Asylum
ปัณฑารีย์ ฑีฆะโชติ หญิงสาวชาวโลกตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกำลังอยู่บนยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว การนอนหลับเพียงชั่วคืนเดียว เปลี่ยนสถานะจากมนุษย์คนหนึ่งให้กลายเป็นสินค้าผิดกฎหมาย เป็นสินค้ามีชีวิตเพื่อสนองตัณหาของเอเลี่ยน

ชีวิตเธอคงเหมือนตกนรก หากเธอไม่ได้ถูกส่งมาเป็นของกำนัลให้แก่ ไซเร็ค อิลราซาน นักธุรกิจเจ้าของกิจการโทรคมนาคมขนาดยักษ์ของดาราจักรเซเฟรัส หนุ่มชาวคีเรี่ยนหล่อเหลาหุ่นกระชากใจ เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินเข้มเยือกเย็น มาดสุภาพอ่อนโยน แต่ร้อนแรงจนทำให้เธอชักจะหวั่นไหวมากขึ้นทุกที

เมื่อความสัมพันธ์เริ่มจะไปได้ดี ทั้งสองกลับต้องเผชิญกับการตามล่าเอาชีวิตโดยศัตรูที่มองไม่เห็น จนต้องตัดสินใจเสี่ยงชีวิตเพื่อกระชากตัวมันออกมาสู่แสงสว่าง ก่อนที่ใครคนใดคนหนึ่งจะมีอันเป็นไป!

Tags: ต่างดาว, เซเฟรัส, คีเรี่ยน, ไซเร็ค, แพน

ตอน: ตอนที่ 3

“ปุ่มพวกนี้มันอะไรกันนักหนา!”

ปัณฑารีย์บ่นพึมพำกับตนเองหลังจากเสียเวลาอยู่ในห้องครัวมากว่าครึ่งชั่วโมง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันยามดวงตาสีนิลคู่งามจ้องมองแผงควบคุมเครื่องปรุงอาหารอัตโนมัติซึ่งเต็มไปด้วยปุ่มต่างๆเรียงเป็นระเบียบ กระเพาะหิวโหยส่งเสียงครวญครางจนคนหิวเริ่มคำรามในลำคอตามบ้าง

ความหงุดหงิดเริ่มทวีเมื่อไม่สามารถอ่านสัญลักษณ์และตัวอักษรที่กำกับอยู่ออกสักตัว มองหาเครื่องครัวและอาหารสดมาลงมือทำด้วยตนเองก็ไม่พบ ตัดสินใจกดมั่วหลังจากทดลองอยู่นานเครื่องก็เริ่มทำงานสมใจ

สิ่งที่อยู่ในชามแก้วใบใหญ่กลางช่องสี่เหลี่ยมที่จะส่งอาหารปรุงสำเร็จแล้วออกมาคือก้อนหนืดเหลวคล้ายแป้งเปียกสีเขียวปนแดงเละจนไม่น่าจะเป็นอาหารของมนุษย์ได้ กลิ่นเปรี้ยวระคนเหม็นเขียวโชยขึ้นมาพร้อมไอร้อนกำจายไปทั่วห้องจนคนทำแทบจะบีบจมูกกลั้นหายใจ ลองจุ่มส้อมลงไปในชามแล้วยกขึ้นมาดูของหน้าตาประหลาดก็เกาะติดยืดเป็นสายคล้ายกับชีสละลายในพิซซ่าถาดร้อนเพิ่งออกจากเตา

ลักษณะน่าขยะแขยงเบื้องหน้าต่างกับอาหารจานอื่นๆที่เคยได้ทานลิบลับส่งผลให้คนหิวทำหน้าเบ้ แม้พืชพันธุ์ธัญญาหารต่างดาราจักรจะมีรูปร่างหน้าตาแตกต่างจากเครื่องปรุงบนโลกมาก ทว่ารสชาติไม่คุ้นลิ้นเหล่านั้นก็เอร็ดอร่อยถูกปากไม่ลำบากใจคนรับประทานเหมือนของในชามแก้ว นัยน์ตาสีนิลกลอกมองเพดานประดับลวดลายปูนปั้นอย่างอ่อนใจและไร้เรี่ยวแรงจะต่อสู้กับเครื่องจักรเปี่ยมประสิทธิภาพอันเป็นผลพวง จากเทคโนโลยีสูงส่งซึ่งเธอไม่คุ้นเคย

“ไม่กินก็ได้!” มือนุ่มตบเคาน์เตอร์ยาวล้ำสมัยอย่างหัวเสียเมื่อจำต้องยอมตัดใจอดอาหาร หันมารินน้ำเปล่าจากเหยือกแก้วใสใส่แก้วที่ตั้งอยู่กลางโต๊ะ ก่อนจะเดินโซเซออกจากห้องครัวหรูที่มนุษย์ต่างดาวอย่างเธอไม่สามารถใช้ประโยชน์อะไรได้มากนัก

อาหารมื้อก่อนๆได้มาจากการสั่งให้แอนดรอยด์รับใช้ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ไม่มีผิดเพี้ยนจัดเตรียมไว้ หากวันนี้เธอไล่หุ่นยนต์พวกนั้นออกไปหมดด้วยต้องการทดลองและฝึกหัดใช้อุปกรณ์ต่างๆในครัว แม้จะพยายามจนแทบเป็นลมตายผลที่ได้กลับไม่ประสบความสำเร็จเลยสักจาน

หนทางเดียวที่จะมีอาหารมาสนองความต้องการของร่างกายก็คือรอให้แอนดรอยด์พวกนั้นกลับเข้ามาหาให้กิน!

หญิงสาวชาวโลกเดินไปยังสถานที่ประจำซึ่งใช้ฆ่าเวลาระหว่างวันอันว่างเปล่าไร้ภาระของตนเอง ความร่ำรวยมั่งคั่งของไซเร็คเนรมิตได้ทุกอย่างไม่ว่าสิ่งนั้นจะจำเป็นต่อการดำรงชีวิตมากเพียงใดก็ตาม สวนในคฤหาสน์จึงสะพรั่งไปด้วยไม้ดอกกรุ่นกลิ่นหลากสีกับพืชต่างสายพันธุ์มากมายที่คัดเลือกมาปลูกไว้อย่างลงตัว ความสวยงามของสวนทั้งนอกและในตัวอาคารต่างก็มีมากพอกันไม่ว่าจะเป็นด้านภูมิสถาปัตยกรรมหรือสุนทรียศาสตร์ที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ต่างกันที่เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ย่างเท้าออกจากประตูไปชื่นชมสักก้าวเดียว

บรรยากาศสงบร่มเย็นชุ่มฉ่ำของสวนและสระน้ำในบริเวณนี้ดึงดูดปัณฑารีย์ให้มานั่งเล่นเป็นประจำในยามว่าง และหนุ่มชาวคีเรี่ยนก็รู้ดีจึงมักจะตรงมาหาเธอที่นี่ทุกครั้งหลังกลับมาจากทำงาน

ครั้งแรกที่ย่างเท้าเข้ามาหญิงสาวก็สัมผัสได้ถึงความเย็นสดชื่นอย่างน่าประหลาดทั้งที่แสงแดดแผดกล้าของดวงอาทิตย์ส่องผ่านเ พดานใสแจ๋วซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นกระจกหรือวัสดุอื่นใด หลังจากนั้นนิสัยสนใจอยากรู้ของเธอก็ได้รับการตอบสนองจากเจ้าของบ้านด้วยความกระตือรือร้นเต็มใจ ไซเร็คอธิบายถึงคุณสมบัติที่ไม่ยอมปล่อยให้ความร้อนผ่านเข้ามาของวัสดุที่ประกอบขึ้นเป็นเพดานด้วยคำศัพท์ชวนปวดหัวจนคนฟังมึนไปทั้งวัน

สะโพกกลมกลึงใต้กางเกงขายาวสีขาวหย่อนลงบนเก้าอี้ยาวซึ่งปรับเปลี่ยนลักษณะตามสรีระท่านั่งโดยอัตโนมัติเพื่อความสบายของผู้ใช้ เมื่อเอนหลังพิงพนักได้สบายพอปัณฑารีย์ก็ถอนใจให้กับความผิดพลาดขัดข้องที่เกิดขึ้นระหว่างเรียนรู้การใช้ชีวิต ประจำวันตามลำพังในคฤหาสน์หลังใหญ่แห่งนี้

ปกติหญิงสาวชาวโลกใช้ช่วงเวลากลางวันไปกับการสำรวจและทดลองทุกสิ่งที่มีในบ้าน ข้อสงสัยที่เกิดขึ้นระหว่างวันจะถูกไขให้กระจ่างแจ้งเมื่อไซเร็คกลับมาถึง ทว่าเหตุการณ์ในคืนก่อนส่งผลให้เธอไม่กล้าสอบถามเรื่องสงสัยกับเขา การพบหน้ากันในมื้ออาหารอันเงียบสงบราวป่าช้ากลายเป็นความอึดอัดใจจนแทบทนไม่ไหว กระทั่งความหวาดกลัวในสภาพอากาศอันไม่แน่นอนของดาวอาริออสก็ไม่อาจสร้างภูมิต้านทานอารมณ์ของชายหนุ่มให้เธอกล้าเข้าไปขออาศัยนอนอีก

จุมพิตเร่าร้อนนุ่มนวลที่ได้รับจากไซเร็คโดยไม่ทันตั้งตัวก่อความรู้สึกหลายประการขึ้นในใจ แต่กลับไม่มีโทสะเข้ามาเกี่ยวข้องสักชั่วขณะเดียว แม้จะไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนหญิงสาวก็บอกได้ว่าอีกฝ่ายมิได้เย็นชาเหมือนท่าทางและสีหน้าที่แสดงให้เห็น ขนาดตนเองยังหลงเพริดไปกับสัมผัสแปลกใหม่รัญจวนใจจนสติลอยละล่องหายก็เป็นไปได้ว่าชายหนุ่มที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อนจะเพลิดเพลินกั บการกระทำของตนเองยิ่งกว่า

ปฏิกิริยาทางเพศที่มีต่อกันถือเป็นเรื่องปกติสำหรับชายหญิงวัยหนุ่มสาว และไม่น่าจะยกเว้นในกรณีที่อยู่กันคนละเผ่าพันธุ์ในเมื่อต่างฝ่ายก็เป็นมนุษย์สมบูรณ์ครบถ้วนและมีรูปร่างหน้าตาดีกว่าเกณฑ์ปกต ิมาก ยิ่งใกล้ชิดกันมากเท่าไรความสัมพันธ์ก็จะยิ่งพัฒนาต่อไปเรื่อยๆไม่ว่าจะเป็นไปในทางบวกหรือลบ

แม้จะขัดเขินอับอายและรู้สึกตะขิดตะขวงใจยามพบหน้า หากหญิงสาวชาวโลกก็เข้าใจในความเป็นจริงข้อนี้และไม่คิดจะโทษเขาในเรื่องที่เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่แสนจะเป็นใจ เพราะส่วนหนึ่งนั้นเป็นความผิดของตนเองที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ แถมอีกฝ่ายยังมีความเป็นสุภาพบุรุษมากจนไม่กระทำการเอาเปรียบไปมากกว่านั้นแม้จะมีเวลาทั้งคืน หลังจากนั้นไซเร็คก็ไม่ได้แสดงท่าทีหรืออารมณ์ความรู้สึกผิดแปลกแตกต่างไปจากเดิมให้สัมผัสได้ ทว่าความเงียบขรึมของเขากลับทวีขึ้นจนปัณฑารีย์อดหวั่นใจมิ ได้

การพึ่งพาอาศัยชายหนุ่มทุกด้านสร้างความเครียดจนสมองเต้นตุบๆด้วยกลัวว่าเขาจะไล่ตะเพิดตนเองออกจากบ้านไปหากเกิดความไม่พอใจขึ้นมาจริงๆ หากสถานการณ์ดำเนินไปอย่างที่กลัวเธออาจจะต้องใช้ชีวิตไม่ต่างจากโสเภณีต่างดาวหลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายแน่!

จากนี้ไปคงต้องระมัดระวังตัวไม่กวนใจเขามากไปกว่านี้อีก...

คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างกลัดกลุ้มด้วยไม่แน่ใจว่าตนเองควรทำอย่างไรต่อไปดี ในเมื่อการพึ่งพาไซเร็คมิใช่ตัวเลือกที่สามารถไว้วางใจได้ในระยะยาว เธอก็ควรหาหนทางที่จะทำให้ตนเองสามารถใช้ชีวิตต่อไปในดาราจักรแห่งนี้ได้อย่างราบรื่นมีประสิทธิภาพ ทว่าการไม่รู้จักใครแม้แต่คนเดียวนอกจากเจ้าของบ้านหลังนี้ก็เป็นอุปสรรคใหญ่หลวงในการเริ่มต้นหาหนทางพึ่งพาตนเอง ยิ่งถ้าไซเร็คไม่คิดสนับสนุนก็คงจะได้แต่มืดแปดด้านอยู่เช่นนี้

แล้วจะทำอย่างไรต่อไปดี?

เริ่มนวดศีรษะตนเองด้วยปลายนิ้วแก้เครียดขณะคิดถึงผลกระทบของการถูกลักพาตัวมากะทันหันอีกครั้ง มิตรสหายที่ได้นัดพบกันไว้คงแตกตื่นตกใจเมื่อไม่สามารถติดต่อหรือค้นหาเธอพบ อาจถึงขั้นแจ้งตำรวจและติดต่ออาสาวผู้ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศอังกฤษกับสามีชาวต่างชาติจนพลอยวิตกกังวลไปด้วย มิหนำซ้ำงานออกแบบเครื่องประดับชิ้นล่าสุดที่รับมาจากร้านเพชรยังไม่เสร็จตามกำหนดส่ง แต่ในเมื่อมาอยู่บนดาวอาริออสที่ห่างไกลจากโลกไม่รู้กี่ปีแสง[5]แบบนี้แล้วก็ไม่มีประโยชน์ที่จะคิดถึงมันอีก ยังโชคดีที่มิได้เลี้ยงสัตว์ให้ต้องคอยเป็นห่วงหนักขึ้นว่ามันจะกินอยู่อย่างไรยามเจ้าของไม่อยู่เช่นนี้

ปัณฑารีย์ถอนหายใจยาวหวังระบายความรู้สึกอึดอัดถ่วงหนักในอกออกมาบ้าง หากความคิดเคว้งคว้างไร้ที่ยึดเหนี่ยวกลับยิ่งส่งผลให้เธอคิดถึงบ้านมากกว่าเดิม แม้จะอาศัยอยู่ตามลำพังหลังจากบิดามารดาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตไปเมื่อสามปีก่อน ภาษาอันคุ้นเคยและวัฒนธรรมไทยที่แวดล้อมรอบกายก่อนถูกลักพาตัวมาก็ไม่เคยทำให้รู้สึกอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวขนาดนี้มาก่อน

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเหลียวมองรอบสระว่ายน้ำอันสงบร่มรื่นอย่างหม่นหมอง ความสมบูรณ์แบบเบื้องหน้าแทบไม่ต่างจากภาพถ่ายในหนังสือรวบรวมภาพการตกแต่งภายในของสถานที่สวยงามสะดุดตาชวนให้บรรดาผู้อ่านใฝ่ฝันถึง ฐานะมั่งคั่งของไซเร็คสามารถบันดาลความหรูหราฟุ่มเฟือยแก่ทุกสิ่งที่อยู่ในครอบครองได้ง่ายดาย และรสนิยมส่วนตัวของเขาก็รังสรรค์แต่งเติมสภาพแวดล้อมรอบกายให้มีความงดงามวิจิตรบรรจงยิ่งขึ้น

กระนั้นเธอกลับไม่อยากอยู่ที่นี่…

หญิงสาวชาวโลกทิ้งศีรษะพาดพนักด้านหลังแล้วมองเพดานใสเบื้องบนอย่างไร้จุดหมาย เริ่มสำนึกได้ว่าความปรารถนาที่เคยอยากจะอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่สวยงามเช่นนี้มิได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเมื่อกลายเป็นจริง แต่กลับส่งผลให้เกิดความรู้สึกผิดที่ผิดทางไม่ถูกต้อง มิหนำซ้ำยังตอกย้ำให้ตระหนักถึงสภาพอันน่าสมเพชของตนเองอยู่ตลอดเวลา

ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่นขณะกระบอกตาเริ่มร้อนผะผ่าวยามคิดถึงสถานะแท้จริงในปัจจุบันของตนเอง ถึงแม้ไซเร็คจะเมตตาเอื้ออารีต่อเธอมากจนควรมอบใบประกาศเกียรติคุณชั้นหนึ่งให้ แต่สิ่งที่ต้องประสบยามถูกนำตัวมายังดาราจักรแห่งนี้ก็ยังติดตรึงอยู่ในความทรงจำไม่เสื่อมคลาย

ความหวาดหวั่นสะพรึงกลัวที่เกิดขึ้นในครั้งแรกเมื่อรู้ว่าตนเองอยู่บนยานอวกาศซึ่งกำลังเดินไปมาสู่เซเฟรัสส่งผลให้หญิงสาวทุกคนที่ถูกลักพาตัวกลายเป็นความวิตกกังวลจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ อาจถึงขั้นล้มป่วยหากไม่เพราะมนุษย์ต่างดาวพวกนั้นเตรียมการรับสถานการณ์ดังกล่าวไว้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการสอบประวัติความเป็นมาโดยละเอียด ตรวจสุขภาพลึกถึงระดับดีเอ็นเอด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์สุดไฮเทค และดูแลผู้หญิงทุกคนให้สมบูรณ์แข็งแรงตลอดการเดินทางควบคู่ไปกับให้ความรู้ขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับดาราจักรแห่งนี้

กระนั้นเธอก็ยังรู้สึกราวกับเป็นแมลงที่ถูกนักกีฏวิทยาจับมาศึกษาสังเกตการณ์ภายใต้แว่นขยายกำลังสูง…

การใช้ชีวิตอยู่ในยานอวกาศไคม่าหกสิบห้าคือการอาศัยอยู่ภายใต้การสอดส่องตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง มีการใช้กำลังบังคับขู่เข็ญเหล่าผู้หญิงหัวแข็งดื้อรั้นที่ต่อต้านขัดขืนกับคำสั่งต่างๆ แม้จะไม่ถึงขั้นลงมือทำอันตรายจนเกิดการบาดเจ็บทางกายหนักหนาสาหัสก็ตาม

ถึงสภาพการตกเป็นทาสในอดีตจะโหดร้ายทารุณยิ่งกว่านี้ แต่ก็คงให้ความรู้สึกไม่ต่างกัน…

มือขาวเหลืองนวลยกแก้วเนื้อบางใสบรรจุน้ำเปล่าเกือบเต็มขึ้นส่องกับแดดอ่อนจางที่ลอดผ่านเพดานใสเหนือสวนในบ้าน คุณสมบัติของน้ำหักเหทิศทางของแสงให้ภาพเบื้องหลังที่นัยน์ตาสีนิลสวยมองผ่านแก้วบิดเบี้ยวผิดส่วนไปทุกอย่าง

องค์ประกอบของบางสิ่งบางอย่างไม่เคยเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะอยู่แห่งหนใดในจักรวาล...

ความเป็นจริงที่โถมเข้ากระแทกใจเรียกหยาดน้ำอุ่นๆมาเอ่อคลอเต็มเบ้าตาจนแทบกลั้นไว้ไม่ไหวต้องปล่อยให้ไหลลงอาบสองแก้มเป็นร อยทาง รอยยิ้มขื่นผุดขึ้นบนริมฝีปากอิ่มหลังได้รับรู้ถึงการคงอยู่ในสภาพเดิมไม่แปรผันก่อนสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วดื่มน้ำรวดเดียวหมดแก้ว

เธอไม่มีวันได้กลับบ้านอีกแล้ว…





“ในเมื่อเราได้ข้อสรุปแล้ว ผมก็หวังว่าพวกคุณจะสามารถจัดการได้ตามแผนงานที่เรากำหนดไว้ในวันนี้นะครับ”

ดวงตาสีน้ำเงินเข้มละม้ายท้องฟ้ายามราตรีหลังแว่นใสไร้กรอบกวาดมองเหล่าผู้เข้าร่วมประชุมด้วยแววคมกล้าบอกความอดกลั้นตรงข้ามกับสีหน้านุ่มนวลคงเดิมตลอดการประชุมแผนกวิศวกรรมโทรคมนาคม ท่าทางสงบขรึมของเขาทำให้ผู้คนรอบโต๊ะตัวยาวตอบรับด้วยอาการกระตือรือร้นหมายจะแก้ตัวและสร้างความมั่นใจให้เจ้านายอย่างเต็มที ่ เมื่อปิดประชุมทุกคนก็ทยอยเก็บของออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

ไซเร็ครอจนทุกคนออกไปหมดแล้วจึงลุกเป็นคนสุดท้ายเดินออกมาพร้อมกับผู้ช่วยฝ่ายบริหาร ใบหน้าคมคายหันไปมองหนุ่มผมบลอนด์ที่มีอาการขมวดคิ้วนิ่วหน้าไม่ต่างจากผู้เข้าร่วมประชุมคนอื่น แม้จะพอใจกับความทุ่มเทเอาจริงเอาจังของอีกฝ่ายก็อดนึกขันมิได้

“มีอะไรน่าหนักใจนักหรือ เวนเซล”

“ผมเกรงว่ากำหนดการใหม่นี้จะต้องเลื่อนออกไปน่ะสิครับ” นัยน์ตาสีฟ้าเข้มของหนุ่มผมทองมองเจ้านายก่อนเหลือบดูข้อมูลสรุปการประชุมในมือ “เท่าที่ทราบมา ปัญหาความบกพร่องในโปรแกรมใหม่ที่วางแผนจะใช้ในโครงการล่าสุดยังไม่ดีขึ้นเท่าไร หากแผนกวิจัยและพัฒนายังหาทางแก้ไม่ได้ จะต้องเกิดผลกระทบต่อเนื่องแน่”

“คุณไม่มั่นใจว่าเขาจะแก้ไขเสร็จทันเวลา” หนุ่มชาวคีเรี่ยนช่วยเติมสิ่งที่อีกฝ่ายไม่ได้พูดออกมา “ถ้าอย่างนั้นก็ไปจัดการให้พวกนั้นทำให้เสร็จทันเวลาสิ”

“ได้เลยครับเจ้านาย” เวนเซลตอบรับด้วยสีหน้าเรียบเฉยในขณะที่น้ำเสียงกลับแฝงไปด้วยสำเนียงประชดกึ่งยอมรับในชะตากรรมที่มาเยือนเรียกรอยยิ้มกริ่มให้ผุดขึ้นมาบนริมฝีปากเจ้านายทันที

“นี่ล่ะ ข้อดีของการเป็นเจ้านาย”

“ผมก็ว่างั้นแหละ” ผู้ช่วยหนุ่มพึมพำเบาๆก่อนแยกตัวเดินไปอีกทางจัดการเร่งงานให้คืบหน้าตามคำสั่ง ปล่อยให้ไซเร็คกลับไปยังห้องทำงานตามลำพัง

แต่ก่อนที่เขาจะได้กลับเข้าไปทำงานต่อก็ถูกร่างเพรียวบางในชุดกระโปรงทำงานสีม่วงเข้มจัดปราดออกมาขวางไว้ และอากัปกิริยาที่ปกปิดความฉุนเฉียวไว้ไม่มิดของดาร์ยาสร้างความฉงนให้คนเห็นทันที

“เกิดอะไรขึ้น”

“คุณเคอร์กิสมารอพบสักครู่แล้วค่ะ” น้ำเสียงหวานรายงานราบรื่นตามปกติ หากแววในดวงตาสีเขียวอ่อนเผยความยุ่งยากเตือนให้ชายหนุ่มรู้ว่าผู้มาเยือนคงมิได้แสดงอารมณ์สุภาพอ่อนหวานกับผู้ช่วยสาวของเขานัก หนุ่มชาวคีเรี่ยนพยักหน้ารับทราบก่อนก้าวเข้าไปในห้องทำงานแม้จะเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง

เคอร์กิสมาทำไม?

“วันนี้เราไม่ได้นัดกันไม่ใช่หรือครับ” ไซเร็คเปรยขณะสาวเท้ายาวๆไปยังโต๊ะทำงานตัวใหญ่รูปทรงทันสมัยพลางจับตามองร่างสันทัดที่พ่วงพีขึ้นตามกาลเวลาของผู้รอคอยอยู่ นัยน์ตาสีท้องฟ้ายามราตรีมองหาร่องรอยของการมาเยือนในใบหน้าค่อนข้างกลมไปพร้อมกัน

ชายชราผมสีเทาขาววัยหกสิบกว่าปีเบื้องหน้าคือหนึ่งในคณะกรรมการบริหารธุรกิจของอิลราซานมาตั้งแต่รุ่นบิดาของเขา และก็เพราะฐานะเพื่อนของโซทิรัส อิลราซาน ทำให้เขายังสามารถยึดที่นั่งบนโต๊ะประชุมไว้ได้จนถึงปัจจุบัน

“เราไม่ได้นัดกัน” อีกฝ่ายยอมรับหลังได้ยินคำเตือนแฝงในวาจาของหนุ่มรุ่นลูกถึงการเข้าพบโดยไม่มีการนัดหมาย หากเขาก็รีบขออภัยโดยเร็วเมื่อคิดถึงธุระสำคัญที่ทำให้ตนเองต้องมาในวันนี้ “ขอโทษด้วยถ้าผมมารบกวนเวลาตอนกำลังยุ่ง แต่ผมมีความจำเป็นจริงๆ”

“ถ้าอย่างนั้นก็รีบหน่อยนะครับ ผมยังมีเรื่องต้องจัดการอีกมาก”

ดวงตาสีฟ้าใสหรี่ลงไม่พอใจในวาจากึ่งสั่งกึ่งแนะจากปากบุตรชายของเพื่อนแวบหนึ่ง ร่างสูงเพรียวในชุดสูทสีเทาเงินยังคงยืนอยู่หลังโต๊ะทำงานเมื่อเปิดแบบจำลองระบบการทำงานของโปรแกรมที่กำลังพัฒนาล่าสุดขึ้นกลางอากาศ ภาพอันประกอบขึ้นจากการรวมตัวกันของแสงสีต่างๆโยงใยไปมาส่งผลให้ลิสโตตัดสินใจเอ่ยถึงสาเหตุที่มาเยือนก่อนจะปวดศีรษะไปกับมัน

“คุณคงรู้อยู่แล้วว่าตอนนี้ธุรกิจหลายประเภทกำลังมีปัญหา”

“ครับ เรื่องนั้นผมทราบ” ศีรษะสีดำปนน้ำตาลผงกรับอย่างเคร่งขรึมขณะพิจารณารายละเอียดของโปรแกรมในแต่ละจุดอย่างระมัดระวัง “ตอนนี้คู่ค้าของเราก็ประสบปัญหาอยู่เช่นกัน”

“ผมก็มีปัญหาอยู่บ้างเหมือนกัน” ลิสโตขยับเปลี่ยนท่านั่งคลายความอึดอัดเล็กน้อยก่อนเริ่มเข้าสู่ใจความสำคัญ “เมื่อสองวันก่อนผมไปคุยกับธนาคารเพื่อขอสินเชื่อ มันเป็นเงินจำนวนค่อนข้างมากและทางธนาคารก็ต้องการให้มีคนมาค้ำประกัน ผมก็เลยมาขอความช่วยเหลือจากคุณ”

นักธุรกิจหนุ่มหยุดการจดบันทึกสิ่งที่ควรแก้ไขเพิ่มเติมแล้วหันเหความสนใจมาสู่ร่างท้วมหน้าโต๊ะทำงานเป็นครั้งแรก มือใหญ่วางปากกาลงอย่างนุ่มนวลยามสบตากับดวงตาสีฟ้าอ่อนใสให้ความสนใจอย่างเต็มที่

“ถ้าผมจำไม่ผิด ครั้งสุดท้ายที่เราคุยกันเรื่องการลงทุนในสินค้าใหม่นั่น ผมเคยบอกไปแล้วไม่ใช่หรือครับว่ามันไม่มีทาง

ประสบความสำเร็จ เทคโนโลยีที่คนพวกนั้นพยายามเสนอขายไม่มีทางเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ แม้ทฤษฎีนั่นจะฟังดูดีขนาดไหนก็ตาม”

“ใช่ๆ ผมจำได้ และผมก็ไม่ได้ลงทุนตามที่คุณแนะนำ” น้ำเสียงของผู้มาเยือนเร่งร้อนระมัดระวังจนคู่สนทนาเริ่มหงุดหงิดด้วยความเบื่อหน่ายในรูปแบบเดิมของการขอความช่วยเหลือที่ดำเน ินมาตลอดหลายปี “แต่ครั้งนี้มันเป็นเรื่องไม่คาดฝันจริงๆ คุณคงเห็นข่าวแผ่นดินถล่มเมื่อเดือนก่อนแล้ว โรงงานใหม่ของผมก็ตั้งอยู่ในบริเวณนั้นพอดี ทั้งโรงงานเสียหายเกือบหมดเลย”

หนุ่มชาวคีเรี่ยนมองอาการถอนใจของลิสโตยามเจ้าตัวคิดถึงภาพความหายนะอันเกิดจากภัยธรรมชาติที่ส่งผลให้สูญเสียทรัพย์สินมูลค่ามากมายด้วยแววตาสงบนิ่ง แม้คำบอกเล่าของอีกฝ่ายก็ถูกต้องตรงกับที่เขาได้รับรายงานมาตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ธรณีพิบัติมาก่อนแล้ว หากไซเร็คก็มิได้ใจอ่อนยอมช่วยเหลือตามคำร้องขอของอีกฝ่าย

“เสียใจด้วยนะครับ แต่เรื่องนี้ผมขอผ่าน”

คิ้วหนาสีเทาขาวขมวดเข้าหากันหลังได้ยินวาจาของคู่สนทนาถนัดชัดเจน สีหน้ากลัดกลุ้มลำบากใจเปลี่ยนเป็นร้อนรนกระวนกระวายทันควัน

“ทำไมล่ะ” ลิสโตถามเสียงดังก่อนจะปรับสีหน้าให้อ่อนลงเมื่อนึกถึงหลักฐานยืนยันที่ควรจะให้อีกฝ่ายดูขึ้นมาได้ ล้วงมือลงไปในกระเป๋าเอกสารที่ถือมาเพื่อหยิบคอมพิวเตอร์พกพาขึ้นมา “จริงสิ! ผมควรจะให้คุณตรวจดูก่อนว่าสภาพการเงินเป็นอย่างไรบ้าง”

“ไม่จำเป็นครับ ไม่ว่าผมจะได้เห็นหรือไม่ ผมก็ยืนยันคำเดิม” ศีรษะสีดำปนน้ำตาลส่ายเล็กน้อยเป็นเชิงปฏิเสธเช่นเดียวกับคำพูด ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจับจ้องตาอีกฝ่ายดึงความสนใจให้แน่ใจว่าเขาเข้าใจในสิ่งที่กำลังจะพูดต่อไปนี้ “ผมไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จากการค้ำประกันให้คุณเลย และจากสถิติในอดีตที่ผ่านมา การชำระคืนของคุณมักจะเกินกำหนดเสมอ”

ใบหน้าอวบอูมขาวซีดเริ่มแดงด้วยโทสะและความอับอายจากการสบประมาทกึ่งเตือนความจำของหนุ่มรุ่นลูก ดวงตาสีฟ้าอ่อนมองใบหน้าคมคายที่ยังคงเรียบเฉยขณะพยายามข่มกลั้นอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่นมากขึ้นทุกวินาที

“เรื่องนี้สำคัญกับผมจริงๆ คุณจะช่วยคิดทบทวนดูสักครั้งได้ไหม”

“ขอโทษนะครับลิสโต แต่ผมตัดสินใจไปแล้ว และจะไม่เปลี่ยนใจด้วย” หนุ่มชาวคีเรี่ยนยืนยันคำเดิมอีกครั้งก่อนหันกลับไปหางานที่ค้างคาอยู่เป็นสัญญาณสิ้นสุดการสนทนาแต่เพียงเท่านี้ และกิริยาตัดบทแบบไม่เกรงใจที่ได้เห็นก็ทำให้ชายชรายิ่งขัดเคืองมากกว่าเดิม

ในอดีต โซทิรัส อิลราซาน เคยให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่เขามากมายหลายครั้ง และยอมยืดระยะเวลาในการชำระคืนออกไปอย่างไร้เงื่อนไข หากชายหนุ่มรุ่นลูกก็แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่าไม่มีน้ำใจเผื่อแผ่ให้เพื่อนของบิดาผู้ล่วงลับอย่างแน่นอน!





อาหารร้อนกรุ่นหน้าตาสวยงามส่งกลิ่นหอมหวนบอกรสชาติอันเป็นเลิศไม่แพ้ภัตตาคารหรูหราชื่อดังหายลับเข้าไปในปากหญิงสาวต่างดาราจักรรวดเร็วจนไซเร็คไม่อาจละสายตาได้ ริมฝีปากอิ่มสีสดและกรามบอบบางขยับเคี้ยวเป็นจังหวะตั้งแต่เริ่มตักคำแรกใส่ปากจนเกือบจะหมดจานอยู่รอมร่อโดยไม่หยุดพัก แม้จะรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองอยู่หากปัณฑารีย์ยังคงทุ่มเทความสนใจให้กับอาหารในจานตรงหน้าราวกับอดอยากมาหลายมื้อส่งผลให้คนมองเริ่มตำหนิตนเองด้วยข้อหาดูแลหล่อนได้ไม่ดีนัก

“ช้าหน่อยสิแพน ระวังสำลักนะ” นักธุรกิจหนุ่มเตือนพลางเลื่อนชามโคมบรรจุสลัดผักสดสีสวยที่อยู่ไกลมือหล่อนเข้ามาใกล้ให้ตักได้สะดวก นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มจัดเหลือบมองดวงหน้างามก่อนจะกล่าวถึงความสามารถอันน้อยนิดในด้านเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ของหญิงสาวชาวโลกซึ่งได้รับทราบเมื่อสองวันก่อน “วันนี้คงไม่ได้อดอีกนะ สอนวิธีใช้เครื่องทำอาหารไปแล้ว คุณคงไม่ลืมใช่ไหม”

หญิงสาวส่ายศีรษะขณะพยายามเคี้ยวและกลืนสิ่งอยู่ในปากให้ลงคอไปเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ คว้าแก้วน้ำมาดื่มตามไล่หลังลงไปตามหลอดอาหารก่อนจะตอบอีกฝ่ายโดยไม่มองหน้าเขาเช่นเดิม

“ไม่ลืมหรอก ฉันแค่ใช้แรงงานมากไปหน่อยเท่านั้นแหละ”

“ใช้แรงงาน” ไซเร็คทวนคำพลางเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะสอบถามด้วยความสนใจในกิจกรรมที่ทำให้ปัณฑารีย์เสียพลังงานจนมีท่าทางหิวโหยเช่นนี้

“สำรวจบ้านคุณไง ก็ลองใช้เครื่องอำนวยความสะดวกสารพัดอย่างที่มีในบ้านนี้นั่นแหละ”

นัยน์ตาสีนิลตวัดค้อนขวับใส่ใบหน้าหล่อเหลาชวนมองมากกว่าปกติยามอีกฝ่ายหัวเราะขำ ชักหงุดหงิดที่ชายหนุ่มกระเซ้าว่าตนเองเป็น ’มนุษย์ถ้ำ’ ตั้งแต่ได้ทราบว่าเธอจำต้องอดอาหารเพราะใช้งานเครื่องมือล้ำสมัยเต็มไปด้วยเทคโนโลยีอันสูงส่งปานยอดสนของดาราจักรเซเฟรัสไม่เป ็นจนต้องแหวใส่

“ไม่ต้องมาหัวเราะเยาะเลยนะไซเร็ค! โลกอาจจะไม่ก้าวหน้าขนาดมีแอนดรอยด์มาคอยรับใช้ตั้งแต่ตื่นยันหลับ แต่ก็ไม่ได้โบราณคร่ำครึหรือไม่พัฒนาเป็นมนุษย์ถ้ำนะ แล้วถึงฉันจะเป็นเด็กศิลป์เรียนจบออกแบบเครื่องประดับมาก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีปัญญาเรียนรู้สักหน่อย ดาวบ้านี่ก็ไม่ได้มีวิทยาการสูงส่งมาตั้งแต่ตอนเย็นตัวลงด้วย! หัดเห็นใจกันบ้างสิยะ!”

ดวงตาสีน้ำเงินเข้มราวท้องฟ้ายามราตรีเป็นประกายระยับด้วยความขบขันกับท่าทางเอาจริงเอาจังของปัณฑารีย์ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มละไมส่งข้ามโต๊ะให้จนคนอารมณ์ไม่ดีนึกอยากกระโจนข้ามไปบีบคอตัดสินให้รู้กันไปข้างหนึ่ง หากยังเกรงใจฐานะเจ้าของบ้านของชายหนุ่มจึงส่งสีหน้าบูดบึ้งไปกำนัลแต่เพียงอย่างเดียว

“ผมก็ไม่คิดจะว่าอะไรคุณ อย่าคิดมากสิ” หนุ่มชาวคีเรี่ยนปลอบเสียงนุ่มก่อนยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาจิบปิดบังความขบขันที่เพิ่มมากขึ้นทุกขณะ ทว่าสายตาช่างจับผิดของมนุษย์ถ้ำสาวยังทำงานได้เป็นอย่างดีดวงตาคู่งามจึงขึงใส่เขามากขึ้นไปอีก

“หยุดหัวเราะได้แล้ว! ฉันไม่ขำเลยสักนิด!”

เสียงแหวแหลมๆและใบหน้าแดงระเรื่อจนก่ำสีละม้ายเด็กน้อยถูกขัดใจของปัณฑารีย์ทำลายมารยาทอันดีงามของชายหนุ่มลงจนหลุดหัวเราะออกมาจนไหล่กว้างสั่นสะท้าน นัยน์ตาสีนิลวาววับจ้องเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อมากยิ่งขึ้น แต่เมื่อไม่อาจเอาคืนได้หญิงสาวจึงหันไปกวาดอาหารใส่ปากให้ท้องอิ่มเป็นการระบายอารมณ์แทน

ริมฝีปากบางได้รูปสวยมีรอยยิ้มแต่งแต้มตลอดเวลาที่นั่งอยู่ในโต๊ะอาหารจนกระทั่งหญิงสาวเริ่มขยับพิงพนักเก้าอี้ด้วยดวงตาหรี่ปรือบอกความง่วงงุน ชายหนุ่มขยับมือส่งสัญญาณเรียกแอนดรอยด์รับใช้ให้มาเก็บโต๊ะพร้อมลุกขึ้นยืนบอกให้อีกฝ่ายทราบว่ามื้อเย็นสิ้นสุดลงแล้ว

“ง่วงแล้วก็ไปอาบน้ำเถอะแพน นั่งหลับตรงนี้ไม่สบายหรอก เดี๋ยวพอฝนตกอากาศก็จะเย็นลงแล้ว” มือใหญ่จับข้อศอกประคองร่างเล็กกว่าให้ยืนขึ้น “ผมตั้งอุณหภูมิน้ำในอ่างไว้ให้แล้ว แค่กดปุ่มแล้วรอให้น้ำเต็มคุณก็อาบได้เลย”

“คุณทำเองเลยเหรอ แล้วแอนดรอยด์ล่ะ” คำบอกเล่าของอีกฝ่ายสร้างความฉงนให้คนง่วงนอนทันทีที่จบประโยค งานดูแลบ้านทั้งหมดชายหนุ่มปล่อยให้หุ่นยนต์ทรงประสิทธิภาพเป็นผู้รับผิดชอบ ไม่มีความจำเป็นใดๆที่เขาจะต้องจัดการด้วยตนเองเลยสักอย่างเดียว

“แอนดรอยด์ทำได้ แต่คุณต้องไม่ลืมว่าอุณหภูมิที่พอเหมาะกับร่างกายของแต่ละคนไม่เท่ากัน สภาพอากาศของอาริออสในช่วงนี้ก็เปลี่ยนแปลงทุกวัน ถ้าไม่ปรับอุณหภูมิน้ำอาบตาม ร่างกายคุณจะทนไหวหรือ” ร่างสูงอธิบายขณะพามนุษย์ต่างดาวสาวเดินออกจากห้องอาหารเล็กคู่กันมาก่อนจะหยุดยืนเมื่อถึงเชิงบันไดกว้างขวาง “อย่าเผลอหลับในอ่างล่ะ”

ปัณฑารีย์ก้าวขึ้นบันไดพร้อมคลี่ยิ้มละมุนส่งให้ชายหนุ่มเมื่อรับรู้ถึงความปรารถนาดีที่มีให้ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างการตั้งค่าอุณหภูมิน้ำอาบหญิงสาวก็ยังรู้สึกตื้นตันจนหัวใจที่ห่อเหี่ยวตั้งแต่ถูกลักพาตัวมาพองฟู นักธุรกิจหนุ่มงานยุ่งกลับบ้านค่ำทุกวันได้พยายามดูแลมนุษย์ต่างดาวไม่เอาไหนอย่างเต็มที่โดยไม่เคยบ่นให้ได้ยินสักคำเดียวสมควรจะได้รับการขอบคุณอย่างดีที่สุดเท่าที่เธอจะให้ได้

“ขอบคุณค่ะ”

ไซเร็คนิ่งงันไปเมื่อได้ยินน้ำเสียงอ่อนหวานจริงใจอันนุ่มนวลเสมอกับรอยสัมผัสแผ่วเบาของริมฝีปากนุ่มบนผิวแก้ม แววประหลาดใจที่ฉายชัดในดวงตาสีน้ำเงินเข้มสร้างความขบขันให้หญิงสาวชาวโลกจนดวงหน้าเก๋สดใสแช่มชื่นด้วยรอยยิ้มกว้างขวาง พวงแก้มเนียนแดงระเรื่อไปด้วยเลือดฝาดฉีดซ่านปรากฏให้เห็นแวบหนึ่งก่อนแผ่นหลังบางจะลับหายขึ้นบันไดไป

ร่างสูงใหญ่ยืนไม่ขยับอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายศีรษะราวกับจะขับไล่ความประหลาดใจออกไปให้พ้นจากสมอง หากตลอดทางที่เดินไปยังห้องทำงานและยามลงมือจัดการกับงานที่ยังคั่งค้างอยู่ใบหน้าคมเข้มยังมีรอยยิ้มประดับไม่คลาย

“มีการติดต่อเข้ามาจากคุณเธรอนค่ะ อนุญาตไหมคะคุณไซเร็ค” เมนเฟรมคอมพิวเตอร์รายงานขึ้นขณะชายหนุ่มตรวจสอบแบบแปลนดาวเทียมที่กำลังผลิตเพิ่มเพื่อใช้ในโครงการใหม่

“ต่อเข้ามาได้เลย” นักธุรกิจหนุ่มตอบรับโดยไม่เงยหน้าจากงานบนโต๊ะจนกระทั่งได้ยินเสียงเพื่อนสนิททักทายดังออกมาจากเครื่องมือสื่อสารคุณภาพดีที่สุดเท่าที่พัฒนาขึ้นมาได้

“โครงการเป็นยังไงบ้าง มีปัญหาอะไรรึเปล่า” เสียงห้าวแจ่มใสดังขึ้นอย่างร่าเริงตามลักษณะนิสัยของชายหนุ่มผู้มีชีวิตอยู่กับความเสี่ยงมาตลอดตั้งแต่ถือกำเนิดขึ้นบนผืนพิภ พ

“ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอก แล้วแกล่ะเธรอน” เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเหลือบไปมองพื้นที่ว่างกลางห้องก่อนจะคิ้วเข้มจะขมวดเมื่อไม่เห็นมีภาพโฮโลกราฟฟิคของอีกฝ่ายปรากฏ ขึ้นตามปกติ “เพิ่งรู้ตัวหรือไงว่าฉันเบื่อขี้หน้าแล้วถึงได้ไม่โผล่หน้ามาให้เห็น”

เสียงหัวเราะขบขันที่ดังขึ้นนั้นคุ้นเคยจนชายหนุ่มมองเห็นสีหน้าและท่าทางของอีกฝ่ายในจินตนาการอย่างชัดเจน เธรอนเป็นเพื่อนสนิทที่คบหากันมากว่าสิบห้าปีตั้งแต่ได้พบกันครั้งแรกเมื่อเข้าศึกษาในศูนย์การเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับสามบนดาวการศึกษาอันดับหนึ่งของกาแล็กซี และเพื่อนคนนี้ก็แนะนำให้เขาได้รู้จักกับการใช้ชีวิตโลดโผนอันแสนอิสระเสรีเป็นคนแรก

“ฉันอยู่ระหว่างเดินทางไปฮาร์น ดาวเคราะห์รอบนอกกาแล็กซีน่ะ การติดต่อสื่อสารไม่ค่อยดีถึงได้ถามแกไงว่าโครงการมีปัญหาอะไรรึเปล่า”

คำแหย่เรียกรอยยิ้มนักธุรกิจหนุ่มจนเจ้าตัวต้องวางมือจากงานหันมาตั้งใจพูดคุยกับอีกฝ่าย

“คำถามนั้นแกต้องไปถามบริษัทที่วางระบบการสื่อสารแถบนั้นแต่เดิม หรือไม่ก็ช่างเทคนิคที่ซ่อมบำรุงเครื่องมือสื่อสารในยานแก ไม่ใช่ฉัน มีคนสนใจจะสั่งซื้ออาวุธเยอะหรือไง แกถึงต้องเดินทางไปฮาร์นด้วยตัวเอง”

“เผอิญฉันไม่โชคดีขนาดนั้นว่ะ” เธรอนแค่นเสียงบอกอารมณ์เบื่อหน่ายไม่ปิดบังตามนิสัยไม่แยแสใครที่คนภายนอกอาจมองว่าไม่น่าคบ “โรงงานที่นั่นมีปัญหา ผู้อำนวยการดันแก้ไม่ตกจนฉันต้องถ่อไปจัดการด้วยตัวเอง ถึงเวลาต้องหาคนใหม่เข้าไปแทนที่มันแล้วล่ะ”

“ฉันไม่สนใจงานนี้หรอกนะ” ไซเร็คพูดกลั้วหัวเราะก่อนจะหยิบปากกามาหมุนเล่นในมือ

“เอาเป็นว่าถ้าฉันต้องการคนเจาะระบบเมนเฟรมคู่แข่งฉันจะเรียกแกแล้วกัน แล้วแม่สาวนั่นเป็นไงบ้างล่ะ”

การเปลี่ยนเรื่องเร็วกว่าจะกะพริบตาทันของเพื่อนสร้างความแปลกใจให้นักธุรกิจหนุ่มจนต้องย้อนถามกลับ

“นี่ติดต่อมาเพราะอยากจะรู้เรื่องนี้น่ะหรือ”

“เฮ้! เฮ้! อย่าลืมสิว่าฉันเป็นคนส่งของขวัญชิ้นนี้ไปให้นะ ฉันก็ต้องอยากจะติดตามผลบ้างเป็นธรรมดา” ลีลายั่วยวนกวนประสาทของอีกฝ่ายยังอยู่ในระดับเดิมไม่เปลี่ยนแปลงจนคนฟังแกล้งถอนใจดังๆให้ได้ยิน “หนักใจขนาดนั้นเชียว ถ้าแกรับไม่ไหวก็ส่งมาให้ฉัน รับรองว่าไม่ปล่อยให้หล่อนว่างแน่ๆ”

หนุ่มชาวคีเรี่ยนหัวเราะอย่างสุดกลั้นยามนึกถึงความเสียหายน่าขบขันที่ปัณฑารีย์สร้างขึ้นยามเขาไม่อยู่บ้าน และอารมณ์เบิกบานแจ่มใสกว่าปกติของเขาก็กระตุ้นความอยากรู้ของเธรอนได้ดียิ่งกว่าเชื้อเพลิงยานอวกาศยามไม่อาจมองเห็นหน้าคู่สนทนาได้แบบนี้

“ฉันจำได้ว่าแกเคยมีมารยาทดีกว่านะนี้ไซเร็ค คงไม่ต้องให้เตือนนะว่าแกควรจะทำยังไงในเมื่ออีกฝ่ายไม่เข้าใจว่าแกกำลังหัวเราะเรื่องบ้าอะไรอยู่ ตกลงว่าถูกใจแม่สาวนั่นสินะ กะแล้วว่าแกจะต้องชอบ ไม่เสียแรงที่ฉันอุตส่าห์เลือกให้แกด้วยตัวเอง”

ประโยคสุดท้ายที่ได้ยินดับความขบขันของไซเร็คจนหมดทันทีที่ฟังจบ คิ้วเข้มพาดเฉียงขมวดเข้าหากันอีกรอบด้วยสีหน้าจริงจัง

“ของขวัญแบบนี้ไม่ได้ถูกใจฉันเลย เธรอน แกน่าจะรู้ดีเกินกว่าจะทำแบบนี้นะ”

“เพราะรู้น่ะสิถึงได้ส่งแม่สาวนั่นไปให้” คนฟังสวนกลับมาอย่างหนักแน่นพอกัน แต่แล้วแววรื่นเริงก็หวนกลับเข้ามาสู่น้ำเสียงอีก “ตกลงหล่อนเป็นยังไงบ้าง ร้อนแรงถูกใจแกรึเปล่า”

“บ้านฉันร้อนฉ่ายิ่งกว่าทะเลทรายเบียร่าเสียอีก“ นักธุรกิจหนุ่มเจ้าของธุรกิจโทรคมนาคมนึกอยากเข้าไปอยู่ในยานอวกาศที่กำลังเดินทางไปยังฮาร์นจะได้มีโอกาสตอบแทนเพื่อนตัวแสบให้สมกับที่มีน้ำใจส่งของขวัญมาให้เขา แต่ก็เบี่ยงเบนความสนใจของคู่สนทนาด้วยการเอ่ยอ้างถึงทะเลทรายที่มีอุณหภูมิโหดร้ายที่สุดในแถบนี้ “ร้อนสุดๆเลย”

“ก็ดีแล้วนี่ ช่วงหลังนี่ชีวิตแกมันจืดชืดเกินไป” อีกฝ่ายตอบกลับมาก่อนเปลี่ยนประเด็นไปยังสาเหตุหลักที่ติดต่อมา “ตอนนี้มีอะไรบ้างไหม”

“มีไอ้ที่น่าสนใจอยู่เรื่องหนึ่ง”

มือใหญ่แตะผิวหน้าของโต๊ะสั่งระบบคอมพิวเตอร์ที่ซ่อนอยู่ให้เริ่มการทำงาน สั่งให้ส่งไฟล์ข่าวสารที่ใช้โปรแกรมพิเศษดึงออกมาจากระบบการสื่อสารภายใต้การควบคุมของเขาไปให้อีกฝ่าย ก่อนเปิดรายงานข่าวเหตุการณ์ฆ่าชิงทรัพย์บนดาวเคราะห์ห่างไกลที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่วันก่อนให้ปรากฏขึ้นในอากาศเหนือโต๊ะทำงาน รอจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายดูจนจบเรียบร้อยแล้วจึงดำเนินการสนทนาต่อ

“ถึงคอร์เตก้าจะเป็นเมืองท่องเที่ยว ก็ไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังนัก ที่นั่นขายแต่ธรรมชาติกับวิถีชีวิตพื้นเมืองเหมือนเมืองอื่นบนดาวเคราะห์ดวงเดียวกัน การก่อคดีร้ายแรงโดยคนพื้นเมืองไม่ช่วยให้เศรษฐกิจของเมืองดีขึ้นเลย”

“ข้อมูลที่แกหามาบอกอะไรอีกบ้างล่ะ” เสียงห้าวต่ำถามหลังได้ฟังการวิเคราะห์เศรษฐกิจการท่องเที่ยวของคอร์เตก้าแบบรวบรัด “รายละเอียดแผนการจัดการการท่องเที่ยวรึไง”

“จะว่าไปก็ใช่ ที่นั่นพยายามส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยการอบรมให้ความรู้ด้านการท่องเที่ยวแก่ผู้ประกอบการและคนในท้องถิ่นมาสักพักแล้ว และฝ่ายประชาสัมพันธ์ก็ดึงเรื่องความโอบอ้อมอารีมีน้ำใจของคนพื้นเมืองกับความปลอดภัยเป็นจุดขายหลัก”

“พวกนั้นไม่คิดจะหาอะไรใหม่ๆมาเสนอขายบ้างหรือไงนะ” เธรอนเปรยด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายก่อนหันไปตอบคำถามของลูกน้องที่แทรกเข้ามาครู่หนึ่ง “อะไรล่ะที่แกว่าน่าสนใจ”

คำถามของอีกฝ่ายส่งผลให้ใบหน้าคมคายทวีความเคร่งขรึมมากขึ้น ออกคำสั่งส่งไฟล์ข้อมูลอีกชุดหนึ่งเพิ่มให้คู่สนทนาก่อนจะเอ่ยถึงสิ่งที่ไม่ได้ถูกนำเสนอสู่สาธารณชน

“ในข่าวบอกว่าผู้เคราะห์ร้ายเป็นชาวไลเมท แต่ในความเป็นจริงหล่อนเป็นคีเรี่ยน ที่สำคัญก็คือคนตายไม่ได้มีแค่ผู้หญิงคนนี้คนเดียว สามีกับลูกสาวกำลังหลับก็ถูกไฟไหม้บ้านคลอกตายในเช้าวันเดียวกันด้วย โชคดีของเจ้าหน้าที่เมืองคอร์เตก้าที่บ้านหลังนั้นเป็นไร่ขนาดเล็กแถบชานเมืองที่เพิ่งถูกซื้อมาปรับปรุงใหม่ก็เลยประกาศได้ว่า เป็นอุบัติเหตุ ไม่อย่างนั้นข่าวคงกระจายไปทั่วจนนักท่องเที่ยวขวัญผวาเผ่นหนีกันออกมาหมดแล้ว ถึงตอนนี้การสืบสวนก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า และโอกาสจับตัวคนร้ายก็ไม่น่าจะสูงนัก”

นักธุรกิจหนุ่มมองดูภาพที่ถูกบันทึกไว้โดยเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเมื่อคู่สนทนาเงียบไปชั่วครู่หลังถูกลูกน้องขัดจังหวะอีกครั้ง ดวงตาสีท้องฟ้ายามราตรีพิจารณาความหายนะที่เหลือทิ้งไว้เพียงซากโครงสร้างมอดไหม้ของบ้านพักอาศัยด้วยแววครุ่นคิดกึ่งไม่สบายใจ แม้เขามิได้มีความผูกพันใกล้ชิดกับเผ่าพันธุ์เดียวกันมากเท่าที่บิดาผู้ล่วงลับต้องการ หากความตายด้วยสาเหตุผิดธรรมชาติของผู้มีเชื้อสายเดียวก็ทำให้รู้สึกเศร้าใจไม่น้อย

โดยเฉพาะเมื่อชาวคีเรี่ยนที่กลายเป็นประชากรของดาวเคราะห์ต่างๆในปัจจุบันเสียชีวิตอย่างน่าสงสัยก่อนเวลาอันควรเช่นนี้…

“ฉันสั่งให้ตรวจสอบข่าวลักษณะเดียวกันนี้ย้อนหลังเพิ่มเติมแล้ว อาจมีอะไรน่าสงสัยโผล่ออกมาอีกก็เป็นได้”




TBC.





5 ปีแสง (light year) คือ หน่วยของระยะทางในทางดาราศาสตร์ 1 ปีแสง เท่ากับระยะทางที่แสงเดินทางในเวลา 1 ปี จากอัตราเร็วแสงที่มีค่าเท่ากับ 299,792.458 กิโลเมตร/วินาที และ 1 ปีโลกตามหลักดาราศาสตร์ เท่ากับเวลาประมาณ 365.242199074 วัน ระยะทาง 1 ปีแสงจึงมีค่าประมาณ 9.4607×1012 กิโลเมตร = 63,241.077 หน่วยดาราศาสตร์ = 0.30660 พาร์เซก หรือประมาณ 9,460,534,186,466.8 กิโลเมตร







ปุณณารมย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 พ.ย. 2554, 14:58:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ก.ค. 2555, 12:12:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 1462





<< ตอนที่ 2   
pimsaowaluck 22 พ.ย. 2554, 20:59:23 น.
ไม่จำเจฉีกแนว ดีค่ะ ได้อ่านเรื่องแนวนี้บ้างก็สนุกดี รอตอนต่อไปอยู่นะคะ


kaoalilas 23 พ.ย. 2554, 00:00:06 น.
นางเอกเรายังกะเด็กซนๆ 5555

iv9vo9jvwx0hk


คิมหันตุ์ 23 พ.ย. 2554, 00:38:21 น.
เห็นด้วยกับ คุณ pimsaowaluck ค่า มารอตอนต่อไปจ่ะ


ปุณณารมย์ 23 พ.ย. 2554, 01:06:10 น.
pimsaowaluck
อยากเขียนอะไรใหม่ๆบ้างน่ะค่ะ เพราะที่อ่านเจออยู่ทุกวันมันก็ซ้ำซากไปหมด

kaoalilas
นางเอกซนจริงๆด้วยแหละ ^^

คิมหันตุ์
ได้อ่านเรื่องที่แตกต่างไปบ้างก็เป็นการเปลี่ยนรสชาติจริงๆค่ะ ส่วนตัวแล้วถ้าอ่านแต่แนวเดิมๆติดๆกันหลายเรื่องจะเริ่มทนไม่ไหว ต้องไปหาแนวอื่นๆมาเปลี่ยนบ้าง ไม่งั้นเบื่อตายเลยค่ะ ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account