เล่ห์จันทร์ร้อยใจ
สำหรับตฤณแล้ว อินทุอร นางแบบสาวชื่อดัง เป็นพระจันทร์เจ้าเล่ห์ร้ายกาจ และน่ารังเกียจ เพราะเธอ เขาต้องซมซาน สะบักสะบอมจนแทบไม่มีที่ยืน...และเมื่อโอกาสที่เขาจะสั่งสอนเธอมาถึง มีหรือที่เขาจะยอมให้หล่อนต้องหลุดมือไปโดยไม่ทำอะไรเลย
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 2

คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง ทำให้เดือนที่ลอยเด่นอยู่เหนือพื้นน้ำกว้างใหญ่ที่เงียบสงัดและดำมืดตรงหน้าเขานี้ กลมโตและน่าหลงใหลกว่าทุกคืน ร่างสูงในชุดเสื้อผ้าฝ้ายสีขาวโปร่งบางกับกางเกงเลสีตุ่นพับลวกๆจนเหลือความยาวแค่เข่า เดินลุยหาดทรายละเอียดนุ่มๆมาที่ริมชายหาด น้ำทะเลที่เคยลดลงไปจนเห็นหาดกว้างเริ่มค่อยๆอืดขึ้นมา แต่เพราะวันนี้น้ำทะเลลงไปเยอะมากผิดกว่าทุกวัน ทำให้ยังคงแลเห็นหาดกว้างใหญ่แม้จะเป็นเวลาเกือบตีสองแล้วก็ตาม ร่างกำยำวางเก้าอี้ตัวโปรดที่มักจะพามันออกภาคสนามอยู่เรื่อยขึ้นตั้งบนพื้นทรายเปียกๆที่มีคลื่นลูกเล็กๆซัดเข้ามา ก่อนจะหย่อนร่างใหญ่โตของเขาลงไปเบาๆ

มือหนาจรดปลายนิ้วลงบนอูคูเลเล่ตัวเล็กที่หยิบติดมือมาด้วยอย่างสบายอารมณ์ แต่หากใครมาพบเห็นเข้ามันคงดูตลกไม่น้อย เนื่องจากเขาเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ แม้จะไม่ได้ล่ำก้ามปูเหมือนพวกนักเล่นกล้ามหรือพระเอกนักบู๊ หากแต่ก็กำยำ ผิวคล้ำแดดอย่างคนทำงานหนัก เหมือนพวกพระเอกนิยายพาฝัน ไหนจะใบหน้าคมเข้มที่ปกคลุมด้วยหนวกเคราสั้นๆครึ้มรอบมุมปากตลอดแนวคาง ผมหยักศกตัดสั้นรับกับรูปหน้าคมสันนั่นอีก ดูไม่เข้ากันเลยกับเจ้าอูคูเลเล่ตัวเล็กที่น่าจะเหมาะกับผู้หญิงมากกว่า แต่จะทำอย่างไรได้ เขาเกิดหลงเสน่ห์เจ้าเครื่องดนตรีเล็กๆนี่เสียแล้ว หลงใหลในเสียงทรงเสน่ห์ของมัน หลงใหลมันมานานนักหนา นานกว่าที่มันจะมาเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในเมืองไทยนี่เสียอีก

ริมฝีปากหนาขยับเป็นเนื้อเพลงเดียวกับทำนองที่เขาบรรจงดีดลงบันเครื่องดนตรีชิ้นเล็กอย่างสบายอารมณ์ สายลมเย็นของทะเลยามค่ำคืนที่พัดโชยมาอาจทำให้เขารู้สึกระคายผิวไปบ้างหากแต่ความสุนทรีย์ย่อมเอาชนะทุกสิ่ง แม้แต่เจ้ายุงตัวน้อยๆที่ผลัดกันแวะเวียนมาสูบเลือดไปจากท่อนขาแข็งแรงของเขาเป็นระยะ แต่แล้ว อารมณ์ดีๆของเขาก็ต้องถูกขัดด้วยบางสิ่งบางอย่างที่เขาเห็นมันอยู่ไกลลิบๆ มันค่อยคืบคลานเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ

หัวใจของเขาเต้นเร็วแรงและถี่ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็น ‘สิ่งนั้น’ ค่อยเคลื่อนไหวช้าๆ เข้ามาทุกที

“ฉิบหายแล้วไง ผีพรายทะเลหรือเปล่าวะนี่ อยู่มาตั้งเจ็ดปีเพิ่งจะเห็นกับตาก็คราวนี้ล่ะเว้ย”

เขาบอกกับตัวเองอย่างตื่นเต้น ปกติแล้วชายหนุ่มไม่ใช่คนกลัวผี ไม่ใช่คนไม่เชื่อ หากแต่ก็ไม่คิดที่จะลองเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่คราวนี้มันไม่ใช่อย่างนั้น เขาอยากจะลองดูสักตั้งว่าไอ้พรายที่เขาว่ากันนี่เป็นยังไง จะเป็นผีผู้ชาย หรือผีผู้หญิงหุ่นเซ็กซี่แบบในละครหรือภาพยนตร์กันแน่ ชายหนุ่มยืนขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะวางเจ้าเครื่องดนตรีชิ้นเล็กลงบนเก้าอี้ แล้วย่างเข้าไปหาเจ้าสิ่งนั้นทันทีราวกับต้องมนต์

แต่ยิ่งเข้าใกล้เรื่อยๆ เขายิ่งกลับคิดว่ามันเริ่มดูคล้ายจังหวะการเคลื่อนไหวของคนเสียมากกว่า หรือจะ...เป็นเจ้าหญิงเงือกน้อย...เขาคิดเล่นๆให้กับตัวเอง ก่อนเดินเข้าไปจนเกือบประชิด

เรือนผมสยายยามรุงรังแผ่เต็มผืนน้ำและปกคลุมใบหน้าไว้จนมิดชิด มือเรียวเล็กของ ‘สิ่งนั้น’ ไขว้ขว้าในอากาศอย่างยากลำบากราวกับกำลังจะหมดแรง เสียงเยียบเย็นชวนขนหัวลุกนั้นทำให้เขากลืนน้ำลายหนืดๆลงคอเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด

“ชะ...ช่วย..ด้วย..” เสียงเยียบเย็นยานคางเอ่ยขึ้นช้าๆ

ชายหนุ่มเพ่งมองร่างที่คลานอยู่ปลายเท้าด้วยความสงสัย...

“ช่วย...ฉัน...” ร่างนั้นฟุบลงไปในที่สุด จนน้ำทะเลซัดตัวก็ยังไม่ขยับเขยื้อน

“คนนี่หว่า...” เขาฉุดเธอขึ้นมาจากน้ำอย่างง่ายดาย เนื้อตัวของแม่พรายสาวขาวซีดเหมือนแช่น้ำเป็นเวลานาน แถมผอมจนจับไปเจอแต่กระดูกเสียอีกต่างหาก เสื้อผ้าอาภรณ์ที่ใส่ก็ดูจะเหมือนลูกคุณหนูหรือดาราที่เห็นในโทรทัศน์มากกว่า มือหนาค่อยๆปัดเส้นผมที่มาปรกหน้าปรกตาหญิงสาวออกหวังจะสำรวจว่าจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่เมื่อเขาปัดผมเหล่านั้นออกไปเสียหมดแล้วก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจ

ไม่ผิดแน่! แม้ว่าบริเวณนี้จะไม่มีแสงสว่างอื่นใดเลยนอกจากแสงจันทร์บนท้องฟ้า หากแต่เขาก็แน่ใจ แน่ใจยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดในชีวิต ว่าผู้หญิงที่นอนไม่ได้สติอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงของเขาคนนี้ คือ อินทุอร ยายพระจันทร์แสนร้ายกาจคนนั้น !!

“พี่ตฤณเรียกหนูมาทำไมตอนนี้คะ”

เสียงงัวเงียพร้อมท่าทางขยี้ตาของสาวน้อยในชุดนอนสีฟ้านั้นบอกอาการคนพูดได้ดีว่าเด็กหญิงตัวน้อยง่วงนอนเพียงไร แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว

“พี่อยากให้เกดมาช่วยดูแลผู้หญิงคนนี้หน่อย” เขาชี้ไปที่ร่างไร้สติที่นอนตัวเปียกโชกอยู่บนพื้นไม้ด้านหน้าบังกะโลอย่างหมดสภาพ

การะเกดตาโต ก่อนจะวิ่งไปนั่งอยู่ข้างๆผู้หญิงคนนั้นก่อนถามด้วยความสงสัย

“พี่ตฤณ ไปเก็บตกมาจากไหนคะ นางฟ้าหรือเปล่า สวยจังเลย”

ตฤณที่กอดอกมองอยู่นิ่งๆในตอนแรก หัวเราะเย้ยหยันขึ้นมาในทันที

“อย่ามองคนแค่เปลือกนอกเลยเกด ช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็เช็ดตัวให้ผู้หญิงคนนี้ที”

การะเกดพยักหน้ารับ ก่อนจะแตะที่ร่างไร้สติของอินทุอรเบาๆ

“ผ๊อม ผอม ยังกะหนังหุ้มกระดูก แถมตัวเย็นเฉียบ แน่ใจนะคะว่าไม่ใช่ผี” เด็กหญิงพูดแจ้วๆเหมือนไม่ได้ฟังที่เขาสั่ง

“ไม่ใช่ผีหรอก” เขาส่ายหน้าช้า ๆ “ผู้หญิงคนนี้บ้านเขาคงยากจนล่ะมั้ง เลยไม่มีเงินกินข้าว ไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้าที่มันมิดชิดกว่านี้ใส่”

การะเกดหัวเราะคิก ก่อนจะบอก “พี่ตฤณก็ปากร้าย นี่มันแฟชั่นต่างหาก แฟ - ชั่น”

ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าไอ้กระกางเกงกระโปรงบานสั้นๆ กับเสื้อแขนกุดของอินทุอรเป็นแฟชั่น แล้วทำไมเขาจะไม่รู้ว่าที่หญิงสาวต้องรักษาหุ่นจนผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกอย่างนี้ไม่ได้เป็นเพราะฐานะทางบ้านยากจน หากแต่เป็นเพราะเธอเป็นนางแบบมืออาชีพต่างหาก แถมฐานะทางบ้านก็รวยจนกินใช้ไม่หมดภายในชาติเดียว แต่ที่พูดไปอย่างนั้นก็เพราะนึกหมั่นไส้ยายอินทุอรนี่เต็มแก่ต่างหาก

“ทำไมพี่ตฤณจ้องคุณเขาแบบนั้น” การะเกดเอ็ดเขาเข้าให้ ก่อนจะพยายามยกร่างของหญิงสาวขึ้น แต่การะเกดก็ตัวเล็กเกินกว่าที่จะยกร่างบอบบางของอินทุอรขึ้นได้ ผลที่สุดเด็กหญิงก็ยอมแพ้ ปล่อยแขนอินทุอรลงจนกระแทกพื้นดังปึ้ก ก่อนจะกอดอกนิ่ง นิ่วหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ “พี่ตฤณไม่คิดจะช่วยเลยเหรอ”

เขายักไหล่ เบ้หน้าเหมือนไม่ใส่ใจ

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องช่วย ปล่อยให้นอนตายอยู่ข้างหน้านี่แหละ” เด็กหญิงค้อนขวับ ทำปากยืนอย่างน่ารัก จนเขาอดใจไม่อยู่ต้องก้มลงดึงแก้มยุ้ยแรงๆอย่างนึกหมั่นไส้

“รู้แล้ว เดี๋ยวพี่ทำเอง”

ว่าแล้วเขาก็ช้อนร่างบางให้ลอยขึ้นอย่างง่ายดาย ก่อนจะบางลงบนเตียงนุ่มเบาๆ ความจริงเขาไม่อยากจะให้เธอสบายแบบนี้หรอก แต่ถ้านางแบบไฮโซที่ค่อนข้างเป็นที่รู้จักอย่างเธอต้องมาเป็นอะไรขึ้นมา มีหวังกิจการรีสอร์ตของเขาต้องกลายเป็นข่าวดัง เพราะมีผีเฮี้ยนๆของอินทุอรสิงอยู่แน่ๆ


“ทำตามที่สั่งเอาไว้ด้วยนะการะเกด แล้วพรุ่งนี้จะอนุญาตให้ตื่นสายได้วันนึง”

เขาเท้าเอว ออกคำสั่งกับเด็กหญิงวัยสิบสามปีด้วยน้ำเสียงและสายตาที่ดุดัน แต่เด็กหญิงไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวอะไร เพราะรู้ว่าอาการแบบนี้ น้ำเสียงแบบนี้ตฤณทำเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่ได้คิดที่จะดุด่าเธอสักนิด


ตฤณล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้าวอย่างอ่อนแรง ในสมองมีแต่ภาพของอินทุอรที่ลอยไปมาชวนให้เขาปวดหัว มันไม่ใช่เขาคิดถึงเธอเพราะความเป็นห่วงหรืออย่างไร แต่ภาพที่เขานึกถึงอินทุอร มันเป็นภาพวันเก่าๆเมื่อเจ็ดปีก่อน ตอนที่เธอยังเป็นแค่นักศึกษาเท่านั้น

ตอนนั้นเขาเป็นนักบัญชีมือใหม่ที่เพิ่งเข้าไปทำงานกับบริษัทในเครือพัชรกิจรุ่งโรจน์ มันทำให้เขาได้รู้จักกับเนริชา ญาติผู้พี่ของอินทุอร ความจริงเขาเคยเห็นเธอบ้างตอนที่เรียนที่คณะ แต่เนริชาค่อนข้างเก็บตัว และไม่ทำกิจกรรม ทำให้เนริชาไม่เป็นที่รู้จักของคนในคณะส่วนใหญ่ แม้แต่รุ่นพี่เธอเพียงสองปีอย่างเขาก็ตาม แต่เมื่อได้มารู้จักใกล้ชิด ทำให้เขารู้จักเนริชามากขึ้น เธอคือผู้หญิงที่เพียบพร้อมทุกอย่าง สุภาพ เรียบร้อยแสนหวาน แต่ก็สดใสเหมือนแสงอาทิตย์ในยามเช้า และไม่ถือตัวว่าเป็นเจ้านาย ตอนนั้นเนริชาเรียนบัญชีปีสุดท้าย เขาได้รับความไว้วางใจจากคุณอุกฤษฏ์ให้ติวบัญชีให้เธอเพราะเห็นว่าเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน น่าจะรู้แนวข้อสอบ จากความใกล้ชิดทำให้เกิดความรู้สึกดีๆต่อกัน ทว่ามันต้องเป็นความรักที่เป็นความลับ แต่อยู่มาวันหนึ่ง ความลับทุกอย่างก็ไม่เป็นความลับอีกต่อไป เมื่อมีคนที่สามอย่างอินทุอร คุณหนูคนเล็กของบ้านพัชรกิจรุ่งโรจน์ เข้ามาล่วงรู้เรื่องราวทั้งหมด

‘พี่เน่ทำแบบนี้ได้ยังไง ผู้ชายคนนี้ไม่เหมาะสมกับพี่เน่สักนิดเลยนะ’ หญิงสาวในชุดนักศึกษาตามเข้ามาหาเรื่องเขาและเนริชาที่นัดเจอกันในร้านอาหารแห่งหนึ่ง

‘พี่ขอโทษ แต่พี่รักพี่ตฤณ’ เธอบอกกับน้องสาวด้วยท่าทางเหมือนจะเกรงกลัวเด็กผู้หญิงตัวเล็กผอมบอบบางราวตุ๊กตากระเบื้องเคลือบอยู่ไม่น้อย ‘อินเข้าใจพี่นะ’

‘อินไม่เข้าใจ อินกะแล้วแหละว่าทำไมพี่เน่ถึงได้ดูจี๋จ๋ากับอีตานี่นัก’ แล้วอินทุอรก็หันมาจ้องเขา เหยียดยิ้มที่แสนน่ารังเกียจส่งมา ‘ทำไมล่ะ หรือว่าอยากจะตกถังข้าวสารกันถึงได้มาจีบพี่สาวของฉัน’

‘ผมไม่ได้คิดแบบนั้นนะคุณอิน ผมบริสุทธิ์ใจ’

อินทุอรเบ้ปาก ก่อนจะเชิดหน้าสวยๆของเธอขึ้น

‘คนอย่างนายมีหรือจะไม่ได้คิด ทำไม....เป็นแค่พนักงานฝ่ายบัญชีไม่พอใจใช่ไหม อยากเป็นสามีของหลานสาวเจ้าของด้วยล่ะสิ คิดว่าจะได้เป็นเจ้าของบริษัทในเครือสักบริษัทสินะ’

เขาส่ายหน้าให้ความคิดร้ายๆของอินทุอร

‘คุณอิน คุณอยากจะพูดยังไงก็ได้มันเป็นสิทธิของคุณ แต่ผมขอบอกไว้เลยนะว่าผมไม่เคยมีความคิดต่ำๆแบบนั้น ผมรักคุณเน่ด้วยหัวใจ และผมก็รักเธอมาก มากจนผมกล้ายืนยันต่อหน้าคุณอุกฤษฏ์เลยว่าผมจะต้องสร้างเนื้อสร้างตัวเพื่อกลับมาหาคุณเน่ให้ได้’

‘น้ำหน้าอย่างนายน่ะเหรอ รอไปร้อยปีพี่เน่จะได้รับขันหมากจากนายหรือเปล่าก็ไม่รู้ นายต้นหญ้า นายมันก็แค่ต้นหญ้าที่เอาไว้ให้คนย่ำแล้วดินไม่เปื้อนเท้า หรือไม่ก็วัชพืชที่ไม่มีใครต้องการ!’

‘คุณอิน!!’ เขาโกรธ โกรธมากจนเข้าไปบีบไหล่บอบบางทั้งสองข้างของเธอแล้วเขย่าแรงๆ ‘ปากดีนักนะคุณนี่ อายุเท่านี้ทำไมถึงได้ร้ายนัก ทั้งๆที่คุณกับคุณเน่ก็ถูกเลี้ยงดูมาจากคนคนเดียวกัน ทำไมถึงได้ต่างกันขนาดนี้ก็ไม่รู้!’

อินทุอรจ้องตาเขากลับอย่างเอาเรื่อง

‘ทำไม ฉันมันเป็นยังไง’

‘ชื่อของคุณแปลว่าดวงจันทร์ใช่ไหม คุณมันก็เหมือนดวงจันทร์นั่นแหละ ต่อหน้าคนอื่นคุณก็หันด้านที่สุกสกาวสดใสน่าอิจฉา แต่จริงๆแล้วคุณมันก็แค่ก้อนหินไร้ค่า ที่ลอยอยู่ในอวกาศ ขรุขระไร้ความงดงามที่แท้จริง! แล้วอีกอย่างก่อนที่จะพูดจะทำอะไรไร้มารยาทแบบนี้ คุณช่วยเปลี่ยนชุดเป็นชุดไปรเวทก่อนได้ไหม มันดูไม่ให้เกียรติชุดที่คุณใส่เลย’ อินทุอรก้มลงมองชุดนักศึกษาที่ตนใส่ ใบหน้าสวยแดงเรื่อด้วยความอับอาย

‘ไอ้บ้าตฤณ!!’ ด้วยความเป็นเด็ก อินทุอรสติขาดผึง ตบหน้าและต่อยเขาจนได้แผลไปหลายที่ เท่านั้นยังไม่พอ เธอยังสาดน้ำอัดลมใส่เขาจนเปรอะเปื้อนเหนียวหนืดไปทั้งตัว จากนั้นเขาก็ได้รับรู้ความร้ายกาจของพระจันทร์ที่แสนร้ายกาจและน่าขยะแขยงอีกมากมาย ร้ายที่สุดก็คงจะเป็นใส่ไฟกลั่นแกล้งเขา ยุยงให้นิธาน และอัจฉรา มารดาของเนริชาเกลียดเขา ทั้งหมดรวมหัวกันกลั่นแกล้งทำให้เขาต้องออกจากบริษัท เท่านั้นยังไม่พอ เขายังปล่อยข่าวไปยังบริษัทต่างๆ เพื่อกีดกันไม่ให้เขาเข้าทำงาน จนต้องหนีมาอยู่ที่รีสอร์ตแห่งนี้

“ถ้าคุณหายดีเมื่อไหร่ ผมส่งคุณกลับแน่”


สายลมเย็นที่พัดจากด้านนอกเข้ามาทำให้บางสิ่งที่แขวนอยู่ไม่ไกลจากที่หญิงสาวนอนกระทบกันเสียงหวานกังวานน่าหลงไหล เสียงมันไพเราะแปลกหูจนร่างที่นอนอยู่บนเตียงแข็งๆนั้นต้องขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ

มันช่างยากเย็นเหลือเกินสำหรับการยกเปลือกตาหนักอึ้งขึ้น อาจจะเพราะความเหนื่อยล้า อ่อนแรงของเธอก็เป็นได้ อินทุอรกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับให้เข้ากับแสงสว่างจัดจ้านของรอบบริเวณตัวเธอในยามนี้

“ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย...” หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง พลางนึกย้อนถึงเหตุการณ์ที่ได้ประสบมาเมื่อวานนี้ ภาพแฟลชแบ็คค่อยๆ ย้อนเข้ามาในสมองของหญิงสาวราวกับกำลังมีใครกำลังกรอเทปกลับ ภาพที่เธอต้องหลบหนีกระสุนปืนอย่างทุลักทุเลบนเรือสปีทโบ้ทราวกับละครบู๊แอ็คชั่นล้างผลาญ ทำให้หญิงสาวถึงกับตื่นเต็มตา ร่างบอบบางสะดุ้งพรวดขึ้นมาจากที่นอนแข็งๆนั้นโดยฉับพลัน แล้ววิ่งไปที่หน้าต่างแม้จะยังรู้สึกปวดเนื้อปวดตัวที่บอบช้ำของตัวเองเพียงไร ดวงตาคู่สวยมองออกไปรอบบริเวณอย่างระแวดระวัง สภาพโดยรอบเหมือนกับที่นี่เป็นเกาะส่วนตัวของใครสักคนหนึ่ง สังเกตได้จากมันไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เห็น หรือไม่มีเด็กๆนั่งเล่นก่อเจดีย์ทรายอยู่ที่ชายหาด ไม่มีแม้แต่กระทั่งขยะสักชิ้นบนหาดทรายขาวละเอียด

อินทุอรยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ ทรุดกายลงนั่งบนพื้นไม้อย่างหมดแรง หญิงสาวกวาดตามองกระท่อมที่ตนเองอยู่อย่างหวาดผวา เสียงเพลงคุ้นหูบางเพลงแล่นเข้ามาในโสตประสาท

เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันใย ฉันทำอะไรให้เธอเคืองขุ่น ปรักปรำฉันเป็นจำเลยของคุณ...

แล้วเพลงนั้นก็ค่อยๆ ยืดหายไปกับสายลม เมื่อเธอได้ยินเสียงคนสองคนคุยกัน และเสียงเดินแว่วเข้ามา มันใกล้เข้ามาทุกทีจนอินทุอรไม่สามารถจะกระโดดขึ้นเตียงได้ทัน เธอจึงใช้วิธีสุดท้ายที่แม้จะน่าขายหน้าเทวดาอารักษ์ แต่เธอก็ต้องทำ
หญิงสาวนอนนิ่งกับพื้น ก่อนจะออกแรงกลิ้งไปสุดแรงจนขาชนกับขอบเตียง แล้ววางท่าคล้ายคนตกลงมาจากด้านบนทันที!



“อุ้ยตายแล้วพี่ตฤณ ทำไมคุณคนสวยเขาตกลงมานอนข้างล่างแบบนี้ล่ะ”

อินทุอรได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง แต่แน่นอนว่าเธอไม่ได้มาเพียงลำพังแน่ๆ คนที่ชื่อ ‘ตฤณ’ คนนั้นจะเป็นคนจับเธอมาที่นี่หรือเปล่า หญิงสาวก็ยังไม่แน่ใจนัก ทางที่ดีที่สุดคือการนอนให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วกัน

“สงสัยจะดิ้นตกเตียงล่ะมั้ง” เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ๆทำให้หญิงสาวใจกระตุกวาบ เผลอเม้นริมฝีปากอย่างลืมตัว

แล้วร่างบางของตัวเองก็ลอยหวือขึ้นด้วยแรงยกมหาศาลของใครคนหนึ่ง ก่อนจะลอยละลิ่วในอากาศชั่วครู่แล้วหล่นตุ๊บลงไปบนที่นอนแข็งๆนั้นอีกรอบ แรงกระแทกมันทำให้เธอปวดเอวอย่างมาก หากแต่ก็ไม่สามารถแสดงความรู้สึกออกไปได้

“พี่ตฤณ เดี๋ยวเธอเจ็บนะ สภาพร่างกายยิ่งดูบอบช้ำอยู่”เสียงเด็กหญิงคนนั้นว่า นั่นทำให้อินทุอรอยากรู้จริงๆว่า คนที่ชื่อตฤณคนนี้จะเป็นคนยังไง หน้าตาแบบไหน คิดได้ดังนั้นหญิงสาวจึงค่อยๆยกเปลือกตาขึ้นช้าๆ

…..ไม่จริงมั้ง.....

อินทุอรรำพึงกับตนเองในใจ มันจะเป็นไปได้อย่างไร ที่คนที่อยู่ตรงหน้าเธอคนนี้จะเป็น ‘เขา’ แม้ว่าคนตรงหน้าจะดูเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งผิวสีแทนคล้ำแดด ใบหน้าที่มีหนวดเครารกครึ้ม และเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ดูผ่อนคลายเหมือนพวกอยู่ชายทะเล และเธอก็จำได้ไม่มีวันลืม โดยเฉพาะแววตาและริมฝีปากนั้น

อินทุอรรีบหลับตาลงอย่างรวดเร็วทันทีที่เห็นว่าตฤณหันมามองเธอ

“เมื้อกี้คุณลืมตามองผมอยู่...ผมเห็นนะคุณหนูอินทุอร” เขาเรียกเธอเต็มยศด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่พอใจใครมาสักร้อยปี “ลืมตาขึ้นมามองหน้าผมเดี๋ยวนี้”
ทำมาเป็นออกคำสั่ง...มีหรือคนอย่างอินทุอรจะสนใจ เธอยังคงนอนตัวแข็งอยู่อย่างเก่า

“ลุกขึ้นมาคุยกันดีๆดีกว่าคุณอินทุอร ตอนนี้ก็ใกล้จะบ่ายแล้ว เรือออกจากที่นี่มีเพียงแค่สองรอบเท่านั้น คือรอบเช้า กับบ่ายสองโมง ถ้าคุณไม่ลุกขึ้น คุณก็ต้องอยู่ที่นี่ไปอีกคืน ผมรู้ว่าคุณคงไม่อยากเห็นหน้าผมนานเกินกว่านี้แน่”

ดูเหมือนว่าคำพูดของเขาจะฟังดูใจดีเกินไปสำหรับอินทุอร หญิงสาวจึงยังคงนอนนิ่ง ไม่ยอมขยับตัวแม้สักนิด ชายหนุ่มครุ่นคิดในใจ เขาไม่ควรที่จะใจดีกับคนที่เคยใจร้ายต่อเขามิใช่หรือ คิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มก็ยิ้มเหี้ยมเกรียมอย่างมีแผนการอยู่ในใจ ก่อนจะเอื้อมมืออกไปตรงหน้า

“นี่คุณ...” มือหยาบๆของเขาวางลงบนไหล่ของเธอก่อนจะออกแรงเขย่า “ถ้าไม่ลืมตาขึ้นผมไม่ทำแค่เขย่าแขนคุณหรอกนะ ผมจะทำอย่างอื่นแทน”

คำขู่ของเขาได้ผล อินทุอรเบิกตาโพลงอย่างตระหนก

“ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดซะ ผมจะให้การะเกดไปเตรียมเสื้อผ้าของคุณที่ซักและอบแห้งเรียบร้อยให้คุณ” อินทุอรจ้องเขาด้วยแววตาวาวโรจน์ ไม่มีทางที่เธอจะทำตามคำสั่งของผู้ชายคนนี้ง่ายๆหรอก เขาเป็นใครกันถึงกล้ามาสั่งเธอ ขนาดบิดายังไม่สามารถสั่งเธอได้เลย เมื่อคิดได้ดังนั้น หญิงสาวจึงยันตัวขึ้นด้วยความยากลำบาก

“นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร”ริมฝีปาแห้งผาดของเธอเอ่ยคำถามไปด้วยความแข็งกร้าว“ กล้าดียังไงถึงมาสั่งฉันแบบนี้”

“ผมเป็นใครน่ะเหรอ ผมก็เป็นคนที่ช่วยชีวิตคุณน่ะสิคุณหนูคนสวย”

เขากอดอก มองมาทางเธอราวกับต้องการประกาศให้รู้ว่าอินทุอรต้องรู้สึกขอบคุณในตัวเขา แทนที่จะมาทำท่าทางแบบนี้ หากแต่เรื่องที่จะให้มารู้สึกขอบคุณศัตรูที่เกลียดกันเข้ากระดูกดำอย่างนายตฤณ ไม่เคยอยู่ในสมองหญิงสาวแม้แต่น้อย ไม่ว่าเขาจะช่วยเหลือชีวิตของตัวเธอเอาไว้หรืออะไรก็ตามแต่

“ฉันไม่ได้ขอร้องให้นายช่วย” หญิงสาวเชิดหน้าขึ้น ขอแข็งเกร็งเหมือนใครเอาเหล็กมาดามไว้ “ในเมื่อฉันไม่ได้ร้องขอ ฉันก็จะไม่ถือว่าเป็นบุญคุณ”

แทบจะทันทีที่หญิงสาวพูดจบ ตฤณก็ก้าวเข้ามาประชิดตัวหญิงสาวอย่างรวดเร็ว มือแข็งแรงของเขาบีบไหล่ทั้งสองข้างของเธอแน่นจนแทบจะแหลกคามือ

“เจ็บนะ! ไอ้บ้าตฤณ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้...”

“ปากดีจริงนะคุณหนู” ใบหน้าคมเข้มยิ้มเหี้ยมเกรียมจนหัวใจของเธอสั่นไหวด้วยความหวาดกลัว หากแต่ไม่มีทางที่อินทุอรจะแสดงความกลัวให้เขาได้ใจ นางแบบสาวจึงพยายามทำใจดีสู้เสือ เชิดหน้าสู้เขาราวกับไม่เคยมีความหวาดกลัวอยู่ในหัวสมอง

“ทำไม..นายจะทำอะไรฉันงั้นเหรอ” สุ้มเสียงของหญิงสาวคล้ายกับต้องการท้าทาย รวมไปถึงท่าทางของเธอตอนนี้อีกด้วย

“อย่ามายั่วโมโหผม” เขากัดฟัดกรอด “อย่าลืมสิว่าที่นี่มันถิ่นผม มันไม่ใช่อาณาจักรของคุณที่คุณจะใส่ร้ายผมยังไงก็ได้อีกแล้ว จำได้ไหมคุณหนู..เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว คุณใช้วิธีไหนทำให้ผมต้องโดนคนอื่นต้องเข้าใจผมผิด”

หัวใจของอินทุอรกระตุกวูบทันทีที่ได้ยินคำถามของเขา ทั้งแววตาและน้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นทำหน้าที่ราวกับเชือกอย่างดี กระตุกรั้งให้อินทุอรจมดิ่งลงไปในเหวลึกแห่งความทรงจำ ที่กัดกินเป็นหลุมดำอยู่ในหัวใจของเธอมานานแสนนาน ภาพเหตุการณ์ที่เธอเคยกระทำความผิดต่อเขาเอาไว้เมื่อเจ็ดปีที่แล้วหลั่งไหลพรั่งพรูเข้ามาทิ่มแทงเนื้อหัวใจของเธออย่างรวดเร็วและรุนแรง

“ตอนนั้นคุณใส่ความผมหาว่าผมเป็นไอ้คนหื่นกามที่ต้องการจะทำร้ายคุณ ทั้งที่ผมไม่เคยแม้แต่จะคิดพิศวาสเด็กอย่างคุณ” ตฤณไล่มองหญิงสาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างหยาบโลนจนหญิงสาวมือไม้สั่น “แต่ตอนนี้คุณไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว คุณเป็นสาว...แถมสวยอีกด้วย คุณคิดว่าในเมื่อพระจันทร์และท้องทะเลส่งคุณให้มาหาผมถึงที่นี่ คุณคิดว่าชายหนุ่มที่ภรรยาจากไปได้เกือบปี ห่างหายจากการมีความสัมพันธ์กับหญิงใดๆมานับตั้งแต่ภรรยาตายไปอย่างผม ควรจะทำยังไงกับหญิงสาวอย่างคุณดีล่ะ”
ตฤณลูบหนวดเครารกครึมของตน แววตาที่จ้องมองมาสำรวจร่างกายของเธอนั้น...กระหายคล้ายเสือโคร่งตัวใหญ่ที่หิวโซ

“คุณคิดว่าผมควรจะทำเรื่องเข้าใจผิดในตอนนั้นให้เป็นจริงสักทีดีไหม...ถึงคุณจะผอมไปสักหน่อย แต่ผมจะพยายามฝืนใจกลืนกินคุณลงคอประทังหิวไปแล้วกัน”
ไม่พูดเปล่า เขายังคืบคลานเข้ามาใกล้กว่าเดิมจนต้องกระถดตัวหนีขึ้นไปบนเตียงแข็งนั่นจนแผ่นหลังชิดกับผนังห้องไร้ทางหนี หากแต่เขาก็ยังคงตามมาประชิดตัวเธอไม่ห่าง ใบหน้าคล้ำแดดโน้มลงมาใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆน่ารังเกียจ

“อย่าเข้ามานะ...ไม่งั้น...”อินทุอรหันรีหันขวาง สิ่งของใดก็ได้ที่จะมาช่วยชีวิตของเธอในยามนี้ให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของคนป่าเถื่อนอย่างตฤณ จนสายตาไปปะทะกับตะเกียงจ้าวพายุที่วางไว้บนโต๊ะข้างเตียงมาถือ “ถ้านายไม่ถอยออกไปห่างๆล่ะก็ หัวนายแบะแน่”

“พอเถอะค่ะ ทั้งพี่ตฤณ ทั้งคุณคนสวยเลย อย่ามาทำอนาจารต่อหน้าเด็กอายุสิบสามนะ” เด็กผู้หญิงตัวเล็กที่ทนดูฉากละครน้ำเน่าอยู่ที่หน้าประตูห้อง ทนไม่ไหวอีกต่อไป เอ่ยขึ้นเสียงดังอย่างเหลืออด

ดูเหมือนว่าตฤณจะฟังคำพูดของเด็กคนนั้นมาทีเดียว เพราะทันทีที่เด็กคนนั้นพูดจบ เขาก็ยอมผละออกห่างอย่างว่าง่าย และเดินไปหยุดยืนอยู่ข้างเด็กหญิงตัวเล็กคนนั้นอย่างว่าง่าย แต่มิวายที่จะยืนกอดอกมองเธอด้วยสายตาเคียดแค้น

“ตามเนื้อตัวคุณมีบาดแผลและรอยช้ำอยู่เล็กน้อย ผมจะให้คุณอยู่ที่นี่จนกว่าคุณจะหายดีแล้วผมจึงจะส่งคุณออกไปให้พ้นจากสายตาของผม”

อินทุอรไม่ยอมแพ้ เชิดหน้ามองเขาคอแข็ง

“ถ้าฉันออกไปก็แค่ตาย ฉันไม่กลัว นายส่งฉันออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย”

แล้วหญิงสาวก็ยินเสียงหัวเราะเหี้ยมเกรียมดังมาจากร่างสูง

“เข้าใจอะไรผิดอีกแล้ว” เขาถอนใจราวกับอ่อนใจเต็มทน “คนที่สามารถคิดและตัดสินใจว่าคุณควรจะออกไปเวลาไหน หรือเมื่อไรมันไม่ใช่คุณ แต่เป็นผมนะคุณหนู คุณสงบปากสงบคำดีกว่า อย่าทำให้ผมหมั่นไส้ให้มากนัก ระวังจะตกเป็นเมียคนไม่มีอะไรอย่างผมโดยไม่รู้ตัว”

จบคำ ชายหนุ่มก็หัวเราะเสียงลั่นราวกับถูกใจกับคำพูดและชัยชนะที่อยู่เหนืออินทุอรเสียเต็มประดา หากแต่เสียงหัวเราะนั่นมันช่างน่ารังเกียจระคนน่ากลัวราวกับเป็นเสียงหัวเราะของมัจจุราชสำหรับอินทุอร หญิงสาวกำผ้าปูที่นอนยับย่นของตนเองอย่างเจ็บใจ เป็นครั้งแรก เป็นครั้งแรกจริงๆที่คนอย่างอินทุอรรู้สึกพ่ายแพ้กับทั้งตนเองที่ต้องยอมรับว่ารู้สึกหวาดกลัวผู้ชายคนนั้นอย่างมากมาย และพ่ายแพ้ต่อตฤณที่ต้องยอมรับเลยว่าเธอไม่สามารถที่จะลุกมาทำร้ายเขาได้อย่างที่เคย






ศิลป์ศรุตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ธ.ค. 2554, 10:41:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ธ.ค. 2554, 10:41:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 1628





<< ตอนที่ 1   ตอนที่ 3 >>
anOO 7 ธ.ค. 2554, 19:32:18 น.
นายตฤนเนี้ย พระเอกแน่เลย ลุ้นๆ ก็จะทะเลาะกันอีกหลายวัน


ศิลป์ศรุตา 8 ธ.ค. 2554, 09:12:20 น.
อย่างนั้นคุณan00 ต้องรออ่านตอนต่อไปค่ะ ^^


WallyValent 8 ธ.ค. 2554, 14:11:35 น.
แอบอยากให้ทยากรเป็นพระเอก ชอบเถื่อนๆ 555+
สู้ๆ นะจ๊ะ น้องสาว ^^


ศิลป์ศรุตา 9 ธ.ค. 2554, 08:32:51 น.
มาช่วยเรียกเรตติ้งหน่อยสิ ^^


gozilar 9 ธ.ค. 2554, 16:03:57 น.
ปล่อยให้ยัยอินเป็นนายอิจฉาไปเหอะ เนริชากะทยากรเป็นพระนางแล้วกัน


ศิลป์ศรุตา 9 ธ.ค. 2554, 20:26:24 น.
เด่นทั้งสองคู่แล้วกันค่ะ 555
แม้ว่าใจจริงจะชอบคู่เน่กับคุณธามก็ตาม แป่ว...^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account