กลรัก สลับหัวใจ
เมื่อเพื่อนสาวจอมยุ่ง จับผลัดจับพลูให้เธอนัดไปดูตัวกับคาสโนว่าหนุ่มแลกกับค่าจ้างหนึ่งหมื่น ม่านนทีจึงยอมเซย์เยส แปลงร่างเป็นนางซินวางแผนตัดสัมพันธ์แทนเพื่อนสาวเสียดิบดี แต่ที่ไหนได้เขาทั้งหล่อ เท่ แถมยังมีรอยยิ้มบาดใจ ทำเอาเธอชักหวั่นไหวซะแล้วสิ
Tags: รักโรแมนติก,รักหวานๆ,รักใส ๆ
ตอน: ตอนที่ 29 วิวาห์อลเวง
บทที่ 29
วิวาห์อลเวง
“หลีกไป พวกแกทำบ้าอะไร”
ราเมศตะโกนเสียงดัง ทันทีที่เขาขับรถมาถึงบริเวณหน้าโรงแรมชื่อดังระดับห้าดาว กลุ่มชายฉกรรจ์สองสามคนก็เดินตรงดิ่งเข้ามาล็อกแขน พยายามบังคับพาตัวเขาขึ้นรถ พาตรงไปยังงานวิวาห์ที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่ถึงสองชั่วโมงข้างหน้า
“ขออภัยด้วยครับ แต่พวกเราได้รับคำสั่งมาว่าให้พาคุณไปเดี๋ยวนี้” หนึ่งในสามคนกล่าวเสียงเข้ม
ใบหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจัด ถึงยามปกติราเมศจะไม่ใช่ผู้ชายที่ชอบมีเรื่องสักเท่าไหร่ แต่หากถึงเวลาต้องลงมือจริง ๆ ก็ใช่ว่าจะยอมกันง่าย ๆ ชายหนุ่มเบี่ยงตัวหลบพร้อมกับฉวยข้อมือของอีกฝ่ายจับบิดไพล่หลังโดยแรง
“ให้ตายเถอะ เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งกับชีวิตของฉันซะที” ชายหนุ่มสบถน้ำเสียงหงุดหงิด
“กรุณาไปกับพวกเราเถอะ”
“ฉันบอกให้หลีกไป”
คำตอบของชายหนุ่ม ทำให้อีกฝ่ายกันไปพยักหน้าให้กัน
“ถ้างั้นคงต้องใช้กำลังกันหน่อยแล้ว”
เมื่อการเจรจาโดยสันติใช้ไม่ได้ผล ชายฉกรรจ์ทั้งสามก็ตรงดิ่งเข้ามารวบตัว ราเมศจึงเหวี่ยงหมัดเข้าใส่คนหนึ่งจนล้มคว่ำ ก่อนจะสวนเข่าเข้าที่กลางลำตัวของชายร่างเล็กอีกคน ที่พุ่งตรงเข้ามาช่วยเพื่อนจนหมอบลงกับพื้น ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นหน้าโรงแรมส่งผลให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรมวิ่งกรูออกมา ราเมศจึงกลิ้งตัวข้ามกระโปรงหน้ารถหลบไปอีกทาง ฉายโอกาสตอนเหตุการณ์ชุลมุนวิ่งอ้อมไปยังประตูฝั่งตะวันออกโรงแรมหรู พร้อมกับถอนหายใจยาว
“ฝีมือคุณหญิงป้าอีกละสิท่า ให้มันได้ยังงี้สิ”
คาสโนว่าหนุ่มส่ายหน้าระอาใจ ทำท่ายกมือขึ้นจะเปิดประตูเข้าไปภายใน ทว่ายังไม่ทันก้าวพ้นขอบประตู วัตถุหนัก ๆ ก็กระแทกลงมายังหลังต้นคอ จนเจ้าตัวถึงกับทรุด
“...ให้ตายสิ” ชายหนุ่มกระซิบลอดไรฟัน นัยน์ตาพร่าเลือนก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะมืดมิดลง...
“นี่มันอะไรกัน”
ทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้น ราเมศก็พบว่าตัวเองเสียท่าคุณหญิงป้าจอมบงการเข้าแล้ว ชายหนุ่มไม่รู้สึกตัวเลยว่าหลับไปนานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกที ก็พบว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่มาถูกเปลี่ยนออกไปกลายเป็นชุดทักซิโดสีขาวนอนอยู่บนเก้าอี้โซฟาในห้องสูทหรูภายในโรงแรม โดยมีทีมงานสองคนตระเตรียมทุกสิ่งทุกอย่างให้พร้อมสรรพ ชายหนุ่มถลันลุกออกจากเตียงยืนอยู่บนพรมเต็มความสูง เตรียมจ้ำอ้าวเดินออกจากประตูด้วยความกรุ่นโกรธ
“เดี๋ยวสิฮะ จะรีบไปไหนคุณราเมศ” ช่างแต่งหน้าสาวประเภทสอง รีบปรี่เข้ามาห้ามปราม ถึงแม้ว่าใจจะเป็นจริงแต่ด้วยรูปร่างบึกบึนและเรี่ยวแรงเกินชายอกสามศอก จึงทำให้ราเมศฝ่าออกไปไม่ได้ง่าย ๆ
“ปล่อยผม หลีกไป”
“ไม่ได้นะฮะ เพิ่งแต่งหน้าทำผมเสร็จเมื่อสักครู่นี้เอง อีกเดี๋ยวก็จะถึงเวลางานพิธีแล้วด้วย ขืนออกแรงดิ้นมาก ๆ เดี๋ยวไม่หล่อเอานะฮะ”
ไม่พูดเปล่า แต่สาวน้อยร่างใหญ่ยังเบียดกายเข้าเกาะแขนอย่างมีเจตนาแอบแฝงอีกด้วย ราเมศทำหน้าตาอธิบายไม่ถูก รีบยกมือขึ้นแกะปลายนิ้วเหนียวแน่นออกทันควัน
“ปล่อยผม ไม่ได้ยินเรอะ”
“ปล่อยไม่ได้ฮ่ะ ขืนปล่อยคุณหญิงท่านฆ่าเดี๊ยนตายแน่”
“ปัดโธ่ บอกให้ปล่อย”
ราเมศตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์เลวร้ายตรงหน้ายังไงดี ครั้นจะใช้วิธีเดียวกับพวกก่อนหน้านี้ก็ใช่ที่เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นผู้ชายก็ไม่ใช่ผู้หญิงก็ไม่เชิง ขณะที่คาสโนว่าหนุ่มกำลังห่วงหน้าพะวงหลังอยู่นั้น จู่ ๆ บานประตูก็เปิดผัวะออก พร้อมกับร่างของคุณหญิงวิมลชื่นในชุดผ้าไหมสีเขียวปีกแมลงทับ เยื้องกรายเข้ามาภายในห้องท่ามกลางแสงเพชรวูบวาบ
ชายหนุ่มถอนหายใจหนักหน่วง ไม่เคยรู้สึกเหนื่อยมากขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
“กะอยู่แล้วเชียว...”
“อะไรอีกล่ะตาเมศ พิธีใกล้จะเริ่มอยู่แล้วยังจะออกไปไหนอีก”
“คุณหญิงป้าก็รู้ว่ายังไง ๆ ผมก็ไม่ยอมแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รัก”
“แล้วยังไง”
ใบหน้าหล่อเหลาเข้มขึ้นตามสภาวะอารมณ์ จริงอยู่ที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยหาเรื่อง งัดข้อกับคุณหญิงวิมลชื่นมากนัก แต่กับเรื่องนี้เรื่องเดียว ที่ไม่ว่าเป็นตายยังไงก็ยอมไม่ได้เป็นอันขาด
“ถ้าคิดว่าจะเอาเรื่องแต่งงานบ้า ๆ นี่มาเป็นข้ออ้างเรื่องตัดผมออกจากกองมรดกล่ะก็เชิญเลย ผมเองก็เป็นลูกผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องการมีชีวิตเป็นของตัวเอง อย่าว่าแต่เรื่องทรัพย์สมบัติล้นฟ้าพวกนั้นเลย ต่อให้ครั้งนี้ผมต้องสูญเสียทุกอย่าง แล้วไปเริ่มต้นใหม่ก็ยังดีซะกว่า”
คุณหญิงจอมเผด็จการเลิกคิ้วสูง
“ที่พูดมานั่นคิดดีแล้วหรือตาเมศ” เจ้าตัวซ่อนรอยยิ้ม “ถึงแม้ว่าฉันจะตัดแกออกจากกองมรดก ไม่เหลือทรัพย์สมบัติไว้ให้แม้แต่สตางค์แดงเดียว ก็จะไม่ยอมแต่งงานจริง ๆ หรือ”
ถ้าพูดถึงความแรงแล้วละก็ คนอย่างราเมศเองก็ใช่ย่อยเสียเมื่อไหร่ คนอย่างเขาลองได้ตัดสินใจแล้วต่อให้ชักแม่น้ำทั้งห้าขึ้นมาหว่านล้อม ก็คงหมดสิทธิ์
“จะให้พูดอีกกี่ครั้ง คำตอบก็เหมือนเดิม”
“พูดได้น่าฟังดีนี่ สมกับเป็นลูกผู้ชายดี” คุณหญิงวิมลชื่นเอ่ยปากชม
“ผมไปได้แล้วหรือยัง” ชายหนุ่มถอนหายใจยาว
“ยังก่อน”
ราเมศชะงักปลายเท้า “ยังมีอะไรอีก”
“น่าเสียดาย ที่แกมัวแต่คิดช้าไปหน่อย”
“เฮ้ เดี๋ยวก่อน จะทำอะไร”
ขาดคำ ช่างแต่งหน้าสองคนก็ช่วยกันรวบแขนราเมศ พาออกไปจากประตูท่ามกลางความคาดไม่ถึง ชายหนุ่มออกแรงสะบัดตัว เหวี่ยงแขนขาร้องตะโกนให้ปล่อย แต่ให้ตายเถอะ ไม่รู้ว่าคุณหญิงป้าไปคัดเลือกตัวทีมงานพวกนี้มาจากไหน ถึงได้แรงเยอะมหาศาลถึงขั้นล็อกตัวเขาเสียจนอยู่หมัด
ภายในห้องแต่งตัวบนโรงแรมชื่อดัง เจ้าสาวแสนสวยสวมชุดประโปรงลูกไม้จับจีบสีขาวบริสุทธิ์งดงาม ในมือถือช่อดอกไม้สีสดนั่งบนเก้าอี้หน้ากระจกบานใหญ่ ใบหน้าหวานแต่งแต้มสีสันโทนดอกกุหลาบ เส้นผมเกล้าสลวยเหนือต้นคอประดับด้วยช่อดอกไม้สีหวาน บนศีรษะมีผ้าคลุมผมลูกไม้บิดปังใบหน้าบางส่วน แต่ถึงกระนั้นก็ยังแลเห็นว่าปิ่นแก้วเป็นเจ้าสาวแสนสวยที่งดงามราวกับนางฟ้า
แต่ทว่า...สีหน้าของเธอกลับไม่ปรากฏริ้วรอยความสุข สมหวังเฉกเช่นที่เจ้าสาวทั่วไปควรจะมี
ปิ่นแก้วมองดูตัวเองในกระจกบานใหญ่ ภาพที่สะท้อนออกมาแม้จะแลดูสวยงามน่าภูมิใจ แต่สำหรับหญิงสาวทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็น ล้วนแต่เป็นภาพลวงตาที่ไม่อาจบันดาลความสุขให้แก่เธอได้แม้แต่เสี้ยวนาทีเดียว ปิ่นแก้วมองดูช่อดอกไม้ในมือผ่านม่านน้ำตาใส ๆ ก่อนที่เพื่อนเจ้าสาวจะเปิดประตูเดินเข้ามาวางมือบนไหล่มนเบา ๆ
“จวนจะได้เวลาแล้วจ้ะ ปิ่นแก้ว”
ม่านนทีเอ่ยปากบอกเพื่อนรักเบา ๆ ร่างบางสวมชุดเดรสสีครีมและมาร่วมงานแต่งในฐานะเพื่อนเจ้าสาว แต่ปิ่นแก้วไม่มีทีท่าว่าจะยอมขยับตัว เธอจึงได้แต่ถอนหายใจยาว
“ยังคิดเรื่องนั้นอยู่อีกเหรอ”
“ไม่รู้สิ” หญิงสาวกระซิบตอบ “ฉันไม่รู้จริง ๆ นะน้ำ ไม่รู้ว่าจะทำยังไงจริง ๆ เพื่อให้ลืมเขาได้”
“ปิ่น”
“ฉันควรทำยังไงดี” ปิ่นแก้วเงยหน้าขึ้นสบตาเพื่อนรัก ม่านนทีจึงก้มลงโอบกอดร่างบางแทนคำปลอบโยน
“ถ้าลืมเขาไม่ได้ ก็ไม่ต้องลืมสิ”
คำตอบของม่านนที สร้างความประหลาดใจให้กับคนฟังอย่างคาดไม่ถึง
“ว่ายังไงนะน้ำ”
“ฉันพูดจริง ๆ นะปิ่น” ม่านนทีเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง ความรู้สึกเจ็บปวดที่ต้องเฝ้าโกหกตัวเองนั้นเป็นยังไง เธอรู้ดี “ถ้าเธอรักเขามากขนาดนั้น แล้วทำไมต้องฝืนทนเจ็บปวด แต่งงานกับผู้ชายที่ตัวเองไม่ได้รักด้วยล่ะ”
ปิ่นแก้วพูดอะไรไม่ออก รู้สึกคล้ายกับมีก้อนแข็ง ๆ จุกอยู่ในลำคอ ที่ผ่านมาเธอไม่เคยตระหนักถึงความจริงข้อนี้ นอกเหนือไปจากกำแพงทิฐิที่เธอและเขามีต่อกัน ม่านนทีพูดถูก ความรักที่เธอมีต่อราเมศนั้นคือความจริง...แต่มันจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อเขาไม่เคยเป็นฝ่ายพูดคำนั้นกับเธอเลยสักครั้ง
“ถ้าเธอไม่อยากแต่งงาน เราออกไปจากที่นี่ตอนนี้เลยก็ได้นะ” ม่านนทีพูดออกไปตามอย่างที่ใจคิด แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อปิ่นแก้วส่ายศีรษะช้า ๆ
“ไม่ได้หรอก”
“ทำไมล่ะ”
“ฉันทำแบบนั้นไม่ได้” เธอกระซิบแผ่ว “งานแต่งคราวนี้คุณพ่อท่านหวังเอาไว้มาก ท่านเป็นคนดำเนินการเองทั้งหมด ทั้งยังเชิญแขกเหรื่อมาร่วมงานตั้งมากมาย ถ้าฉันทำอะไรตามใจโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง ท่านคงต้องเสียใจและเสียหน้ามากแน่ ๆ”
ปิ่นแก้วเงยหน้ายิ้มให้เพื่อน ความเข้มแข็งในตัวของเพื่อนสาว ที่มีมากขึ้นกว่าแต่ก่อน แม้แต่ม่านนทีเองก็ยังอดทึ่งไม่ได้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังอดห่วงไม่ได้อยู่ดี
“เธอแน่ใจเหรอปิ่น”
“แน่ใจสิ” อีกฝ่ายพยักหน้ารับ “ถึงงานแต่งครั้งนี้ ฉันจะไม่เต็มใจก็เถอะ แต่ถ้าเขาเป็นคนที่คุณพ่อเลือกให้ ฉันเชื่อว่าฉันต้องเป็นคนดีแน่ ๆ”
“ปิ่นแก้ว...”
ม่านนทีรู้สึกสงสารเพื่อนสาวขึ้นมาจับใจ ปิ่นแก้วเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมากกว่าที่เธอคิดเอาไว้ และยังเป็นบุตรสาวที่ห่วงใยและกตัญญูต่อบิดาผู้ให้กำเนิดมากอีกด้วย ทั้งสองให้กำลังใจกันและกันอีกครู่ใหญ่ จนกระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตูเบา ๆ ก่อนที่นายเดชาจะแทรกตัวเข้ามาหาบุตรสาวภายในห้อง
“ใกล้จะได้เวลาทำพิธีแล้ว พ่อก็เลยเข้ามาดูว่าลูกพร้อมแล้วหรือยัง” ชายสูงวัยยิ้มกว้าง พร้อมกับเดินตรงเข้าไปกางแขนโอบกอดบุตรสาว “ลูกสาวพ่อคืนนี้สวยที่สุดในโลกเลยรู้หรือเปล่า”
ปิ่นแก้วกอดตอบเบา ๆ “ขอบคุณค่ะพ่อ”
“ขอบใจมากนะหนูปิ่น ที่ให้เกียรติมาร่วมงานแต่งในคืนนี้ ถ้าไม่มีหนูมาด้วยยายปิ่นคงจะเหงาแย่” เจ้าบ้านตระกูลวัฒนะเอกดำรงหันไปเอ่ยปากกับม่านนที
“อย่าพูดอย่างนั้นสิคะคุณลุง เพื่อนรักแต่งงานทั้งที ปิ่นจะไม่มาแสดงความยินดีด้วยได้ยังไง”
หลังจากพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง ม่านนทีก็ขอตัวออกไปจากห้อง ปล่อยให้พ่อกับลูกใช้เวลาพูดคุยกันตามประสาครอบครัว นายเดชาเอ่ยปากชมบุตรสาวไม่ขาดปาก ดวงตาเป็นประกายแช่มชื่นด้วยความภาคภูมิใจ นานมากแล้วที่เธอไม่เคยเห็นบิดามีความสุขแบบนี้ ถึงแม้ความสุขนั้นจะต้องแลกมาด้วยหัวใจของเธอก็ตามที
“พ่ออยากเห็นหนูมีความสุขที่สุดเลยลูกรัก”
นายเดชากล่าว พร้อมทั้งยกมือขึ้นลูบศีรษะเธอเบา ๆ
“จำไว้นะลูกปิ่น ไม่ว่าอนาคตจะเป็นยังไง ลูกก็ยังเป็นลูกสาวที่พ่อรักเสมอ เอาล่ะ...อีกเดี๋ยวก็จะได้เวลาเริ่มพิธีแล้ว พวกเราออกไปกันเถอะ”
เป็นครั้งแรกที่ปิ่นแก้ว รู้ซึ้งถึงการฝืนยิ้มทั้ง ๆ ที่ใจร้องไห้นั้นเป็นอย่างไร
“...ค่ะพ่อ”
ม่านนทีนั่งอยู่บนเก้าอี้รอคอยพิธีการอย่างใจจดใจจ่อ ดวงตากลมโตกวาดไปรอบ ๆ บริเวณงานเพื่อหาร่างของใครบางคน หญิงสาวเอี้ยวคอมองไปยังประตูทางเข้าแล้วก็ต้องสะดุ้งเบา ๆ หลังสัมผัสฝ่ามืออบอุ่นที่ทาบทับบนหลังมือ ม่านนทีหันไปสบตาและยิ้มให้กับเตชิตอย่างโล่งใจ
“คิดว่าคุณจะไม่มาแล้วซะอีก”
“งานแต่งของสองคนนั่นทั้งที มีหรือที่ผมจะไม่มาร่วมงาน” เตชิตโน้มใบหน้าลงกระซิบแผ่ว ดวงตาสีน้ำตาลทอประกายอ่อนโยน คืนนี้ชายหนุ่มดูหล่อเหลาเป็นพิเศษภายใต้ชุดทักซิโดสีดำ ติดช่อดอกไม้เล็ก ๆ บนกระเป๋าเสื้อ
“ทุกอย่างโอเคหรือเปล่าคะ” ม่านนทีถามน้ำเสียงเป็นกังวล
“เรียบร้อยดีทุกอย่าง” เขาหันมายิ้มให้เธอ “งานพิธีกำลังจะเริ่มแล้ว เรามาคอยนั่งลุ้นกันดีกว่า ว่าเจ้าราเมศจะทำหน้าตายังไง”
ทั้งสองนั่งตัวตรง ทอดสายตามองไปยังแสงไฟบนเวทีที่สาดส่องไปยังร่างของเจ้าสาวในชุดสีขาวบริสุทธิ์ โดยมีญาติฝ่ายหญิงเดินจูงมือออกมาด้วยท่วงท่าสง่างาม ความงามของปิ่นแก้วตรึงตาตรึงใจแขกเหรื่อในงานที่พร้อมใจกันมาร่วมยินดีในงานแต่ง ท่ามกลางเสียงของพิธีกรที่กำลังทำหน้าที่อยู่บนเวทีประดับตกแต่งด้วยช่อดอกไม้และเค้กงานแต่งสีสันอลังการ
ไม่ช้าพิธีการก็กล่าวเชิญฝ่ายเจ้าบ่าวเพื่อเข้าร่วมพิธีรดน้ำสังข์ แต่หลังจากผ่านไปหลายนาทีทางฝ่ายเจ้าบ่าวก็ยังไม่ปรากฏตัว จนกระทั่งสร้างความหงุดหงิดให้แก่นายเดชาจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่
“ป่านนี้แล้ว ทำไมเจ้าบ่าวทำไมยังไม่มาอีกนะ”
ปิ่นแก้วก้มหน้านิ่งพนมมือวางอยู่บนหมอน ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว สีหน้าแววตาไร้ความสุขของบุตรสาวทำให้ผู้เป็นบิดาอดห่วงไม่ได้
“เป็นอะไรหรือเปล่าลูกปิ่น” ชายสูงวัยโน้มตัวกระซิบถาม
“ปะ เปล่าค่ะ ปิ่นไม่ได้เป็นอะไร” หญิงสาวฝืนยิ้ม ทั้งที่เสียงยังสั่น
นายเดชาชำเลืองหางตามองไปยังแขกเหรื่อที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านหน้าเวที จนกระทั่งสะดุดเข้ากับคู่ชายหนุ่มหญิงสาวที่นั่งจับมือเคียงคู่กันพร้อมกับส่งรอยยิ้มมาให้ เจ้าบ้านตระกูลวัฒนะเอกดำรงก็ค่อยหายใจหายใจโล่งอกขึ้นมาหน่อย ชั่วขณะที่พิธีกรกำลังประกาศเชิญตัวเจ้าบ่าวเป็นครั้งที่สอง ประตูด้านข้างก็เปิดออกพร้อมกับร่างของใครบางคนกำลังถูกผลักเข้ามา เมื่อนายเดชาเหลือบไปเห็นเข้าก็ถึงกับออกปากบ่นเบา ๆ อย่างอดทนรนไม่ไหว
“ชักช้าจริง ๆ ไอ้ลูกเขยคนนี้”
“มีอะไรเหรอคะคุณพ่อ” ปิ่นแก้วได้ยินแว่ว ๆ จึงเงยหน้าขึ้นถามด้วยความสงสัย
“ฟังไม่รู้เรื่องหรือยังไง บอกแล้วไงว่าผมไม่แต่ง”
เสียงตะโกนดังก้องไปกังวานไปทั่วห้อง สร้างความตื่นตกใจให้กับแขกเหรื่อที่มาร่วมงานจนพากันเหลียวมองไปยังต้นเสียงราวกับนัดกันไว้ ที่นั่นเจ้าบ่าวสวมชุดทักซิโดสีขาวถูกผลักดันให้ออกมายืนอยู่ด้านล่างบริเวณขอบเวที ด้วยสีหน้าท่าทางบ่งบอกถึงความไม่เต็มใจขนาดหนัก การปรากฏตัวชนิดคาดไม่ถึงของราเมศกับประโยคที่ดังลั่นที่ออกมาจากปากของชายหนุ่ม ส่งผลให้คุณหญิงวิมลชื่นต้องออกโรงก้าวออกมารักษาหน้าตาเอาไว้สุดชีวิต
“หยุดเสียงดังได้แล้วตาเมศ พิธีสำคัญกำลังจะเริ่มอยู่แล้วนะ มัวทำอะไรอยู่” คุณหญิงจอมบงการถลึงตาเข้าใส่หลานชายตัวดี
ทว่า ราเมศไม่คิดที่จะสนใจชื่อเสียงหน้าตาอะไรอีกแล้ว
“เลิกบงการชีวิตผมซะทีเถอะครับคุณหญิงป้า ยังไง ๆ ผมก็ไม่ยอมแต่งงานกับผู้หญิงที่ผมไม่ได้รักเป็นอันขาด”
“พูดอะไรออกมาน่ะ”
“ผมพูดจริง ผู้หญิงที่ผมจะร่วมชีวิตด้วยมีเพียงคนเดียวเท่านั้น” ชายหนุ่มประกาศเสียงดังฟังชัด “ถ้าไม่ใช่คุณปิ่นแก้ว ผมจะไม่ยอมแต่งงานเด็ดขาด”
ราวกับฟ้าผ่าลงมากลางงานแต่ง ถ้อยคำที่ประกาศออกมาจากปากของราเมศส่งผลให้ทุกคนที่มาร่วมงานตะลึงงันตาค้างไปตามกัน ๆ ความกล้าบ้าบิ่นของอดีตคาสโนว่าหนุ่มหล่อแห่งเมืองไทย ทำให้เตชิตกระตุกยิ้มมุมปาก ในขณะม่านนทีเองก็ต้องยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจไม่แพ้กัน
“...คุณราเมศ” เสียงหวานใสที่ดังขึ้น กระตุกหัวใจของชายหนุ่มให้สั่นไหวโดยแรง…
*******************
อุตส่าห์ดิ้นรนเกือบตาย
สุดท้ายก็หนีกันไม่พ้นจนได้...คู่นี้
เบลินญา
วิวาห์อลเวง
“หลีกไป พวกแกทำบ้าอะไร”
ราเมศตะโกนเสียงดัง ทันทีที่เขาขับรถมาถึงบริเวณหน้าโรงแรมชื่อดังระดับห้าดาว กลุ่มชายฉกรรจ์สองสามคนก็เดินตรงดิ่งเข้ามาล็อกแขน พยายามบังคับพาตัวเขาขึ้นรถ พาตรงไปยังงานวิวาห์ที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่ถึงสองชั่วโมงข้างหน้า
“ขออภัยด้วยครับ แต่พวกเราได้รับคำสั่งมาว่าให้พาคุณไปเดี๋ยวนี้” หนึ่งในสามคนกล่าวเสียงเข้ม
ใบหน้าหล่อเหลาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจัด ถึงยามปกติราเมศจะไม่ใช่ผู้ชายที่ชอบมีเรื่องสักเท่าไหร่ แต่หากถึงเวลาต้องลงมือจริง ๆ ก็ใช่ว่าจะยอมกันง่าย ๆ ชายหนุ่มเบี่ยงตัวหลบพร้อมกับฉวยข้อมือของอีกฝ่ายจับบิดไพล่หลังโดยแรง
“ให้ตายเถอะ เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งกับชีวิตของฉันซะที” ชายหนุ่มสบถน้ำเสียงหงุดหงิด
“กรุณาไปกับพวกเราเถอะ”
“ฉันบอกให้หลีกไป”
คำตอบของชายหนุ่ม ทำให้อีกฝ่ายกันไปพยักหน้าให้กัน
“ถ้างั้นคงต้องใช้กำลังกันหน่อยแล้ว”
เมื่อการเจรจาโดยสันติใช้ไม่ได้ผล ชายฉกรรจ์ทั้งสามก็ตรงดิ่งเข้ามารวบตัว ราเมศจึงเหวี่ยงหมัดเข้าใส่คนหนึ่งจนล้มคว่ำ ก่อนจะสวนเข่าเข้าที่กลางลำตัวของชายร่างเล็กอีกคน ที่พุ่งตรงเข้ามาช่วยเพื่อนจนหมอบลงกับพื้น ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นหน้าโรงแรมส่งผลให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรมวิ่งกรูออกมา ราเมศจึงกลิ้งตัวข้ามกระโปรงหน้ารถหลบไปอีกทาง ฉายโอกาสตอนเหตุการณ์ชุลมุนวิ่งอ้อมไปยังประตูฝั่งตะวันออกโรงแรมหรู พร้อมกับถอนหายใจยาว
“ฝีมือคุณหญิงป้าอีกละสิท่า ให้มันได้ยังงี้สิ”
คาสโนว่าหนุ่มส่ายหน้าระอาใจ ทำท่ายกมือขึ้นจะเปิดประตูเข้าไปภายใน ทว่ายังไม่ทันก้าวพ้นขอบประตู วัตถุหนัก ๆ ก็กระแทกลงมายังหลังต้นคอ จนเจ้าตัวถึงกับทรุด
“...ให้ตายสิ” ชายหนุ่มกระซิบลอดไรฟัน นัยน์ตาพร่าเลือนก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะมืดมิดลง...
“นี่มันอะไรกัน”
ทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้น ราเมศก็พบว่าตัวเองเสียท่าคุณหญิงป้าจอมบงการเข้าแล้ว ชายหนุ่มไม่รู้สึกตัวเลยว่าหลับไปนานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกที ก็พบว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่มาถูกเปลี่ยนออกไปกลายเป็นชุดทักซิโดสีขาวนอนอยู่บนเก้าอี้โซฟาในห้องสูทหรูภายในโรงแรม โดยมีทีมงานสองคนตระเตรียมทุกสิ่งทุกอย่างให้พร้อมสรรพ ชายหนุ่มถลันลุกออกจากเตียงยืนอยู่บนพรมเต็มความสูง เตรียมจ้ำอ้าวเดินออกจากประตูด้วยความกรุ่นโกรธ
“เดี๋ยวสิฮะ จะรีบไปไหนคุณราเมศ” ช่างแต่งหน้าสาวประเภทสอง รีบปรี่เข้ามาห้ามปราม ถึงแม้ว่าใจจะเป็นจริงแต่ด้วยรูปร่างบึกบึนและเรี่ยวแรงเกินชายอกสามศอก จึงทำให้ราเมศฝ่าออกไปไม่ได้ง่าย ๆ
“ปล่อยผม หลีกไป”
“ไม่ได้นะฮะ เพิ่งแต่งหน้าทำผมเสร็จเมื่อสักครู่นี้เอง อีกเดี๋ยวก็จะถึงเวลางานพิธีแล้วด้วย ขืนออกแรงดิ้นมาก ๆ เดี๋ยวไม่หล่อเอานะฮะ”
ไม่พูดเปล่า แต่สาวน้อยร่างใหญ่ยังเบียดกายเข้าเกาะแขนอย่างมีเจตนาแอบแฝงอีกด้วย ราเมศทำหน้าตาอธิบายไม่ถูก รีบยกมือขึ้นแกะปลายนิ้วเหนียวแน่นออกทันควัน
“ปล่อยผม ไม่ได้ยินเรอะ”
“ปล่อยไม่ได้ฮ่ะ ขืนปล่อยคุณหญิงท่านฆ่าเดี๊ยนตายแน่”
“ปัดโธ่ บอกให้ปล่อย”
ราเมศตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์เลวร้ายตรงหน้ายังไงดี ครั้นจะใช้วิธีเดียวกับพวกก่อนหน้านี้ก็ใช่ที่เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นผู้ชายก็ไม่ใช่ผู้หญิงก็ไม่เชิง ขณะที่คาสโนว่าหนุ่มกำลังห่วงหน้าพะวงหลังอยู่นั้น จู่ ๆ บานประตูก็เปิดผัวะออก พร้อมกับร่างของคุณหญิงวิมลชื่นในชุดผ้าไหมสีเขียวปีกแมลงทับ เยื้องกรายเข้ามาภายในห้องท่ามกลางแสงเพชรวูบวาบ
ชายหนุ่มถอนหายใจหนักหน่วง ไม่เคยรู้สึกเหนื่อยมากขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
“กะอยู่แล้วเชียว...”
“อะไรอีกล่ะตาเมศ พิธีใกล้จะเริ่มอยู่แล้วยังจะออกไปไหนอีก”
“คุณหญิงป้าก็รู้ว่ายังไง ๆ ผมก็ไม่ยอมแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รัก”
“แล้วยังไง”
ใบหน้าหล่อเหลาเข้มขึ้นตามสภาวะอารมณ์ จริงอยู่ที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยหาเรื่อง งัดข้อกับคุณหญิงวิมลชื่นมากนัก แต่กับเรื่องนี้เรื่องเดียว ที่ไม่ว่าเป็นตายยังไงก็ยอมไม่ได้เป็นอันขาด
“ถ้าคิดว่าจะเอาเรื่องแต่งงานบ้า ๆ นี่มาเป็นข้ออ้างเรื่องตัดผมออกจากกองมรดกล่ะก็เชิญเลย ผมเองก็เป็นลูกผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องการมีชีวิตเป็นของตัวเอง อย่าว่าแต่เรื่องทรัพย์สมบัติล้นฟ้าพวกนั้นเลย ต่อให้ครั้งนี้ผมต้องสูญเสียทุกอย่าง แล้วไปเริ่มต้นใหม่ก็ยังดีซะกว่า”
คุณหญิงจอมเผด็จการเลิกคิ้วสูง
“ที่พูดมานั่นคิดดีแล้วหรือตาเมศ” เจ้าตัวซ่อนรอยยิ้ม “ถึงแม้ว่าฉันจะตัดแกออกจากกองมรดก ไม่เหลือทรัพย์สมบัติไว้ให้แม้แต่สตางค์แดงเดียว ก็จะไม่ยอมแต่งงานจริง ๆ หรือ”
ถ้าพูดถึงความแรงแล้วละก็ คนอย่างราเมศเองก็ใช่ย่อยเสียเมื่อไหร่ คนอย่างเขาลองได้ตัดสินใจแล้วต่อให้ชักแม่น้ำทั้งห้าขึ้นมาหว่านล้อม ก็คงหมดสิทธิ์
“จะให้พูดอีกกี่ครั้ง คำตอบก็เหมือนเดิม”
“พูดได้น่าฟังดีนี่ สมกับเป็นลูกผู้ชายดี” คุณหญิงวิมลชื่นเอ่ยปากชม
“ผมไปได้แล้วหรือยัง” ชายหนุ่มถอนหายใจยาว
“ยังก่อน”
ราเมศชะงักปลายเท้า “ยังมีอะไรอีก”
“น่าเสียดาย ที่แกมัวแต่คิดช้าไปหน่อย”
“เฮ้ เดี๋ยวก่อน จะทำอะไร”
ขาดคำ ช่างแต่งหน้าสองคนก็ช่วยกันรวบแขนราเมศ พาออกไปจากประตูท่ามกลางความคาดไม่ถึง ชายหนุ่มออกแรงสะบัดตัว เหวี่ยงแขนขาร้องตะโกนให้ปล่อย แต่ให้ตายเถอะ ไม่รู้ว่าคุณหญิงป้าไปคัดเลือกตัวทีมงานพวกนี้มาจากไหน ถึงได้แรงเยอะมหาศาลถึงขั้นล็อกตัวเขาเสียจนอยู่หมัด
ภายในห้องแต่งตัวบนโรงแรมชื่อดัง เจ้าสาวแสนสวยสวมชุดประโปรงลูกไม้จับจีบสีขาวบริสุทธิ์งดงาม ในมือถือช่อดอกไม้สีสดนั่งบนเก้าอี้หน้ากระจกบานใหญ่ ใบหน้าหวานแต่งแต้มสีสันโทนดอกกุหลาบ เส้นผมเกล้าสลวยเหนือต้นคอประดับด้วยช่อดอกไม้สีหวาน บนศีรษะมีผ้าคลุมผมลูกไม้บิดปังใบหน้าบางส่วน แต่ถึงกระนั้นก็ยังแลเห็นว่าปิ่นแก้วเป็นเจ้าสาวแสนสวยที่งดงามราวกับนางฟ้า
แต่ทว่า...สีหน้าของเธอกลับไม่ปรากฏริ้วรอยความสุข สมหวังเฉกเช่นที่เจ้าสาวทั่วไปควรจะมี
ปิ่นแก้วมองดูตัวเองในกระจกบานใหญ่ ภาพที่สะท้อนออกมาแม้จะแลดูสวยงามน่าภูมิใจ แต่สำหรับหญิงสาวทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็น ล้วนแต่เป็นภาพลวงตาที่ไม่อาจบันดาลความสุขให้แก่เธอได้แม้แต่เสี้ยวนาทีเดียว ปิ่นแก้วมองดูช่อดอกไม้ในมือผ่านม่านน้ำตาใส ๆ ก่อนที่เพื่อนเจ้าสาวจะเปิดประตูเดินเข้ามาวางมือบนไหล่มนเบา ๆ
“จวนจะได้เวลาแล้วจ้ะ ปิ่นแก้ว”
ม่านนทีเอ่ยปากบอกเพื่อนรักเบา ๆ ร่างบางสวมชุดเดรสสีครีมและมาร่วมงานแต่งในฐานะเพื่อนเจ้าสาว แต่ปิ่นแก้วไม่มีทีท่าว่าจะยอมขยับตัว เธอจึงได้แต่ถอนหายใจยาว
“ยังคิดเรื่องนั้นอยู่อีกเหรอ”
“ไม่รู้สิ” หญิงสาวกระซิบตอบ “ฉันไม่รู้จริง ๆ นะน้ำ ไม่รู้ว่าจะทำยังไงจริง ๆ เพื่อให้ลืมเขาได้”
“ปิ่น”
“ฉันควรทำยังไงดี” ปิ่นแก้วเงยหน้าขึ้นสบตาเพื่อนรัก ม่านนทีจึงก้มลงโอบกอดร่างบางแทนคำปลอบโยน
“ถ้าลืมเขาไม่ได้ ก็ไม่ต้องลืมสิ”
คำตอบของม่านนที สร้างความประหลาดใจให้กับคนฟังอย่างคาดไม่ถึง
“ว่ายังไงนะน้ำ”
“ฉันพูดจริง ๆ นะปิ่น” ม่านนทีเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง ความรู้สึกเจ็บปวดที่ต้องเฝ้าโกหกตัวเองนั้นเป็นยังไง เธอรู้ดี “ถ้าเธอรักเขามากขนาดนั้น แล้วทำไมต้องฝืนทนเจ็บปวด แต่งงานกับผู้ชายที่ตัวเองไม่ได้รักด้วยล่ะ”
ปิ่นแก้วพูดอะไรไม่ออก รู้สึกคล้ายกับมีก้อนแข็ง ๆ จุกอยู่ในลำคอ ที่ผ่านมาเธอไม่เคยตระหนักถึงความจริงข้อนี้ นอกเหนือไปจากกำแพงทิฐิที่เธอและเขามีต่อกัน ม่านนทีพูดถูก ความรักที่เธอมีต่อราเมศนั้นคือความจริง...แต่มันจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อเขาไม่เคยเป็นฝ่ายพูดคำนั้นกับเธอเลยสักครั้ง
“ถ้าเธอไม่อยากแต่งงาน เราออกไปจากที่นี่ตอนนี้เลยก็ได้นะ” ม่านนทีพูดออกไปตามอย่างที่ใจคิด แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อปิ่นแก้วส่ายศีรษะช้า ๆ
“ไม่ได้หรอก”
“ทำไมล่ะ”
“ฉันทำแบบนั้นไม่ได้” เธอกระซิบแผ่ว “งานแต่งคราวนี้คุณพ่อท่านหวังเอาไว้มาก ท่านเป็นคนดำเนินการเองทั้งหมด ทั้งยังเชิญแขกเหรื่อมาร่วมงานตั้งมากมาย ถ้าฉันทำอะไรตามใจโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง ท่านคงต้องเสียใจและเสียหน้ามากแน่ ๆ”
ปิ่นแก้วเงยหน้ายิ้มให้เพื่อน ความเข้มแข็งในตัวของเพื่อนสาว ที่มีมากขึ้นกว่าแต่ก่อน แม้แต่ม่านนทีเองก็ยังอดทึ่งไม่ได้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังอดห่วงไม่ได้อยู่ดี
“เธอแน่ใจเหรอปิ่น”
“แน่ใจสิ” อีกฝ่ายพยักหน้ารับ “ถึงงานแต่งครั้งนี้ ฉันจะไม่เต็มใจก็เถอะ แต่ถ้าเขาเป็นคนที่คุณพ่อเลือกให้ ฉันเชื่อว่าฉันต้องเป็นคนดีแน่ ๆ”
“ปิ่นแก้ว...”
ม่านนทีรู้สึกสงสารเพื่อนสาวขึ้นมาจับใจ ปิ่นแก้วเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมากกว่าที่เธอคิดเอาไว้ และยังเป็นบุตรสาวที่ห่วงใยและกตัญญูต่อบิดาผู้ให้กำเนิดมากอีกด้วย ทั้งสองให้กำลังใจกันและกันอีกครู่ใหญ่ จนกระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตูเบา ๆ ก่อนที่นายเดชาจะแทรกตัวเข้ามาหาบุตรสาวภายในห้อง
“ใกล้จะได้เวลาทำพิธีแล้ว พ่อก็เลยเข้ามาดูว่าลูกพร้อมแล้วหรือยัง” ชายสูงวัยยิ้มกว้าง พร้อมกับเดินตรงเข้าไปกางแขนโอบกอดบุตรสาว “ลูกสาวพ่อคืนนี้สวยที่สุดในโลกเลยรู้หรือเปล่า”
ปิ่นแก้วกอดตอบเบา ๆ “ขอบคุณค่ะพ่อ”
“ขอบใจมากนะหนูปิ่น ที่ให้เกียรติมาร่วมงานแต่งในคืนนี้ ถ้าไม่มีหนูมาด้วยยายปิ่นคงจะเหงาแย่” เจ้าบ้านตระกูลวัฒนะเอกดำรงหันไปเอ่ยปากกับม่านนที
“อย่าพูดอย่างนั้นสิคะคุณลุง เพื่อนรักแต่งงานทั้งที ปิ่นจะไม่มาแสดงความยินดีด้วยได้ยังไง”
หลังจากพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง ม่านนทีก็ขอตัวออกไปจากห้อง ปล่อยให้พ่อกับลูกใช้เวลาพูดคุยกันตามประสาครอบครัว นายเดชาเอ่ยปากชมบุตรสาวไม่ขาดปาก ดวงตาเป็นประกายแช่มชื่นด้วยความภาคภูมิใจ นานมากแล้วที่เธอไม่เคยเห็นบิดามีความสุขแบบนี้ ถึงแม้ความสุขนั้นจะต้องแลกมาด้วยหัวใจของเธอก็ตามที
“พ่ออยากเห็นหนูมีความสุขที่สุดเลยลูกรัก”
นายเดชากล่าว พร้อมทั้งยกมือขึ้นลูบศีรษะเธอเบา ๆ
“จำไว้นะลูกปิ่น ไม่ว่าอนาคตจะเป็นยังไง ลูกก็ยังเป็นลูกสาวที่พ่อรักเสมอ เอาล่ะ...อีกเดี๋ยวก็จะได้เวลาเริ่มพิธีแล้ว พวกเราออกไปกันเถอะ”
เป็นครั้งแรกที่ปิ่นแก้ว รู้ซึ้งถึงการฝืนยิ้มทั้ง ๆ ที่ใจร้องไห้นั้นเป็นอย่างไร
“...ค่ะพ่อ”
ม่านนทีนั่งอยู่บนเก้าอี้รอคอยพิธีการอย่างใจจดใจจ่อ ดวงตากลมโตกวาดไปรอบ ๆ บริเวณงานเพื่อหาร่างของใครบางคน หญิงสาวเอี้ยวคอมองไปยังประตูทางเข้าแล้วก็ต้องสะดุ้งเบา ๆ หลังสัมผัสฝ่ามืออบอุ่นที่ทาบทับบนหลังมือ ม่านนทีหันไปสบตาและยิ้มให้กับเตชิตอย่างโล่งใจ
“คิดว่าคุณจะไม่มาแล้วซะอีก”
“งานแต่งของสองคนนั่นทั้งที มีหรือที่ผมจะไม่มาร่วมงาน” เตชิตโน้มใบหน้าลงกระซิบแผ่ว ดวงตาสีน้ำตาลทอประกายอ่อนโยน คืนนี้ชายหนุ่มดูหล่อเหลาเป็นพิเศษภายใต้ชุดทักซิโดสีดำ ติดช่อดอกไม้เล็ก ๆ บนกระเป๋าเสื้อ
“ทุกอย่างโอเคหรือเปล่าคะ” ม่านนทีถามน้ำเสียงเป็นกังวล
“เรียบร้อยดีทุกอย่าง” เขาหันมายิ้มให้เธอ “งานพิธีกำลังจะเริ่มแล้ว เรามาคอยนั่งลุ้นกันดีกว่า ว่าเจ้าราเมศจะทำหน้าตายังไง”
ทั้งสองนั่งตัวตรง ทอดสายตามองไปยังแสงไฟบนเวทีที่สาดส่องไปยังร่างของเจ้าสาวในชุดสีขาวบริสุทธิ์ โดยมีญาติฝ่ายหญิงเดินจูงมือออกมาด้วยท่วงท่าสง่างาม ความงามของปิ่นแก้วตรึงตาตรึงใจแขกเหรื่อในงานที่พร้อมใจกันมาร่วมยินดีในงานแต่ง ท่ามกลางเสียงของพิธีกรที่กำลังทำหน้าที่อยู่บนเวทีประดับตกแต่งด้วยช่อดอกไม้และเค้กงานแต่งสีสันอลังการ
ไม่ช้าพิธีการก็กล่าวเชิญฝ่ายเจ้าบ่าวเพื่อเข้าร่วมพิธีรดน้ำสังข์ แต่หลังจากผ่านไปหลายนาทีทางฝ่ายเจ้าบ่าวก็ยังไม่ปรากฏตัว จนกระทั่งสร้างความหงุดหงิดให้แก่นายเดชาจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่
“ป่านนี้แล้ว ทำไมเจ้าบ่าวทำไมยังไม่มาอีกนะ”
ปิ่นแก้วก้มหน้านิ่งพนมมือวางอยู่บนหมอน ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว สีหน้าแววตาไร้ความสุขของบุตรสาวทำให้ผู้เป็นบิดาอดห่วงไม่ได้
“เป็นอะไรหรือเปล่าลูกปิ่น” ชายสูงวัยโน้มตัวกระซิบถาม
“ปะ เปล่าค่ะ ปิ่นไม่ได้เป็นอะไร” หญิงสาวฝืนยิ้ม ทั้งที่เสียงยังสั่น
นายเดชาชำเลืองหางตามองไปยังแขกเหรื่อที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านหน้าเวที จนกระทั่งสะดุดเข้ากับคู่ชายหนุ่มหญิงสาวที่นั่งจับมือเคียงคู่กันพร้อมกับส่งรอยยิ้มมาให้ เจ้าบ้านตระกูลวัฒนะเอกดำรงก็ค่อยหายใจหายใจโล่งอกขึ้นมาหน่อย ชั่วขณะที่พิธีกรกำลังประกาศเชิญตัวเจ้าบ่าวเป็นครั้งที่สอง ประตูด้านข้างก็เปิดออกพร้อมกับร่างของใครบางคนกำลังถูกผลักเข้ามา เมื่อนายเดชาเหลือบไปเห็นเข้าก็ถึงกับออกปากบ่นเบา ๆ อย่างอดทนรนไม่ไหว
“ชักช้าจริง ๆ ไอ้ลูกเขยคนนี้”
“มีอะไรเหรอคะคุณพ่อ” ปิ่นแก้วได้ยินแว่ว ๆ จึงเงยหน้าขึ้นถามด้วยความสงสัย
“ฟังไม่รู้เรื่องหรือยังไง บอกแล้วไงว่าผมไม่แต่ง”
เสียงตะโกนดังก้องไปกังวานไปทั่วห้อง สร้างความตื่นตกใจให้กับแขกเหรื่อที่มาร่วมงานจนพากันเหลียวมองไปยังต้นเสียงราวกับนัดกันไว้ ที่นั่นเจ้าบ่าวสวมชุดทักซิโดสีขาวถูกผลักดันให้ออกมายืนอยู่ด้านล่างบริเวณขอบเวที ด้วยสีหน้าท่าทางบ่งบอกถึงความไม่เต็มใจขนาดหนัก การปรากฏตัวชนิดคาดไม่ถึงของราเมศกับประโยคที่ดังลั่นที่ออกมาจากปากของชายหนุ่ม ส่งผลให้คุณหญิงวิมลชื่นต้องออกโรงก้าวออกมารักษาหน้าตาเอาไว้สุดชีวิต
“หยุดเสียงดังได้แล้วตาเมศ พิธีสำคัญกำลังจะเริ่มอยู่แล้วนะ มัวทำอะไรอยู่” คุณหญิงจอมบงการถลึงตาเข้าใส่หลานชายตัวดี
ทว่า ราเมศไม่คิดที่จะสนใจชื่อเสียงหน้าตาอะไรอีกแล้ว
“เลิกบงการชีวิตผมซะทีเถอะครับคุณหญิงป้า ยังไง ๆ ผมก็ไม่ยอมแต่งงานกับผู้หญิงที่ผมไม่ได้รักเป็นอันขาด”
“พูดอะไรออกมาน่ะ”
“ผมพูดจริง ผู้หญิงที่ผมจะร่วมชีวิตด้วยมีเพียงคนเดียวเท่านั้น” ชายหนุ่มประกาศเสียงดังฟังชัด “ถ้าไม่ใช่คุณปิ่นแก้ว ผมจะไม่ยอมแต่งงานเด็ดขาด”
ราวกับฟ้าผ่าลงมากลางงานแต่ง ถ้อยคำที่ประกาศออกมาจากปากของราเมศส่งผลให้ทุกคนที่มาร่วมงานตะลึงงันตาค้างไปตามกัน ๆ ความกล้าบ้าบิ่นของอดีตคาสโนว่าหนุ่มหล่อแห่งเมืองไทย ทำให้เตชิตกระตุกยิ้มมุมปาก ในขณะม่านนทีเองก็ต้องยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจไม่แพ้กัน
“...คุณราเมศ” เสียงหวานใสที่ดังขึ้น กระตุกหัวใจของชายหนุ่มให้สั่นไหวโดยแรง…
*******************
อุตส่าห์ดิ้นรนเกือบตาย
สุดท้ายก็หนีกันไม่พ้นจนได้...คู่นี้
เบลินญา

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ธ.ค. 2554, 09:13:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ธ.ค. 2554, 09:13:18 น.
จำนวนการเข้าชม : 3035
<< ตอนที่ 28 เดิมพันหัวใจ |

Gingfara 9 ธ.ค. 2554, 09:59:14 น.
ฮ่าๆๆๆน่ารักมากเลยค่ะ
เอาคืนบ้างที่ใช้คำไม่ดี
แต่เอ...คุณเบลินญาคะ ชื่อของตัวละคร สลับกันหลายจุดนิดนึงนะคะ^^ ตอนก่อนหน้าก็มีค่ะ^^ ช่วยๆกันดูเนอะ
ฮ่าๆๆๆน่ารักมากเลยค่ะ
เอาคืนบ้างที่ใช้คำไม่ดี
แต่เอ...คุณเบลินญาคะ ชื่อของตัวละคร สลับกันหลายจุดนิดนึงนะคะ^^ ตอนก่อนหน้าก็มีค่ะ^^ ช่วยๆกันดูเนอะ


ameerahTaec 9 ธ.ค. 2554, 10:48:33 น.
ลุ้นแทบแย่กลัวราเมศไม่ได้แต่งกะปิ่นแก้ว 555
ลุ้นแทบแย่กลัวราเมศไม่ได้แต่งกะปิ่นแก้ว 555

XaWarZd 9 ธ.ค. 2554, 11:03:56 น.
ฮาอ่ะ ไม่แต่ง ดีไม่ต้องแต่งแล้วนายราเมศ
ฮาอ่ะ ไม่แต่ง ดีไม่ต้องแต่งแล้วนายราเมศ

wind 9 ธ.ค. 2554, 11:48:35 น.
สรุปว่าไม่แต่งช่ายม้ายยยย
สรุปว่าไม่แต่งช่ายม้ายยยย

Zephyr 9 ธ.ค. 2554, 13:31:33 น.
เอาไงล่ะเนี่ย จะแต่งมั้ยตาเมศ เห็นเจ้าสาวแล้ว รีบกระโดดคว้าแน่ๆๆเลย
แต่ ฮือ ไมคุณเบลินญา จบแบบนี้อ่ะ ไม่ยอมๆๆๆๆๆ ค้างอ่ะๆๆๆๆ มาเร็วๆนะคะ นะ นะ นะ พลีส พลีส
เอาไงล่ะเนี่ย จะแต่งมั้ยตาเมศ เห็นเจ้าสาวแล้ว รีบกระโดดคว้าแน่ๆๆเลย
แต่ ฮือ ไมคุณเบลินญา จบแบบนี้อ่ะ ไม่ยอมๆๆๆๆๆ ค้างอ่ะๆๆๆๆ มาเร็วๆนะคะ นะ นะ นะ พลีส พลีส

anOO 9 ธ.ค. 2554, 16:42:16 น.
นายราเมศ อย่าลืมมองเจ้าสาวก่อนตัดสินใจอีกครั้งนะ
ว่าแต่ไอ้ที่พูดไป ปิ่นเค้าได้ยินด้วยไหมนะ
นายราเมศ อย่าลืมมองเจ้าสาวก่อนตัดสินใจอีกครั้งนะ
ว่าแต่ไอ้ที่พูดไป ปิ่นเค้าได้ยินด้วยไหมนะ

pattisa 9 ธ.ค. 2554, 17:15:38 น.
เเจ๊คพอตตตต :D
เเจ๊คพอตตตต :D

หญิงใหญ่ 9 ธ.ค. 2554, 18:12:05 น.
มาต่อเลย ค้างอย่างแรงงงงงง
มาต่อเลย ค้างอย่างแรงงงงงง

sirynth 10 ธ.ค. 2554, 05:23:46 น.
555 Ramade got tricked, love Te, he's definitely evil.
555 Ramade got tricked, love Te, he's definitely evil.

violette 11 ธ.ค. 2554, 01:33:26 น.
ฮ่าๆ คุณเต้ร้ายยยยยมาก แกล้งเพื่อนนินา...แต่จริงๆคือช่วยเนอะ
ฮ่าๆ คุณเต้ร้ายยยยยมาก แกล้งเพื่อนนินา...แต่จริงๆคือช่วยเนอะ

nunoi 14 ธ.ค. 2554, 12:59:05 น.
มาต่อให้ด่วนเลยนะคะ ค้างมากก อ่ะ
มาต่อให้ด่วนเลยนะคะ ค้างมากก อ่ะ
