Missing Love
(ภาคต่อของพาย) เมื่อเขาทำรักหายไปจนมาเจอเธอ และเธอตั้งใจพลาดความรักเพื่อความสำเร็จ แล้วเขาจะทำให้เธอหันมาสนใจความรักได้อย่างไร
Tags: พาย แจ็คลีน

ตอน: ML010

Missing Love ตอนที่ 10

เขารีบเดินมาจนถึงจุดที่เขากับเธอนัดกัน ก่อนจะเห็นหญิงสาวอายุสิบเก้ากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ และมีท่าทางแปลกๆ ที่เขาไม่เคยเห็น

“ขอโทษที่ให้รอนานนะครับ รถติดจริงๆ ผมต้องลงตรงมุมถนนถัดไปสองบล็อค ค่อยเดินมาหาคุณ” ทรงธรรมรีบแก้ตัว ก่อนจะเห็นเธอลุกขึ้นท่าทางคล้ายโกรธและหงุดหงิดนิดๆ

“ฉันอยากไปที่หนึ่งก่อน และคุณต้องคอยห้ามฉันไม่ให้เล่นหุ้นเด็ดขาด” แจ็คลีนคว้ากระเป๋า ก่อนจะจับแขนเสื้อเขาแล้วหันไปเรียกคนติดตามแล้วพากันขึ้นรถไป

“คุณจะพาผมไปไหนครับ” ทรงธรรมถามอย่างสงสัย

“ตลาดหุ้นน่ะสิ” แจ็คลีนดูร้อนรนอย่างจริงจัง เมื่อไม่ได้เฝ้าดูตลาดหุ้นมาสองเดือน และเธอก็เริ่มเชื่อแล้วว่าทำไมแม่ถึงอยากให้เธอเข้ารับการบำบัดคนติดการพนัน

ทรงธรรมมองเธออย่างแปลกใจ และเมื่อถึงตลาดหุ้นของฝรั่งเศส เขาก็ได้แต่มองเธอจ้องจอ ก่อนจะคว้าสมุดมาจดๆ เขียนๆ แล้วก็ถอนหายใจออกมา ราวกับโล่งใจที่ได้ทำสิ่งที่โหยหา

“คุณมาเพื่อจดหุ้นเนี่ยนะ เกิดอะไรขึ้นน่ะ” ทรงธรรมถามเธอที่กำลังหมกหมุ่นกับอะไรบางอย่าง

แจ็คลีนถอนหายใจแล้วเก็บสมุดใส่กระเป๋า ก่อนตัดใจ “เรากลับกันเถอะ ฉันพ่ายแพ้จริงแล้วล่ะ สงสัยต้องเข้าบัดจริงๆ อย่างคุณแม่ว่า”

“ใจเย็นๆ สิ ทำไมคุณถึงคิดว่าคุณควรเข้ารับการบำบัดล่ะ” ทรงธรรมถามอย่างงงๆ ที่แม่เธออยากส่งเธอเข้ารับการบำบัด

“ก็เพราะฉันอดใจไม่ไหวน่ะสิ หลายวันมานี่ฉันหงุดหงิดมาก อยากจะมาตลาดหุ้นจะแย่ แต่ก็รู้ว่าถ้ามาต้องอดใจไม่ได้แล้วก็ต้องเล่นหุ้นน่ะสิ” แจ็คลีนแก้ตัว แล้วก็ถอนหายใจยาว

“คุณก็ไม่ได้ทำไม่ใช่เหรอ” ทรงธรรมไม่เห็นว่าเธอจะทำผิดตรงไหน

“ทำ ไม่ทำ ก็ยังไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ ฉันห้ามใจตัวเองไม่ให้หงุดหงิดไม่ได้ด้วยน่ะสิ ตอนแรกก็สนุก หลังๆ ก็กลายเป็นหมกหมุ่นไป พอหมกหมุ่นแล้วก็เกิดอาการเสพติดที่คุมไม่ได้ เพราะงั้นต้องป้องกันปัญหาก่อนเกิดปัญหาไงคะ” แจ็คลีนอธิบาย และดูเหมือนเขายังไม่ค่อยเข้าใจ หากตอนนี้เขายิ้มให้เธออย่างเอ็นดู

“คุณหัวเราะอะไรน่ะ” แจ็คลีนถามเขาอย่างสงสัย

ทรงธรรมยังคงรอยยิ้มไว้ที่มุมปากมองเธออย่างเอ็นดู “ผมไม่ได้หัวเราะเยาะคุณนะ อย่าเข้าใจผิด บางครั้งคุณก็ดูเป็นเด็กวัยรุ่นจริงๆ”

“ขอบคุณค่ะ” แจ็คลีนทำท่าจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากหน้าจอหุ้น แต่เขาก็ดึงแขนเธอเอาไว้

“เอาอย่างนี้นะ ผมขอโทษที่หัวเราะ แต่เพราะคุณน่าเอ็นดูจริงๆ ผมไม่คิดว่าคุณควบคุมความหลงใหลของคุณไม่ได้หรอกนะ ถ้าคุณค้นหาบางสิ่งที่คุณชอบมากกว่าและมากขึ้นเรื่อยๆ คุณก็จะหยุดมันได้เองล่ะ มันเป็นความหลงใหลที่ผมเชื่อว่าคุณจะควบคุมได้ในที่สุด” ทรงธรรมพูดและยังคงยิ้มให้เธอ เขาเชื่อมั่นในสิ่งที่พูด

“ขอบคุณที่มั่นใจในตัวฉัน แต่ฉันไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเท่าไร เท่าที่ทบทวนมาเนี่ย ถ้าไม่เพราะฉันเล่นได้กำไรคืนมาสามสิบกว่าล้านในช่วงท้าย ฉันคงเสียอีกมากแน่นอน ยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังวุ่นวายแบบนี้ เอาเถอะค่ะ สบายใจแล้ว แต่จะสบายใจกว่านี้ ถ้าฉันได้ใช้เงินบ้าง คุณไม่ไปช็อปปิ้งกับฉันก็ได้นะคะ” แจ็คลีนพูดขึ้นก่อนจะถามความเห็นเขาในตอนท้าย

“ผมมาที่ปารีส ก็เพื่อมาพบคุณโดยเฉพาะ เพราะงั้นเวลาของผมที่นี่ ก็เป็นของคุณทั้งหมดแหละครับ” ทรงธรรมแฝงความหมาย หากก็ต้องปล่อยวางเมื่อเธอดูจะไม่เข้าใจนัก

“งั้นไปกันเลยค่ะ” แจ็คลีนชวนเขา และพยายามละเลยความหมายของคำพูดเขา

ไม่มีการจูงมือกันเดินเหมือนตอนแรก เธอปล่อยเขาเดินตามสบาย แต่พอถึงห้าง เธอก็คว้าแขนเขาแล้วเดินเข้าร้านรองเท้าราคาแพงยี่ห้อดัง ที่ตีเป็นเงินไทยคงแพงมากสำหรับครอบครัวที่มีรายได้ปานกลาง

เธอชี้นิ้วสั่งรองเท้าและมีคนเข้ามาบริการแทบจะทันที

“มาดมัวแซลธีโอฟาสเต้ต้องการอะไร เธอต้องจัดให้” ผู้จัดการรีบเตือนลูกน้องสาว เพราะรู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าเป็นหลานสาวของผู้ทรงอิทธิพลในวงการน้ำหอมโลก และยังเป็นลูกสาวของนักดนตรีคลาสิกที่ทรงอิทธิพลด้วยเช่นกัน

“ผู้จัดการ ฉันขอให้คุณพูดเป็นภาษาอังกฤษค่ะ เพราะเพื่อนฉันเป็นคนไทย” แจ็คลีนเตือนผู้จัดการ

ผู้จัดการก็รู้หน้าที่ต้องทำตามที่ลูกค้าเกรดวีไอพีต้องการ ในวงการรองเท้าน้อยครั้งที่แจ็คลีนจะซื้อรองเท้าตามห้าง โดยมากจะสั่งทำจากอิตาลี และเมื่อเธอมาและพอใจ เธออาจจะมาอีก

“เบนคะ เข้ามาเลือกรองเท้าสักคู่สิคะ พวกเธอด้วย” แจ็คลีนเรียกผู้ติดตามให้มาเลือกรองเท้าที่ชอบ

ทรงธรรมคาดเดาได้ว่า เธอต้องช็อปทะลุแสนแน่วันนี้ และคงไม่ใช่แค่แสนบาท แต่อาจเป็นแสนยูโร

“ขอรองเท้าผู้ชายด้วย เอามาสักสองสามสี หลายๆ แบบ เดี๋ยวเราไปดูรองเท้ากีฬากันนะคะ” แจ็คลีนหันมาพูดกับทรงธรรม ที่กำลังมองเธออย่างทึ่ง “เบื่อไหมคะ อย่าคิดว่าฉันจะให้คุณต้องมาจ่ายเงินค่าของที่ฉันเต็มใจให้นะคะ มันอาจไม่จำเป็นกับคุณเลย ฉันอยากจะซื้อน่ะค่ะ คลายเครียด”

ทรงธรรมส่ายหน้า ก่อนจะยิ้มน้อย ยามนี้เธอดูเกรงใจมากกว่าออกคำสั่ง “ซื้อสิ่งที่คุณอยากซื้อเถอะ”

“คุณไม่ถือนะคะ ถ้าฉันจะยัดเยียดซื้อของให้คุณ ไม่ต้องควักเงินด้วยนะคะ ไม่งั้นถือว่าดูถูกความเป็นเพื่อน แค่เลี้ยงข้าวฉันสักมื้อก็พอ” แจ็คลีนพูดขณะลองรองเท้าสูงสี่นิ้ว เดินและมองรองเท้าอย่างพอใจ ก่อนนึกขึ้นได้แล้วโทรศัพท์หาเฮเลน

“ไงจ๊ะ สาวน้อย พี่จะซื้อรองเท้าให้เธอสักสองสามคู่นะ บอกเบอร์รองเท้ามาหน่อยสิ ใช่ยี่ห้อนั่นแหละ ได้ๆ ชุดด้วยนะ เบนคะจดข้อมูลให้หน่อยค่ะ” แจ็คลีนพูดอีกเล็กน้อย ก่อนจะวางสาย แล้วเดินในรองเท้าคู่ต่อไป

เธอดูไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก แต่ก็ซื้อมาหลายคู่ ขณะที่เขาเลือกเพียงคู่เดียวที่ใส่สบายและเรียบง่ายเท่านั้น ก่อนเธอจะพาเขาเข้าร้านเสื้อหรูอีกแห่ง ทีนี้เธอเพียงเดินและเดินอย่างเงียบๆ ก่อนจะออกจากร้าน

“ไม่ลองเสื้อเลยเหรอ” ทรงธรรมถามขึ้นดูเธอจะผิดหวังมาก

“ตัดใจซื้อเสื้อผ้าสำเร็จไม่ค่อยลงค่ะ ถ้าลองได้ใส่เสื้อผ้าสั่งตัดมาทั้งชีวิต จะรู้สึกเลยว่าเสื้อผ้าสำเร็จไม่ค่อยพอดีตัว ไปห้องเสื้อดีกว่าค่ะ เรเน่มีห้องเสื้ออยู่ที่นี่ด้วย แล้วค่อยไปดูพวกเสื้อยืดสบายๆ กับชุดนอนที่ไม่ต้องพอดีตัวก็ได้ อะไรแบบนั้นค่ะ พวกชุดกีฬา ฉันจะไปขี่ม้าวันมะรืนด้วยค่ะ คุณขี่ม้าเป็นไหม” แจ็คลีนถามไปเรื่อยๆ

“เป็นสิครับ ผมมีปางไม้เป็นงานหลัก ลงทุนเป็นงานรองนะครับ” ทรงธรรมได้เห็นแง่มุมที่น่ารักของเธออีกเยอะ เมื่อเธอเปิดใจให้เขาเป็นเพื่อน ก็ทำให้เขาได้รู้จักเธอมากขึ้นเรื่อยๆ

“คุณจะบอกว่าคุณมีคอกม้าอยู่ในปางไม้เหรอคะ” แจ็คลีนพยายามทบทวนสิ่งที่เขาบอก

“ใช่ครับ ผมมีม้าห้าตัว ของผมหนึ่งตัว ที่เหลือก็แบ่งลูกน้องใช้งานในปางไม้ สะดวกดีครับ” ทรงธรรมบอกเธอและนึกอยากเล่าเรื่องส่วนตัวของเขามากขึ้น

“ฉันก็มีม้าค่ะ คุณพ่อบอกว่าเสียดายที่บ้านมีที่ไม่พอ ไม่นับโรงรถที่คุณพ่อแต่งไว้ให้คุณแม่นะคะ คุณแม่มีรถอยู่สิบกว่าคันค่ะ ตอนนี้ต้องแบ่งเนื้อที่ให้รถของพี่ชายทั้งสามคนอีก คุณพ่อบอกว่าตั้งร้านขายรถได้เลย” แจ็คลีนพูดและหัวเราะน้อยๆ ได้อย่างน่ารัก

ดวงหน้าของเธอดูสดใส เมื่อพูดถึงสมาชิกในครอบครัว เธอมีครอบครัวที่อบอุ่น และจะไม่ยอมแลกอะไรกับครอบครัวที่เธอมีอยู่

ทรงธรรมหัวเราะและนึกภาพออก เขาเคยไปพักบ้านเธอ และคิดว่าคงเห็นเพียงสิบเปอร์เซ็นเท่านั้น สวนกว้าง สนามเทนนิสหนึ่งสนาม และยังมีห้องอัดส่วนตัวพร้อมห้องเก็บเสียงอีกที่คาดว่าหลายห้อง เพราะเขาเคยได้ยินเธอกับพี่ชายพูดกันอยู่บ้าง

“ครอบครัวคุณมีเงินใช้จ่ายเยอะจริงๆ แต่ก็มีประโยชน์กับตัวเองนะครับ คือผมพูดในแง่ดี” ทรงธรรมกลัวเธอจะตีความคำพูดเขาผิด

“ก็จริงค่ะ แต่นั่นเพราะทรัพย์สินของคุณแม่กับคุณพ่อมากกว่า ทั้งสองท่านทำงานและมีรายได้จำนวนมาก เราพยายามพิสูจน์ว่า เราอยู่ได้โดยที่ไม่อาศัยเงินจากส่วนแบ่งที่คุณพ่อได้ทุกเดือนจากบริษัทน้ำหอม” แจ็คลีนเล่าแค่นั้นก็หยุด เพราะถึงร้านของเรเน่แล้วเปิดประตูเข้าไปเพื่อช็อปปิ้งอีก

“สวัสดีค่ะ เรเน่อยู่ไหมคะ” แจ็คลีนเข้าไปถามที่เคาน์เตอร์แทบจะทันที

“มาดมัวแซลแจ็คลีนเชิญรอสักครู่ค่ะ เดี๋ยวตามเรเน่ให้เลยนะคะ” พนักงานต้อนรับทักทายทันที ก่อนจะเชิญลูกค้าพิเศษไปนั่งที่มุมจัดไว้

ทรงธรรมเดินตามเธอ เขาเลื่อนเก้าอี้ให้เธอก่อน จากนั้นก็นั่งลงและเห็นของว่างมาลงโต๊ะอย่างรวดเร็ว แล้วสักพักก็มีหญิงวัยกลางคนเดินออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แล้วจูบที่แก้มทักทายแจ็คลีน

“มาได้ยังไงเนี่ย จริงๆ ให้คนโทรมาเรียกไปที่บ้านก็ได้นะ จะได้แอบหลบงานบ้าง” เรเน่พูดกับลูกสาวเพื่อน ก่อนจะมองหนุ่มชาวเอเชียที่มาด้วยแล้วถาม “ใช่คนที่เป็นข่าวด้วยคราวก่อนหรือเปล่า”

“ใช่ค่ะ แต่อย่าไปสนใจข่าวเลย เขาเป็นเพื่อนแจ็คเองค่ะ คุณธรรมคะ นี่เรเน่ค่ะ” แจ็คลีนแนะนำ และเขาที่ยืนอยู่แล้วก็จับมือกับเรเน่เป็นการทักทาย ก่อนทั้งสองคนจะนั่งลง เขาก็เลื่อนเก้าอี้ให้ แล้วนั่งลง เมื่อทั้งสองเริ่มคุยกันเรื่องชุด

เขานั่งฟังเธออยู่พักใหญ่ และไม่ได้สนใจอะไรนอกจากหนังสือที่ได้รับมาอ่าน ยังดีที่มีหนังสือภาษาอังกฤษให้เขาอ่าน ก่อนจะรับสายจากน้องชาย ที่โทรมาถามเขาว่าสามารถซื้ออะไรที่ไม่เกี่ยวกับการเรียนได้บ้างหรือไม่ เพราะเขาให้น้องชายรายงานทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายไป เพื่อให้เจ้าตัวรู้จักค่าของเงิน

นอกห้องเสื้อเรเน่มีสาวสังคมหยุดยืนมองอยู่ มอร์กานเห็นลูกพี่ลูกน้องที่กำลังเลือกเสื้อผ้า และน่าแปลกเพราะมีหนุ่มชาวเอเชียนั่งอยู่ที่โต๊ะเดียวกัน ไม่มีทางที่ยัยน้องสาวคนนี้จะนั่งร่วมโต๊ะกับผู้ชายที่ไม่รู้จักแน่ แล้วเธอก็นึกถึงข่าวซุบซิบเรื่องหนุ่มชาวไทยที่มาตามจีบอยู่นานหลายปี

เธอมีรอยยิ้มนิดๆ ก่อนเดินเข้าไปทักทายลูกพี่ลูกน้อง “ไงจ๊ะ แจ็คลีน” เธอยื่นหน้าไปทักทายแตะแก้มทั้งสองข้าง ของลูกพี่ลูกน้องกับรอยยิ้มเต็มที่ของตัวเธอเอง

“เพื่อนเหรอ” มอร์กานถามลูกพี่ลูกน้องทันที หากสายตามองหนุ่มหน้าตาดีและวัยก็กำลังพึ่งพาได้ จึงยิ้มน้อยๆ อย่างเย้ายวน

“มีอะไรเหรอ มอร์กาน อืม นี่มองซิเออร์อภินันท์ คุณธรรมคะ นี่มอร์กาน ญาติฉันเองค่ะ” แจ็คลีนแนะนำทั้งคู่ให้รู้จัก

มอร์กานมองชายหนุ่มด้วยสายตาแพรวพราว ก่อนจะถาม “ขอเบอร์โทรได้ไหมคะ มาเที่ยวหรือว่าทำงาน”

แจ็คลีนขมวดคิ้วมองญาติทำตัวน่าขายหน้า ก่อนจะหันไปคุยกับเรเน่ต่อ จากนั้นก็ไม่มีสมาธิ เพราะมอร์กานทั้งจีบด้วยคำพูด และลูบไล้มือเขาตลอดเวลา

“พอก่อนนะคะ ไว้ให้ดีไซเนอร์ของคุณไปที่บ้าน พอดีฉันอยากได้เสื้อลำลองค่ะ” แจ็คลีนสรุปก่อนหันไปทางทรงธรรมกับมอร์กาน และมองเขากำลังมีสีหน้าอึดอัด “รู้ไหม มอร์กาน คุณธรรมเขาอึดอัดที่เธอเอาแต่จีบและลวนลามเขา ทำไมไม่ทำในสิ่งที่ผู้หญิงควรทำด้วยการละอายต่อสิ่งที่ทำล่ะ”

“ผู้หญิงน่าเบื่ออย่างเธอน่ะเหรอ ทำไมล่ะ ยุคนี้ผู้หญิงถูกใจผู้ชายก็สามารถจะนำเสนอตัวเองได้ แล้วฉันก็พอใจ” มอร์กานพูดภาษาฝรั่งเศสเร็วจี๋

ทรงธรรมไม่มีอรัญเป็นตัวช่วย และถึงแม้เขาจะเริ่มคุ้นกับภาษาฝรั่งเศสแต่สองสาวพูดเร็วขนาดนี้ เขาก็แปลไม่ทัน

แจ็คลีนหยุดพูดในทันที เพราะรู้ว่าถ้าพูดออกไปมีแต่เจ็บกับเจ็บ ไม่ใช่แค่เธอ แต่มอร์กานจะเจ็บมากกว่า หรือไม่อาจถึงขั้นตบตีกัน เธอหยุดและหันไปทางทรงธรรม “เราไปดูแผนกกีฬากันไหมคะ”

“ฉันยังพูดกับเธอไม่จบ” มอร์กานดึงแขนทรงธรมเอาไว้แทนที่จะเป็นลูกพี่ลูกน้อง

“เธออยากพูดอะไรก็พูดไปเถอะ แต่ฉันจะไม่ตกเป็นข่าวกับเธอ เพราะถ้าฉันพูดแล้วต่อปากต่อคำกับเธอต่อไป ฉันรู้ว่ามารยาทของเธอจะหมดไปเรื่อยๆ สุดท้ายเธอจะพุ่งมาตบฉัน และคงไม่แตกต่างจากซีริลเท่าไรหรอก ฉันพยายามสะกดความโกรธเอาไว้ดีกว่า ไปกันเถอะค่ะ คุณธรรม” แจ็คลีนหยิบกระเป๋าถือขึ้นทันที โดยไม่รอให้เขาตอบรับ

ทรงธรรมพยายามปลดมือของมอร์กาน แต่ก็ไม่ยากเมื่อเธอปล่อยเขาและไปกระชากลูกพี่ลูกน้องแทน

“ห้ามเมินฉัน!!” มอร์กานกระชากจนลูกพี่ลูกน้องเกือบล้ม ก่อนทรงธรรมจะเข้าไปรับเอาไว้ ทำให้แจ็คลีนหลุดไปอยู่ในอ้อมแขนเขา

แจ็คลีนตกใจอย่างแรง เพราะปกติมอร์กานจะไม่เป็นแบบนี้ เธอไม่รู้ว่าอารมณ์รุนแรงนี้มาจากไหน แต่มีบางอย่างผิดปกติในตัวลูกพี่ลูกน้อง เมื่อตั้งสติได้ เธอก็รีบหันไปมองมอร์กานที่มีสีหน้าแตกตื่น

“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า” แจ็คลีนพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ต่อให้มอร์กานมีเรื่องบ่อยแค่ไหน แต่ต้องโต้เถียงกันจนถึงที่สุดก่อน และไม่ถึงขั้นดึงคนที่เดินหนีอย่างแรงแบบนี้

“ขอโทษ ฉันกลับล่ะ” มอร์กานกระแทกน้ำสียงแล้วรีบเดินหนีออกไปจากร้าน

ทรงธรรมถามเธอ แม้เธอจะตั้งหลักเองได้แล้ว เขายังคงช่วยพยุงเธออยู่ดี และมองท่าทางแปลกๆ ของเธอ ก่อนถาม “มีอะไรเหรอครับ”

แจ็คลีนตั้งสติได้ ก่อนจะบอกให้เขาปล่อย “ปล่อยมือเถอะค่ะ ไม่มีอะไร อืม คุณอยากไปช้อปปิ้งต่อ หรืออยากจะกลับโรงแรมคะ”

“คุณถามผมได้ใจร้ายจริงๆ ถ้าคุณไม่อยากช็อปปิ้งต่อ ไปที่อื่นได้ไหมครับ อย่าให้ผมต้องไปนั่งอุดอู้อยู่ในโรงแรมคนเดียวเลย” ทรงธรรมพูดคล้ายตัดพ้อกับเธอ และมองเธอที่กำลังครุ่นคิด

แจ็คลีนถอนหายใจแล้วบอกเขา “งั้นคุณคงไม่รังเกียจ ถ้าเราจะช็อปปิ้งอีกสักครู่ แล้วค่อยไปนั่งเล่นที่บ้านฉัน ตอนนี้ที่บ้านมีแต่คุณแม่อยู่ค่ะ พรุ่งนี้คุณพ่อจะกลับจากงานแสดงคอนเสิร์ต ส่วนคุณแม่ฉัน ท่านติดงานที่นี่ค่ะ ก็เลยไม่ได้ไปด้วยกัน”

“พ่อแม่คุณไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเลยเหรอ นึกว่าคู่แต่งงานที่แต่งกันมานาน จะเบื่อหน่ายกันในที่สุดซะอีก” ทรงธรรมถามอย่างสนใจ เพราะดูเหมือนพ่อแม่เธอจะรักกันเหลือเกิน

“แปลกหรือไง ที่พ่อแม่ฉันไม่หย่ากัน ทำไมบนโลกนี้มีแต่คนอยากให้พ่อแม่ฉันหย่ากันเสียเหลือเกิน” แจ็คลีนอารมณ์เสียขึ้นมาทันที หยิบกระเป๋าแล้วเดินออกไปจากร้านเรเน่ โดยไม่รอเขา

ทรงธรรมนึกเป็นห่วง เดินไปจนทันแล้วรั้งแขนเธอเอาไว้ “คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ผมไม่เคยคิดอยากให้พ่อแม่คุณหย่ากัน เพียงแต่สงสัย ว่าอะไรทำให้พ่อแม่คุณรักกันและพอใจที่จะอยู่ด้วยกันเมื่อมีโอกาส ให้โอกาสคนที่ไม่เคยได้อยู่กับพ่อแม่ เข้าใจความสัมพันธ์ที่ดีที่พ่อแม่คุณมีให้กันหน่อยได้ไหมครับ”

เธอเห็นเขามีสีหน้าทุกข์ใจอย่างแท้จริง จึงถามขึ้น “พ่อแม่คุณไม่ได้อยู่ด้วยกันเหรอคะ”

ทรงธรรมมีสีหน้าอึดอัดเมื่อเธอถามแบบนี้ ก่อนตอบ “สักวันเมื่อผมพร้อม ผมจะเล่าให้คุณฟัง”

แจ็คลีนถอนหายใจ ก่อนละความสนใจลง เมื่อเขาไม่อยากให้เธอรับรู้ เธอจะกล้าถามอย่างนั้นหรือ ไม่ใช่นิสัยเธอที่จะละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของใคร แม้แต่เขา

“โกรธผมหรือเปล่า ที่ผมไม่เล่าให้คุณฟังแล้วยังพูดเหมือนผมดูถูกชีวิตคู่” ทรงธรรมถามเธอ ขณะเดินเข้าร้านที่มีกางเกงยีนส์ราคาแพง

“ไม่ค่ะ คุณมีเรื่องส่วนตัวของคุณ ฉันเคารพจุดนั้น เราเป็นเพื่อนกัน ไม่จำเป็นต้องถามเรื่องส่วนตัวให้มากความ อย่างที่คุณบอก เมื่อไรคุณพร้อม คุณก็จะเล่าเอง” แจ็คลีนหยิบกางเกงยีนส์ตัวเก๋ เนื้อผ้านุ่มอย่างใส่ใจ

ทรงธรรมชักโกรธเมื่อเธอไม่ใส่ใจนัก “คุยกับผมก่อนได้ไหม”

“เอาล่ะ ฉันจะคุยกับคุณต่อเมื่อถึงบ้านแล้วดีไหมคะ อย่าให้คนอื่นเข้าใจผิ คิดว่าเราเป็นมากกว่าเพื่อนได้ไหม เพื่อนไม่ทะเลาะกันเรื่องไร้สาระหรอกค่ะ” แจ็คลีนเผลอพูดสื่อไปทางอื่น ทำให้เขาเข้าใจผิด

ทรงธรรมกระแทกลมหายใจอย่างแรง ก่อนพูดกับเธอ “ผมขอตัวสักครู่นะครับ คุณจะอยู่ที่ร้านนี้อีกนานไหม”

“อีกครู่ฉันจะแวะไปร้านเครื่องประดับตรงชั้นล่างสุด ตรงที่เราเข้ามานั่นแหละค่ะ” แจ็คลีนยังพูดไม่จบ เขาก็เดินหนีไปทันทีหลังจากพยักหน้า

เธอถอนหายใจและจำคำสอนของพ่อแม่เสมอ ‘ใครจะทำร้ายจิตใจเธอไม่ได้ ถ้าเธอไม่ใส่ใจพวกเขา’

เธอเลือกกางเกงยีนส์อีกสองสามตัว แล้วก็ซื้อฝากเฮเลนกับผู้ติดตามเธอ ก่อนจะถาม “คุณว่าคุณธรรมใส่ไซด์อะไร”

เบเนดิกซ์กะไซด์ได้ไม่ยาก ก่อนบอกคุณหนูไป แล้วเห็นเธอหยิบมาวางกองเอาไว้ต่างหาก สั่งจ่ายเงินแล้วยื่นถุงให้แต่ละคนเป็นของขวัญ ก่อนจะเดินออกไปจากร้าน แวะร้านเสื้อยืดราคาธรรมดาร้านหนึ่ง ก่อนเห็นลายเก๋ๆ หยิบดูเนื้อผ้า แล้วเลือกลายอยู่

ไอศครีมยื่นมาอยู่ตรงหน้าเธอ และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็ต้องตกใจ เพราะไม่ใช่ทรงธรรม แต่เป็นอองรี

“ฉันนึกว่าเธอชอบไอศครีมซะอีก ร้านนี้ได้ยินว่าร้านโปรดเธอนี่ จะรับไหม” อองรีถามลูกพี่ลูกน้อง

“มีอะไรรึเปล่า แต่ขอบคุณมากนะ” แจ็คลีนรับมาแล้วทาน แม้จะนึกในใจอย่างแปลกๆ

“มอร์กานโทรหาฉัน เล่าให้ฟังเรื่องทะเลาะกับเธอที่ห้องเสื้อน่ะ ฉันเลยแวะมาดูว่าเธอเป็นยังไงบ้าง เธอทำอะไรมอร์กานน่ะ ท่าทางเขาดูตื่นๆ นะ” อองรีถามญาติและยังคงรอคำตอบ

“ไม่นี่ ฉันแค่เดินหนี มอร์กานโกรธ แล้วสักพักก็ไป เธอสังเกตบ้างไหมว่ามอร์กานมีท่าทีแปลกๆ” แจ็คลีนถามขึ้น เมื่อนึกถึงท่าทีแปลกๆ ของมอร์กาน

เธอเลิกประหลาดใจ เวลาอองรีโผล่มาในเวลาเธอเดินเล่นอยู่ในปารีสแล้ว เพราะสังคมเธอกับอองรีนั้นก็วนเวียนอยู่ไม่ห่างกันเท่าไรนัก

“ไม่รู้สิ หวาดระแวงมากขึ้นละมั้ง เธอซื้อเสื้อผ้าแบบนี้ด้วยเหรอ” อองรีเห็นเธอหยิบเสื้อโยนลงในตะกร้า

แจ็คลีนหันไปมองเขาแล้วก็มองเสื้อที่เธอจะซื้อ “แน่สิ ไม่งั้นจะหยิบทำไม ราคาไม่แพง ผ้าเนื้อดีใส่นอนก็ใส่สบายด้วย ก็กะว่าจะซื้อไซด์ใหญ่ด้วย แม่บ้านที่บ้านตัวโตน่ะ เอาสักตัวไหม”

“แน่ใจนะว่าใส่แล้วผื่นไม่ขึ้น” อองรีถามให้แน่ใจ

“ตามใจไม่อยากได้ก็ไม่ต้องเอา” แจ็คลีนเดินไล่ไปยังเสื้อผู้ชาย ก่อนจะถามขนาดเชฟที่บ้าน

อองรีจึงหยิบตัวที่ถูกใจใส่ตะกร้าเดียวกับเธอ “ฉันเอา”

แจ็คลีนพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะเดินต่อ หยิบฝากคนที่บ้าคนละสามสี่ตัวก่อนจ่ายเงิน แล้วหยิบเสื้อของอองรีใส่ถุงต่างหาก “ของเธอน่ะ”

“เท่าไรล่ะ” อองรีถามแจ็คลีน แต่เธอส่ายหน้าไม่รับ

“ให้ ตอบแทนที่ซื้อไอศครีมมาฝาก” แจ็คลีนยังคงทานไอศครีมจนหมด

“เธอทานพวกนี้แล้วไม่อ้วนได้ยังไง” อองรีถามแล้วยังเผลอมองลูกพี่ลูกน้องอยู่นาน

ดวงหน้าสวยหวาน นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มตามแม่ เส้นผมสีทองธรรมชาติ รูปร่างสะโอดสะอง กิริยาท่าทางสมเป็นสาวสังคมชั้นสูง แม้วันนี้เธอจะสวมกางเกงตัดด้วยผ้าราคาแพง แต่ก็สวมเสื้อลูกไม้สีเข้มไร้แขนไม่ดูโป๊เปลือยแต่ดูดีมีระดับ

“บ้านฉันชอบออกกำลังกายน่ะ ท่านแม่ฉันชอบปีนเขา ยังบ่นเสียดายที่ที่บ้านไม่มีภูเขาเทียมให้ปีน” แจ็คลีนเล่าแบบเรื่องตลก หากญาติเธอดูจะไม่เข้าใจสักนิด

“ก็ซื้อที่ข้างๆ แล้วสร้างเพิ่มสิ พวกเธอมีเงินนี่” อองรีพูดตามปกติ

“เมื่อห้าปีก่อนท่านพ่อเพิ่งซื้อที่เพิ่มข้างๆ อีกไร่ ต้องทุบตึกแถวทิ้งไปเลยนะ บ้านฉันเกือบโดนล้อมไปด้วยตึกแล้วล่ะ ยังดีอีกข้างติดถนนใหญ่ ด้านที่ท่านพ่อซื้อเป็นตึกสมัยใหม่ และเราต้องการขยายสวนออกเพื่อจะได้สร้างที่จอดรถให้พวกท่านพี่ได้ วุ่นวายมากเลยล่ะปีนั้น ฉันไม่คิดว่าท่านพ่อจะอยากสร้างภูเขาเทียมไว้ในบ้านหรอกนะ ที่ฉันพูดน่ะหมายถึงท่านแม่ฉันพูดเล่น” แจ็คลีนอธิบายก่อนจะนึกขึ้นได้และเดินเข้าร้านรองเท้ากีฬา

อองรีมองญาติเข้าร้านนั้นออกร้านนี้แล้วก็ต้องเดินไปด้วย เพราะอยากตามไปจนเจอชายหนุ่มชาวไทยที่มอร์กานโทรมาเล่า และเห็นเธอมองรองเท้าเทนนิสผู้ชาย ก่อนจะฟังเธอหันไปถามผู้ติดตามของเธอ ก่อนซื้อรองเท้าให้เบเนดิกซ์ด้วย เพราะผู้ติดตามคนอื่นไม่ค่อยมีใครเล่นเทนนิสเท่าไร

“เธอซื้อของแจกคนรับใช้ตลอดเลยเหรอ” อองรีถามขึ้น

“พวกเขาคือคนที่ทำงานให้เรา คงไม่แปลกถ้าจะหยิบยื่นน้ำใจให้” แจ็คลีนตอบและเห็นเขารั้งรอก็พูดดักคอขึ้น “ไม่ต้องรอเจอคุณอภินันท์หรอกนะ ฉันไม่ใช่เด็กเล็ก และฉันก็เป็นเพื่อนเขา เพราะงั้นอย่าคิดเข้ามาควบคุมเรื่องการเลือกคู่ของฉัน เพราะไม่มีผู้ชายคนไหนทำให้ฉันสนใจได้หรอก”

อองรีไม่ตอบโต้...เพราะรู้ว่าแจ็คลีนรู้ทัน

“ขอบคุณที่เป็นห่วงฉัน ฉันพยายามคิดว่าเป็นความหวังดี และหวังว่าจะเป็นอย่างนั้นด้วย แต่ขอให้เชื่อว่าฉันมีความคิดในการเลือกคู่ชีวิตนะ แล้วเจอกันที่บ้านท่านปู่” แจ็คลีนตัดบททันที และพยักหน้ากับเบเนดิกซ์ “ฉันพูดจริงๆ นะ เจอกันที่บ้านท่านปู่”

เมื่อเจอดักคอแบบนั้น เขาก็ได้แต่ถอยห่างๆ ก่อนพยักหน้ากับผู้ติดตามของเขา บางครั้งเขาก็นึกเรื่องที่น่าประหลาดของเขาออกมาได้

เขานึกอยากจะกอดญาติสาวแน่นๆ สักครั้ง...กอดด้วยความรู้สึกคล้ายกับอ้อมแขนไม่เคยแน่นพอ

แจ็คลีนเดินมาจนถึงร้านจิลเวลรี่ เห็นทรงธรรมนั่งอยู่ในส่วนที่รอลูกค้าก็รีบเข้ามาขอโทษ “ฉันขอโทษนะคะ พอดีเจอญาติค่ะ คุณอาจว่าแปลกแต่เชื่อเถอะ ฉันมีญาติรุ่นเดียวกันอยู่เกือบสิบคน แล้วห้างนี้ก็เป็นห้างที่เราชอบมาเดินกัน”

ทรงธรรมเงยหน้าขึ้นมองเธออย่างเฉื่อยชา เขาขาดความกระตือรือร้นแตกต่างจากทุกที และยังคงอ่านหนังสือพิมพ์ของเขาต่อไป

แจ็คลีนอ่านท่าทางเขาออก เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องงอนเธอด้วย แต่เธอจะไม่ยอมทนกับท่าทางสะบัดร้อนสะบัดหนาวของเขาเป็นแน่ “ถ้าคุณอยากกลับก่อนก็เชิญนะคะ ท่าทางคุณดูเหนื่อยๆ”

ทรงธรรมยังคงนั่งเฉย แล้วอ่านหนังสือพิมพ์ของเขาอย่างเงียบๆ

เธอเห็นแบบนั้นก็เลือกเครื่องประดับที่อยากได้ แต่ได้เพียงชิ้นเดียวเธอก็มองไปทางเขา จ่ายเงินแล้วพูดขึ้น “กลับกันเถอะค่ะ”

ทรงธรรมพับหนังสือพิมพ์แล้วลุกขึ้น ก่อนพากันเดินออกไปจากร้าน ก่อนถึงหน้าห้าง แจ็คลีนจ้องเขาจนเขาต้องถาม “มีอะไรอีกครับ”

“ถ้าคุณมีอะไรไม่พอใจก็พูดออกมาเลยดีกว่า คนเป็นเพื่อนกันก็ควรจะพูดกันอย่างจริงใจ แต่ถ้าคุณไม่พูดอะไรอีก ก็อย่าทำอะไรเพื่อฉันอีก อย่ามาปารีสเพียงเพื่อมาเดินเล่นกับฉัน หรือทะเลาะกับฉันเพราะมันมากเกินไป” แจ็คลีนพูดตรงๆ และเผชิญหน้ากับอารมณ์คุกรุ่นของเขา

ทรงธรรมกลับนิ่งไป สายตาสองคู่สบกันแล้วเขาก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้น เพราะเริ่มเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เขาโกรธเธอเพราะความรู้สึกละเอียดอ่อน และเธอมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเขามากขึ้นเรื่อยๆ

แค่เธอเพิกเฉยเขาเล็กน้อยก็จุดไฟขึ้นในใจเขา...เขาไม่เพียงแค่สะกิดใจในความเป็นเธอ แต่อาจมากกว่านั้นมาก

“รอผมตรงนี้สักครู่นะ” ทรงธรรมบอกเธอ และยิ่งทำให้เธองงหนัก ก่อนเขาจะวิ่งไปยังร้านเพชรที่เพิ่งออกมา

แจ็คลีนมองเขาวิ่งกลับไปทางเดิม ก่อนขมวดคิ้วสงสัยและมองเบเนดิกซ์ ก่อนถาม “คุณว่าเขาเป็นอะไร”

เบเนดิกซ์ไม่อยู่ในฐานะให้คำปรึกษา และถ้าถาม เธอก็พอเดาได้ว่าชายหนุ่มร้อนรนและร้อนใจกับบางเรื่อง และเธอก็ต้องตอบ “คงมีเรื่องเครียดละมั้งคะ”

สักพักเขาก็กลับมาพร้อมดอกไม้ช่อใหญ่ และมอบมันให้เธอ “ผมขอโทษ”

“ค่ะ ว่าแต่เรื่องอะไรคะ” แจ็คลีนรับเอาไว้ แล้วมองเขาอย่างสงสัย

“ช่างเถอะ วันนี้ผมขอดินเนอร์ที่บ้านคุณนะ อยากพบแม่คุณด้วย กลับกันเถอะ ท่าทางคุณจะเหนื่อยแล้วล่ะ วุ่นวายมาทั้งวันตั้งแต่เช้า” ทรงธรรมจับแขนเธอแล้วเดินไปที่ด้านหน้าห้าง สักพักผู้ติดตามที่ไปเอารถก็ขับรถมาจอด และเขากับเธอก็ขึ้นรถด้วยกัน

****************************************


ระหว่างทางกลับ เขาไม่พูดอะไรมาก แต่อารมณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของเขา ทำให้เธอต้องแอบมองเป็นระยะ และเมื่อถึงบ้านเธอ เธอก็เชิญเขาเข้าบ้าน และได้ยินแม่กำลังพูดสั่งงานอยู่ในห้อง

“ท่านแม่ขา” แจ็คลีนลากเสียงยาวออดอ้อน ต่อให้เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว เธอก็จะอ้อนแม่ไปอีกนานแสนนาน

พายต้องอ้าแขนกว้างให้ลูกเข้ามากอด หอมแก้มทั้งสองข้าง จากนั้นก็พยักหน้ากับทรงธรรม

“หนูเอาของไปเก็บก่อนนะคะ ซื้อของมาซะเยอะเลยค่ะ คลายเครียด” แจ็คลีนบอกแม่ ก่อนจะออกไปจากห้อง “เบนคะ ฝากเอาของให้ทุกคนด้วยนะคะ แล้วก็ส่งของไปให้อิซซี่ด้วยค่ะ”

ทรงธรรมนั่งลงให้ห้อง ท่าทางแปลกๆ ของเขาทำให้พายวางงานลง แล้วเงยหน้ามองเจ้าหนุ่มที่มาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ลูกสาวเธอ

“มีอะไรก็พูดมาสิ” พายถามขึ้น หลังจากวางงานลง

ทรงธรรมรวบรวมความกล้า ก่อนหยิบกล่องใส่แหวนออกมาวางตรงหน้าพาย

“จะขอฉันแต่งงานหรือไง บอกไว้ก่อนนะ ฉันแต่งงานแล้ว ฮ่าๆ” พายพูดติดตลกและหัวเราะร่วน แบบที่ใครก็เดาไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่

“เปล่าครับ คือผมอยากขอหมั้นกับลูกสาวคุณ” ทรงธรรมต้องทำหน้าแปลกใจ เพราะแม่เธอหัวเราะเสียงดังลั่นกว่าเดิม

“ฮ่าๆๆ” พายยังคงหัวเราะ และรู้ว่าเขาจริงจัง แต่ก็อดขำไม่ได้ เพราะรู้ว่าลูกสาวคิดยังไงกับเรื่องนี้ ก่อนตั้งสติได้ “รักแจ็คเหรอ”

“ครับ” ทรงธรมยอมรับ

“แจ็ครักคุณหรือเปล่า” พายถาม เพราะรู้ว่าลูกสาวเธอยังไม่รักเขาแน่ และถ้ารัก รับรองได้เลยว่าอะไรก็หยุดลูกสาวเธอไม่อยู่ เธอกับสามีเป็นข้อยืนยันที่ดีอยู่แล้ว

“ยังครับ” ทรงธรรมคาดเดาตามที่คิด

“แล้วคิดว่าแจ็คจะยอมหมั้นกับคุณเหรอ หรือคิดว่าฉันจะบังคับให้ลูกหมั้นกับคุณเหรอ” พายย้อนถาม และส่ายหน้าช้าๆ

“ไม่ทั้งสองอย่าง ผมจะขออนุญาตถามเธอครับ ต่อให้เธอปฏิเสธ แต่ผมก็อยากให้เธอรู้ว่าผมจริงจังกับเธอ” ทรงธรรมพูดกับพายด้วยท่าทีสงบ

“เข้าใจหรือยังว่าทำไมฉันถึงหัวเราะ แต่เอาเถอะ ต่อให้คุณเป็นผู้ชายท่าทางฉลาด แต่ทำอะไรที่โง่ที่สุดก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย พูดกับแจ็คเอาเองก็แล้ว ลูกได้ยินที่เขาพูดแล้วใช่ไหม” พายถามลูกสาวที่ยืนอยู่นอกห้องได้สักพัก แต่ไม่เข้ามา เพราะได้ยินที่เขาเริ่มพูดกับแม่เธอ

“ค่ะ” แจ็คลีนออกมาแสดงตัว

“อาหารเย็นตอนเจ็ดโมงนะ แม่ว่าจะลงไปแก้งานสักหน่อย” พายบอกลูกสาว ก่อนจะถืองานออกไปจากห้อง

เธอปล่อยให้ลูกสาวแก้ปัญหาเอาเอง เพราะนี่เป็นปัญหาของลูก เธอไม่คิดตัดสินใจแทนลูกมานานมากแล้ว มีแต่กาเบรียลที่ทำหน้าที่พ่ออยู่ตลอดเวลา แต่ก็เป็นพ่อที่ห่วงใย

****************************************
มาแง้ว...
สวัสดีค่ะ
วันนี้วันเกิดแม่ของ Bz ด้วยค่ะ อิอิ ก็เลยวุ่นๆ นิดหน่อย
แล้วพ่อก็ขอให้ช่วยทำอะไรจนเกือบหมดวัน โฮะๆๆๆ
แต่ยังไงก็ต้องมาโพสต์จนได้ค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามนิยายมาตลอดนะคะ

sirinda
คุณ ร้อยวจี --- พายถนัดจัดไป อิอิ
คุณ sai --- มาแก้เหงาแล้วค่ะ
คุณ anOO --- ลุง 33แล้วค่า อิอิ
คุณ ตุ๊งแช่ --- >,< ก็ไม่ต้องเลิกจนกว่าจะจบเรื่องจิคะ
คุณ XaWarZd --- เวลาผ่านไปง่ายดายจริงๆ อิอิ
คุณ kaeka --- 555+เฮียพายมาเรื่อยๆ ก็ลูกสาวนินา เป็นห่วงสาวๆ เอ๊ย ลูกสาว อิอิ

jj-book
คุณ นอนดูดาว --- 555+ คงไม่ค่อยมีเวลาเล่นเกมออนไลน์เหมือน... >,<

bloggang
คุณ Velanla --- ยังไม่มีค่ะ ส่งนิยายไปที่ สนพ ยังไม่คอยได้คำตอบที่แน่ชัด ถ้ามีแล้วจะแจ้งให้ทราบนะคะ



เพลิงวารี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ธ.ค. 2554, 20:31:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ธ.ค. 2554, 20:31:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 2068





<< ML009   ML011-ลบ >>
sai 30 ธ.ค. 2554, 21:05:26 น.
พออ่านจบแถวบ้านจุดพลุเลย ฮ่าๆๆๆ แค่อยากจะบอกว่าเราแอบดีใจที่ได้อ่านคร้าาาาา


ร้อยวจี 30 ธ.ค. 2554, 22:00:24 น.
แจ็คเข้าใจตัวเองได้ดีค่ะ พายสมกับเป็นผู้รอบรู้และเข้าใจคนได้ดี ลุ้นๆ ค่ะ สนุกมาก


konhin 30 ธ.ค. 2554, 23:57:21 น.
รุกแล้ววววว


Amata 31 ธ.ค. 2554, 02:24:20 น.
สวัสดีปีใหม่ค่ะ ทั้งไรเตอร์และผู้ชมทุกๆท่านเลยค่ะ


XaWarZd 31 ธ.ค. 2554, 02:51:37 น.
ผลจะเป็นไงเนี่ย อัพก่อนได้มั้ย อยากรู้ว่าแจ็คจะตอบว่าไง


oolong 31 ธ.ค. 2554, 03:10:23 น.
ชีวิตพระเอกน่าสงสารจังค่ะ พายเด็ดเหมือนเดิม


anOO 31 ธ.ค. 2554, 13:47:18 น.
ใจเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เลยต้องขอจองไว้ก่อนล่ะสิ


ตุ๊งแช่ 1 ม.ค. 2555, 10:18:11 น.
แจ็ค ก็ยังมีมุมหญิงๆๆ นะนี่


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account