พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว # จุฬามณี (ลิขสิทธิ์ สนพ.มายดรีม)
เรื่องย่อ พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว
เป็นเรื่องราว ของ มาลี สาวน้อยวัย 20 ปี ลูกกำพร้าพ่อซึ่งเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง มาลี กับแม่และน้องชาย มารุต อาศัอยู่กับญาติห่าง ๆ ข้างพ่อ ซึ่งทำรีสอร์ตและการท่องเที่ยงท้องถิ่นอยู่ที่อุ้มผาง..
วันหนึ่ง กลยุทธและคณะไปเที่ยวล่องแก่งน้ำตกทีลอซู แล้ว เขาชอบมาลีจึงสานความสัมพันธ์ ส่วนมาลีนั้น เจอลูกทัวร์จีบจนชาชิน แต่กลยุทธก็ทำให้มาลีหวั่นใจอยู่ไม่น้อย..
หลังจากคณะของกลยุทธกลับไป..ทางป้า ก็บีบบังคับให้มาลีไปเรียนต่อกรุงเทพฯ พักอยู่กับนันทาลูกสาว เพราะว่าต้องการให้อนันต์ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับคนที่รวยกว่า..
มาลีมาอยู่กรุงเทพฯ โดยที่ชัชชัย เพื่อนของนันทา ซึ่งเคยไปหาข้อมูลเขียนหนังสือมารับที่แม่สอด(ชัชชัยอ้างว่ามาธุระแถวนั้นพอดี)..มาลีกับชัชชัยนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมา เพราะตอนที่ชัชชัยมาอยู่อุ้มผางเพื่อหาข้อมูลเขียนสารคดี ตามคำแนะนำของ นันทา (ชัชชัยเป็นเพื่อนกับนันทา) มาลีแกล้งชัชชัยเพราะว่าไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาวกับปากไม่ค่อยดี..
ที่บ้านทาวเฮ้าส์ของนันทานั้นอยู่หมู่บ้านเดียวกับกลยุทธที่มีน้องสาวชื่อกุลกัญญา และช่วงที่ยังไม่ได้เข้าเรียน ต่อที่รามคำแหงมาลีก็ได้คำแนะนำจากศรีวรรณเพื่อนข้างบ้านของนันทาให้ให้ไปทำงานฆ่าเวลาเป็นแม่บ้านบนตึกสูงกลางเมือง มาลีที่อยู่กับนันทาแบบคนใช้ (นันทากดไว้เพราะมาลีมาด้วยทุนของแม่) ที่คิดเบื่อบ้านจึงไปทำงานตามคำแนะนำของศรีวรรณ
และบนตึกสูงนั้น มาลีก็ได้รู้ว่าเธอทำงานในตำแหน่งแม่บ้านซึ่งมีกลยุทธทำงานที่นั่นด้วย และมาลีก็ได้รู้จักสังคมรอบ ๆ ตัวของกลยุทธมากขึ้น มาลีรู้ว่ากลยุทธเป็นที่หมายปรองของรมมณีย์ลูกสาวของเจ้าของประธาน
บริษัทฯ
กลยุทธนั้นอึดอัดกับความรักที่รมณีย์มีให้ เพราะเขาทนกับปากของเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เขาสานความสัมพันธ์กับมาลีมากขึ้น จนกระทั่งรมณีย์ที่เป็นเพื่อนกับชัชชัย ต้องดึงชัชชัยมาช่วยทำให้มาลีกับกลยุทธเข้าใจผิดกัน...
ชัชชัยนั้นชอบมาลีเป็นอย่างมาก เขาพยายามเอาอกเอาใจมาลีสารพัด แต่มาลีคิดว่า ชัชชัยนั้นเป็นคู่รักของนันทา ทำให้มาลีไม่เปิดใจให้ชัยชัย..
และมาลีจะเลือกใครระหว่างกลยุทธกับชัชชัย..
เป็นเรื่องราว ของ มาลี สาวน้อยวัย 20 ปี ลูกกำพร้าพ่อซึ่งเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง มาลี กับแม่และน้องชาย มารุต อาศัอยู่กับญาติห่าง ๆ ข้างพ่อ ซึ่งทำรีสอร์ตและการท่องเที่ยงท้องถิ่นอยู่ที่อุ้มผาง..
วันหนึ่ง กลยุทธและคณะไปเที่ยวล่องแก่งน้ำตกทีลอซู แล้ว เขาชอบมาลีจึงสานความสัมพันธ์ ส่วนมาลีนั้น เจอลูกทัวร์จีบจนชาชิน แต่กลยุทธก็ทำให้มาลีหวั่นใจอยู่ไม่น้อย..
หลังจากคณะของกลยุทธกลับไป..ทางป้า ก็บีบบังคับให้มาลีไปเรียนต่อกรุงเทพฯ พักอยู่กับนันทาลูกสาว เพราะว่าต้องการให้อนันต์ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับคนที่รวยกว่า..
มาลีมาอยู่กรุงเทพฯ โดยที่ชัชชัย เพื่อนของนันทา ซึ่งเคยไปหาข้อมูลเขียนหนังสือมารับที่แม่สอด(ชัชชัยอ้างว่ามาธุระแถวนั้นพอดี)..มาลีกับชัชชัยนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมา เพราะตอนที่ชัชชัยมาอยู่อุ้มผางเพื่อหาข้อมูลเขียนสารคดี ตามคำแนะนำของ นันทา (ชัชชัยเป็นเพื่อนกับนันทา) มาลีแกล้งชัชชัยเพราะว่าไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาวกับปากไม่ค่อยดี..
ที่บ้านทาวเฮ้าส์ของนันทานั้นอยู่หมู่บ้านเดียวกับกลยุทธที่มีน้องสาวชื่อกุลกัญญา และช่วงที่ยังไม่ได้เข้าเรียน ต่อที่รามคำแหงมาลีก็ได้คำแนะนำจากศรีวรรณเพื่อนข้างบ้านของนันทาให้ให้ไปทำงานฆ่าเวลาเป็นแม่บ้านบนตึกสูงกลางเมือง มาลีที่อยู่กับนันทาแบบคนใช้ (นันทากดไว้เพราะมาลีมาด้วยทุนของแม่) ที่คิดเบื่อบ้านจึงไปทำงานตามคำแนะนำของศรีวรรณ
และบนตึกสูงนั้น มาลีก็ได้รู้ว่าเธอทำงานในตำแหน่งแม่บ้านซึ่งมีกลยุทธทำงานที่นั่นด้วย และมาลีก็ได้รู้จักสังคมรอบ ๆ ตัวของกลยุทธมากขึ้น มาลีรู้ว่ากลยุทธเป็นที่หมายปรองของรมมณีย์ลูกสาวของเจ้าของประธาน
บริษัทฯ
กลยุทธนั้นอึดอัดกับความรักที่รมณีย์มีให้ เพราะเขาทนกับปากของเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เขาสานความสัมพันธ์กับมาลีมากขึ้น จนกระทั่งรมณีย์ที่เป็นเพื่อนกับชัชชัย ต้องดึงชัชชัยมาช่วยทำให้มาลีกับกลยุทธเข้าใจผิดกัน...
ชัชชัยนั้นชอบมาลีเป็นอย่างมาก เขาพยายามเอาอกเอาใจมาลีสารพัด แต่มาลีคิดว่า ชัชชัยนั้นเป็นคู่รักของนันทา ทำให้มาลีไม่เปิดใจให้ชัยชัย..
และมาลีจะเลือกใครระหว่างกลยุทธกับชัชชัย..
Tags: รักสามเส้า เราสามคน
ตอน: 1.อุ้มผางซิตี้
จากใจนักเขียน
เมื่อปลายปี 2542 ได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวบ้านเพื่อนแสนดีคนหนึ่งในชีวิต บ้านของเขาตั้งอยู่ที่อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นโลกกว้าง(นั่งเครื่องบินไปลงแม่สอด) ได้เห็นภูเขานับร้อยนับพันลูก ได้เห็นป่าไม้ผืนใหญ่และได้เห็นต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่มาก และได้เห็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แต่ว่าระยะเวลาในการเดินทางนั้นนานมาก ระยะทางขึ้นเขาลงเขาพันกว่าโค้งทำให้มีอาการวิงเวียนศีรษะจนทดท้อยามเมื่อนึกถึงขาออกจากเมืองเล็ก ๆ เพื่อกลับสู่เมืองใหญ่(ตอนนั้นเป็นคนกรุงเทพฯ)
แต่ว่าเมื่อได้ไปล่องแก่งแม่กลอง และเดินทางไปน้ำตกทีลอซู ก็รู้สึกว่าคุ้มค่าเสียเวลาและเสียสุขภาพเป็นอย่างยิ่งที่ได้เดินทางมาที่นี่ จนกระทั่งเกิดเป็นความประทับใจในอำเภอที่มีแหล่งท่องเที่ยวแบบไร้มลพิษ
และเมื่อปี 2543 ได้มีโอกาสเรียนเขียนบทละครกับอาจารย์ สรนันท์ ร.เอกวัฒน์ ตอนนั้นมีการส่งงานเป็นพล็อตและให้พัฒนาพล็อตเป็นเรื่องย่อเป็น บทละครในที่สุด..ครั้งนั้นกลุ้มอกกลุ้มใจเหลือแสนเพราะนึกไม่ออกว่าจะเขียนเรื่องอะไร จนกระทั่งนึกถึงอุ้มผางและทีลอซู ขึ้นมา..เล่าพล็อตเรื่องที่คิดไว้ให้เพื่อนในกลุ่มฟังคร่าว ๆ จนกระทั่งพวกเขาตั้งชื่อเรื่องแบบตัดรำคาญให้ว่า ‘ร.รักชะลาล่า’ คงจะนึกไม่ออกเลยใช่ไหมว่า แล้วเรื่องมันจะเป็นทำนองไหน?
เป็นดราม่าคอมมันดี้...สนุกล้น ๆ เว่อร์ ๆ ของสาวมาลี
ร.รักชะลาล่า เป็นพล็อตเรื่องแรกในชีวิตที่พัฒนาร้อยพันเหตุการณ์และตัวละครจนกระทั่งจบเรื่อง ในฐานะมือใหม่ยอมรับว่าดีใจมาก แต่ว่าเมื่อมันได้คะแนนมาแล้ว มันก็นอนนิ่งอยู่ในกล่องจนกระทั่งเกือบลืม..
จนกระทั่งปี 2551 ได้มีโอกาสเดินทางกลับไปที่อุ้มผางอีกครั้ง(ก่อนหน้านั้นก็ไปมาแล้วหลายครั้งในฐานะคนจัดนำเที่ยว) แต่ครั้งนี้ ในเวลาที่รอพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดดอยหัวหมด จู่ ๆ ก็นึกถึงนิยายแนว y ของตนที่ชื่อเรื่องว่า ‘อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง’ ขึ้นมา..เมื่อนึกแล้ว ก็นึกไปถึงตัวละครที่ได้สร้างและทำให้ชีวิตของพวกเขาสุขเศร้าเคล้าน้ำตาจนกระทั่งจบเรื่อง..
และจังหวะนั้น ประชาชนเป็นร้อยคน ที่เฝ้ารอพระอาทิตย์ขึ้นต่างฮือฮาอย่างกับเห็นยาทิพย์ชะโลมใจเมื่อพระอาทิตย์ดวงแดงกลมค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาจากทิวเขา โผล่มาไล่ความเหน็บหนาวที่โอบล้อมพวกเราในยามวิกาล..
โอ้ว..พระอาทิตย์ขึ้น ความหนาว กลางคืน..
แท่นแท้นนนนนน อยากให้พระอาทิตย์ขึ้นตอนแปดโมงเช้า..อะว้าว..ไม่โดน..ไม่ใช่ เพราะว่าหนาว ๆ แบบนี้ มืด ๆ แบบนี้ รอคอยสิ่งสำคัญที่สุดแบบนี้ จะเป็นอะไรไปไม่ได้เลย ถ้าไม่ใช่ ‘พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว’
เหมือนเดิมว่า ทุกครั้ง ๆ ที่คิดชื่อเรื่องนิยายได้(แบบผม) พล็อตก็จะวาบขึ้นมาด้วย วาบนั้นนึกถึงมาลีกับผองเพื่อนใน ร.รักชะลาล่า..ไหมละ คุณนันทนา วีระชน เคยบอกไว้แล้วว่า(ท่านมาเป็นวิทยากรมาบรรยายตอนที่เรียนเขียนบท) ตัวละคร หรือพล็อตที่ออกไปจากหัวสมองเราแล้ว ที่มันโลดแล่นอยู่บนกระดาษแล้ว อย่าได้นำไปทิ้งเด็ดขาด จะดีหรือไม่ดีจะผ่านตะกร้าบอกอไปสู่ถังขยะแล้ว ก็อย่าทิ้ง เพราะวันหนึ่งมันจะทำเงินให้เรา..
ดังนั้น..นางสาวมาลี แห่งอุ้มผางจึงได้กลับมาแสดงฝีมืออีกรอบ พร้อมกับประสบการณ์ที่มากขึ้นของผม จึงทำให้นิยายเรื่องนี้ยาวแต่ไม่ยืด(จริง ๆ นะ)ไม่ยืดเพราะมีตัวละครสมทบคับคั่งและมีเหตุการณ์มากมายร้อยไปเพื่อให้มาลีได้ค้นพบว่า ใครกันแน่ คือพระอาทิตย์ที่ขึ้นในคืนหนาวของเธอ และใครกันแน่เป็นพระเอกตัวจริง?
ถ้าพร้อมแล้ว ก็ลุยกับผลงานสุดซาบซึ้งตรึงใจที่ผมภูมิใจนำเสนออีกเรื่องได้เลยครับ..
หยุดก็ไปไม่ถึง
ชอนตะวัน
ณ เรือนจิตรา 11/07/54
/////////////////////////////////
1.
ปลายมกราคม 2550
“หนาว ลมแรงจังเลย”
“เมื่อไหร่จะขึ้นเสียทีนะ”
“ใจเย็นๆ ซิ แหม! จะให้ขึ้นอย่างสั่งได้อย่างไร”
กับงานมัคคุเทศก์ประจำสายน้ำใสรีสอร์ตถึงสี่ปี ทำให้มาลีได้ยินถ้อยความซ้ำๆ ซากๆ จะว่าน่าเบื่อนักก็ไม่ใช่ เพราะพวกเขาเหล่านี้ต่างเสียเงิน เสียเวลาดั้นด้นผ่านภูเขา ผ่านถนนสูงเสียดฟ้ามีโค้งซ้ายขวาถึง 1,219 โค้ง ก็เพื่อความสุขจากธรรมชาติอันพึงหาไม่ได้จากสังคมเมือง
เสียงผู้คนมากหน้าหลายตามาจากหลายที่ยังพูดคุยหยอกเย้ากันมากเรื่อง กลั้วด้วยเสียงหัวเราะ จนยอดดอยหัวหมดที่เคยเปลี่ยวเหงาตลอดวัน และเหน็บหนาวตลอดคืน มีชีวิตชีวาขึ้นมา
“เย้ พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว”
ในชั่วนาทีนั้น เสียงกล้องถ่ายรูปดังรัวรายรอบ ผู้คนวิ่งผลัดเปลี่ยนสลับกันเป็นนางแบบนายแบบประหนึ่งว่าถ้าไม่มีรูปตนเองกับพระอาทิตย์ที่กำลังโชนแสงเหนือเหลี่ยมเขาสลับซับซ้อนด้านทิศตะวันออก ก็จะไม่มีเครื่องยืนยันความมุ่งมั่นอดทนกับการเดินทางมาที่นี่ และรอคอยช่วงเสี้ยวนาทีในบรรยากาศมืดสลัวและเหน็บหนาว
ชั่วนาทีเริ่มต้นของพระอาทิตย์ดวงกลมสีแดงอมส้ม มั่นใจว่าชีวิตจะสว่างและอบอุ่น
มาลีนึกถึงชีวิตตัวเองขึ้นมาทันที ชีวิตที่ผ่านมาและกำลังจะเป็นไป คล้ายค่ำคืนที่เหน็บหนาว ใครล่ะจะเป็นพระอาทิตย์โชนแสงในยามเช้าส่องหนทางให้กับเธอ
“น้องๆ มากดชัตเตอร์ให้พวกพี่หน่อย”
เมื่อได้ยินเสียงขอร้องของลูกทัวร์ หญิงสาวผมหน้าม้าด้านหลังยาวเคลียบ่าในชุดกางเกงยีนสีซีด มีเสื้อคอเชิ้ตแขนยาวลายพรางของกรมป่าไม้สวมทับเสื้อยืดสีดำคอกว้าง เจ้าหล่อนใช้มือข้างซ้ายจับผ้าพันคอสีชมพูสดให้เข้าที่แล้วคลี่ยิ้มกว้างปรับสีหน้าให้เป็นสดชื่นเต็มใจพร้อมให้บริการ
“อ้า ดีแล้ว ยิ้มค่ะ”
มาลีมองที่มอนิเตอร์กล้องดิจิตอล พบรอยยิ้มที่เห็นฟันเรียงเป็นระเบียบของหนุ่มหน้าขาวผมยาวตัดรองทรงสุภาพ เธออดละสายตามองเจ้าของฟันขาวผิวหน้าสะอาด และดวงตาเข้มด้วยขนตาดำเป็นแพนั่นไม่ได้…คนบางคน มีเสน่ห์โดยที่ยังไม่ได้ขยับทำอะไรเลย
“ขออีกทีนะน้อง”
มาลีพยายามนึกถึงกระดาษแฟกซ์รายชื่อจากคุณวรรณาเพื่อทำประกันระหว่างการเดิน ใครเป็นใครกันบ้าง
เท่าที่นึกออกก็มี คุณอานนท์ จริญญา อรชุมา วรรณา สมศักดิ์ สุชิน แล้วใครอีกนะ เอกชัย และ
เขาคนนั้นคือผู้ชายชื่อแปลกๆ กลยุทธ
“ไอ้ทะลึ่ง ต้องบอกว่ากดชัตเตอร์ให้พี่อีกสักรูป”
ไม่พูดเปล่า คุณสุชินหนุ่มวัยทำงานร่างสูงหน้าตาไทยแท้ถือโอกาสใช้ฝ่ามือปัดไปที่หมวกไหมพรมสีขาวที่
คลุมกันหนาวอยู่ของคุณสมศักดิ์ หนุ่มหน้าจีนร่างสันทัดเป็นเชิงหยอกล้อ มาลีไม่คิดถือสา การถูกลูกทัวร์ ลูกค้าหนุ่มๆ แทะโลมนั้น หล่อนชาชิน ผู้ชายถ้าไม่หมั่นขายขนมจีบ ก็คงไม่ใช่ผู้ชายเต็มตัว
“อีกที เฮ้ย อีกรูปนะคะ”
ทำนองสองแง่สองง่าม มันต้องมีบ้าง เพื่อสร้างความเฮฮา ให้มีใบหน้ากลั้วด้วยรอยยิ้ม การท่องเที่ยวเพียงอย่างมาก 3 วัน 2 คืน และอย่างน้อย 2 วัน 1 คืนในอำเภออุ้มผางนี้ เธอมีหน้าที่สร้างความสุข ความสะดวก และความปลอดภัย
“หนึ่ง สอง สาม ยิ้ม ชีสสสสส”
นอกจากรอยยิ้มสยามของคนอื่นๆ แล้ว ดวงตาคู่นั้นของเขาที่มองมายังโฟกัสของกล้องนั้น แม้ไม่ได้กล่าววาจาใดๆ แต่มันก็ทำให้จิตใจของสาวน้อยวัยสิบเก้าที่อยู่หลังเลนส์สั่นไหว ภาษาดวงตามันมีมากกว่าหมื่นคำอธิบาย และเมื่อปล่อยให้ใจอธิบายแล้ว บางทีอาจจะมีคิดเลยเถิด
//////////////////
เมื่อพระอาทิตย์โผล่พ้นจากทิวเขาทางทิศตะวันออกสาดแสงจ้า ผู้คนที่เบียดเสียดกันบนยอดดอยแคบๆ ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำทะเลเพียง 971 เมตร ต่างทยอยเดินลงไปยังพาหนะที่ใช้เดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ แล้วภาพเล็กๆ ที่ทำให้จิตใจมาลีสั่นไหวแทบทุกครั้งก็จะเกิดขึ้น
เธอพอใจเหลือเกินที่จะยืนมอง การจับจูง เกาะเกี่ยวกันเดินลงจากเนินสูงด้วยท่าทีห่วงใยเอาใจใส่ของคู่หนุ่มสาว เคยปรารถนาว่าสักวัน ก้าวย่างของเธอบนทางขรุขระนั้น จะมีใครสักคนช่วยประคับประคองให้เธอก้าวเดินไปด้วยความอุ่นใจขึ้นมาบ้าง
กรุ๊ปของเธอในวันนี้ ซื้อทัวร์ผ่านทางโทรศัพท์ โดยได้ข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตที่พี่อนันต์กับกลุ่มเพื่อนร่วมสถาบันทำขึ้นมา
กรุ๊ปเล็กๆ เพียง 8 คน มีขอห้องเตียงเดียว 2 คู่ ส่วนอีก 4 คนนั้นเป็นหญิง 1 ชาย 3 เมื่อทั้งหมดขอนอนห้องเดียวกันก็แสดงว่า ทุกคนต่างเป็นโสด แม้แต่เจ้าของตาคิ้วเข้มคนนั้น
“คนแน่นแบบนี้ทุกวันไหม”
เพื่อนของเขา 7 คนเดินลงจากยอดดอยไปแล้ว แต่คุณกลยุทธยังคงอ้อยอิ่งส่งมือขาวอมชมพูดูสะอาดให้เธอจับ มาลียิ้มให้ อยากปฏิเสธตามแบบผู้หญิงที่ควรถนอมเนื้อตัว แต่มันเป็นการแสดงสัมพันธ์อันอบอุ่นระหว่างลูกค้าและผู้ให้บริการ
“ที่นี่จะมีคนก็แค่เฉพาะเสาร์อาทิตย์เท่านั้นแหละค่ะ วันธรรมดา ก็จะมีคนหลงมาน้อยมาก”
“อย่างพวกผมนี่ว่าหลงมาหรือเปล่า” คนพูดไม่แค่พูดและเดินมองไปข้างหน้า แต่สายตาของเขานั้นยังระเรี่ยอยู่ที่วงหน้าเรียวได้รูปในกรอบผมสีดำเส้นตรงหน้าม้าของมาลี
“อย่างพวกคุณนี่ถือว่า ตั้งใจมา และตั้งใจให้ทางรีสอร์ตได้รับใช้ด้วยค่ะ”
“ครับ คงเป็นลิขิตให้ได้มาเจอะกับน้อง รู้ไหมคุณวรรณา เค้าเข้าเว็บมากมายหลายที่ โทรไปถามราคา ต่อรองแล้วต่อรองอีก จนกระทั่งมาสะดุดที่น้องนี่แหละ”
“ทางเราคุยกันง่ายๆ ค่ะ ธุรกิจครอบครัว ถ้าพอได้ ไม่ตัดราคาพวกพ้องมากไป จัดให้ได้เราก็จัด ได้กำไรน้อยก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย”
พูดพลางเดินเคียงคู่ปรายตามองคู่สนทนาบ้าง
“เก่งนะ ขับรถเองได้ด้วย”
มาลีไม่รู้ว่าเป็นคำชม หรือแค่หาเรื่องชวนคุย เพื่อเปิดใจ
“เฮ้ย ไอ้ยุทธ ไอ้ยุทธ มึงก็รู้นี่ว่า กู เจอะน้องเขาก่อน”
สำนวนของคุณสุชินบอกให้รู้เป็นนัยยะว่าพฤติกรรมของพวกเขาคือต้องการ ‘สี’ ประมาณว่าใครดีกว่าก็จะได้
“กูเจอะก่อน” คนชื่อสมศักดิ์หยอกกลับมาบ้าง
มาลียิ้ม ๆ และครุ่นคิดว่า ถ้าเธอใจง่ายๆ กับผู้ชายทุกๆ คน วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
คิดสอนตัวเองไว้ว่า บางครั้งคนเหล่านี้ต้องการแค่รู้สึกว่ามีใครสักคนติดบ่วงเสน่ห์ของตนแค่เพียงชั่วคราว ให้มีเรื่องไปกล่าวถึงในวงสังคมของตนและนายกลยุทธ วงศ์พระจันทร์ คนนี้อาจจะเป็นประมาณนั้นก็ได้ ไม่งั้นคงไม่หลุดประโยคนี้ออกมา “เจอะก่อนแล้วไง”
มาลีอยากจะดีใจกับถ้อยคำนั้น แต่มาคิดได้ว่าใบหน้าหล่อเหล่านี้น่าจะเป็นอาวุธคร่าหัวใจผู้หญิงมาเชยชมเล่นๆ มากกว่าจริงจัง คิดได้ดังนั้นเกราะคุ้มครองป้องกันใจก็รีบกลับมาทำหน้าที่ เธอปฏิบัติงานอยู่ตรงนี้ ได้พบได้คุยกับผู้ชายหน้าตาดีๆ ดูมีชาติตระกูลและการศึกษามามากมาย
เป็นธรรมดาของผู้หญิงที่พร้อมหวั่นไหวกับรูปโฉมโนมพรรรณ ‘เปลือก’ ที่จะพาเธอลอยเป็นสู่สรวงสวรรค์ ดีแต่ที่เธอ ‘ตระหนัก’ ว่าตัวเองเป็นใคร และผู้คนที่ผ่านเข้ามา กับเวลาที่เดินผ่านไปแล้ว ทำให้เธอรู้ว่า แม่ซินเดอเรลล่า คงเป็นแม่กะลาก้นครัวที่โชคดีเพียงคนเดียวและคนสุดท้ายของโลก
ไม่มีอะไรได้มาโดยไม่มีการลงทุน เธอมีแรง เธอมีความสามารถ เธอจึงได้ทำงานชิ้นนี้ แม้มันไม่ได้ยิ่งใหญ่ แต่ทั้งอุ้มผาง ไม่มีใครไม่รู้จัก ‘มาลี’ แห่งสายน้ำใสรีสอร์ต
เธอขับรถเป็น พายเรือยางได้ บรรยายถึงธรรมชาติระหว่างทางเป็นเรื่องเป็นราว ชักชวนลูกทัวร์พูดคุยให้สนุกสนาน ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และหากวันใด งานในครัวยุ่งเหลือเกิน เธอก็พร้อมลุยเพื่อให้มีอาหารออกไปรับหน้าทันเวลาและอร่อยอย่างที่คนเมืองคุ้นลิ้น หรือเวลาลูกค้าโทรมาเช็กราคา ถ้าเธอเจรจาต่อรองผลประโยชน์ทางธุรกิจ รายไหนรายนั้น ถ้าได้โทรมาที่สายน้ำใสรีสอร์ตก่อน เป็นอันว่าก็จะหยุดอยู่ที่นี่ทันที เมื่อนับข้อดีในตัวมาลีได้มากมาย จึงมีที่อื่นพร้อมให้ค่าตัวเธอมากกว่าอยู่ที่นี่
แต่ชีวิตมี ‘แต่’ สำหรับเธอเสมอเพราะลุงกับป้าญาติห่างๆ ของพ่อ คือผู้ที่มีบุญคุณที่สุดในครอบครัวเธอ
//////////////////////////
“ขึ้นรถๆ”
เมื่อสิ้นเสียงเจ้ากี้เจ้าการของคุณสุชิน สมาชิกอีก 6 คน ต่างกุลีกุจอปีนป่ายขึ้นกระบะท้ายที่ต่อคอกทำที่นั่งเป็นเบาะสองแถวมีหลังคากันแดด แต่สำหรับคุณกลยุทธเดินไปเปิดประตูด้านหน้าเข้าไปนั่งอย่างหน้าตาเฉย
คนที่อยู่ท้ายรถคงรู้ว่า ทำไมอภิสิทธิ์พิเศษนั้นทุกคนจึงได้พร้อมใจกันยกให้ แต่สำหรับมาลี เธอกลับคิดเป็นอีกทาง
‘สงสัยจะต้องได้กินขนมจีบตลอดยี่สิบกิโลเมตรนี้เป็นแน่’
“เฮ้ย ไอ้ยุทธ กูจะฟ้องคุณรมณีย์”
ชายหนุ่มที่กำลังปิดประตูไม่พูดอะไร เพียงแต่หัวเราะแห้งๆ ยักไหล่อย่างไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดนั้น เมื่อมาลีปิดประตู ติดเครื่องยนต์และเปิดแอร์คอนดิชั่น หญิงสาวจึงไม่ได้ยินถ้อยคำอะไรจากด้านหลังที่ตะโกนถามมา
“ไปไหนต่อคร้าบคุณมาลี”
“กลับที่พัก เข้าห้องน้ำ เปลี่ยนเสื้อเป็นชุดสำหรับล่องแก่ง เล่นน้ำได้ และก็ออกมา รับประทานอาหารเช้า ราวๆ สามโมงเช้าค่ะ เราจะไปล่องแก่งกัน” มาลีตะโกนตอบไป
“แล้วข้าวกลางวัน” เขาที่นั่งอยู่ด้านหน้าด้วยกันยังซักถาม ในขณะที่มาลีค่อยๆ ประคองรถให้พ้นแนวป่าออกสู่ถนนลาดยาง หญิงสาวไม่ได้ชักสีหน้าว่าอย่ากวนใจ เธอหันมาพูดคุยด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มเช่นเคย
“บนเรือยางค่ะ เราจะห่อไปให้เป็นข้าวกล่อง อาจจะธรรมดาๆ แต่รับรองว่าตอนเย็นเรามีเมนูเด็ดๆ ให้ได้ลิ้มลอง”
เมื่อรถขึ้นจากถนนดินฝุ่นสู่ถนนลาดยางดอกไม้สีขาวพราวอยู่บนต้นไม้สูงที่ต้องแสงพระอาทิตย์ยามเช้าอทำให้คนนั่งอยู่ด้านข้างถึงกับร้องถามออกมาอีก
“ดอกอะไร” สายตาของเขาเป็นประกายแห่งความสุข
“ดอกเสี้ยว” มาลีตอบพลางบังคับรถให้เลี้ยวซ้าย
“จะไปไหน”
“พิเศษ ช่วงปลายมกราคมดอกเสี้ยวบานพอดีค่ะ เดี๋ยวจะพาไปถ่ายรูป ตรงจุดที่สวยที่สุด”
รถยนต์คันที่มาลีขับแล่นมาได้สักสามร้อยเมตรก็ชะลอหยุดรถ เมื่อเห็นว่าที่ตรงสายตาของตัวเองนั้น มีดอกไม้สีขาวปกคลุมอยู่บนต้นไม้ข้างถนนไล่ไปเกือบทั้งภูเขา คนที่อยู่ด้านหลังกรี๊ดกร๊าดกันทันที
แล้วภาพที่พวกเขาต่างกระโดดโลดเต้นเป็นนายแบบนางแบบ แล้วไหว้วานให้มาลีกดชัตเตอร์ก็ทำให้มาลียิ้มค้าง พวกเขาเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกัน ส่วนมาลีคนนี้เหมือนคนไร้ญาติขาดมิตร เพื่อนที่มีอยู่ก็เพียงน้อยนิด เมื่อโตขึ้นบางครั้งเธอรู้สึกว่า พูดกับเพื่อนไม่รู้เรื่องเหมือนตอนเป็นเด็กๆ
“มานี่เลยคุณจ๊ะ คุณนนท์ ผมจะถ่ายรูปให้”
กลยุทธร้องบอกกับคู่สามีภรรยา ก่อนจะเดินกลับมารับกล้องจากมือมาลีด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
“ขอบใจ ครับ”
“ไม่เป็นไร” มาลีรีบเบี่ยงสายตาหลบอย่างไม่ได้นึกอะไร
เขาหันหลังกลับไป พร้อมกับไล่คนอื่นๆ ให้พ้นจากพุ่มไม้ดอกสีขาวริมถนน
“หันหน้าเข้าหากันแล้วก็โอบกอดกันนิด”
นายแบบกับนางแบบก็เป็นใจเหลือกิน แล้วเสียง ‘อ๊ายๆ’ แสดงความขวยเขินก็ดังมาจากคุณวรรณา สาวหน้าหมวย บ่งบอกเชื้อชาติ
“น่าอิจฉาจังเลย” วรรณาว่าพลางยกมือกุมไว้ด้วยกันตรงหน้าอก
“กับผมก็ได้นี่คุณวรรณ” คุณสมศักดิ์หน้าเป็นขณะชวนให้เจ้าหล่อนเป็นแบบคู่กับเขา
“ไม่เอาหรอกค่ะ เดี๋ยวคนอื่นเข้าใจผิด” แม้น้ำเสียงจะธรรมดา
แต่ก็ทำให้สมศักดิ์หน้าสลดลงวูบหนึ่ง แต่เสี้ยววินาทีพลังปรารถนาก็ฉายชัดขึ้นมาอีก
“อ๋อกับเอกขอบ้างนะ” คุณอรชุมาที่เกาะอยู่กับสามีเอ่ยปากออกมาบ้าง
“กลัวหวานสู้คู่นั้นไม่ได้ซิ” สมศักดิ์ว่าให้
เมื่อผลัดกันเป็นนายแบบนางแบบแล้ว มาลีก็ส่งเสียงเรียกพวกเขาขึ้นรถ“ขึ้นรถเถอะค่ะ เดี๋ยวจะสาย”
ลูกทัวร์รีบปีนขึ้นรถอย่างว่าง่าย คนขับสาวเข้าประจำที่ ติดเครื่องเดินหน้าถอยหลัง กลับรถ ก่อนจะเปลี่ยนเกียร์และเหยียบเร่งน้ำมันเพิ่มความเร็วในขณะที่รถลงจากภูเขา คนนั่งอยู่ข้างกระบะหลังต่างกระชับอ้อมแขนกับทรวงอก บ้างก็ขยับเสื้อกันหนาวหมวกไหมพรมเพื่อไม่ให้ปลิวไปกับลม ที่มาเป็นคู่ต่างก็เบียดกันแบ่งปันความอบอุ่น มาลีมองจากกระจกดูข้างหลังรถแล้วยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก
“คุณแกล้งพวกเขานี่”
“ไม่ได้แกล้ง” มาลีค้านด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“แล้วทำไมคุณคิดว่าฉันแกล้ง”
เมื่อได้ยินชื่อของผู้หญิงคนนั้น ‘รมณีย์’ มาลีรู้ทันทีว่า ขนมจีบของนายคนนี้หมดความอร่อยแล้วแน่ๆ และที่สำคัญ เธอเองก็ไม่ปรารถนา ปล่อยหัวใจให้ไปกับใครที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า เพราะแม้แต่ที่เธอรู้หัวนอนปลายเท้าดีๆ เธอยังไม่รู้ว่า ชะตาชีวิตจะพาเธอกับเขาให้ไปทิศทางใด และจะอยู่มองหน้ากันแบบไหนในอนาคต
“ก็คุณมองข้างหลังแล้วยิ้มเย้ย อาการแบบนี้มันเป็นอาการของคนเป็นต่อนี่”
“เข้าใจคิดนะคะ แต่ว่าจริงๆ ฉันคิดว่า ทุกคนที่มาอุ้มผางนี้ ต้องการอะไรและฉันก็จัดให้ตามที่เขาต้องการ ก็เท่านั้นค่ะ”
“พวกเราต้องการอะไร” เขายังคงซักถามเอาความคิด
“ต้องการอากาศหนาวๆ ต้องการอากาศบริสุทธิ์ ต้องการธรรมชาติ ถ้าฉันขับรถอ้อยอิ่ง ให้ลมโชยเบาๆ เสื้อกันหนาว หมวกไหมพรม ถุงมือ กางเกงขายาว ถุงเท้ารองเท้าผ้าใบ ก็ไม่ได้ทำหน้าที่ของมัน ซื้อมาแล้วก็จะกลายเป็นสมบัติอยู่ในพิพิธภัณฑ์เมื่อกลับถึงกรุงเทพฯ”
เมื่อฟังคำพูดของหญิงสาว ทำให้ชายหนุ่มต้องหันกลับไปมองอีกรอบ และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ วรรณาแม้ไม่ได้รักใคร่สมศักดิ์ แต่ก็ยังนั่งเบียดหาไออุ่น
ส่วนคู่รักคู่แรกที่เพิ่งแต่งงานกัน อย่างคุณจ๊ะคุณนนท์ก็โอบซบกันจนกลม
คู่คุณอ๋อคุณเอกที่ตัดสินใจอยู่กินกันก่อนแต่งงานนั้น ก็มีทีท่าไม่ต่างกัน
ส่วนสุชินนั้นกอดอกและห่อปาก เพื่อต่อสู้กับความเหน็บหนาว
ยิ่งเวลาที่สาวเจ้าเร่งรถลงจากเขามาแล้วทิ้งโค้ง เสียงกรี๊ดๆ นั้นมันปลุกจิตใจให้ตื่นเต้นมีชีวิตชีวา
“จริงอย่างที่ฉันว่าใช่ไหม”
“ครับ”
คนทั้งคู่ปล่อยให้ความเงียบเข้ามาเยือน อึดใจเขาก็ชวนคุยต่อ
“อายุเท่าไหร่”
“จำเป็นต้องบอกไหมเนี่ย” มาลีแกล้งรวนเขาเล่นๆ
“ก็แค่อยากรู้บ้าง ก็เท่านั้น ดูแล้วคงรุ่นราวคราวเดียวกันกับน้องสาวผม” น้ำเสียงของเขาเศร้าจนมาลีจับความรู้สึกได้
“สิบเก้าค่ะ เรียนจบมอหกมาได้เกือบปี”
“แล้วทำไมไม่เรียนต่อ”
เมื่อถามออกไปแล้ว เขาก็ได้ยินเสียงถอนหายใจของคนที่มีใบหน้าเกลี้ยงเกลาในกรอบผมม้ามีเส้นผมสีดำยาวเคลียบ่า หากเขาสนใจผู้หญิงคนนี้ ก็คงเป็นท่าทีที่กระฉับกระเฉง เต็มไปด้วยพลังการต่อสู้ แม้แต่อุปสรรคมากมายแค่ไหน เธอก็พร้อมที่จะฝ่ามันไปให้ได้
แล้วทำไม คนที่มีความสามารถ มีลักษณะดี พอใจแค่เป็นพนักงานรีสอร์ต หรือเธอเป็นลูกสาวเจ้าของรีสอร์ต ถ้าใช่ พ่อกับแม่ก็ไม่น่าปล่อยให้เธอต้องลำบากตื่นขึ้นมารับรถตู้ที่พวกเขานั่งมา ตั้งแต่ตีสี่ และในระหว่างเดินทางมาที่นี่ คุณวรรณาก็โทรบอกกล่าวกับเด็กมาลีเป็นระยะๆ ว่าตอนนี้ถึงตรงไหนแล้ว เป็นอันว่าระหว่างคืน หากพวกเขาไม่ได้นอน เธอเองก็แทบไม่ได้นอนเช่นกัน
“ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไม่เรียนต่อ” มาลีไม่อยากบอกความจริง ที่คิดว่าไม่มีประโยชน์อะไรกับเขา
“ยังเด็กอยู่นะ ยังมีอนาคตที่ดีกว่ารอเธออยู่ที่โลกภายนอก” พอรู้ว่า หญิงสาวนั้นอายุเท่าน้องสาว เขาจึงเปลี่ยนสรรพนามตามความรู้สึก
“คุณทำงานอะไรกันคะ ขอโทษนะ ถามได้ไหม”
ที่เธอถามเรื่องส่วนตัวไปเช่นนั้น เพราะโดยมารยาทแล้ว เธอรู้ว่าเวลาที่ลูกทัวร์คุยกันเธอจะไม่เข้าไปสอด ไม่แสดงอาการสู่รู้ นอกเสียจากว่าเขาจะเล่าสู่กันเอง แล้วเธอก็ปะติดปะต่อเรื่องของแต่ละกรุ๊ปไว้ในสมอง แล้วค่อยๆ ลบออกเมื่อรถตู้คันที่พวกเขานั่งมาลาลับสายตา
“ได้ พวกเราทั้งหมดอยู่แผนกเดียวกัน แผนกบัญชี วันๆ ก้มหน้าอยู่กับตัวเลข”
มาลีชายตามองมือเขาอีกรอบ นิ้วเรียวอย่างกับมือผู้หญิงคงได้แต่จับปากกา หญิงสาว เหลือบดูมือตัวเอง ทั้งตะหลิวเอย พายเอย พวงมาลัยเอย บางทีก็มีวิ่งไปช่วยแม่ซักผ้า, ปูที่นอน, จัดห้องถูพื้น
“นานทีหรอกที่จะได้ออกมาแบบนี้ แต่จะว่าไปนะ คุณอาจจะมีความสุขกว่าพวกผมก็ได้”
“ค่ะ คนเรามีความปรารถนาไม่มีสิ้นสุดหรอกค่ะ คนอยู่ป่าก็อยากไปอยู่เมือง คนเมืองก็อยากมาป่าเป็นครั้งเป็นคราวบ้าง”
“หรือมีแฟนแล้วจึงไม่ได้เรียนต่อ” แล้วเขาก็วกกลับมาเรื่องที่เธอยังตอบอย่างไม่ชัดเจนจนได้
“แฟน” มาลีแสร้งถอนหายใจออกมา
“แต่งงานแล้วซิ”
“ถ้ายังไม่แต่ง จะจีบหรือคะ”
“อือ” เขาหันมายิ้มให้ มาลีเห็นว่าเป็นยิ้มที่สดชื่นทีเดียว
“ฉันว่าผู้หญิงที่ชื่อวรรณาดูสนใจคุณนะคะ”
“ครับ แล้วคุณสามารถรักคนที่รักคุณได้ทุกคนหรือเปล่าล่ะ”
“ค่ะ เข้าใจ”
เมื่อเขาพูดถึงตรงนี้มาลีนึกถึงผู้ชายอีกคน ตาของเขาจะเป็นประกายแวววาวทุกครั้งที่ได้พบเธอ แม้เธอไม่เข้าไปดูแลลูกทัวร์ที่น้ำตก เขาก็จะฝากข้อความมาให้เสมอ
“เข้าใจว่าผมไม่ได้สนใจเขาใช่ไหม”
“ค่ะ”
มาลีอยากจะถามถึงคนชื่อรมณีย์ที่เพื่อนๆ ของเขาล้อเลียนเมื่อครู่นี้ แต่จำเป็นต้องล่วงรู้เรื่องส่วนตัวของเขาด้วยรึ ผู้ชาย ลูกทัวร์ สำหรับเธอ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป มีสักคนรึ ที่มาขายขนมจีบให้กับเธอแล้วเวียนกลับมาขายอีกรอบ
ระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร เป็นอุปสรรค คนสองคนกว่าจะตัดสินใจร่วมหอลงโรงกันได้นั้น มันมีมากกว่าหน้าตา ความรัก และความเข้าใจ สังคม ความเป็นไปในอนาคต กับอุปสรรคที่ยืนยาว เธออยู่ที่นี่ เธอรู้ เธอเห็น ตำรวจตระเวนชายแดน หลายคนพอใจที่จะปักหลักอยู่ที่นี่ จึงได้มองสาวๆ ที่นี่ แต่บางคนชีวิตเขามีจุดมุ่งหมายอื่น เขารักกับคนที่อื่น เขาก็จำต้องรีบทำเรื่องย้ายออกไปจากอำเภอที่ถือว่าทุรกันดาร
สำหรับเธอแล้ว ในเวลานี้ ถ้าไม่ใช่พี่อนันต์ ก็เห็นมีแต่หนุ่มหน้าตาดีคล้ายตี๋อินเทรนด์แบบเกาหลีผู้มีเชื้อสายชาวกะเหรี่ยง เจ้าหน้าที่ป่าไม้นาม ‘วิจักษ์’ เท่านั้น
//////////////////////////////////////////
รถคันที่มาลีเป็นพลขับแล่นมาถึงที่ สายน้ำใสรีสอร์ต โดยที่มาลีระงับการสนทนากับหนุ่มนามกลยุทธด้วยการเปิดเพลงจากเครื่องเล่นซีดี
บางทีการปล่อยให้มีระยะห่างระหว่างลูกทัวร์กับมัคคุเทศก์ก็ดีเหมือนกัน เธอรู้จักเขามากไป ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร เธอมีนามบัตรลูกทัวร์มากมาย บ้างก็ว่าเข้ากรุงเทพเมื่อไหร่โทรไปหานะ จะพาเที่ยวบ้าง เธอไม่รู้หรอกว่า เจตนานั้นหมายถึงอะไร ติดใจในบริการของเธอหรืออยากผูกมิตรกับผู้หญิงบ้านป่าอย่างเธอไว้ เพื่อประโยชน์อะไร
“เดี๋ยวเข้าห้อง อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อนนะคะ แล้วค่อยออกมารับประทานอาหารเช้า”
“ใส่รองเท้าผ้าใบได้ไหม” คุณวรรณาร้องถามขึ้นมาทันที
“ได้ค่ะ แต่ถ้ามีรองเท้าแตะก็ดี เผื่อเปียกน้ำ แต่จะไม่ให้เปียกก็ระวังหน่อยแล้วกัน แค่นั้นค่ะ เออ ที่ระหว่างทางล่องแก่ง จะมีน้ำพุร้อนผุดขึ้นมา บางคนเขาก็เตรียมตัวไปแช่น้ำพุร้อนเหมือนกัน สำหรับพวกคุณก็แล้วแต่ค่ะ”
“แล้วน้องจะลงแช่ด้วยหรือเปล่า” มาลียิ้มให้กับถ้อยคำแทะเล็มนั่นของหนุ่มหน้าตี๋ร่างสันทัดนามสมศักดิ์
“มาลีอะไรก็ได้ค่ะ ถ้าลูกทัวร์ต้องการให้พาแช่ ก็แช่”
“งั้นพี่จะเปลี่ยนเป็นชุดสำหรับอาบน้ำร้อนได้เลยแล้วกันนะ แต่น้องช่วยขัดหลังด้วยได้ไหม”
“ได้ค่ะ”
“ที่นี่บริการดีจริงๆ” คนพูดทำนัยน์ตาชวนฝัน
“ให้วรรณขัดให้ไหมคะคุณสมศักดิ์”
“ได้ทั้งสองคนก็ดีครับ”
“แต่เอาแปรงทองเหลืองไปขัดให้นะคะ”
“ไปๆ เข้าห้อง อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า” แล้วกลยุทธก็เป็นคนให้สลายตัว เพื่อให้เหตุการณ์ดำเนินไปตามโปรแกรมที่ไกด์สาวจัดไว้
เมื่อลูกทัวร์แยกย้ายเข้าห้องพักแล้ว มาลีก็รีบเดินไปดูเด็ก พาย เรือที่กำลังสูบลมเรือยาง “ไอ้วินยังไม่มาอีกรึ”
“ยังเลยครับ”
การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้านั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำ ที่สายน้ำใสรีสอร์ตมีเรือแพยางอยู่สามลำ วันนี้บริการกรุ๊ปของตัวเองหนึ่งลำ ที่เหลือสองลำเธอรับงานจากรีสอร์ตอื่นๆ ฝีพายที่เรียกใช้ประจำมีอยู่ 10 คน บ้างก็ติดงานในไร่ คนที่ขาดไปในวันนี้คงต้องเป็นเธอทำแทนอย่างแน่นอน
“เดี๋ยวฉันคงช่วยแกพายเองแล้วกัน”
“แล้วใครจะขับรถไปละครับ”
“เดี๋ยวให้พ่อขับไป”
พ่อในที่นี้ของมาลีหมายถึงลุงมิ่ง ข้าราชการบำนาญ เจ้าของกิจการ แต่เธอเรียกเพื่อยกย่องและให้คนอื่นได้ยกย่องตามไปด้วย
เมื่อปลดกังวลเรื่องเรือแล้ว มาลีก็เดินไปหาแม่ที่กำลังง่วนอยู่กับอาหารเช้าพร้อมกับลูกจ้างชาวพม่า
“เรียบร้อยหรือยังแม่ แล้วไอ้มารุตไปไหน”
“ออกไปแต่เช้าแล้ว ว่าจะไปต่อคิวเป็นไกด์ในถ้ำ”
มาลีถอนหายใจออกมา เมื่อไหร่ชีวิตของคนในครอบครัวเธอจะสุขสบายเสียทีนะ
“เหนื่อยไหม”
“ไม่หรอกแม่” ว่าพลางจัดถ้วยชามช้อนออกมานับและเช็ดทำความสะอาดเพราะลูกจ้างชาวพม่าทำไม่ได้ดังใจ
“แม่ พี่อนันต์กลับแม่สอดไปแล้วหรือ” มาลีเอ่ยถามถึงเรื่องที่ทำให้ใจมีกังวล
“กลับไปแล้ว” คนเป็นแม่ง่วนอยู่กับหม้อบนเตาถ่าน หาได้มองดวงหน้าที่หม่นลงของลูกสาวไม่
“ลุงกับป้าเรียกไปคุยแล้วใช่ไหม”
((ขอบคุณจากทุก ๆ กำลังใจที่จะเกิดขึ้นนะครับ..))
ปล. สำหรับ งานในนามปากา "ชอนตะวัน" จะอาร์ท ๆ หน่อยนะครับ..
เมื่อปลายปี 2542 ได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวบ้านเพื่อนแสนดีคนหนึ่งในชีวิต บ้านของเขาตั้งอยู่ที่อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นโลกกว้าง(นั่งเครื่องบินไปลงแม่สอด) ได้เห็นภูเขานับร้อยนับพันลูก ได้เห็นป่าไม้ผืนใหญ่และได้เห็นต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่มาก และได้เห็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แต่ว่าระยะเวลาในการเดินทางนั้นนานมาก ระยะทางขึ้นเขาลงเขาพันกว่าโค้งทำให้มีอาการวิงเวียนศีรษะจนทดท้อยามเมื่อนึกถึงขาออกจากเมืองเล็ก ๆ เพื่อกลับสู่เมืองใหญ่(ตอนนั้นเป็นคนกรุงเทพฯ)
แต่ว่าเมื่อได้ไปล่องแก่งแม่กลอง และเดินทางไปน้ำตกทีลอซู ก็รู้สึกว่าคุ้มค่าเสียเวลาและเสียสุขภาพเป็นอย่างยิ่งที่ได้เดินทางมาที่นี่ จนกระทั่งเกิดเป็นความประทับใจในอำเภอที่มีแหล่งท่องเที่ยวแบบไร้มลพิษ
และเมื่อปี 2543 ได้มีโอกาสเรียนเขียนบทละครกับอาจารย์ สรนันท์ ร.เอกวัฒน์ ตอนนั้นมีการส่งงานเป็นพล็อตและให้พัฒนาพล็อตเป็นเรื่องย่อเป็น บทละครในที่สุด..ครั้งนั้นกลุ้มอกกลุ้มใจเหลือแสนเพราะนึกไม่ออกว่าจะเขียนเรื่องอะไร จนกระทั่งนึกถึงอุ้มผางและทีลอซู ขึ้นมา..เล่าพล็อตเรื่องที่คิดไว้ให้เพื่อนในกลุ่มฟังคร่าว ๆ จนกระทั่งพวกเขาตั้งชื่อเรื่องแบบตัดรำคาญให้ว่า ‘ร.รักชะลาล่า’ คงจะนึกไม่ออกเลยใช่ไหมว่า แล้วเรื่องมันจะเป็นทำนองไหน?
เป็นดราม่าคอมมันดี้...สนุกล้น ๆ เว่อร์ ๆ ของสาวมาลี
ร.รักชะลาล่า เป็นพล็อตเรื่องแรกในชีวิตที่พัฒนาร้อยพันเหตุการณ์และตัวละครจนกระทั่งจบเรื่อง ในฐานะมือใหม่ยอมรับว่าดีใจมาก แต่ว่าเมื่อมันได้คะแนนมาแล้ว มันก็นอนนิ่งอยู่ในกล่องจนกระทั่งเกือบลืม..
จนกระทั่งปี 2551 ได้มีโอกาสเดินทางกลับไปที่อุ้มผางอีกครั้ง(ก่อนหน้านั้นก็ไปมาแล้วหลายครั้งในฐานะคนจัดนำเที่ยว) แต่ครั้งนี้ ในเวลาที่รอพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดดอยหัวหมด จู่ ๆ ก็นึกถึงนิยายแนว y ของตนที่ชื่อเรื่องว่า ‘อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง’ ขึ้นมา..เมื่อนึกแล้ว ก็นึกไปถึงตัวละครที่ได้สร้างและทำให้ชีวิตของพวกเขาสุขเศร้าเคล้าน้ำตาจนกระทั่งจบเรื่อง..
และจังหวะนั้น ประชาชนเป็นร้อยคน ที่เฝ้ารอพระอาทิตย์ขึ้นต่างฮือฮาอย่างกับเห็นยาทิพย์ชะโลมใจเมื่อพระอาทิตย์ดวงแดงกลมค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาจากทิวเขา โผล่มาไล่ความเหน็บหนาวที่โอบล้อมพวกเราในยามวิกาล..
โอ้ว..พระอาทิตย์ขึ้น ความหนาว กลางคืน..
แท่นแท้นนนนนน อยากให้พระอาทิตย์ขึ้นตอนแปดโมงเช้า..อะว้าว..ไม่โดน..ไม่ใช่ เพราะว่าหนาว ๆ แบบนี้ มืด ๆ แบบนี้ รอคอยสิ่งสำคัญที่สุดแบบนี้ จะเป็นอะไรไปไม่ได้เลย ถ้าไม่ใช่ ‘พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว’
เหมือนเดิมว่า ทุกครั้ง ๆ ที่คิดชื่อเรื่องนิยายได้(แบบผม) พล็อตก็จะวาบขึ้นมาด้วย วาบนั้นนึกถึงมาลีกับผองเพื่อนใน ร.รักชะลาล่า..ไหมละ คุณนันทนา วีระชน เคยบอกไว้แล้วว่า(ท่านมาเป็นวิทยากรมาบรรยายตอนที่เรียนเขียนบท) ตัวละคร หรือพล็อตที่ออกไปจากหัวสมองเราแล้ว ที่มันโลดแล่นอยู่บนกระดาษแล้ว อย่าได้นำไปทิ้งเด็ดขาด จะดีหรือไม่ดีจะผ่านตะกร้าบอกอไปสู่ถังขยะแล้ว ก็อย่าทิ้ง เพราะวันหนึ่งมันจะทำเงินให้เรา..
ดังนั้น..นางสาวมาลี แห่งอุ้มผางจึงได้กลับมาแสดงฝีมืออีกรอบ พร้อมกับประสบการณ์ที่มากขึ้นของผม จึงทำให้นิยายเรื่องนี้ยาวแต่ไม่ยืด(จริง ๆ นะ)ไม่ยืดเพราะมีตัวละครสมทบคับคั่งและมีเหตุการณ์มากมายร้อยไปเพื่อให้มาลีได้ค้นพบว่า ใครกันแน่ คือพระอาทิตย์ที่ขึ้นในคืนหนาวของเธอ และใครกันแน่เป็นพระเอกตัวจริง?
ถ้าพร้อมแล้ว ก็ลุยกับผลงานสุดซาบซึ้งตรึงใจที่ผมภูมิใจนำเสนออีกเรื่องได้เลยครับ..
หยุดก็ไปไม่ถึง
ชอนตะวัน
ณ เรือนจิตรา 11/07/54
/////////////////////////////////
1.
ปลายมกราคม 2550
“หนาว ลมแรงจังเลย”
“เมื่อไหร่จะขึ้นเสียทีนะ”
“ใจเย็นๆ ซิ แหม! จะให้ขึ้นอย่างสั่งได้อย่างไร”
กับงานมัคคุเทศก์ประจำสายน้ำใสรีสอร์ตถึงสี่ปี ทำให้มาลีได้ยินถ้อยความซ้ำๆ ซากๆ จะว่าน่าเบื่อนักก็ไม่ใช่ เพราะพวกเขาเหล่านี้ต่างเสียเงิน เสียเวลาดั้นด้นผ่านภูเขา ผ่านถนนสูงเสียดฟ้ามีโค้งซ้ายขวาถึง 1,219 โค้ง ก็เพื่อความสุขจากธรรมชาติอันพึงหาไม่ได้จากสังคมเมือง
เสียงผู้คนมากหน้าหลายตามาจากหลายที่ยังพูดคุยหยอกเย้ากันมากเรื่อง กลั้วด้วยเสียงหัวเราะ จนยอดดอยหัวหมดที่เคยเปลี่ยวเหงาตลอดวัน และเหน็บหนาวตลอดคืน มีชีวิตชีวาขึ้นมา
“เย้ พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว”
ในชั่วนาทีนั้น เสียงกล้องถ่ายรูปดังรัวรายรอบ ผู้คนวิ่งผลัดเปลี่ยนสลับกันเป็นนางแบบนายแบบประหนึ่งว่าถ้าไม่มีรูปตนเองกับพระอาทิตย์ที่กำลังโชนแสงเหนือเหลี่ยมเขาสลับซับซ้อนด้านทิศตะวันออก ก็จะไม่มีเครื่องยืนยันความมุ่งมั่นอดทนกับการเดินทางมาที่นี่ และรอคอยช่วงเสี้ยวนาทีในบรรยากาศมืดสลัวและเหน็บหนาว
ชั่วนาทีเริ่มต้นของพระอาทิตย์ดวงกลมสีแดงอมส้ม มั่นใจว่าชีวิตจะสว่างและอบอุ่น
มาลีนึกถึงชีวิตตัวเองขึ้นมาทันที ชีวิตที่ผ่านมาและกำลังจะเป็นไป คล้ายค่ำคืนที่เหน็บหนาว ใครล่ะจะเป็นพระอาทิตย์โชนแสงในยามเช้าส่องหนทางให้กับเธอ
“น้องๆ มากดชัตเตอร์ให้พวกพี่หน่อย”
เมื่อได้ยินเสียงขอร้องของลูกทัวร์ หญิงสาวผมหน้าม้าด้านหลังยาวเคลียบ่าในชุดกางเกงยีนสีซีด มีเสื้อคอเชิ้ตแขนยาวลายพรางของกรมป่าไม้สวมทับเสื้อยืดสีดำคอกว้าง เจ้าหล่อนใช้มือข้างซ้ายจับผ้าพันคอสีชมพูสดให้เข้าที่แล้วคลี่ยิ้มกว้างปรับสีหน้าให้เป็นสดชื่นเต็มใจพร้อมให้บริการ
“อ้า ดีแล้ว ยิ้มค่ะ”
มาลีมองที่มอนิเตอร์กล้องดิจิตอล พบรอยยิ้มที่เห็นฟันเรียงเป็นระเบียบของหนุ่มหน้าขาวผมยาวตัดรองทรงสุภาพ เธออดละสายตามองเจ้าของฟันขาวผิวหน้าสะอาด และดวงตาเข้มด้วยขนตาดำเป็นแพนั่นไม่ได้…คนบางคน มีเสน่ห์โดยที่ยังไม่ได้ขยับทำอะไรเลย
“ขออีกทีนะน้อง”
มาลีพยายามนึกถึงกระดาษแฟกซ์รายชื่อจากคุณวรรณาเพื่อทำประกันระหว่างการเดิน ใครเป็นใครกันบ้าง
เท่าที่นึกออกก็มี คุณอานนท์ จริญญา อรชุมา วรรณา สมศักดิ์ สุชิน แล้วใครอีกนะ เอกชัย และ
เขาคนนั้นคือผู้ชายชื่อแปลกๆ กลยุทธ
“ไอ้ทะลึ่ง ต้องบอกว่ากดชัตเตอร์ให้พี่อีกสักรูป”
ไม่พูดเปล่า คุณสุชินหนุ่มวัยทำงานร่างสูงหน้าตาไทยแท้ถือโอกาสใช้ฝ่ามือปัดไปที่หมวกไหมพรมสีขาวที่
คลุมกันหนาวอยู่ของคุณสมศักดิ์ หนุ่มหน้าจีนร่างสันทัดเป็นเชิงหยอกล้อ มาลีไม่คิดถือสา การถูกลูกทัวร์ ลูกค้าหนุ่มๆ แทะโลมนั้น หล่อนชาชิน ผู้ชายถ้าไม่หมั่นขายขนมจีบ ก็คงไม่ใช่ผู้ชายเต็มตัว
“อีกที เฮ้ย อีกรูปนะคะ”
ทำนองสองแง่สองง่าม มันต้องมีบ้าง เพื่อสร้างความเฮฮา ให้มีใบหน้ากลั้วด้วยรอยยิ้ม การท่องเที่ยวเพียงอย่างมาก 3 วัน 2 คืน และอย่างน้อย 2 วัน 1 คืนในอำเภออุ้มผางนี้ เธอมีหน้าที่สร้างความสุข ความสะดวก และความปลอดภัย
“หนึ่ง สอง สาม ยิ้ม ชีสสสสส”
นอกจากรอยยิ้มสยามของคนอื่นๆ แล้ว ดวงตาคู่นั้นของเขาที่มองมายังโฟกัสของกล้องนั้น แม้ไม่ได้กล่าววาจาใดๆ แต่มันก็ทำให้จิตใจของสาวน้อยวัยสิบเก้าที่อยู่หลังเลนส์สั่นไหว ภาษาดวงตามันมีมากกว่าหมื่นคำอธิบาย และเมื่อปล่อยให้ใจอธิบายแล้ว บางทีอาจจะมีคิดเลยเถิด
//////////////////
เมื่อพระอาทิตย์โผล่พ้นจากทิวเขาทางทิศตะวันออกสาดแสงจ้า ผู้คนที่เบียดเสียดกันบนยอดดอยแคบๆ ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำทะเลเพียง 971 เมตร ต่างทยอยเดินลงไปยังพาหนะที่ใช้เดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ แล้วภาพเล็กๆ ที่ทำให้จิตใจมาลีสั่นไหวแทบทุกครั้งก็จะเกิดขึ้น
เธอพอใจเหลือเกินที่จะยืนมอง การจับจูง เกาะเกี่ยวกันเดินลงจากเนินสูงด้วยท่าทีห่วงใยเอาใจใส่ของคู่หนุ่มสาว เคยปรารถนาว่าสักวัน ก้าวย่างของเธอบนทางขรุขระนั้น จะมีใครสักคนช่วยประคับประคองให้เธอก้าวเดินไปด้วยความอุ่นใจขึ้นมาบ้าง
กรุ๊ปของเธอในวันนี้ ซื้อทัวร์ผ่านทางโทรศัพท์ โดยได้ข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตที่พี่อนันต์กับกลุ่มเพื่อนร่วมสถาบันทำขึ้นมา
กรุ๊ปเล็กๆ เพียง 8 คน มีขอห้องเตียงเดียว 2 คู่ ส่วนอีก 4 คนนั้นเป็นหญิง 1 ชาย 3 เมื่อทั้งหมดขอนอนห้องเดียวกันก็แสดงว่า ทุกคนต่างเป็นโสด แม้แต่เจ้าของตาคิ้วเข้มคนนั้น
“คนแน่นแบบนี้ทุกวันไหม”
เพื่อนของเขา 7 คนเดินลงจากยอดดอยไปแล้ว แต่คุณกลยุทธยังคงอ้อยอิ่งส่งมือขาวอมชมพูดูสะอาดให้เธอจับ มาลียิ้มให้ อยากปฏิเสธตามแบบผู้หญิงที่ควรถนอมเนื้อตัว แต่มันเป็นการแสดงสัมพันธ์อันอบอุ่นระหว่างลูกค้าและผู้ให้บริการ
“ที่นี่จะมีคนก็แค่เฉพาะเสาร์อาทิตย์เท่านั้นแหละค่ะ วันธรรมดา ก็จะมีคนหลงมาน้อยมาก”
“อย่างพวกผมนี่ว่าหลงมาหรือเปล่า” คนพูดไม่แค่พูดและเดินมองไปข้างหน้า แต่สายตาของเขานั้นยังระเรี่ยอยู่ที่วงหน้าเรียวได้รูปในกรอบผมสีดำเส้นตรงหน้าม้าของมาลี
“อย่างพวกคุณนี่ถือว่า ตั้งใจมา และตั้งใจให้ทางรีสอร์ตได้รับใช้ด้วยค่ะ”
“ครับ คงเป็นลิขิตให้ได้มาเจอะกับน้อง รู้ไหมคุณวรรณา เค้าเข้าเว็บมากมายหลายที่ โทรไปถามราคา ต่อรองแล้วต่อรองอีก จนกระทั่งมาสะดุดที่น้องนี่แหละ”
“ทางเราคุยกันง่ายๆ ค่ะ ธุรกิจครอบครัว ถ้าพอได้ ไม่ตัดราคาพวกพ้องมากไป จัดให้ได้เราก็จัด ได้กำไรน้อยก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย”
พูดพลางเดินเคียงคู่ปรายตามองคู่สนทนาบ้าง
“เก่งนะ ขับรถเองได้ด้วย”
มาลีไม่รู้ว่าเป็นคำชม หรือแค่หาเรื่องชวนคุย เพื่อเปิดใจ
“เฮ้ย ไอ้ยุทธ ไอ้ยุทธ มึงก็รู้นี่ว่า กู เจอะน้องเขาก่อน”
สำนวนของคุณสุชินบอกให้รู้เป็นนัยยะว่าพฤติกรรมของพวกเขาคือต้องการ ‘สี’ ประมาณว่าใครดีกว่าก็จะได้
“กูเจอะก่อน” คนชื่อสมศักดิ์หยอกกลับมาบ้าง
มาลียิ้ม ๆ และครุ่นคิดว่า ถ้าเธอใจง่ายๆ กับผู้ชายทุกๆ คน วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
คิดสอนตัวเองไว้ว่า บางครั้งคนเหล่านี้ต้องการแค่รู้สึกว่ามีใครสักคนติดบ่วงเสน่ห์ของตนแค่เพียงชั่วคราว ให้มีเรื่องไปกล่าวถึงในวงสังคมของตนและนายกลยุทธ วงศ์พระจันทร์ คนนี้อาจจะเป็นประมาณนั้นก็ได้ ไม่งั้นคงไม่หลุดประโยคนี้ออกมา “เจอะก่อนแล้วไง”
มาลีอยากจะดีใจกับถ้อยคำนั้น แต่มาคิดได้ว่าใบหน้าหล่อเหล่านี้น่าจะเป็นอาวุธคร่าหัวใจผู้หญิงมาเชยชมเล่นๆ มากกว่าจริงจัง คิดได้ดังนั้นเกราะคุ้มครองป้องกันใจก็รีบกลับมาทำหน้าที่ เธอปฏิบัติงานอยู่ตรงนี้ ได้พบได้คุยกับผู้ชายหน้าตาดีๆ ดูมีชาติตระกูลและการศึกษามามากมาย
เป็นธรรมดาของผู้หญิงที่พร้อมหวั่นไหวกับรูปโฉมโนมพรรรณ ‘เปลือก’ ที่จะพาเธอลอยเป็นสู่สรวงสวรรค์ ดีแต่ที่เธอ ‘ตระหนัก’ ว่าตัวเองเป็นใคร และผู้คนที่ผ่านเข้ามา กับเวลาที่เดินผ่านไปแล้ว ทำให้เธอรู้ว่า แม่ซินเดอเรลล่า คงเป็นแม่กะลาก้นครัวที่โชคดีเพียงคนเดียวและคนสุดท้ายของโลก
ไม่มีอะไรได้มาโดยไม่มีการลงทุน เธอมีแรง เธอมีความสามารถ เธอจึงได้ทำงานชิ้นนี้ แม้มันไม่ได้ยิ่งใหญ่ แต่ทั้งอุ้มผาง ไม่มีใครไม่รู้จัก ‘มาลี’ แห่งสายน้ำใสรีสอร์ต
เธอขับรถเป็น พายเรือยางได้ บรรยายถึงธรรมชาติระหว่างทางเป็นเรื่องเป็นราว ชักชวนลูกทัวร์พูดคุยให้สนุกสนาน ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และหากวันใด งานในครัวยุ่งเหลือเกิน เธอก็พร้อมลุยเพื่อให้มีอาหารออกไปรับหน้าทันเวลาและอร่อยอย่างที่คนเมืองคุ้นลิ้น หรือเวลาลูกค้าโทรมาเช็กราคา ถ้าเธอเจรจาต่อรองผลประโยชน์ทางธุรกิจ รายไหนรายนั้น ถ้าได้โทรมาที่สายน้ำใสรีสอร์ตก่อน เป็นอันว่าก็จะหยุดอยู่ที่นี่ทันที เมื่อนับข้อดีในตัวมาลีได้มากมาย จึงมีที่อื่นพร้อมให้ค่าตัวเธอมากกว่าอยู่ที่นี่
แต่ชีวิตมี ‘แต่’ สำหรับเธอเสมอเพราะลุงกับป้าญาติห่างๆ ของพ่อ คือผู้ที่มีบุญคุณที่สุดในครอบครัวเธอ
//////////////////////////
“ขึ้นรถๆ”
เมื่อสิ้นเสียงเจ้ากี้เจ้าการของคุณสุชิน สมาชิกอีก 6 คน ต่างกุลีกุจอปีนป่ายขึ้นกระบะท้ายที่ต่อคอกทำที่นั่งเป็นเบาะสองแถวมีหลังคากันแดด แต่สำหรับคุณกลยุทธเดินไปเปิดประตูด้านหน้าเข้าไปนั่งอย่างหน้าตาเฉย
คนที่อยู่ท้ายรถคงรู้ว่า ทำไมอภิสิทธิ์พิเศษนั้นทุกคนจึงได้พร้อมใจกันยกให้ แต่สำหรับมาลี เธอกลับคิดเป็นอีกทาง
‘สงสัยจะต้องได้กินขนมจีบตลอดยี่สิบกิโลเมตรนี้เป็นแน่’
“เฮ้ย ไอ้ยุทธ กูจะฟ้องคุณรมณีย์”
ชายหนุ่มที่กำลังปิดประตูไม่พูดอะไร เพียงแต่หัวเราะแห้งๆ ยักไหล่อย่างไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดนั้น เมื่อมาลีปิดประตู ติดเครื่องยนต์และเปิดแอร์คอนดิชั่น หญิงสาวจึงไม่ได้ยินถ้อยคำอะไรจากด้านหลังที่ตะโกนถามมา
“ไปไหนต่อคร้าบคุณมาลี”
“กลับที่พัก เข้าห้องน้ำ เปลี่ยนเสื้อเป็นชุดสำหรับล่องแก่ง เล่นน้ำได้ และก็ออกมา รับประทานอาหารเช้า ราวๆ สามโมงเช้าค่ะ เราจะไปล่องแก่งกัน” มาลีตะโกนตอบไป
“แล้วข้าวกลางวัน” เขาที่นั่งอยู่ด้านหน้าด้วยกันยังซักถาม ในขณะที่มาลีค่อยๆ ประคองรถให้พ้นแนวป่าออกสู่ถนนลาดยาง หญิงสาวไม่ได้ชักสีหน้าว่าอย่ากวนใจ เธอหันมาพูดคุยด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มเช่นเคย
“บนเรือยางค่ะ เราจะห่อไปให้เป็นข้าวกล่อง อาจจะธรรมดาๆ แต่รับรองว่าตอนเย็นเรามีเมนูเด็ดๆ ให้ได้ลิ้มลอง”
เมื่อรถขึ้นจากถนนดินฝุ่นสู่ถนนลาดยางดอกไม้สีขาวพราวอยู่บนต้นไม้สูงที่ต้องแสงพระอาทิตย์ยามเช้าอทำให้คนนั่งอยู่ด้านข้างถึงกับร้องถามออกมาอีก
“ดอกอะไร” สายตาของเขาเป็นประกายแห่งความสุข
“ดอกเสี้ยว” มาลีตอบพลางบังคับรถให้เลี้ยวซ้าย
“จะไปไหน”
“พิเศษ ช่วงปลายมกราคมดอกเสี้ยวบานพอดีค่ะ เดี๋ยวจะพาไปถ่ายรูป ตรงจุดที่สวยที่สุด”
รถยนต์คันที่มาลีขับแล่นมาได้สักสามร้อยเมตรก็ชะลอหยุดรถ เมื่อเห็นว่าที่ตรงสายตาของตัวเองนั้น มีดอกไม้สีขาวปกคลุมอยู่บนต้นไม้ข้างถนนไล่ไปเกือบทั้งภูเขา คนที่อยู่ด้านหลังกรี๊ดกร๊าดกันทันที
แล้วภาพที่พวกเขาต่างกระโดดโลดเต้นเป็นนายแบบนางแบบ แล้วไหว้วานให้มาลีกดชัตเตอร์ก็ทำให้มาลียิ้มค้าง พวกเขาเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกัน ส่วนมาลีคนนี้เหมือนคนไร้ญาติขาดมิตร เพื่อนที่มีอยู่ก็เพียงน้อยนิด เมื่อโตขึ้นบางครั้งเธอรู้สึกว่า พูดกับเพื่อนไม่รู้เรื่องเหมือนตอนเป็นเด็กๆ
“มานี่เลยคุณจ๊ะ คุณนนท์ ผมจะถ่ายรูปให้”
กลยุทธร้องบอกกับคู่สามีภรรยา ก่อนจะเดินกลับมารับกล้องจากมือมาลีด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
“ขอบใจ ครับ”
“ไม่เป็นไร” มาลีรีบเบี่ยงสายตาหลบอย่างไม่ได้นึกอะไร
เขาหันหลังกลับไป พร้อมกับไล่คนอื่นๆ ให้พ้นจากพุ่มไม้ดอกสีขาวริมถนน
“หันหน้าเข้าหากันแล้วก็โอบกอดกันนิด”
นายแบบกับนางแบบก็เป็นใจเหลือกิน แล้วเสียง ‘อ๊ายๆ’ แสดงความขวยเขินก็ดังมาจากคุณวรรณา สาวหน้าหมวย บ่งบอกเชื้อชาติ
“น่าอิจฉาจังเลย” วรรณาว่าพลางยกมือกุมไว้ด้วยกันตรงหน้าอก
“กับผมก็ได้นี่คุณวรรณ” คุณสมศักดิ์หน้าเป็นขณะชวนให้เจ้าหล่อนเป็นแบบคู่กับเขา
“ไม่เอาหรอกค่ะ เดี๋ยวคนอื่นเข้าใจผิด” แม้น้ำเสียงจะธรรมดา
แต่ก็ทำให้สมศักดิ์หน้าสลดลงวูบหนึ่ง แต่เสี้ยววินาทีพลังปรารถนาก็ฉายชัดขึ้นมาอีก
“อ๋อกับเอกขอบ้างนะ” คุณอรชุมาที่เกาะอยู่กับสามีเอ่ยปากออกมาบ้าง
“กลัวหวานสู้คู่นั้นไม่ได้ซิ” สมศักดิ์ว่าให้
เมื่อผลัดกันเป็นนายแบบนางแบบแล้ว มาลีก็ส่งเสียงเรียกพวกเขาขึ้นรถ“ขึ้นรถเถอะค่ะ เดี๋ยวจะสาย”
ลูกทัวร์รีบปีนขึ้นรถอย่างว่าง่าย คนขับสาวเข้าประจำที่ ติดเครื่องเดินหน้าถอยหลัง กลับรถ ก่อนจะเปลี่ยนเกียร์และเหยียบเร่งน้ำมันเพิ่มความเร็วในขณะที่รถลงจากภูเขา คนนั่งอยู่ข้างกระบะหลังต่างกระชับอ้อมแขนกับทรวงอก บ้างก็ขยับเสื้อกันหนาวหมวกไหมพรมเพื่อไม่ให้ปลิวไปกับลม ที่มาเป็นคู่ต่างก็เบียดกันแบ่งปันความอบอุ่น มาลีมองจากกระจกดูข้างหลังรถแล้วยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก
“คุณแกล้งพวกเขานี่”
“ไม่ได้แกล้ง” มาลีค้านด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“แล้วทำไมคุณคิดว่าฉันแกล้ง”
เมื่อได้ยินชื่อของผู้หญิงคนนั้น ‘รมณีย์’ มาลีรู้ทันทีว่า ขนมจีบของนายคนนี้หมดความอร่อยแล้วแน่ๆ และที่สำคัญ เธอเองก็ไม่ปรารถนา ปล่อยหัวใจให้ไปกับใครที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า เพราะแม้แต่ที่เธอรู้หัวนอนปลายเท้าดีๆ เธอยังไม่รู้ว่า ชะตาชีวิตจะพาเธอกับเขาให้ไปทิศทางใด และจะอยู่มองหน้ากันแบบไหนในอนาคต
“ก็คุณมองข้างหลังแล้วยิ้มเย้ย อาการแบบนี้มันเป็นอาการของคนเป็นต่อนี่”
“เข้าใจคิดนะคะ แต่ว่าจริงๆ ฉันคิดว่า ทุกคนที่มาอุ้มผางนี้ ต้องการอะไรและฉันก็จัดให้ตามที่เขาต้องการ ก็เท่านั้นค่ะ”
“พวกเราต้องการอะไร” เขายังคงซักถามเอาความคิด
“ต้องการอากาศหนาวๆ ต้องการอากาศบริสุทธิ์ ต้องการธรรมชาติ ถ้าฉันขับรถอ้อยอิ่ง ให้ลมโชยเบาๆ เสื้อกันหนาว หมวกไหมพรม ถุงมือ กางเกงขายาว ถุงเท้ารองเท้าผ้าใบ ก็ไม่ได้ทำหน้าที่ของมัน ซื้อมาแล้วก็จะกลายเป็นสมบัติอยู่ในพิพิธภัณฑ์เมื่อกลับถึงกรุงเทพฯ”
เมื่อฟังคำพูดของหญิงสาว ทำให้ชายหนุ่มต้องหันกลับไปมองอีกรอบ และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ วรรณาแม้ไม่ได้รักใคร่สมศักดิ์ แต่ก็ยังนั่งเบียดหาไออุ่น
ส่วนคู่รักคู่แรกที่เพิ่งแต่งงานกัน อย่างคุณจ๊ะคุณนนท์ก็โอบซบกันจนกลม
คู่คุณอ๋อคุณเอกที่ตัดสินใจอยู่กินกันก่อนแต่งงานนั้น ก็มีทีท่าไม่ต่างกัน
ส่วนสุชินนั้นกอดอกและห่อปาก เพื่อต่อสู้กับความเหน็บหนาว
ยิ่งเวลาที่สาวเจ้าเร่งรถลงจากเขามาแล้วทิ้งโค้ง เสียงกรี๊ดๆ นั้นมันปลุกจิตใจให้ตื่นเต้นมีชีวิตชีวา
“จริงอย่างที่ฉันว่าใช่ไหม”
“ครับ”
คนทั้งคู่ปล่อยให้ความเงียบเข้ามาเยือน อึดใจเขาก็ชวนคุยต่อ
“อายุเท่าไหร่”
“จำเป็นต้องบอกไหมเนี่ย” มาลีแกล้งรวนเขาเล่นๆ
“ก็แค่อยากรู้บ้าง ก็เท่านั้น ดูแล้วคงรุ่นราวคราวเดียวกันกับน้องสาวผม” น้ำเสียงของเขาเศร้าจนมาลีจับความรู้สึกได้
“สิบเก้าค่ะ เรียนจบมอหกมาได้เกือบปี”
“แล้วทำไมไม่เรียนต่อ”
เมื่อถามออกไปแล้ว เขาก็ได้ยินเสียงถอนหายใจของคนที่มีใบหน้าเกลี้ยงเกลาในกรอบผมม้ามีเส้นผมสีดำยาวเคลียบ่า หากเขาสนใจผู้หญิงคนนี้ ก็คงเป็นท่าทีที่กระฉับกระเฉง เต็มไปด้วยพลังการต่อสู้ แม้แต่อุปสรรคมากมายแค่ไหน เธอก็พร้อมที่จะฝ่ามันไปให้ได้
แล้วทำไม คนที่มีความสามารถ มีลักษณะดี พอใจแค่เป็นพนักงานรีสอร์ต หรือเธอเป็นลูกสาวเจ้าของรีสอร์ต ถ้าใช่ พ่อกับแม่ก็ไม่น่าปล่อยให้เธอต้องลำบากตื่นขึ้นมารับรถตู้ที่พวกเขานั่งมา ตั้งแต่ตีสี่ และในระหว่างเดินทางมาที่นี่ คุณวรรณาก็โทรบอกกล่าวกับเด็กมาลีเป็นระยะๆ ว่าตอนนี้ถึงตรงไหนแล้ว เป็นอันว่าระหว่างคืน หากพวกเขาไม่ได้นอน เธอเองก็แทบไม่ได้นอนเช่นกัน
“ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไม่เรียนต่อ” มาลีไม่อยากบอกความจริง ที่คิดว่าไม่มีประโยชน์อะไรกับเขา
“ยังเด็กอยู่นะ ยังมีอนาคตที่ดีกว่ารอเธออยู่ที่โลกภายนอก” พอรู้ว่า หญิงสาวนั้นอายุเท่าน้องสาว เขาจึงเปลี่ยนสรรพนามตามความรู้สึก
“คุณทำงานอะไรกันคะ ขอโทษนะ ถามได้ไหม”
ที่เธอถามเรื่องส่วนตัวไปเช่นนั้น เพราะโดยมารยาทแล้ว เธอรู้ว่าเวลาที่ลูกทัวร์คุยกันเธอจะไม่เข้าไปสอด ไม่แสดงอาการสู่รู้ นอกเสียจากว่าเขาจะเล่าสู่กันเอง แล้วเธอก็ปะติดปะต่อเรื่องของแต่ละกรุ๊ปไว้ในสมอง แล้วค่อยๆ ลบออกเมื่อรถตู้คันที่พวกเขานั่งมาลาลับสายตา
“ได้ พวกเราทั้งหมดอยู่แผนกเดียวกัน แผนกบัญชี วันๆ ก้มหน้าอยู่กับตัวเลข”
มาลีชายตามองมือเขาอีกรอบ นิ้วเรียวอย่างกับมือผู้หญิงคงได้แต่จับปากกา หญิงสาว เหลือบดูมือตัวเอง ทั้งตะหลิวเอย พายเอย พวงมาลัยเอย บางทีก็มีวิ่งไปช่วยแม่ซักผ้า, ปูที่นอน, จัดห้องถูพื้น
“นานทีหรอกที่จะได้ออกมาแบบนี้ แต่จะว่าไปนะ คุณอาจจะมีความสุขกว่าพวกผมก็ได้”
“ค่ะ คนเรามีความปรารถนาไม่มีสิ้นสุดหรอกค่ะ คนอยู่ป่าก็อยากไปอยู่เมือง คนเมืองก็อยากมาป่าเป็นครั้งเป็นคราวบ้าง”
“หรือมีแฟนแล้วจึงไม่ได้เรียนต่อ” แล้วเขาก็วกกลับมาเรื่องที่เธอยังตอบอย่างไม่ชัดเจนจนได้
“แฟน” มาลีแสร้งถอนหายใจออกมา
“แต่งงานแล้วซิ”
“ถ้ายังไม่แต่ง จะจีบหรือคะ”
“อือ” เขาหันมายิ้มให้ มาลีเห็นว่าเป็นยิ้มที่สดชื่นทีเดียว
“ฉันว่าผู้หญิงที่ชื่อวรรณาดูสนใจคุณนะคะ”
“ครับ แล้วคุณสามารถรักคนที่รักคุณได้ทุกคนหรือเปล่าล่ะ”
“ค่ะ เข้าใจ”
เมื่อเขาพูดถึงตรงนี้มาลีนึกถึงผู้ชายอีกคน ตาของเขาจะเป็นประกายแวววาวทุกครั้งที่ได้พบเธอ แม้เธอไม่เข้าไปดูแลลูกทัวร์ที่น้ำตก เขาก็จะฝากข้อความมาให้เสมอ
“เข้าใจว่าผมไม่ได้สนใจเขาใช่ไหม”
“ค่ะ”
มาลีอยากจะถามถึงคนชื่อรมณีย์ที่เพื่อนๆ ของเขาล้อเลียนเมื่อครู่นี้ แต่จำเป็นต้องล่วงรู้เรื่องส่วนตัวของเขาด้วยรึ ผู้ชาย ลูกทัวร์ สำหรับเธอ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป มีสักคนรึ ที่มาขายขนมจีบให้กับเธอแล้วเวียนกลับมาขายอีกรอบ
ระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร เป็นอุปสรรค คนสองคนกว่าจะตัดสินใจร่วมหอลงโรงกันได้นั้น มันมีมากกว่าหน้าตา ความรัก และความเข้าใจ สังคม ความเป็นไปในอนาคต กับอุปสรรคที่ยืนยาว เธออยู่ที่นี่ เธอรู้ เธอเห็น ตำรวจตระเวนชายแดน หลายคนพอใจที่จะปักหลักอยู่ที่นี่ จึงได้มองสาวๆ ที่นี่ แต่บางคนชีวิตเขามีจุดมุ่งหมายอื่น เขารักกับคนที่อื่น เขาก็จำต้องรีบทำเรื่องย้ายออกไปจากอำเภอที่ถือว่าทุรกันดาร
สำหรับเธอแล้ว ในเวลานี้ ถ้าไม่ใช่พี่อนันต์ ก็เห็นมีแต่หนุ่มหน้าตาดีคล้ายตี๋อินเทรนด์แบบเกาหลีผู้มีเชื้อสายชาวกะเหรี่ยง เจ้าหน้าที่ป่าไม้นาม ‘วิจักษ์’ เท่านั้น
//////////////////////////////////////////
รถคันที่มาลีเป็นพลขับแล่นมาถึงที่ สายน้ำใสรีสอร์ต โดยที่มาลีระงับการสนทนากับหนุ่มนามกลยุทธด้วยการเปิดเพลงจากเครื่องเล่นซีดี
บางทีการปล่อยให้มีระยะห่างระหว่างลูกทัวร์กับมัคคุเทศก์ก็ดีเหมือนกัน เธอรู้จักเขามากไป ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร เธอมีนามบัตรลูกทัวร์มากมาย บ้างก็ว่าเข้ากรุงเทพเมื่อไหร่โทรไปหานะ จะพาเที่ยวบ้าง เธอไม่รู้หรอกว่า เจตนานั้นหมายถึงอะไร ติดใจในบริการของเธอหรืออยากผูกมิตรกับผู้หญิงบ้านป่าอย่างเธอไว้ เพื่อประโยชน์อะไร
“เดี๋ยวเข้าห้อง อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อนนะคะ แล้วค่อยออกมารับประทานอาหารเช้า”
“ใส่รองเท้าผ้าใบได้ไหม” คุณวรรณาร้องถามขึ้นมาทันที
“ได้ค่ะ แต่ถ้ามีรองเท้าแตะก็ดี เผื่อเปียกน้ำ แต่จะไม่ให้เปียกก็ระวังหน่อยแล้วกัน แค่นั้นค่ะ เออ ที่ระหว่างทางล่องแก่ง จะมีน้ำพุร้อนผุดขึ้นมา บางคนเขาก็เตรียมตัวไปแช่น้ำพุร้อนเหมือนกัน สำหรับพวกคุณก็แล้วแต่ค่ะ”
“แล้วน้องจะลงแช่ด้วยหรือเปล่า” มาลียิ้มให้กับถ้อยคำแทะเล็มนั่นของหนุ่มหน้าตี๋ร่างสันทัดนามสมศักดิ์
“มาลีอะไรก็ได้ค่ะ ถ้าลูกทัวร์ต้องการให้พาแช่ ก็แช่”
“งั้นพี่จะเปลี่ยนเป็นชุดสำหรับอาบน้ำร้อนได้เลยแล้วกันนะ แต่น้องช่วยขัดหลังด้วยได้ไหม”
“ได้ค่ะ”
“ที่นี่บริการดีจริงๆ” คนพูดทำนัยน์ตาชวนฝัน
“ให้วรรณขัดให้ไหมคะคุณสมศักดิ์”
“ได้ทั้งสองคนก็ดีครับ”
“แต่เอาแปรงทองเหลืองไปขัดให้นะคะ”
“ไปๆ เข้าห้อง อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า” แล้วกลยุทธก็เป็นคนให้สลายตัว เพื่อให้เหตุการณ์ดำเนินไปตามโปรแกรมที่ไกด์สาวจัดไว้
เมื่อลูกทัวร์แยกย้ายเข้าห้องพักแล้ว มาลีก็รีบเดินไปดูเด็ก พาย เรือที่กำลังสูบลมเรือยาง “ไอ้วินยังไม่มาอีกรึ”
“ยังเลยครับ”
การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้านั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำ ที่สายน้ำใสรีสอร์ตมีเรือแพยางอยู่สามลำ วันนี้บริการกรุ๊ปของตัวเองหนึ่งลำ ที่เหลือสองลำเธอรับงานจากรีสอร์ตอื่นๆ ฝีพายที่เรียกใช้ประจำมีอยู่ 10 คน บ้างก็ติดงานในไร่ คนที่ขาดไปในวันนี้คงต้องเป็นเธอทำแทนอย่างแน่นอน
“เดี๋ยวฉันคงช่วยแกพายเองแล้วกัน”
“แล้วใครจะขับรถไปละครับ”
“เดี๋ยวให้พ่อขับไป”
พ่อในที่นี้ของมาลีหมายถึงลุงมิ่ง ข้าราชการบำนาญ เจ้าของกิจการ แต่เธอเรียกเพื่อยกย่องและให้คนอื่นได้ยกย่องตามไปด้วย
เมื่อปลดกังวลเรื่องเรือแล้ว มาลีก็เดินไปหาแม่ที่กำลังง่วนอยู่กับอาหารเช้าพร้อมกับลูกจ้างชาวพม่า
“เรียบร้อยหรือยังแม่ แล้วไอ้มารุตไปไหน”
“ออกไปแต่เช้าแล้ว ว่าจะไปต่อคิวเป็นไกด์ในถ้ำ”
มาลีถอนหายใจออกมา เมื่อไหร่ชีวิตของคนในครอบครัวเธอจะสุขสบายเสียทีนะ
“เหนื่อยไหม”
“ไม่หรอกแม่” ว่าพลางจัดถ้วยชามช้อนออกมานับและเช็ดทำความสะอาดเพราะลูกจ้างชาวพม่าทำไม่ได้ดังใจ
“แม่ พี่อนันต์กลับแม่สอดไปแล้วหรือ” มาลีเอ่ยถามถึงเรื่องที่ทำให้ใจมีกังวล
“กลับไปแล้ว” คนเป็นแม่ง่วนอยู่กับหม้อบนเตาถ่าน หาได้มองดวงหน้าที่หม่นลงของลูกสาวไม่
“ลุงกับป้าเรียกไปคุยแล้วใช่ไหม”
((ขอบคุณจากทุก ๆ กำลังใจที่จะเกิดขึ้นนะครับ..))
ปล. สำหรับ งานในนามปากา "ชอนตะวัน" จะอาร์ท ๆ หน่อยนะครับ..

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 พ.ย. 2554, 15:02:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 พ.ย. 2554, 15:02:32 น.
จำนวนการเข้าชม : 2422
2.ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ >> |

จุฬามณีเฟื่องนคร 8 พ.ย. 2554, 15:03:59 น.
เรื่องนี้เคยโพสต์ที่นี่นานแล้วครับ ตอนนี้รีไรท์ แล้วก็ กำลังเสนอสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งอยู่..ถ้าไม่ได้ ก็คง ทำแบบปริ้นออนดีมานด์ ต้นปีหน้านะครับ..
เรื่องนี้เคยโพสต์ที่นี่นานแล้วครับ ตอนนี้รีไรท์ แล้วก็ กำลังเสนอสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งอยู่..ถ้าไม่ได้ ก็คง ทำแบบปริ้นออนดีมานด์ ต้นปีหน้านะครับ..

แว่นใส 8 พ.ย. 2554, 17:42:33 น.
น่าติดตามเหมือนกันนะ
น่าติดตามเหมือนกันนะ


minafiba 8 พ.ย. 2554, 21:49:47 น.
^_^
^_^