มนตรามุกจันทรา {ชุดมนตราอัญมณี}สนพ.อรุณ
พลอยตาเสือ มูนสโตน และอความารีน
มรดกที่ย่ามอบให้ทั้งสามสาวจะนำพาลางร้าย ความรัก หรือการผจญภัยมาสู่พวกเธอ
ชีวิตของมุกดาแปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เมื่อเธอได้รับมรดกชิ้นสุดท้ายจากผู้เป็นย่า เป็นแหวนมูนสโตน...อัญมณีแห่งดวงจันทร์ซึ่งนำพาวิญญาณของเด็กหญิงดวงหนึ่งมา
หญิงสาวจะทำเช่นไร กับการต้องอยู่ร่วมกับวิญญาณดวงน้อย ในเมื่อเธอนั้นแสนจะกลัวผี!
ชีวิตของวาริทมีเพียงภาระและความเศร้าเป็นเพื่อนมานานแรมปี การได้พบกับเธอ...มุกดา หญิงสาวผู้เปลี่ยนโลกทั้งใบของเขาให้พลันสดใสขึ้น ทว่า เขาจะจัดการอย่างไรกับหญิงสาวในดวงใจดี เมื่อเธอนั้นแสนดี ช่วยเหลือคนไปทั่ว ทั้งสัตว์ คน ... รวมไปถึงกระทั่ง...เอ่อ...ผี! โดยไม่คิดสงสารหัวใจคนเป็นอย่างเขาบ้างเลย (ให้ตายเถอะ)
...มนุษย์ทุกคนย่อมมีเหตุผลแห่งการมีตัวตน
เธอ อาจคือหนึ่งเหตุผลของตัวตนในวันนี้...
มรดกที่ย่ามอบให้ทั้งสามสาวจะนำพาลางร้าย ความรัก หรือการผจญภัยมาสู่พวกเธอ
ชีวิตของมุกดาแปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เมื่อเธอได้รับมรดกชิ้นสุดท้ายจากผู้เป็นย่า เป็นแหวนมูนสโตน...อัญมณีแห่งดวงจันทร์ซึ่งนำพาวิญญาณของเด็กหญิงดวงหนึ่งมา
หญิงสาวจะทำเช่นไร กับการต้องอยู่ร่วมกับวิญญาณดวงน้อย ในเมื่อเธอนั้นแสนจะกลัวผี!
ชีวิตของวาริทมีเพียงภาระและความเศร้าเป็นเพื่อนมานานแรมปี การได้พบกับเธอ...มุกดา หญิงสาวผู้เปลี่ยนโลกทั้งใบของเขาให้พลันสดใสขึ้น ทว่า เขาจะจัดการอย่างไรกับหญิงสาวในดวงใจดี เมื่อเธอนั้นแสนดี ช่วยเหลือคนไปทั่ว ทั้งสัตว์ คน ... รวมไปถึงกระทั่ง...เอ่อ...ผี! โดยไม่คิดสงสารหัวใจคนเป็นอย่างเขาบ้างเลย (ให้ตายเถอะ)
...มนุษย์ทุกคนย่อมมีเหตุผลแห่งการมีตัวตน
เธอ อาจคือหนึ่งเหตุผลของตัวตนในวันนี้...
Tags: เหนือธรรมชาติ ชุดอัญมณี มาริณ มุกดา วาริท มัชฌิตา อมินตา มายาไฟในดวงตา ม่านธาราเร้นดาว
ตอน: บทนำ - เธอคือใคร...ใครคือเธอ
หลังจากห่างหายการแปะนิยายมานานนนน....ถึงนานมาก ในที่สุดก็ได้ฤกษ์นิยายเรื่องใหม่เสียที นิยายเรื่องนี้ออกจะแปลกกว่าเรื่องก่อนๆ ที่เคยเขียนมาอยู่สักหน่อย เพราะเป็นเรื่องที่ตั้งใจเขียนร่วมกับพี่และน้องอีกสองคน อสิตา และ บุลินทรค่ะ (น่าจะพอมีคนเห็นไปบ้างแล้ว เพราะดูเหมือนเราจะแปะช้าสุด -_-'')
โดยแต่ละเรื่องจะมีธีมหลักเป็นอัญมณีสามชิ้น (สามพี่น้องก็แบ่งกันไปคนละชิ้นอ่ะนะ) ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไรก็ต้องติดตามชมกันต่อไป
สำหรับเรื่องมนตรามุกจันทราจะออกแนวพารานอมอลค่ะ แต่ไม่มากนัก เรียกว่าพอมีกลิ่นอายของความเป็นแฟนตาซีอยู่บ้างเท่านั้น แต่ก็เป็นเรื่องที่คนเขียนใช้เวลาเขียนนานมาก เลยหวังเป็นอย่างยิ่งว่านักอ่านทุกท่านจะหลงรักตัวละครในเรื่อง โดยเฉพาะพระเอกของเรา (ที่ได้ใจคนเขียนไปแล้ว)
มนตรามุกจันทรา
ริญจน์ธร
...มนุษย์ทุกคนย่อมมีเหตุผลแห่งการมีตัวตน
เธอ อาจคือหนึ่งเหตุผลของตัวตนในวันนี้...
บทนำ โลกมืดมน
ท่ามกลางความอ้างว้างจับใจ นัยน์ตาคู่สวยกวาดมองไปรอบกายด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง รอบกายมีเพียงความเงียบและมืดสงัด มันเงียบ วังเวง หนาวลึกลงไปถึงหัวใจ เธอเหลียวมองไปรอบๆอีกครั้ง เช่นเดิม ไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากความมืดมิดของรัตติกาล เธอก้าวตรงไปเบื้องหน้า ไม่รู้หรอกว่ากำลังมีอะไรรออยู่ เพราะนอกจากความมืดผู้เป็นเพื่อนร่วมทางแล้ว ทั่วบริเวณยามนี้ไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิตใด
สองเท้าแบบบางก้าวตรงต่อไปเรื่อยๆ...เรื่อยๆ...เธอรู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองช่างเบาโหวงราวจะลอยสูงขึ้นจากพื้นดิน ไม่นานเมื่อความมืดมิดอันดำสนิทเริ่มจางหาย สิ่งต่างๆรายรอบปรากฏชัดขึ้น
ที่นี่ที่ไหน...นั่นคือคำถามแรกผุดขึ้นในใจของเด็กหญิง สิตางศุ์หันซ้ายมองขวาอีกครั้งอย่างจนใจ เธอไม่เข้าใจว่าเหตุใดตัวเองจึงมายืนอยู่ตรงนี้ได้ เบื้องหน้าคือถนนสายใหญ่ยามค่ำคืน แสงจากเสาไฟบนเกาะกลางถนนส่องให้เห็นถนนว่างโล่ง มีรถยนต์แล่นผ่านไปมาค่อนข้างบางตา เลยออกมายังบริเวณริมถนนคือรถเข็นขายก๋วยเตี๋ยว ตั้งอยู่ริมฟุตปาธโดยมีโต๊ะเหล็กและเก้าอี้พลาสติกวางเรียงรายขนาบข้าง นอกจากแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวแล้ว สิตางศุ์ยังเห็นชายหญิงสามสี่คนนั่งรับประทานอาหารอยู่
หลังจากยืนเคว้งอยู่นาน ในที่สุดเด็กหญิงก็ตัดสินใจเดินตรงไปยังรถเข็นก๋วยเตี๋ยวตรงหน้า ขณะก้าวเดินไปหา ความรู้สึกเบาโหวงราวตัวเองสามารถล่องลอยขึ้นในอากาศยังคงไม่จางหาย หากสิตางศุ์กลับไม่สนใจ เธอพยายามไม่ใส่ใจกับความรู้สึกหลายอย่างอันเปรียบเสมือนสัญญาณเตือนภัย เด็กหญิงก้าวตรงไปยังบริเวณที่แสงนีออนจากรถเข็นสาดส่อง เธอเห็นบรรดาผู้คนทั้งหลายยังคงขะมักเขม้นทำธุระของตนเองโดยไม่สนใจใคร แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวร่างท้วมใหญ่กำลังยืนลวกเส้นบะหมี่อยู่หน้าหม้อซุป ส่งควันสีขาวและไอร้อนลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณ ถัดไปไม่ไกลนักคือเด็กหญิงวัยประถมปลาย รุ่นราวคราวเดียวกับสิตางศุ์ สวมชุดนักเรียนสีขาวใส่เอี๊ยมกระโปรงสีน้ำเงินเข้มคลุมเข่า กำลังยืนรอชามก๋วยเตี๋ยวที่ผู้เป็นมารดายื่นส่งมาให้
“นี่เธอ” สิตางศุ์ตัดสินใจเอื้อมมือออกไปหวังสะกิดเด็กหญิงในชุดนักเรียน
ทว่าความรู้สึกแรกของสัมผัสกลับเป็นเพียงอากาศธาตุ ภาพเบื้องหน้าไม่ต่างจากภาพมายาที่เธอมองเห็นแต่ไม่อาจสัมผัสได้ สิตางศุ์ร้อนรนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก สองมือน้อยๆพยายามไขว่คว้าคนตรงหน้าอีกครั้ง...อีกครั้ง...
“เธอ! ไม่ได้ยินเราเหรอ” เธอร้องถามด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น
ครั้งนี้ดูเหมือนจะได้ผลกว่าทีแรก เด็กหญิงในชุดนักเรียนหันกลับมาหาเธอพร้อมกับชามก๋วยเตี๋ยวใบใหญ่ สิตางศุ์ยิ้มออกมาได้เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายคงได้ยินเสียงเรียกของเธอ
“ที่นี่ที่ไหนกัน เราหลงทาง บอกหน่อยว่าจะกลับบ้านยังไง” สิตางศุ์ถามอีกฝ่ายด้วยความหวัง
ทว่าเด็กหญิงในชุดนักเรียนกลับไม่ยอมตอบคำถาม นัยน์ตาสีดำขลับของอีกฝ่ายไม่ได้จดจ้องมายังสิตางศุ์เลยแม้แต่น้อย หากมันกลับเลยมองทะลุผ่านเธอไปยังโต๊ะด้านหลังซึ่งมีลูกค้านั่งรอรับประทานอาหารอยู่ ความหวาดกลัวแล่นผ่านเข้าสู่หัวใจโดยพลัน พร้อมกับความจริงบางอย่างกระแทกเข้าใส่เมื่อร่างเล็กในชุดนักเรียนก้าวเดินตรงมาหาเธอ และร่างของเด็กคนนั้นเดินทะลุผ่านกายเธอไปโดยไม่มีทีท่ารับรู้การมีอยู่ของเธอเลยแม้แต่น้อย
“ไม่จริง นี่มันอะไรกัน เกิดอะไรขึ้นกันแน่” สิตางศุ์กรีดร้องออกมาด้วยความงุนงง สับสน ความหวาดกลัวแล่นผ่านเข้าสู่หัวใจดวงน้อย
และไม่ว่าเธอจะพยายามร้องเรียก พูดคุยกับผู้ใด ก็ไม่มีใครเลยสักคนหันมามอง สนใจ หรือรับรู้การมีตัวตนของเธอในยามนี้ ทุกคนต่างเมินเฉย มองเลย ทำราวกับเธอเป็นเพียงอากาศธาตุ...ไม่มีตัวตน!
โดยแต่ละเรื่องจะมีธีมหลักเป็นอัญมณีสามชิ้น (สามพี่น้องก็แบ่งกันไปคนละชิ้นอ่ะนะ) ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไรก็ต้องติดตามชมกันต่อไป
สำหรับเรื่องมนตรามุกจันทราจะออกแนวพารานอมอลค่ะ แต่ไม่มากนัก เรียกว่าพอมีกลิ่นอายของความเป็นแฟนตาซีอยู่บ้างเท่านั้น แต่ก็เป็นเรื่องที่คนเขียนใช้เวลาเขียนนานมาก เลยหวังเป็นอย่างยิ่งว่านักอ่านทุกท่านจะหลงรักตัวละครในเรื่อง โดยเฉพาะพระเอกของเรา (ที่ได้ใจคนเขียนไปแล้ว)
มนตรามุกจันทรา
ริญจน์ธร
...มนุษย์ทุกคนย่อมมีเหตุผลแห่งการมีตัวตน
เธอ อาจคือหนึ่งเหตุผลของตัวตนในวันนี้...
บทนำ โลกมืดมน
ท่ามกลางความอ้างว้างจับใจ นัยน์ตาคู่สวยกวาดมองไปรอบกายด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง รอบกายมีเพียงความเงียบและมืดสงัด มันเงียบ วังเวง หนาวลึกลงไปถึงหัวใจ เธอเหลียวมองไปรอบๆอีกครั้ง เช่นเดิม ไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากความมืดมิดของรัตติกาล เธอก้าวตรงไปเบื้องหน้า ไม่รู้หรอกว่ากำลังมีอะไรรออยู่ เพราะนอกจากความมืดผู้เป็นเพื่อนร่วมทางแล้ว ทั่วบริเวณยามนี้ไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิตใด
สองเท้าแบบบางก้าวตรงต่อไปเรื่อยๆ...เรื่อยๆ...เธอรู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองช่างเบาโหวงราวจะลอยสูงขึ้นจากพื้นดิน ไม่นานเมื่อความมืดมิดอันดำสนิทเริ่มจางหาย สิ่งต่างๆรายรอบปรากฏชัดขึ้น
ที่นี่ที่ไหน...นั่นคือคำถามแรกผุดขึ้นในใจของเด็กหญิง สิตางศุ์หันซ้ายมองขวาอีกครั้งอย่างจนใจ เธอไม่เข้าใจว่าเหตุใดตัวเองจึงมายืนอยู่ตรงนี้ได้ เบื้องหน้าคือถนนสายใหญ่ยามค่ำคืน แสงจากเสาไฟบนเกาะกลางถนนส่องให้เห็นถนนว่างโล่ง มีรถยนต์แล่นผ่านไปมาค่อนข้างบางตา เลยออกมายังบริเวณริมถนนคือรถเข็นขายก๋วยเตี๋ยว ตั้งอยู่ริมฟุตปาธโดยมีโต๊ะเหล็กและเก้าอี้พลาสติกวางเรียงรายขนาบข้าง นอกจากแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวแล้ว สิตางศุ์ยังเห็นชายหญิงสามสี่คนนั่งรับประทานอาหารอยู่
หลังจากยืนเคว้งอยู่นาน ในที่สุดเด็กหญิงก็ตัดสินใจเดินตรงไปยังรถเข็นก๋วยเตี๋ยวตรงหน้า ขณะก้าวเดินไปหา ความรู้สึกเบาโหวงราวตัวเองสามารถล่องลอยขึ้นในอากาศยังคงไม่จางหาย หากสิตางศุ์กลับไม่สนใจ เธอพยายามไม่ใส่ใจกับความรู้สึกหลายอย่างอันเปรียบเสมือนสัญญาณเตือนภัย เด็กหญิงก้าวตรงไปยังบริเวณที่แสงนีออนจากรถเข็นสาดส่อง เธอเห็นบรรดาผู้คนทั้งหลายยังคงขะมักเขม้นทำธุระของตนเองโดยไม่สนใจใคร แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวร่างท้วมใหญ่กำลังยืนลวกเส้นบะหมี่อยู่หน้าหม้อซุป ส่งควันสีขาวและไอร้อนลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณ ถัดไปไม่ไกลนักคือเด็กหญิงวัยประถมปลาย รุ่นราวคราวเดียวกับสิตางศุ์ สวมชุดนักเรียนสีขาวใส่เอี๊ยมกระโปรงสีน้ำเงินเข้มคลุมเข่า กำลังยืนรอชามก๋วยเตี๋ยวที่ผู้เป็นมารดายื่นส่งมาให้
“นี่เธอ” สิตางศุ์ตัดสินใจเอื้อมมือออกไปหวังสะกิดเด็กหญิงในชุดนักเรียน
ทว่าความรู้สึกแรกของสัมผัสกลับเป็นเพียงอากาศธาตุ ภาพเบื้องหน้าไม่ต่างจากภาพมายาที่เธอมองเห็นแต่ไม่อาจสัมผัสได้ สิตางศุ์ร้อนรนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก สองมือน้อยๆพยายามไขว่คว้าคนตรงหน้าอีกครั้ง...อีกครั้ง...
“เธอ! ไม่ได้ยินเราเหรอ” เธอร้องถามด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น
ครั้งนี้ดูเหมือนจะได้ผลกว่าทีแรก เด็กหญิงในชุดนักเรียนหันกลับมาหาเธอพร้อมกับชามก๋วยเตี๋ยวใบใหญ่ สิตางศุ์ยิ้มออกมาได้เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายคงได้ยินเสียงเรียกของเธอ
“ที่นี่ที่ไหนกัน เราหลงทาง บอกหน่อยว่าจะกลับบ้านยังไง” สิตางศุ์ถามอีกฝ่ายด้วยความหวัง
ทว่าเด็กหญิงในชุดนักเรียนกลับไม่ยอมตอบคำถาม นัยน์ตาสีดำขลับของอีกฝ่ายไม่ได้จดจ้องมายังสิตางศุ์เลยแม้แต่น้อย หากมันกลับเลยมองทะลุผ่านเธอไปยังโต๊ะด้านหลังซึ่งมีลูกค้านั่งรอรับประทานอาหารอยู่ ความหวาดกลัวแล่นผ่านเข้าสู่หัวใจโดยพลัน พร้อมกับความจริงบางอย่างกระแทกเข้าใส่เมื่อร่างเล็กในชุดนักเรียนก้าวเดินตรงมาหาเธอ และร่างของเด็กคนนั้นเดินทะลุผ่านกายเธอไปโดยไม่มีทีท่ารับรู้การมีอยู่ของเธอเลยแม้แต่น้อย
“ไม่จริง นี่มันอะไรกัน เกิดอะไรขึ้นกันแน่” สิตางศุ์กรีดร้องออกมาด้วยความงุนงง สับสน ความหวาดกลัวแล่นผ่านเข้าสู่หัวใจดวงน้อย
และไม่ว่าเธอจะพยายามร้องเรียก พูดคุยกับผู้ใด ก็ไม่มีใครเลยสักคนหันมามอง สนใจ หรือรับรู้การมีตัวตนของเธอในยามนี้ ทุกคนต่างเมินเฉย มองเลย ทำราวกับเธอเป็นเพียงอากาศธาตุ...ไม่มีตัวตน!

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ธ.ค. 2554, 00:13:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ธ.ค. 2554, 00:13:58 น.
จำนวนการเข้าชม : 3709
บทที่ 1/1 ความตาย...สิ้นสุดหรือเริ่มต้น >> |

Zephyr 22 ธ.ค. 2554, 00:17:35 น.
พี่คนกลางมาแล้ว เปิดตัวด้วยหนูน้อยวิญญาณเลยค่ะ เอ จะเป็นคนที่ให้พระเอกกะนางเอกเราเจอกันใช่มะ
พี่คนกลางมาแล้ว เปิดตัวด้วยหนูน้อยวิญญาณเลยค่ะ เอ จะเป็นคนที่ให้พระเอกกะนางเอกเราเจอกันใช่มะ

ริญจน์ธร 22 ธ.ค. 2554, 14:11:06 น.
หลอกให้เดาเล่นก่อนนะคะ แล้วจะมาเฉลย
หลอกให้เดาเล่นก่อนนะคะ แล้วจะมาเฉลย

Malassia 22 ธ.ค. 2554, 15:05:39 น.
น่าลุ้น
น่าลุ้น


Auuuu 22 ธ.ค. 2554, 19:11:35 น.
ลุ้นระทึกๆๆ
ลุ้นระทึกๆๆ


ริญจน์ธร 23 ธ.ค. 2554, 16:13:16 น.
คุณ Okuriumi ขอบคุณค่ะ แล้วจะกลับไปแก้ไขในต้นฉบับ
คุณ Auuuu รอลุ้นตอนต่อไปนะคะ
คุณ หมูอ้วน ขอบคุณค่ะ แหะ บทนำ สั้นไปหน่อย แล้วบทต่อๆ จะตามมานะคะ
คุณ Okuriumi ขอบคุณค่ะ แล้วจะกลับไปแก้ไขในต้นฉบับ
คุณ Auuuu รอลุ้นตอนต่อไปนะคะ
คุณ หมูอ้วน ขอบคุณค่ะ แหะ บทนำ สั้นไปหน่อย แล้วบทต่อๆ จะตามมานะคะ

บุลินทร 23 ธ.ค. 2554, 17:49:24 น.
เอาตอนที่หนึ่งมาลงเร็ว อิอิ
เอาตอนที่หนึ่งมาลงเร็ว อิอิ

silverraindrop 10 ม.ค. 2555, 12:15:12 น.
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ น่าติดตามมากเลย
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ น่าติดตามมากเลย

ริญจน์ธร 12 ม.ค. 2555, 21:14:02 น.
ขอบคุณค่ะ ^^
ขอบคุณค่ะ ^^