ดั่งดวงหทัยฟาโรห์
ข้าจะสมรักกับเจ้าตามที่หัวใจปรารถนาในทุกที่ที่ข้าต้องการ
Tags: เสน่หา มนต์ตรา
ตอน: ฟ้าประทาน
**ฉบับตีพิมพ์**
บัดนี้ทัพอันเกรียงไกรของฟาโรห์เซเนบ ได้เคลื่อนลงสู่อียิปต์เหนือ เพื่อขับไล่ขุนนางแข็งข้อคิดแบ่งแยกอียิปต์เป็นสอง
หัวหน้านักบวชและขุนนางผู้คิดการแบ่งแยกอียิปต์เพื่อแต่งตั้งตัวเองเป็นฟาโรห์ ได้ข่าวการเคลื่อนทัพของฟาโรห์เซเนบ
ทั้งสองจึงแต่งทัพออกไปต้านรับกองทัพของฟาโรห์โดยมีแม่ทัพเซมาอูเป็นทัพหน้า ฟาโรห์เป็นทัพหลวง องค์ชายใหญ่เคียงข้างพระบิดา
เลือดแห่งอียิปต์กำลังนองแผ่นดินเพราะการคิดเป็นใหญ่ของผู้มีอำนาจและต้องการอำนาจให้มากยิ่งขึ้น
ความเมตตาในสงครามเลือดย่อมไม่มี เมื่อผู้ที่ถือดาบออกห้ำหั่นหมายชีวิตฝ่ายตรงข้าม ย่อมเป็นศัตรูกัน แม้จะมีเลือดอียิปต์ไหลพล่านในตัวก็ตามที การแบ่งแยกแผ่นดินเป็นการ โง่เขลาของนักการเมือง หรือความโง่เขลาของประชาชน หรือเหล่าทหารกันแน่เล่า
“ฆ่ามัน มันผู้บังอาจคิดแบ่งแยกดินแดน”แม่ทัพเซมาอูประกาศกร้าว แกว่งดาบเข้าฆ่าฟันนายกองอย่างไร้ซึ่งความปรานี
ทัพอียิปต์บนทัพแรกแตกกระจายถอยร่นเข้าเมือง ทัพที่สองออกต้านรับ ในทัพนั้นมีนักบวชมาปะปน บ่งบอกให้รู้ว่าความคิดเป็นใหญ่จนลืมหน้าที่ได้เกิดขึ้นจริงตามคำบอกเล่าของอูเซเรค นักบวชที่ฝึกฝีมือเพื่อรบ ย่อมหมายความว่าหัวหน้าต้องการเป็นฟาโรห์ นักบวชเป็นชนชั้นสูงที่มีสิทธิ์ครองบัลลังก์
“เสียงสวดมนต์ของเจ้าไม่ขลังพอที่จะส่งเสริมให้แบ่งแยกดินแดนแห่งนี้เจ้าคนสิ้นคิด”ฟาโรห์เซเนบดำรัสด้วยความกราดเกรี้ยว มีความพิโรธจัด เพราะพระองค์เป็นคนแต่งตั้งทั้งวีเซียเอตเม็ต มาจากเชื้อพระวงศ์ และแต่งตั้งนักบวช
เซเรทด้วยพระองค์เอง แต่ทั้งสองกลับคิดว่า พวกเขาได้ขนมปังชิ้นใหญ่มากพอที่จะกินทั้งก้อนแล้วจึงได้คิดคดทรยศต่อฟาโรห์ได้ลง
“จับพวกทรยศสับไม่ให้เหลือเค้าความเป็นคน ไม่ให้วิญญาณมันท่องไปในแดนแห่งความตายได้ ไม่ให้มันได้มีมัมมี่ ไม่ให้มีนได้กลับสู่ร่างเดิมของมันได้อีก”
พระบัญชาเด็ดขาดท่ามกลางการสู้รบ ทำให้ทหารส่วนใหญ่เกิดความหวาดกลัวยิ่งนัก ถึงขนาดวางดาบไม่ต่อกรกับทัพใหญ่…พวกเขาหวาดหวั่นต่อการสาปแช่งและกลัวความจริงอย่างลนลานนั่นคือความเชื่อที่จะไม่มีโลกใดโลกหนึ่งได้อยู่อาศัย!!!
แม่ทัพเซมาอูเป็นทัพหน้า บุกเข้าประตูเมืองอียิปต์เหนือ ทหารที่คุ้มครองต่างวางดาบไม่มีการต่อสู้ อีก แม่ทัพเซมาอูสั่งให้ทหารจับตัววีเซ๊ยและนักบวชตัวการมาลงโทษ...สับร่างไม่ให้มีโอกาสฟื้นคืนชีพ ที่หนักสุดแม้แต่โลกแห่งวิญญาณยังไม่สามารถไปอาศัยได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุด
เซเรทหัวหน้านักบวชได้หลบหนีไปจนมุม เขาหันมาทางนักบวชผู้ติดตาม ซึ่งเป็นหลานชายในสายเลือดเขาจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความหวังก่อนเปิดปากบอก
“เพคา เจ้ารีบหนีเอาตัวรอดไปซ่อนตัวให้ดี จากนั้นเจ้าเข้าไปสู่วิหารหลวงให้ได้ เจ้ารู้ไว้ ฐานะของเจ้าคือเจ้าชายองค์หนึ่ง”
“นายท่าน ท่านกลัวจนกล่าวสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ออกมาแล้วหรือ”
“น้องสาวของข้าเป็นนางสนมที่ถูกลืม นางถูกใส่ร้ายจากเมเดตว่ามีชู้ นางต้องโทษประหาร แต่นางได้รับการช่วยเหลือจากลุงของเจ้าส่งมาอยู่ที่นี่ จนเวลานี้ เพคา เจ้ารีบเอาชีวิตให้รอดไปพบกับลุงเจ้าที่วิหารหลวง ลุงเจ้ารู้ดีว่าเจ้าคือหัวหน้าคนต่อไป”
“อะไรนะนายท่าน”
“ลิขิตของเทพเจ้าไม่อาจเปลี่ยนแปลง ข้าทำวันนี้ไม่สำเร็จแต่วันหน้าเจ้าต้องทำให้ได้ เพคา หนีไป”สั่งแล้วนักบวชเซเรท วิ่งไปปรากฏตัวเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของทหารผู้ไล่ล่า
แม้ท่านตายอย่างไร้ร่าง แต่ยังหวังหลานชายวัยสิบแปดปีจะรอดออกไปเพื่อจัดการศพของเขาในภายหน้าให้ถูกพิธี และเหนือสิ่งอื่นใด เขาอยากให้เพคาครองบัลลังก์อียิปต์ให้จงได้
เพคามองภาพสุดท้ายของผู้ที่บอกว่าเป็นลุง เขาโดนทหารจับกุมตัวไปได้ ไม่ทันไรดาบกระหน่ำลงบนร่างของเซเรทจนแทบหาชิ้นเนื้อส่วนดีไม่ได้ เว้นแต่ศีรษะซึ่งต้องไปถวายฟาโรห์ ว่าเซเรทสิ้นชีพลงแล้ว
เสียงสรวลเยาะเย้ยต่อความพ่ายแพ้ของผู้บังอาจที่คิดมาเทียบชั้นฟาโรห์ดังกึกก้องท้องพระโรง ก่อนที่จะมีพระราชกระแสหนักแน่น
“อียิปต์จะไม่มีการแบ่งแยก เมื่อเรารวมแผ่นดินทั้งสองได้แล้วย่อมเป็นเช่นนั้นตลอดกาล ย่อมมั่นคงดังสายน้ำไนล์ที่ไหลชั่วกัปชั่วกัลป์”
ดวงพระเนตรกร้าวแกร่ง ดังคำมั่นที่สัญญากับทหาร และประชาชน อียิปต์จะมีเพียงหนึ่งฟาโรห์สองมงกุฎตลอดกาล!!!
ที่ท้องพระโรงอันกว้างใหญ่ และมีความอลังการ ทาสชายหญิงในวังยืนอยู่เรียงรายรอรับใช้ทันที ที่มีรับสั่ง
เหนือบัลลังก์สิงโตทองคำของฟาโรห์เซเนบ พระองค์ประทับเคียงข้างองค์ราชินีเมเดต
เชื้อพระวงศ์ ขุนนาง และข้าราชบริพารฝ่ายทหารและพลเรือนต่างเข้าเฝ้าโดยพร้อมเพรียงกัน
“ฟาโรห์ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ”
บัดนี้รางวัลสำหรับคนทำความดีความชอบหลังจากปรามกบฏลงได้อย่างง่ายดาย ได้ถูกกำหนดให้ในวันนี้
“นำทองมาเทให้ท่วมตัวแม่ทัพเซมาอูบุตรแห่งเฟเนต แม่ทัพคู่ใจของข้าเดี๋ยวนี้”
เซมาอู เดินเข้าไปคุกเข่าหมอบกับพื้น จากนั้นทาสชายผิดำต่างถือถาดใส่เหรียญทองคำมาเทลงบนร่างของเซมาอู หลายต่อหลายถาดจนท่วมตัวตามรับสั่ง
จากนั้นทาสชายผิวดำจึงได้นำกระสอบมาใส่ทอง เพื่อขนย้ายไปให้ท่านแม่ทัพในภายหลัง
“อูเซเรค เจ้าผู้มีความดีความชอบมากในครั้งนี้ ข้าไม่อาจมอบรางวัลให้เสมอนายเจ้าได้ ข้าให้เจ้าขอข้าจากปากเจ้าเอง”
แม่ทัพเซมาอู ถือโอกาสนั้นเข้าไปกราบทูลตัดหน้าอูเซเรค ซึ่งท่านแม่ทัพรู้ดีว่าเป็นคนมักน้อยใฝ่รู้แต่การเรียน และการศึก ดังนั้นท่านจึงเป็นฝ่ายทูลขอเสียเองว่า
“ขออภัยพะย่ะค่ะฟาโรห์ ข้าพระองค์ขอบังอาจกราบทูลขอรางวัลแทนอูเซเรคผู้มักน้อยคนนี้พะย่ะค่ะ”
“เจ้าจะขอแทนหรือเซมาอู”
“พะย่ะค่ะ ขอแทนเป็นการลับพะย่ะค่ะ”
พระองค์ไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ก่อนพยักพระพักตร์รับด้วยความเกรงใจต่อแม่ทัพคู่ใจและรับราชการมาสองแผ่นดิน
เวลาต่อมา
ที่จวนของแม่ทัพเซมาอู บุตรแห่ง เฟเนตแม่ทัพสองแผ่นดิน
หลังจากได้รับการปูนบำเหน็จ ความดีความชอบแล้ว ทั้งแม่ทัพและอูเซเรคต่างยินดีที่ฟาโรห์เซเนบไว้วางพระทัย มอบหมายให้แม่ทัพเซมาอู จัดการเรื่องรางวัลของอูเซเรค ตามที่แม่ทัพทูลขอ อย่างไม่เห็นว่าแม่ทัพจะทำเกินหน้าไปหรือว่า มอบให้เกินความดีหรือไม่ เพราะพระองค์ไม่เคยกังขาในความดีความชอบของแม่ทัพสองแผ่นดินผู้นี้เลยแม้แต่นิดเดียว
“ข้ายินดีจริงๆอูเซเรค ยินดีที่ฟาโรห์เชื่อในตัวเจ้าเช่นที่ข้าวางใจ”
“ข้าย่อมยินดีมากกว่าใครที่ท่านและฟาโรห์เชื่อในตัวข้า”
“เจ้าจะมีที่พำนักเป็นสัดส่วน และมีข้าทาสที่เจ้าไว้ใจได้ ข้ามอบทาสให้เจ้าสิบคน บัดนี้ชายหญิงทั้งสิบได้ไปอยู่ที่พำนักเจ้าแล้ว”
“นายท่าน หมายความว่า...”
“ไปสิอูเซเรค ข้าจะพาเจ้าไปดูบ้านที่ฟาโรห์พระราชทานให้โดยไม่ต้องสร้างขึ้นใหม่ให้เสียเวลา”
อูเซเรคเดินตามแม่ทัพเซมาอูไปยังสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของแม่ทัพเซมาอู บ้านหลังใหญ่ มีความโอ่โถง และเป็นที่ทราบว่าเป็นบ้านของขุนนางที่ย้ายไปอยู่อียิปต์เหนือ และบัดนี้ไร้ชีวิตไปแล้ว เขาโดนยึดทรัพย์สินทั้งหมด และตกมาถึงมือของอูเซเรค ตามความดีความชอบที่แม่ทัพเซมาอูทูลขอเป็นกรณีพิเศษ
อูเซเรคได้รับความเคารพจากทาสผิวดำ ชาย-หญิง ซึ่งมีหน้าที่จัดทำที่พักให้เรียบร้อย
ท่านแม่ทัพแสดงความยินดีจากใจจริง อูเซเรคมองถุงทองคำที่ได้รับพระราชทานมาถึงห้าสิบถุง เขาเก็บไว้ในที่พักแห่งใหม่ จากนั้นเขาไตร่ตรองถึงทาสรับใช้ ชายหนุ่ม จึงได้รู้สึกว่าเขาควรจะมีไว้บ้างแล้ว ดังนั้นเขาจึงไปยังตลาดค้าทาส
ความคึกคัก ของการค้าขายไม่เพียงแต่สิ่งของยังเป็นที่นัดค้าสัตว์ และค้าคน คนต่างชาติที่ถูกล่อลวง หรือถูกจับมาเป็นทาสและนำมาขายโดยพ่อค้า
การประมูลทาสชายเป็นไปอย่างไม่เร่งรีบ พวกเศรษฐี หรือแม้แต่แม่ม่ายชาวอียิปต์ต่างมาประมูลทาสแข่งกัน สมดังคำที่ว่า อียิปต์คือชนชาติเดียวที่ให้ศักดิ์ และสิทธิ์ความเสมอภาคของสตรีและบุรุษโดยทัดเทียมกัน
อูเซเรคจ้องมองสตรีร่างผอมสูงโปร่งผิวขาว ผมสีน้ำตาลอ่อนดวงตาของนางสวยเหมือนลูกแก้วสีเขียว นางทอดสายตาลงมาสานสบโดยบังเอิญ หัวใจของอูเซเรคถึงกับเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเชื่อว่า แม้การออกศึกที่มีความเสี่ยงสูง ใจของเขาคงไม่เต้นแรงเท่านี้เป็นแน่…ถ้าเขาไม่รีบซื้อนางมาเสียก่อน นางจะต้องถูกซื้อไปเป็นนางในฮาเร็มของใครสักคนเป็นแน่ คิดเร็วดังใจหวังอูเซเรค ซื้อนางนั้นมาไว้ในครอบครองทันที
แต่สตรีนางนั้นกลับดื้อดึงไม่ยินยอม นางจึงโดนพ่อค้าเฆี่ยน แต่อูเซเรค ตวัดมือจับปลายแส้ได้ทันก่อนที่จะถึงผิวกายบอบบางของนางเสียก่อน
“อย่าได้ลงโทษในความไม่ผิดของนาง นางมีสิทธิ์ขัดขืนได้”
“ทาสไม่มีสิทธิ์ขัดขืน”
“แต่นางไม่ใช่ทาสของข้า”
“50ยูเรน่า คือค่าตัวของนางนายท่าน”
อูเซเรค ทำท่าจะส่งถุงเงินให้ แต่นางกลับเอ่ยว่า
“ข้าจะไม่ไปกับใครทั้งสิ้น เว้นแต่เขาคนนั้นจะนำพาน้องสาวของข้าไปด้วย”กล่าวพลางนางโอบไหล่น้องสาวของนางเข้ามาแนบชิด เด็กหญิงรุ่นสาวซุกอกของพี่ ราวกับเป็นที่พึ่งเดียวที่นางเหลืออยู่
“หากต้องการเพียงแค่ตัวข้า ก็จงเฆี่ยนตีข้าเสียให้ตาย”
อูเซเรคไม่ลังเลที่จะตอบรับข้อเสนอของนาง ดังนั้นสองพี่น้องจึงได้เป็นสิทธิ์ของอูเซเรค สตรีสองนางที่อูเซเรคได้ซื้อมาไว้ ในฐานะ น้องสาว และอีกคน เขาประสงค์ได้นางมาเป็นคู่เคียงใจ
มาเรียไม่เข้าใจชายที่ซื้อตัวนางมาในบ้าน หากอูเซเรค กล่าวเสียงดังสั่งนางทาสว่า
“เจ้าจงพานายหญิงมาเรียไปชำระกายและนำเครื่องนุ่งห่มที่เหมาะแก่ฐานะเมียข้าให้แก่นาง”
“นายท่าน หมายความว่าเช่นไรกัน”
“เจ้ามีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธความพอใจของข้า หากเจ้าไม่พอใจ”
“เอ่อ...”
“แต่ถ้าเจ้าพอใจในสิ่งที่ข้าต้องการจากใจจริง เจ้าจงรับมันไว้มาเรีย ส่วนน้องสาวของเจ้าข้าจะรับเป็นน้องบุญธรรมของข้า เพื่อว่านางจะมีสิทธ์เลือกสามีของนางเองในวันข้างหน้า”
“โอ้นายท่าน” มาเรียทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้น ซาบซึ้งใจต่อความโชคดีที่เข้ามาหลังจากความโชคร้ายมาเยือนก่อนหน้านี้ “ข้ามากับท่านพ่อของข้าในเรือค้าขาย แต่ถูกโจรสลัดบุกปล้น พ่อข้าถูกฆ่าตาย ข้าและน้องสาวถูกนำมาขายเป็นทาส ข้าไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้เกิดอีกครั้งนายท่าน โรปดนำชีวิตของข้าไว้ในมือท่านนับจากนี้เถิดนายท่าน”
อูเซเรคเคลิบเคลิ้มกับคำรำพรรณของมาเรีย ซึ่งบอกให้รู้ว่านางเป็นคนมีการศึกษาและไม่ดุร้ายอย่างที่แสดงในลานค้าทาส
มาเรียคือนางที่อูเซเรคพึงพอใจ ส่วนน้องสาวของนาง อูเซเรครับเป็นน้องบุญธรรมเปลี่ยนชื่อนางเป็นเบเนท นามของชาวอียิปต์นั่นเอง ความเอื้อเฟื้อ และเป็นคนเอื้ออารี ทำให้อูเซเรคได้เมียที่ แสนดี น้องสาวที่ซื่อสัตย์ และทาสที่จงรักภักดี
การครองรักของอูเซเรคเต็มไปด้วยความอบอุ่น และวางใจในกันและกัน อูเซเรคมีรักให้กับมาเรียเพียงหนึ่งเดียว มาเรียมีความรักและซื่อสัตย์มอบให้ แต่นิสัยสตรี ย่อมไม่ชอบการปิดบัง นางจึงสงสัยทุกครั้ง เมื่อจันทร์เต็มดวง สามีของนางจะอยู่ในห้องลับ ซึ่งห้องนี้ ไม่มีใครสามารถเข้าไปได้ แม้จะมีบานประตูเปิด หรือคล้องห่วงกุญแจไว้ แต่ลูกกุญแจใช้ไม่ได้ผล ราวกับว่าห้องนี้มีเพื่ออูเซเรคได้ใช้เพียงคนเดียว
คืนนี้เป็นคืนเดือนหงายเต็มดวง มาเรียย่อมเห็นความผิดปกติของสามี เพราะทุกเวลาจันทร์เต็มดวงเช่นนี้ สามีของนางจะอยู่แต่ในห้องหนึ่งซึ่งนางไม่เคยได้เข้าไปเพราะอูเซเรคเคยกล่าวเป็นคำขาดไม่ให้นางยุ่งเกี่ยว แต่บัดนี้นางซึ่งเป็นสตรีธรรมดาคนหนึ่งย่อมทนสงสัยอยู่ไม่ได้ นางจึงเฝ้าหน้าห้องถึงค่อนคืน เดือนลับฟ้าไปแล้วอูเซเรคจึงออกจากห้อง เขาไม่ค่อยพอใจนักเมื่อเห็นเมียรักมานอนหลับบนเก้าอี้หน้าห้อง
“มาเรีย มาเรีย “อูเซเรคเรียกหาภรรยา นางสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะตื่นเต็มตา
“ท่านพี่”
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่”
“เอ่อจะว่าข้าสอดรู้ก็ได้ ข้ามีความสงสัยยิ่งนักว่าท่านเข้าไปในห้องนี้ทำอะไรทุกเดือนหงายเต็มดวง”
อูเซเรคถอนใจยาว ก่อนประคองนางเดินกลับห้องนอน แล้วจึงได้บอกว่า
“หากเจ้าปิดเรื่องนี้เป็นความลับได้ข้าจึงจะบอก”
“ข้ารับปาก”
“สัญญานี้ต้องรักษาด้วยชีวิตของเจ้า”
“เอ่อ”มาเรียลังเลใจ แต่ในที่สุดนางได้ตัดสินใจยอมเสี่ยงเพื่อดับกระหายความอยากรู้อยากเห็น “ค่ะท่านพี่”
“ข้าเรียนมนต์จากคัมภีร์เทพเจ้า”
อ้า....มาเรียนิ่งงันไปอย่างถนัดใจรู้เหมือนไม่รู้ พูดไปใครจะเชื่อ แต่สามีของนางนั้นไม่ใช่คนโกหก และเมื่อเขาสั่งให้เป็นความลับ ย่อมเป็นความลับตลอดกาล!!
บัดนี้ทัพอันเกรียงไกรของฟาโรห์เซเนบ ได้เคลื่อนลงสู่อียิปต์เหนือ เพื่อขับไล่ขุนนางแข็งข้อคิดแบ่งแยกอียิปต์เป็นสอง
หัวหน้านักบวชและขุนนางผู้คิดการแบ่งแยกอียิปต์เพื่อแต่งตั้งตัวเองเป็นฟาโรห์ ได้ข่าวการเคลื่อนทัพของฟาโรห์เซเนบ
ทั้งสองจึงแต่งทัพออกไปต้านรับกองทัพของฟาโรห์โดยมีแม่ทัพเซมาอูเป็นทัพหน้า ฟาโรห์เป็นทัพหลวง องค์ชายใหญ่เคียงข้างพระบิดา
เลือดแห่งอียิปต์กำลังนองแผ่นดินเพราะการคิดเป็นใหญ่ของผู้มีอำนาจและต้องการอำนาจให้มากยิ่งขึ้น
ความเมตตาในสงครามเลือดย่อมไม่มี เมื่อผู้ที่ถือดาบออกห้ำหั่นหมายชีวิตฝ่ายตรงข้าม ย่อมเป็นศัตรูกัน แม้จะมีเลือดอียิปต์ไหลพล่านในตัวก็ตามที การแบ่งแยกแผ่นดินเป็นการ โง่เขลาของนักการเมือง หรือความโง่เขลาของประชาชน หรือเหล่าทหารกันแน่เล่า
“ฆ่ามัน มันผู้บังอาจคิดแบ่งแยกดินแดน”แม่ทัพเซมาอูประกาศกร้าว แกว่งดาบเข้าฆ่าฟันนายกองอย่างไร้ซึ่งความปรานี
ทัพอียิปต์บนทัพแรกแตกกระจายถอยร่นเข้าเมือง ทัพที่สองออกต้านรับ ในทัพนั้นมีนักบวชมาปะปน บ่งบอกให้รู้ว่าความคิดเป็นใหญ่จนลืมหน้าที่ได้เกิดขึ้นจริงตามคำบอกเล่าของอูเซเรค นักบวชที่ฝึกฝีมือเพื่อรบ ย่อมหมายความว่าหัวหน้าต้องการเป็นฟาโรห์ นักบวชเป็นชนชั้นสูงที่มีสิทธิ์ครองบัลลังก์
“เสียงสวดมนต์ของเจ้าไม่ขลังพอที่จะส่งเสริมให้แบ่งแยกดินแดนแห่งนี้เจ้าคนสิ้นคิด”ฟาโรห์เซเนบดำรัสด้วยความกราดเกรี้ยว มีความพิโรธจัด เพราะพระองค์เป็นคนแต่งตั้งทั้งวีเซียเอตเม็ต มาจากเชื้อพระวงศ์ และแต่งตั้งนักบวช
เซเรทด้วยพระองค์เอง แต่ทั้งสองกลับคิดว่า พวกเขาได้ขนมปังชิ้นใหญ่มากพอที่จะกินทั้งก้อนแล้วจึงได้คิดคดทรยศต่อฟาโรห์ได้ลง
“จับพวกทรยศสับไม่ให้เหลือเค้าความเป็นคน ไม่ให้วิญญาณมันท่องไปในแดนแห่งความตายได้ ไม่ให้มันได้มีมัมมี่ ไม่ให้มีนได้กลับสู่ร่างเดิมของมันได้อีก”
พระบัญชาเด็ดขาดท่ามกลางการสู้รบ ทำให้ทหารส่วนใหญ่เกิดความหวาดกลัวยิ่งนัก ถึงขนาดวางดาบไม่ต่อกรกับทัพใหญ่…พวกเขาหวาดหวั่นต่อการสาปแช่งและกลัวความจริงอย่างลนลานนั่นคือความเชื่อที่จะไม่มีโลกใดโลกหนึ่งได้อยู่อาศัย!!!
แม่ทัพเซมาอูเป็นทัพหน้า บุกเข้าประตูเมืองอียิปต์เหนือ ทหารที่คุ้มครองต่างวางดาบไม่มีการต่อสู้ อีก แม่ทัพเซมาอูสั่งให้ทหารจับตัววีเซ๊ยและนักบวชตัวการมาลงโทษ...สับร่างไม่ให้มีโอกาสฟื้นคืนชีพ ที่หนักสุดแม้แต่โลกแห่งวิญญาณยังไม่สามารถไปอาศัยได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุด
เซเรทหัวหน้านักบวชได้หลบหนีไปจนมุม เขาหันมาทางนักบวชผู้ติดตาม ซึ่งเป็นหลานชายในสายเลือดเขาจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความหวังก่อนเปิดปากบอก
“เพคา เจ้ารีบหนีเอาตัวรอดไปซ่อนตัวให้ดี จากนั้นเจ้าเข้าไปสู่วิหารหลวงให้ได้ เจ้ารู้ไว้ ฐานะของเจ้าคือเจ้าชายองค์หนึ่ง”
“นายท่าน ท่านกลัวจนกล่าวสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ออกมาแล้วหรือ”
“น้องสาวของข้าเป็นนางสนมที่ถูกลืม นางถูกใส่ร้ายจากเมเดตว่ามีชู้ นางต้องโทษประหาร แต่นางได้รับการช่วยเหลือจากลุงของเจ้าส่งมาอยู่ที่นี่ จนเวลานี้ เพคา เจ้ารีบเอาชีวิตให้รอดไปพบกับลุงเจ้าที่วิหารหลวง ลุงเจ้ารู้ดีว่าเจ้าคือหัวหน้าคนต่อไป”
“อะไรนะนายท่าน”
“ลิขิตของเทพเจ้าไม่อาจเปลี่ยนแปลง ข้าทำวันนี้ไม่สำเร็จแต่วันหน้าเจ้าต้องทำให้ได้ เพคา หนีไป”สั่งแล้วนักบวชเซเรท วิ่งไปปรากฏตัวเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของทหารผู้ไล่ล่า
แม้ท่านตายอย่างไร้ร่าง แต่ยังหวังหลานชายวัยสิบแปดปีจะรอดออกไปเพื่อจัดการศพของเขาในภายหน้าให้ถูกพิธี และเหนือสิ่งอื่นใด เขาอยากให้เพคาครองบัลลังก์อียิปต์ให้จงได้
เพคามองภาพสุดท้ายของผู้ที่บอกว่าเป็นลุง เขาโดนทหารจับกุมตัวไปได้ ไม่ทันไรดาบกระหน่ำลงบนร่างของเซเรทจนแทบหาชิ้นเนื้อส่วนดีไม่ได้ เว้นแต่ศีรษะซึ่งต้องไปถวายฟาโรห์ ว่าเซเรทสิ้นชีพลงแล้ว
เสียงสรวลเยาะเย้ยต่อความพ่ายแพ้ของผู้บังอาจที่คิดมาเทียบชั้นฟาโรห์ดังกึกก้องท้องพระโรง ก่อนที่จะมีพระราชกระแสหนักแน่น
“อียิปต์จะไม่มีการแบ่งแยก เมื่อเรารวมแผ่นดินทั้งสองได้แล้วย่อมเป็นเช่นนั้นตลอดกาล ย่อมมั่นคงดังสายน้ำไนล์ที่ไหลชั่วกัปชั่วกัลป์”
ดวงพระเนตรกร้าวแกร่ง ดังคำมั่นที่สัญญากับทหาร และประชาชน อียิปต์จะมีเพียงหนึ่งฟาโรห์สองมงกุฎตลอดกาล!!!
ที่ท้องพระโรงอันกว้างใหญ่ และมีความอลังการ ทาสชายหญิงในวังยืนอยู่เรียงรายรอรับใช้ทันที ที่มีรับสั่ง
เหนือบัลลังก์สิงโตทองคำของฟาโรห์เซเนบ พระองค์ประทับเคียงข้างองค์ราชินีเมเดต
เชื้อพระวงศ์ ขุนนาง และข้าราชบริพารฝ่ายทหารและพลเรือนต่างเข้าเฝ้าโดยพร้อมเพรียงกัน
“ฟาโรห์ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ”
บัดนี้รางวัลสำหรับคนทำความดีความชอบหลังจากปรามกบฏลงได้อย่างง่ายดาย ได้ถูกกำหนดให้ในวันนี้
“นำทองมาเทให้ท่วมตัวแม่ทัพเซมาอูบุตรแห่งเฟเนต แม่ทัพคู่ใจของข้าเดี๋ยวนี้”
เซมาอู เดินเข้าไปคุกเข่าหมอบกับพื้น จากนั้นทาสชายผิดำต่างถือถาดใส่เหรียญทองคำมาเทลงบนร่างของเซมาอู หลายต่อหลายถาดจนท่วมตัวตามรับสั่ง
จากนั้นทาสชายผิวดำจึงได้นำกระสอบมาใส่ทอง เพื่อขนย้ายไปให้ท่านแม่ทัพในภายหลัง
“อูเซเรค เจ้าผู้มีความดีความชอบมากในครั้งนี้ ข้าไม่อาจมอบรางวัลให้เสมอนายเจ้าได้ ข้าให้เจ้าขอข้าจากปากเจ้าเอง”
แม่ทัพเซมาอู ถือโอกาสนั้นเข้าไปกราบทูลตัดหน้าอูเซเรค ซึ่งท่านแม่ทัพรู้ดีว่าเป็นคนมักน้อยใฝ่รู้แต่การเรียน และการศึก ดังนั้นท่านจึงเป็นฝ่ายทูลขอเสียเองว่า
“ขออภัยพะย่ะค่ะฟาโรห์ ข้าพระองค์ขอบังอาจกราบทูลขอรางวัลแทนอูเซเรคผู้มักน้อยคนนี้พะย่ะค่ะ”
“เจ้าจะขอแทนหรือเซมาอู”
“พะย่ะค่ะ ขอแทนเป็นการลับพะย่ะค่ะ”
พระองค์ไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ก่อนพยักพระพักตร์รับด้วยความเกรงใจต่อแม่ทัพคู่ใจและรับราชการมาสองแผ่นดิน
เวลาต่อมา
ที่จวนของแม่ทัพเซมาอู บุตรแห่ง เฟเนตแม่ทัพสองแผ่นดิน
หลังจากได้รับการปูนบำเหน็จ ความดีความชอบแล้ว ทั้งแม่ทัพและอูเซเรคต่างยินดีที่ฟาโรห์เซเนบไว้วางพระทัย มอบหมายให้แม่ทัพเซมาอู จัดการเรื่องรางวัลของอูเซเรค ตามที่แม่ทัพทูลขอ อย่างไม่เห็นว่าแม่ทัพจะทำเกินหน้าไปหรือว่า มอบให้เกินความดีหรือไม่ เพราะพระองค์ไม่เคยกังขาในความดีความชอบของแม่ทัพสองแผ่นดินผู้นี้เลยแม้แต่นิดเดียว
“ข้ายินดีจริงๆอูเซเรค ยินดีที่ฟาโรห์เชื่อในตัวเจ้าเช่นที่ข้าวางใจ”
“ข้าย่อมยินดีมากกว่าใครที่ท่านและฟาโรห์เชื่อในตัวข้า”
“เจ้าจะมีที่พำนักเป็นสัดส่วน และมีข้าทาสที่เจ้าไว้ใจได้ ข้ามอบทาสให้เจ้าสิบคน บัดนี้ชายหญิงทั้งสิบได้ไปอยู่ที่พำนักเจ้าแล้ว”
“นายท่าน หมายความว่า...”
“ไปสิอูเซเรค ข้าจะพาเจ้าไปดูบ้านที่ฟาโรห์พระราชทานให้โดยไม่ต้องสร้างขึ้นใหม่ให้เสียเวลา”
อูเซเรคเดินตามแม่ทัพเซมาอูไปยังสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของแม่ทัพเซมาอู บ้านหลังใหญ่ มีความโอ่โถง และเป็นที่ทราบว่าเป็นบ้านของขุนนางที่ย้ายไปอยู่อียิปต์เหนือ และบัดนี้ไร้ชีวิตไปแล้ว เขาโดนยึดทรัพย์สินทั้งหมด และตกมาถึงมือของอูเซเรค ตามความดีความชอบที่แม่ทัพเซมาอูทูลขอเป็นกรณีพิเศษ
อูเซเรคได้รับความเคารพจากทาสผิวดำ ชาย-หญิง ซึ่งมีหน้าที่จัดทำที่พักให้เรียบร้อย
ท่านแม่ทัพแสดงความยินดีจากใจจริง อูเซเรคมองถุงทองคำที่ได้รับพระราชทานมาถึงห้าสิบถุง เขาเก็บไว้ในที่พักแห่งใหม่ จากนั้นเขาไตร่ตรองถึงทาสรับใช้ ชายหนุ่ม จึงได้รู้สึกว่าเขาควรจะมีไว้บ้างแล้ว ดังนั้นเขาจึงไปยังตลาดค้าทาส
ความคึกคัก ของการค้าขายไม่เพียงแต่สิ่งของยังเป็นที่นัดค้าสัตว์ และค้าคน คนต่างชาติที่ถูกล่อลวง หรือถูกจับมาเป็นทาสและนำมาขายโดยพ่อค้า
การประมูลทาสชายเป็นไปอย่างไม่เร่งรีบ พวกเศรษฐี หรือแม้แต่แม่ม่ายชาวอียิปต์ต่างมาประมูลทาสแข่งกัน สมดังคำที่ว่า อียิปต์คือชนชาติเดียวที่ให้ศักดิ์ และสิทธิ์ความเสมอภาคของสตรีและบุรุษโดยทัดเทียมกัน
อูเซเรคจ้องมองสตรีร่างผอมสูงโปร่งผิวขาว ผมสีน้ำตาลอ่อนดวงตาของนางสวยเหมือนลูกแก้วสีเขียว นางทอดสายตาลงมาสานสบโดยบังเอิญ หัวใจของอูเซเรคถึงกับเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเชื่อว่า แม้การออกศึกที่มีความเสี่ยงสูง ใจของเขาคงไม่เต้นแรงเท่านี้เป็นแน่…ถ้าเขาไม่รีบซื้อนางมาเสียก่อน นางจะต้องถูกซื้อไปเป็นนางในฮาเร็มของใครสักคนเป็นแน่ คิดเร็วดังใจหวังอูเซเรค ซื้อนางนั้นมาไว้ในครอบครองทันที
แต่สตรีนางนั้นกลับดื้อดึงไม่ยินยอม นางจึงโดนพ่อค้าเฆี่ยน แต่อูเซเรค ตวัดมือจับปลายแส้ได้ทันก่อนที่จะถึงผิวกายบอบบางของนางเสียก่อน
“อย่าได้ลงโทษในความไม่ผิดของนาง นางมีสิทธิ์ขัดขืนได้”
“ทาสไม่มีสิทธิ์ขัดขืน”
“แต่นางไม่ใช่ทาสของข้า”
“50ยูเรน่า คือค่าตัวของนางนายท่าน”
อูเซเรค ทำท่าจะส่งถุงเงินให้ แต่นางกลับเอ่ยว่า
“ข้าจะไม่ไปกับใครทั้งสิ้น เว้นแต่เขาคนนั้นจะนำพาน้องสาวของข้าไปด้วย”กล่าวพลางนางโอบไหล่น้องสาวของนางเข้ามาแนบชิด เด็กหญิงรุ่นสาวซุกอกของพี่ ราวกับเป็นที่พึ่งเดียวที่นางเหลืออยู่
“หากต้องการเพียงแค่ตัวข้า ก็จงเฆี่ยนตีข้าเสียให้ตาย”
อูเซเรคไม่ลังเลที่จะตอบรับข้อเสนอของนาง ดังนั้นสองพี่น้องจึงได้เป็นสิทธิ์ของอูเซเรค สตรีสองนางที่อูเซเรคได้ซื้อมาไว้ ในฐานะ น้องสาว และอีกคน เขาประสงค์ได้นางมาเป็นคู่เคียงใจ
มาเรียไม่เข้าใจชายที่ซื้อตัวนางมาในบ้าน หากอูเซเรค กล่าวเสียงดังสั่งนางทาสว่า
“เจ้าจงพานายหญิงมาเรียไปชำระกายและนำเครื่องนุ่งห่มที่เหมาะแก่ฐานะเมียข้าให้แก่นาง”
“นายท่าน หมายความว่าเช่นไรกัน”
“เจ้ามีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธความพอใจของข้า หากเจ้าไม่พอใจ”
“เอ่อ...”
“แต่ถ้าเจ้าพอใจในสิ่งที่ข้าต้องการจากใจจริง เจ้าจงรับมันไว้มาเรีย ส่วนน้องสาวของเจ้าข้าจะรับเป็นน้องบุญธรรมของข้า เพื่อว่านางจะมีสิทธ์เลือกสามีของนางเองในวันข้างหน้า”
“โอ้นายท่าน” มาเรียทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้น ซาบซึ้งใจต่อความโชคดีที่เข้ามาหลังจากความโชคร้ายมาเยือนก่อนหน้านี้ “ข้ามากับท่านพ่อของข้าในเรือค้าขาย แต่ถูกโจรสลัดบุกปล้น พ่อข้าถูกฆ่าตาย ข้าและน้องสาวถูกนำมาขายเป็นทาส ข้าไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้เกิดอีกครั้งนายท่าน โรปดนำชีวิตของข้าไว้ในมือท่านนับจากนี้เถิดนายท่าน”
อูเซเรคเคลิบเคลิ้มกับคำรำพรรณของมาเรีย ซึ่งบอกให้รู้ว่านางเป็นคนมีการศึกษาและไม่ดุร้ายอย่างที่แสดงในลานค้าทาส
มาเรียคือนางที่อูเซเรคพึงพอใจ ส่วนน้องสาวของนาง อูเซเรครับเป็นน้องบุญธรรมเปลี่ยนชื่อนางเป็นเบเนท นามของชาวอียิปต์นั่นเอง ความเอื้อเฟื้อ และเป็นคนเอื้ออารี ทำให้อูเซเรคได้เมียที่ แสนดี น้องสาวที่ซื่อสัตย์ และทาสที่จงรักภักดี
การครองรักของอูเซเรคเต็มไปด้วยความอบอุ่น และวางใจในกันและกัน อูเซเรคมีรักให้กับมาเรียเพียงหนึ่งเดียว มาเรียมีความรักและซื่อสัตย์มอบให้ แต่นิสัยสตรี ย่อมไม่ชอบการปิดบัง นางจึงสงสัยทุกครั้ง เมื่อจันทร์เต็มดวง สามีของนางจะอยู่ในห้องลับ ซึ่งห้องนี้ ไม่มีใครสามารถเข้าไปได้ แม้จะมีบานประตูเปิด หรือคล้องห่วงกุญแจไว้ แต่ลูกกุญแจใช้ไม่ได้ผล ราวกับว่าห้องนี้มีเพื่ออูเซเรคได้ใช้เพียงคนเดียว
คืนนี้เป็นคืนเดือนหงายเต็มดวง มาเรียย่อมเห็นความผิดปกติของสามี เพราะทุกเวลาจันทร์เต็มดวงเช่นนี้ สามีของนางจะอยู่แต่ในห้องหนึ่งซึ่งนางไม่เคยได้เข้าไปเพราะอูเซเรคเคยกล่าวเป็นคำขาดไม่ให้นางยุ่งเกี่ยว แต่บัดนี้นางซึ่งเป็นสตรีธรรมดาคนหนึ่งย่อมทนสงสัยอยู่ไม่ได้ นางจึงเฝ้าหน้าห้องถึงค่อนคืน เดือนลับฟ้าไปแล้วอูเซเรคจึงออกจากห้อง เขาไม่ค่อยพอใจนักเมื่อเห็นเมียรักมานอนหลับบนเก้าอี้หน้าห้อง
“มาเรีย มาเรีย “อูเซเรคเรียกหาภรรยา นางสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะตื่นเต็มตา
“ท่านพี่”
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่”
“เอ่อจะว่าข้าสอดรู้ก็ได้ ข้ามีความสงสัยยิ่งนักว่าท่านเข้าไปในห้องนี้ทำอะไรทุกเดือนหงายเต็มดวง”
อูเซเรคถอนใจยาว ก่อนประคองนางเดินกลับห้องนอน แล้วจึงได้บอกว่า
“หากเจ้าปิดเรื่องนี้เป็นความลับได้ข้าจึงจะบอก”
“ข้ารับปาก”
“สัญญานี้ต้องรักษาด้วยชีวิตของเจ้า”
“เอ่อ”มาเรียลังเลใจ แต่ในที่สุดนางได้ตัดสินใจยอมเสี่ยงเพื่อดับกระหายความอยากรู้อยากเห็น “ค่ะท่านพี่”
“ข้าเรียนมนต์จากคัมภีร์เทพเจ้า”
อ้า....มาเรียนิ่งงันไปอย่างถนัดใจรู้เหมือนไม่รู้ พูดไปใครจะเชื่อ แต่สามีของนางนั้นไม่ใช่คนโกหก และเมื่อเขาสั่งให้เป็นความลับ ย่อมเป็นความลับตลอดกาล!!
นางแก้ว เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ธ.ค. 2554, 09:15:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ธ.ค. 2554, 09:15:22 น.
จำนวนการเข้าชม : 1795
| << ตอนที่1 ฟาโรห์ ผู้รวมแผ่นดิน | มนตรา >> |
Zephyr 15 ธ.ค. 2554, 13:10:35 น.
เนเทรคาฟ กับเมริอังค์ ยังไม่มาเกิดเลยอ่ะ หรือจะเปลี่ยนแนวอีกคะ รอลุ้นต่อกะเวอร์ชั่นรีไรท์นะคะ คิดว่าน่าสนุกกว่าเก่าอีกค่ะ มีปูพื้นมาก่อน อ่ารเข้าใจมากขึ้น ^^
เนเทรคาฟ กับเมริอังค์ ยังไม่มาเกิดเลยอ่ะ หรือจะเปลี่ยนแนวอีกคะ รอลุ้นต่อกะเวอร์ชั่นรีไรท์นะคะ คิดว่าน่าสนุกกว่าเก่าอีกค่ะ มีปูพื้นมาก่อน อ่ารเข้าใจมากขึ้น ^^
แพม 16 ธ.ค. 2554, 10:09:51 น.
เปลี่ยนพล๊อตแล้วเปลี่ยนพระ-นางด้วยหรือเปล่า
เปลี่ยนพล๊อตแล้วเปลี่ยนพระ-นางด้วยหรือเปล่า