เล่ห์จันทร์ร้อยใจ
สำหรับตฤณแล้ว อินทุอร นางแบบสาวชื่อดัง เป็นพระจันทร์เจ้าเล่ห์ร้ายกาจ และน่ารังเกียจ เพราะเธอ เขาต้องซมซาน สะบักสะบอมจนแทบไม่มีที่ยืน...และเมื่อโอกาสที่เขาจะสั่งสอนเธอมาถึง มีหรือที่เขาจะยอมให้หล่อนต้องหลุดมือไปโดยไม่ทำอะไรเลย
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 1



“แม่ลูกสาวตัวดีของพวกคุณ ทำงามหน้าไหมล่ะ”

เสียงเข้มทรงอำนาจนั้นเอ่ยขึ้น พร้อมๆกับจดหมายฉบับหนึ่งที่ลอยหวือลงไปบนโต๊ะกลางของชุดรับแขกหรู ภายในคฤหาสน์ตระกูล ‘พัชรกิจรุ่งโรจน์’ ตระกูลนักธุรกิจชื่อดังที่ไม่มีใครไม่รู้จักพวกเขา ในฐานะเจ้าพ่อแห่งวงการวัสดุก่อสร้าง แต่ในยามนี้เจ้าพ่อแห่งวงการวัสดุก่อสร้างกลับทำได้เพียงแค่ก้มหน้ามองพื้น ด้วยใบหน้าเครียดตึง จากเรื่องที่เกิดขึ้น เขาทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากนั่งฟังและพยายามหาทางออกให้กับเรื่องนี้ เขามองจดหมายฉบับนั้นด้วยใบหน้าเคร่งขรึม แม้ไม่เห็นเนื้อความในจดหมายก็พอจะรู้ว่าเนื้อหาในนั้นเกี่ยวข้องกับ ‘เรื่อง’ อะไรกันแน่

“ถ้าพวกนักข่าวรู้คงจะเป็นเรื่องใหญ่โต แล้วคุณคิดว่าผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ผมเป็นรัฐมนตรีนะคุณ ไม่ใช่ตาสีตาสาที่ไหนที่ทำอะไรแล้วไม่มีใครอยากรู้”

เสียงเข้มทรงอำนาจของ กุมุท รัฐมนตรีอาวุโสวัยเกือบหกสิบปีเอ่ยขึ้น คำพูดของท่านรัฐมนตรีกุมุททำให้ทุกคนที่ฟังอยู่เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไร ได้ยินเพียงแค่เสียงถอดถอนใจของใครบางคนที่ดังขึ้นอย่างอ่อนแรง กุมุทกัดกรามอย่างพยายามสะกดกลั้นอารมณ์โมโหของตนอย่างสุดกำลัง เมื่อมองเห็นว่า คนในบ้านพัชรกิจรุ่งโรจน์ ดูเหมือนจะไม่มีใครสามารถอธิบายหรือแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ มือเหี่ยวย่นของเขากำแน่น จนเส้นเลือดปูดโปน

“ผมคิดว่าคุณควรคิดทำอะไรสักอย่างเพื่อให้งานแต่งงานในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้ายังดำเนินต่อไปได้” จบคำ ชายสูงวัยในชุดสูทสีเทาเข้มก็เดินจากไป

อุกฤษฏ์ ประมุขของบ้านพัชรกิจรุ่งโรจน์พิงตัวลงบนพนักของโซฟาตัวใหญ่หนานุ่มอย่างหมดแรงในแทบจะทันทีที่กุมุทจากไป ดวงตาสีเทาเข้มค่อยๆหลับลงช้าๆ ยามนี้เขาคิดไม่ตกเลยว่าจะสามารถแก้ปัญหายุ่งๆนี้ได้อย่างไรดี เรื่องนี้มันเป็นเพราะลูกสาวตัวแสบของเขา!

อินทุอร หรือ หนูอิน ลูกสาวคนเดียวของเขา เธอเป็นนางแบบสาวมืออาชีพที่ฉลาดเฉลียว สวย เก่ง จนใครๆต่างก็หมายปอง ไม่เว้นแม่แต่ ทยากร บุตรชายคนเดียวของท่านกุมุทรัฐมนตรีชื่อดังที่มีอำนาจและอิทธิพล อย่างมากในทางการเมืองไทยยามนี้ เขาเป็นที่รู้จักในวงสังคมว่าเป็น ‘เพลย์บอยตัวพ่อ’ ควงดารานางแบบมาแล้วไม่รู้กี่คนต่อกี่คน แต่เขาก็ไม่คิดจะจริงจังกับใคร จนกระทั่งมาเจอกับอินทุอร ในการพบปะกันอย่างลับๆของเขาและท่านกุมุท อาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองและธุรกิจของครอบครัวก็ตามแต่ รู้แต่ว่า ทยากรสนใจในตัวอินทุอรอย่างมาก มากชนิดที่ว่าชายหนุ่มถึงขนาดเข้ามาหาเขาด้วยตัวเอง เพื่อเจรจาขอสานต่อความสัมพันธ์กับอินทุอรอย่างจริงจัง และจริงใจ

เมื่อนึกถึง ทยากรแล้ว ชายหนุ่มก็ไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่ ตรงกันข้าม เขาเป็นชายหนุ่มรูปงามที่พรั่งพร้อมไปด้วยรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติ หาใช่พวกลูกไฮโซที่ไม่มีการศึกษาหรือเสเพลไม่เอาการเอางาน แต่เขาเป็นชายหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงที่นับได้ว่าเป็นที่ยอมรับในวงธุรกิจ และเชื่อว่าอีกไม่นานคงเตรียมลงเล่นการเมืองสืบต่อจากบิดา เมื่อมีชายหนุ่มคุณสมบัติพรั่งพร้อมเช่นนี้มาเสนอตัวของดูใจบุตรี จึงไม่ผิดอะไรที่เขาจะขอร้องให้อินทุอรลองคบหากับ ทยากรดู หากแต่เอาเข้าจริงความสัมพันธ์ของทั้งคู่กลับไม่ได้พัฒนาไปในทิศทางที่ดีนัก สามเดือนก็แล้ว ห้าเดือนก็แล้ว แต่จนแล้วจนรอด อินทุอรก็ดูจะไม่ได้ให้ความสนใจในตัวของ ทยากรแม้แต่น้อย

‘คุณพ่อคะ อินไม่ได้หยิ่งหรืออะไรเลยนะคะ แต่อินไม่สนนายทยากรนั่นจริงๆ’ เขายังจำท่าทางและแววตาของลูกสาวได้ดี ว่าจริงจังขนาดไหนยามพูดประโยคนี้ออกมา หลังจากที่อินทุอรทราบว่า ทั้งเขาและท่านกุมุทได้ตระเตรียมงานวิวาห์ระหว่างเธอและทยากรไว้เรียบร้อยแล้ว

‘แต่อินก็รู้ว่าท่านกุมุทกับพ่อ เราเป็นภาคีคนสำคัญกัน พ่อต้องพึ่งท่านกุมุท’ เขาพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ หวังว่าความเย็นของเขา จะดับความร้อนในตัวของอินทุอรได้ หากแต่ผู้เป็นพ่อกลับคิดผิด อินทุอรกลับยิ่งทวี ความโกรธมากยิ่งขึ้น ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวบูดบึ้งอย่างที่ชอบทำเวลาไม่พอใจ

‘คุณพ่อเอาแต่ใจตัวเอง ทำไมไม่คิดถึงหัวใจอินบ้าง’

‘แล้วลูกล่ะอิน ลูกเคยทำอะไรเพื่อพ่อบ้าง แค่นี้ลูกทำเพื่อพ่อไม่ได้หรือไง นายธามเขาเป็นคนดีคนหนึ่ง รูปร่างหน้าตาก็ดี มีการศึกษา อะไรๆก็ดีไปหมด ทำไมลูกต้องดื้อดึงด้วย ลูกต่างหากล่ะที่ไม่เคยคิดถึงอะไรเลย ลูกไม่เคยคิดที่จะช่วยพวกเรา’ เขาตวาดเธอไปยาวเหยียดอย่างเหลืออด เมื่อเห็นว่าบุตรสาวทำท่าทีไม่เคารพเขา
อย่างที่ควรจะเป็น แน่นอนว่าเมื่อเขาร้อนขึ้นมาบ้าง อินทุอรก็ยิ่งร้อนขึ้นไปอีก ตวาดเขากลับด้วยท่าทีก้าวร้าว และน้ำเสียงที่แข็งกร้าว

‘อินไม่ใช่เพชร ไม่ใช่พลอย ไม่ใช่วัตถุมีค่าเพื่อเอาไปเป็นสินบนให้กั.....’

ไม่รอให้อินทุอรพูดจบ เขาก็ตบเข้าที่แก้มนวลของบุตรสาวอย่างแรง จนร่างบอบบางของเธอสะบัด ไปตามแรงที่เขาเหวี่ยงมือออกไปเต็มแรงด้วยความโมโห จนร่างบอบบางจนแทบจะปลิวไปตามลมของเธอ แทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น หากไม่ได้เนริชา หลานสาวของเขาประคองอินทุอรไว้ บางทีอินทุอรอาจจะล้มลงไปจริงๆก็ได้

‘คุณน้าคะ ใจเย็นๆเถอะค่ะ’ หลานสาวคนเดียวของเขา พยายามห้ามปราม ‘เราก็เหมือนกันนะอิน ไม่ใช่เด็กๆที่ไม่รู้เรื่อง รู้ราว เถียงเพื่อให้ได้ดั่งใจ อย่าก้าวร้าวกับพ่อสิ’ประโยคหลังเนริชาหันมาบอก อินทุอรด้วยท่าทีห้ามปราม

‘พี่เน่ไม่เป็นอิน พี่เน่ไม่เข้าใจหรอก’หญิงสาวบอกเสียงสั่น น้ำตาคลอเบ้าตาจนแทบจะปริ่มล้นออกมา พลันอินทุอรก็หันขวับมามองเขา ด้วยแววตาก้าวร้าว

‘พ่อบังคับอินไม่ได้หรอก!’

‘ทำไมฉันจะบังคับไม่ได้!’ เขาตวาดสุดเสียง จดเจ็บระบมไปทั้งคอ และหัวใจ ‘จำไว้อินทุอร พ่อให้ชีวิตแก เลี้ยงดูแกมา เพราะฉะนั้นถึงเวลาแล้วที่แกจะต้องตอบแทนพ่อ แต่งงานกับนายธามซะ!’

ประกาศิตจากเขาทำให้อินทุอรแผดเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาตามใจเธอมาตลอด ไม่เคยดุ ไม่เคยว่าเลยสักครั้ง ยิ่งเรื่องตบตียิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง ยังผลทำให้อินทุอรกลายเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองอย่างร้ายกาจ แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป ไม่เพียงแค่เขาจะพูดจาบังคับคู่เข็ญเท่านั้น แต่ยังถึงขั้นตบหน้าหญิงสาวจนแทบจะล้มลงไปกองกับพื้น การกระทำครั้งนี้มันคงทำให้อินทุอรรวดร้าวไม่น้อย แต่อุกฤษฎ์ก็เชื่อว่าวันหนึ่ง เธอจะเข้าใจในความหวังดีของเขา

“อิน ลูกหนีไปไหนของลูกกันนะ” เขาพึมพำอย่างรวดร้าว เมื่อเช้านี้จดหมายฉบับหนึ่งก็ถูกส่งมา ถึงมือเขาเช่นกัน เนื้อความในจดหมายนั้นเป็นการตัดพ้อต่อว่าที่เขาทำร้ายจิตใจและบังคับขู่เข็ญมากเกินไป อินทุอรจะหายไปสักพักจนกว่าเรื่องนี้จะจบลงด้วยดี

ผู้สูงวัยยกมือขึ้นบีบขมับตัวเองเพื่อหวังว่ามันจะบรรเทาอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงนี้ของเขาให้หายได้

“คุณน้าครับ อย่าห่วงเลยครับ ผมจะช่วยตามหายายอินอีกแรง”

เสียงทุ้มๆของนิธาน พี่ชายของเนริชา ทำให้ลืมตาขึ้น ก่อนหันหน้ามองผู้เป็นหลานชายอย่างแปลกใจระคนสงสัย เพราะปกติแล้วนิธานแทบจะไม่เคยมายุ่งวุ่นวายกับอินทุอรสักเท่าไหร่ มีแต่เนริชาเท่านั้นที่คอยมานั่งเล่นพูดคุยสนิทสนม หากแต่คราวนี้กลับเป็นนิธานที่ยื่นมือเข้าช่วย ในขณะที่เนริชากับเงียบเฉย วางท่าเหมือนไม่สนใจ แม้ปกติแล้วเนริชาจะเป็นคนที่เงียบ เรียบร้อยและไม่มีปากมีเสียงอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ถึงกับเย็นชาถึงขนาดที่น้องสาวหายไปแล้วจะไม่รู้สึกรู้สาอะไร

“แล้วหนูล่ะเน่ หนูจะช่วยเจ้านัทตามหาน้องด้วยหรือเปล่า”

เป็นดังที่คาดไว้ เนริชาทำท่าอึกอัด ก้มหน้าหลบตาเขาอย่างไม่สามารถซ่อนความกลัวไว้ได้

“ไม่เป็นไรครับคุณน้า ผมสามารถจัดการกับยายอินได้แน่นอน” นิธานบอกอย่างหมายมาด “แต่น้าครับ แน่ใจเหรอครับว่าจะให้ยายอินแต่งงานกับไอ้ธามอะไรนั่นจริงๆ”

เขาสบตาเจ้าเล่ห์แพรวพราวของหลานชาย ก่อนจะตอบหนักแน่น

“แน่เสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดอีก นัท”


ร่างเพรียวของหญิงสาวในชุดเดรสแขนกุดสีฟ้าอมเทาที่กำลังก้าวข้ามถนนแคบๆสายนี้มาอีกฝั่ง ดูสวยโดดเด่นด้วยผิวสีน้ำผิ้งเรียบเนียนผุดผาด ชายกระโปรงพลิ้วตามจังหวะการเดินเผยให้เห็นเรียวขากระชับจนใครๆต้องอิจฉา และที่ดูจะเป็นที่น่าจับตามองที่สุด ก็คงเป็นแผ่นหลังเรียบเนียนน่าสัมผัสที่มองเห็นได้จากรอยฉลุจากตัวเสื้อด้านหลัง

เมื่อก้าวเข้ามาถึงที่หมาย หญิงสาวก็กรีดนิ้วหยิบแว่นกันแดดสีดำแบรนด์ดังของตัวเอง ขึ้นพักไว้บนเรือนผมสีน้ำตาลประกายเขียวจากการย้อมเคมีที่สยายเป็นลอนธรรมชาติถึงกลางหลัง

“อเมริกาโน่เย็นแก้วนึงคะ” เสียงหวานสั่งสิ่งที่ตนเองต้องการไปในทันทีที่ก้าวมาถึงร้านขายกาแฟสดแผงลอยข้างทาง ที่ปกติแล้ว ตัวเธอเองไม่เคยคิดที่จะย่างกรายเข้ามาสักครั้ง

อินทุอรที่ยกกาแฟสดขึ้นดูดชิมรสชาติต้องทำหน้าเบ้ เมื่อรสชาติที่ตนได้รับนั้นแตกต่างจากที่เคยลิ้มลองจากร้านดังในห้างสรรพสินค้าใหญ่โดยสิ้นเชิง แต่ในยามนี้เธอเองมีทางเลือกไม่มากนัก การที่กลับไปใช้ชีวิตในสถานที่เดิมๆที่เคยไปมันจะกลายเป็นการฆ่าตัวตายทางอ้อม

นับตั้งแต่เมื่อวานนี้ที่หนีออกจากบ้าน อินทุอรก็มาอาศัยอยู่ที่โรงแรมระดับกลางในจังหวัดระยองเพื่อหลีกหนีปัญหาทั้งหมด เพราะที่นี่เธอมีเพื่อน มีคนที่สามารถไว้ใจได้คอยดูแลอยู่ตัวเธอเองก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดปัญหา เพียงแต่ว่าตอนนี้เพื่อนรักต้องไปสัมมนาที่ต่างจังหวัด หญิงสาวจึงต้องอยู่คนเดียวเพียงลำพัง แม้จะทำให้รู้สึกหวาดระแวงไปบ้างหากแต่เธอก็คิดว่าดีกว่าจะต้องอยู่ในกรุงเทพต่อเป็นร้อยเท่า

อินทุอรนึกถึงจดหมายที่เธอเป็นคนเขียนทั้งสองฉบับ และให้แมสเซนเจอร์ส่งไปให้ปลายทางที่คิดว่าจำเป็นต้องส่งข่าวให้ได้รับรู้ ป่านนี้มันคงจะถึงมือของผู้ที่เธอต้องการจะให้มันได้รับแล้ว นึกภาพไม่ออกเลยว่าตอนที่อีตาทยากรงี่เง่านั่นได้เห็นจดหมายบอกลาของเธอแล้วจะทำหน้ายังไง หน้าหล่อๆตี๋ๆของเขาคงจะบิดเบี้ยวเหยเก หมดหล่อกันเลยเชียวล่ะ ส่วนปลายทางจดหมายอีกฉบับของเธอคงไม่ต้องพูดถึง ป่านนี้คงได้ส่งคนให้มาตามหาเธอกันให้วุ่นวายเรียบร้อยแล้ว

ใบหน้างดงามระบายยิ้มอย่างผู้ชนะ

ฉับพลันนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของเธอก็กรีดร้องขึ้น ไม่ต้องดูชื่อที่แสดงหน้าจออินทุอรก็รู้ว่าเป็นใคร เพราะมีเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่รู้เบอร์โทรศัพท์เบอร์นี้ของเธอ

ญาติผู้พี่ผู้แสนงดงาม เนริชา

“ว่าไงคะพี่เน่ ทางโน้นเป็นยังไงบ้าง” เธอกรอกเสียงไปเรียบๆ ไม่แสดงความสงสัยใคร่รู้ในคำตอบ จากคำถามนั้นเท่าไรนักเพราะพอจะเดาคำตอบของญาติผู้พี่ได้อยู่แล้วว่ามันควรจะเป็นเช่นไร

“ทางนี้สถานการณ์ไม่ดีเลย คุณน้าโกรธใหญ่ที่อินทำแบบนี้ เมื่อเช้ามืดท่านกุมุทก็มาที่บ้าน เอาจดหมายมาให้คุณน้าดู พี่ไม่สบายใจเลย ” เสียงของเนริชาเป็นการยืนยันได้ดีว่าหญิงสาวคิดแบบนั้นจริงๆ มันช่างสั่น เครียด และดูหวาดกลัวกับสวัสดิภาพและสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปจากนี้มากทีเดียว แต่ในทางกลับกันอินทุอรหัวเราะในลำคออย่างถูกใจ เพราะนั่นคือสิ่งที่เธอยากได้ยินมากที่สุด

“พี่เป็นห่วงอินมากนะ พี่ว่าท่านกุมุทกับคุณธามเขาไม่ปล่อยอินเอาไว้แน่”
อินทุอรไหวไหล่อย่างไม่นึกใส่ใจ

“อินไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่เน่ไม่ต้องห่วง”เธอบอกออกไปอย่างนั้น ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจะไม่เป็นไรจริงหรือเปล่า แต่ในเมื่อหญิงสาวตัดสินใจแล้ว เธอก็จะไม่ถอยเด็ดขาด

“อ้อ! มีอีกเรื่องที่ต้องบอกให้อินรู้ พี่นัทไม่รู้เกิดอะไรขึ้น อาสากับคุณน้า บอกว่าจะตามหาอิน”

คำบอกเล่าของเนริชาทำให้อินทุอรแปลกใจไม่น้อย ไม่นึกว่าญาติผู้พี่ของเธอคนนั้นจะนึกเป็นห่วงเป็นใยตัวเธอขึ้นมา ตั้งแต่เล็กจนโตผู้ชายคนนั้นคุยกับเธอแทบจะนับคำได้ ไม่เคยมาสุมหัวร่วมวงสนทนากับเธอ มีก็แค่บางครั้งที่อยากรู้จักมักจี่กับเพื่อนๆนางแบบของเธอนั่นแหละจึงได้เข้ามานั่งคุยสนิทสนม และเพราะนิสัย แบบนั้นของเขาที่เธอรู้ดีนั่นแหละ อินทุอรจึงได้หยุดคิดเกี่ยวกับท่าทีของญาติหนุ่ม เพราะลองสรุปดูคร่าวๆ ในใจแล้วว่า เหตุผลที่นิธานทำเช่นนั้นคงไม่ได้หวังอะไรมากมายไปกว่าอยากจะเอาหน้ากับอุกฤษฏ์พ่อของเธอก็เท่านั้น

เกือบสามทุ่มแล้วในยามที่อินทุอรเดินลงมาจากที่พักเพื่อที่จะหาอาหารเย็นรับประทาน และมันก็คงจะเป็นอะไรง่ายๆอย่างผลไม้รถเข็นเหมือนที่เธอซื้อรับประทานเมื่อวานนี้ ความจริงรสชาติของมันค่อนข้างจะจืดชืดจนแยกไม่ ออกว่าผลไม้ชนิดไหนเป็นชนิดไหน แต่มันก็คงดีกว่าร้านอาหารตามสั่งและข้าวมันไก่ที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน หรืออาหารโรงแรมรสชาติไม่ได้เรื่องชนิดที่รับประทานไม่ลงนั่น

ทั้งๆที่ระยะทางจากโรงแรมที่พักจนไปถึงที่ตั้งแผงขายผลไม้นั้นก็ไม่ได้ไกลไปจากเดิมเลย แต่ไม่รู้ทำไมหญิงสาวถึงได้รู้สึกเหมือนระยะทางมันไกลขึ้นทุกที ตลอดระยะทางแม้จะมีแสงสว่างและผู้คนค่อนข้างมาก แต่อินทุอรก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอดเวลา ราวกับกำลังมีใครเดินตามอยู่อย่างไรอย่างนั้น จนกระทั่งตอนขากลับที่หญิงสาวต้องเดินผ่านมุมมืดและไร้ผู้คนมุมหนึ่งเพื่อที่จะเดินเลี้ยวขึ้นโรงแรม

“คุณอินทุอร....”เสียงเรียกชื่อของเธอชัดเจนและเยียบเย็นจนทำให้หญิงสาวขนลุกเกรียว อินทุอรหยุดกึก ก่อนจะค่อยๆหันไปตามเสียงเรียกนั้นช้าๆ ก่อนเอ่ยถาม “คุณเป็นใคร”

ผู้ชายคนนั้นเป็นคนผิวคล้ำ ใบหน้าถมึงทึงในชุดซาฟารีสีดำ ยิ่งรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมที่มองมายิ่งทำให้อินทุอรรู้สึกขนลุกอย่างประหลาด จนร่างบางต้องก้าวถอยหลังไปครึ่งก้าวอย่างหวาดกลัว

“ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ผมมารับคุณกลับบ้าน” ชายคนนั้นอ้างว่ามารับหญิงสาวกลับบ้าน หากแต่อินทุอรแน่ใจมากว่าผู้ชายหน้าตาเหมือนตัวร้ายในละครหลังข่าวแบบนี้ ไม่ใช่ลูกน้องของพ่อเธอแน่

“ฉันไม่รู้จักคุณ อีกอย่าง คุณไม่ใช่ลูกน้องพ่อฉัน” หญิงสาวกอดอก วางท่าคล้ายไม่เกรงกลัวสิ่งใด ทั้งที่ตอนนี้ หัวใจมันเต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว

“ผมเป็นลูกน้องใครไม่สำคัญหรอกครับ แต่จุดหมายปลายทางที่ผมจะพาคุณไปก็คือบ้านคุณอยู่ดี”

ชายหนุ่มเหยียดยิ้มชวนขนลุก อินทุอรกลั้นใจนิ่ง

“ฉันไม่กลับ...” ฝีปากแห้งผาดนั้นตอบไปราวกลับไม่เกรงกลัว ก่อนจะหมุนตัวกลับไปยังทิศเดิม หมายจะวิ่งหนี หากแต่ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อชายในชุดซาฟารีสีดำอีกสามสี่คนกระจายตัวกันล้อมเธอไว้จนมองไม่เห็นทางออก หญิงสาวรวบมือทั้งสองไว้ด้วยกันแน่ เพื่อที่ฝ่ายตรงข้ามจะได้ไม่เห็น ว่ามือของเธอนั้นสั่นไหวเพียงไร ในยามนี้ อินทุอรผู้เฉิดฉายคิดอะไรไม่ออกอีกต่อไป ดวงตาของเธอพร่ามัว หัวสมองมึนตึงด้วยความหวาดกลัวอย่างที่

ไม่เคยพบมาก่อนในชีวิต ก่อนที่สมองจะสั่งการให้ทำอะไรสักอย่าง ทำให้หญิงสาวตัดสินใจรวบรวมความกล้า ขูพวกมันกลับไป

“ไอ้พวกบ้า นี่แกรู้รึเปล่าว่าฉันเป็นใคร ฉันอินทุอรนะ อินทุอร พ่อฉันมีอิทธิพลมากนะ!!” หญิงสาวแผดเสียงลั่น

“ก็เพราะคุณคืออินทุอรน่ะสิ พวกเราถึงมารับคุณกลับ” ฝ่ายนั้นหัวเราะราวกับเป็นเรื่องขบขัน

“ใครส่งแกมา!” หญิงสาวถามกลับเสียงแข็งกร้าว

“ถ้าอยากรู้ก็กลับไปขึ้นรถสิครับ เขามารอรับคุณด้วยนะ” ชายชุดดำคนหนึ่งพูด นั่นทำให้อินทุอรเหยียด ยิ้มอย่างนึกขัน ผลที่สุดเธอก็ทราบแล้วว่าอันธพาลที่ส่งคนพวกนี้มาเป็นใคร ลองพวกมันบอกว่ามีคนมารอรับเธอ เธอก็พอจะเดาออกแล้วล่ะว่า มันจะเป็นใคร

“ฉันไม่ไป ไม่มีวันแต่งงานกับเขาแน่นอน ไปบอกนายของแกอย่างนี้แล้วกัน”

กล่าวจบ หญิงสาวก็ตั้งใจว่าจะเดินหนีให้สิ้นเรื่องสิ้นราวตัดรำคาญไปเสีย เพราะรู้ว่าอย่างไร คนของ ทยากรก็ไม่มีทางทำร้ายร่างกายเธอแน่นอน ทยากรออกจะดูคลั่งไคล้เธอซะขนาดนั้น คงไม่มีทางให้ใครทำร้ายเธอแม้แต่ปลายผมเสียหรอก

อินทุอรสะบัดหน้า เชิดปลายคางอย่างมั่นใจ ก่อนจะก้าวเดินออกไป

หากแต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวขาข้างที่สอง สัมผัสที่รู้สึกได้เหนือสะโพกของเธอนั้นทำให้หญิงสาวหยุดกึก ความหนาวเหน็บเย็บวาบตั้งแต่ปลายเท้าไปจนถึงสมอง

“กะ..แก...แกใช้ปืนขู่ฉันเหรอ!”

“ก็คุณหนูอินไม่ไปกับพวกเราง่ายๆนี่ครับ” ชายคนที่ใช้กระบอกปืนจ่อหลังเธออยู่กระซิบเสียงแหบ “ไปกันเถอะครับ อย่าให้เจ้านายผมรอนาน”

อินทุอรเม้มริมฝีปากอย่างเจ็บใจที่ไม่สามารถทำอะไรได้อย่างที่ใจคิด
“เดินเถอะครับคุณหนู” ชายผู้นั้นย้ำอีกครั้ง

อินทุอรไม่สามารถขัดคำสั่งผู้ชายคนนั้นได้ หญิงสาวเม้มริมฝีปากสนิทจนเกือบจะเป็นเส้นตรง ดวงตาคู่งามพยายามมองหาทางแก้ไขสถานการณ์ตอนนี้ หากแต่ไม่มีใครผ่านมาแถวนี้เลย อินทุอรได้แต่หลับตาอธิษฐานในใจ ขอให้มีใครสักคนหนึ่งมาช่วยทีเถิด!

ฉับพลัน หญิงสาวก็ต้องรู้สึกเหมือนหัวใจจะหล่นวูบ เมื่อรู้สึกเหมือนลมเย็นๆพัดผ่านหน้าเธอไป ก่อนจะรู้สึกเหมือนร่างของเธอลอยหวือไปข้างหน้า

ผู้ชายที่ใช้ปืนจี้หลังเธออยู่ลงไปนอนกลิ้งอยู่กับพื้นเรียบร้อยแล้ว!

“ไปหลบอยู่ตรงโน้นก่อนเถอะครับ คุณอินทุอร”

เจ้าชายขี่ม้าขาวของเธอบอกกับเธอด้วยใบหน้าเรียบๆ เขาไม่ได้หล่อ ไม่ได้ดูดี ไม่ได้ทำให้รู้สึกน่าประทับใจในความเท่ห์หรือสมาร์ทอะไรเลยของเขา หากแต่หญิงสาวก็ยังส่งยิ้มให้อย่างขอบคุณจากใจจริงแล้วรีบทำตามที่ชายผู้นั้นบอกในทันที

ร่างสูงไม่มากในชุดเสื้อยืดสีน้ำตาลกับกางเกงยีนสีซีดเคลื่อนไหวไปมา ต่อสู้กับชายชุดดำสี่ห้าคนที่เข้ามาห้อมล้อมเธอด้วยอาวุธที่มีติดตัวคือ สนับมือแค่อันเดียว ผู้ชายคนนั้นเคลื่อนไหวหลบหลีกได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวจนหน้าทึ่ง ครู่เดียวเท่านั้น ชายชุดซาฟารีสีดำทั้งหมดก็ลงไปนอนหมอบกับพื้นอย่างหมดสภาพทันที

“ขอบคุณมากนะคะคุณ” อินทุอรไม่เคยเอ่ยขอบคุณใครอย่างจริงใจเช่นนี้มาก่อน

“ผมทำตามหน้าที่ครับ เอาล่ะ ตอนนี้คุณก็ไปกับผมได้สักที”

แล้วรอยยิ้มของเธอก็เหือดหายไปจากใบหน้างามทันทีที่ได้ยินประโยคนั้นจากชายแปลกหน้า

“หมายความว่าไง”

“มีคนส่งให้ผมมารับคุณ” ชายคนนั้นบอก ก่อนมือหยาบกระด้างของเขาจะคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของเธออย่างถือวิสสาสะ อินทุอรถึงกับกรีดร้องอย่างนึกรังเกียจ

“ปล่อยนะไอ้บ้า! ปล่อยสิ” หญิงสาวพยายามดิ้นรน ก่อนจะร้องให้คนช่วยอย่างสุดชีวิต “ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย ชะ....”

เปรี้ยง !! เปรี้ยง !!

เสียงปืนถึงสองนัดติดกันดังสนั่นก้องจนหญิงสาวต้องยกมือขึ้นปิดหู และก้มตัวลงอย่างหวาดกลัว หางตาของเธอมองเห็นใครคนหนึ่งกำลังเดินตรงเข้ามาทางที่เธอยืนอยู่อย่างช้าๆ

คนที่ยิงปืนขึ้นฟ้าเมื่อครู่คือเขา ผู้ชายที่เธอพยายามหนีอย่างสุดชีวิต

“ทำไมต้องให้ใช้ปืนด้วย ถ้าคนแห่มาหมดจะทำยังไง” ทยากรบอกอย่างหงุดหงิด พลางสะบัดมือไล่คนของเขาซึ่งเป็นชายชุดซาฟารีสีดำพวกนั้นออกไป ส่วนคนที่เธอคิดว่าเป็นอัศวินขี่ม้าขาว ก็วิ่งกระเจิงหนีหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ หญิงสาวก็ไม่ได้ทันสังเกต

“ ทยากร...” หญิงสาวเรียกชื่อชายคนนั้นราวกับคนเพ้อ อารามตกใจทำให้หญิงสาวถึงกับทรุดลงกับพื้นอย่างไม่กลัวสกปรกอย่างเคย “คุณมาที่นี่ได้ไง”

“รู้หรือเปล่าว่าผมแทบบ้าตอนที่เห็นจดหมายนั่น คุณลองคิดดูนะว่ามันจะน่าอายเขาแค่ไหนกันถ้างานแต่งของเราต้องยกเลิก”

อินทุอรฟังคำพูดของคนเห็นแก่ตัวคนนั้นด้วยอาการสงบนิ่ง ไม่แสดงสีหน้าใดๆออกไป แม้ว่าใจจริงแล้วเธออยากจะลุกขึ้นกรีดร้อง แล้วด่าว่าเขาให้สาแก่ใจ ตลอดเวลาที่ผ่านมาทำไมเธอจะไม่รู้ว่า ทยากรเองก็ไม่ใส่ใจอะไรเธอมากมาย การที่เขาพยายามแสดงท่าทีกระตือรือร้นเพื่อที่จะได้เจอเธอนั้นคงเป็นเพราะเหตุผลเดียวกับที่เธอต้องคบหากับเขา เพียงแค่ผู้ชายตรงหน้าเธอคนนี้แสดงละครเก่งเท่านั้นเอง

“ฉันขอโทษกับเรื่องที่หนีมา แต่...”

“ไม่มีแต่ คุณต้องกลับไปแต่งงานกับผมเท่านั้น” ทยากรบอก พลางก้มลงฉุดข้อมือเล็กๆของเธอให้ลุกขึ้น ร่างบอบบางของหญิงสาวลอยหวือขึ้นตามแรงฉุดอย่างง่ายดาย

“ฉันเจ็บนะคุณธาม” หญิงสาวจ้องเขาอย่างไม่เกรงกลัว พยายามสะบัดแขนให้ออกจากการเกาะกุมของ มือแข็งแรงอย่างดื้อรั้น “คุณทำอย่างกับว่าฉันไม่ใช่คน”

ใบหน้าหวานคมของ ทยากรส่ายไปมาช้าๆ

“ทำไมคุณถึงรังเกียจผมนัก ทั้งที่ใครๆต่างก็ต้องการเป็นเจ้าของผม...อินทุอร คุณโง่หรือเปล่า”

ไม่ได้โง่ เธอไม่ได้โง่แน่นอน หญิงสาวรู้ดีว่า ทยากรเป็นที่ต้องการของผู้หญิงเกือบค่อนประเทศ เขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของท่านกุมุท รัฐมนตรีชื่อดังผู้ทรงอิทธิพล เป็นชายหนุ่มหน้าตาแม้จะดูกระเดียดไปทางอาตี๋โรงเจไปสักหน่อย แต่ก็ดูมีเสน่ห์ โดยเฉพาะดวงตาเศร้าคู่นั้น ทำให้คนมองอ่อนระทวยได้เสมอยามเขาออดอ้อนหรือโปรยคำหวาน รูปร่างก็ดี อะไรก็ดีไปหมด ยกเว้นอย่างเดียว นิสัยของเขา...เธอรับไม่ได้ และไม่มีวันรับได้แน่นอนถ้าต้องแต่งงานกับผู้ชายเจ้าชู้ แล้วยิ่งถ้าเธอกลายเป็นเมียหลวงที่เมียน้อยเดินปะปนกันในบ้านให้วุ่นวายเต็มบ้าน เธอคงทนไม่ได้ วิธีเดียวที่จะทำให้เธอไม่ต้องเจอเรื่องวุ่นวายแบบนั้น คือการหนีไปจากที่นี่!

ฉับพลันแผนการบางอย่างก็แล่นเข้ามาในสมอง

“ฉันจะทำตามคำสั่งของคุณก็ได้ แต่ไหนๆเราก็มาแล้ว....” หญิงสาวช้อนตามองว่าที่เจ้าบ่าวอย่างจงใจยั่วยวน ก่อนจะไล้แก้มของ ทยากรอย่างออดอ้อน “เราไปเที่ยวกันนะคะ พรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวกัน”

ทยากรก้มลงมองร่างบางที่กำลังยั่วยวนเขาเต็มที่อย่างรู้ทัน เขาอยากจะรู้นักว่าผู้หญิงคนนี้จะยั่วยวนเขาแบบนี้ไปได้สักกี่น้ำ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา แค่จับมือนุ่มนิ่มนั้นยังยากเลย หากแต่ในเมื่ออินทุอรลงทุนทำถึงขนาดนี้แล้วมีหรือเขาจะไม่ลองเล่นกับไฟอย่างเธอ

ทยากรใช้ท่อนแขนแข็งแรงของตนรั้งเอวบางของอินทุอรเข้ามาจนร่างของเธอแนบชิดกับลำตัวของเขา

“งั้นคุณจะทำให้ผมไว้ใจคุณยังไงดีล่ะ” เขาจ้องลึกลงไปในดวงตาของหญิงสาวอย่างท้าทาย “จูบมัดจำดีไหม หรือว่าจะให้ผมค้างที่นี่ เพื่อที่พรุ่งนี้เราจะได้ตื่นพร้อมกัน”

ร่างบอบบางในอ้อมแขนของเขาดิ้นกุกกัก ท่าทางยั่วยวนมั่นใจเมื่อคู่ลดหายไปเกือบครึ่ง

“มะ...ไม่ได้นะ ฉันไม่อยากมีอะไรกับคุณก่อนแต่ง รอก่อนเถอะค่ะ อีกแค่ไม่กี่วัน” หญิงสาวหรุบตาต่ำเพื่อหลบสายตาของเขา ทยากรยิ้มมุมปากอย่างนึกขัน แม่เสือสาวมือใหม่ อย่างอินทุอรน่ะหรือ จะมาสู้หมาป่าอย่างเขาได้

“งั้นมัดจำก็ยังดีนะอินทุอร....” เขาเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่แสนหวาน พลางรั้งร่างของหญิงสาวให้แนบชิดกว่าเก่า ภาพริมฝีปากบางขมุบขมิบเล็กน้อยคล้ายกับกลัวทำให้เธอดูน่ารักยิ่งขึ้นไปอีก...อีกทั้งท่าทางขณะที่หลับตาพริ้มด้วยความกลัว และเกร็งตัวจนแข็งทื่อเป็นต้นไม้ทำให้เขานึกเอ็นดูหญิงสาวมากขึ้นไปอีก ทำให้จากตอนแรกที่หมายจะจูบแรงๆที่ปาก เปลี่ยนเป็นสูดกลิ่นหอมจากพวกแก้มนวลสีชมพูระเรื่อแทน

“ ทยากร...” อินทุอรเรียกชื่อเขา เบิกตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ ทันทีที่เขาปล่อยเธอเป็นอิสระ

“ไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวกัน”


แม้ว่าความรู้สึกอุ่นวาบตรงแก้มบริเวณที่ทยากรสัมผัสกับแววตาทรงเสน่ห์ของชายหนุ่มจะมีอำนาจทำให้อินทุอรต้องมานั่งชั่งใจเรื่องที่จะคิดหนีเขาอยู่จนถึงตอนนี้ หากแต่ในสุดท้ายแล้ว หญิงสาวก็เชื่อความรู้สึกตัวเองมากกว่าว่า ทยากรไม่ได้มีความจริงใจต่อเธอแม้แต่น้อย ที่ทำไปไม่ว่าจะเพราะนึกอะไรอยู่ก็แล้วแต่ แต่สิ่งที่เขาคาดหวังว่าจะได้จากเธอก็คงจะเป็นความลังเลที่หญิงสาวกำลังเป็นอยู่นี่ล่ะ !

ทำให้คืนนั้น อินทุอรรีบเข้านอนอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่พรุ่งนี้ เธอจะได้ตื่นแต่เช้า เพื่อหนีไปจากที่นี่ ก่อนที่ทยากรและคนของเขาจะมาถึง และมีแรงหนีไปให้ไกลจากระยอง ไปที่ไหนก็ได้ ต่อให้ต้องขึ้นดอยไปอยู่ป่าเขา เธอก็พร้อมที่จะทำ!!

แต่การจะหนีจาก ทยากรนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่ใจคิด เพราะในวันรุ่งขึ้น ทยากรส่งคนมารอเธอตั้งแต่ไก่ยังไม่ตื่นนอนออกมาทำหน้าที่ของมันด้วยซ้ำ ซ้ำร้ายตอนหกโมงเช้าเขายังโทรมาบอกว่านั่งรออยู่ใต้โรงแรมเรียบร้อยแล้ว ทำให้อินทุอรไม่สามารถปลีกตัวไปไหนได้อีก ยังคงต้องเดินตามแผนการที่ ทยากรวางไว้อย่างเลี่ยงไม่ได้

“คุณคิดหรือยังว่าวันนี้เราจะไปทานข้าวที่ไหนกัน” เขาถามขึ้นเมื่อเกือบถึงเวลารับประทานอาหารกลางวันพอดี หญิงสาวมองรอบตัว มันเป็นชายหาดยาวสุดลูกหูลูกตาที่มีผู้คนพลุกพ่าน ทรายและไอทะเลร้อน หนืดระผิวกายของเธอให้กลายเป็นสีแดงระเรื่อไปจดหมด แม้ว่าอินทุอรจะไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้ แต่หญิงสาวกลับตอบไปว่า

“ทานที่ร้านอาหารริมหาดเหมือนคนอื่นๆเขาสิคะ ฉันอยากทานแบบนี้ดูบ้าง”
เธอชี้ไปที่เพิงไม้แห่งหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นร้านขายอาหารพวกส้มตำ ไก่ย่าง ด้านหน้ามีโต๊ะไม้เก่าๆที่รายล้อมด้วยเก้าอี้ผ้าใบสีรุ้งซีดๆ ทยากรมองแล้วทำหน้าเหยเก แต่ก็ตัดใจสั่งให้ลูกน้องออกไปพักผ่อนได้ตามอัธยาศัย เพราะเขาอยากจะอยู่กับเธอเพียงลำพัง ส่วนตัวเขาเองก็รวบเอวของบางไว้แนบชิดตัวไม่ยอมห่างอย่างแสดงความเป็นเจ้าของเต็มที่

“ทานอะไรกันดีล่ะ คุณเคยมากินร้านพวกนี้เหรอ”

คำถามของ ทยากร ทำให้คนที่กำลังกวาดตามองหาทางหนีทีรอดถึงกับสะดุ้งนิดๆ คิ้วบางเลิกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะตอบไปตามความจริง

“สมัยมหาวิทยาลัย รุ่นพี่เคยมาทานตอนรับน้องน่ะค่ะ” อินทุอรยิ้มหวาน ก่อนจะจดรายการอาหารสี่ห้าอย่างลงไปในกระดาษใบเล็กที่ทางร้านเตรียมไว้ “ลูกชายท่านรัฐมนตรี.อย่างคุณคงไม่เคยมาทานอาหารแบบนี้แน่ๆ งั้นฉันคิดให้หมดเลยนะคะ”
ทยากรยิ้มขบขัน

“ผมเป็นแค่ลูกชายรัฐมนตรีฯนะครับ ไม่ใช่เจ้าชาย ถึงจะไม่เคยกินอาหารแบบนี้ เพียงแต่ไม่ค่อยถนัดมาร้านแบบนี้เท่านั้น ตอนเรียนมหาวิทยาลัย เพื่อนผมก็เคยมาทานร้านแบบนี้เวลามาริมทะเล แต่พวกนั้นจะเป็นคนจัดการทั้งหมด”

ใบหน้าอินทุอรฉาบยิ้มหวาน หากแต่ภายในใจก็อดจะรู้สึกหมั่นไส้นิดๆไม่ได้ จากข้อมูลแหล่งข่าวของเธอบอกว่าเขาเนี่ยแหละ ‘นักเลงสุรา’ ตัวพ่อตอนสมัยเรียน พอเรียนจบก็ทำตัวไฮโซเข้าผับเข้าบาร์ แต่ดันมาตีหน้าซื่อบอกว่าไม่ถนัดร้านแบบนี้ สงสัยจะถนัดแต่นอนเมาอยู่บนชายหาดสิไม่ว่า

“งั้นฉันเอาเมนูไปส่งให้แม่ค้าเขานะคะ” หญิงสาวกรีดนิ้วหยิบกระดาษใบเล็กโบกไปมา เมื่อฝ่ายนั้นพยักหน้าตอบรับแล้วหันไปสนใจฝรั่งสาวๆในชุดบิกินี่ริมทะเล อินทุอรก็เผยยิ้มเจ้าเล่ห์
ลาก่อนนะยะ นายทยากร!

อินทุอรยื่นเมนูให้กับแม่ค้าที่กำลังง่วนอยู่กับการบ่นลูกจ้างที่ไม่คล่องแคล่วได้ดั่งใจ ในขณะที่ ทยากรก็เอาแต่หันไปส่งยิ้มให้กับสาวๆใจกล้าที่เดินเฉียดมาเล่นหูเล่นตาให้ ดวงตาคู่สวยกวาดมองรอบบริเวณ ที่นี่ไม่มีลูกน้องของ ทยากรเตร็ดเตร่อยู่เลยสักคนเดียว

อย่างนี้ใครมันจะไปอยู่ให้โง่เจ้าคะ!

อินทุอรสาวเท้าเร็วๆ เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อไปให้ไกลจากที่นี่ที่สุด ก่อนจะโบกมือเรียกรถรับจ้างให้ไปส่งเธอที่ท่าเรือทันที

“เรือสปีทโบ้ทนี่เช่าไปเกาะ...เกาะมันนอก หรือเกาะอะไรก็ได้ที่มันไกลๆ ไร้ผู้คน ราคาเท่าไหร่ฉันจ่ายไม่อั้นเลย”

หลังจากตัดสินใจว่าจะไปกบกานบนเกาะสักสองสามวันก่อนจะหนีออกต่างจังหวัด หญิงสาวก็ตัดสินใจ หาเรือเช่า อินทุอรร้องถามชายคนขับเรือที่กำลังก้มหน้าก้มตาเช็คเครื่องยนต์ของตัวเองอย่างขะมักเขม้น ชายผู้นั้นไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงแค่ผายมือให้เธอเดินขึ้นเรือไปเท่านั้น

แรงปะทะระหว่างคลื่นกับท้องเรือ ทำให้เรือลำเล็กนั้นราวกับกระโดดอยู่ในท้องทะเลล้อคลื่นลมแรง อินทุอรหยิบเอาผ้าพันคอผืนบางขึ้นมาคลุมท่อนแขนที่กำลังแสบร้อนจากการโดนแดดแผดเผา นึกในใจว่าน่าจะแต่งตัวให้มิดชิดรัดกุมกว่านี้เพื่อที่จะได้ไม่ได้มานั่งร้อนแดดอยู่อย่างนี้

“อีกนานไหมคะพี่ กว่าจะถึงเกาะมันนอก”

ผู้ชายคนนั้นยังคงไม่ตอบอีก ทำให้อินทุอรเริ่มรู้สึกสังหรณ์แปลกๆในใจ ร่างบางรวบรวมความกล้าทั้งหมดขยับเข้าไปใกล้เขา เพื่อมองหน้าให้ชัดเจน

“แก!!!” หญิงสาวแผดเสียงด้วยความตกใจ ก่อนจะเซล้มลงบนพื้นเรือด้วยทรงตัวไม่อยู่ ทันทีที่เห็นใบหน้าคล้ำของผู้ชายคนนั้นอย่างชัดเจน

ชายคนนั้นแสยะยิ้ม

“ว่าไงครับคุณหนู เจอกันอีกแล้วนะ ผมช่วยคุณหนูอินเอาไว้สองครั้ง อย่าลืมให้รางวัลผมงามๆเลยนะครับ” เขาลูบคางอย่างหิวกระหาย “ว่าแต่คุณหนูอยากจะหนีจากทุกอย่างจริงหรือเปล่า สนใจอยากมีสามีเตี้ยๆ ดำๆ อย่างผมไหมครับ รับรองว่าผมจะบริการคุณหนูถึงใจแน่ เพียงแค่คุณหนูบอกผม ผมก็จะไม่ต้องพาคุณหนูหาคนที่จ้างผมมาเลย เราจะหนีไปเสพสุขด้วยกันก่อนจะกลับไปขอโทษคุณพ่อของคุณหนูกันเอามั๊ย”

ไม่เพียงแค่คำพูดหยาบคายของเขาเท่านั้น แต่สายตาโลมเลียจนน่าขยะแขยงทำให้อินทุอรต้องรีบเอาผ้าคลุมไหล่มาปิดเรียวขางดงามของตน

“แม่เจ้าโว้ย เซ็กซี่ชะมัด ถึงว่าสิถึงได้มีแต่คนอยากได้” เขากัดปากอย่างหยาบคาม ไล่มองเธอตั้งแต่ศีรษะไล่ลงมาถึงไหล่ผึ่งพาย เสื้อเข้ารูปสีน้ำเงินลงมาถึงกางเกงกระโปรงสีขาวสั้นกุด และเรียวขาสีน้ำผึ้งของเธอ

“ไอ้จรกา แกหยุดมองแบบนั้นเดียวนี้นะ คิดว่าฉันไม่กล้าทำอะไรแกงั้นเหรอ” อินทุอรพยายามคุมโทนเสียงของตัวเองไม่ให้สั่น ก่อนถอดรองเท้าส้นสูงของตัวเองออกมา “นี่ไงล่ะ ฉันจะเอารองเท้านี่ปาหัวแกให้แตก”

กล่าวจบอินทุอรก็ปามันออกไปอย่างสุดแรง ทว่ามันกลับหลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว หญิงสาวก้มลงถอดรองเท้าอีกข้างมาถือไว้อย่างรวดเร็ว และทำท่าที่จะปาใส่มันอีก

“อย่าทำอะไรโง่ๆดีกว่าคุณหนู เลือกเอาระหว่างไปสนุกกับผม หรือจะกลับไปหาเจ้านายผม”

“ไอ้จรกาหลงตัวเอง ฉันกลับไปแต่งงานกับทยากรดีกว่าแกอยู่แล้ว”

โจรใจทรามนั้นส่ายหน้าช้าๆ ก่อนหัวเราะเสียงแข็ง

“เจ้านายผมไม่ใช่ไอ้หน้าอ่อน ทยากรว่าที่เจ้าบ่าวคุณหรอก...แต่เจ้านายผมน่ะ....”

เปรี้ยง !! เปรี้ยง !!!

เสียงปืนดังสนั่นทำให้อินทุอรต้องปิดหัวแล้วกรีดร้องอย่างหวาดกลัว

“ไอ้ฉิบหาย แม่งเล่นปืนอีกแล้ว!” ชายหนุ่มที่เธอให้สมยานามว่าจรกรสบถ ก่อนจะควักปืนที่เสียบอยู่ที่เอวของตนเองออกมา พลางบังคับเรือให้เลี้ยวจากเส้นทางที่จะไปยังเกาะจุดหมายปลายทางเดิม

“ไอ้บ้า ! นี่แกเก็บปืนเดี๋ยวนี้นะ อย่ายิงตอบโต้” อินทุอรออกคำสั่ง

“อย่าพูดมากสาวน้อย ถ้าไม่ทำก็เท่ากับว่าเป็นเป้านิ่งให้ไอ้พวกนั้นยิงจมทะเลน่ะสิ”

อินทุอรเบิกตากว้างอย่างตกใจ ก่อนจะต้องกรีดร้องอีกรอบเมื่อฝ่ายตรงข้ามยิ่งเข้ามาหาเรือของเธออีก ยามนี้อินทุอรคิดอะไรไม่ออกอีกต่อไปแล้ว หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา กลัวจนแทบจะขยับขาออกไม่ได้ ในสมองคิดแต่ว่าเธอจะต้องมาจบชีวิตด้วยวัยแค่ยี่สิบเจ็ดปี ในทะเลอันหนาวเหน็บนี้หรือ....

หญิงสาวก้มลงจนสุดตัวเพื่อหลบวิธีกระสุนที่สาดไปมาของสองฝ่าย

ใครกันที่ทำแบบนี้กับเธอ

แล้วอินทุอรก็ฉุกคิดขึ้นได้ ไม่มีเวลามาเสียใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องพวกนี้อีก ถ้าเธอไม่หนี เธอก็คงจะต้องตายด้วยวิธีใดก็วิธีหนึ่ง ไม่โดนยิงจากไอ้จรกาที่พาตัวเธอมานี่ ก็ตายเพราะลูกหลงจากกระสุนปืนของอีกฝ่าย คิดได้ดังนั้น หญิงสาวก็โงหัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองหาทางรอด เธอเห็นแต่ท้องทะเลกว้างใหญ่ มีเกาะอยู่ไกลๆ ไม่รู้ว่าเกาะไหนเป็นเกาะไหนกันแน่ รู้แต่เพียงว่าทางรอดทางเดียวของเธอคือต้องกระโดดลงจากเรือลำนี้ซะ !


คงได้เวลาที่เธอจะปลุกตำนานแชมป์ว่ายน้ำระดับเขตการศึกษาสมัยเรียนมัธยมมาใช้ให้เป็นประโยชน์เสียแล้ว....

“ไอ้ฉิบหาย แม่งตายยากกันจริง” จรกาสบถอย่างหงุดหงิด ก่อนจะก้มลงหยิบกระสุนปืนในกระเป๋า “กระสุนก็เสือกหมดอีก เดี๋ยวแม่งเป่าหัวกูแน่”

บัดนี้เรือสปีทโบ้ทลำนี้จอดสนิทแล้ว เสียงปืนก็เงียบลงแล้ว เพราะฝ่ายโน้นอาจจะรอดูสถานการณ์ว่าทำไมทางเธอถึงได้เงียบไป แล้วสิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น เมื่ออินทุอรมองเห็นฝ่ายนั้นสามสี่คนกำลังตั้งท่าจะยิงมาทางนี้พร้อมๆกัน ในขณะที่ทางเธอกำลังก้มหน้าก้มตาบรรจุกระสุนอยู่

“กรี๊ดดดดดดด!!!”

อินทุอรกรีดร้องอย่างตกใจ แล้วกระโดดลงไปสุดตัวพุ่งลงน้ำอย่างไม่คิดชีวิต ก่อนที่เธอจะเห็นร่างของใครบางคนร่วงลงมาพร้อมกับเลือดแดงฉาน และแรงระเบิดที่ทำให้เธอตกใจจนแทบสิ้นสติ



ศิลป์ศรุตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ธ.ค. 2554, 11:32:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ธ.ค. 2554, 11:34:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 1472





   ตอนที่ 2 >>
saralun 6 ธ.ค. 2554, 11:51:42 น.
กำลังสนุกคะ....แล้วมาต่อตอนต่อไปอีก ไว ๆ นะคะ ^^


หมูอ้วน 6 ธ.ค. 2554, 13:46:12 น.
ชอบค่ะชอบ มาอัพต่อเร็ว ๆ นะค่ะ


ศิลป์ศรุตา 7 ธ.ค. 2554, 13:47:08 น.
ขอบคุณค่ะ ตอนนี้อัพตอนใหม่แล้ว อย่าลืมอ่านกันนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account