ละอองรัก

Tags: ละอองรัก

ตอน: ตอนที่ 3

เสียงนกร้อง และไอหมอกต้องผ่านใบหน้าแผ่วผิว ช่วยกระตุ้นให้คนขี้เซากระปรี้กระเปร่าได้อย่างประหลาด


แม้อาชีพนักเขียนจะมีอิสระสูง แต่ก็เป็นงานที่ไม่ค่อยเป็นเวลาเท่าไรนัก เวลาชีวิตของหญิงสาวจึงไม่ค่อยเหมือนสาวออฟฟิสทั่วไปสักเท่าไร ต้องพึ่งวิตามินเพิ่มความสดชื่นอยู่บ่อยครั้ง แม้จะรู้ดีว่าต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตเสียใหม่ แต่หญิงสาวก็ไม่เคยทำอย่างที่ตั้งใจได้เลยสักที


นึกย้อนไปแล้ว ต้องนับเป็นความโชคดีเสียมากกว่า ที่นิสิตฝึกงานอย่างเธอถูกสำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่เรียกตัวมาทำงานทันที พอจบปุ๊ปลัลนาจึงไม่ต้องออกเดินสายสมัครงานอย่างเพื่อนร่วมรุ่น ก้าวเข้ามาเป็นกองบรรณาธิการนิตยาสารเด็กอย่างที่ร่ำเรียนมาสมใจ


พี่บก.ใจดีให้อิสระเสรีแก่ลูกน้องผู้มีโลกส่วนตัวสูงเต็มที่ ขอเพียงแค่ส่งต้นฉบับได้ทันเวลาเป็นพอ เด็กติสแตกอารมณ์ศิลป์ทั้งหลายอย่างที่พัชมนเพื่อนรักค่อน ยิ่งเพิ่มขอบเขตความอิสระไปตามอารมณ์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด


บ่อยครั้งที่นึกจะเขียนเท่าไร แต่สรรหาถ้อยคำที่ถูกใจไม่ได้ จมอยู่กับโลกของตัวอักษร ลืมเวลาจนกลับบ้านค่ำมืดก็บ่อย แต่บทจะคิดออกก็หลุดออกมาอย่างง่ายดาย แทบหาสมุดจดเสียไม่ทัน


แรกๆคุณนายสลินไม่เห็นด้วยกับการทำงานลักษณะนี้นัก ทั้งกลับบ้านไม่เป็นเวลา ต้องออกกองไปค้างอ้างแรมต่างจังหวัดบ่อยๆ คนเป็นแม่ร่ำๆอยากให้ออกเสียอยู่ก็หลายครั้ง


“เหนื่อยไปรึเปล่าลูก ที่จริงหนูรับแค่งานภาพประกอบ ทำหนังสือเด็กก็น่าจะพอแล้วนะแม่ว่า"


“ไม่หรอกค่ะแม่ งานกองก็ออกจะสนุก ส่วนงานหนังสือเด็กหนูก็รัก น่า...แม่นะหนูมาทางนี้กว่าครึ่งตัวแล้วนะถ้าแม่ไม่ให้หนูทำงานที่หนูรัก หนูก็เฉาแย่สิคะ”



คำพูดของเธอทำเอามารดาใจอ่อน และอ่อนใจ แต่ก็ยินยอมพร้อมเข้าใจมาจนกระทั่งวันนี้ ลัลนาสนุกมีความสุขกับงานจนเพลิน... และก็คงจะเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ หากไม่มีเรื่องของใครคนนั้นเข้ามากระทบจิตใจ



...พ่อ คงต้องใช้คำนี้สินะ ไม่คุ้นเลยจริงๆ คนที่ไม่เคยอยู่ในความทรงจำ คนโลเลที่จากแม่ไป ตั้งแต่จำความได้คนนี้ๆที่ไม่เคยมีตัวตนสำหรับเธอ !


โชคชะตามักเล่นตลก และโลกนี้ก็กลมกว่าที่คิด ...



“ตื่นเช้าจังเลยนะครับคุณลัลนา"



...เสียงนุ่มทุ้ม ปลุกหญิงสาวออกจากภวัง พอละลายตาจากแสงตะวันยามเช้ามาที่เจ้าของรีสอร์ทหนุ่ม ตาก็พร่าเพราะยิ้มสวยๆของหนุ่มหน้าหวาน



"อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณตรัน...เรียกลนาเฉยๆดีกว่าค่ะ อยู่กันอีกหลายวัน เรียกเต็มยศอย่างนี้รู้สึกเกร็งๆยังไงไม่รู้"



“อย่างงั้นเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน คุณต้องเรียกผมว่าตั้นด้วยนะครับ ถึงจะสมน้ำสมเนื้อ"



“โอเคค่า...คุณตั้น"



ภาพสองหนุ่มสาวนั่งคุยกันกระหนุงกระหนิงที่โต๊ะอาหารริมน้ำ ทำให้คนที่เพิ่งก้าวเท้าเข้ามาชะงักไปนิดนึง
เห็นแล้วพาลหงุดหงิดใจไม่รู้ทำไม ปาลินบอกกับตัวเองว่าคงเป็นเพราะปัญหาที่กำลังตั้งเค้ารออยู่กระมัง ที่ทำให้เขาอารมณ์ขุ่นทุกครั้ง ยามเห็นคนตัวเล็กที่ยังยิ้มร่าอยู่ในโลกสดใส โดยไม่รับรู้ความเดือดร้อนที่กำลังคืบคลานเข้ามา


“คุยอะไรกันอยู่ครับท่าทางสนุกเชียว”



เสียงมารความสุข ทำให้ลัลนาละสายตาจากเจ้าของรีสอร์ทหนุ่ม มามองเจ้าของรอยยิ้มกวนประสาท มารตัวโตถือวิสาสะนั่งเก้าอี้ตัวที่เหลือโดยไม่ได้รับเชิญ


ปกติลัลนาคิดว่าตัวเองเป็นคนที่จัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้ดีพอสมควร แต่เห็นหน้าตานี่ทีไรนึกมันเขี้ยวอยากจะเอาเล็บข่วนหน้าให้หายหงุดหงิดอยู่เรื่อยสิน่า



“อ่อ...พอดีเรากำลังวางโปรแกรมเที่ยวกันอยู่นะครับ ผมติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่อุทยานเอาไว้ ว่าจะรวมกลุ่มไปตั้งแคมป์กันสักสองคืน คุณปาสนใจจะไปกับพวกเราไหมละครับ”



“ไม่ดีกว่าครับ ไม่รู้ว่าคนอื่นเขาจะเต็มใจอยากให้ผมไปรึเปล่า “


...คนอื่นที่ว่านั่งลอยหน้าลอยตา รู้ตัวก็ดีฉันจะได้เที่ยวอย่างสบายใจไม่มีมารมาขัดความสุข



“โธ่ จะมีใครคิดอย่างนั้นกันเล่าครับ จริงไหมครับคุณลนา”



“ก็ไม่แน่หรอกค่ะ ถ้าคุณยะ...ปาลิน เขาไม่อยากไปก็อย่าบังคับเขาเลยค่ะ ฝืนใจไปพาลเที่ยวไม่สนุกกันซะเปล่าๆ...”


เงียบ ...เงียบเสียจนได้ยินเสียงลมพัดผ่าน เพราะสองหนุ่มสาว ต่างใช้สายตาเท่านั้นประหัดประหารกัน



“เอ่อ เมื่อกี้นี้คุณลนาเพิ่งเล่าว่าทำงานนิตยสารเด็ก แล้วก็ยังเป็นนักเขียนนิทานอีกด้วยใช่ไหมครับ...”


ตรันเห็นท่าไม่ดีจึงเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อลดบรรยากาศมาคุ และก็ได้ผล สองสายตาที่ประสานละจากกัน เมื่อหญิงสาวหันมาที่เขาแทน



“โชคดีจริงๆ หลานของผมเป็นแฟนคลับตัวยงของคุณลนาเชียวล่ะ ไม่นึกว่าจะได้เจอตัวจริง สงสัยต้องขอให้คุณลนาสอนผมวาดรูปแต่งนิทานให้หลานบ้างซะแล้ว"


ชายหนุ่มผู้มาใหม่ไม่ได้สนใจฟังในสิ่งที่ตรันพูดนัก เพราะมัวแต่ลอบมองหญิงสาวที่นั่งตรงหน้า



วันนี้ยัยเด็กอวดดี ปล่อยผมไม่ได้รวบเป็นมวยไว้เหมือนอย่างทุกวัน ผมซอยสั้นดูยุ่งเหยิงระต้นคอ รับกับใบหน้ารูปไข่ เป็นสีน้ำตาลเข้มยามต้องแสงตะวัน หน้าผากมน กับผิวสีน้ำผึ้งเนียนผ่อง ปากอิ่มสีระเรื่อ ที่ขยันยิ้มเมื่ออยู่กับตรันอวดฟันเล็กๆเรียงสวยราวไข่มุก จมูกเล็กงอนมักมีเหงื่อเม็ดเล็กๆเกาะพราวอยู่เสมอ ขนตายาว กับดวงตากลมโตสีน้ำตาลนั้นสุกใสแวววาว และดูเหมือนจะไม่เคยสามารถกักเก็บความรู้สึกอะไรได้เลย ทั้งหมดนั้นชายหนุ่มลงความเห็นว่า...



ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนสวยจัด แต่มีอะไรที่ทำให้ไม่สามารถละสายตาไปได้ ติดก็ตรงนิสัยอวดดีเหมือนเด็กๆ เด็กดื้อขี้โมโหเสียด้วย ยั่วทีไรเจ้าหล่อนเป็นต้องเล่นกลับให้เข้าจุกเสียทุกครั้ง


แต่เด็กหนอ อย่างไรก็เป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ ไม่มีทางทันผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่าอย่างเขาแน่นอน...


มองหญิงสาวตรงหน้าแล้วพาลคิดถึงใครอีกคน ก็อดเศร้าใจไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้ช่างไม่มีอะไรเหมือนกับหลานสาวของเขาเลยจริงๆ


"คุณปาครับ! ”


ความสนใจของวงสนทนากลับมาอยู่ที่เขาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้


“ค ...ครับ คุณตั้นว่าไงนะครับ"


ชายหนุ่มรู้สึกเสียหน้าที่ถูกจับได้ว่าแอบมองคู่กรณี


"ผมเพิ่งเล่าถึงถึงรีสอร์ทสมัยบุกเบิกให้คุณลนาฟังนะครับ แล้วคุณปาละครับอยู่ที่กรุงเทพฯทำอะไร..."


" ผมทำธุรกิจส่วนตัว ไม่ได้มีอะไรพิเศษนักหรอกครับ "


อ๊ะ...ไหนวันก่อนยังบอกว่าตัวเองเป็นหมออยู่หยกๆ


เครื่องหมายคำถามบนหน้าของหญิงสาวคงใหญ่มาก



แต่ไม่เพียงปาลินจะไม่ให้ความกระจ่างเรื่องอาชีพที่เคยหลอกให้เธอเข้าใจเป็นตุเป็นตะแล้ว ชายหนุ่มยังส่งยิ้มยียวนกวนประสาท คงมีเพียงเธอเท่านั้นที่เข้าใจได้ทันที


"ถูกหลอกแล้วสาวน้อย...” สายตาเข้ามันบอกอย่างนั้น ...เห็นแล้วนึกอยากถวายกำปั้นให้สักที


“แหม...งานอะไรก็มีความสำคัญไม่ต่างกันหรอกครับ ว่าแต่มาพักผ่อนยาวขนาดนี้ คนที่บ้านไม่งอนแย่หรือครับคุณปา"


“ผมยังไม่มีครอบครัวหรอกครับ และพอดีช่วงนี้ก็ว่าง เลยอยากจะหาที่สงบใจก่อนเจอเรื่องยุ่งๆ"


เขาว่าเรียบๆ พร้อมมองไปยังหญิงสาวที่นั่งตรงข้าม ที่ตั้งอกตั้งใจชมวิว ไม่สนใจบทสทนานี้เลยสักนิด



“งั้นก็เหมาะเลยครับ รับรองว่าบ้านภูคาของเราจะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน"




ผิดแล้ว...งานนี้คงมีหลายคนเชียวละ ที่ต้องผิดหวัง ชายหนุ่มคิดในใจ





...“ครับ ผมว่ารอให้กลับกรุงเทพฯก่อนน่าจะดีกว่า ฮึ...ท่าจะยากเอาการเลยละครับ ขนาดพี่วัตเป็นพ่อแท้ๆเขายังไม่ฟังเลย ผมคงต้องใช้ตัวช่วยเยอะเชียวละ"


“มีอะไรก็โทรมาละกัน พี่ฝากนายดูแลลนาด้วยนะ"


“ครับพี่วัตไม่ต้องเป็นห่วง...”



ปลายสายวางไปนานแล้ว แต่ปาลินยังนั่งอยู่อย่างนั้นเป็นนาน ครุ่นคิดถึงสิ่งที่กำลังจะต้องทำอีกมากมาย แล้วก็ทอดถอนใจ ได้แต่หวังว่าอะไรๆ จะราบรื่นย่างที่เขาคิดไว้





"จะไปไหน..."

คำถามห้วนๆ ทำให้หญิงสาวที่กำลังจูงจักรยานชะงักเท้า แต่ก็เพียงนิดเดียวเท่านั้น แล้วก็ทำเป็นหูทวนลมเดินต่อไป โดยไม่คาดคิด...


"เอ้ย.. มาแย่งจักรยานฉันทำไม!"


คนตัวเล็กกว่าโวย เมื่อจู่ๆมือใหญ่ก็แย่งเอาจักรยานของเธอไปจูงเองเสียดื้อๆ


"ก็จะไปขี่จักรยานเล่นไม่ใช่เหรอ นี่ไงไปด้วยกัน ประหยัดพลังงาน"


"พลังงานอะไร ขี่จักรยานนะไม่ใช่ขับรถ แล้วฉันก็ไม่ชอบซ้อนท้ายใครด้วย โดยเฉพาะคนแปลกหน้า"


"ก็ใครว่าผมจะให้คุณซ้อนละ คุณนั่นแหละขี่ให้ผมซ้อนต่างหาก ประหยัดพลังงานผมดี...."


โอ้ย...หญิงสาวยีหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด "เรื่อง! ตัวยังกะยักษ์ ใครจะแบกไหวหะ แล้วมีอย่างที่ไหนผู้ชายซ้อนผู้หญิง"



"โอเค... งั้นคุณซ้อน ผมขี่ก็ได้ บอกไว้ก่อนไม่มีใครได้ซ้อนท้ายผมบ่อยนักหรอกนะ เร็วเข้าชักช้าพระอาทิตย์ตกเดี๋ยวก็อดชมวิวกันพอดี " นายยักษ์ยกมือทำหน้าเบื่อหน่ายราวกับเป็นเธอนั่นแหละที่มากวนใจ


"อยากขี่คันนี้ก็เอาไปสิฉันยกให้ "



ว่าแล้วคนตัวเล็กก็สะบัดหน้าหันหลังกลับทันที แต่ก็ไม่ทันมือหนาๆ ที่ละจากแฮนด์มาตะปบไหล่เธอแทบจะทันทีราวกับคาดไว้อยู่แล้ว



"เอ้ย..."


หญิงสาวหันขวับกลับมาจ้องหน้าพร้อมเอาเรื่อง



"ไม่เอ้ย ไม่อ้ายล่ะ ขายังไม่หายดีไม่ใช่เหรอ เที่ยวกระโดดโลดเต้นอย่างนี้เดี๋ยวก็ได้อักเสบขึ้นมาอีกหรอก”



“เป็นแค่หมอเก๊ มายุ่งอะไรด้วยเนี่ย ปล่อยได้แล้ว”



“ถึงไม่ใช่หมอ ข้อเท้าบวมอย่างนั้นน่ะ เป็นใครก็รู้ทั้งนั้นแหละว่าควรพัก ไปกับผมนี่แหละ รับรองจะไม่พูดให้รำคาญเลยเอ้า! "



น้ำเสียงกับสายตาอ่อนโยนที่มองสบมานั้นมีแววห่วงใยจริงจัง ทำเอาลัลนาไปไม่ถูก



“แต่...ว่า” ร่างบางหันไปมองจักรยานอีกคันที่พิงกำแพงอยู่



“ถ้าคิดจะขี่คันนั้นละก็เสียใจ ยางมันรั่วถึงให้ไปด้วยกันนี่ไงละ เอ้า ขึ้นมาได้แล้วเร็วๆเข้า” มือใหญ่ละจากไหล่บาง เปลี่ยนมากุมข้อมือเธอไว้มั่น พร้อมหันมาส่งสายตาเร่ง เอ้าไปก็ไป!



ปาลินปั่นจักรยานด้วยความเร็วเรื่อยเฉื่อย ปล่อยให้คนนั่งซ้อนท้ายได้ดื่มด่ำ ความสวยงามของธรรมชาติสองข้างทาง เสียงหรีดหริ่งเรไรบรรเลงขับกล่อม หมู่ไม้พริ้วไหวหยอกล้อเล่นจังหวะสายลม ถ้าหากทิ้งความวุ่นวายที่มี มาอยู่ในดินแดนที่สวยสงบเช่นนี้ตลอดไปเธอคงมีความสุขไม่น้อย..



ลัลนาเพลิดเพลินไปกับความสวยงามรอบตัว จนลืมไปเลยว่ากำลังนั่งซ้อนท้ายใครอยู่



รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่จู่ๆสารถีตัวใหญ่เบรกเสียเกือบคว่ำ คนซ้อนที่มัวเพลิดเพลิน จึงหน้าทิ่มกระแทกกับแผ่นหลังเรียบตึงอย่างไม่ตั้งใจ


"อูยยย..จะเบรกก็ไม่บอก... "



คนตัวเล็กบ่นอุบพลางลูบจมูกป้อย ไม่รู้เพราะเจ็บหรือ เพื่อจะลบกลิ่นหอมสะอาดชวนให้รู้สึกดี ที่ติดอยู่ปลายจมูก เมื่อยามกระแทกแผ่นหลังนั่นกันแน่


เพราะมัวแต่บ่นไม่ทันได้เงยหน้า นายยักษ์ไม่พูดพร่ำทำเพลงเอื้อมมือใหญ่ๆ จับหัวทุยให้หันไปมองยังทิศที่เขาต้องการให้ดู...



คนตัวเล็กที่เกือบจะถูกหักคอในความรู้สึก กำลังจะแหวเข้าให้ แต่ต้องสะดุดลมหายใจเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า



ทิวเขาสลับสูงต่ำ ขั้นด้วยสายน้ำไหลลัดเลาะแทรกตัวไปกับภูผา จุดที่หญิงสาวกับชายหนุ่มอยู่นั้นเป็นเนินสูงที่สุด จึงทำให้มองเห็นเนินเขาน้อยใหญ่ที่ลาดต่ำได้อย่างชัดเจน



เนินเขาด้านหนึ่งถูกปกคลุมไปด้วยทานตะวันดอกเล็กเหลืองสะพรั่งตัดกับเนินเขาสีเขียว “ทุ่งบัวตอง” ไม่สิต้องเรียกว่าภูเขาดอกบัวตองถึงจะถูก คำนวนด้วยสายตาแล้วเจ้าทานตะวันดอกเล็กนั้นน่าจะกินเนื้อที่ไปทั้งเนินเขาเลยที่เดียว



ลัลนาลืมทั้งความเจ็บที่ข้อเท้า และคนตัวโตที่อาสาเป็นสารถีทันที ลงจากรถได้ก็รีบคว้ากล้องคู่ใจขึ้นมาถ่ายรูป โดยมีคนตัวใหญ่คอยตามดูอยู่ห่างๆ



ชายหนุ่มจอดจักรยานไว้ข้างทาง แล้วเดินตามมาสมทบ กับหญิงสาวที่ริมผา คนตัวเล็กที่ยืนข้างๆ มัวแต่ตื่นเต้นกับความสวยตรงหน้า ดวงตาพราวระยับ กับรอยยิ้มนั้นยังไม่จางหาย เมื่อเธอหันมามองเขา

ยากที่จะถอนสายตาไปได้ รอยยิ้มที่แสนจริงใจไร้จริตมารยา ก่อให้เกิดความรู้สึกแปลกๆในใจของชายหนุ่ม



แล้วเขาจะโกรธเธอได้อย่างไร...



ลัลนาโทษ บรรยากาศสวยงามรอบกาย และสายตาอบอุ่นอ่อนหวานพาลให้ใจสั่นไหวอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน...เพราะบรรยากาศเท่านั้นและน่า หญิงสาวคิดเพียงในใจ



โดยไม่ทันรู้ตัว บางสิ่งได้เริ่มก่อตัวขึ้นแล้วทั้งสองดวงใจ



“คุณๆ หลับแล้วเหรอ” สุดท้ายคนที่ปฏิญาณตนว่าจะไม่ปริปากกวนใจก็อดไม่ได้


“อื้อ...เปล่า ”


“ผมก็นึกว่าหลับน้ำลายยืดไปซะแล้ว ยังอยากดูชมพูภูคาอยู่รึเปล่าผมจะพาไป”



“วันหลังดีกว่าค่ะ นี่ก็เย็นมากแล้วยิ่งมืดเร็วอยู่ด้วย อีกอย่างฉันนัดคุณตั้นไว้ ไปช้าน่าเกลียดแย่เลย”


“งั้นก็ตามใจ!...ดีเหมือนกันแค่นี้ผมก็ปั่นจนน่องปูดแล้ว ลดน้ำหนักบ้างก็ดีนะคุณน่ะ”


“อ๊าย...จอดเดี๋ยวนี้เลยนะ” คนตัวหนักที่ชายหนุ่มว่า รัวกำปั้นบนแผ่นหลังกว้างไม่ยั้ง


“บอกให้จอดไง..จ๊อดดด”


“เฮ้ยยยย อะไรเล่า! เดี๋ยวก็ได้ลงไปคลุกดินทั้งคู่หรอก” ชายหนุ่มแกล้งเบนหัวรถฉวัดเฉวียนซ่ายไปซ่ายมา



“วี๊ด...ด หยุดน้า...” จากที่พยายามเอนตัวไปข้างหลังเกร็งตัวอยู่ห่างเขามาตลอดทาง กลายเป็นต้องกำชายเสื้อเกาะคนตัวโตไว้แน่นด้วยความหวาดเสียว สุดท้ายก็ทำได้แค่ส่งค้อนแผ่นหลังกว้างที่หัวเราะร่วนสนุกสนานกับการได้แกล้งเธอ คนโรคจิต!...



กว่าจะถึงหน้ารีสอร์ท ตะวันก็คล้อยต่ำที่ด้านหน้านั้นทั้งสองเห็นหนุ่มหน้าสวยเจ้าของเรือนภูคากำลังจูงจักรยานมาพอดี


"ไปถึงไหนกันครับเนี่ย ผมกำลังจะออกไปตามอยู่เชียว "



“ ผมกับลนาไปขี่จักรยานเล่นแถวๆนี้เองละครับ " ปาลินเอ่ยชื่อเธออย่างสนิทสนม


“ผมก็เป็นห่วง เห็นจักรยานหายไปแค่หนึ่งคันก็คิดว่าคุณลนาไปคนเดียว ” ตรันหันมาทางหญิงสาว



“เอ่อ..” ยังไม่ทันพูด คนตัวโตชิงตอบเองเสียดื้อๆ



“พอดีลนาเขาเจ็บขา ผมก็เลยอาสาเป็นคนขี่ให้”


“อย่างนี้นี่เอง...กลับมาเหนื่อยๆเชิญล้างหน้าก่อนครับ แล้วมากินข้าวกัน วันนี้ผมให้แม่ครัวของเราเตรียมเมนูพิเศษให้พวกคุณด้วย”


“เอ๊ะ...คุณตรันคะ จักรยานคันนี้ใช้ยังได้อยู่เหรอคะ” หญิงสาวคนเดียวในวง เพิ่งสังเกตเห็นจักรยานที่ตรันจูงมาด้วย


“ใช้ได้สิครับคุณลนา ผมให้เด็กคอยดูแลตลอด เผื่อแขกอยากจะขี่ไปไหนมาไหน”


“...ยางไม่ได้รั่วเหรอคะ”


“ ห๊ะ...ไม่มีนี่ครับ เมื่อตะกี้ แขกอีกบ้านยังเอาไปใช้อยู่เลย”



หญิงสาวหันขวับ คาดโทษนายยักษ์ด้วยสายตา “หลอกชั้นอีกแล้วนะ...”


ปาลินเพียงแค่ยักไล่ ไม่สะทกสะท้านสักนิด แล้วก็เดินผละไป

...............................................................................................................................................




อันนา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ต.ค. 2554, 01:23:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ต.ค. 2554, 16:27:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 1329





<< ตอนที่ 2   
yapadoo 17 ต.ค. 2554, 09:39:02 น.
น่ารักจัง


pattisa 17 ต.ค. 2554, 17:58:02 น.
นั่นแน่ แอบชอบนางเอกล่ะสิ :D


เทียนจันทร์ 4 ม.ค. 2555, 18:45:05 น.
น่ารักนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account