ลิขิตพิศวาส
เธอสูญเสียรักครั้งแรกไปเพราะความ...ยาก
จึงคิดประชดรักที่ล้มเหลวด้วยความ...ง่าย
.
.
.
จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเธอสลัดผู้ชายที่เป็นคนแรกของตัวเองไม่สำเร็จอย่างที่ตั้งใจ
ซ้ำเขายังเฝ้าตามติดเอาอกเอาใจทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ โดยที่เธอไม่ต้องการ !!

**********************************************

มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือ ที่จะให้ทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากที่เธอทำให้เขาเกือบจะช็อคกับสิ่งที่ได้รับ
ซ้ำยังย้ำบอกให้เขาลืม ลืม และลืม เพราะเธอไม่แคร์ และกำลังจะจากไป
.
.
.
แม่ดอกไม้ริมทางคิดจะฟันเขาแล้วทิ้งอย่างนั้นหรือ
อะไรจะง่ายขนาดนั้น !! ฝันไปเถอะ เพราะเขาจะไม่ปล่อยเธอไป...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

Tags: อาทิตะยะ สตาริศา

ตอน: ตอนที่ 13...รักไม่มีเหตุผล รักไม่ต้องการเวลา(II)...

ผมยาวถูกรวบมัดด้วยยางรัดผมร้อยไข่มุก ทิ้งพวงผมยาวเหยียดตรงไปตามแผ่นหลัง เปิดเผยใบหน้าเนียนใสที่ถูกแต่งแต้มเพียงบางเบา เดรสสีน้ำเงินขับผิวคนใส่ให้แลดูขาวจัด ตรึงสายตาของคนที่นั่งอยู่ให้จับจ้อง

ชุดที่ไม่ได้ดูหรูหรากลับสวยสะดุดตาเมื่อมันไปอยู่บนตัวเธอ สตาริศาจับตามองคนที่ลุกขึ้นยืน ช่วงจังหวะที่เธอเดินเข้าไปหาคือเวลาเดียวกับที่เขาเดินมาที่เก้าอี้ตัวที่อยู่ตรงข้าม ไม่อาจจะเลี่ยงความใกล้ที่อีกฝ่ายพยายามชิด!

สตาริศานั่งลงไปที่เก้าอี้ที่อีกฝ่ายขยับให้ เธอคิดว่าเขาควรจะกลับไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเองได้แล้ว ทว่าอาทิตะยะกลับไม่ยอมผละไป ทำให้คนที่นั่งอยู่รู้สึกอึดอัด ก่อนจะสะดุ้งเมื่อเขาวางมือข้างหนึ่งลงบนโต๊ะตรงหน้าและโน้มตัวลงมาหา สตาริศาขยับตัวเบี่ยงหลบ ก่อนจะตวัดสายตาขึ้นมอง...

ดวงตาสีเข้มพราวระยับไม่น่าไว้ใจ ใบหน้าที่ก้มใกล้อยู่ห่างเพียงคืบกำลังส่งผลให้หัวใจของเธอเต้นเร็ว เขาไม่ควรทำแบบนี้ อย่างน้อยอาทิตะยะควรจะตระหนักบ้างว่าเธอไม่ได้เต็มใจมาและไม่ได้ยินดีกับสิ่งที่เขาทำ

"หนึ่งตะวัน ยินดีต้อนรับ สตาริศา" เขาน่าจะจบประโยคเพียงเท่านั้น ไม่ควรจะมีคำว่า"กลับบ้าน"เพราะมันทำให้คนฟังรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ จนถึงขั้นทำหน้าไม่ถูก
...หนึ่งตะวัน ยินดีต้อนรับ สตาริศา กลับบ้าน... เธอไม่ควรจะคิดวุ่นวาย ด้วยการตีความหมายของชื่อที่ได้ยิน เพียงเพราะมันไปพ้องกับชื่อของคนพูด เหมือนอีกฝ่ายจะรับรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร แววตาและรอยยิ้มเขาจึงดูเปิดเผยกว่าทุกครั้ง

"หนึ่งตะวัน คือชื่อที่คนที่นี่เรียกผม นอกจากอาิทิตะยะผมคือ หนึ่งตะวัน"เสียงเบาราวกระซิบหยุดความว้าวุ่นใจ อาทิตะยะตอบข้อสงสัยโดยไม่ต้องรอฟังคำถาม สตาริศาไม่ตอบโต้ เธอก้มหน้าหลบตา...
ประโยคที่เขาพูดแฝงความนัย หนึ่งตะวันไม่ใช่แค่บ้าน แต่มันคือตัวตนของคนพูด

หัวใจที่ยังไม่หายเจ็บสั่นไหว แต่คำว่ารักมักจะตามมาด้วยคำว่าเจ็บ สตาริศาไม่อยากเจ็บซ้ำอีก เธอจึงปฏิเสธความรู้สึกดีๆ ที่กำลังก่อตัวขึ้นในหัวใจ

"ตอนที่อยู่บนห้อง จำได้ไหม ที่ดาวถาม..."เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้างุด เขาจึงต้องเป็นฝ่ายหาเรื่องเจรจา อาทิตะยะหยุดเว้นจังหวะ ก่อนจะพูดต่อ เมื่ออีกฝ่ายยังคงนั่งเงียบเช่นเดิม"ดาวถามผม ว่ามีทางเลือกอะไรที่จะทำให้เราไม่ต้องเกี่ยวข้องกัน"

"จะไม่ถามหน่อยหรือ ว่าผมมีทางเลือกให้ไหม"อดที่จะถามไม่ได้ เมื่อคนที่นั่งอยู่เอาแต่เงียบ

"แล้วมีให้ไหมคะ"ในที่สุดก็ถามออกไป ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะเงียบ และนิ่งฟังโดยดีแท้ๆ

"มีสิครับ"

คำตอบที่ทำให้คนได้ยิน คิดไปว่าตัวเองหูแว่วจึงพลั้งปากถาม "ว่ายังไงนะคะ"พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง จนเป็นเหตุให้ดวงตาคมเข้มมองด้วยสงสัย แววตาแสดงให้เห็นว่าอารมณ์ของเขากำลังแปรปรวน
สตาริศา...เอาหัวใจติดตัวมาด้วยหรือไม่!

"อยู่กับผม ไม่ควรจะคิดถึงคนอื่น"เสียงเข้มดังขึ้น จนทำให้คนฟังขมวดคิ้ว

"หมายความว่ายังไง"

"หมายความตามที่พูด กำลังคิดถึงใครอยู่ล่ะครับ"

"ไม่ได้คิดถึงใครทั้งนั้น"

"แล้วทำไมจะต้องย้อนถาม ถ้าได้ยินในสิ่งที่ผมพูด"

"เพื่อให้แน่ใจ ว่าประโยคที่ได้ยิน คุณพูดจริงไม่ได้ล้อเล่นนะสิคะ"เธอให้เหตุผล

"ผมไม่เคยพูดเล่น"เสียงเขาจริงจัง

"ค่ะ ถ้าอย่างนั้นก็บอกมาสิคะ ทางเลื่อกที่บอกว่ามี"

"จะบอกหลังจากอาหารมื้อนี้ผ่านไปด้วยดีก็แล้วกัน"

อาทิตะยะทิ้งคำพูดเอาไว้แค่นั้น ก่อนจะผละห่างและเดินกลับไปยังเก้าอี้ของตัวเอง แม้จะรู้สึกไม่พอใจแต่เธอก็หวังจะให้อาหารมื้อนี้ผ่านไปด้วยดี และจบลงโดยไว เช่นกัน
หวังว่าทางเลือก คงไม่ใช่ทางเลือกเดียวที่เธอได้ยินก่อนหน้านี้ แต่งงาน...จะเป็นทางเลือกที่ทำให้ไม่ต้องเกี่ยวข้องกันได้ยังไง

เรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ สำหรับสตาริศา กลับกลายเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ หากมันคือความต้องการของอาทิตะยะ
ทางเลือกที่เธอเฝ้าปฏิเสธ กลายมาเป็นทางเลือกเดียวที่เธอไม่อาจจะปฏิเสธได้ในเวลาต่อมา
จดทะเบียนกับเขา...คือหนทางเดียวที่เธอจะรอดจากการถูกครอบครองทั้งชีวิตตามเงื่อนไขที่เขาเสนอ...

"ถ้าตกลง ผมให้สัญญาว่าจะไม่เข้าไปก้าวก่ายชีวิตส่วนตัว ผมต้องการแค่กระดาษ แค่หลักฐานยืนยันว่าเราแต่งงานกัน"

จะเชื่อได้แน่หรือ ในเมื่อสิ่งที่เขาปฏิบัติต่อเธอมันไม่ได้แสดงให้เห็นว่าเขาต้องการแค่กระดาษเลยสักนิด...

"ด้วยเกียรติของ ทรรศไนย ผมรับปากว่าจะไม่เรียกร้องสิ่งใดนอกจากทะเบียนสมรส"

หากมันจะทำให้เธอได้กลับไปใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ โดยไม่มีคนของใครตามติด ไม่มีเขาเข้ามาวุ่นวายในชีวิต เธอควรจะเสี่ยงไหม
แม้มันจะเป็นข้อเสนอที่พิลึกพิลั่นที่สุดในชีวิต แต่มันก็เป็นทางเลือกเดียวที่จะทำให้เขายอมปล่อยเธอนี่นา

เขาแค่รอให้เธอตอบตกลง ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วโดยไม่คิดจะรอให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัวเตรียมใจ ไม่มีแม้แต่เวลาจะให้เธอคิดเปลี่ยนใจ
ในตอนสายของวันใหม่ หลังอาหารมื้อเช้าผ่านพ้นไป
สตาริศาเขียนชื่อตัวเองลงไปบนกระดาษแผ่นเดียวกันกับอาทิตะยะ ทรรศไนย กระดาษที่เขาบอกว่าต้องการและเธอเองก็รู้ดีว่ามันหมายถึงสิ่งใด

เขายินดีจะปล่อยเธอไป และไม่ก่าวก่ายชีวิตส่วนตัวตามที่เธอร้องขอ สำหรับอาทิตะยะ แค่นี้ถือว่าเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาได้มา

หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการที่ไม่มีอะไรมากไปกว่าการเซนต์ชื่อต่อหน้านายทะเบียน สตาริศาขอตัวกลับขึ้นไปบนห้อง และเก็บตัวเงียบ
เพื่อแลกกับอิสระภาพ เธอยอมเสี่ยงจดทะเบียนสมรสกับผู้ชายที่ตัวเองคิดเสมอว่าเห็นแก่ตัว และเอาแต่ได้ หากเขาพลิกลิ้นไม่ยอมทำตามที่รับปาก เธอจะทำยังไง สัญญาปากเปล่าจากผู้ชายที่ชื่ออาทิตะยะ ทรรศไนย เชื่อได้แน่หรือ

ทะเบียนสมรสที่จะต้องแลกด้วยการคืนอิสระภาพให้กับเธอ แม้จะขัดกับความต้องการของตัวเอง และไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากจะได้ มากไปกว่าหัวใจ แต่ในเมื่อมันหมดหนทางที่จะเอาชนะใจในเวลาอันรวดเร็ว ทางเดียวที่จะทำให้เธอหนีเขาไม่พ้น ก็คือ ทะเบียนสมรส ในเมื่อเรื่องระหว่างเขาและเธอมันถูกลิขิตให้เริ่มต้นผิดแบบ ถ้าเขาไม่ตัดสินใจผูกมัดด้วยวิธีนี้ สตาริศาก็หลุดมือไปเท่านั้น...
..........

ประตูห้องหนังสือที่เปิดกว้างทำให้คนที่กำลังเดินผ่านมาหยุดชะงัก มิเชลตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้และยกมือขึ้นเคาะประตูเบาๆ
ร่างสูงที่ยืนเอนกายพิงกรอบหน้าต่าง ไม่ขยับ ไม่แม้แต่จะเหลียวมอง

"ซันคะ"เขาเงียบ เธอจึงต้องเอ่ยปากเรียก

"ซัน"

"ผมได้ยินแล้วล่ะมิเชล มีอะไรก็ว่ามา"
มิเชลมองแผ่นหลังกว้างของคนพูดที่ยังยืนนิ่งกอดอก อาทิตะยะยังอยู่ในท่าเดิมจุดเดิมตั้งแต่ที่เดินเข้ามาในห้องนี้ ความคิดของเขายังคงวนเวียนอยู่กับเรื่องเดิมๆซ้ำๆไม่สามารถสลัดเธอออกจากความคิด แม้กระทั่งชีวิตก็สลัดเธอออกไปไม่ได้

"มื้อเที่ยง จะให้ตั้งโต๊ะรึเปล่าคะ" เป็นประโยคที่เพิ่งคิดได้สดๆร้อนๆเมื่อครู่ หลังจากที่สายตาเหลือบไปเห็นนาฬิกาแขวนที่เข็มชี้บอกเวลาว่าอีกประมาณสี่สิบห้านาทีจะเป็นเวลาอาหารกลางวัน ซึ่งโดยปกติอาทิตะยะจะไม่ทานอาหารมื้อนี้ที่บ้าน แต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ข้อปฏิบัตินี้ยังจะคงไว้หรือไม่

คำว่าเที่ยงทำให้ชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้ามาเผชิญหน้าคนที่ยืนอยู่ภายในห้อง

มิเชลที่ยืนรอคำตอบ แอบลอบมองใบหน้าคนที่หันมาอย่างพิจารณา ดวงตาสีเข้มดูว่างเปล่าใบหน้าคงมีร่องรอยบางอย่างที่คิดไม่ตก หากไม่ได้เลี้ยงดูมาแต่เล็กแต่น้อย เจ้าของใบหน้าที่เรียกได้ว่าหล่อใสไร้ที่ติทว่ากลับมีแววตาที่แสนจะเย็นชานั่นคงตบตาได้ว่าหัวใจไร้ความรู้สึก

"คงไม่ต้อง...ผมจะออกไปทานข้างนอก"พูดบอกเสียงเรียบ จากนั้นจึงเดินมาทิ้งตัวลงนั่งหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่ไม่ห่าง มิเชลขยับตัวตาม

"มีอะไรอีก"คนที่ตั้งท่าจะเปิดแฟ้มตรงหน้า เปลี่ยนใจเงยหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกว่าตนกำลังถูกจ้องมองจากคนที่ไม่ยอมจากไป

"คุณผู้หญิงล่ะคะ"

"ทำไม"

"ไปด้วยรึเปล่าคะ"

"ก็ต้องไปสิ"

พร้อมคำตอบ คิ้วเข้มเลิกสูงขึ้นคล้ายสงสัย แววตาและท่าทางของมิเชล ทำให้รู้สึกว่าคนตรงหน้าคงมีอะไรที่จะพูด มากกว่าคำถามที่ผ่านมา อาทิตะยะวางปากกาละมือจากแฟ้มตรงหน้า ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนักเก้าอี้...

"มีอะไรจะพูดกับผมรึเปล่า...มิเชล"
ไม่มีอะไรรอดพ้นสายตา ความกังวลใจของเธอคงแสดงออกให้เห็นจนต้องเอ่ยถาม มิเชลหายใจเอาอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะเอ่ย...

"ความรัก...เป็นเรื่องของหัวใจนะคะซัน เรื่องของหัวใจควรใช้หัวใจ ไม่ใช่สมอง"

คำพูดที่เสี่ยงต่อการได้อยู่ต่อ แม้จะเตรียมใจเอาไว้แต่ก็อดหวั่นไม่ได้ ประโยคที่เปล่งออกมาจึงเบาแสนเบาซ้ำคนถามยังก้มหน้าหลบตา...จึงพลาดที่จะได้เห็นแววตาที่แสดงถึงความตกใจระคนแปลกใจของคนที่นั่งอยู่

อะไรในตัวเขาทำให้มิเชลพูดประโยคเหล่านี้ออกมา ตกใจที่ถูกล้วงความรู้สึกมากกว่าจะโกรธและไม่พอใจ มิเชลพูดถูก...เขากำลังใช้สมองแก้ไขปัญหาหัวใจ
เรื่องของหัวใจควรจะใช้หัวใจ
แต่สำหรับคนที่ทำเหมือนกับไม่มีหัวใจ หากมัวแต่ใช้หัวใจ เกรงว่าจะสายเกินไปน่ะสิมิเชล

"ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะมิเชล" น้ำเสียงราบเรียบ ไม่มีวี่แววว่าโกรธ มิเชลจึงใจกล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตา ดวงตาสีเข้มถ่ายทอดความรู้สึกดังประโยคที่พูดออกมา มิเชลนึกแปลกใจกับภาพที่เห็น หรือเธอจะเข้าใจอะไรผิดไป
อาทิตะยะดูอารมณ์ดี ผิดกับตอนแรกที่เข้ามาเจอชนิดพลิกฝ่ามือ...

"เอ่อ ความจริงดิชั้นไม่ควรพูด น่าจะรู้ดีว่าไม่ควร ขอโทษด้วยนะคะ เกรงว่าดิชั้นอาจจะเข้าใจอะไรผิดไป"มิเชลยิ้มเก้อ เมื่อเห็นดวงตาสีเข้มส่องประกายไม่ว่างเปล่าเช่นที่ผ่านมา อาทิตะยะอารมณ์ดี ใช่ว่าจะเห็นหนทางคลี่คลายปัญหาที่ยังคาใจ แต่เพราะความห่วงใยจากอดีตพี่เลี้ยงที่พยายามแสดงออกต่างหากที่ทำให้เขารู้สึกดี

"ผมยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำ จะขอโทษทำไมกัน"ยิ่งเห็นท่าทางอึกอัก หน้าตาตื่นของคนตรงหน้า รอยยิ้มก็กลับมาปรากฏอยู่บนใบหน้าจนมิเชลแทบจะไม่เชื่อสายตา อาทิตะยะที่ยิ้มได้และยิ้มง่ายกลับมาแล้วจริงๆหรือ

ความหนักอกหนักใจแม้จะไม่หายไปแต่ก็ทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัด มิเชลมองชายหนุ่มที่ขยับตัวลุกขึ้นยืนด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยรัก ถ้าเป็นไปได้ เธออยากจะเห็นรอยยิ้มแบบนี้มากกว่าความว่างเปล่าหรือร่องรอยแห่งความทุกข์ใดๆ บนใบหน้าของคนที่กำลังจะก้าวผ่านหน้าไป

"ผมเคยบอกใช่ไหมว่า ไม่ต้องห่วง ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไร ผมยังยืนยันคำพูดนั้นอยู่นะมิเชล... อย่าเพิ่งคิดมากไปกับสิ่งที่เห็น เพราะบางครั้งมันอาจจะไม่ใช่อย่างที่คิด..."ประโยคทิ้งท้ายก่อนที่อาทิตะยะจะก้าวออกไปจากห้อง ทำให้รอยยิ้มเลือนหายไปจากใบหน้าของมิเชล เห็นทีต่อไปเธอจะต้องทำและคิดอย่างที่เคยถูกขอ 'แค่อยู่ข้างผมก็พอ'...ใช่ไหมคะซัน
..........

คลิ๊ก...
เสียงลูกบิดประตูถูกเปิดล็อค จากนั้นไม่นานประตูบานใหญ่ก็ค่อยๆแง้มเปิดออกพอที่จะใช้สายตามองเข้าไปภายในห้อง...ภาพที่เห็นทำให้ร่างสูงไม่ลังเลที่จะแทรกตัวผ่านช่องประตูเข้าไป ระวังอย่างที่สุดไม่ให้เกิดเสียงยามเมื่อผลักประตูปิดและกดล็อคเอาไว้เช่นเดิม

เตียงไหวยวบทำให้คนที่ตั้งใจจะนอนพักสายตาทว่ากลับเผลอหลับไปสะดุ้งตื่น ดวงตาเบิกกว้าง เมื่อเห็นว่าใครเป็นต้นเหตุ สติถูกเรียกกลับมา สตาริศาไม่หลงเหลือความง่วงงุนใดๆ สมองสังการณ์ให้รีบขยับถอยห่าง โดยไม่สนใจจะถามหาจุดประสงค์ของการมาปรากฏตัวชนิดติดขอบเตียงของอีกฝ่ายให้เสียเวลา...

อาทิตะยะมองตามคนที่ขยับหนีจนกระทั่งลงไปยืนอยู่ข้างเตียง ดวงตาสีนิลยังคงสงบในขณะที่ดวงตาของเธอวาววับ ไม่บอกก็รู้ว่าโกรธจัด

"ผมขอโทษที่ทำให้ตื่น"เป็นคำพูดที่แสดงถึงมารยาทที่ดี ซึ่งไม่ถูกที่ถูกเวลาเลยสักนิดในความคิดของคนที่ถูกทำให้ตื่น

"คุณคิดจะทำอะไร...ตกลงฉันไม่สามารถที่จะไว้ใจคุณได้เลยใช่ไหม"แม้จะกลัวแต่ก็โกรธจนไม่สามารถจะคอนโทรลเสียงที่ถามให้อยู่ในระดับที่เรียกว่าปกติได้"คุณรับปากว่าจะไม่เรียกร้อง คุณบอกว่าจะปล่อยฉัน คุณโกหกใช่ไหม ใช่ไหม" ความกลัวทำให้เธอคาดคั้นเอาคำตอบ อย่างน้อยเธอจะได้ไม่ต้องคิดเองเออเองให้เหนื่อยใจมากไปกว่านี้

คนถูกถามไม่ตอบในทันที ดวงตาเขาจับนิ่งอยู่ที่ใบหน้าของคนที่เพิ่งตื่นนอน จากนั้นก็เลื่อนขึ้นลงจนคนที่ตกเป็นเป้าสายตารู้สึกสะท้าน ร้อนหนาวสลับกันเหมือนคนกำลังจะเป็นไข้ให้ได้ หัวใจที่เต้นตุ๊บๆอยู่ในอกเตือนให้รู้ว่าเธอไม่สามารถจะวางตัวให้เป็นปกติได้ เมื่อถูกเขามองด้วยสายตาแบบนั้น

"ทำไมคุณไม่ตอบ..." อีกครั้ง ที่เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกเอาเปรียบ ถูกเขาต้อนให้จมอยู่กับความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง โดยที่มีเขาเฝ้ามองอยู่เงียบๆ

"ผมไม่เคยโกหก และคำพูดของผมเชื่อถือได้...สตาริศา"อาทิตะยะเน้นทุกคำที่พูด นอกเหนือจากการยืนยันหนักแน่น เขาต้องการกระทบถึงเธอใช่ไหม ถ้าใช่...ขอให้เขารู้ ว่ามันได้ผล เธอรู้สึกผิดและสำนึกได้ว่าเคยพลาด ที่เคยรับปากว่าจะคบกับเขา แต่ทำไม่ได้...
ต่อไปเธอจะระวัง ไม่ตกปากรับคำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าอีกเป็นอันขาด!

"ฉันเชื่อคุณ"คงไม่มีคำพูดอื่นใดที่ควรพูด เท่ากับคำพูดประโยคนี้ สตาริศาคิดถูกความเชื่อใจ ไว้ใจ และวางใจจะทำให้เธอปลอดภัย
อาทิตะยะไม่กล้าที่จะทำลายความไว้วางใจที่เธอมี...เขาจะรักษาคำพูด ตราบเท่าที่เธอจะรักษาสัญญา
สัญญาที่ถูกต้องตามกฏหมาย ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเขาคือใคร และมีสิทธิ์อะไรในตัวเธอ...

"แล้วผมล่ะ..."จู่ๆเขาก็ถามขึ้น ทำให้คนฟังงงไปพักใหญ่ๆ ก่อนจะเข้าใจพร้อมกันนั้น สตาริศาถึงกับทำหน้าไม่ถูก กับประโยคที่ว่า"ผมสามารถจะไว้ใจและเชื่อใจในตัวภรรยาผมได้ไหม"

"..."สตาริศายืนนิ่ง

"ผมยินดีจะให้อิสระ เธอสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยที่ไม่มีผมเข้าไปข้องเกี่ยว จนกว่าเธอจะพอใจ"ขณะที่พูด ดวงตาเขายังคงจับอยู่ที่เธอ...คล้ายจะย้ำบอกว่า 'เธอ' ในประโยคที่เขาพูด คือเธอที่ยืนอยู่ต่อหน้าคนนี้...
จะใครล่ะ ก็เธอนั่นแหละ สตาริศา! ถูกตรึงด้วยสายตาจนไม่กล้าขยับ เขาทำให้เธอไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ...

อาทิตะยะยังนั่งอยู่ที่ขอบเตียง ส่วนเธอก็ไม่กล้าขยับไปจากจุดที่ยืนอยู่ ระหว่างเขาและเธอถูกกั้นด้วยเตียง...

"แต่คำว่าอิสระ ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะปล่อยให้เธอไปมีคนอื่นได้นะครับ ถ้าคิดจะให้อิสระในเรื่องแบบนั้น ผมจะถือทะเบียนสมรสเอาไว้เพื่อประโยชน์อะไร จริงไหม" พูดจบก็โยนคำถามมาที่เธอซะงั้น ก็แล้วคำว่า เธอ ที่เอ่ยขึ้นบ่อยๆ มันไม่ได้หมายถึงเธอหรือยังไง...
ดวงตาเธอแสดงให้เห็นว่าไม่พอใจกับประโยคที่ได้ยิน ก่อนจะเบิกกว้างตื่นตระหนก สตาริศาหันซ้ายแลขวา เมื่อเห็นว่าอาทิตะยะขยับลงจากเตียง สองมือของเขาล้วงเก็บในกระเป๋ากางเกงขณะที่หมุนตัวหันมายืนเผชิญหน้ากับเธอ

"ว่ายังไงครับภรรยา เข้าใจในสิ่งที่ผมพูดหรือไม่"
น้ำเสียงและแววตาของอาทิตะยะที่จ้องมาที่เธอทำให้หัวใจเธอเต้นแรง มากกว่าคำว่าเข้าใจ สตาริศาชักจะคิดฟุ้งซ่านไปไกลมากกว่าที่อีกฝ่ายคิด

"ฉันเข้าใจ และรู้ค่ะว่าควรจะทำตัวยังไง"สตาริศารีบตอบ และพยายามมองหาช่องทางให้ตัวเองได้ออกไปจากห้องนี้โดยเร็วก่อนจะถูกอีกฝ่ายทำอะไรที่มากไปกว่า แค่มอง การถูกบังคับให้ต้องยอมตกปากรับคำในทุกๆ เรื่องที่เขาขอ ด้วยวิธีการที่มักจะทำเธอเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบอยู่ร่ำไป ทำให้สตาริศาไม่อาจจะยืนนิ่งอยู่เฉย

การที่อาทิตะยะถือวิสาสะเข้ามาในห้อง มันทำให้เธอปักใจเชื่อว่าเขาคงไม่ได้มาดี สตาริศาไม่ไว้ใจ และสายตาเธอก็แสดงออกให้เขาเห็นเช่นที่รู้สึก

ไม่ว่าเธอจะมองด้วยสายตาที่ทำให้หัวใจเจ็บได้ ทว่าเขากลับไม่ถือสาและเก็บมาเป็นอารมณ์ เขาไม่เคยลืมครั้งแรกที่ได้เจอกัน แม่สาวน้อยขี้เมาใจกล้าทำให้เขาแปลกใจด้วยการตัดสินใจทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาคิด ทั้งๆที่เธอเป็นฝ่ายเสียหาย แต่กลับไม่ยอมเอ่ยปากให้เขารับผิดชอบ ทั้งๆที่ควรจะเป็นเขาที่เป็นฝ่ายบอกให้ลืมแต่กลับเป็นเธอเสียนี่ที่ต้องการจะให้เขาลืม...

"ฉันว่าคุณควรจะออกไปได้แล้ว"สตาริศาพูดขึ้น หลังจากปล่อยให้อีกฝ่ายจ้องมองอยู่นาน

"ทำไม"

"ทำไม...อะไร"

"ทำไมผมจะต้องออกไป ในเมื่อที่นี่มันคือห้องผม"เจอเขาแย้งกลับมาแบบนี้ เธอก็คร้านจะตอแย

"ถ้าอย่างนั้นฉันจะเป็นฝ่ายออกไปเอง"แต่พอเธอขยับ เขาก็ขยับ...สตาริศาหยุดกึกยืนนิ่งตวัดสายตามองขวับเอาเรื่อง พอเธอหยุด เขาก็หยุด...ลองทำให้เห็นแบบนี้จะให้เธอคิดยังไง

"จะทำอะไร"

"ผมมีเรื่องจะพูดด้วย อย่าเพิ่งออกไป"

"ถ้าอย่างนั้นไปคุยต่อข้างนอกก็ได้"

"คุยที่นี่น่ะดีแล้ว จะเสียเวลาเดินไปหาที่อื่นทำไม"แต่มันไม่ดีสำหรับเธอ สตาริศาแย้งขึ้นมาในใจ

"มานั่งนี่เถอะสตาริศา" อาทิตะยะพูดพร้อมกับตบที่นั่งข้างๆตัว เขาคิดได้ยังไงว่าเธอจะเดินไปนั่งใกล้ๆ ในเมื่อเธออุตส่าห์หนีมายืนตั้งไกลขนาดนี้

"ไม่ค่ะ จะยืนคุยตรงนี้"

"จะให้ผมนั่งหันหลังคุยด้วยรึไงกัน"เขาเอียงหน้ามาทางเธอเล็กน้อย ก่อนจะหันหน้ามองข้ามไหล่มามองเธอแบบเต็มๆตา เมื่อไม่ได้รับคำตอบ

"ถ้าผมคิดจะทำ ไม่ว่าจะหนีไปอยู่ตรงไหน ผมก็ตามไปทำจนได้ ถ้าไม่เชื่อจะลองดูก็ได้นะ"คำขู่ที่ทำให้เธอรีบขยับเท้าก้าวออกจากจุดที่ยืนอยู่ สตาริศาไม่คิดว่าตัวเองจะจนตรอก ทำไมเธอจะไปถึงประตูที่อยู่ใกล้ๆนั่นไม่ได้ล่ะ ก็แค่วิ่ง...เธอขยับเท้าวิ่งเร็วไปที่ประตูแบบไม่คิดชีวิต ไม่เหลียวหลัง แต่ทันทีที่มือแตะลูกบิดเธอกลับพบว่าไม่ใช่แค่เธอที่มาถึงประตูทางออก สตาริศาน่าจะร้องกรี๊ดเมื่อมองเห็นมือที่ทาบลงมาบนมือตัวเอง แต่เธอกลับตกใจเสียจนไม่สามารถจะส่งเสียงใดๆออกมาได้
ทันทีที่ถูกเขาจับตัวหันมาเผชิญหน้า เธอรู้ตัวดีว่าคงไม่รอด สตาริศายอมรับผลของการกระทำโดยดี อีกแล้วที่เธอนิ่งเสียจนเขาไม่กล้าจะลงมือ แม้สิ่งที่เธอทำจะถือเป็นการท้าทาย แต่เขาก็ไม่คิดจะทำอะไรมากไปกว่านี้

เธอถูกเขากักตัวเอาไว้ด้วยสองแขน หลังเธอแนบไปกับประตูจนแทบจะกลายเป็นเนื้อเดียวกัน
"คุณบอกว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับฉัน คุณรับปากแล้วว่าจะไม่เรียกร้องอะไร ถ้าฉันยอมจดทะเบียนด้วย"
แม้ใบหน้าเขาจะอยู่ใกล้ จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ แม้หัวใจเธอจะเต้นถี่รัวด้วยเพราะรู้สึกกลัวหรืออาจจะหวั่นไหวไปกับความใกล้ชิด แต่สตาริศาก็ยังกล้าที่จะพูด

มือข้างหนึ่งของเขาผละออกจากกำแพงประตู มันถูกยกขึ้นมาไล้เบาไปที่แก้มใสๆของคนตาวาวที่ยืนตัวสั่นอยู่ในวงแขน

"จดทะเบียนแล้ว นั่นสินะ" คล้ายเขากำลังรำพึงรำพันกับตัวเองมากว่าจะพูดตอบโต้กับเธอ สตาริศาเบี่ยงหน้าหลบสัมผัสที่คลอเคลียอยู่ที่แก้ม เมื่อเห็นว่ามันชักจะนานเกินไป

"ปล่อยได้แล้ว..."เธอยกมือทั้งสองข้างขึ้นมายันอกเขา ออกแรงเท่าที่มีผลักเขาให้ถอยห่าง ทว่าแรงเธอกลับไม่สามารถจะทำอะไรเขาได้ อาทิตะยะไม่ห่างซ้ำยังขยับตัวเข้าหา ก่อนที่ร่างเธอจะถูกอัดก็อปปี้ติดกับผนัง สตาริศาร้องเสียงหลงให้ปล่อยอีกครั้ง... จากนั้นก็กรีดร้องสุดเสียงเมื่อร่างสูงก้มหน้าลงมาใกล้ พร้อมกับคำพูดประโยคหนึ่ง...

สตาริศาดิ้นรนขัดขืน ยกมือขึ้นปัดป้องทุบตีคนที่ตวัดตัวเธอเข้าสู่อ้อมแขน ในใจร่ำร้อง... พ่อจ๋า... แม่จ๋า...ลูกสาวไม่อยากเข้าหอ ใครก็ได้ช่วยเอาผู้ชายคนนี้ออกไปจากชีวิตของเธอที น้ำตาพาลจะไหลเมื่อนึกถึงประโยคที่เขาก้มลงมากระซิบข้างหู

"เข้าหอกันนะ...สตาริศา"


~*~*~*~*~*~*~








ทักทายๆ...28 พย.2554

โพสห่างๆ อาจจะทำให้อารมณ์ของคนอ่านต่อไม่ติด ต้องขออภัย _/\_

ส่วนปิลันธนา ขอสารภาพตรงๆว่าต่อไม่ค่อยติด... ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ฉะนั้นหากนิสัยตัวละคร หรือเนื้อหากระโดดไปมา
ข้าน้อยขออภัยเป็นอย่างสูง(อีกรอบ)

รักคนอ่านที่เวปเลิฟฟฟฟฟ ที่ซู๊ดดดดดดดดดดดด
จุ๊บๆ



ปิลันธน์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 พ.ย. 2554, 00:46:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 พ.ย. 2554, 17:52:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 3689





<< ตอนที่ 12...รักไม่มีเหตุผล รักไม่ต้องการเวลา[I]...100%   
หมูอ้วน 28 พ.ย. 2554, 01:25:59 น.
รอตอนต่อไปค่ะ


violette 28 พ.ย. 2554, 01:26:48 น.
ยังรออ่านตอนต่อไปเรื่อยๆนะคะ ชอบเรื่องนี้มากค่ะ แต่อยากให้มีคู่เดียวจังเลย
(ไม่ได้ไม่สงสารญาญ่า แต่ไม่อยากให้นัทคู่กับญาญ่าเลยค่ะ ชอบอ่านนิยายคุ๋เดียวมากกว่า แฮ่


นางสาวกระป๋อง 28 พ.ย. 2554, 01:31:27 น.
เมื่อวาน เพิ่งบ่นกับเพื่อนไปว่าคิดถึงจนต้องกลับไปอ่านตอนเก่าๆ วันนี้เลยได้อ่านตอนใหม่ .....ขอบคุณนะคะปิลันธ์.....


แว่นใส 28 พ.ย. 2554, 08:04:46 น.
วางแผนจะทำอะไรต่อไป


anOO 28 พ.ย. 2554, 09:52:15 น.
จะมาห่าง มานานแค่ไหน ก็จะรออ่านค่ะ
แล้วนี้พระเอกเราจะตะล่อมเอาอะไรอีกล่ะ จะใช้หัวใจแทนสมองแล้วใช่ไหม


lovemuay 28 พ.ย. 2554, 10:34:42 น.
เพราะพนะเอกของเราบังคับนางเอกมากไป เค้าถึงได้หนีแบบนี้น่ะสิ +55


kaero 28 พ.ย. 2554, 11:00:13 น.
รอ


nunoi 28 พ.ย. 2554, 13:25:49 น.
อ๊ายยยย ชวนเข้าหอกันอย่างนี้เลยเหรอ


ลูกกวาดสีส้ม 28 พ.ย. 2554, 16:03:43 น.
โหย...เล่นวิธีนี้เลยเหรอ แล้วอย่างนี้จะได้ใจมั้ยน้าาา


bsirirata 28 พ.ย. 2554, 17:01:11 น.
รอต่อไปนะคะ ^^


yayee62 28 พ.ย. 2554, 21:51:31 น.
กรี๊ดดดดดดดด เข้าหอ ^^


แพม 28 พ.ย. 2554, 22:41:18 น.
เกือบลืมแล้วนะเนี่ย เข้าหอเถอะ อิอิ


Pamy 28 พ.ย. 2554, 23:54:03 น.
อย่าห่างไปนานละกันกำลังลุ้นอยู่


april 8 ธ.ค. 2554, 11:38:53 น.
น่ารักค่ะ มีความรู้สึกว่า เพราะเอกเริ่มรัก หรือเป็นความรับผิดชอบ แต่การปฏิบัติดูเหมือนรัก เนอะ ชอบงะ เข้าหอออ เขิน


kaero 11 ม.ค. 2555, 12:24:40 น.
รอ กันต่อไป ไม่รู้ต้องรอ อีกนานนนนนนนนนนนนนน แค่ไหนนนนน (แต่ก้อรอ) 55555555555555


Canopus 18 ก.พ. 2555, 17:39:03 น.
นานแสนนาน..


tanlovelove 4 พ.ค. 2555, 15:01:08 น.
เรื่อง บ่วงเสน่หา หายไปไหนคะ


ปิลันธน์ 5 พ.ค. 2555, 22:23:41 น.
^เก็บไปอ่านทบทวนค่ะ เพื่อจะได้ไปต่อ^^....คืบหน้าเมื่อไหร่จะเอามาโพสใหม่นะคะ...


กุ๊กๆ 4 ก.ย. 2555, 01:46:13 น.
ยังแอบรออยู่นะคะ


117 25 พ.ย. 2555, 03:19:27 น.
รอ รอ และก็ยังรอเช่นเดิมค่ะ


117 26 ม.ค. 2556, 17:57:40 น.
ยังรอเช่นเดิมค่ะ คุณปิลันธน์


ปิลันธน์ 1 มี.ค. 2556, 13:53:27 น.


แล่นแต๊ 17 มี.ค. 2557, 00:03:05 น.
แวะมาดูค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account