ฝันรักสุดหัวใจ
เขา..เจ้าพ่อผู้เย็นชา อดีตคู่หมั้นของพี่สะใภ้คนสวย ศัตรูตัวร้ายของครอบครัว

เธอเกลียดเขา แม่เธอเกลียดเขา พี่ชายเธอเกลียดเขา
แม้แต่หมาของเธอยังเกลียดเขาเลย!


สามปีก่อน เธอกับเขาเคยมีเรื่องกันนิดหน่อย และเธอก็ได้สั่งสอนเขาให้หลาบจำไปแล้ว

เส้นทางชีวิตของเธอและเขาคงไม่มีวันบรรจบกันได้อีก ถ้าเขาไม่เที่ยวไปป่าวประกาศให้ใครต่อใคร-รวมถึงพี่ชายและแม่เธอด้วย-ว่าเป็นพ่อของลูกเธอ

อี๋! ไอ้ผู้ชายบ้า
Tags: น้องแพร พี่ตั้ม

ตอน: สี่ พอจะเรียกเธอว่า...พนักงานดีเด่น ได้มั้ยเอ่ย?

คฤหาสน์ของเสี่ยทรงชัยตั้งอยู่บนเนื้อที่แปดไร่ใจกลางกรุง มันใหญ่โตและหรูหราอย่างน่าเกรงขาม เสี่ยธวัชชัยรับอุปการะและพาศราวุธเข้ามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เขาอายุเพียงห้าขวบ และแม้จะเติบโตที่นี่ แต่กระนั้น ศราวุธก็ไม่เคยรู้สึกว่าคฤหาสน์แห่งนี้เป็นบ้าน และทุกครั้งที่ได้กลับมา ความเจ็บปวดของการสูญเสียในอดีตจะเสียดแทงหัวใจเขาอยู่เสมอ
นับตั้งแต่วันที่พ่อแม่ของปูเป้ เสี่ยธวัชชัยและน้าสุจิตตราจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เสี่ยทรงชัย ผู้ซึ่งรู้ว่าเขารู้สึกยังไงกับหลานสาว ก็ได้ให้สัญญาว่าจะให้เขาได้แต่งงานกับปูเป้เป็นเครื่องมือบังคับหลอกล่อให้เขาเดินในเส้นทางตัวเองไม่ต้องการมานานหลายปี
แต่ทว่าเสี่ยทรงชัยต้องการมันสมองอันชาญฉลาดของเขามาเป็นตัวช่วยเพื่อค้ำจุนกิจการต่างๆ ที่ต้องสั่นคลอนเพราะความตายของเสี่ยธวัชชัยเท่านั้น ศราวุธตระหนักรู้มานานแล้วว่า ตาแก่จอมเจ้าเลห์ไม่คิดจะรักษาสัญญามาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ริมฝีปากของเขาเหยียดยิ้ม ในอีกแง่มุมหนึ่ง สิ่งที่เสี่ยทรงชัยทำนั้นก็ถือว่าเป็นการช่วยเขา การผลักดันเด็กหนุ่มผู้ไม่รู้อิหโน่อิเหน่ให้ต้องไปจัดการงานธุรกิจที่เกี่ยวพันกับกลุ่มอิทธิพลของวงการอาชญากรรมนอกกฎหมายก็เปรียบเสมือนการโยนลูกแกะเข้าไปกลางฝูงหมาป่ากระหายเลือด มันช่วยให้เขาเติบโตและเรียนรู้ที่จะควบคุมตัวเอง เขาต้องโหดเหี้ยมเพื่อที่จะอยู่รอด หากไม่มีเสี่ยทรงชัย เขาคงไม่แข็งแกร่งและประสบความสำเร็จอย่างเช่นทุกวันนี้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขากับเสี่ยทรงชัยจะปฏิบัติต่อกันอย่างห่างเหินเย็นชามาตลอด แต่ศราวุธกลับรู้สึกสบายใจที่เสี่ยทรงชัยยังคงอยู่ที่นี่ เป็นศูนย์รวมจิตใจให้เขาได้รู้สึกว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ฉันช่างน่าสมเพชอะไรอย่างนี้!
“ปูเป้ ไอ้ผัวชั้นต่ำของหนูเป็นอะไรน่ะ”
ได้ยินเสี่ยทรงชัยถามปูเป้ ศราวุธจึงหลุดจากความคิดของตัวเอง เขาเงยหน้าขึ้น และหันไปมองตามสายตาของเสี่ยทรงชัย
ที่บริเวณหน้าเรือนกล้วยไม้ ซึ่งอยู่ไม่ห่างกันนักจากศาลาริ้มน้ำที่เขา เสี่ยทรงชัย และปูเป้นั่งเล่นพักผ่อนกันอยู่ คุณพจน์กำลังคุยโทรศัพท์ด้วยใบหน้าหงุดหงิด สบถใส่โทรศัพท์อย่างหัวเสีย และมีหลายครั้งที่เขาเห็นว่าคุณพจน์เกือบจะขว้างโทรศัพท์ทิ้งไปจริงๆ
“มันเครียดเรื่องงานเหรอ” เสี่ยทรงชัยแสยะยิ้ม “ก็ดีนะ ถ้ามันเส้นเลือดในสมองแตกตายไปซะ หนูกับลูกๆจะได้กลับมาอยู่กับปู่”
“โธ่ คุณปู่ก็ ไปว่าพจน์อย่างนั้นได้ยังไงคะ” ปูเป้หัวเราะ เธออาจจะคิดว่าเสี่ยทรงชัยไม่ได้จริงจังกับคำพูดนัก แต่ศราวุธรู้ดีกว่านั้น
ถ้าคุณพจน์ไม่ใช่พ่อของเหลนท่าน และเป็นคนเพียงคนเดียวที่ทำให้ปูเป้มีความสุข เสี่ยทรงชัยจะไม่ยอมกล้ำกลืนอดทนมองหน้า หรือให้คุณพจน์เหยีบเท้าเข้ามาในบ้านเด็ดขาด รวมทั้งความจริงที่ว่า หากมีเรื่องบาดหมางกันอีกครั้ง ปูเป้จะเลือกอยู่เคียงข้างคุณพจน์ คนที่เธอรักที่สุด และจะตัดขาดไม่เกี่ยวข้องกับเสี่ยทรงชัยอีกอย่างที่เธอเคยทำมาแล้ว
นั่นย่อมหมายถึง ท่านจะไม่ได้เห็นน้องภัทรกับน้องภูมิอีกเลย
สุดท้าย แม้แต่เสือเฒ่าผู้เคยเกรียงไกรยิ่งใหญ่ล้นฟ้า อดีตเจ้าพ่อที่คนอื่นๆต่างยอมศิโรราบ แต่ในบั้นปลายของชีวิตวัยแปดสิบ สุดท้ายเสี่ยทรงชัยก็เป็นเพียงคนแก่ขี้เหงาธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น
ในอนาคต เขาเองก็คงไม่ต่างกับเสี่ยทรงชัยนัก
นี่แหละหนอ ชีวิต
“แล้วตกลงผัวหนูมันเป็นอะไรของมันล่ะ” เสี่ยทรงชัยถามอีก
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” ปูเป้ตอบ “พจน์กำลังคุยกับน้องสาวอยู่น่ะค่ะ”
“นังเด็กปากดีคนนั้นน่ะเหรอ” เสี่ยทรงชัยเลิกคิ้ว ถึงจะไม่ได้เจอกันมาสามปี แต่ท่านก็ยังคงจำน้องสาวตัวแสบของคุณพจน์ได้
“แหม คุณปู่ก็” ปูเป้ส่ายหน้ายิ้มๆ “น้องแพรร่าเริงน่ารักจะตายไป”
“เฮอะ! พี่มันชั้นต่ำ นังน้องมันก็ต้องชั้นต่ำเหมือนกันนั่นแหละ” เสี่ยทรงชัยเบ้ปากอย่างรังเกียจ “ถ้านังเด็กนั่นมันน่ารักอย่างที่หนูพูดจริงๆละก็นะ ทำไมผัวหนูถึงหงุดหงิดอย่างนั้นล่ะ”
“เจ้าบ้าพจน์ออกท่าทางโวยวายโอเวอร์ไปอย่างนั้นเองแหละค่ะ จริงๆ แล้วเขากับน้องแพรความเห็นไม่ตรงกันนิดหน่อยเท่านั้นเอง” ปูเป้เล่า “เมื่อกี้น้องแพรโทรมาบอกว่าเพิ่งได้งานทำ และจะไม่ยอมให้พจน์จ่ายเงินเดือนกับค่าบัตรเครดิตให้อีกแล้ว ส่วนพจน์ไม่คิดว่าน้องแพรจะหางานทำได้จริงๆ อย่าว่าแต่จะทำงานหาเลี้ยงตัวเองเลย น้องแพรฟังก็โกรธ คิดว่าพจน์ดูถูก แล้วไม่ถึงสิบนาที น้องแพรก็โอนเงินเดือนล่าสุดคืนเข้าบัญชีพจน์ทั้งหมดเลยค่ะ แถมยังโทรศัพท์ไปยกเลิกบัตรเครดิตทุกใบที่พจน์เปิดให้ด้วย” ปูเป้หัวเราะ “พอพจน์รู้เข้าก็ทั้งโกรธทั้งเป็นห่วง น้องแพรใช้เงินเก่ง ชอบช็อปปิ้งของราคาแพงๆ พจน์กลัวว่าต่อไปน้องแพรจะตรากตรำลำบาก เพราะเธอเป็นคนพูดจริงทำจริง บอกว่าไม่เอาเงินพจน์แล้วก็คือไม่เอาจริงๆ ไม่มีการคืนคำพูดตัวเองเด็ดขาด” ปูเป้หัวเราะอีก “พจน์กำลังโน้มน้าวให้เธอเปลี่ยนใจน่ะค่ะ แต่ฉันว่าท่าทางพจน์คงทำไม่สำเร็จหรอก”
ศราวุธยกน้ำผลไม้ขึ้นจิบด้วยท่าทางเหมือนจะไม่สนใจฟังบทสนทนาของทั้งคู่นัก แต่เขากลับตั้งใจฟังคำพูดของปูเป้อย่างละเอียด ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขานึกสงสัยถึงความเป็นไปของยัยลูกแมวและอยากรู้ว่าเธอเป็นยังไงบ้างอยู่บ่อยๆ แต่ไม่เคยออกปากถามปูเป้หรือคุณพจน์เลยสักครั้ง
“น้องแพรอาจจะทำเกินไปหน่อย แต่ฉันเชื่อค่ะว่าน้องแพรจะทำงานเลี้ยงตัวเองได้โดยไม่ลำบากอะไร น้องแพรเป็นคนมีเสน่ห์ ใครรู้จักก็รักก็เอ็นดู เธอจะต้องไต่เต้าจนประสบความสำเร็จแบบที่เธอต้องการอย่างแน่นอน” ปูเป้พูดต่อ
และดังเช่นทุกครั้งเวลาพูดถึงคนที่เธอรัก ดวงตากลมโตของเธอจะเปล่งประกายเจิดจรัสสดใส ศราวุธสงสัยเหลือเกินว่า หากมีใครสักคนพูดถึงเขาอย่างขบขันรักใคร่แบบนี้บ้าง มันคงทำให้ชีวิตที่แสนน่าเบื่อของเขามีความหมายกว่านี้มากนัก
“พจน์เองนั่นแหละที่กังวลเกินไปจนเกินเหตุ ชอบคิดอยู่เรื่อยว่าน้องแพรเป็นเด็ก ทั้งๆที่น้องแพรโตเป็นผู้ใหญ่แล้วแท้ๆ น่าจะปล่อยให้เธอได้มีโอกาสพิสูจน์ตัวเองบ้าง คุณปู่ว่ามั้ยคะ”
“ปู่ไม่ว่ายังไงทั้งนั้นแหละ” เสี่ยทรงชัยเค่นเสียง “นังเด็กปากดีนั่นจะเป็นยังไงก็เรื่องของมันสิ ไม่เห็นเกี่ยวกับปู่เลยนี่”
ปูเป้ได้แต่หันมาส่ายหน้ายิ้มๆ อย่างอ่อนใจกับเขา แต่เขาเพียงยิ้มมุมปากตอบเธอโดยไม่ได้เอ่ยปากแสดงความเห็นอะไร
ทว่าในใจเขารู้ดี มันใช่อย่างที่ปูเป้พูดจริงๆนั่นแหละ ยัยลูกแมวเป็นคนมีเสนห์ ที่ใครรู้จักก็รักก็เอ็นดู แม้แต่เขาเองที่ไม่ค่อยรู้จักมักคุ้นกับเธอดีนักยังรู้สึกแบบนั้นเลย
แต่ในทางตรงข้าม เขานึกภาพเด็กดื้อที่ถูกตามใจจนเสียคนแบบนั้นโตเป็นผู้ใหญ่แล้วไม่ออกเลยจริงๆ
ขออวยพรให้เธอ - ไม่สิ คนที่ต้องอยู่ใกล้เธอ – โชคดีก็แล้วกัน!
............................................
“นี่ยัยแพร เปลี่ยนใจกลับมารับเงินกับใช้บัตรเครดิตจากพี่เหมือนเดิมดีกว่าน่า”
“โอ๊ย ไม่เอาน่าพี่” พัดแพรกลอกตา “แพรบอกแล้วไงว่าแพรไม่เปลี่ยนใจ”
“พี่ไม่รู้ว่าเธอไปทำอีท่าไหนถึงได้งานนะ แต่คนอย่างเธอทำได้ไม่ครบเดือนเค้าก็ต้องไล่เธอออกแล้ว เชื่อพี่สิ”
“ไอ้พี่บ้า!” พัดแพรขึ้นเสียง ถ้านี่ไม่ใช่การคุยโทรศัพท์เธอคงซัดหมัดเสยคางไอ้พี่พจน์ไปแล้ว “พูดมากน่ารำคาญซะจริง พี่หงุดหงิดเพราะเสียดายที่คนเก่งรอบด้านอย่างแพรไม่ยอมไปทำงานที่บริษัทพี่ใช่มั้ยล่ะ”
“ถ้าคิดอย่างนั้นแล้วมีความสุขก็ตามใจเธอเถอะ” ไอ้พี่พจน์ถอนใจแบบเหนื่อยหน่าย
หนอยแน่ะ! “แล้วเมื่อไหร่พี่จะแก้ผ้าฟ้อนรอบบ้านซะทีล่ะ แพรจะได้ชวนเจ๊มี่กับเพื่อนก๊วนเกย์มาดู”
“เธอพูดอะไรของเธอน่ะ” เสียงของไอ้พี่พจน์ฟังดูงุงงงอย่างแท้จริง
“ก็พี่บอกเองว่าถ้าแพรได้งานพี่จะแก้ผ้าฟ้อนรอบบ้านไง”
“เอ๋?” เธอคิดว่าไอ้พี่พจน์คงกำลังขมวดคิ้ว “พี่พูดแบบนั้นเมื่อไหร่กัน”
เธอทำเสียงจุ๊จุ๊ “อย่ามาทำเนียนสิพี่ ไหนบอกว่าเป็นคนพูดแล้วจะไม่คืนคำไง”
“ก็พี่ไม่ได้พูดซะหน่อยนี่”
“ไม่นะ พี่พูดจริงๆ ไม่เชื่อถามพี่นนท์กับแม่ก็ได้ สองคนนี่ก็อยู่ด้วยตอนที่พี่พูด”
“ไม่ต้องไปถามหรอก พี่พูดอะไรไปพี่รู้ตัวดีน่า”
เธออ้าปากค้าง “ไอ้พี่ทุเรศ ทำงี้..”
เวลานั้นเอง เธอเหลือบเห็นพี่นางฟ้า พี่เลี้ยงที่คุณพิพัฒน์ส่งมาจากแผนกการตลาด เพื่อช่วยสอนระบบงานของบริษัทให้เธอกำลังเดินมาทางโต๊ะทำงานพอดี ยี้! นังบ้า จะเดินมาทำไมบ่อยๆยะ คนกำลังจะเริ่มด่าไอ้พี่พจน์มันๆ อยู่แล้วเชียว
“แพรต้องวางสายละ แค่นี้ก่อนนะพี่”
“เดี๋ยวสิยัยแพร เรายังพูดกันเรื่องบัตรเครดิตไม่..”
พัดแพรกดปิดโทรศัพท์มือถือโดยไม่สนใจเสียงโวยวายของพี่ชาย และเก็บมันลงใต้ลิ้นชักอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบทำเป็นตั้งอกตั้งใจอ่านแฟ้มเอกสารตรงหน้า
เธอทำงานที่ฝ่ายบริหารของพัฒนอินดัสทรีส์มาได้สามวันแล้ว และก็เพิ่งมารู้ในวันที่เริ่มทำงานว่า คุณพิพัฒน์นั้น เป็นอดีตประธานกรรมการที่มาช่วยดูบริษัทเพียงชั่วคราวระหว่างที่คุณรัฐวิทย์ - ลูกชายผู้ไม่เอาไหน และเป็นประธานคนปัจจุบัน - เดินทางไปเจรจาเรื่องการซื้อเครื่องหมายการค้าเครื่องดื่มบำรุงกำลังที่อิตาลี
และเนื่องจากตำแหน่งของเธอเป็นตำแหน่งที่พิเศษและสำคัญอนาคตของบริษัทมาก โฮะๆ คนมันเก่ง! คุณพิพัฒน์จึงได้ให้พี่สุรี – เลขาของคุณรัฐ - ทำอีเมล์จดหมายเวียนชี้แจงแก่พนักงานทุกคนแล้วว่า เธอเป็นผู้ช่วยพิเศษของฝ่ายบริหารและรับคำสั่งจากคุณรัฐวิทย์เพียงคนเดียวเท่านั้น ดังนั้นพนักงานของที่นี่จึงปฏิบัติกับเธออย่างเคารพเกรงใจกันเกือบจะทุกคน
ยกเว้น ยัยพี่นางฟ้านี่แหละ!
“น้องแพรจ๊ะ” พี่นางฟ้ามาหยุดที่หน้าโต๊ะทำงานของเธอ “เดี๋ยววันจันทร์หน้าพี่ต้องทำพรีเซน์ให้คุณรัฐระหว่างที่ประชุมผู้ถือหุ้นน่ะจ๊ะ แต่พี่ใช้โปรแกรมเพาเวอร์พอยท์ไม่เป็น ถ้ายังไงน้องแพรช่วยพี่ทำหน่อยได้มั้ยจ๊ะ จะได้เป็นการฝึกงานไปในตัว”
กรี๊ดดด กรี๊ดดดด กรี๊ดดดดด เว็บบล๊อกของหล่อนอลังการงานสร้างซะจนต้องใช้แว่นสามมิติส่อง อย่างนี้เนี่ยนะ ใช้พาวเวอร์พอยท์ง่ายๆ ไม่เป็น อี๋ นังตอแหล!
“ได้ค่ะ แพรจะทำให้เดี๋ยวนี้เลย” เธอยิ้มน้อยๆแต่พองาม ขณะที่แอบชูนิ้วกลางให้ที่ใต้โต๊ะ
“ดีมากจ๊ะ ทำสไลด์ข้อมูลตามนี้นะจ๊ะ” พี่นางฟ้าวางปึกกระดาษที่มีแต่ตารางและตัวเลขตรงหน้าเธอ “น้องแพรทำให้เสร็จภายในวันศุกร์ช่วงเช้านะ พี่จะได้เอามาตรวจดูก่อนที่คุณรัฐจะใช้ประชุม”
“ค่ะ แพรจะเร่งทำให้ทันนะคะ”
“จ๊ะ แล้วพี่จะรอนะ” ว่าแล้วพี่นางฟ้าก็เดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
เฮอะ! ขอบใจกันสักคำไม่มีเลยนะยะ
พัดแพรพ่นลมในจมูกอย่างไม่สบอารมณ์ และพลิกกระดาษดูคร่าวๆ อี๋ ข้อมูลเยอะแบบนี้ ฉันต้องทำกี่ชาติล่ะกว่าจะเสร็จ ให้ตายสิ!
พี่นางฟ้าเป็นพวกชอบอู้งานและไม่รู้จักคำว่าความเกรงใจ ตั้งแต่มาทำงานที่นี่ พัดแพรก็ไม่เห็นว่าวันๆ ยัยบ้านี่จะทำอะไรนอกจากนั่งอ่านแมกกาซีน สลับกับหลบไปเข้าห้องน้ำทีละเกือบชั่วโมง ไปขี้แหงๆ แหวะ! และเดินมาใช้เธอทำงานกระจอกๆ ของหล่อนทุกครั้งที่พี่สุรี พี่เลี้ยงอีกคนของเธอไม่อยู่ เลวจริงๆ!
และนอกจากพี่นางฟ้าจะทำให้เธอไม่สบอารมณ์ทางใจแล้ว ยัยบ้านี่ยังทำให้เธอไม่สบอารมณ์ทางสายตาด้วย พี่นางฟ้ามีผิวคล้ำเข้ม - อ้อ ไม่ใช่ผิวดำสีน้ำผึ้งแบบติดเทรนนะ แต่เป็นแบบกระดำกระด่างดูยังไงก็ไพร่ไร้สกุล – หน้าตารูปร่างก็ตันๆ ถึกๆ แต่งหน้าเข้มจัดไร้รสนิยม และผมย้อมมาด้วยครีมย้อมผมราคาถูกๆ ก็โทนสีไม่เข้ากับสีผิวอย่างแรง เหมือนจะพยายามพรีเซนต์ว่าตัวเองเป็นอดีตเด็กซุปเปอร์แว๊นที่ไหนสักแห่งตามหัวเมืองต่างจังหวัด ซึ่งเธอล่ะก็ได้แต่เป็นงงว่า คนอย่างนี้จะกระเสือกกระสนดิ้นรนมาอยู่เมืองหลวงทำไม ทั้งๆ ที่วิ่งเล่นตามท้องไร่ท้องนาน่าจะเหมาะกว่าแท้ๆ
พี่สุรีและพนักงานอีกหลายคนในแผนกการตลาดที่เธอไปตีซี้มา เมาท์ให้ฟังในช่วงพักเที่ยงเมื่อวานว่า พี่นางฟ้าเพิ่งเปลี่ยนชื่อจริงจาก ‘ปอจ้อย’ เป็น ‘ณัฐสรวง’ เมื่อเร็วๆนี้เอง ยี้ ยังกะมันจะช่วยลดความบ้านนอกคอกนาออกจากตัวได้งั้นแหละ!
พัดแพรยักใหล่ และเรียกโปรแกรมพาวเวอร์พอยท์จากคอมพิวเตอร์ แล้วทำสไลด์ให้พี่นางฟ้าสามแผ่นพอเป็นพิธี เฮอะ ยัยพี่นางฟ้ารู้จักเธอน้อยไปซะแล้ว เธอตั้งใจว่าอีกสักชั่วโมงสองชั่วโมง เธอจะเดินไปหาพี่นางฟ้า และแกล้งถาม – ด้วยเสียงไร้เดียงสาแต่ดังหน่อย - ว่า พวกข้อมูลสถิติ พี่นางฟ้าจะให้เธอทำเป็นกราฟหลายๆ อันเปรียบเทียบกันด้วยมั้ย แน่ล่ะ พนักงานที่นั่งทำงานโต๊ะใกล้ๆ กับพี่นางฟ้าจะต้องได้ยิน พี่นางฟ้าที่โดนจับได้ว่าแอบเอางานของตัวเองมาให้เธอทำจะรีบลนลานแย่งพาวเวอร์พอยท์เฮงซวยพวกนั้นกลับไปทำเองทั้งหมด แต่เหตุการณ์ก็จะเหมือนกับวันก่อนๆ ซึ่งก็คือ คุณพัณณิน ผู้จัดการฝ่ายการตลาด จะโผล่ออกมาจากห้องทำงาน และตำหนิยัยพี่นางฟ้าต่อหน้าเธอและพนักงานคนอื่นๆด้วย หุหุ แค่คิดก็สะใจแล้ว!
คุณรัฐวิทย์จะกลับมาจากอิตาลีวันจันทร์หน้า ดังนั้นช่วงเวลานี้ เธอ ในฐานะผู้ช่วยพิเศษของเขา จึงยังไม่มีงานอะไรให้ทำเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากอ่านแฟ้มเอกสารเก่าๆ ของบริษัทและทำความคุ้นเคยกับพนักงานคนอื่นๆ เท่านั้น แล้วมันเรื่องอะไรที่เธอจะต้องมาสงเคราะห์ช่วยทำงานให้ยัยพี่นางฟ้าที่เธอแสนจะเกลียดด้วยล่ะ จริงมั้ย
พัฒนอินดัสทรีส์ เป็นกลุ่มบริษัทใหญ่ยักษ์ที่ผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้อุปโภคบริโภคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สบู่ แชมพู ยาสีฟัน เสื้อผ้า อาหารกระป๋อง นม เครื่องสำอาง เสื้อผ้า รองเท้า และอื่นๆ อีกเยอะแยะมากมาย บรรยายไม่หวาดไม่ไหว เอาเป็นว่า ไม้จิ้มฟันยันเรือรบเลยก็แล้วกัน และจากแฟ้มสัญญาเก่าๆ ของบริษัทที่พี่สุรีเอามาให้เธอลองอ่านศึกษาดู พวกบรรจุภัณฑ์ของสินค้าทั้งหมดที่เป็นกระดาษและแก้วสังเคราะห์นั้นได้สั่งซื้อมาจากบริษัทของพี่ชายเธอทั้งหมดเลย ซึ่งเธอเห็นก็แล้วตาโตสุดๆ เลยล่ะ เฉพาะจากพัฒนกรุ๊ปรายเดียว บริษัทไอ้พี่พจน์ก็มียอดสั่งซื้อร่วมสองพันกว่าล้านต่อปี แล้วไหนจะลูกค้ารายอื่นๆ รวมทั้งที่ส่วนใหญ่เป็นบริษัทในต่างประเทศอีกล่ะ ให้ตายสิ ไอ้พี่พจน์จะรวยไปถึงไหน แล้วฉันจะแซงหน้าได้ยังไงล่ะเนี่ย!
นอกจากนั้นแล้ว ในช่วงห้าหกปีมานี่ พัฒนอินดัสทรีส์ยังสามารถทำรายได้เป็นกอบเป็นกำจากการเข้าเทคโอเวอร์กิจการที่กำลังร่อแร่และเข้าบริหารจนเกิดกำไร เฮ้อ บริษัทกำลังไปได้ดี แต่มีลูกชายบริหารงานไม่ค่อยเก่ง น่าสงสารคุณพิพัฒน์เป็นบ้าเลย!
พัดแพรนั่งรอเวลาจนเกือบใกล้ๆ เวลาพักเที่ยงที่รู้ว่าจะมีพนักงานของฝ่ายการตลาดนั่งรวมกันอยู่ในแผนกมากที่สุด แล้วจึงเดินไปหาพี่นางฟ้าที่โต๊ะ แต่ปรากฎว่ายัยพี่นางฟ้าไม่อยู่ เธอก็เลยเขียนโน๊ตตัวโตเท่าบ้าน แปะไว้ตรงที่ที่พี่นางฟ้า - อ้อ แน่ล่ะ รวมทั้งทุกคนในแผนกด้วย - จะเห็นได้ชัดเจน ถามว่าจะให้เธอทำกราฟอย่างไร
พนักงานผู้หญิงที่นั่งโต๊ะเยื้องๆ กับพี่นางฟ้าเริ่มมองกระดาษโน๊ตของเธออย่างสงสัยแล้ว เมื่อเธอเดินออกจากห้องไป หล่อนจะต้องเข้ามาอ่านแน่ แล้วพี่นางฟ้าก็จะโดนด่าที่แอบเอางานมาให้เธอทำอย่างไม่ต้องสงสัย หุหุ
วางระเบิดพี่นางฟ้าเรียบร้อย พัดแพรก็เดินกลับไปที่ห้องทำงานตัวเอง พี่สุรีก็ยังคงไม่กลับมาที่โต๊ะ วันนี้ฝ่ายบุคคลมีสัมภาษณ์พนักงานใหม่ตำแหน่งผู้ช่วยเลขาหลายคน พี่สุรีซึ่งเป็นเลขานุการของประธานบริษัทจึงเข้าไปนั่งดูการสัมภาษณ์ร่วมกับแผนกบุคคลด้วย สงสัยจะยังไม่เสร็จแหงๆ ดังนั้นเธอจึงเดินออกไปทานข้าวเที่ยงคนเดียว
คืนก่อนฝนตกหนักตลอดถึงเช้าตรู่ หน้าตึกจึงยังคงมีแอ่งน้ำอยู่ตามเคย แต่วันนี้เธอเยื้องกรายผ่านน้ำแบบไม่มีหลบ แจ๊กเก็ตกันฝนสุดเก๋ของมอสซิโม ดุตติกับรองเท้าเรนบูตส์กุชชี่แสนสวยที่สวมอยู่ทำให้เธอรู้สึกราวกับเป็นนางพญาหงส์ที่กำลังบินร่อนเหนือผิวน้ำ โฮะๆ ว่าทีนักธุรกิจหญิงอันดับหนึ่งก็ต้องงามสง่าอย่างนี้เป็นธรรมดาแหละ!
เมื่อถึงช่วงบ่าย ขณะที่กำลังยืนรอสัญญาณไฟจากทางม้าลายเพื่อที่จะข้ามถนนกลับไปออฟฟิศ พัดแพรผิวปากวิ๊ดวิ้วอย่างน้ำลายหกเมื่อเห็นรถสปอร์ตสีขาวคันหนึ่งแล่นผ่านหน้าไป กรี๊ดดดด โลตัสรุ่นใหม่นี่ สวยชะมัดเลย!
สิบนาทีต่อมาเธอก็ขึ้นลิฟท์ตัวที่ใช้เฉพาะสำหรับผู้บริหาร - แน่ล่ะ ก็ฉันเป็นผู้บริหารนี่! – กลับไปโต๊ะทำงานของตัวเองตามเดิม เมื่อประตูลิฟท์เปิดออก เธอก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าส่วนโถงกว้างขวางหน้าห้องประธานกรรมการ
“นายเป็นใคร ขึ้นมาบนนี้ได้ยังไง” เธอถามแบบไว้ตัว ชั้นห้าสิบห้าเป็นแผนกของฝ่ายบริหารและเลขานุการ ซึ่งพนักงานแผนกอื่นไม่มีสิทธิ์ขึ้นมาโดยเด็ดขาด
เขาหันควับมาตามเสียงเธอ ดูท่าทางจะตกใจไม่น้อย แต่ให้ตายสิ ผู้ชายคนนี้ไม่มีบัตรพนักงานแขวนคอเลยด้วยซ้ำ อืม..ไม่ใช่พนักงาน แต่ผ่านยามข้างล่างเข้ามาในตึกได้ งั้นก็แสดงว่า...
“นายเป็นเด็กใหม่ที่มาสัมภาษณ์งานกับพี่สุรีใช่มั้ย”
“หา อะไรนะ”
“นายเป็นเด็กใหม่ใช่มั้ย”
“เด็กใหม่?” เขากระพริบตาปริบๆ ดูงุนงง “ผมเนี่ยนะ”
“เออ ก็ใช่น่ะสิ นายนั่นแหละ” ขนาดพูดเรื่องตัวเองแท้ๆ หมอนี่ยังทำหน้างงซะขนาดนี้ เฮ้อ ทำโลกนี้ถึงมีแต่ผู้ชายปัญญาอ่อนนะ! “แผนกบุคคลอยู่ชั้นแปด นายไปทำอีท่าไหนถึงหลงทางมาที่นี่ได้ล่ะ”
เขาไม่ตอบคำถาม แต่กลับมองเธออย่างพิจารณาหัวจรดเท้า แล้วก็คลี่ยิ้มออกมา
เธอขมวดคิ้ว “นายเป็นอะไรน่ะ ทำไมมองฉันแปลกๆ”
“ผมกำลังสงสัยว่าคุณเป็นใคร”
เธอเชิดหน้าอย่างสง่างาม “ฉันเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของประธานกรรมการ”
“อ้อ” เจ้าเด็กใหม่ตาเบิกกว้าง “คุณนี่เอง ยัยเด็กเส้นที่พ่อ..”
“ฉันไม่ใช่เด็กเส้นนะ!” เธอกรี๊ดอย่างโมโห ไอ้ผู้ชายทุเรศเอ๊ย! เห็นผู้หญิงอายุน้อยกว่ามีตำแหน่งสำคัญเกินหน้าเกินตาเข้าหน่อยก็หาว่าใช้เส้นเลยนะ “นายมาสมัครงานที่นี่ทั้งที ไม่ได้ศึกษามาก่อนรึไงยะว่าพัฒนกรุ๊ปแอนตี้ระบบเส้นสายมากแค่ไหน”
“ผมรู้ แต่..”
“นายตกงานมานานเท่าไหร่แล้ว”
“ตกงาน?” เขาทวนคำ แล้วใบหน้าก็กระด้างขึ้น “ผมเหมือนคนตกงานมากนักรึไง”
“อ้อ โทษที ฉันไม่ได้ตั้งใจจะซ้ำเติมนะ” น้ำเสียงของเธออ่อนลง นึกเสียใจที่ไม่น่าถามตอกหน้าไปตรงๆแบบนั้น ให้ตายสิ ผู้ชายคนนี้อาจจะไม่ได้ปัญญาอ่อนก็ได้ แต่ที่เขาพูดจาเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวคงเพราะอับอายที่ยังหางานทำไม่ได้
แต่เขาก็ยิ้มออกมาอีกครั้งเมื่อตอบ “ผมช่วยงานของที่บ้าน ไม่เคยรับจ้างทำงานให้คนอื่นมาก่อนเลย”
เธอมองเขาอย่างครุ่นคิด หนังสือคู่มือการทำงานบอกว่าผู้ที่รู้จักช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานตามความเหมาะสมคือผู้ที่ประสบความสำเร็จที่สุด ถ้าเธอช่วยให้หมอนี่ให้ได้ทำงานที่นี่ เขาก็จะสำนึกบุญคุณของเธอไปจนวันตาย แล้วก็จะยอมเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์ที่ปฏิบัติตามคำสั่งของเธอทุกอย่างเลยไม่ใช่รึไง โฮะๆ ฉันฉลาดช่างคิดอะไรอย่างนี้นะ!
ก่อนอื่น เธอเริ่มจากการชวนคุยเพื่อให้เกิดความคุ้นเคยระหว่างกันเสียก่อน
“เออนี่ นายเห็นรถโลตัสสีขาวที่ผ่านหน้าตึกไปเมื่อกี้นี้มั้ย”
เจ้าเด็กใหม่ ว่าทีลิ่วล้อหมายเลขหนึ่งของเธอดูแปลกใจที่จู่ๆ เธอเปลี่ยนเรื่องพูด แต่ก็ตอบยิ้มๆ “เห็นครับ เห็นชัดเลย”
“มันแต่งมาสวยมากเลยนะ ล้อแมกซ์กับชุดแอโรไดนามิกส์ของมันชวนให้หัวใจละลายจริงๆ นายว่ามั้ย”
“ครับ ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง” เขาพูดเสียงติดจะภูมิใจนิดๆ “ว่าแต่ คุณเห็นคนขับด้วยรึเปล่า”
เธอยักไหล่ “เปล่า ฉันมองแต่รถ ไม่ได้มองคนขับหรอก”
เจ้าเด็กใหม่ยิ้มขบขัน “ผมก็ว่างั้น”
เธอยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขา ยกมือป้องปากไว้ กระซิบเบาๆ “แต่ฉันจะบอกอะไรให้นะ รถของฉันสวยกว่าดีกว่าเริดกว่าแหละ จะบอกให้”
เขามองเธออย่างขบขัน “ไม่จริงหรอกครับ ไม่มีรถคันไหนสวยเกินโลตัสคันนั้นหรอก”
“เฮอะ!” เธอเท้าสะเอว “แล้วถ้าเป็นลัมเบอร์กินี่ แอลพี หกสี่ศูนย์ เจบี อาร์ล่ะ”
“เจบี อาร์?” เขาทำหน้าตกตะลึงทึ่งสุดๆ “คุณหมายถึงรุ่นลิมิเต็ดแดงดำมหากาฬนั่นน่ะเหรอ”
รู้จักรถดีๆ ด้วยแฮะ จะว่าไปหมอนี่ก็ไม่ได้โง่นี่นา! “ช่าย” เธอพยักหน้า “แต่ฉันว่าสีของตัวถังมันเหมือนเชอรี่มากกว่า น่ารักดี”
เขาตาเบิกกว้าง “คุณเป็นเจ้าของมัน แล้วคุณก็ขับมันด้วย”
เธอยิ้มกว้าง พยักหน้าอีก
“วาว” เขาอ้าปากค้าง มองเธอเหมือนเป็นเทพเจ้า โฮะๆ
“เอาล่ะ” เธอตบบ่าว่าที่ลิ่วล้อหมายเลขหนึ่งดังป๊าบ “นายสูงยาวเข่าดี หน้าตาก็พอไปวัดไปว่าได้ ฉัน..”
“พอไปวัดไปวาได้งั้นเรอะ! พูดเป็นเล่นน่า ทุกคนพูดกันทั้งนั้นว่าผมหล่อจะตาย”
พัดแพรกลอกตา “ความหลงตัวเองของนายจะทำให้นายพลาดโอกาสดีๆ ในชีวิตนะ”
“โอกาสอะไร?” เขายังคงทำเสียงติดจะไม่พอใจนิดๆ
“โอกาสที่ฉันจะดึงตัวนายจากที่นี่ไปทำงานด้วยกันที่บริษัทของฉันไงล่ะ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงไว้ตัวเป็นการเป็นงาน “คนอย่างฉันไม่ดักดานเป็นลูกจ้างคนอื่นนานนักหรอก อีกปีสองปี ฉันจะแยกไปตั้งบริษัทของตัวเองแล้ว และฉันจะบอกอะไรให้ เหตุผลที่ฉันลดตัวมาทำงานที่นี่ เพราะฉันตั้งใจมาสรรหาทรัพยากรบุคลที่มีคุณภาพไปทำงานร่วมกัน”
“โอ คิดจะแย่งซื้อตัวกันงั้นเรอะ คุณนี่ช่างเจ้าแผนการจริงๆ” เขาพูดเหมือนกลั้นหัวเราะ
“แน่นอน” เธอเชิดคางขึ้น ยิ้มกว้าง “ฉันเล็งๆ พนักงานเก่งๆ ของที่นี่ไว้หลายคนแล้ว นายเองก็เหมือนกัน ถ้านายทำงานดีๆ มีผลงานโดดเด่นแตะตาจนฉันชอบ นายก็มีสิทธิ์”
เขายิ้ม “ผมก็หวังว่าคุณจะชอบผม”
“ทีนี้ถอดสูทของนายออกสิ”
“หา อะไรนะ?”
“สูทของนายไง ถอดสิ” เธอขึงตาเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมทำตาม “ยังจะมายืนทำหน้าเอ๋อๆ อีก นี่ฉันกำลังจะช่วยให้นายสอบสัมภาษณ์งานผ่านนะ”
เขาถามทำหน้าสงสัย แต่ก็ยอมถอดแจ็กเก็ทสูทให้เธอแต่โดยดี
เธอรับมันมา โยนมันลงพื้นและใช้เท้ากระทืบ
“เฮ้! คุณจะทำอะไรน่ะ” เขากระชากเสื้อสูทกลับไป แต่มันยับไปทั้งตัวและเต็มไปด้วยรอยเปื้อนดำจากพื้นรองเท้าของเธอแล้ว
“ก็จะอะไรซะอีกล่ะ ถ้านายแต่งตัวโทรมๆ น่าเวทนา นายจะมีสิทธิ์ผ่านสัมภาษณ์งานที่นี่มากกว่าคนที่แต่งตัวดีเนี้ยบๆ น่ะสิ”
“โอโห้” เขาทำเสียงเหมือนประชด “ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะเนี่ย”
“นายไม่เคยสมัครงานมาก่อนนายจะรู้ได้ไงล่ะ ฉันมาทำงานที่นี่ได้ก็เพราะวิธีนี้แหละจะบอกให้” เธอขึงตา “คลายปมเน็กไทให้หลวมๆด้วย”
เขาทำตาม “พอใจรึยัง”
เธอกอดอกมองเขาอย่างพิจารณา และเอื้อมมือขยี้ผมเขาให้ยุ่งๆ เล็กน้อย “โอเค ผ่าน”
“ผมคงไม่ต้องขอบคุณคุณหรอกนะ”
“แล้วแต่นายเถอะ” เธอพ่นลมจากจมูก “ได้งานทำแล้วนายจะสำนึกบุญคุณฉันเองล่ะย่ะ - เออ จริงสิ” เธอนึกขึ้นได้ “พอนายเข้ามาทำงานที่นี่แล้ว นายต้องระวังคนที่ชื่อพี่นางฟ้าไว้ให้ดีนะ ถ้าไม่จำเป็นก็อย่างไปยุ่งกับยัยบ้านี่เลยเป็นดีที่สุด”
“นางฟ้า? คนที่เป็นผู้ช่วยของผู้จัดการแผนกการตลาดใช่มั้ย” สำหรับคนที่มาสมัครงาน นับว่าหมอนี่หาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทมาได้ละเอียดมากทีเดียว
“ใช่ คนนั้นแหละ” เธอพยักหน้า “ยัยบ้านี่ชอบวางตัวข่มเด็กใหม่ทั้งที่ตัวเองก็ใช่ว่าจะมีอะไรดี แถมนิสัยยังไม่ได้เรื่อง คนเกลียดกันทั้งบริษัทเลย”
“แต่เท่าที่รู้จักกัน ผมว่านางฟ้าทำงานเก่งใช้ได้เลยนะ เก่งกว่าตัวผู้จัดการแผนกซะอีก”
“นายเป็นคนนอกจะไปรู้อะไร พี่นางฟ้าเคยทำงานเองซะที่ไหน มีแต่หลอกคนนั้นคนนี้ทำให้ทั้งนั้น ยัยบ้านี่เก่งแต่เสนอหน้าประจบสอพลอพวกผู้บริหาร แต่ก็แน่ล่ะ เพราะเป้าหมายสูงสุดของหล่อนนี่คือการได้เป็นเมียท่านประธานนี่”
“นางฟ้าคิดอย่างนี้หรือนี่ ผมไม่รู้มาก่อนเลย”
เธอยิ้ม “แต่นายรู้อะไรมั้ย พี่นางฟ้าไม่มีวันทำสำเร็จหรอก คุณรัฐเป็นหนุ่มเจ้าชู้ฟันผู้หญิงไม่เลือกหน้าก็จริง แต่เขาเป็นพวกสมภารไม่กินไก่วัด”
เจ้าว่าที่ลิ่วล้อของเธอยิ้มกริ่ม และมองเธอแปลกๆ “คุณรู้ได้ไงว่าเขาเป็นพวกสมภารไม่กินไก่วัด”
“โธ่เอ๋ย เรื่องนี้ใครๆเค้าก็รู้กันทั้งบริษัทนั่นแหละ” เธอโบกมือ “ไหนๆเมาท์แล้วก็เมาท์ต่อเลยละกัน นี่เป็นข้อมูลวงในที่ไม่มีใครรู้มาก่อน นายรู้แล้วเหยียบเอาไว้เลยนะ” เธอมองซ้ายขวา จนแน่ใจว่าไม่มีเดินผ่านมาแล้วกระซิบ “อันที่จริงคุณรัฐเองก็ทำงานไม่ได้เรื่องพอๆ กับพี่นางฟ้าเลยล่ะ”
“คุณเอาอะไรมาพูด!” เขาทำเสียงเหมือนคนที่กำลังโกรธ “รู้รึเปล่าว่าห้าปีที่ผ่านมานี่พัฒนอินดัสทรีเติบโตเป็นประวัติการณ์ยิ่งกว่าช่วงเวลาไหนๆ เลยนะ”
เธอส่ายหน้ายิ้มๆ “คนอื่นๆ ก็เข้าใจผิดคิดว่าทั้งหมดนั่นเป็นฝีมือคุณรัฐแบบนายกันทั้งนั้น แต่จะบอกให้นะ คุณพิพัฒน์เป็นคนบอกฉันเองเลยว่าลูกชายเขาเป็นคนเสเพลที่ดีแต่ผลาญเงินไปวันๆ แถมยังโง่งมดักดานยิ่งกว่าควาย ถ้าคุณพิพัฒน์เท่งทึ่งไปเมื่อไหร่ บริษัทที่เขาอุตส่าห์ทุ่มเทมาตั้งหลายปีคงเจ๊งบ๊งล้มละลายคามือคุณรัฐแหงๆ”
เจ้าว่าที่ลิ่วล้อหมายเลขหนึ่งของเธออ้าปากค้าง “เขาบอกคุณอย่างนี้จริงๆน่ะเหรอ”
“จริงสิ” พัดแพรหัวเราะ “เพราะงี้ไงคุณพิพัฒน์ถึงจ้างคนเก่งกาจมากด้วยความสามารถทางธุรกิจอย่างฉันมาช่วยเสริมทีมในฝ่ายบริหาร” เธอกดปุ่มลิฟท์ ประตูเปิดออกทันที และผลักเขาให้เข้าไปในนั้น เอื้อมมือเข้าไปกดชั้นแปดซึ่งเป็นส่วนของแผนกบุคคลให้ด้วยเสร็จสรรพ “เอาล่ะ ฉันพอจะช่วยนายได้แค่นี้แหละ ตั้งใจสัมภาษณ์งานให้ดีๆ นะ ฉันจะเอาใจช่วยให้เราได้เป็นเพื่อนร่วมงานกัน”
เขาถอนใจเหมือนคนปลงตก ก่อนจะยิ้มให้เธอ “ขอบคุณครับ ผมแทบจะรอเวลานั้นไม่ไหวเลยล่ะ”
เธอยิ้มตอบ และยังคงโบกมือบ้ายบายเขาขณะที่ประตูลิฟท์ค่อยๆเลื่อนปิด
แล้วเวลานั้นเองที่เธอเพิ่งฉุกใจคิด
เออหนอ ฉันยังไม่รู้ชื่อเจ้าหมอนี่เลย
.............................
เช้าวันต่อมา พัดแพรมาทำงานอย่างอารมณ์ดี เมื่อวานพี่นางฟ้าโดนคุณพัณณิน ผู้จัดการฝ่ายการตลาดแผดเสียงด่าตามที่เธอคิดไว้ไม่มีผิด โฮะๆ นี่แหละผลของการเอางานของหล่อนมาหลอกให้ฉันทำ!
อย่างไรก็ตาม อารมณ์ดีๆ ของเธอหดหายลงนิดหน่อย เมื่อพี่สุรีได้พาผู้หญิงสองคน - ซึ่งแต่ละคนหน้าตาเจี๋ยมเจี้ยม แต่งตัวไม่ได้เรื่องชนิดที่กู่ไม่กลับ แถมยังจบมาจากมหาวิทยาลัยที่เป็นคู่แข่งทางวิชาการกับมหาวิทยาลัยของเธออีกต่างหาก - มาแนะนำตัวว่าเป็นเด็กใหม่ ผู้ช่วยเลขานุการของฝ่ายบริหาร
ซึ่งก็หมายความว่าเจ้าผู้ชายหลงตัวเองที่เธออุตส่าห์ลดตัวไปพูดด้วยตั้งนานสองนาน สอบตกรอบสัมภาษณ์ไปแล้วไงล่ะ เฮ้อ! น่าเสียดายชะมัด เจ้าหมอนั่นดูจะว่านอนสอนง่ายเอามากๆ ซะด้วยสิ
และเมื่อพี่สุรีพายัยหน้าจืดทั้งสองไปแนะนำตัวกับพนักงานคนอื่นๆ ต่อไป สักยี่สิบนาทีหลังจากนั้น พี่นางฟ้าก็วิ่งแจ้นมาที่โต๊ะทำงานของเธอ
“นี่ น้องแพรรู้รึยังจ๊ะ คุณรัฐกลับมาจากอิตาลีแล้วนะ คนอะไรก็ไม่รู้ ทั้งหล่อ ทั้งเก่ง ทั้งขยัน ดูสิ เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ ไม่ทันไรก็เข้าออฟฟิศแล้ว” พี่นางฟ้าทำเสียงเคลิ้มๆ แบบผู้หญิงวัยทองที่เพิ่งหลอกจับผู้ชายหนุ่มๆได้
พัดแพรได้แต่แอบยิ้มเยาะที่มุมปาก หุหุ ถ้าหล่อนรู้ว่าจริงๆ แล้วท่านประธานเป็นคนไม่เอาไหน หล่อนจะปลื้มเขาจนออกนอกหน้าไร้ยางอายแบบนี้มั้ยเนี๊ยะ!
“พี่ได้ข่าวมาว่าเมื่อวานเขาก็มาเซ็นเช็คที่ออฟฟิศแป็บนึงด้วยนะ” พี่นางฟ้าพูดต่อ ก่อนจะถาม “โต๊ะน้องแพรอยู่หน้าห้องเขาพอดี น้องแพรได้เจอเขามั้ย”
“ไม่นี่ค่ะ” เธอส่ายหน้า
“งั้นพี่คงได้ยินจากสุรีมาผิดล่ะมั้ง แปลกจังเลย” พี่นางฟ้าขมวดคิ้ว “แต่ช่างเถอะ เอาเป็นว่าวันนี้น้องแพรคงจะได้เจอเค้าแน่นอน ปกติคุณรัฐจะเข้าบริษัทช่วยสายๆ หน่อยจ๊ะ จริงสิ ในฐานะที่พี่ทำงานที่นี่มาก่อน พี่ขอเตือนอะไรน้องแพรไว้อย่างหนึ่งนะ”
พี่นางฟ้าเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นแหลมๆ จิกๆ แบบที่ยัยบ้านี่มักจะใช้เสมอยามที่ต้องการข่มเหงเด็กใหม่ เฮอะ! ฉันเป็นถึงฝ่ายบริหารชั้นสูง ส่วนหล่อนเป็นแค่ฟันเฟืองตัวจิ๊บๆ จ้อยๆ ที่แสนจะไร้ความสำคัญนะยะ อี๋ ไม่เจียมกะลาหัวซะบ้างเลย!
“คุณรัฐเป็นคนที่ตรงไปตรงมาและน่านับถือมาก เขาไม่คาดหวังอะไรน้อยไปกว่าสิ่งที่ดีที่สุดและความมีประสิทธิภาพจากพนักงานทุกคน เพราะฉะนั้นน้องแพรจะต้องทำงานอย่างจริงจังและยึดถือนโยบายของบริษัทอย่างเคร่งครัด จะมาทำเหยาะแหยะ หรือหลีกเลี่ยงหน้าที่เพราะถือว่าตัวเองเข้ามาด้วยความสนิทสนมคุ้นเคยกับคุณพิพัฒน์ไม่ได้นะจ๊ะ”
ทำเหยาะแหยะงั้นเรอะ! หลีกเลี่ยงหน้าที่งั้นเรอะ! ว่าคนอื่นแต่ไม่ดูตัวเองเลยนะยะ แล้วไอ้ ‘เข้ามาด้วยความสนิทสนมคุ้นเคยกับคุณพิพัฒน์’ นี่มันอะไร หล่อนใช่มั้ยที่แอบไปเล่าจนเค้าเมาท์กับทั้งบริษัทว่าฉันเป็นเด็กเส้น หนอยแน่ะ นังปากปลาร้า สักวันเราจะได้เห็นดีกัน!
เธอยิ้มน้อยๆ และแอบชูนิ้วกลางให้พี่นางฟ้าที่ใต้โต๊ะอีกครั้ง “ค่ะ ขอบคุณพี่นางฟ้ามากนะคะ แพรจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดค่ะ”
“แล้วที่สำคัญ” พี่นางฟ้าพูดต่อ “คุณรัฐรังเกียจพนักงานหญิงทุกคน ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีโอกาสได้ทำงานร่วมกันก็ตาม ที่พยายามฉวยโอกาสให้ท่าเขา ยั่วยวนหรือทำอะไรก็ตามที่ตีความได้ว่า ต้องการจะยกระดับความสัมพันธ์จากนายจ้างลูกจ้างเป็นไปในทางชู้สาว ก็มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงทีเดียวว่า คุณรัฐจะไล่พนักงานคนนั้นออก โดยไม่มีการให้โอกาสแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น คุณรัฐเป็นผู้ชายที่เนื้อหอมมาก ผู้ช่วยกี่ๆคนที่คุณพิพัฒน์หามาให้ ทำงานไม่ทันไรก็หลงเสน่ห์เขาเข้า สุดท้ายก็โดนไล่ออกกันทุกราย น้องแพรจะต้องระวังตัวอย่างใกล้ชิดเค้ามากเกินไปนะจ๊ะ แล้วจะหาว่าพี่ไม่เตือน”
นังตอแหล! ทำเป็นพูดดี ฉันรู้ทันหรอกย่ะ
พี่แอมกับพี่กานต์ - อยู่ฝ่ายการตลาด แก่กว่าเธอแค่ปีเดียว เมาท์เก่ง คุยสนุก และเป็นคนที่เธอตั้งใจว่าจะดึงตัวไปทำงานที่บริษัทของเธอในอนาคตด้วย - เมาท์ให้เธอฟังตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงานแล้วว่า เวลามีเด็กใหม่สาวเอ๊าะๆ เข้ามาทีไร พี่นางฟ้าจะมาแกล้งทำเป็นพูดเตือนด้วยความหวังดีกับทุกคนประมาณนี้ เพื่อคอยกันท่าตัดคู่แข่งไม่ให้เด็กใหม่มาคว้าคุณรัฐที่ตัวเองหมายมั่นปั้นมือพยายามจะจับมานานหลายปีไป
เฮอะ คิดว่าคนเก่งๆเต็มไปด้วยความสามารถอย่างฉันจะสนใจคนไม่เอาไหนอย่างนั้นรึไง เชิญหล่อนหลงผิดปลื้มเขาไปคนเดียวเถอะย่ะ!
“ค่ะ แพรจะระวังตัวไม่ใกล้ชิดกับคุณรัฐมากเกินไป”
“ดีมากจ๊ะ” พี่นางฟ้าพยักหน้าอย่างพอใจ “เออ จริงสิจ๊ะ พอดีวันนี้พี่ต้องพาเด็กใหม่สองคนไปทัวร์บริษัท พี่ยุ่งมากๆทั้งวันเลยล่ะจ๊ะ ถ้ายังไงน้องแพรช่วยพี่คีย์ข้อมูลพวกนี้..” พี่นางฟ้าวางปึกกระดาษตั้งหนึ่งบนโต๊ะของเธอ “..เข้าในฐานข้อมูลของคอมพิวเตอร์บริษัทหน่อยได้มั้ยจ๊ะ จะได้เป็นการฝึกงานไปในตัวด้วย”
อี๋ กล้าพูด! ใครมันจะไปเชื่อยะ คนเค้ารู้กันทั่วว่าพี่สุรีเป็นคนเทคแคร์เด็กใหม่ ส่วนหล่อนเพิ่งโดนด่าไปหยกๆว่าอย่าเอางานตัวเองมาให้คนอื่นเค้าทำให้เมื่อวานนี้เองนะยะ ไม่ทันไรวันนี้เอาอีกละ หน้าด้านอะไรอย่างนี้!
เธอยังคงยิ้มเช่นเดิม แต่คราวนี้ที่ใต้โต๊ะ นิ้วกลางของเธอยกชูให้พี่นางฟ้าทั้งสองมือเลย “ค่ะ เดี๋ยวแพรทำให้”
“ดีจ๊ะ ถ้ายังไงพี่ขอให้เสร็จก่อนพรุ่งนี้เช้านะ” ว่าแล้วพี่นางฟ้าก็เดินออกจากบริเวณห้องไป
ตามเคย ขอบใจสักคำละไม่เมี๊ยะ!
พัดแพรพ่นลมในจมูกอย่างเช็งในอารมณ์ หยิบปึกกระดาษของพี่นางฟ้ามาพลิกอ่านคร่าวๆ จากนั้นก็ลุกจากโต๊ะ ถ่อสังขารไปยังแผนกการตลาดที่ชั้นห้าสิบสี่ แอบหลบหลังเสาดูจนแน่ใจว่าพี่นางฟ้ายังไม่ได้กลับมาที่โต๊ะ ก่อนจะเดินยิ้มแย้มให้ทุกคนตามประสาเด็กใหม่สวยใสไร้เดียงสา และแปะโน๊ตตัวโตเท่าบ้านบนโต๊ะพี่นางฟ้า ถามถึงการลงฐานข้อมูลว่าต้องทำให้เสร็จภายในเส้นตายวันไหน อีกเดี๋ยวพนักงานอื่นก็จะมาแอบอ่านโน๊ตของเธอ และเรื่องที่พี่นางฟ้าเอางานของตัวเองมาให้เธอทำอีกก็ต้องไปถึงหูคุณพัณณินในที่สุด
เธอเดินเนือยๆ ขึ้นบันไดกลับไปที่ชั้นของฝ่ายบริหารตามเดิม เมื่อไปถึง พี่สุรีซึ่งเวลานั้นกลับมาทำงานที่โต๊ะของตัวเองแล้ว และมือหนึ่งของหล่อนที่กำลังยกโทรศัพท์อยู่ก็วางมันคืนลงแป้นทันทีที่เห็นพัดแพรเดินเข้ามา
“หายไปไหนมาจ๊ะ พี่กำลังว่าจะโทรตามพอดีเลย” พี่สุรีถามเสียงเครียด หล่อนน่าจะอายุราวสี่สิบได้ ใจดี ทำงานเก่งมากและกระฉับกระเฉงยิ่งกว่าพนักงานสาวบางคนซะอีก พี่สุรีเป็นพนักงานคุณภาพอีกคนหนึ่งที่พัดแพรเล็งๆ ไว้แล้วว่าจะดึงตัวไปทำงานที่บริษัทของเธอด้วย
แต่แหม ฉันลุกออกจากโต๊ะไปยังไม่ถึงสิบนาทีเลยนะ ทำไมต้องทำเหมือนมันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายขนาดนั้นด้วยล่ะ
“แพรไปถามเกี่ยวกับงานที่แผนกของพี่นางฟ้ามาค่ะ พี่สุรีมีอะไรให้แพรทำด่วนเหรอคะ”
“จะว่าด่วนก็ไม่เชิงหรอก คุณรัฐเพิ่งมาถึงเมื่อครู่นี้เองจ๊ะ มาถึงก็ต้องการพบน้องแพรทันทีเลย” พี่สุรีบอก “ต้องการเวลาทำใจสักนิดก่อนเข้าพบท่านประธานมั้ยจ๊ะ”
อ้อ ในที่สุดก็มาซะทีนะ! เธอส่ายหน้า “ไม่ค่ะ”
พี่สุรียิ้มเอ็นดูให้เธอ กดอินเตอร์คอม “ท่านประธานคะ คุณพัดแพรมาแล้วค่ะ”
“ให้เธอเข้ามาเลยครับ” เสียงอู้อี้ของผู้ชายดังตอบมาจากเครื่อง
เธอก้มหัวนิดๆ ให้พี่สุรี และเชิดหน้าเดินนวยนาดด้วยท่วงท่าสง่างามไว้ตัว ก่อนอื่นเธอจะต้องบรรยายยกตัวอย่างความสามารถและคุณสมบัติอันล้ำเลิศเฉิดฉายของเธอให้คุณรัฐพึงสำเหนียก เอ๊ย!ไม่ใช่ๆ ยอมรับก่อนว่า แม้ว่าโดยตำแหน่งเธอจะผู้ช่วยและที่ปรึกษาส่วนตัวของเขา แต่ใครกันแน่ที่เก่งกว่า ใครกันแน่ที่มีหัวทางการค้ามากกว่า และใครกันแน่ที่เป็นผู้มีอำนาจบริหารอย่างแท้จริง
โฮะๆ ก็ฉันไงล่ะ
พัดแพรเคาะประตูห้องประธานกรรมการก๊อกๆ ก่อนจะเปิดเข้าไป และก็ต้องตาเบิกกว้าง เมื่อเห็นเจ้าว่าที่ลิ่วล้อหมายเลขหนึ่งของเธอนั่งยิ้มกริ่มอยู่บนโต๊ะทำงานไม้สักขนาดใหญ่หรูหรา
ที่ควรจะเป็นของท่านประธานซะด้วยสิ!
งั้นก็หมายความว่า..
“นายคือคุณรัฐงั้นเรอะ!”
เขายักไหล่สบายๆ “ผมเกรงว่าจะใช่นะ”
.............................



พิมพ์ผกา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ต.ค. 2554, 20:17:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ต.ค. 2554, 20:17:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 1414





<< สาม ใครว่างานหายาก..น้องแพรขอเถียงค่ะว่า ไม่จริ๊ง ไม่จริง!   
ทองหลาง 16 ต.ค. 2554, 20:42:33 น.
่ฮ่าๆๆๆๆ พี่ให้โล่เลยสำหรับผู้ชนะ สมาคมคนโอเวอร์


panon 16 ต.ค. 2554, 20:42:59 น.
55555555555555พัดแพรเอ๋ยยยยยยยยงานเข้าล่ะที่นี่อิอิอิ


Pat 17 ต.ค. 2554, 19:55:15 น.
5555555555 เต็มๆเลยแพรเอ้ย


gozilar 18 ต.ค. 2554, 08:11:09 น.
ชอบคุณรัฐมากมาก หนุ่มๆ ในเรื่องนี้ น่ารักทุกคนเลย


anOO 22 ต.ค. 2554, 16:35:39 น.
เป็นไงล่ะยัยแพร เจอตอเข้าจนได้
คราวนี้จะแก้ตัวว่าไงนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account