พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว # จุฬามณี (ลิขสิทธิ์ สนพ.มายดรีม)
เรื่องย่อ พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว

เป็นเรื่องราว ของ มาลี สาวน้อยวัย 20 ปี ลูกกำพร้าพ่อซึ่งเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง มาลี กับแม่และน้องชาย มารุต อาศัอยู่กับญาติห่าง ๆ ข้างพ่อ ซึ่งทำรีสอร์ตและการท่องเที่ยงท้องถิ่นอยู่ที่อุ้มผาง..

วันหนึ่ง กลยุทธและคณะไปเที่ยวล่องแก่งน้ำตกทีลอซู แล้ว เขาชอบมาลีจึงสานความสัมพันธ์ ส่วนมาลีนั้น เจอลูกทัวร์จีบจนชาชิน แต่กลยุทธก็ทำให้มาลีหวั่นใจอยู่ไม่น้อย..

หลังจากคณะของกลยุทธกลับไป..ทางป้า ก็บีบบังคับให้มาลีไปเรียนต่อกรุงเทพฯ พักอยู่กับนันทาลูกสาว เพราะว่าต้องการให้อนันต์ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับคนที่รวยกว่า..

มาลีมาอยู่กรุงเทพฯ โดยที่ชัชชัย เพื่อนของนันทา ซึ่งเคยไปหาข้อมูลเขียนหนังสือมารับที่แม่สอด(ชัชชัยอ้างว่ามาธุระแถวนั้นพอดี)..มาลีกับชัชชัยนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมา เพราะตอนที่ชัชชัยมาอยู่อุ้มผางเพื่อหาข้อมูลเขียนสารคดี ตามคำแนะนำของ นันทา (ชัชชัยเป็นเพื่อนกับนันทา) มาลีแกล้งชัชชัยเพราะว่าไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาวกับปากไม่ค่อยดี..

ที่บ้านทาวเฮ้าส์ของนันทานั้นอยู่หมู่บ้านเดียวกับกลยุทธที่มีน้องสาวชื่อกุลกัญญา และช่วงที่ยังไม่ได้เข้าเรียน ต่อที่รามคำแหงมาลีก็ได้คำแนะนำจากศรีวรรณเพื่อนข้างบ้านของนันทาให้ให้ไปทำงานฆ่าเวลาเป็นแม่บ้านบนตึกสูงกลางเมือง มาลีที่อยู่กับนันทาแบบคนใช้ (นันทากดไว้เพราะมาลีมาด้วยทุนของแม่) ที่คิดเบื่อบ้านจึงไปทำงานตามคำแนะนำของศรีวรรณ

และบนตึกสูงนั้น มาลีก็ได้รู้ว่าเธอทำงานในตำแหน่งแม่บ้านซึ่งมีกลยุทธทำงานที่นั่นด้วย และมาลีก็ได้รู้จักสังคมรอบ ๆ ตัวของกลยุทธมากขึ้น มาลีรู้ว่ากลยุทธเป็นที่หมายปรองของรมมณีย์ลูกสาวของเจ้าของประธาน
บริษัทฯ

กลยุทธนั้นอึดอัดกับความรักที่รมณีย์มีให้ เพราะเขาทนกับปากของเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เขาสานความสัมพันธ์กับมาลีมากขึ้น จนกระทั่งรมณีย์ที่เป็นเพื่อนกับชัชชัย ต้องดึงชัชชัยมาช่วยทำให้มาลีกับกลยุทธเข้าใจผิดกัน...

ชัชชัยนั้นชอบมาลีเป็นอย่างมาก เขาพยายามเอาอกเอาใจมาลีสารพัด แต่มาลีคิดว่า ชัชชัยนั้นเป็นคู่รักของนันทา ทำให้มาลีไม่เปิดใจให้ชัยชัย..

และมาลีจะเลือกใครระหว่างกลยุทธกับชัชชัย..

Tags: รักสามเส้า เราสามคน

ตอน: 2.ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ

2

“เรียกไปคุยแล้ว หนูถึงได้กลุ้มอยู่นี่ไงแม่ หนูไม่เข้าใจว่าผู้ใหญ่ทำไมต้องตีเจตนาเราเป็นอย่างนั้นด้วย”

คนพูดอยากร้องไห้ เพราะเธอมัน ‘จน’ เขาถึงกลัวว่าเธอหวังแต่งงานยอมเป็นเมียลูกชายคนโตของเขา เพื่อสมบัติที่เธอเองก็ช่วยประคับประคองมันขึ้นมา ‘สายน้ำใสรีสอร์ต’ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในอุ้มผาง ในเว็บไซต์ ก็เพราะใคร

“อนันต์เขาบอกกับทางพ่อแม่เขาว่า จะขอเอ็งแต่งงานเมื่อเรียนจบในเดือนเมษายนนี้ ทางนี้ก็เลยเต้นกันยกใหญ่ ก็อย่างที่รู้กัน เขาอยากได้ลูกสาว บึงน้ำใสรีสอร์ต เป็นลูกสะใภ้” คนเป็นแม่ทำท่าไม่ทุกข์ไม่ร้อน

ผิดกับลูกสาว มาลีรู้สึกว่าพวกเขาดูถูกเธอ อันที่จริงเธอก็ไม่รักใคร่พี่อนันต์ในแบบชู้สาว และเธอปฏิเสธไมตรีเขาไปหลายต่อหลายครั้ง แต่เธอมั่นใจว่าที่เขากล้าพูดกับพ่อกับแม่เพียงเพื่อต้องการเอาชนะเท่านั้น เขาทำเพื่อให้เธอเห็นว่า เขารักและต้องการให้เธอเป็นเมียเขาจริงๆ

แล้วการบุ่มบ่ามเอาแต่ใจตัวในครั้งนี้ของเขา ผู้ใหญ่จึงต้องทำอีกอย่างขึ้นมา


“เธอคิดอย่างไรกับพี่อนันต์”
เมื่อถูกเรียกไปพบ มาลีรู้สึกอึดอัด ผิดกับตอนที่เธอเข้าไปรายงานเรื่องเงินๆ ทองๆ รายได้ของรีสอร์ต “แค่พี่ชายค่ะ”

“ดีแล้ว รู้ใช่ไหมว่า เขาคิดกับเธอแบบไม่ใช่น้องสาว”

“ค่ะ”

“ระวังตัวบ้างแล้วกัน แล้วป้าจะหาทางออกที่เหมาะสมให้ ป้าอยากให้เขาได้แต่งงานกับหนูรุ่งทิพย์ลูกสาวเจ้าของบึงน้ำใสรีสอร์ต เขาไม่ยอมนะ เขาบอกว่ารักเธอ ต้องการแต่งงานกับเธอ ป้าถามเขาว่า แล้วเธอรักเขาหรือเปล่า เขาอ้ำอึ้ง เพราะที่ผ่านมาป้าเห็นการวางตัวของเธอกับเขาแล้ว ป้ารู้ว่าเธอเจียมตัวเองดี แล้วอีกอย่างเธอคงตระหนักกับคำว่า ญาติ เธอจึงไม่สามารถคิดอะไรเป็นอื่นได้ แต่อนันต์เขาถือว่าเธอเป็นญาติห่างๆ ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่สำหรับป้ามีปัญหาแน่นอน เธอก็คงพอรู้ว่าเรื่องอะไร เธอคงเข้าใจเหตุผลของป้านะ แล้วป้าจะหาทางออกให้เธออีกที ขอปรึกษาลุงของเธอหน่อย”

“ค่ะ”



เมื่อคืนมาลีนอนไม่หลับ นอกจากคุณวรรณาที่โทรหาอยู่เรื่อยๆ พี่อนันต์ก็โทรเข้ามือถือของเธอหลายรอบ เขาอยากพูดคุยกับเธอ ต้องการให้ช่วยกันฝ่าฟันอุปสรรคในครั้งนี้ แต่เธอไม่ได้รักเขาในแบบนั้น แล้วเธอจะฝ่าฟันไปเพื่ออะไร

มาลีนึกถึงการเรียนต่อ นึกถึงการรับรักและแต่งงานวิจักษ์ แต่เธอก็รู้ว่าไม่ใช่แค่ยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กที่ยังไม่พร้อมมีครอบครัว แต่เธอนั้นไม่ได้รักวิจักษ์เลยสักนิด

แล้วเธอจะทำอย่างไรดี จะไปทางไหน และป้ากับลุงจะแก้ปัญหาให้เธอได้อย่างไร

“มาลี” เป็นเสียงของลุงมิ่ง ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับพ่อของเธอ พ่อซึ่งได้ป่วยเป็นโรคมะเร็งตายไปเมื่อสองปีก่อน และก่อนตายการรักษาตัวของพ่อ ถ้าไม่ได้ป้ากับลุง เธอ แม่ ปู่ ย่า ก็หาพึ่งใครไม่ได้เช่นกัน

“ได้ข่าวว่าคนพายเรือไม่พอใช่ไหม”

“ค่ะ นี่หนูกะจะไปปลุกให้ลุงได้รู้ว่าต้องขับรถไปรอที่ท่าทราย แล้วก็นั่งรถคันอื่นกลับ แล้วหนูจะขับรถต่อไปเอง”

“พอดีวันนี้ลุงว่าง ลุงว่าหนูคงเหนื่อย ลุงขับให้ไปถึงที่น้ำตกเลยก็ได้”

“อย่าเลยค่ะ กว่าจะกลับถึงบ้านก็ค่ำ เสียเวลาลุง เอ้อ แล้ววันนี้ คุณป้าว่าจะชวนไปกินข้าวเย็นที่บึงน้ำใสรีสอร์ตด้วย”

“ใช่ๆ ลืมไปเลย”

เมื่อคุณลุงออกไปแล้ว มาลีจึงเดินออกไปร้องเรียกลูกทัวร์ ที่นั่งคุยหยอกเย้ากันบนม้าไม้วงกลมรอบกองขี้เถ้า โดยมีแสงตะวันให้ความอบอุ่น

“อาหารเรียบร้อยแล้วค่ะ เชิญที่โต๊ะอาหารค่ะ”

ทุกคนหันมาตามเสียงเรียกแล้วลุกขึ้น แต่สายตาของคุณกลยุทธ ที่ตอบกลับมา ทำให้จิตใจของมาลีเต้นโครมครามทีเดียว


ด้วยเป็นเวลาช่วงปลายเดือนมกราคม สายน้ำใสไหลเย็นของลำน้ำแม่กลองที่ใช้ล่องแก่งเรือจึงตื้นเขิน จนบางช่วงจะได้ยินเสียงท้องเรือครูดกับหินใต้น้ำ และด้วยแรงส่งของน้ำมีน้อยทำให้คนพายต้องออกแรงพายเป็นอย่างมาก จนบางช่วงของลำน้ำ ใบหน้าของหญิงสาวปูดปูนขึ้นมาด้วยการขบฟันเพิ่มพลัง

กลยุทธนั้นเมื่อเห็นสภาพของมาลีก็รู้สึกสงสาร การหันกลับไปมองจึงได้เห็นว่า ปากที่พูดจ๋อยๆ บรรยายว่า ลำน้ำแม่กลองนี้เริ่มต้นที่นี่และไหลไปรวมกันจนกลายเป็นน้ำในเขื่อนศรีนครินทร์ ที่อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรีนั้น มีสีหน้าเหนื่อยล้ากับงานที่ทำอยู่แค่ไหน พอเขาเอ่ยปากจะช่วย หญิงสาวก็ปฏิเสธเสีย

แม้ธรรมชาติของสองข้างทางจะสวยงามพาจิตใจให้สดชื่นเพียงใด แต่เขากลับรู้สึกว่ากำลังเอาเปรียบผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เขาเองก็ไม่รู้ว่า ทำไมถึงได้ถูกชะตานัก จนกระทั่งรู้สึกว่าตัวเองสูญเสียความเป็นตัวเอง เขาไม่เคยนึกอยากพูดกับใครได้นานๆ หรือเคยพูดกับใครได้นานๆ จนกระทั่งบรรดาเพื่อนร่วมงานซึ่งมีตำแหน่งเป็นลูกน้องเหล่านี้จับผิดได้

หรือว่า ‘รัก’ ไม่ใช่หรอก ความรักเกิดขึ้นง่ายๆ อย่างนั้นหรือ เขาเพียงแค่พึงใจกับลักษณะของเธอก็เท่านั้น

เมื่อสลัดจิตใจที่ว้าวุ่นออกไป เขาจึงพร้อมใจร้องเพลงไปพร้อมๆ กับ คนอีก 7 คนที่ขึ้นเพลงช้าๆ พาให้อารมณ์ชื่นบานขึ้นมา จนกระทั่งเพลง ‘ใช่เลย’ ของ ไท ธนาวุฒิ ดังนั้นจากต้นเสียงคือสมศักดิ์ ทำให้เขาต้องมองไปข้างหลังโดยอัตโนมัติ

ดวงตามันเป็นหน้าต่างของหัวใจ แล้วทำไมเขาจะปล่อยให้มันท่วมอยู่ในอกเล่า...


เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำตาเชื่อมกับเธอได้ขนาดไหน แต่เล่นเอาสาวเจ้าหน้าแดงระเรื่อขึ้นมา ก่อนจะเสมองทางอื่นด้วยความขวยเขิน

“ข้างหน้าน้ำตกทีลอจ่อ หรือน้ำตกสายรุ้งนะคะ เราจะจอดเรือให้ทุกๆ ท่านขึ้นไปที่ฝั่งตรงข้าม เพื่อที่จะได้ถ่ายรูปกับวิวสวยๆ กันค่ะ”

พักเดียวเรือก็หันเข้าหาฝั่ง ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับหน้าผาสูงทะมึนที่มีสายน้ำใส่ไหลละเลียดกระเซ็นซ่าบางๆ กลายเป็นหยดน้ำคล้ายสายฝนปรอย เมื่อมีลำแสงจากพระอาทิตย์สาดส่องทำให้เกิดมองเห็นเป็นสายรุ้งในคลองจักษุ

“แปลว่าอะไรไอ้ศักดิ์” สุชินเอ่ยถาม

“ที-ลอ-จ่อ”

“ทะลึ่งจริงๆ คนคู่นี้”

คุณวรรณาหัวไวกับคำสัปดนจึงว่าให้ มาลีอมยิ้ม มองคู่ของคุณอ๋อ อรชุมากับคุณเอกชัย และคู่ของจ๊ะ จริญญา กับอานนท์ที่ประคองกันขึ้นฝั่ง คุณสุชินนั้นขึ้นไปก่อนแล้วหันกลับมายื่นมือมารับคุณวรรณา แต่คุณวรรณาปัดมือทิ้ง ทำนองเล่นตัว

“ผมไม่หล่อเหมือนไอ้ยุทธ แต่สักวันเถอะ คุณจะต้องมาซบอกผม”

“อกมันไม่อุ่นหรอกคุณวรรณ สู้อกผมไม่ได้”

คุณสมศักดิ์หยอกเย้าต่อ คุณวรรณาหาได้สนใจเธอเดินลงไปแล้วสูดอากาศเข้าปอดจนลึก ผู้หญิงกรุงเทพฯ ดูมั่นใจในตัวเองอย่างนี้ทุกคนหรือเปล่านะ

เมื่อทุกคนทยอยกันขึ้นฝั่ง แต่คุณกลยุทธยังคงนั่งอ้อยอิ่ง

“ไม่ขึ้นหรือคะ”

“ขึ้นครับ แต่ผมว่านั่งตรงนี้ก็ดีนะ ไม่อยากลงขี้เกียจกลับมาขึ้นอีก”

มาลีเลิกคิ้วเมินสายตาหนีดวงตาแวววาวของเขา แต่ว่าหูของเธอก็ยินประโยคที่ไม่คาดคิด

“คุณเคยรู้สึกดีๆ กับใครไหม”

เมื่อได้ยินมาลีตอบได้ทันที

“เคยค่ะ แต่ ก็รู้อีกแหละคะว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะฉันคือมาลีแห่งอุ้มผาง ส่วนพวกคุณ ฉัน
หมายถึงผู้ชายหน้าตาดีๆ ฉันถือว่าคุณหน้าตาดีนะ ถ้าบอกว่าเป็นพระเอกละคร ฉันก็เชื่อ แต่พวกคุณผ่านมาแล้วก็ผ่านไปค่ะ ติดไว้ในหัวใจนานๆ ไม่ได้”

“ผมก็แค่รู้สึกดีๆ”

“ขอบคุณค่ะ”

“เฮ้ย จะคุยกันอีกนานไหมนะ ขึ้นมาได้แล้ว”

แม้เป็นลูกน้องแต่สมศักดิ์ สุชินและเขาก็อายุไล่เลี่ยกัน เมื่อมาทำงานด้วยกัน แม้เขาได้เป็นหัวหน้าฝ่าย แต่เมื่ออยู่ภายนอกที่ทำงาน ความเป็นเพื่อนรู้ใจก็ยังเป็นอยู่

“เร็วรีบขึ้นมาเลย อย่าชักช้า เดี๋ยวมดขึ้นที่นั่งข้า”

“กูจะฟ้องคุณรมณีย์” สมศักดิ์แทรกขึ้นมาบ้าง

ชื่อนี้อีกแล้ว นี่แหละผู้ชาย มีหนึ่งก็ยังอยากได้สอง แค่รู้สึกดีๆ หมายความอย่างไรนะ

“มาลียิ้มหน่อย”

เป็นเสียงวรรณาเมื่อมาลีเดินตามหลังกลยุทธขึ้นมาจากเรือยาง เมื่อมาลีเงยหน้าขึ้นมองต้นเสียง พอดีกับที่ชัตเตอร์ทำงาน

“ไหนๆ แล้ว ก็ถ่ายคู่กันเลย”

มาลีถือโอกาสโอบผะแผ่วไปที่เอวหนาๆ แล้วเอนศีรษะสัมผัสที่ต้นแขนของเขา ในทีแรกมาลีคิดว่ามันไม่น่าจะมีผลอะไร แต่เมื่อมือของเธออยู่ที่เอวและศีรษะอยู่ที่ต้นแขนกำยำของเขา ความรู้สึกสดชื่นก็แล่นเข้ามาสู่จิตใจเหมือนกับว่าร่างกายนี้ได้รับสายน้ำเย็นๆ ประพรม

“แล้วในที่สุด” เป็นเสียงของสมศักดิ์คนปากเสียที่ทำให้กลยุทธต้องยักคิ้วให้

“กูจะฟ้องคุณรมณีย์” สุชินเอ่ยสัพยอกขึ้นมาบ้าง แล้ววรรณาก็ช่วยผสมโรง “พวกคุณสองคนนี่ เล่นของสูงอีกแล้ว”

ชื่อนี้ กับคำว่า ‘ของสูง’ มาลีปัดมันออกจากหัวสมอง แต่มันแค่ละครฉากเล็กๆ เท่านั้น พอหมดจากตรงนี้ เขาก็ไปตามทางของเขา ส่วนเธอก็มีวิถีชีวิตของเธอ


เมื่อเรือยางถูกบังคับให้ผ่านแก่งหิน ผ่านต้นไม้ใหญ่สองข้างลำธารแล้วก็มาหยุดที่บริเวณน้ำพุร้อน ลูกเรือคนอื่นๆ ทยอยกันเดินขึ้นตลิ่ง เหมือนเดิมที่กลยุทธยังคงอ้อยอิ่งรอว่าคนพายที่อยู่ด้านท้ายเรือจะขึ้นหรือไม่

“เข้าห้องน้ำที่ด้านบนได้นะคะ”

มาลีพยายามปรับน้ำเสียง ใช้ข้อความเป็นกลางๆ ทำตัวให้ห่างเหิน คนแปลกหน้า เธอปล่อยใจให้เรื่อยเปื่อยไม่ได้ เธอไม่อยากเจ็บ ไม่อยากให้มันเป็นความรักและความผูกพัน บางทีเธอเองก็ไม่พร้อมกับคำว่า ‘ถูกหลอก’ เหมือนกัน

ใครๆ ก็มักบอกว่า ที่มาลีไม่ได้สนใจใคร หรือแม้แต่วิจักษ์คนหน้าตาดีที่สุดในหน่วยป่าไม้ ก็เพราะมาลีคนนี้วาดหวังถึงชาวเมืองที่มีฐานะสักคนที่จะพลัดหลงเข้ามาในกับกรุ๊ปทัวร์ แล้วพาเธอไปสู่เมืองใหญ่ที่เหมาะสมกับผู้หญิงหน้าตาดีๆ อย่างเธอมากกว่า เธอจะไม่เลือกชีวิตคู่เพราะหน้าตา สำหรับเธอ ความรัก ความเข้าใจเท่านั้น

เขาขึ้นจากเรือไปแล้ว มาลีมองตามร่างสูงสง่าในกางเกงลายพรางขาสั้นทรงแฟชั่นกับเสื้อยืดคอกลมสีขาวสะอาด กับรองเท้ารัดส้นสีดำ ซึ่งเธอรู้ว่าราคาของมันนั้นเรือนพันบาททีเดียว คุณรมณีย์ที่ใครๆ ต่างเอ่ยถึง คงตกหลุมรักผู้ชายคนนี้อย่างแน่นอน แต่ผู้ชายคนนี้

อาจจะกำลังดูใจกัน

เขาน่าจะเป็นคนตัดสินใจเลือกมากกว่า แต่คำว่า ‘ของสูง’ นั้นก็หมายความเธอคนนั้นคงเป็นดอกฟ้า เขาเองก็คงมีฐานะธรรมดาๆ จัดว่าพอมีพอกิน

“พี่มาลี”

“ฮึ” มาลีรีบตอบรับเสียงร้องเรียกของรุ่นน้องชาวกะเหรี่ยงที่มารับจ้างพายเรือ

“ด้ะค่าววะพี่” (ได้ข่าวว่าพี่)

“อือ” มาลีไม่ทันรู้หรอกว่าเรื่องอะไรแต่ก็ต้องตอบรับ คงไม่พ้นเรื่องพี่อนันต์ พ่อกับแม่และคุณรุ่งทิพย์

“พี่จะไปเรียนต่อที่กรุงเทพจริงๆ หรือ”

“ไปเอาที่ไหนมาพูด” มาลีมีเสียงตกใจ

“ได้ยินพ่อกับแม่คุยกัน” เขาหมายถึงลุงกับป้า

“เดี๋ยวขอขึ้นไปดูพวกนั้นหน่อยแล้วกัน ไม่รู้ว่าแช่น้ำร้อนหรือเปล่า”

เปลี่ยนเรื่องแล้วมาลีก็ลุกขึ้นเดิน ผ่านเรือที่มีน้ำซึมเข้ามา เธอสั่งให้ฝีพายหนุ่มตักน้ำออกแล้วก้าวข้ามขึ้นตลิ่ง เมื่อเดินขึ้นไปแล้วเสียงร้องทักจากเพื่อนร่วมอาชีพยิ่งทำให้มาลีงุนงง

“อนันต์ขอเธอแต่งงานแล้วหรือ”

“ใครเอาไปพูดเนี่ย”

“ก็มันเองนั่นแหละ พูดกับคนขับรถสองแถวเข้าแม่สอด แล้วก็พูดที่ร้านอาหารด้วย”

เกิดอะไรขึ้น พี่อนันต์เขาก็ไม่ยอมแพ้พ่อกับแม่เขาเหมือนกันรึ

มาลีไม่อยากต่อปาก เพราะเธอก็ไม่รู้ว่าจะควบคุมสถานการณ์นี้ได้อย่างไร

“หน้าตาคุณนี่เหมือนจิ้งจก”

กลยุทธเอ่ยสัพยอก ขณะยืนปอกมันสำปะหลังปิ้งจากร้านค้าที่ชาวบ้านนำมาขายเข้าปาก คนอื่นๆ นั้นมาลีมองสาดไปเห็นว่าลงแช่น้ำอุ่นหยอกเอินกันในคณะและกับกรุ๊ปอื่นๆ อย่างสนุกสนาน

“เหมือนอย่างไร”

“เปลี่ยนสีเรื่อยนะซิ มีเรื่องไม่สบายใจใช่ไหม”

“ใช่” มาลีอยากต่อด้วยข้อความว่า ‘แต่คุณอย่าจุ้นเรื่องของฉันเลย’ ก็เห็นว่าจะแรงเกินไป เธอทำเพียงแค่ถอนหายใจออกมา

“กำลังคิดหนักใช่ไหม บางทีมันอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตคุณก็ได้ใช่ไหม”

“ใช่” เมื่อเขาทายถูกมาลีก็อดทึ่งขึ้นมาไม่ได้

“ผมเอาใจช่วยให้คุณผ่านไปให้ได้แล้วกันนะ”

“ขอบคุณค่ะ” ว่าแล้วมาลีก็ยิ้มสดชื่น พร้อมกับยื่นมือไปแบ่งมันปิ้งจากถุงกระดาษในมือของเขาออกมาปอกกินโดยไม่ได้ขออนุญาต เขามองหน้ามาลีสบตา ตาหวานซึ้งของเขาสามารถสะกดคนได้จริงๆ

“สวีตกันอีกแล้ว” เป็นเสียงของสมศักดิ์ที่เดินนำคณะขึ้นมาจากน้ำพุร้อนมาลีไม่ได้ตอบโต้อะไร เพียงถามถึงว่าเป็นอย่างไรบ้าง กับแนะนำให้ทุกคนไปเข้าห้องน้ำก่อนที่จะลงเรือต่อไป

เรือยางแวะให้ลูกทัวร์พักรับประทานอาหารกลางวันที่โขดหินริมธาร แล้วก็ขับเคลื่อนด้วยแรงคนมาจนถึงท่าทรายจุดสุดท้ายของการล่องแก่งในเวลาบ่ายโมง มาลีร้องบอกให้ทุกคนขึ้นจากเรือยางแล้วเดินไปที่รถยนต์คันเมื่อเช้าซึ่งจอดรออยู่ด้านบน เธอนัดหมายกับลุงไว้ว่าให้ขับมาจอด แล้วติดรถคันอื่นกลับไปก่อน โดยที่เธอนั้นถือกุญแจรถอีกดอกหนึ่งมาด้วย

หลังจากที่สั่งงานฝีพายเรื่องปล่อยลมกับยกไปใส่รถคันเฉพาะขนแพกลับรีสอร์ตแล้ว มาลีก็รีบก้าวเท้ายาวๆ ตามลูกทัวร์ของตัวเองไปที่รถกระบะ หญิงสาวเปิดประตูด้านหน้าหยิบน้ำอัดลมกระป๋องส่งให้ทุกคน ตามด้วยผ้าปิดจมูกกับหมวกยางใสสำหรับคุมศีรษะกันฝุ่น

“เพื่ออะไรเนี่ย เราไม่ได้กำลังเข้าห้องผ่าตัดนะ” มีคนตั้งคำถามแบบสนุกๆ ขึ้นมา

“เหนื่อยยากพอๆ กับเข้าห้องผ่าตัดแหละค่ะคุณหมอ” มาลีร้องบอก แล้วก็อธิบายต่อไปว่า

“ระยะทางจากท่าทรายถึงที่จุดจอดรถปากทางเข้าน้ำตกทีลอซูนี้ เป็นถนนลูกรังขึ้นเขาลงเขามีฝุ่นตลอดเส้นทาง โดยเฉพาะวันหยุดเสาร์อาทิตย์แบบนี้ ถ้ามีรถเยอะไม่ใช่แค่เฉพาะฝุ่นจากรถของเรา แต่จะมีฝุ่นจากรถคันอื่น เพราะฉะนั้นดื่มน้ำอัดลมก่อนแล้วก็ ปิดปาก คลุมผม ก่อนที่จะกลายเป็นมะนาวต่างดุ๊ด มนุษย์ต่างดาว ไปเสียก่อน”

“แล้วที่เราจะไปนี่น้ำตกทีลอซูใช่ไหม แล้วทีลอเลล่ะ”

เยอะแยะมากมายที่ลูกทัวร์มาเที่ยวโดยที่ไม่มีข้อมูลอะไรติดหัวมาเลย แต่ดีที่คุณวรรณาแสดงความรู้ออกมา ‘บี้’ คนถามเสียก่อนที่เธอจะต้องอธิบาย

“ทีลอเล ต้องนั่งเรือต่อไปอีก แล้วก็ต้องเดินเข้าไปที่น้ำตก ค้างหนึ่งคืน ขากลับนั่งช้างออกมานอนระหว่างทางอีกหนึ่งคืน แถมราคาก็ไม่ใช่เท่านี้ด้วย ใครสนใจก็เรียนเชิญหากรุ๊ปมาเองแล้ว แค่นี้อีชั้นก็สะบักสะบอมแล้วเจ้าค่ะ”

“ถ้าคุณวรรณาไม่ไหวแล้วใครที่ไหนจะไหวละครับ”

“ใช่ อย่างหนาไม่ไหว แล้วใครจะไหว”

“อีตาสุชิน อีนังสมศักดิ์ อีคนปากปีจอ”

วรรณาแหวเข้าใส่ทั้งลูกคู่หน้าทะเล้นตัวล่ำกับตัวสูง ทั้งหมดยังช่วยกันถล่มกันไปมา มีแต่กลยุทธคนเดียวเท่านั้นที่ยิ้มๆ หัวเราะ แต่สายตาของเขานั้นยังระเรี่ยอยู่บนใบหน้าของมาลี จนกระทั่ง

“อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะเจ้านาย ขานั่งรถไปกลับนี่ วรรณขอนั่งหน้าได้ไหม คือเป็นโรคภูมิแพ้ฝุ่นค่ะ”

แม้จะเสียดายโอกาสพูดคุยกับสาวเจ้าตามลำพัง แต่ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษเขาจึงต้องบอกว่า “ได้ครับ”

“กัดฟันพูดนี่หว่า” สมศักดิ์หยอกให้อีก


เมื่อรถแล่นออกจากท่าทราย มาลีก็ได้ยินเสียงแจ้วๆ ของวรรณาตลอดทาง ดีแต่ว่าคุณวรรณาพูดถึงเรื่องที่เธอสนใจมากกว่าซักถามถึงสองข้างทางที่รถกำลังวิ่งผ่านไป ทำให้เธอมีอารมณ์รับฟังขึ้นมาบ้าง

“คุณกลยุทธเป็นผู้จัดการฝ่ายบัญชี จบมาหลายปี ทำงานมาหลายที่แล้วค่ะ ประสบการณ์เพียบเลย เงินเดือนหลายหมื่น ยิ่งตอนนี้กำลังทำทีว่าจะตกถังข้าวสาร เพราะ คุณรมณีย์ ลูกสาวเจ้าของบริษัท เธอสนใจพระเอกสุดหล่อของเราขึ้นมา”

“แล้วพระเอกของเราก็เลยตกลง” มาลีพยายามปรับน้ำเสียงในคำถามนั้น ให้เป็นปกติ

“ก็แหม น้องมาลี ดอกฟ้าอะนะ เพิ่งจบมาจากเมืองนอกด้วย ลูกสาวคนเดียวอีกต่างหาก ถ้าคุณเป็นพ่อแม่เขา คุณจะขัดขวางไหมล่ะ”

มาลีไม่ตอบ เพราะเธอเองก็กำลังถูกขัดขวางจากคำว่า ‘จนกว่า’ เหมือนกัน นึกๆ แล้วก็สงสารอีตานี่ขึ้นมาตงิดๆ แต่ผู้ชายคิดเป็นหนูตกถังข้าวสาร มันก็ไม่น่าปลื้มสักเท่าไหร่หรอก เธอเองยังคิดว่า สองมือสองเท้า มีปัญญาด้วย สักวันหรอกชีวิตคงจะดีขึ้นกว่าที่เป็น

“แล้วคุณรมณีย์นี่หน้าตาเป็นอย่างไร”

“สวยแบบคนมีฐานะไงน้อง พี่ว่าพี่สวยกว่านะ”

“ค่ะพี่สวย น้องยอมรับ”

มาลีถือโอกาสชม ขณะที่ตาจ้องดูถนนลูกรังที่ตัดวกวนขึ้นภูเขาชนิดไม่ให้คลาดสายตา ปีนี้ฝนชุกทำให้ถนนที่ตัดเข้ามากลายเป็นร่องลึก การบังคับรถขับเคลื่อนสี่ล้อจึงต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ

“ใครๆ ก็ว่าอย่างนั้น”

“แล้วพี่มีแฟนหรือยัง เห็นคุณสมศักดิ์กับคุณสุชิน เออ”

“คนปากอย่างนั้นใครคิดจริงจังด้วยก็บ้าแล้ว” คนพูดทำน้ำเสียงปลดปลงได้จริงๆ

“แต่บางทีผู้หญิงก็ชอบคนแบบนั้น”

“แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่พี่แน่”

“แล้วพี่อีกสองคู่”

“คุณจ๊ะกับคุณอ๋อ ทำงานอยู่ด้วยกันนี่แหละ คุณจ๊ะ เสื้อสีฟ้าเพิ่งแต่งงาน คุณอานนท์แฟนเขาเป็นวิศวกร ส่วนคุณอ๋อ คุณเอกทำงานที่ตึกเดียวกันนี่แหละแต่คนละบริษัท ขึ้นลิฟต์เจอะกันทุกๆ วัน ก็เลยย้ายห้องนอนไปอยู่ด้วยกัน อาจจะมีเปลี่ยนใจ เปลี่ยนคู่นอนในอนาคตตามประสาคนกรุงทันสมัย”

“ตกลงพี่มีแฟนหรือยัง”

“ย้าง ยาง หาคนตาบอดไม่ได้นะสิ พี่มันคนเรื่องมาก น้องก็เห็น เห็นอะไรแล้วมันอยากจะพูดๆ พูดออกไป” พูดจบเจ้าตัวก็ถอนหายใจออกมา แล้วก็วกกลับมาเรื่องที่มาลีคิดว่าเจ้าหล่อนลืมไปแล้วเสียอีก

“รักแท้แพ้เงินไง เธอเข้าใจไหม”

“พี่หมายถึง”

“ถ้าเลือกระหว่างคุณรมณีย์กับพี่ น้องว่าเขาจะเลือกใคร”

มาลีนึกถึงถ้อยคำของคุณกลยุทธเมื่อตอนล่องแก่งทันที

‘แล้วคุณสามารถรักคนที่รักคุณได้ทุกคนหรือเปล่าล่ะ’

“ขอไม่ออกความคิดเห็นแล้วกัน”

“กลัวพี่สะเทือนใจ น้องเอ้ยพี่เจ็บจนชาชินแล้วล่ะ พี่รู้จักเขามาก่อนที่คุณรมณีย์จะกลับจากอเมริกาเสียอีก พี่ก็อ่อยสุดฤทธิ์ แต่เขาหาได้สนใจ เห็นทำแต่งานแล้วก็ออกแต่คำสั่ง เราจะนอกเรื่องก็มีแต่คุยเรื่องงาน สุดท้ายพี่ก็เลยปลงๆ แค่ได้เห็นหน้าทุกๆ วันๆ ก็โอเค ตอนแรกพี่นึกว่าเขาเป็นเกย์เสียอีก แต่คุณศักดิ์กับคุณชินก็บอกว่า ไม่ใช่หรอก เพราะเคยไปเที่ยวกลางคืนด้วยกันก็เห็นว่าตาเป็นประกายเมื่อเห็นผู้หญิงสวย และก็เคยถูกหิ้วไปเหมือนกัน”

เมื่อได้ยินมาลีอ้าปากเหวอ

“เธอคิดว่าผู้หญิงกรุงเทพฯ เขาเป็นเต่าล้านปีกันหรือไง บางพวกเขาวิ่งแร่ตามจับผู้ชายหน้าตาดีๆ เอาไว้นับแต้ม พี่ไม่ได้สนใจหรอกเรื่องพวกนี้ เพราะถ้าเขาเป็นโสด เขาก็น่าจะทำอะไรก็ได้ แต่ถ้าตกลงจะหยุดที่ใครแล้วนั่นมันอีกเรื่องหนึ่ง”

“แล้วเมื่อเขาเจอคุณรมณีย์”
“พี่ว่าคุณรมณีย์ทอดสะพานให้เขามากกว่านะ พี่เป็นเขาพี่ก็เลือกคุณรมณีย์ มาลีเธอคิดดูว่าวันหนึ่งเธอขับรถยนต์รุ่นเมื่อสักสิบปีที่แล้วมาทำงาน กับมีผู้หญิงคนหนึ่งขับรถราคาล้านกว่าบาทมาจีบ แค่นี้มันก็บอกอยู่แล้วว่าชีวิตมันน่าจะดีขึ้น”

“ค่ะ”

“พี่ก็เลยแค่รอดูละครฉากที่พี่คิดว่า พี่คิดไม่ผิด แต่ก็แปลกนะ พี่ไม่เคยเห็นเขาทำทีสนใจใครจนกระทั่งได้มาพบกับเธอ”

“แค่อยากหว่านเสน่ห์เล่นมั้งค่ะ” มาลียังไม่ได้หลงใหลได้ปลื้มกับคำพูดนั้น

“แต่ว่าไป เธอก็น่ารักนะมาลี ดูออกไปทางนางเอกเกาหลี

น่ารักๆ น่ะ คุณรมณีย์เธอออกเปรี้ยวๆ ทันสมัย แสดงว่าสเปคคุณยุทธนี่คงจะบ้านๆ ดูน่าสงสาร แต่พี่เข้าใจละ”

“อะไรคะ”

“เขาคงอยากเป็นผู้ปกป้องมากกว่าอยากเดินตามก้นมั้ง เงินทอง ศักดิ์ศรี มันกินได้แต่มันไม่เท่”

“มันก็เป็นเรื่องของเขากับคุณรมณีย์นี่คะ”

“ไม่อยากลองเป็นมือที่สามระหว่างคนทั้งคู่บ้างเหรอ”

“ไม่หรอกค่ะ เปล่าประโยชน์ อย่างกับอยู่คนละประเทศอย่างนั้น ภูเขาตั้งกี่ลูกๆ กั้นไว้ พี่วรรณ ผู้ชายอย่างคุณยุทธ คุณศักดิ์ คุณสุชินเนี่ย บอกตามตรงนะคะ น้องเจอมาเยอะแล้วค่ะ พอกลับไป บางคนโทรมาครั้งเดียวว่าถึงบ้านแล้วนะ แล้วก็หายต๋อม คนเราอย่างไรก็ต้องเลือกที่มันสะดวกและเป็นไปได้ก่อนอยู่ดีล่ะค่ะ”

“แต่พี่ว่าเขาชอบเธอนะ”

เมื่อได้ยินที่คุณวรรณาพูด มาลีอดมองกระจกส่องไปข้างหลังไม่ได้ ในแว่นกันแดดสีชาเธออยากเห็นดวงตาคู่นั้นว่าเขาคิดอย่างที่วรรณาพูดจริงหรือเปล่า

ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ ความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม มีใครสักคนรักเรา ในแบบที่เราเป็นเรา มันช่างดีกว่าแอบรักใครสักคนที่เขาไม่คิดสนใจ ใจของมาลีวิบไหว มันคงไม่ใช่แสงสว่างอย่างที่เธอต้องการหรอก มันเป็นความเหน็บหนาวมืดมนอนธการยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 พ.ย. 2554, 12:58:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 พ.ย. 2554, 12:58:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 2109





<< 1.อุ้มผางซิตี้   3.น้ำตกทีลอซู >>
แว่นใส 10 พ.ย. 2554, 16:08:08 น.
น่าสงสารนางเอกเราจริง


minafiba 10 พ.ย. 2554, 20:29:36 น.
^_^


คิมหันตุ์ 11 พ.ย. 2554, 01:13:12 น.
ท่าทางมาเศร้าาา


nateetip 13 พ.ย. 2554, 03:09:42 น.
คุณเฟื่องคะ เรื่องนี้จะออกมาแนวไหนคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account