะรู้สึกว่ามันเหนื่อย แต่มันก็ทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันต้องมีพลังมากๆ ขึ้น ทุกวันจึงจะไขว่คว้าสิ่งที่ต้องการได้..ฉันอยากลองทำหลายอย่างที่ฉันได้เห็น คิดว่าฉันจะเป็นได้..”

“จริงๆ แล้วคุณมีฝันอะไร..”

“นางแบบ พิธีกร เป็นผู้หญิงที่ทำงานออฟฟิศคล่องๆ เป็นเลขาอะไรเทือกนั้น..แต่ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรสักอย่าง ทุกอย่างแค่ เฉียดๆ ฉันรู้ตัวว่าไม่ใช่คนสวย ไม่ได้รวยความสามารถ แต่ฉันก็อยากทำมัน จนกระทั่งแม่และย่าของฉันขอร้องให้ฉันกลับไปอยู่ในที่ซึ่งฉันรู้ว่ามันมีอะไร และชีวิตฉันที่เหลืออยู่จะเป็นอย่างไร ฉันถามตัวเองเสมอว่าฉันจะอยู่ที่บ้านนาจนแก่ตายไปอย่างปู่ย่าตายายได้ไหม ..แต่คำตอบมันก็ยังไม่มี ..”

“คงเป็นเพราะหัวใจของคุณไม่ได้อยู่ที่นั่น”

“เอ๋..” หญิงสาวทำหน้าฉงน..

“ถ้าหัวใจคุณอยู่ที่นั่นต่อให้มันลำบากลำบนสักเพียงไหน คุณจะทนกับมันได้” ชายหนุ่มหลับตาไม่ได้อธิบายหรอก ว่าหัวใจของตนคืออะไร ..

“แล้วหัวใจของคุณ.. ทำไมคุณอยู่ที่นั่นได้..”

“คุณทายซิว่า ทำไมผมถึงอยู่ที่นั่นได้..”

หญิงสาวพยายามคิด แต่ก็ไม่กล้าทายออกมา..หัวใจของเขา..ก่อนหน้าที่เธอจะกลับไปอยู่บ้าน เขาอยู่กับอะไร ใครมาป้วนเปี้ยนในบ้านเขา มีใครบ้าง ไม่เห็นใครนอกจากพวกเด็กๆ กับห้องสมุด..วัด..ย่าของเธอ

“คุณสามารถบ้าบอในแบบที่คุณชอบใช่ไหม”..

“คืออะไร..” ชายหนุ่มทำหน้างงๆ เขาบ้าบออะไร..

“ความเป็นไทยของคุณไง คุณชอบใส่เสื้อผ้าไทย กินอาหารไทย กินสมุนไพร..กินผักกินหญ้า..แล้วก็หนังสือ คุณถึงอยู่ที่นั่นได้ แล้วคุณเอาคอมพิวเตอร์มาทำไม”

“คอมฯรึ เล่นเกมส์ไง เล่นเกมส์ในห้องแอร์เย็นๆ..ผมติดเกมส์ เป็นสันดานแล้ว คนโตในกรุงมันก็เป็นอย่างนี้แหละ..ทนความเหงาได้ยากกว่าปกติ”

เมื่อลงจากรถสองแถวประจำทางระหว่างหมู่บ้านกับอำเภอซึ่งวิ่งวันละเที่ยว..รักษ์ไทยก็ส่งซองใส่กิ๊บติดผมให้..

“ของฝากจากกรุงเทพครับ” ดวงเดือนรับมาถือไว้ สายตาของหญิงสาวจ้องที่ใบหน้าของชายหนุ่มจนเขาหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขิน

“ขอบคุณค่ะ” เมื่อรักษ์ไทยเดินขึ้นเรือนของเขาไปแล้ว คนใจร้อน ก็รีบเปิดถุงดูในทันที.. “อุ๊..” หญิงสาวตกใจ...


ขณะที่กำลังชื่นชมกับของฝาก ที่มีสภาพเหมือนกันอย่างกับ ซื้อจากร้านเดียวกัน ดวงเดือนก็ได้ยินเสียงรักษ์ไทยร้องเรียกชื่อเธอด้วยความตกอกตกใจอยู่ที่หน้าห้องสมุด...หญิงสาวรีบวิ่งลงจากเรือนไปหาเขาทันที เมื่อไปถึง พบว่าหนังสือที่อยู่ในนั้นกระจัดกระจาย..ตรงหน้าต่างมีรอยฝนซัดเข้ามาทำให้พื้นห้องเปียกแฉะ หนังสือหลายเล่มชื้นน้ำ..พอเห็น หญิงสาวมือไม้อ่อน เข้าใจความรู้สึกเมื่อของรักมีปัญหา..

“ผมอุตส่าห์ไว้ใจคุณ..แล้วทำไมถึงเป็นอย่างนี้ได้..” เขาเสียงดังอย่างขาดสติ...ดวงเดือนยิ้มแหยๆ..

“ก็ย่า..”

“โธ่เอ้ย ถ้าคุณไม่อยู่ คุณก็ปิดไป ผมไม่ได้ใช้คุณย่า ผมฝากกับคุณไว้ ..คุณหนอคุณ” เขาทำท่าเหนื่อยหน่ายใจเป็นอย่างมาก..

“ฉันขอโทษ” หญิงสาวค้อมศีรษะต่ำกว่าเดิม..

“ขอโทษแล้วหนังสือเล่มนี้ของผม มันจะกลับมาอยู่ในสภาพเดิมไหม..เป็นเพราะคุณคิดไม่รอบคอบ คุณไม่น่าไว้ใจคุณย่าเลย..นี่ถ้าเกิดคุณย่ามาล้มมาเป็นอะไรที่นี่อีก”

เขายังพูดซ้ำ จนหญิงสาวเริ่มมีอารมณ์..

“มันเล่มละกี่บาทเชียวจะหาซื้อมาใช้ให้..”

“มันไม่ได้อยู่ที่ราคา บางเล่มมันอยู่ที่ว่าคุณหามาคืนผมได้หรือเปล่า บางเล่มมันหมดสต็อก บางทีเขาอาจจะไม่ได้พิมพ์แล้วก็ได้ บางเล่มมีคนให้ผมมาด้วยความเคารพรัก ..”

“เล่มไหนที่แฟนคุณให้คุณมา..เล่มไหนสำคัญที่สุดฉันจะได้หามาคืนให้” ว่าแล้วหญิงสาวก็เดินไปใช้มือเขี่ยๆ หนังสือให้กระจายออกจากกันเพื่อจะได้เห็นชื่อบนปก

เมื่อเธอทำอย่างนั้นส่งผลให้คนรักหนังสือ กรากเข้าไปหา แล้วก็ปัดมือออก..
“คุณไม่รักหนังสือ คุณไม่รู้หรอกว่า หนังสือขาดหนึ่งเล่มหรือว่ามันหายไปหนึ่งเล่ม คนสะสมเขารู้สึกอย่างไร..โอเค คุณกลับบ้านคุณไปเลย แล้วอย่ามาที่นี่อีก..”

“โธ่คิดว่าอยากมานักหรอก ไปก็ได้ นายต๊อง..บ้าจริง ..มีเหตุผลหน่อยซิ” ว่าแล้วหญิงสาวก็เดินตัวปลิวกลับบ้านไปกับอารมณ์ขุ่นมัว


พอเจอะหน้าย่า หญิงสาวไม่อยากจะถามว่าเพราะอะไร ทำไมถึงไม่ปิดประตูหน้าต่าง ห้องสมุดอย่างที่เธอสั่งไว้..ย่าอาจจะลืม หรือไม่ก็..เด็กๆ มันเข้าไปวิ่งเล่นกันในนั้นจนหนังสือกระจาย พอดีกับฝนตกกระหน่ำลงมา..

“มีอะไรรึเห็นเสียงดัง”

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่คนบ้า มันรักหนังสือมากกว่าตัวมันเอง..ย่าเรียกเขามาเอากุญแจด้วยนะคะ หนูไม่อยากเห็นหน้าเค้า อย่าชวนเค้ามาทำอะไรที่นี่อีก ...ไม่งั้นหนูหนีไปอยู่กับแม่จริงๆ ด้วย”

ว่าแล้วแม่หลานสาวก็ลงส้นขึ้นเรือนไป..

เช้ามาขณะรอใส่บาตรพระ ต่างคนก็ต่างหันหลังให้กัน จนกระทั่ง หลวงพี่มาถึงก็เอ่ยปากทักรักษ์ไทย..

“ไปกรุงเทพซะหลายวัน ไปทำอะไรมา..”

“ไปหาภรรยาเขา..ไปส่งส่วย” อีกคนตอบแทน..รักษ์ไทยไม่โต้ตอบเพียงสงบอารมณ์แล้วใส่บาตรจนครบก่อนจะนั่งลงรับพร ตรงเขตบ้านของตนเอง..

หลวงพี่ยิ้มนิดๆ แล้วก็เดินจากไป..พอพระไปแล้ว ดวงเดือนก็สะบัดก้นถือขันลงหินเข้าบ้านพร้อมกับฮัมทำนองเพลงอารีดังอย่างไม่ได้สำนึกผิด ..เมื่อการณ์เป็นดังนี้ยิ่งเพิ่มไฟโกรธในตัวรักษ์ไทยเป็นอย่างมาก..


“งามหน้าไหมล่ะนังเดือน เขาปิดกันให้แซดเลยว่าแกกับหมอนั่นไปกรุงเทพมาด้วยกัน แล้วคงไม่ต้องให้ฉันพูดต่อนะว่า เขาลือว่ามันเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น เจอะแม่แกหรือยัง เตรียมเอาสำลีไปอุดหูเถอะ”

“ถ้าฉันคิดจะมีอะไรกับเขา ไม่ต้องถ่อไปถึงที่โน่นหรอก บ้านอยู่ติดกันแค่นั้น ..คนอย่างนั้นฉันไม่รับประทานหรอก รู้ไว้ด้วย”

พรรณนา จ้องหน้า..จ้องดวงตา “แกโกหก..”

“แกรู้ได้ไงว่าฉันโกหก”

“แกก็รู้อยู่แก่ใจว่าโกหกฉันหรือเปล่า..ถามตัวแกเองซิว่าโกหกฉันหรือเปล่า แต่ฉันว่าแกโกหก”

“ปวดหัวกับหล่อนจัง จะมาระบายให้สบายใจซะหน่อย..”

พูดจบดวงเดือนก็รีบเดินออกจากร้านเสริมสวย ไปหาแม่ที่ร้านขายสารพัดอย่างเกี่ยวกับการเกษตร ..พอไปถึงพบแม่นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ตรงโต๊ะบัญชี เด็กๆ ในร้านผละออกไปเมื่อเธอไปนั่งในเก้าอี้ตัวตรงกันข้าม “ฉันจะเชื่อแกทุกอย่าง ขอให้แกเล่าความจริงมา” น้ำเสียงของคนเป็นแม่บอกให้รู้ว่าเหนื่อยหน่ายใจ และแววตาก็บอกด้วยว่าหนักหัวอกเป็นอย่างมาก

“ก่อนจะเล่าความจริง หนูมีข่าวดีจะบอกแม่ แม่อยากฟังเรื่องไหนก่อนกันละคะ” ลูกสาวทำใจดีสู้เสือ คนเป็นแม่นิ่งคิด..คิดไปคิดมาจนกระทั่งอารมณ์ค่อยๆ ดีขึ้น ..แล้วก็ตัดสินใจเลือกให้ลูกสาวคนเล็กเล่าความจริงก่อน เมื่อความจริงอย่างขาดๆ เกินๆ ผ่านไป..ก็เป็นข่าวดี ที่แม่คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของวิวาห์ตัดปัญหาข่าวลือกับหนุ่มเศรษฐีข้างบ้าน

“คือหนูจะมาช่วยงานของแม่เต็มตัวแล้วนะ แต่ขอหยุดเสาร์อาทิตย์นะคะ..ช่วงวันธรรมดา แม่ก๊อมาสอนหนูสักพักหนึ่ง...จนกว่าหนูจะคล่อง..”

“เฮ้ย..แกกินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่า..”

“แม่อ๊ะ หนูพูดจริงๆ ก็ไม่เชื่อหนูอีก..”

“งั้นเมื่อกี้ที่แกเล่าก็โกหกนะซิ เพราะฉันเชื่อแกนี่....”




จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ต.ค. 2554, 20:10:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ต.ค. 2554, 10:16:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 1715





<< 8. “หนูแพ้ไม่ได้หรอกคะ หนูต้องชนะเท่านั้น”   
คิมหันตุ์ 4 ต.ค. 2554, 20:47:22 น.
เห้อ. พูดอะไรบ้างก็ได้นะคุณรักษ์ไทย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account