Asylum
ปัณฑารีย์ ฑีฆะโชติ หญิงสาวชาวโลกตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกำลังอยู่บนยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว การนอนหลับเพียงชั่วคืนเดียว เปลี่ยนสถานะจากมนุษย์คนหนึ่งให้กลายเป็นสินค้าผิดกฎหมาย เป็นสินค้ามีชีวิตเพื่อสนองตัณหาของเอเลี่ยน

ชีวิตเธอคงเหมือนตกนรก หากเธอไม่ได้ถูกส่งมาเป็นของกำนัลให้แก่ ไซเร็ค อิลราซาน นักธุรกิจเจ้าของกิจการโทรคมนาคมขนาดยักษ์ของดาราจักรเซเฟรัส หนุ่มชาวคีเรี่ยนหล่อเหลาหุ่นกระชากใจ เจ้าของดวงตาสีน้ำเงินเข้มเยือกเย็น มาดสุภาพอ่อนโยน แต่ร้อนแรงจนทำให้เธอชักจะหวั่นไหวมากขึ้นทุกที

เมื่อความสัมพันธ์เริ่มจะไปได้ดี ทั้งสองกลับต้องเผชิญกับการตามล่าเอาชีวิตโดยศัตรูที่มองไม่เห็น จนต้องตัดสินใจเสี่ยงชีวิตเพื่อกระชากตัวมันออกมาสู่แสงสว่าง ก่อนที่ใครคนใดคนหนึ่งจะมีอันเป็นไป!

Tags: ต่างดาว, เซเฟรัส, คีเรี่ยน, ไซเร็ค, แพน

ตอน: ตอนที่ 2


นัยน์ตาสีนิลเป็นประกายแจ่มใสกวาดไปตามเครื่องเรือนและของประดับตกแต่งรอบกายในโถงทางเดินอย่างตื่นตาตื่นใจ สองวันที่ผ่านมาแทบจะไม่มีซอกมุมไหนของคฤหาสน์รูปทรงคล้ายบ้านสไตล์โมเดิร์นบนโลกหลังนี้ที่ปัณฑารีย์ยอมปล่อยให้หลุดรอดผ่านสายตาช่างสำรวจไปได้ง่ายๆ การตกแต่งอย่างเรียบหรูเก๋ไก๋เต็มไปด้วยประโยชน์ใช้สอย และลักษณะอันเรียบง่ายมีสไตล์ของอุปกรณ์เครื่องใช้หน้าตาไฮเทคในบ้าน ล้วนบ่งบอกถึงรสนิยมวิไลประกอบกับความชื่นชอบในเทคโนโลยีของผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี

ข้อสรุปที่ได้จากลักษณะการตกแต่งโดยรวมของเคหสถานบวกกับท่าทางการแสดงออกของชายหนุ่มสร้างความเข้าใจให้หญิงสาวจากต่างดาราจ ักรในระดับหนึ่ง ไซเร็คเป็นผู้ชายที่ชอบความเรียบง่ายหรูหราและปรารถนาความเป็นส่วนตัวอย่างยิ่ง เท่าที่สังเกตก็พบว่าอีกฝ่ายมักจะหลีกเลี่ยงการพบปะสนทนากับเธอโดยไม่จำเป็น ห้องพักที่เจ้าของบ้านอนุญาตให้ใช้เป็นห้องส่วนตัวก็ห่างจากห้องของเขาไปคนละปีกตึก และพฤติกรรมที่ปฏิบัติต่อเธอไม่มีจุดบกพร่องใดปรากฏต่อสายตาเลยสักอย่างเดียว

หากมิได้คิดเหมาไปเองฝ่ายเดียว ปัณฑารีย์ก็เริ่มแน่ใจว่าเขาไม่ชอบเธอนัก...

อาจจะไม่ถึงขั้นที่พูดได้เต็มปากว่าไม่ชอบใจหรือรังเกียจ…

แต่อย่างน้อย…เขาก็ไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับผู้อาศัยคนใหม่อย่างแน่นอน!

แม้จะคิดทบทวนกลับไปกลับมาหลายตลบก็ยังหาสาเหตุที่ทำให้ชายหนุ่มไม่พอใจไม่พบ จะด้วยเหตุการณ์ขณะพบกันครั้งแรกที่ระบายอารมณ์ใส่เขาอย่างรุนแรงด้วยฝ่ามือพิฆาตก็ค่อนข้างแปลก เพราะไซเร็คยอมรับคำขอโทษไปเรียบร้อยโดยปราศจากคำตำหนิหรือท่าทางเย็นชาใดๆ ทั้งยังเป็นฝ่ายเสนอให้ที่พักพิงแก่มนุษย์ต่างดาวแปลกหน้าไม่รู้จักนิสัยใจคอกันมาก่อนเสียด้วยซ้ำ

แถมตอนนี้ชายหนุ่มยังเรียกให้ไปเลือกเสื้อผ้าเครื่องประดับตามใจชอบโดยเขาจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดอีกต่างหาก...

“นึกว่าจะไม่ลงมาเสียแล้ว”

เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียบๆไม่มีร่องรอยหงุดหงิดให้ได้ยินจากร่างสูงเพรียวที่ยืนพิจารณาภาพวาดบนผนังบริเวณเชิงบันได ดวงหน้าคมสันเงยมองร่างอวบซึ่งยึดเสื้อคลุมตัวใหญ่ของเขาไว้สวมก่อนเดินนำหญิงสาวตรงไปยังห้องทำงานบริเวณปีกตะวันออกของตัวอาค าร

“จะไม่ลงมาได้ยังไงกัน ฉันไม่อยากเดินแก้ผ้าโทงๆไปทั่วบ้านหรอกนะ”

ปัณฑารีย์เดินตามพลางกวาดมองรอบๆอย่างรวดเร็วเท่าที่ฝีเท้าอำนวย เธอยังไม่เคยเข้ามาสำรวจในบริเวณนี้ของคฤหาสน์เพราะไม่ต้องการรบกวนอีกฝ่ายซึ่งมักจะสิงสถิตเป็นประจำทุกเย็นหลังกลับจากทำงาน

ห้องทำงานของชายหนุ่มตกแต่งอย่างเรียบง่ายเช่นเดียวกับนิสัยของเขา คนที่เพิ่งย่างเท้าเข้ามาเป็นครั้งแรกรู้สึกว่ากำลังถูกข่มด้วยความกว้างใหญ่ที่เอื้อให้ทำกิจกรรมอื่นได้อีกหลายอย่าง หน้าต่างกรุกระจกบานกว้างมีแสงแดดยามบ่ายสว่างไสวส่องผ่านเข้ามาให้เห็นรายละเอียดชัดเจน โต๊ะทำงานสีเทาดำตัวโตและชั้นหนังสือฝังผนังสร้างบรรยากาศเคร่งขรึมภูมิฐานให้ผู้เป็นเจ้าของได้ง่ายดาย พรมบนพื้นมีลวดลายตกแต่งแปลกตาเตือนให้หญิงสาวนึกถึงภาพกราฟฟิคนามธรรมที่เคยเห็นมา สิ่งที่น่าจะเป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ในการทำงานก็ถูกจัดวางไว้อย่างมีระเบียบแนบเนียนไม่เกะกะขัดนัยน์ตา

“นั่งสิ” คนเดินนำชี้บอกปัณฑารีย์ให้ไปนั่งที่โซฟายาวสีเทาควันบุหรี่ก่อนจะเดินมาสมทบด้วย ร่างสูงเพรียวนั่งไขว่ห้างเว้นระยะพอประมาณจนหญิงสาวอดคิดมิได้ว่าตนเองอาจมีเชื้อไวรัสร้ายแรงบางชนิดอยู่ในตัวและเขาต้องหนีให้ห่างก่อนจะต้องติดโรคไปด้วย

“คุณไม่ชอบฉันใช่ไหม” หญิงสาวต่างดาราจักรหลุดปากทันทีที่ใจคิดเมื่อสบายใจที่ไม่ต้องออกไปเร่ร่อนเป็นคนไร้บ้านอยู่บนดาวเคราะห์ที่ไม่รู้จัก ครั้นไซเร็คหันมามองก็ตัดสินใจพูดต่อไปให้หมดเรื่องค้างคาใจแม้ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะยินดีสนทนาหัวข้อนี้กับเธอหรือไม่

“ในเมื่อฉันต้องอาศัยคุณอยู่ที่นี่ไปอีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้ เราก็ควรคุยกันให้รู้เรื่อง แล้วฉันก็รู้สึกว่าคุณไม่ชอบฉันนัก เพราะตั้งแต่ฉันตกลงจะอยู่ที่นี่ คุณก็พยายามหลีกเลี่ยงฉันตลอด นอกจากเวลาจำเป็นจริงๆถึงเข้ามาคุยด้วย อย่างน้อยก็ช่วยบอกหน่อยเถอะว่าฉันไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจ คุณเป็นแบบนี้ฉันก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกันนะ”

คิ้วเข้มพาดเฉียงขมวดเข้าหากันเมื่อได้ฟังคำถามของหญิงสาว ชายหนุ่มรู้ได้ในทันทีว่าตนเองแสดงออกถึงความต้องการความเป็นส่วนตัวมากจนชวนให้เข้าใจผิด แต่ก่อนที่จะได้อธิบายอะไรแม่สาวต่างดาวก็ตีความท่าทางของเขาไปก่อนแล้ว

“ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนดีมีน้ำใจนะไซเร็ค ไม่อย่างนั้นคุณจะยอมให้คนไม่มีที่ไปอย่างฉันอยู่ด้วยเหรอ แต่ถ้าคุณมีเรื่องอะไรไม่ชอบใจก็บอกมาเถอะ ฉันจะได้แก้ไขปรับปรุง เพราะฉันเองก็ไม่อยากจะรบกวนหรือสร้างปัญหาให้คุณมากไปกว่านี้ เท่าที่คุณให้มานี่ก็ไม่รู้จะตอบแทนได้ยังไงแล้ว”

ปัณฑารีย์บอกสิ่งที่คิดอยู่ให้ชายหนุ่มรับรู้โดยไม่ปิดบังซ่อนเร้น ความช่วยเหลือที่เขาเสนอให้มีความหมายต่อเธอมากในยามตกที่นั่งลำบากเช่นตอนนี้ น้ำใจที่ไซเร็คมีให้ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะได้รับจากคนทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เขามิได้มอบให้เพียงที่อาศัยพักพิงแต่ยังรวมไปถึงการให้เกียรติไร้การเอาเปรียบใดๆ ทั้งสิ้น ถ้ามีเรื่องใดที่สามารถทำให้เขาได้โดยไม่ขัดกับความเชื่อและศีลธรรมประจำใจที่ยึดถือเธอก็ยินดีจะปฏิบัติตามนั้นไม่เกี่ยงงอนแม้แต่น้อย

ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจัดมองใบหน้าสวยเก๋แปลกตาที่เอาจริงเอาจังแสดงความจริงใจเต็มที่จากหลังแว่นใสไม่มีกรอบ ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะหัวเราะขบขันกับความคิดของหญิงสาวต่างดาวหรือว่าส่ายหน้าให้กับความตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมมาของหล่อนดี ต้องยอมรับว่าเป็นความผิดของตัวเองที่ทำให้ปัณฑารีย์เข้าใจผิดไปไกลขนาดนี้ เขาไม่เคยชินกับการมีคนอื่นมาอาศัยอยู่ร่วมบ้านอย่างถาวรเพราะอาศัยอยู่คนเดียวมาตลอดแปดปี แม้จะมีบางครั้งที่มิตรสหายแวะมาพักอยู่ด้วยแต่ก็เป็นเวลาไม่นานนัก ต่างจากหญิงสาวตรงหน้าที่อาจจะอาศัยอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตที่เหลือก็เป็นได้

คิดแล้วไซเร็คก็ถอนใจยาวโดยไม่เห็นความจำเป็นต้องกลบเกลื่อนท่าทีอีก หากใครจะมาอยู่ในบ้านเดียวกับเขาก็ควรจะได้เห็นว่าเจ้าของบ้านมีความคิดความต้องการอย่างไรบ้าง

“ฟังให้ดีนะ ผมไม่ได้ไม่ชอบหรือไม่พอใจคุณ ไม่จำเป็นที่คุณจะต้องกังวลหรือคิดมากในเรื่องนี้เลยสักนิด ส่วนที่คุณบอกไว้ไม่รู้จะตอบแทนยังไงนั่นน่ะ ไม่จำเป็น ผมไม่หวังการตอบแทนหรืออะไรจากคุณทั้งนั้น อย่าห่วงไปเลย แค่พยายามปรับตัวให้อยู่ที่นี่ได้ก็พอ”

คำตอบของอีกฝ่ายทำเอาหญิงสาวกะพริบตาปริบๆเพราะสิ่งที่คิดเอาไว้ดูจะหกคะเมนตีลังกากลับหัวไม่เป็นท่าไปเสียหมด หากความไม่เข้าใจยังไม่ห่างหายไปไหน ในเมื่อเขามิได้รู้สึกติดลบกับเธอเหตุใดจึงต้องหลีกเลี่ยงไม่ยอมพบหน้ากันด้วย

“ถ้าอย่างนั้น...ทำไมคุณถึงพยายามหลบ...เอ่อ...” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันขณะคิดหาคำพูดที่ไม่เป็นการกล่าวหาอีกฝ่ายนัก “หลีกเลี่ยงไม่พบฉันล่ะ”

“ผมไม่คุ้นเคยกับการอยู่ร่วมกับคนอื่น” นัยน์ตาสีนิลใสแจ๋วที่มองตรงมาเงียบๆบอกให้เขาอธิบายเพิ่มเติมโดยที่เจ้าตัวไม่ต้องเอ่ยปาก แต่ก็เพื่อความสบายใจของหญิงสาวข้างกายเท่านั้นเพราะเขาไม่คิดจะบอกเหตุผลทั้งหมดให้หล่อนได้รับทราบ “คุณก็เห็นว่าที่นี่ไม่มีมนุษย์อยู่เลยไม่ว่าจะเผ่าพันธุ์ไหนๆ มีแต่เมนเฟรมคอมพิวเตอร์กับแอนดรอยด์คอยดูแลบ้าน ตัวผมเองก็มีธุรกิจที่ต้องเดินทางไปจัดการเสมอ”

หญิงสาวพยักหน้ารับเหตุผลที่เข้าใจได้ง่ายดายของอีกฝ่าย เพราะตนเองก็อาศัยอยู่เพียงลำพังในห้องเช่าแบบสตูดิโอมาหลายปีจนเคยชินกับความเป็นส่วนตัวไม่ต้องวุ่นวายกับผู้ใดหลังตัดสินใจป ล่อยบ้านให้เช่าเมื่อสิ้นผู้ปกครองทั้งคู่ไปพร้อมกัน ได้ฟังสาเหตุของเขาแล้วเธอก็ตั้งใจจะไม่รบกวนเขาเกินกว่าที่จำเป็นทันที

“เข้าใจล่ะ”

แม้ชายหนุ่มจะไม่วางใจนักกับการยอมรับว่าเข้าใจของหญิงสาวต่างดาวแต่ก็ยอมละหัวข้อนี้หันไปหาเรื่องที่เรียกหล่อนลงมาตอนแรก นักธุรกิจหนุ่มเปิดโทรทัศน์จอยักษ์ด้วยวิธีที่ทำให้คนมองตาโตยิ่งกว่าไข่นกกระจอกเทศด้วยไม่เคยพบเห็นมาก่อน

“เริ่มทำงานได้”

“คุณสั่งมันให้เปิดด้วยเสียงเหรอ ทุกอย่างในบ้านนี้เป็นแบบนี้ด้วยไหม ต้องเป็นเสียงคุณคนเดียวรึเปล่า” ปัณฑารีย์หันขวับไปรัวคำถามใส่ชายหนุ่มด้วยความสนใจมากจนเห็นได้ชัด นัยน์ตาสีนิลที่จ้องมองเขาเป็นประกายราวกับเด็กเห็นลูกกวาดของโปรดจนไซเร็คนึกขัน

“ทุกอย่างในบ้านหลังนี้ไม่ได้เริ่มทำงานด้วยเสียงอย่างเดียวหรอก แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเป็นเสียงผมด้วย คุณเองก็สั่งให้มันทำงานได้เหมือนกัน” เจ้าของบ้านเผลอยิ้มออกมาเมื่ออดใจไว้ไม่อยู่ และรอยยิ้มที่ช่วยผ่อนคลายความเครียดจากริมฝีปากบางได้รูปสวยนั่นก็เชิญชวนให้หญิงสาวกล้าทดลองดูบ้าง

มนุษย์ต่างดาวสาวออกคำสั่งให้โทรทัศน์ที่มีแต่จอบางเฉียบแขวนอยู่บนผนังเปิดปิดหลายรอบด้วยน้ำเสียงต่างๆกันพร้อมลุกขึ้นตรวจสอบว่ามันทำงานได้อย่างไรจนคนชวนต้องบอกให้หยุดก่อนจะเสียเวลาไปมากกว่านี้

“มาดูกันดีกว่าว่าเราจะหาอะไรให้คุณสวมได้บ้าง”

ไซเร็คสั่งเปลี่ยนช่องสัญญาณเป็นร้านขายเครื่องแต่งกายชั้นนำพร้อมกัน วินาทีต่อมาหน้าจอก็ฉายภาพเครื่องหมายการค้าของแต่ละยี่ห้อพร้อมตัวอักษรที่หญิงสาวอ่านไม่ออก และเจ้าบ้านก็ไม่คิดจะอธิบายเพราะเขายังออกคำสั่งต่อไป

“แผนกเสื้อผ้าสตรี”

นั่งดูไปสักพักหญิงสาวก็เริ่มจะเชื่อมโยงภาพที่เห็นกับความรู้เก่าก่อนได้บ้าง ลักษณะการซื้อของแบบนี้คล้ายกับการสั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ทบวกทีวีไดเร็คไม่มีผิด หากสิ่งที่ปรากฏต่อมาสร้างความประหลาดใจให้ปัณฑารีย์จนลูกตาแทบพลัดจากเบ้า หลังจากไซเร็คบอกความสูงกับสัดส่วนของเธอออกมาดังๆและทางร้านก็มีเมนูมาให้เลือกว่าต้องการเสื้อผ้าประเภทใดแล้ว ข้างโทรทัศน์ยังมีภาพจำลองสามมิติเป็นร่างผู้หญิงขนาดเท่าคนจริงฉายขึ้นมาจากฐานกลมแบนบนพื้นที่ไม่ได้สังเกตตั้งแต่แรก

“นี่คือหุ่นแทนตัวคุณ รูปร่างและสีผิวเหมือนกับข้อมูลส่วนตัวของคุณที่ให้ไปเมื่อครู่ทุกอย่าง พอคุณเลือกเสื้อผ้าที่สนใจมันก็จะไปโผล่ที่ภาพหุ่นจำลองนั่น ถ้าถูกใจก็ตกลงแล้วทางร้านจะส่งมาให้ทันที คุณจะได้มีเสื้อผ้าใส่เลย อย่าลืมเครื่องประดับหรืออะไรก็ตามที่คุณต้องใช้ เลือกเอาตามใจชอบได้เลยนะ จริงสิ! ลืมของสำคัญอีกอย่างนี่นะ” นักธุรกิจหนุ่มหันไปยังผนังด้านขวามือที่ว่างเปล่าก่อนจะออกคำสั่งใหม่ “เครื่องเคลื่อนย้ายมวลสาร”

สิ้นเสียงทุ้มต่ำเพดานก็เลื่อนออกเป็นช่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กให้เห็นวัตถุหน้าตาประหลาดที่เลื่อนตัวลงมาตามช่องว่างเพียงไม่กี่นิ้ว ดูเผินๆคล้ายกับกล้องวงจรปิดทรงกระบอกที่มีแต่ลำกล้องและเลนส์เพียงอย่างเดียว มองอย่างไรคนไม่คุ้นเคยก็ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าของแบบนี้จะสามารถเคลื่อนย้ายมวลสารขนาดใหญ่อย่างเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายได้

“เครื่องเคลื่อนย้ายมวลสารอะไรนี่มันจะใช้ได้จริงๆเหรอไซเร็ค ถ้าเป็นของชิ้นใหญ่มากๆล่ะ อย่างพวกโต๊ะเตียงเก้าอี้น่ะ”

คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันขณะมองเครื่องกลขนาดเล็กอย่างฉงนสงสัยไม่แน่ใจ ยิ่งเดินเข้าไปแหงนหน้าดูใกล้ๆก็มองไม่เห็นทางเป็นไปได้ว่าเทคโนโลยีชิ้นนี้จะใช้งานได้อย่างที่ชายหนุ่มบอก และความรู้ระดับงูๆปลาๆทางด้านวิทยาศาสตร์ของปัณฑารีย์ไม่ช่วยให้เข้าใจการทำงานของมันได้มากขึ้นเลย ถึงแม้จะเคยได้ยินมาก่อนว่ามีการพยายามทำการทดลองเคลื่อนย้ายมวลสารในต่างประเทศก็ตาม

“ขนาดของวัตถุไม่มีปัญหาหรอก ถ้าเครื่องมีประสิทธิภาพสูงพอนะ” แววตาคลางแคลงใจของคนถามจ้องหน้าเขาไม่เลิก คนอธิบายจึงต้องขยายความเพิ่มเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้าน “หลักการเคลื่อนย้ายก็คือ แปรสภาพวัตถุชิ้นที่ต้องการจะส่ง แล้วส่งไปยังจุดรับซึ่งจะเปลี่ยนวัตถุให้กลับมามีสภาพเดิม โดยไม่มีข้อผิดพลาดใดๆทั้งสิ้น”

“แล้วถ้าพลาดล่ะ” หญิงสาวยังไม่หายสงสัย

“ไม่มีทางพลาดหรอก” ดวงหน้าคมเข้มมองหล่อนด้วยสีหน้าไม่เข้าใจกึ่งระอาหน่อยๆ ชักสงสัยว่าดาวเคราะห์ดวงที่ปัณฑารีย์จากมามีเทคโนโลยีอยู่ในขั้นไหนกันแน่ ขนาดเรื่องง่ายๆอย่างระบบการแปรสภาพสิ่งของซึ่งรู้กันทั่วกาแล็กซีเซเฟรัสก็ยังไม่เข้าใจ เป็นได้สูงว่าผู้คนในบ้านเกิดของหล่อนอาจจะเพิ่งวิวัฒนาการขึ้นมาสำเร็จเป็นมนุษย์ไม่นานนี้เอง

“ส่งคนไปมาทางเครื่องนี้แล้วถ้าแปรสภาพกลับมาไม่เหมือนเดิมจะกลายเป็นตัวอะไรเนี่ย” หญิงสาวชาวโลกพึมพำกับตัว เองโดยไม่ยอมละสายตาจากสิ่งที่เห็นโดยไม่รู้ว่าทำให้คนได้ยินขมวดคิ้วเข้าหากันและเริ่มแน่ใจว่าประวัติศาสตร์โลกยังมีอายุไม่ม ากนัก

“อย่ามัวแต่คิดอยู่เลยแพน ลองดูด้วยตัวเองดีกว่า ชุดนี้ก็สวยดีนะ เนื้อผ้าอาจจะไม่เหมือนที่คุณคุ้นเคย แต่สำหรับเรื่องคุณภาพแล้วไม่ต้องกังวลเลยว่าจะใส่แล้วแพ้หรือมีปัญหาโรคผิวหนัง” ไซเร็ครีบดึงความสนใจของอีกฝ่ายกลับสู่จุดประสงค์แรกเริ่มก่อนจะนอกเรื่องไปไกลกว่าเดิม ปฏิกิริยาของหญิงสาวเปลี่ยนความตั้งใจของเขาจากการทิ้งหล่อนไว้ตามลำพังหลังจากแนะนำเสร็จเป็นนั่งอยู่ด้วยเผื่อมนุษย์ต่างดาวค นนี้จะมีปัญหาข้องใจอีก

ระหว่างสนุกสนานตื่นตาตื่นใจไปกับการเลือกสรรเครื่องแต่งกายที่จำเป็นและไม่จำเป็นแต่ชายหนุ่มสนับสนุนให้ซื้อ หญิงสาวชาวโลกก็แอบมองเขาไปพร้อมกัน เรือนร่างสูงเพรียวแข็งแกร่งในเสื้อเชิ้ตขาวแขนยาวและกางเกงสีเข้มของไซเร็คดูผ่อนคลายผิดจากตอนแรกที่เข้ามาในห้องนี้ ระยะห่างที่ย่นย่อเข้ามาทำให้หญิงสาวได้สำรวจรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายได้สะดวกยิ่งขึ้น

ใบหน้าคมคายที่เห็นอยู่ทุกวันแต่ไม่เคยสนใจอย่างจริงจังมาก่อนหล่อเหลาดูดีจนปัณฑารีย์อดประหลาดใจมิได้ โครงหน้าเด่นด้วยโหนกแก้มสวยไม่สูงเกินไปกับแนวกรามเห็นชัดเจนทั้งหน้าตรงและด้านข้างเป็นสไตล์ที่สตรีเพศผู้ชื่นชอบลักษณะของชายชาตรีต้องหลงใหล แผงขนตายาวหนาเป็นแพเหนือดวงตาสีน้ำเงินเข้มจัดสงบนิ่งนั้นส่งผลให้เธอเข้าใจผิดว่าเป็นสีดำสนิทจนกระทั่งวันนี้ สันจมูกตรงโด่งไม่มากไม่น้อยกับริมฝีปากบางได้รูปสวยบนผิวขาวนวลเนียนละเอียดสะดุดตาทุกคนที่เห็นได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆเพื่อนำเสนอ และเส้นผมสีดำเหลือบน้ำตาลที่หวีเสยเรียบเพื่อสร้างความเรียบร้อยให้แก่ภาพลักษณ์นักธุรกิจก็หลุดจากทรงที่จัดไว้ตอนแรกลดความเ คร่งขรึมของเขาลงมาจนเห็นได้ชัด

ถ้าจะเปรียบเทียบชายหนุ่มตามรูปลักษณ์ของกลุ่มชนที่คุ้นเคยในบ้านเกิด เธอสามารถบอกได้เต็มปากว่ารูปร่างและหน้าตาของไซเร็คมีลักษณะก้ำกึ่งระหว่างตะวันตกและตะวันออกอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เค ยเห็นมา

มิใช่ผลพวงจากการผสมผสานของสองโลก...

หากไซเร็คอยู่กึ่งกลางระหว่างสองโลกพอดี!

ความงดงามที่สำแดงตนออกมาสู่สายตาของคนสร้างสรรค์งานศิลป์ส่งผลให้มนุษย์ต่างดาราจักรสาวเผลอจ้องจนชายหนุ่มรู้สึกตัว แววฉงนฉายชัดในดวงตาสีสวยเมื่อเขาหันกลับมามองด้วยความสงสัยว่าเพราะเหตุใดหญิงสาวชาวโลกจึงเงียบไปขณะ กำลังสนุกสนานเพลิดเพลินกับการเลือกซื้อเสื้อผ้าหลากรูปแบบและสีสัน

“รูปร่างหน้าตาคุณไม่เหมือนพวกที่อยู่ในรายการโทรทัศน์ของอาริออสนี่เลย คุณเป็นคนที่ไหนกันแน่ไซเร็ค คนที่โลก ที่บ้านฉันน่ะ บางคนอาจจะบอกว่าคุณเป็นยูเรเซีย ลูกครึ่งยุโรปกับเอเชีย ลูกของคนผิวขาวจัดผมสีอ่อนที่แต่งกับคนผิวเหลืองผมดำน่ะ แต่ฉันว่าคุณไม่เหมือนลูกครึ่งเสียทีเดียวนะ ผิวคุณไม่ได้ขาวจัด แล้วก็ไม่ออกเหลืองชัดเจนเหมือนฉัน ดูนวลๆไปอีกแบบ”

นัยน์ตาสีนิลคู่งามกวาดมองทั่วร่างนักธุรกิจหนุ่มอย่างเพ่งพินิจอีกครั้งราวกับจะค้นให้พบว่าเขามีเชื้อสายเผ่าพันธุ์ใด หลังพยายามมองหาความเหมือนกันของชายหนุ่มกับผู้คนที่เคยเห็นในจอภาพเบื้องหน้า

ไซเร็คพิจารณาร่างเล็กกว่าเบื้องหน้าอย่างเยือกเย็นก่อนขยับริมฝีปากบางได้รูปสวยย้อนถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอ่อนเอื่อยไร้อ ารมณ์ และคำถามของเขาก็ช่วยเฉลยปัญหาอีกข้อที่ปัณฑารีย์ยังหาคำตอบไม่ได้

“คุณคิดว่าเพราะอะไรผมถึงให้คุณพักอยู่ที่นี่ล่ะ”





“จะรับทิมาสเพิ่มด้วยไหมครับคุณผู้หญิง เพิ่งเก็บมาใหม่ๆจากสวนเมื่อเช้านี้เองนะครับ”

หญิงวัยกลางคนเงยหน้าขึ้นจากกองผลไม้สีแดงสดใสผิวมันวาวเต่งตึงบอกคุณภาพเยี่ยมคุ้มราคาเบื้องหน้าเมื่อได้ยินคำถามกึ่งเชิญชวนของพ่อค้าวัยชราในเครื่องแต่งกายกันหนาวตามแบบชาวไร่ในท้องถิ่นที่ยืนอยู่ข้างกระบะไม้ ก่อนเหลือบมองผลไม้ทรงกลมสีเหลืองอมส้มผิวเรียบเนียนขนาดเท่ากำปั้นผู้ใหญ่ซึ่งกำลังส่งกลิ่นหอมหวานอ่อนจางออกมาจากตะกร้าสานก้นตื้นที่อีกฝ่ายเพิ่งยกออกมาจากด้านหลังแผงขายของ

“หอมจังค่ะ” ลูกค้าหยิบผลไม้สีสดใสขึ้นมาดมกลิ่นหวานบอกสภาพสุกฉ่ำพร้อมรับประทานก่อนจะถือไว้อย่างทะนุถนอม ดวงตาสีน้ำเงินเข้มพิจารณาผิวสัมผัสนุ่มนวลในมือขณะคิดว่าจะซื้อไปทำของหวานชนิดใดดี “ราคาเท่าไรคะ”

“สำหรับคุณ ผมให้ราคาพิเศษเลยนะ เอาไปสามผลห้าเบลเลยเป็นไง” พ่อค้าบอกราคาแล้วก็ยิ้มอวดฟันหลอให้ลูกค้ามั่นใจว่าเป็นราคาที่ย่อมเยามากสำหรับผลไม้หายากต้นฤดูหนาวชนิดนี้ “ตอนนี้มันเพิ่งจะออก อีกสักพักถึงจะมีเยอะกว่านี้ แต่รสชาติทิมาสต้นฤดูน่ะยอดเยี่ยมจริงๆนะ”

“ค่ะ ฉันเชื่อ” ริมฝีปากอิ่มเคลือบสีชมพูอมแดงขยับยิ้มส่งผลให้พ่อค้าชราหน้าแดงเรื่อด้วยความยินดี และความสวยสดงดงามของเรือนร่างสูงที่สมส่วนไปทุกแห่งต่างไปจากผู้คนในท้องถิ่นของหล่อนก็ทำให้เขาอดสนใจในตัวหล่อนไม่ได้

“มาเที่ยวหรือครับ”

“ไม่ใช่ค่ะ ฉันเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่” คนย้ายมาอยู่ใหม่เลือกหยิบทิมาสทีละผลอย่างระมัดระวังมิให้ผลไม้ในตะกร้าชอกช้ำขณะดำเนินบทสนทนากับพ่อค้าที่เริ่มคุ้นหน้ากันบ ้างแล้ว “สามีย้ายมาทำงานที่นี่น่ะค่ะ”

“ดีครับ ที่คอร์เตก้านี่อากาศดี พืชผลก็อุดมสมบูรณ์ คุณผู้หญิงจะต้องชอบแน่” มือเหี่ยวย่นสีน้ำตาลแก่ราวเปลือกไม้ส่งตะกร้าสานใบเล็กให้ลูกค้าวัยกลางคนได้ใส่ทิมาสที่เลือกไว้ก่อนมองหารถเข็นขนของที่ผู้ม าจ่ายตลาดทุกคนจะนำติดมาด้วย หากความว่างเปล่าข้างกายหล่อนและถุงผ้าที่สะพายอยู่บนไหล่ขวาก็ทำให้คิ้วสีดำปนขาวขมวดเข้าหากัน “รถเข็นไปไหนเสียล่ะครับ”

“ไม่ได้เอามาหรอกค่ะ ฉันอยากออกกำลังตอนเช้าด้วยการเดินและถือของเองมากกว่า” ผมสีน้ำตาลเข้มยาวประบ่าพลิ้วไปมายามเจ้าตัวส่ายหน้าเมื่อชายตามองรถเข็นขนของหลากสีที่ลอยตามหลังผู้มาจ่ายของในตลาดนัดวันหยุดกลางจัตุรัสเก่า แม้บุตรสาวผู้ย่างเข้าวัยรุ่นจะชอบใช้อุปกรณ์ผ่อนแรงที่เหมาะกับสภาพถนนปูหินเก่าแก่ของเมืองนี้ หากอากาศสดชื่นเย็นสบายยามเช้ามักจะทำให้หล่อนเถลไถลแวะข้างทางจนรถเข็นซึ่งถูกตั้งโปรแกรมให้เคลื่อนไปตามเส้นทางสายหลักไม่สา มารถติดตามมาได้

เดินมาซื้อของตามลำพังสะดวกที่สุด…

“เท่านี้ล่ะค่ะ” เลื่อนตะกร้าให้พ่อค้าเห็นชัดเจนว่าซื้อกี่ผลแล้วจึงหยิบทิมาสทั้งหมดใส่กระเป๋าผ้าใบใหญ่ที่เตรียมมาพร้อมผลไม้ที่เลือกไว้ก่อนแล้ว หากอีกฝ่ายกลับส่งผลไม้สีเหลืองอมส้มเพิ่มให้อีกด้วยอาการคะยั้นคะยอจนเรียกรอยยิ้มจากลูกค้าสาวได้อีกรอบ “ขอบคุณค่ะ”

“ทั้งหมดสิบเจ็ดเบลครับ”

มือขาวนวลหยิบแผ่นแก้วทรงกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกินหนึ่งนิ้วครึ่งที่เจาะรูร้อยริมไว้ด้วยสร้อยเส้นสั้นพอคล้องข้อมื อออกจากกระเป๋า แล้วสอดลงไปในเครื่องอ่านพกพาที่อีกฝ่ายยื่นให้เพื่อชำระค่าผลไม้ให้เสร็จสิ้น ก่อนบอกลาพ่อค้าชราที่ก้มศีรษะอำลาไปยังแผงขายสินค้าชนิดอื่นๆด้วยความเบิกบานใจกับราคาแสนย่อมเยาของสินค้าในตลาดนัดวันหยุด

กว่าครู่ใหญ่ แทนนิสก็หอบของทั้งหมดที่ซื้อมาลัดเลาะไปตามถนนปูหินสู่บ้านนอกเมืองที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนัก อากาศสดชื่นของธรรมชาติรอบกายที่กรุ่นขึ้นเพราะแดดยามสายกระตุ้นให้หล่อนสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด สายลมต้นฤดูหนาวเยือกเย็นชวนสะท้านก็ยังมีอุณหภูมิสูงกว่าดาวเคราะห์ที่จากมามาก แถมวิถีชีวิตของผู้คนในเมืองเก่าแห่งนี้ก็ดำเนินไปตามจังหวะของตัวเองอย่างเชื่องช้าโดยไม่ใส่ใจกับกระแสเวลาที่ไหลผ่าน

คงจะดีไม่น้อยหากได้อาศัยอยู่บนดาวเคราะห์แห่งนี้เป็นการถาวร…

หญิงวัยกลางคนถอนใจอย่างเบื่อหน่ายยามคิดว่าคงจะต้องย้ายที่อยู่อีกครั้งเมื่องานของสามีเสร็จสิ้นลง การตกแต่งบ้านใหม่เป็นเรื่องสนุกสนานเพลิดเพลินใจ ทว่าการย้ายบ้านไปตามดาวเคราะห์ต่างๆตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบันก็ทำให้หล่อนอยากเปลี่ยนตนเองเป็นพืชแล้วหยั่งรากแก้วฝังลึกลงไปในผืนดินที่สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างสงบสุข

อย่างน้อยก็เพื่อเด็กๆที่กำลังเติบโตขึ้นทุกวัน…

ใบหน้าสวยงามที่ได้รับการบำรุงและดูแลทะนุถนอมเคร่งขรึมขึ้นทันทีที่นึกถึงประสบการณ์ในวัยเด็ก แม้ชาวคีเรี่ยนจะอพยพออกมาจากดาวคีรานมาเกือบสี่ร้อยปีแล้ว หากความหวั่นเกรงของผู้อพยพรุ่นแรกๆ ที่มีต่อความร้ายกาจของชนพื้นเมืองยังถ่ายทอดมาสู่บุตรหลานรุ่นต่อมาอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวลือต่อเนื่องแว่วมาเป็นระยะว่ายังคงมีการไล่ล่าเอาชีวิตชาวคีเรี่ยนไม่เลิก

มิหนำซ้ำสถานะผู้อพยพซึ่งไม่เคยเป็นที่ต้อนรับจากชนพื้นเมืองเดิมก็ยิ่งส่งเสริมให้เกิดปัญหายุ่งยากมากยิ่งขึ้น ทั้งในแง่การดำรงชีวิตและความรู้สึกของทั้งสองฝ่ายที่ต่างมีความภาคภูมิใจเป็นของตนเองจนไม่ยอมลงให้กันในบางเรื่อง ถึงอย่างไรความหยิ่งทะนงในสายเลือดก็ยังคงสืบทอดต่อกันมาในทุกรุ่น

ครอบครัวของหล่อนจึงระมัดระวังตัวยิ่งยวดในช่วงเวลาสั้นๆของการอาศัยอยู่บนดาวเคราะห์แต่ละแห่ง เลือกจุดพำนักเฉพาะในเมืองขนาดกลางหรือขนาดใหญ่ที่เปิดรับคนภายนอกและไม่ใส่ใจกับภูมิหลังมากนัก ด้วยรู้ดีว่ารูปลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่นสะดุดตาอันเป็นลักษณะพื้นฐานของพวกเขาสามารถดึงดูดความสนใจมาสู่ตนเองได้อย่างง่ายดาย

และความสนใจก็นำไปสู่อันตรายได้ง่ายพอกัน!

แทนนิสตกอยู่ในภวังค์ของตนเองจนกระทั่งเท้าสะดุดหินที่ปูไม่เรียบเสมอกัน ร่างเพรียวสมส่วนรีบตั้งสติดึงความสนใจกลับมายังเส้นทางเบื้องหน้าอีกครั้งหลังรักษาสมดุลของร่างกายไว้ได้เฉียดฉิว สำรวจรอบกายก็พบว่ากำลังเดินอยู่ตรอกเล็กระหว่างอาคารเก่าแก่ที่มิได้นำไปยังบ้านพักนอกเมือง จึงรีบย้อนกลับไปตามทางเดิมพลางตำหนิตนเองที่มัวแต่ล่องลอยไปกับเรื่องในอดีตจนมิได้สนใจว่ากำลังเดินไปทางใด

จิตใจหมกมุ่นเมื่อครู่กลับมาเบิกบานแจ่มใสอีกครั้งหลังกลับเข้าสู่เส้นทางที่ถูกต้อง รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงผิวปากเป็นเพลงอย่างร่าเริงจากชายหนุ่มวัยไม่เกินยี่สิบห้าปีแต่งกายแบบคนพื้นเมืองเดินตามหลังมาไม่ห่างนัก หญิงวัยกลางคนสาวเท้าอย่างกระฉับกระเฉงเมื่อสวนสาธารณะกึ่งป่าโปร่งเริ่มปรากฏให้เห็นชัดเจนกลางแสงตะวันเบื้องหน้า แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงร้องท้วงมาจากด้านหลัง

“คุณผู้หญิงครับ ทิมาสของคุณหล่นแน่ะ”

แม่บ้านชาวคีเรี่ยนหมุนตัวกลับมาจนเห็นชายหนุ่มผู้มีทิมาสสีเหลืองส้มผลหนึ่งอยู่ในมือขณะเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาหล่อน คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันก่อนปลดกระเป๋าผ้าออกจากไหล่ยกขึ้นสำรวจดูว่าก้นขาดจนผลไม้ร่วงหล่นไปหรือไม่ ครั้นไม่พบจึงเงยหน้าขึ้นปฏิเสธพร้อมยิ้มขอบคุณในความเอื้ออารีของอีกฝ่าย

“ไม่ใช่ของฉันหรอกค่ะ”

“ไม่ใช่หรือครับ งั้นทิมาสนี่ของใครกันล่ะ” คิ้วอีกฝ่ายเลิกขึ้นอย่างประหลาดใจขณะมองหน้าหล่อน ก่อนเริ่มเหลียวซ้ายแลขวาหาเจ้าของผลไม้ในมือ และท่าทางของเขาก็ทำให้หญิงวัยกลางคนพลอยมองหาเจ้าของไปด้วย

ทว่าในวินาทีต่อมาแทนนิสก็สำนึกได้ว่าตลอดเส้นทางในตรอกระหว่างอาคารพักอาศัยขนาดไม่เล็กนักมิได้มีผู้ใดเดินสวนมา และไม่มีใครตามหลังหล่อนมานอกจากชายหนุ่มตรงหน้าผู้นี้เพียงคนเดียว

ทันทีที่ดวงตาสีน้ำเงินฉายแววตระหนกขณะตวัดกลับมายังชายแปลกหน้าที่กำลังจ้องมองหล่อนตาเขม็งนั้น กระแสเย็นเยียบแห่งความหวาดหวั่นก็แล่นพล่านลงไปตามกระดูกสันหลังจนไม่อาจขยับเขยื้อนกายได้ แล้วหล่อนก็ถูกผลักจนกระเด็นไปกระแทกเข้ากับผนังอาคารด้านหนึ่งด้วยเรี่ยวแรงของชายวัยฉกรรจ์!

อาการเจ็บร้าวจากแรงกระแทกแพร่กระจายไปทั่วตัวจนหญิงวัยกลางคนไม่อาจส่งเสียงใดออกมาได้ เมื่อร่างเพรียวสมส่วนเริ่มรูดลงไปสู่พื้นด้วยไม่อาจทรงกายไหวก็ถูกมือใหญ่หยาบกระด้างบีบคอตรึงไว้ไม่ให้ขยับ แทนนิสดิ้นรนพลางส่งเสียงอึกอักอย่างเจ็บปวดและหายใจไม่ออกขณะพยายามลืมตามองหน้าอีกฝ่าย

สองสิ่งสุดท้ายที่หล่อนจดจำได้คือความรู้สึกเกลียดชังขยะแขยงกึ่งคลุ้มคลั่งในดวงตาสีเขียวอ่อน และใบมีดสะท้อนแดดเป็นประกายวาววับที่อีกฝ่ายตั้งใจยกขึ้นมาอวดให้เห็น

“อย่าได้อยู่ยั่วยวนใครอีกเลย นังกระหรี่คีเรี่ยน!”

โลหิตสีแดงฉานสาดกระจายลงสู่พื้นหินสีส้มอมน้ำตาลอ่อนทันทีที่คมมีดแทงทะลุผิวเนื้อบริเวณช่องท้อง เสียงกรีดร้องอึกอักในลำคอที่รุนแรงขึ้นเมื่อมือใหญ่บิดมีดให้หมุนคว้านเนื้อและอวัยวะภายในสร้างความเสียหายมากขึ้นไม่อาจหลุดรอดออกมาให้ผู้ใดได้ยิน

ร่างเพรียวบางอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงถูกทิ้งให้ลงไปกองอยู่บนพื้นเมื่อผู้ลงมือจากไปไม่เหลียวหลัง เลือดอุ่นไหลทะลักออกจากปากแผลราวเขื่อนแตกในช่วงแรกก่อนช้าลงหลังเวลาผ่านไปพักหนึ่ง เสื้อผ้าสีสันสดใสสวยงามชุ่มโชกไปด้วยของเหลวแห่งชีวิตที่หลุดลอยไปไม่มีวันกลับ





เปรี้ยง!

ลำแสงสีขาวฟาดวาบลงจากท้องฟ้าลงสู่ผืนดินท่ามกลางความมืดมิดยามราตรี เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นปลุกร่างอวบให้ผวาตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยใจเต้นระทึก หญิงสาวจากต่างดาวยันตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงกว้างขวางพร้อมดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจ ไม่นานจังหวะการเต้นของหัวใจในอกค่อยๆผ่อนช้าลงจนอาการหอบหายใจกลับเป็นปกติ แต่พอมองไปยังหน้าต่างที่มีอยู่รอบห้องก็เผลอขบริมฝีปากอิ่มระงับความไม่สบายใจที่ผุดขึ้นมา

“แค่ฝนตกหนักเท่านั้นแหละ” เสียงแหบพร่าของคนเพิ่งตื่นพึมพำปลอบใจตนเองท่ามกลางความมืดในห้องนอนขณะเลิกผ้าห่มนวมหนานุ่มหอมกรุ่นออกจากร่าง “แค่ฝนตก...”

นัยน์ตาสีนิลคู่งามหลับตาลงพร้อมสูดลมหายใจลึกๆปลอบประโลมความตกใจภายในให้สงบ ลูบใบหน้าอย่างแผ่วเบาหวังขจัดอารมณ์หวาดหวั่นที่มิได้เกิดขึ้นบ่อยนักให้หายไป และหัวใจที่หล่นวาบลงไปยังปลายเท้าในพริบตาก่อนหน้าค่อยคลายการสั่นไหวลงเมื่อเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง

ท้องฟ้าสีแดงตอนย่ำค่ำบัดนี้กระหน่ำเทสายฝนราวกับหวังจะล้างดาวทั้งดวงให้สะอาดหมดจด ฝนเม็ดโตตกกระทบแผ่นกระจกใสทุกบานจนพร่ามัวแทบมองไม่เห็นสภาพภายนอกจนปัณฑารีย์ต้องลุกไปแนบหน้ามองด้วยความหวังว่าสภาพอากาศอันเลวร้ายจะหยุดลงเร็วๆ และลมหมุนวนเป็นงวงลงมาจากเบื้องบนจรดพื้นดินขนาดยักษ์ที่ปรากฏอยู่กลางแสงสว่างจากฟ้าแลบก็สร้างความตื่นตระหนกให้มนุษย์ต่างดาวได้ไม่ยาก

ทอร์นาโด!

ไม่ไกลจากบ้านด้วย!

หญิงสาวกลับไปที่เตียงมุดลงใต้ผ้าห่มด้วยความไม่สบายใจ แม้จะพยายามข่มจิตใจให้สงบและนอนหลับต่อไปร่างกายก็ไม่เป็นใจ ภาพอันน่ากลัวของพายุหมุนขนาดใหญ่ที่ไม่เคยประสบส่งผลให้คนที่ไม่เคยกลัวฝนตกหรือฟ้าผ่ามาก่อนมือเย็นเฉียบได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งได้ยินเสียงฟ้าผ่าดังลั่นปานผืนฟ้าจะถล่มทลายลงมาอีกหลายรอบหัวใจก็ยิ่งทำงานหนักขึ้น

ความหวาดกลัวแผ่กระจายไปทั่วร่างจนปัณฑารีย์ไม่อาจทนนอนสงบนิ่งอยู่ได้ ร่างอวบพลิกตัวกระสับกระส่ายบนเตียงอยู่หลายรอบจนแน่ใจว่าคืนนี้คงข่มสติให้สงบไม่ไหวแน่ จึงผุดลุกขึ้นคว้าหมอนและผ้าห่มตรงดิ่งไปยังห้องส่วนตัวของนักธุรกิจหนุ่มทันที

ระเบียงทางเดินที่เคยสวยสดงดงามตอนกลางวันดูมืดทะมึนน่ากลัวผิดปกติจนปัณฑารีย์เร่งฝีเท้าเร็วขึ้นเรื่อยๆ พายุหมุนที่เห็นจากหน้าต่างขณะเดินผ่านไปทีละบานก็ดูจะทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกวินาทีที่ผ่านไป และความเป็นจริงที่ว่านอกจากเธอแล้วมีมนุษย์อีกเพียงคนเดียวอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้กระตุ้นให้หญิงสาวชาวโลกวิ่งไปยังจุดหมายโดยไม่ต้องคิดซ้ำสอง

“ไซเร็ค! ไซเร็ค! หลับรึยัง ไซเร็ค! ฉันเข้าไปล่ะนะ!” หลังระรัวกำปั้นทุบประตูห้องชายหนุ่มพร้อมตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยเสียงดังพอจะปลุกผีตื่นได้ทั้งป่าช้า หญิงสาวก็เปิดประตูผลุบเข้าไปโดยไม่รอให้อีกฝ่ายอนุญาตก่อน

ดวงไฟประดับผนังขนาบเตียงทั้งสองข้างสว่างขึ้นทันทีที่ปัณฑารีย์ล่วงล้ำเข้ามาในห้องส่วนตัวของชายหนุ่ม ไซเร็คยันตัวลุกขึ้นมานั่งอย่างระมัดระวังระคนหงุดหงิดกับการปลุกอันน่าตกใจกลางดึกของผู้อาศัย

“เกิดอะไรขึ้น” เสียงแหบห้าวของคนเพิ่งตื่นหลุดออกจากปากอย่างไม่สบอารมณ์นัก

หญิงสาวต่างดาวมิได้ไขข้อสงสัยนั้น นัยน์ตาสีนิลวาววามเอาแต่จ้องชายหนุ่มคีเรี่ยนที่นั่งเปลือยท่อนบนอวดกล้ามเนื้อสวยงามอยู่กลางเตียงสีขาวหลังมโหฬารอย่างคาดไม่ถึง แสงสีส้มอ่อนนวลตาย้อมผิวขาวละเอียดของอีกฝ่ายให้เป็นสีบรอนซ์อ่อนตัดกับเงามืดจากสันจมูกบนดวงหน้าคมคายและร่างสูงเพรียวเสริม ความสงบเยือกเย็นของชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี เรือนผมสีเข้มยุ่งเหยิงจากการนอนตกลงมาปรกเหนือดวงตาคมที่ฉายแววไม่พอใจสร้างความรู้สึกครั่นคร้ามให้แก่คนเห็นอย่างน่าประหลาด แม้จะอยู่ในท่านั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงไซเร็คยังคงแข็งแกร่งผึ่งผายไร้ตำหนิใดๆราวกับประติมากรรมชิ้นเยี่ยมแกะสลักจากหินอ่อนเนื้อดีไม่ผิดเพี้ยน

ปัณฑารีย์ตระหนักได้ในทันใด...

บัดนี้เธออาศัยอยู่กับชายหนุ่มรูปหล่อเซ็กซี่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา!

นัยน์ตาสีดำจับจ้องอีกฝ่ายนิ่งราวกับถูกสะกดจิตสั่งไม่ให้ละสายตาจากร่างของชายหนุ่ม แววชื่นชมฉายชัดยากที่ไซเร็คจะไม่สังเกตเห็น แต่ในเวลาที่ถูกปลุกจากนิทรารมย์ทั้งที่ไม่มีเรื่องสำคัญหรือไม่ถึงเวลาตื่นอารมณ์ของเขาจะไม่ค่อยดีนัก ชายหนุ่มจึงออกปากถามซ้ำให้หญิงสาวชาวโลกบอกจุดประสงค์ของหล่อนออกมาโดยเร็ว

“มีธุระอะไรถึงมาปลุกผมกลางดึกแบบนี้”

เปรี้ยง!

เสียงฟ้าผ่าทำเอาคนที่กำลังจะตอบคำถามสะดุ้งเฮือกทิ้งหมอนและผ้าห่มก่อนกระโจนไม่กี่ก้าวขึ้นเตียงกว้างไปนั่งข้างเจ้าของห้อง หญิงสาวคว้าแขนล่ำสันมากอดพลางเบียดร่างจนแทบจะขึ้นไปเกยอยู่บนตักไซเร็คเมื่อปรากฏการณ์ธรรมชาติอันน่ากลัวเกิดตามมาติดๆอีกครั้ง ลืมหมดทั้งความเหมาะสมระหว่างชายหญิงและความตั้งใจที่จะไม่รบกวนเขาเกินจำเป็น

มือนุ่มเล็กเย็นเฉียบและดวงตาคู่งามปิดสนิทไม่ยอมลืมแม้จะซุกใบหน้าอยู่กับต้นแขนเขาบอกให้รู้ถึงสาเหตุที่ทำให้แม่สาวต่างด าวแล่นมาปลุกกลางดึกแบบนี้ น้ำเสียงไต่ถามจึงอ่อนโยนกว่าตอนตกใจตื่นขึ้นจากการเคาะประตูอย่างบ้าคลั่ง

“กลัวฟ้าผ่าหรือแพน”

ดวงหน้าสวยเก๋ซีดเล็กน้อยเงยขึ้นมองเขาด้วยดวงตาฉายแววหวาดหวั่นไม่สบายใจก่อนเหลียวไปทางหน้าต่าง ฝ่ามือเย็นเฉียบชื้นเหงื่อเหนียวจับท่อนแขนแข็งแกร่งแน่นไม่ยอมปล่อยแม้จะไม่ได้ยินเสียงฟ้าผ่าแล้ว

“ฟ้าผ่าธรรมดาไม่กลัวหรอก แต่อากาศวิปริตเสียขนาดนี้ใครไม่กลัวก็บ้าแล้ว!” ปัณฑารีย์สะบัดเสียงสั่นๆใส่คนถามโดยไม่สนใจว่ากำลังอาศัยเขาเป็นเบาะนั่งและหลักยึด

“วิปริต...” ไซเร็คทวนคำเสียงสูงพอๆกับคิ้วเข้มที่เลิกขึ้น สีหน้าไม่เข้าใจของเจ้าบ้านทำเอาคนกลัวจนทนไม่ไหวนึกอยากจะสับชายหนุ่มให้เละเป็นบะช่อ หากสิ่งที่ทำก็แค่ปล่อยมือจากแขนอีกฝ่ายแล้วทุบตักตัวเองระบายอารมณ์อันวุ่นวายสับสนแทนร่างสูงใหญ่

“ก็วิปริตน่ะสิ! มีอย่างที่ไหน พายุฝนเข้าพร้อมทอร์นาโดเป็นงวงช้างแบบนี้ อากาศเลวร้ายยังกับฟ้าจะถล่ม! ที่โลกไม่ได้มีอะไรแบบนี้บ่อยๆนะ บ้านฉันเองมีแต่พายุฝนธรรมดา! ทอร์นาโดน่ะไม่เคยมี!”

นักธุรกิจหนุ่มมองสีหน้าหงุดหงิดและแววตาไม่พอใจของหญิงสาวต่างดาวด้วยความประหลาดใจ อารมณ์ของปัณฑารีย์เปลี่ยนรวดเร็วจนเขาตามแทบไม่ทัน ตอนแรกหล่อนมาพร้อมความหวาดกลัวในธรรมชาติอันปรวนแปรของอาริออสด้วยอาการตัวสั่นงันงก หากนาทีต่อมากลับหันมาโวยใส่เขาเพราะคำพูดไม่ถูกหูด้วยนิสัยไร้เหตุผลของเพศหญิง ร่างเล็กที่นั่งจ้องเขาตาเขม็งอยู่บนตักเริ่มทำให้ชายหนุ่มสงสัยในวิจารณญาณของตัวเองที่ยอมให้หล่อนพักอยู่ด้วย

“จะพายุฝนหรือพายุอะไรก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาของที่นี่ทั้งนั้น ฤดูนี้เป็นฤดูพายุ ยิ่งอยู่นอกเมืองแบบนี้ กลางคืนก็มีพายุทุกคืนแหละ” เจ้าของบ้านอธิบายให้แขกฟังแม้จะอยากถอนใจยาวหลายหนอย่างอ่อนใจกับปฏิกิริยาของอีกฝ่าย เป็นความผิดของเขาที่มิได้บอกปัณฑารีย์ถึงสภาพภูมิอากาศของดาวเคราะห์ดวงนี้เพราะไม่ได้คิดถึงความกลัวที่หล่อนอาจจะมี

“อาริออสมีสี่ฤดู ก็คงเหมือนกับฤดูกาลที่โลกของคุณ เท่าที่ผมเคยได้ยินมานะ สภาพอากาศที่นี่อาจจะรุนแรงกว่าบ้าง ไม่มากนักหรอก คุณมาถึงตอนเริ่มต้นฤดูพอดี อยู่ไปสักพักก็ชินเอง ไม่ต้องกลัว”

หญิงสาวมองใบหน้าหล่อเหลาคมคายด้วยอาการตาโตอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อหู

หากอากาศเลวร้ายแบบที่เกิดมาไม่เคยพบเห็นมาก่อนเป็นแค่ความปรวนแปรเล็กๆน้อยๆ…

สิ่งที่หนักหนาสาหัสของอีกฝ่ายมิทำให้เธอคลั่งตายไปเลยหรือไงกัน?

“นี่นะที่คุณบอกว่ารุนแรงกว่าโลกฉันนิดหน่อย!? ไอ้แบบนี้ฉันเรียกว่าเลวร้ายสุดๆต่างหาก!” ปัณฑารีย์ร้องลั่นพร้อมเขย่าแขนล่ำสันจนคนฟังต้องเอนตัวออกห่างไม่ให้เสียงแหลมๆชอนไชแก้วหูมากเกินทน “คุณพูดได้ยังไงว่าทอร์นาโดที่มันพัดอยู่ใกล้ๆบ้านนี่เป็นเรื่องเล็กน้อย! พายุหมุนขนาดนั้นน่ะนะ!? มันจะพัดใส่บ้านพังรึเปล่าก็ไม่รู้!”

ไซเร็คโอบแขนรอบไหล่บางรั้งร่างอวบเข้ามาชิดเมื่ออาการตื่นตระหนกระคนหวาดวิตกของหญิงสาวเริ่มมากเกินกว่าเหตุ ความตั้งใจปลอบโยนเริ่มเลือนหายเมื่อสัมผัสใต้ฝ่ามือบอกเขาว่ามีเพียงเนื้อผ้านิ่มลื่นสีขาวของชุดกระโปรงนอนบางเบากางกั้นทรวง อกอวบอิ่มเต่งตึงจากแผ่นอกตนเอง เรือนร่างนุ่มนิ่มสมบูรณ์ด้วยสัดส่วนโค้งเว้าเบียดแนบปลุกความต้องการในกายให้ตื่นขึ้นจนชายหนุ่มรีบสูดลมหายใจลึกระงับอารมณ์ หยุดลูบแผ่นหลังเรียบเนียนแล้วพยายามข่มสติที่เริ่มเขวให้อยู่ในความควบคุมก่อนจะปลอบใจปัณฑารีย์ด้วยน้ำเสียงหนักๆโดยไม่มองหน้าหล่อน

“อย่ากังวลไปเลย บ้านหลังนี้นอกจากโครงสร้างจะแข็งแรงแล้วยังมีระบบป้องกันภัยธรรมชาติด้วย ต่อให้พายุหนักกว่านี้หลายเท่าก็ไม่สะเทือนหรอก ไม่ต้องกลัวหรอกแพน”

“แน่นะ”

อารมณ์ของหนุ่มชาวคีเรี่ยนถูกกวนให้หวั่นไหวหนักขึ้นเมื่อสายคาดไหล่เส้นเล็กบางของชุดนอนหญิงสาวชาวโลกตกลงไปยังต้นแขนจนตัวเสื้อด้านบนหย่อนลงเผยผิวขาวเหลืองนวลเนียนช่วงบ่าและร่องอกอวบเบียดชิด นัยน์ตาสีนิลวาววามที่ช้อนมองขึ้นมาอย่างไม่มั่นใจกับริมฝีปากอิ่มแดงระเรื่อเผยอนิดๆราวกับเจ้าตัวกำลังวอนขอจุมพิตกระตุ้นควา มรู้สึกร้อนระอุให้ลุกโพลงอย่างง่ายดาย มือใหญ่กระด้างจึงประคองดวงหน้างามให้แหงนเงยแล้วประทับริมฝีปากตนเองบนกลีบปากอ่อนนุ่มในพริบตา

เพราะตกใจกับการกระทำของอีกฝ่ายปัณฑารีย์จึงพยายามดันชายหนุ่มออก หากร่างสูงเพรียวแข็งแกร่งเกินกว่าเรี่ยวแรงอิสตรีจะสู้ได้ แม้จะไม่เต็มใจหากลีลาการดูดเม้มหนักเบาบนริมฝีปากอิ่มยั่วยวนจนหญิงสาวเผลอไผล อาการแข็งขืนห่างหายเปิดโอกาสให้ไซเร็คได้ลิ้มรสชาติของหล่อน ลิ้นร้อนกวาดสำรวจก่อนจะแตะไล้ปลายลิ้นขี้อายให้พลิกพลิ้วไปด้วยกัน

สัมผัสซ่านซ่าวาบหวามส่งผลให้ร่างอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงกอดคอเขาไว้ราวกับกระดูกในกายละลายหายไปหมด ต้องอาศัยอ้อมแขนแข็งแกร่งซ้อนรับแผ่นหลังจึงทรงตัวอยู่ได้ ชายหนุ่มพลิกตัวให้ปัณฑารีย์นอนลงโดยไม่ยอมผละออกก่อนจะผ่อนกายทาบทับร่างอวบเบื้องใต้ ความอึดอัดร้อนรุ่มในกายเร่งเร้าให้นักธุรกิจหนุ่มเรียกร้องตักตวงมากเท่าที่จะทำได้ และหญิงสาวต่างดาวอ่อนประสบการณ์ก็ครางแผ่วสะท้านไปทั้งร่างเมื่อความร้อนจากปากและมือใหญ่แทรกผ่านเนื้อผ้านุ่มยามเขาลูบไล้ผิวกายพลางระดมจุมพิตบนดวงหน้านวลเนียนอย่างเชื่องช้าหนักหน่วง

หนุ่มชาวคีเรี่ยนหยุดชะงักการกระทำเมื่อรู้สึกว่าผมถูกขยุ้มดึงจนตึงหนังศีรษะ นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มจัดกว่าปกติจนแทบเป็นสีดำจ้องมองดวงหน้าอ่อนเยาว์เปี่ยมแววเคลิบเคลิ้มบนหมอนราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน พวงแก้มเนียนนุ่มแดงก่ำเกือบเท่าริมฝีปากที่บวมนิดๆจากฝีมือของตนเองสร้างความหงุดหงิดจนคิ้วเข้มขมวดแทบชิด ชายหนุ่มคลายอ้อมแขนออกจากร่างอวบก่อนจะลุกขึ้นมานั่งหันหลังพลางเสยผมให้พ้นหน้าผากด้วยอารมณ์อันปั่นป่วนรัญจวนแทบคลั่งภายใน ตัว

“ไอ้เพื่อนระยำ!”

คำพรุสวาทถึงเธรอนที่หลุดจากปากอีกฝ่ายช่วยดึงสติหญิงสาวที่นอนหอบตาลอยให้กลับมาอย่างรวดเร็ว หากความสับสนงุนงงยังคงวนเวียนอยู่ในสมองไม่ยอมจากไป พอสบตากับดวงตาคมที่หันกลับมามองหน้าถึงได้รับรู้ว่าตนเองอยู่ในสภาพน่าอายมากแค่ไหน ร่างเล็กรีบยันตัวลุกขึ้นมานั่งหันหลังพร้อมอาการก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาเจ้าของห้อง

ไซเร็คถอนใจเฮือกใหญ่ให้กับท่าทางขัดเขินระคนอับอายของหญิงสาวต่างดาวที่ขยับหนีไปนั่งอยู่ริมเตียง อากัปกิริยาลุกลี้ลุกลนทำอะไรไม่ถูกของปัณฑารีย์ช่วยลดความหงุดหงิดในอารมณ์ลงไปได้มาก ปลายนิ้วเรียวยาวที่เอื้อมไปจับสายคาดเล็กบางซึ่งเลื่อนหลุดลงจากไหล่กลมกลึงแตะถูกผิวเนื้อนวลร่างอวบก็แข็งทื่อไปในพริบตา มือใหญ่ชะงักค้างกลางอากาศเมื่อระลึกได้ว่าเพิ่งทำสิ่งใดต่ออีกฝ่าย

ไม่น่าแปลกใจที่หล่อนจะมีปฏิกิริยาตอบสนองแบบนี้…

“ไม่ต้องกลัว ผมแค่จะช่วยคุณจัดเสื้อ” น้ำเสียงทุ้มต่ำยังคงแหบพร่าจากสัมผัสเร้าอารมณ์ทอดนุ่มนวล หากความโกรธเข้ามาแทนที่อารมณ์พิศวาสอย่างรวดเร็วทั้งที่ตั้งใจแต่แรกว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับแม่สาวต่างดาวคนนี้ ถึงสมองจะตัดสินแน่นอนแล้วหากประสาทสัมผัสและสัญชาตญาณกลับไม่ยอมทำตามถึงได้เผลอตัวจูบหล่อนเข้า

ปัณฑารีย์พยักหน้ารับแข็งๆไม่ยอมมองหน้าคนช่วยจัดเครื่องแต่งกายให้ แม้ตอนนี้จะมีพายุหมุนตรงดิ่งเข้ามาหาสักสิบลูกเธอก็ไม่รู้สึกตัวใดๆทั้งสิ้น สองแก้มร้อนฉ่าราวกับถูกไฟลนด้วยอารมณ์หลากหลายคละเคล้ากันไปจนไม่อาจบอกได้ชัดเจนว่ารู้สึกอย่างใดกันแน่

อับอาย...ขัดเขิน...วาบหวิว....หรือไม่พอใจ?

ในตอนนี้ไม่ว่าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากขนาดไหนเธอก็จับไม่ได้สักอย่างเดียว!

“แพน คุณจะกลับห้องรึเปล่า”

ประโยคคำถามนั้นแทรกผ่านเข้ามาในอนุสติดึงความสนใจจนหญิงสาวเผลอเงยหน้าขึ้นมอง ร่างสูงใหญ่ที่มีเพียงกางเกงขาวยาวเอวรูดเนื้อนิ่มสีน้ำตาลปกปิดขยับลงจากเตียงเดินไปหยิบหมอนฟูนุ่มใบโตกับผ้าห่มนวมน้ำหนักเบาที่หญิงสาวโยนทิ้งไว้บนพื้นขึ้นมาถือพลางมองเธอนิ่ง

“เอ่อ...” คำถามของอีกฝ่ายเตือนให้ปัณฑารีย์นึกได้ว่ามาเคาะประตูห้องเขาเพราะเหตุใด นัยน์ตาสีนิลตวัดไปที่หน้าต่างดูสภาพอากาศก่อนจะนิ่งไปเมื่อเห็นว่าพายุฝนฟ้าคะนองยังคงหนักหน่วงเหมือนเดิม

ท่าทีนิ่งงันไร้คำตอบของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มพอจะเดาความคิดจากปฏิกิริยาที่หล่อนแสดงออกได้ ปัณฑารีย์มาหาเขาพร้อมเครื่องนอนเพราะความกลัวและตั้งใจจะขออาศัยนอนเพื่อความอุ่นใจ แต่กลับถูกเขาฉวยโอกาสเอาเปรียบอย่างน่าทุเรศเป็นที่สุด แม้จะไม่พอใจในพฤติกรรมอันควบคุมไม่อยู่ของตนเองก็ยังอดคิดถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่ไม่ได้

ร่างอวบเต่งตึงมีเพียงชุดนอนบางเบาใต้ร่างสร้างความพึงพอใจให้เขาทันทีที่แนบชิด ผิวนุ่มเนียนหอมหวานใต้สัมผัสกระตุ้นเลือดในกายจนร้อนฉ่าเหนือกว่าสุราฤทธิ์แรงร้อน ภาพดวงตาสีดำหยาดเยิ้มไปด้วยอารมณ์ปรารถนาปรากฏชัดในมโนภาพจนไซเร็คต้องหมุนตัวเดินไปยังโซฟาตัวยาวหนานุ่มบริเวณมุมห้องและจัดการเปลี่ยนมันเป็นเตียงเดี่ยวขนาดกลางโดยไม่รอคำตอบของหล่อนอีก

“คุณนอนบนเตียงนั่น ผมจะนอนตรงนี้เอง” หนุ่มชาวคีเรี่ยนสั่งเสียงกระด้างผิดปกติก่อนจะทิ้งตัวลงนอนหนุนหมอนคลี่ผ้าห่มของหญิงสาวคลุมลงบนร่างพร้อมกับแสงสว่างสีอ่อนนวลของโคมไฟดับลง

ท่ามกลางความมืดและอากาศเย็นฉ่ำมีเสียงพายุฝนคำรามดังเป็นระยะไม่ให้เงียบเกินไป ปัณฑารีย์นั่งนิ่งอยู่บนเตียงกว้างไม่ขยับขณะสมองพิจารณาประสบการณ์ใหม่เอี่ยมที่ได้รับ

ตอนอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งคู่นั้นเธอไม่ได้รับรู้ถึงตัวตนของต้นเหตุแห่งความหวาดกลัวภายนอกหน้าต่างเลยสักนิด...

สิ่งที่เดียวที่รับรู้คือสัมผัสอันรุ่มร้อนอ่อนโยนของไซเร็คแต่เพียงอย่างเดียว!

ดวงตาสีดำมองไปยังโซฟายาวอย่างไม่เข้าใจในการกระทำเมื่อสักครู่ของชายหนุ่มแม้แต่น้อย ความกังวลเริ่มเกาะกุมจิตใจอีกครั้งเมื่อไม่อาจหาสาเหตุมาอธิบายความรู้สึกของเขาได้

“ไซเร็ค...” หญิงสาวลองเรียกชื่ออีกฝ่ายดูแต่ก็ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา กระนั้นเธอก็ยังพูดต่อไปด้วยความสับสน “ฉันไม่...คือ...ขอโทษนะ”

ห้องนอนยังเงียบสนิทไร้สรรพสำเนียงใดๆจนคนรอคำตอบห่อเหี่ยวไปทั้งใจ ร่างเล็กจึงทอดกายลงนอนกลางเตียงตามที่ชายหนุ่มบอกแม้จะไม่รู้สึกอยากนอนเลยก็ตาม

ไม่นานเสียงหายใจแผ่วเบาก็ดังขึ้นจากหญิงสาวผู้เข้าสู่นิทรารมย์อย่างง่ายดายจากความอ่อนเพลียบวกกับนิสัยนอนหลับได้ทุกสถานที่ ต่างกับบุคคลอีกคนในห้องที่ยังนอนหลับตาฟังเสียงธรรมชาติรอบกายซึ่งดังจนสามารถแทรกผ่านเข้ามาในห้องเพราะกลิ่นดอกไม้หอมอ่อนจางบนหมอนและความเร่าร้อนภายในกายเผาผลาญจนยากจะหลับลงได้...




TBC.




กลับมาแล้วค่ะ ต้องขอโทษด้วยที่หายไปนาน มีเรื่องวุ่นมากมายน่ะค่ะ ^^

หลังจากนี้จะพยายามเอามาโพสต์ให้สม่ำเสมอนะคะ

เนื่องจากเพิ่งมาโพสต์นิยายในเว็บนี้ ก็เลยอยากจะขอให้ทุกท่านที่เข้ามาอ่านช่วยเขียนคอมเมนต์ทิ้งเอาไว้ด้วย เราจะได้ทำความรู้จักกันบ้าง จะวิจารณ์นิยายก็เชิญเลยค่ะ ยินดีต้อนรับทุกความเห็นค่ะ





ปุณณารมย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 พ.ย. 2554, 11:45:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 พ.ย. 2554, 11:52:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 1595





<< ตอนที่ 1   ตอนที่ 3 >>
คิมหันตุ์ 21 พ.ย. 2554, 13:19:44 น.
มาตามติด ^___^


ปุณณารมย์ 22 พ.ย. 2554, 14:44:49 น.
คิดหันตุ์
ประกาศแบบนี้ก็อย่าหายไปนะคะ ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account